Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เพิ่งกลับจากเวิร์ค เลยเอาประสบการณ์มาแชร์จ้า ติดต่อทีมงาน

แชร์ประสบการณ์เวิร์คแอนทราเวล ตั้งแต่เริ่มต้น จนถึงวันกลับ ^^By Petch

จริงๆคิดว่าจะนั่งเล่าประสบการนานแล้วแต่ยังหาเวลาไม่ได้ ตอนนี้กำลังนั่งเครื่องบินจากชิคาโกมาลงแอลเอ ไม่มีไรทำเลยติสแตก นั่งพิมพ์ ฮ่าๆๆๆๆๆ เริ่มตั้งแต่จุดประกายความคิดอยากมาเวิร์ค มีวันนึงนั่งเข้าเวบพันทิพย์ โต๊ะไกลบ้าน แล้วเห็นคนตั้งกระทู้ถามเกี่ยวกับมาเวิร์คเยอะมาก เลยกดเข้าไปดู เห็นบางคนมาแชร์ประสบการณ์ ดูแล้วน่าสนใจ และปกติชีวิตนอกจากเรียนกับช่วยครอบครัวทำงานแล้วกัไม่มีอะไรนอกจากนี้ให้ทำอีก ก็เลยอยากหาประสบการณ์ช่วงปิดเทอม อยากเก็บเงิน อยากเที่ยว อยากอิสระจากทางบ้าน หลังจากนั้นพออ่านๆๆไป มีกระทู้ขอคำแนะนำเกี่ยวกับว่า เอเจนซี่ไหนดี นู่นนี่ แล้วเจอคอมเม้นนึง มาเม้นว่า เคยไปกับเอเจนซี่หนึ่ง งานดี ราคาถูก ส่วนตัวชอบใจตรงคำว่าราคาถูกนี่แหละ เค้าทิ้งเมลไว้ เลยแอดไป พอแอดไปแล้ว เค้ารับเราก้ขอเบอร์ทันที โทรไปถามเค้าว่าเป็นยังไง ไปสนุกไหม ดีไหม คุยไปคุยมาเริ่มรู้สึกถูกคอ เลยคุยไปชั่วโมงกว่า นอกเรื่องบ้างไรบ้าง คือเค้าแนะนำว่า ถ้าบอกเอเจนซี่ว่าเป็นเพื่อนเค้า เอเจนซี่จะลดราคาให้ คือ 41000รวมวีซ่า เราก็สนใจมาก เพราะเคยนั่งเช็คดูแต่ละบริษัทแล้ว ราคาของบริษัทนี้ถือว่าโอเค จากนั้นเลยไปขอแม่ แม่ก็ให้ไป แต่ก็ยังไม่ได้ตกลงในทีเดียว แต่ก็พยายามพูดกะแม่เรื่อยๆ บ่อยๆ คือขอแม่ตั้งแต่ สิงหาคม 2010 ประมานเดือนตุลา ก็เข้าไปที่บริษัท บริษัทอยู่แถวๆสาทร ก็นัดเพื่อนคนที่แนะนำเรา ให้เค้าพาไป ตอนเลือกงาน มีงานเยอะมากๆ แต่เราไม่รู้เราชอบอะไร อยากทำงานอะไร พี่ที่บริษัทเชียร์ให้ไปทำงานนึง คืองานโรงแรมที่ฮาวาย แต่ค่าบ้านแพงอยู่ ประมาน 400เหรียญ เราก็ยังตกลงงานไม่ได้จนเรื่องเงียบไป เหมือนลืมไปแล้วว่าอยากมาเวิร์ค ประกอบกับ ตัวเองเรียนรามคำแหงซึ่งปีนี้ปิดเทอมช้า คือมีครั้งหนึ่งช่วงก่อนสอบเทอม 1 เสื้อแดงมาชุมนุมหน้ามหาลัย ทำให้ต้องเลื่อนสอบ ตั้งแต่เทอมหนึ่งจนถึงเทอมซัมเมอร์ พอสอบซัมเมอร์เสร็จแล้วมหาลัยก็ให้ลงทะเบียนเทอมหนึ่งแล้วเปิดเทอมเลย สรุปคือไม่มีปิดเทอมนั่นเอง เราสอบซัมเมอร์เสร็จประมานวันที่ 25 พ ค ก็คิดว่าคงไม่ได้ไปแล้วเพราะธรรมดา นักศึกษาภาคปกติ จะไปกันช่วง กุมภากลับพฤษภา กลัวจะขอวีซ่าไม่ผ่าน แต่จนแล้วจนรอด สงกรานต๋วันสุดท้าย ประมานตีหนึ่ง อกหัก ติสแตก เราลองบอกแม่ดูอีกที ว่า แม่ เพชรอยากไปเมกา แม่ก็บอกว่า ไปสิ เท่านั้นแหละ เช้ามาเราโทรไปที่บริษัทถามเค้าว่าเรายังไปได้อยู่มั้ย เค้าบอกว่ารอคำตอบหนึ่งวัน อีกวันเราโทรไป เค้าบอกว่า ไปได้ ให้รีบมาทำเรื่อง เพราะพี่เค้าจะบินไปเมกาเพื่อดูแลเด็ก รุ่งขึ้นอีกวันเราก็รีบเข้าไปที่บริษัทเลย เข้าไปแบบยังไม่มีเอกสารอะไรซักอย่าง คือเราคิดได้ก็รีบไปและเราเป็นคนสุดท้ายของบริษัทนี้ที่จะมาเวิร์ค งานก็ไม่มีให้เลือกแล้ว เลยต้องได้งานที่พี่เค้าจัดให้ คือ Black yard Burger ได้ชั่วโมงละ 7.25 เราว่ามันน้อยไป แต่ก็ตกลงไปก่อน เพราะพี่เค้าบอกว่า ไปถึงนู่นแล้วค่อยหางานใหม่ได้ วันต่อมาเราไปทำพาสปอร์ต ขั้นตอนค่อนข้างยุ่งยาก เพราะอายุยังไม่ถึงยี่สิบ ต้องเอาผู้ปกครองไปด้วย คือทำถึงสองครั้ง กว่าจะได้พาสปอร์ต เพราะเอกสารไม่ครบ หลังจากนั้นก็ไปมหาลัย เอาใบรับรองนักศีกษา กับทรานสคริปฉบับภาษาอังกฤษ เราใช้เวลาเตรียมเอกสารทั้งหมด ประมาณสิบกว่าวัน คือเรารอพาสปอร์ตมาส่งด้วย เพื่อจะแสกนส่งเมลไปให้เอเจนซี่จองคิวขอวีซ่าให้ ช่วงนั้นเราถ่ายรูปขอวีซ่า ไอรูปเห็นหูนี่เป็นปันหามาก คือไปถ่ายครั้งนึง รูปหาย อีกครั้งเห็นหูข้าง ไม่เห็นข้าง จนครั้งที่สาม ถึงจะโอเค พี่ที่บริษัทก็โทรมาตามรูปจากเราบ่อยมาก คือโทรจากเมกามาไทย ฮ่าๆๆ แอบลำบากชาวบ้าน พอเราส่งรูปไปเสร็จ เค้าก็จองคิว เราก็รอรับเอกสาร Ds-2019 เค้านัดเราสัมภาษณ์วีซ่าวันที่ 13 พ ค กว่าจะผ่านขั้นตอนเตรียมเอกสารก็วุ่นวายพอแล้ว ตอนขอวีซ่ายังวุ่นวายกว่า
วันที่ 13 พ ค มาถึง เราออกจากบ้านตีห้าครึ่ง ถึงหน้าสถานทูตก่อนหกโมง เค้านัดสัมภาษณ์ตอนเก้าโมงครึ่ง โอ้แม่เจ้า วันนั้นเราไป ก็เจอเพื่อนที่จะไปด้วยกันบ้านเดียวกัน งานเดียวกันอีก 2 คน ชื่อยุ้ย กับ บิ๊ก ตอนที่ด่านแรกสัมภาษณ์ เป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นมาก คือมีเจ้าหน้าที่คนไทยจะคอยตรวจเอกสารก่อนส่งไปสัมภาษณ์ขั้นสุดท้าย เค้าถามเราว่าเรียนที่ไหน เราบอกว่าเรียนราม เค้าถามว่า นานาชาติใช่ไหม เราตอบว่า ภาคปกติ เค้าก็เงียบไปพักนึง เค้าถามปิดเทอมเมื่อไหร่ เราเลยนั่งอธิบายให้เค้าฟัง เรื่องเสื้อแดงมาปิดหน้ามอ เลยทำให้เลื่อนสอบ เค้ามองหน้าเราแบบ หรอ จริงหรอ แล้วเค้าก็เขียนใส่กระดาษลงไป เหตุผลที่เราไปเวิร์คช้า จนมาถึงคำถามพ่อแม่ทำงานอะไร ขอดูเอกสารการทำงาน ปกติเค้าจะไม่ขอดู แต่เราไม่ได้กรอกลงไป เค้าเลยถาม จนสุดท้าย เค้าดูใบ DS-2019 ของเรา ในใบนั้น มันเขียนว่ากลับกันยา คือเราเป็นคนบอกบริษัทเองว่าอยากกลับกันยา เค้าก็จัดให้ สรุปคือ มันนานไป ต้องเอาเอกสารไปแก้ แต่เค้าให้ไปสัมภาษณ์ขั้นสุดท้ายก่อน แล้วค่อยเอาเอกสารมาให้ เราเคยได้ยินมาว่า มีคนสัมภาษณ์ เป็นผู้หญิงคนนึงโหดมาก ให้ผ่านยาก ตอนเรารอคิวก็ได้แต่ภาวนาว่าอย่าเป็นคนนั้นเลย ซึ่งตอนเราดูเค้าถาม เค้าถามเยอะจริงไรจริง พอถึงคิวเรา เราได้สัมภาษณ์กับฝรั่งหัวล้านคนนึงดูท่าทางใจดี เค้าเริ่มถามเราว่า เรียนที่ไหน เรียนอะไร จะไปเมืองไหน ทำงานอะไร พอเราตอบว่า ร้านเบอเกอร์ เค้าถามเราว่า ชอบกินเบอร์เกอร์มั้ย แม่ทำงานอะไร แล้วเค้าบอกว่า โอเค แต่ให้ไปแก้ใบ ds มา เราเลยถามว่า โอเคคืออะไร ผ่านวีซ่าใช่มั้ย เค้าตอบว่า yes, Have fun เราแทบจะกรี๊ดเลย ดีใจมาก วันนั้นเราเลยส่งเมลไปบอกพี่ที่บริษัทที่อยู่เมกาว่าให้ทำเอกสารให้ใหม่ มันผิด แล้วเราก็จ่ายค่าตั่วเครื่องบินวันนั้นเลย วันบินคือ 28 พ ค แตเรารอเอกสารกว่าจะถึงก็หลายวันมาก จากวันที่ 13 เรารอจนถึงวันที่ 24 พอได้เอกสาร เราก็กลับไปที่สถานทูตอีกครั้ง เค้าก็สัมภาษเราใหม่ คือเราขี้เกียจอธิบายว่า เสื้อแดงมาปิดมอ เราเลยบอกเค้าไปว่า เราผ่านสัมภาษณ์แล้ว เค้าก็เลยเก็บเอกสารเรา เราถามว่ากี่วันได้วีซ่า เค้าบอกว่า 2-3 วัน เรากลัวจะได้วีซ่าไม่ทัน เพราะเราบิน 28แล้ว เพื่อนเราที่ชื่อยุ้ย เราบีบีไปถามทุกวันว่าได้วีซ่ารึยัง เค้ารอประมาน 7 วัน กว่าจะได้ แต่มันก็ยังเหลือเวลาอยู่ดี ส่วนเรา มันกระชั้นชิดเกิน finally เราได้วีซ่าวันที่ 27 บิน 28 เก๋จัด
วันบิน เราบินพร้อมกับบิ๊กและยุ้ย มีเพื่อนมาส่งประมาน 7 คน ซึ้งใจมาก รวมถึงมาส่งในเฟสบุ๊คอีกมากมาย ประมานว่าไปสะที (- +)เราบินตีหนึ่งกว่า เกือบตีสอง ไปพักเครื่องที่จีน ที่จีนเค้าไม่พูดภาษาอังกฤษเลย จีนล้วนๆ บนเครื่องก็ไม่พูดอังกฤษ มีแต่คำบรรยายจีน พอมีคำบรรยายอังกฤษ แอร์โฮสเตสก็ปิดไป แอร์บนเครื่องก็ไม่ยิ้มเลย  เราหลับตลอดทาง กลัวเครื่องบินด้วย ตอนขึ้นกะลง เราเกาะยุ้ยไว้ เราสนิทกะคนง่ายมาก เราสนิทกะยุ้ยตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ที่สนามบินปู่ดงมีแต่แฟมิลี่มาร์ท ไม่มีของขายไรมากมาย ร้านอาหารมีหลายร้าน แต่เป็นร้านซ้ำๆกัน นั่งรอเครื่องต่อไปแอลเอประมาน หกชั่วโมง เราหลับที่สนามบินด้วย อนาถามาก เราไม่ค่อยปลิ้มกับที่จีนเท่าไหร่ เรารู้สึกว่า อะไรก็ของปลอมหมดเลย น้ำวิตามิน ก็เหมือนน้ำใส่สีเฉยๆ มาม่า ก็ดูจะปลอมๆ หรือเราคิดไปเอง แต่คือเราไม่ชอบนั่นแหละ เวลาซื้อมาม่า ตู้น้ำร้อนจะไม่อยู่ในร้าน แต่จะอยู่ตรงหน้าห้องน้ำ เรากดไม่เป็น ภาษาอังกฤษก็ไม่มี ทุกอย่างคือจีนหมด เราเลยให้แม่บ้านมากดให้ แม่บ้านก็พูดจีนอีก เห้อ เพลียใจ สรุปคือ ภาษาที่เป็นสากล ไม่ใช่ภาษาอังกฤษ แต่เป็นภาษามือ เราก็ต่อเครื่องมาแอลเอ บนเครื่องจีน สจ็วตหล่อมาก แต่เป็นเกย์ อันนี้ไม่ใข่ประเด็น แต่อยากเล่า แอร์ก็สวยดี แต่ไม่ยิ้มเลย ไม่รู้ที่จีนนี่เค้าห้ามยิ้มรึเปล่า อาหารบนเครื่องห่วย แตก ไข่ปลอม เส้นปลอม (แอบอคติ) เรากินไปสองมื่อแบบจำใจ พอถึงแอลเอ ก็ยังต้องรอเครื่องต่อไปถึงปานามาอีกสองต่อ ขอเล่าข้ามมาถึงเรื่องทำงานเลยละกัน
เราบินไปถึงที่ปานามาซิตี้บีชวันที่ 29 ของอเมริกา คือช้ากว่าเราหนึ่งวัน แล้วเราก็หางานใหม่ในวันรุ่งขึ้น แต่มันคือวัน Big memorie day เมเนเจ้อแต่ละที่จะไม่ค่อยอยู่ จนวันที่ 31 พี่ที่บริษัทพาเราไปสมัครงานร้านขายของชายหาด เค้ารับเรา แล้วเริ่มทำงานเลย ลักษณะงานคือ ให้เราพับเสื้อที่ลูกค้ารื้อๆกันให้เรียบร้อย แค่นั้น แต่วันแรกที่ไปทำ เมเนเจ้อชื่อเอเลน่าบอกว่า Don’t talk only work that’s why you’re here and after work go back home. โหดมากๆ ยุ้ยได้ทำเป็นแคชเชียร์ และบิ๊กก็ทำงานทั่วไป ขอบอกว่าเรายืนทั้งวันเมื่อยมากๆ ขาแอบบวมนิดหน่อย เมเนเจ้อคนนี้จะสั่งงานเราตลอดเวลา คือหยุดไม่ได้ มีเวลาพักต่อวันแค่สิบห้านาที พักได้ทีละคน เราทำวันแรกคาบกะเช้ากะบ่าย ตอนบ่ายเปลี่ยนเมเนเจ้อ ไม่ค่อยสั่งงานเท่าไหร่ ทุกอย่างชิวหมด ตารางงานเราออก เราได้ทำตอนเช้าเพื่อนเราสองคนได้ทำตอนบ่ายหมด แล้วอีกวันคือเราหยุด ทำวันแรกแล้วหยุดงานเลย พอวันที่สามที่เราต้องไปทำงาน เมเนเจ้อที่ชื่อเอเลน่าเรียกเราไปทำแคชเชียร์ เราว่างานที่นี่มันหนักมาก ยืนทั้งวัน เราคิดว่าถ้าเราได้งานใหม่เราจะออก แล้วหลังจากวันนั้นก็เกิดปัญหากับเราและเพื่อนขึ้นมากมาย เพื่อนเราที่ชื่อยุ้ยคิดเงินผิด เมเนเจ้อเลยให้ไปพับเสื้อ แล้วสักพักก็โดนย้ายสาขา เหตุผลคือ เมเนเจ้ออีกคนไม่ชอบเพื่อนเรา ส่วนเรา ก็เคยคิดเงินผิด จ่ายคืนที หน้าชาเลย ฮ่าๆๆ ^0^ เพื่อนเราที่ชื่อบิ๊ก ก็จำวัน เวลาทำงานผิด ขาดบ้าง สายบ้าง พอไปอีกวัน ก็ไม่มีชื่อตัวเองอยู่ในตารางแล้ว เราทำงาน บางวันเราได้พับเสื้อ บางวันก็ทำห้องลอง บางวันทำแคชเชียร์ คือเรียกได้ว่าทำทุกอย่างในร้าน แล้วพอทำได้ประมานเกือบเดือน เค้าก็ให้เราทำทุกอย่างในหนึ่งวัน เรียกได้ว่าเด็กไทย ถึกที่สุด เพื่อนร่วมงานเราเป็นคนจีน คาซัคสถาน รัสเซีย ยูเครน เราอยู่จนเราพูดรัสเซียกะจีนได้ พักหลังๆของการทำงาน ทุกอย่างก็ราบรื่นดี เราสนิทกะเมเนเจ้อที่ชอบสั่งงานเรา คือเค้าสั่งงานเรา ทำให้เราได้คุยกัน แต่ส่วนอีกคน ไม่ค่อยสั่งงาน ไม่ค่อยพูด บางครั้งก็เหวี่ยงๆเรา แต่สุดท้าย ก็คุยกันดี ตามจริงที่นี่ทำงานได้เงินน้อยมากคือชั่วโมงละ 7.50 แต่ทำที่นี่แล้วสบายใจสุด จากที่บ่นเมื่อย ตอนนี้คือไม่มีอีกต่อไป งานสบาย เวลาไปก็เหมือนทำงานอยู่กับครอบครัว คือเราชอบแอบคุยกับเพื่อนร่วมงาน พอเราทำแคชเชียร์ ก็คุยกะคนที่ทำแคชเชียร์ เดินไปพับเสื้อก็คุยกับคนพับเสื้อ คือเรียกได้ว่าเราข่างเม้าท์อ่ะ คุยกับทุกคน งานนี้เป็นงานที่เราพูดตอนแรกว่า ถ้าได้งานอื่นนะ เราจะลาออก แต่มันเป็นงานที่เราทำได้ตั้งแต่วันไปและวันกลับ ปีหน้า เราขอเค้ามาทำ เราพูดว่า I hope you hire me กับเมเนเจ้อที่ไม่ค่อยพูด เค้าบอกเราว่า sure เรากรี๊ดมาก อ่อ ลืมเล่า ก่อนวันสุดท้ายของการทำงาน บอสใหญ่ของร้าน เรียกเราเข้าไปคุยในออฟฟิส เราสร้างปัญหาใหญ่กว่าการทำงานหาย แต่เราทำสต๊อกหาย (- - !!) คือเวลาทำแคชเชียร์ ตอนลูกค้าจะซื้อ แล้วเกิดเปลี่ยนใจไม่ซื้อ ถ้าเราต้องการลบรายการนั้น ให้เราเรียกเมเนเจ้อมาลบ เราเรียกบ้างไม่เรียกบ้าง คือ ตอนที่เราไม่เรียก เราจะใส่เลข 0 ไปที่จำนวนของ จำนวนเงินมันจะไม่ขึ้น คือเราก็คิดว่าทำแบบนั้นแล้วจะไม่เป็นไร ตอนนั้นที่บอสใหญ่เรียกไป เค้าถามเราว่า ใครสอนให้ทำ เราบอกว่า ไม่มี เค้าถามต่อว่า อะไรสั่งให้เราทำ เราตอบว่า ไม่มี เค้าถามอีกว่า ทำทำไม เออ เรากดดันมาก เราไม่ตอบอะไรมากมาย เค้าจ้องหน้าเรา เรากลัวมากจนเราร้องไห้อ่ะ เค้าก็เลยชมเราสองคำ ที่เหลือบ่นหมด เค้าบอกว่า เมเนเจ้อชม ว่าเราทำงานดี แต่…..หลังจากคำว่าแต่นี้มีอะไรตามมามากมาย เค้าบอกว่า ทำงานดี ควรจะทำให้ดีทุกวัน ไม่ใช่ทำดีวันเว้นวัน ดีต้องดีตลอด แล้วก็บอกให้เราออกไปทำงานต่อ ใจเราคิดว่าเราต้องโดนไล่ออกแล้ว เพราะที่นี่โดนไล่ออกง่ายมาก แต่เปล่า เค้าให้เราเป็นแคชเชียร์ต่อไป เราทำงานที่นี่เค้าสอนเราพูดภาษาอังกฤษ คนที่จะทำแคชเชียร์ได้คือคนที่ต้องเก่งภาษา เราบอกเมเนเจ้อเราว่า I can’t speak English. I don’t understand English. แต่เมเนเจ้อบอกเราว่า You don’t need to understand but you need to do it. (- - “) ถึงกับเพลีย เราทำงานตั้งแต่พูดไม่ค่อยได้ นับเหรียญก็ไม่เป็น จนตอนนี้เราสามารถเถียงกับลูกค้าได้ แล้วนับเงินโดยไม่มองบนจอได้ ฮ่าๆ เราคิดว่าปัญหาจากการทำงานทุกอย่าง มันจะเกิดขึ้นที่ตัวเรามากกว่า บางคนถามเราว่า งานดีมั้ย หนักมั้ย เจ้านายดีมั้ย ทุกอย่างมันอยู่ที่เราทั้งหมด คือ ถ้าเราทำตัวดี ทำงานดี เจ้านายหรือใครก็จะว่าเราไม่ได้ ส่วนตัวเรา เราไปทำงาน ขาดบ้าง สายบ้าง ขี้เกียจบ้าง เราก็โดนบ่น แต่ยังไม่ถึงขั้นไล่ออก คือมันอยู่ที่การวางตัว ทุกอย่างที่นี่มีอลุ่มอล่วย เมเนเจ้อพูดกับเราว่า Do you know how much I like you? หลังจากพูดจบ เราทำห่วงยางที่ร้านแตก เค้าก็บ่นเราเหมือนเดิม แต่ตอนใกล้ๆจะกลับ เค้าพูดว่า I like you even you’re weird. 55555555 จะดีใจหรือเสียใจดี ถ้าถามว่างานหนักมั้ย สำหรับแต่ละคน เราว่ามันต่างกัน แล้วดีมั้ย มันก็ขึ้นอยู่ว่าเราชอบงานนั้นๆมั้ย มาพูดถึงงานที่สอง ตอนที่เราทำงานร้านขายของชายหาด พี่ที่บริษัทหางานให้เราอีกงานนึง คือร้าน Subway เราทำวันนึงสองงาน แต่ที่ซับเว เค้าจะให้ชั่วโมงเราน้อย วันนึงสามชั่วโมง วันนึงห้าชั่วโมง แล้วแต่ตารางงานแล้วแต่วันว่างของเรา วันแรกที่ไปทำ เค้าให้เรา จัดผักใส่แซนวิข ตามที่ลูกค้าสั่ง บอกตรงๆ มันฟังยากมาก ลูกค้าหงุดหงิดกับเราหลายครั้ง ทำวันแรกเราถึงกับท้อเลย ไม่อยากทำอีก แต่ทำไปนานๆ ก็เริ่มชิน ฟังออก ตัดแซนวิชเองได้ คิดเงินเองได้ แต่เวลาทำงานทื่นี่ ทุกคนต้องทำทุกอย่าง ตั้งแต่ เตรียมขนมปัง หั่นผัก ล้างจาน ล้างห้องน้ำ เราทำได้สองอาทิตย์เราก็ลาออกไป เพราะเราได้งานใหม่ แต่ก็มีปัญหาเกิดขึ้นอีก ทุกคนที่มาเวิร์คแอนด์ทราเวล แล้วอยากได้งานสอง คือต้องไปทำ social security card มันคล้ายๆกับบัตรประชาชนบ้านเรา มีใบนี้ก็สามารถทำธุรกรรมได้ทุกอย่าง สมัครงานที่ไหนก็ได้ เราทำบัตรโซเชียล แล้วเราก็ไปหางานอื่น เราได้งาน แต่เรายังไม่ได้บัตรโซเชียล เค้ารับ แต่เรายังไปทำไม่ได้ เราไม่มีงานสองเกือบสามอาทิตย์ เพื่อนเราใช้เวลารอโซเชียลไม่ถึงอาทิตย์ ก็ได้ แต่เรารอประมานหนึ่งเดือน เค้าบอกเราว่า นามสกุลยาวไป มีปัญหา เออ เราอย่างงง พอโซเชียลเรามาถึง เราโทรไปถามงานที่เค้ารับเรา ว่าเรายังทำได้อยู่มั้ย เค้าบอกว่าได้ เราไปส่งเอกสาร แล้วอีกวันก็ไปทำงานเลย ที่นี่เป็นร้านขายของชายหาดเหมือนกัน งานลักษณะเดียวกัน ให้เราคอยพับๆเสื้อที่ลูกค้าริ้อ วันแรกเราโดนบ่นประมานว่า ทำช้าแบบนี้ก็กลับบ้านไป แรงมาก นั่นแหละ เราก็ทำช้าเองจริงๆ ร้านนี้กับร้านแรกมันต่างกัน ร้านแรกเล็กกว่า ชิวกว่า พับช้าก็ได้ เด็กจีนที่ทำงานอยู่เลยพับช้าหมด ทำไรช้าๆๆ แต่ร้านนี้ ร้านใหญ่ มีกล้องวงจรปิด ทำไรต้องเร่งๆๆๆ ไปหมด แต่พอทำนาน เรื่มรู้งาน เราก็ไปเช็ดพวกชั้นวางของที่ระลีก ก็ไม่ต้องเร่งมาก เพราะต้องระวังมันแตก ช่วงนั้นคือเราทำสองงาน แล้วเราได้งานที่ร้านอาหารไทยอีก เท่ากับเราทำสามงาน
เรื่องที่อยู่ เราอยู่บ้านเดียวกับเอเจนซี่ ที่นี่เค้าดูแลค่อนข้างดี อยู่กันเป็นครอบครัว เจ้าของบ้านนี้เป็นคนเวียดนาม แต่อยู่ที่นี่มานานแล้ว มีไรเค้าจะคอยแนะนำ แล้วที่ดีอีกอย่างคือบ้านนี้มีรถ เวลาอยากไปไหน ก็จ่ายค่าแก๊สให้เค้าไปส่งเราได้ เรื่องบ้านไม่ค่อยมีปัญหา แต่ที่จะเจอๆ คือ อยู่บ้านแล้ว ของกินหาย ทะเลาะกับเพื่อนในบ้าน เรากับบิ๊กจะทะเลาะกันบ่อยๆ เพราะของกินเราหายบ่อย แต่สุดท้ายก็ดีกันทุกครั้ง บิ๊กก็เป็นคนไปส่งเรากลับที่สนามบิน และเอาเช็คที่เราจะได้หลังจากที่เรากลับมาแล้วไปเข้าบัญชีให้ ซึ้งใจจัด (T^T) ช่วงเวลาที่เราอยู่บ้านเราจะติดโทรศัพท์(ไอโฟน)มากๆ คุยกับครอบครัวที่ไทยผ่านสไกป์ตลอด จนมาวันนึงโทรศัพท์เราตกน้ำ คือตกลงไปในชักโครก เราหยิบขึ้นมา มันรวนๆ แต่ยังใช้ได้อยู่ แต่หลังจากนั้นห้าวัน เครื่องก็ดับ แล้วก็พังมาจนถึงวันนี้ ตอนนั้นเรามืดแปดด้านมาก เราติดโทรศัพท์จนไม่มีโทรศัพท์ไม่ได้ เราส่งเมลไปบอกแม่เรา แม่เรากังวลมาก เลยส่งเงินมาให้ แต่ไอโฟนที่นี่ขายแบบติดสัญญาสองปี แล้วถ้าไม่ติดสัญญาก็ราคาเท่ากับที่ไทย เราเลยไปซื้อโน้ตบุ๊กมา ถ้าถามว่า อยู่นี่ของแพงมั้ย เราจะเปรียบเทียบให้ดูคือ ที่ไทย ค่าแรงขั้นต่ำ 300 ข้าวมื้อนึง 60 นับดูว่ากินกี่มื้อ ของใช้ส่วนตัวแชมพู ขวดละ 200 แต่มาที่นี่ ถ้าทำงานเดียวจะได้ขั้นต่ำวันละ 56 เหรียญ อาหารมื้อนึง 6 เหรืยญ แชมพูขวดนึง 2-4 เหรียญ ถ้าเป็นคนเก็บเงินเก่งๆก็เหลือเงินเยอะแยะ เวลาเลิกงานเราทำงานกะดึก เลิกเที่ยงคืน เรากับยุ้ยเป็นคนชอบปาร์ตี้ ที่บ้านเลยจัดปาร์ตี้บ่อย เจ้าของบ้านใจดีมากชวนเพื่อนๆมาร่วมปาร์ตี้กับเรา ทำให้เรามีเพื่อนเป็นอเมริกัน ตอนงานปาร์ตี้วันกลับ มีคนมางานปาร์ตี้ของเราประมาน 30 กว่าคน ยี่สิบคน รู้ว่ามาทำไม แต่ที่เหลือ มากินฟรี ฮ่าๆๆๆ ทั้งหมดที่เล่ามาก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งของความสนุกที่นี่ เรื่องเศร้าและน้ำตาก็มีอีก ถ้าใครอยากถาม อยากปรึกษาอะไร แอดเฟสเราอีเมลเรามาได้เลย เรายินดีตอบ เพราะก่อนเราจะมา เราก็มีคำถามในหัวมากมาย เอเจนซี่ไหนดี ดีมั้ย หลอกมั้ย งานดีมั้ย จะพอกินมั้ย บลาๆๆๆๆๆๆ ปีนี้เราก็จะมาเมกาอีก ไปละ เหนื่อยจัด ขอบคุนทุกคนที่เสียเวลาอ่าน หวังว่าจะช่วยในการตัดสินใจไรบ้างไม่มากก็น้อยจ้า

จากคุณ : Petch
เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 54 11:01:30 A:14.207.153.105 X: TicketID:250984




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com