ความคิดเห็นที่ 1 เราเคยมีแฟนเป็นฝรั่งคะ อยู่ condo เดียวกัน อยู่ชั้นเดียวแต่คนละปีก เราชอบไปว่ายน้ำทุกๆ เช้า ก็จะเจอคนนี้ทุกๆ เช้าเหมือนกัน ก็เซย์ฮัลโหลทุกวัน ก็คุยกันอะคะ เค้าถามเราเรียนที่ไหน เราก็บอกไป เค้าบอกว่า เค้าจบที่ที่เราเรียนเหมือนกัน ส่วนใหญ่ก็คุยกันเรื่องโรงเรียน มีอยู่วันหนึ่ง เค้ามาถามเราว่าสุดสัปดาห์นี้จะไปไหน เราบอกจะไปขี่ Mountain Bike ที่บนเขาใกล้โรงเรียนเราเค้าก็บอกว่าขอตามไปด้วยได้ไหม ทีแรกเราก็ งงๆ เราก็เลยไม่แน่ใจ เลยชวนเพื่อนคนไทยอีกคนที่สนิทกันไปเป็นกันชน ตอนหลังๆ ก็ยังเจอกันอีก ก็มาถามเราอีก สุดสัปดาห์นี้ไปไหน เราก็บอก ไปขี่จักรยาน เค้าก็ว่า ขอไปด้วยนะ เค้าไม่มีเพื่อน เราก็บอก ได้ซิ  คราวนี้บอกว่า ไม่ต้องเอาเพื่อนมาแล้วนะ ก็โอ เค นะ ก็สุภาพบุรุษดี ตกเย็นชวนไปกินข้าวกัน คบกันได้พักหนึ่งอะคะ แฟนคนปัจจุบันที่แต่่งงานด้วย เกิดสงสัย โทรมาจากเมืองไทย เราไม่เคยอยู่บ้านเลย ฝากข้อความก็ไม่โทรกลับ สุดท้ายเค้าเลยบิตมาตามกลับบ้าน อิ อิ อิ เกือบไปละ :) สุดท้ายเลยไม่รู้ ใครจีบใคร เคยปรึกษากับเพื่อนที่มาเป็นกันชนอยู่เหมือนกันว่าจะเลือกใครดี พอแล้วดีกว่า ถ้าจะให้เล่าเดี๋ยวจะยาวเกิน จากคุณ : jasdorn เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 54 20:07:33

ความคิดเห็นที่ 2 เมื่อถามมาก็จะบอก เขาให้ความสนิทสนมผมก่อน ผมก็อยู่ของผม แบบเจียมเนื้อเจียมตัวและขี้อาย ตามประสาชายหนุ่มไทยทั่วไปแหละครับ เรียกว่าตั้งรับ ไม่ค่อยจะท้นกันทีเดียว ปล. ไม่ได้คิดว่า เป็นสิ่งที่น่าภูมิใจอะไร แก้ไขเมื่อ 22 ส.ค. 54 11:41:48 จากคุณ : newcomer (gpvtu2009) เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 54 20:43:39

ความคิดเห็นที่ 3 ถามใคร ?????????? 1.ถามผู้ชายไทย....... หรือ 2. ถามผู้หญิงไทย......หรือ 3. ถามกระเทย  ตุ๊ดไทย.......หรือ 4. ถามทอมไทย..................................... คำตอบไม่เหมือนกันนะ รออ่านอยู่ จากคุณ : Detente เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 54 20:43:52

ความคิดเห็นที่ 4 เค้าฝากจดหมายมากับเพื่อนร่วมงานเรา ว่าอยากรู้จัก คุยได้ซักพักก็ขอเป็นแฟน ปัจจุบันแต่งงานแล้วค่ะ สิ่งที่มั่นใจว่าเค้าคือคนที่ใช่ คือเค้ายอมรับในสิ่งที่เราเป็น ยอมรับข้อเสียที่เรามี ให้เกียรติซึ่งกันและกัน และเราก็ยอมรับได้ในสิ่งที่เค้าเป็นค่ะ และรายละเอียดปลีกย่อยอีกมากมาย :) จากคุณ : LilleSommerfugl เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 54 20:47:47

ความคิดเห็นที่ 5 คห.1 แอบเศร้าไปไหมนี่ 555 คห.2 สาวฝรั่งคนนี้ชอบหนุ่มขี้อายหรือครับ ตั้งรับไม่ทันแล้วเกิดอะไรขึ้นต่อหรอครับ คห.3 ถามหมดเลยก็ได้ครับ ชาย,หญิง,เกย์และเลสเบี้ยน จัดเต็มครับ คห.4 ขอบคุณที่มาเล่าให้ฟังครับ จากคุณ : Keichun เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 54 21:08:31

ความคิดเห็นที่ 6 คุณ จขกท คะ ทุกวันนี้สุขสบายดีคะ เป็นแม่ของลูก 2 คน ครอบครัวรักกันดีคะ แฟนเป็นเจ้าของกิจการที่มีสินค้าขายตามห้างดอกบัว แม็คโคร บิ๊กซี ท๊อปส์ (ไม่บอกยี่ห้อนะคะ คุณอาจเคยใช้ก็ได้คะ 55555) เดี๋ยวจะผิดกฏของพันทิปว่ามาโฆษณา  ตัวเราไม่ต้องทำงานคะ มีตังค์ใช้ไม่ขาดมือ แต่มีแอบคิดเล็กๆ ว่า ณ เวลานั้นถ้าเราเลือกอีกคน ชีวิตเราจะเป็นอย่างไรเน้อ มีแอบคิดอยู่อะคะ :-) จากคุณ : jasdorn เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 54 21:22:22

ความคิดเห็นที่ 7 ผู้ชาย (ฝรั่ง) เป็นคนมาจีบก่อนค่ะ (จริงๆไม่เคยจีบผู้ชายก่อนเลย ทั้งไทย และ เทศ หยิ่งค่ะ ถึงจะเคยมีแบบแอบชอบก็ตาม) แฟน ต่างชาติคนแรก เจอที่เมืองไทย ประมาณขึ้นรถเมล์ตาม เดินตาม และ แกล้งมาถามทาง... แฟน ต่างชาติคนปัจจุบัน เจอที่ ตปท เป็นเพื่อนของเพื่อน แกล้งมาชวนไปเที่ยวเป็นกลุ่มๆ เพื่อจะได้เจอเรา เพราะ ถ้าชวนเราตรงๆ ไปสองคน ไม่ไปแน่นอน.. ทำไมถึงยอมรับเป็นแฟน เพราะความพยายามค่ะ ที่แสดงว่าจริงใจ ไม่ จิงโ่จ้! ปล ก้อสามารถเล่าสู่กันฟังได้ในขอบของความพอดี เคยมีคนญี่ปุ่นมาจีบด้วย (เคป็อปมากมาย555)  รอคิวจะซั้อตั๋วรถ BTS แกล้งมาถามว่าทำยังไงซื้อไม่เป็น เราก็บอกไป แล้วก็ถามว่า ไปเจเจ ยังไง ก็บอกไป ...สุดท้ายบอกว่าจริงๆรู้ทั้งหมด แต่อยากรู้ เบอร์โทรเรามากกว่า 55555 (ตอนนั้นเพื่อนสาวแอบค้อนใส่่เรา อิอิอิ) ป ลิง2 ป่าวสวยใสไร้สติอะไร แต่มันเจอแต่แบบนี้จริงๆค่ะ จากคุณ : la vie c'est pas facile.. (audray) เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 54 21:31:18

ความคิดเห็นที่ 8 เค้า (ฝรั่ง, เพศชาย) เข้ามาจีบค่ะ เอ้ยยเขิล @___@' ที่ผ่านจะเข้ามาชวนคุยบ้าง ถามเวลาบ้าง ถามทางบ้าง (ฝรั่งถามทางคนเอเชียในนิวยอร์ก?? ตลกละ) คุยนู่นนี่ไปเรื่อยๆ ไอ้เราก็โง่ไง เค้าถามเราตอบ นึกว่าเค้าไม่รู้จริงๆ คุยไปคุยมา ขอเบอร์ซะงั้น อ่าววว ตกลงพี่จีบหนูเหรอเนี่ย!?!?!? เราคิดว่าเราโชคดีนะ เจอพวกที่เข้ามาเค้านิสัยดี ไม่เป็นอันตราย ทดลองคบ ลองเดทด้วย สุดท้ายแล้วเราก็บอกเค้าเรามาเป็นเพื่อนกันดีกว่านะ ทุกวันนี้ยังเป็นเพื่อนกับทุกคน ^___^ จากคุณ : monkodi เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 54 21:33:11

ความคิดเห็นที่ 9 มีแฟนฝรั่งอ่ะ แต่อยากเข้ามาอ่านเฉยๆ ฮ่าๆ อยากทราบว่า ถามไปทำไมอ่ะคะ จากคุณ : สไปเดอร์แมว เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 54 21:33:17

ความคิดเห็นที่ 10 ถามเอาพลอตไปแต่งนิยายขายมั้งครับ ฮ่าๆ : P คำถามธรรมดาๆอะครับ อยากรู้ก็ถาม ถามเพราะอยากรู้เฉยๆ แค่นั้นเองครับ ไม่ได้มีอะไรลึกซึ้งครับ จากคุณ : Keichun เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 54 21:41:21

ความคิดเห็นที่ 11 แฟนมาจีบเราก่อนค่ะ เค้าเห็นรูปเราแล้วเกิดชอบ เลยส่งอีเมล์มาหา และเราก็คุยกันเกือบๆปีได้ จากคุยธรรมดา  ก็กลายมาเป็นคุยแบบคนรู้จัก และเค้ามาเจอเราที่ไทย จากนั้นก็พัฒนากลายเป็นแฟน ตอนนี้ก็กลายเป็นพ่อกับแม่ของเจ้าตัวเล็กไปแล้วค่ะ . .. สรุปเค้าจีบเราแหละ  แต่เราก็มีใจให้ เราเลยจีบตอบ. จากคุณ : +- Au clAir de lA lune -+ เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 54 22:14:14

ความคิดเห็นที่ 12 ถ้าคุณ จขกท จะเอาไปเขียนหนังสือ ต้องเอาชีวิตรักของเพื่อนเราดีกว่าคะ พี่คนไทยคนนี้เรารู้จักตอนไปเรียนที่โน้นคะ ด้วยความที่บ้านเราที่โน้นอยู่ตรงข้ามฟู๊ดคอร์ทนานาชาติ เราก็ไปฝากท้องอยู่ที่โน้นบ่อยๆ กินไปกินมา จนสนิทกับเจ้าของร้านไทย เจ้าของร้านไทยคนนี้ก็มีเพื่อนฝรั่งที่ทำงานมาตั้งนานไม่มีแฟนซะที ก็แนะนำให้พี่คนนี้ พี่คนนี้บอกฝรั่งคนนี้ไปตรงๆ เลยว่าวีซ่าฉันจะหมดอายุอีก 3 เดือนข้างหน้านี้แล้ว เรามาแต่งงานกันเถอะ ฝรั่งตอบตกลงแบบไม่คิดเลยคะ เป็นที่ ฮา ในหมู่เพื่อนๆ มาก แล้ววันหนึ่งพี่นิสัยดีคนนี้ก็แนะนำให้เรารู้จัก ไอ้เราก็ไม่รู้จะถามอะไร ก็ถามว่า คุณทำงานอะไรเหรอ เค้าตอบมาว่า ผมทำงาน 3 ที่ งานที่ 1 ทำอยู่กับ บ. Lockheed martin (ทำพวกระเบิดนิวเคลียร์). เราก็ wow แล้วนะ ถามต่อ แล้วงานที่ 2 ละ เค้าบอกทำงานกับ นาซ่า เกี่ยวกับเอาตัวยานำไปทดลองบนอวกาศ อะไรทำนองนี้ เราก็ แม่เจ้า เจ๋งอะ แล้วงานที่ 3 ละ ถามต่อ เค้าบอกว่า งานนี้บอกรายละเอียดไม่ได้ ขนาดแฟนหรือภรรยาก็ห้ามบอก ไอ้เราก็อะนะ ไหนๆ ถามมาละ พยายามต่อ เพราะชวนให้สงสัย เค้าแค่เล่าว่า ถ้าให้ความสำคัญ FBI = 5 งานของเค้าสำคัญระดับ 9 เทียบเท่าระดับเดียวกับประธานาธิบดี เราก็ โห้ ถามอีก CIA อะเปล่า  เค้าไม่ตอบคะ พอเพื่อนเราแต่งงานกับฝรั่งคนนี้แล้ว เราก็ยังถามเพื่อนเราอยู่ เพื่อนเราบอก ป่านนี้ผ่านมาจะ 10 ปีแล้ว ยังไม่รู้เลย รู้แต่ว่า เจ้าตัวมี passports หลายเล่มเหลือเกิน บางประเทศเค้าเดินทางไปไม้ได้ เช่น พวกตะวันออกกลาง จีน ลาว อะไรทำนองนี้ กลัวโดนจับไปแล้วความลับจะรั่ว อีกเรื่องคะ เพื่อนๆ คนไทยที่พี่คนนี้รู้จักที่อเมริกา หลังแต่งงานแล้ว มีโทรศัพท์จาก FBI โทรมาสอบถามเกือบทุกคนเลย คิดว่าเรื่องนี้น่าจะเอาไปเขียนได้นะคะ :-) จากคุณ : jasdorn เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 54 22:18:28

ความคิดเห็นที่ 13 ลืมบอกไป เหมือนในหนัง true lie เลยอะคะ ไม่รู้ จขกท เคยดูหรือเปล่า ;-) จากคุณ : jasdorn เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 54 22:23:10

ความคิดเห็นที่ 14 ดิฉันจีบแฟนก่อนค่ะ ทักเค้าไปก่อน ชวนเค้าคุยก่อน ขอเบอร์เค้าก่อน เป็นคนถามก่อนว่าคิดกับดิฉันยังไง ดิฉันเป็นคนตรงๆ ชอบใครแล้วไม่อ้อมค้อมค่ะ แต่ก็รู้ว่าเค้าก็ชอบเราเหมือนกัน ;) รู้ว่าเค้าคือคนที่ใช่ เพราะ พื้นฐานครอบครัวเหมือนกัน โตมาคล้ายๆกัน ความคิด เป้าหมาย สอดคล้องกัน และรู้สึกว่าเค้าทำให้เราเป็นคนที่ดีขึ้น จากคุณ : Little Miss Lisa เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 54 22:33:59

ความคิดเห็นที่ 15 ของเราเริ่มจากคุยกันธรรมดาแบบเพื่อนค่ะ คุยไปคุยมา ชักรู้สึกแปลกๆ ก็เลยถามไปตรงว่า เธอคิดยังไงกับชั้น เค้าตอบมาว่าชอบอยากขอเป็นแฟน จากนั้นก็เลยลองคบกันดู คบได้ประมาณ 2 ปี ก็ตกลงแต่งงาน ปัจจุบันแต่งงานกันมาเกือบ 2 ปีแล้วค่ะ จากคุณ : apple-latte เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 54 22:53:27

ความคิดเห็นที่ 16 1.ชายหนุ่มจีบก่อนเราก่อนมั้งคะ ไม่เเน่ใจเหมือนกันเเฮะ 2.เริ่มคุยจากการเรียนภาษา เราถามศัพท์ ถามเเกรมม่าเค้า คุยไปคุยมาก็เเลกอีเมลกัน ก็เลยออนไลน์คุยกันทุกวัน จากเรื่องเเลกเปลี่ยนภาษาก็เริ่มคุยเรื่องชีวิตประจำวัน คุยไปคุยมาเเบบว่าเอ๊ะวันไหนถ้าเค้าออนช้าเราก็บ่นเค้า วันไหนถ้าเราไม่ออนเค้าก็ ส่งเมลมาเยอะเกิ๊น ก็เลยถามเค้าตรงๆว่านี่เธอคิดอะไรกับชั้นรึเปล่าเนี่ย เค้าก็บอกว่าคิด ก็เลยถามต่อว่าคิดจะเป็นเเฟนกับชั้นหรอ เค้าตอบว่าใช่ เค้าก็เลยถามเรากลับว่าลองคบกันมั้ย ก็เลยตอบตกลง พอคบไปซักพัก เพิ่งจะมาเเลกเบอร์กัน(ฮามาก) เเบบเค้ามาขอเบอร์ บอกเราว่าตั้งเเต่เราคบกัน เรายังไม่เคยให้เบอร์เค้าเลยนะ อืม,,,ฮา 3.ความสม่ำเสมอ, ประหยัด, ใช้เงินเป็น, ตามตัวได้,ไปไหนบอกกล่าว เเละที่สำคัญเค้ารักเรา 4.ใช่หรือเปล่าไม่รู้ เเต่ทุกวันนี้ก็พอใจในสิ่งที่เป็นอยู่ จากคุณ : เมวะดี (เมวะดี) เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 00:21:28

ความคิดเห็นที่ 17 มีหลายๆคน  ทำให้ตอบไม่ถูกครับ   ต้องการให้เล่า  ชายกับหญิง  หรีอว่าชายกับชายครับ ต้องการให้เล่า สมัยเด็กๆ  หรีอสมัยนี้ จากคุณ : hollywop เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 02:49:00

ความคิดเห็นที่ 18 อยากเล่ามั่ง ของเราเค้าเป็น Supplier ที่บริษัทค่ะ เจอกันครั้งแรกตอนเค้ามาที่บริษัท แต่ก้อไม่ได้สนิทกัน ผ่านไปเกือบปี พอดีไปงานแสดงสินค้าที่อเมริกา เจอกันอีกที เค้ามาคุยด้วยที่บู๊ท และก้อชวนไปกินข้าว เราก้อไม่อยากไป เลยประมาณ เธอไปขอนายชั้นสิ สรุป เค้าไปขอนายเราจริงๆ นายเราก้อมาพูดกับเราว่า แก่ๆ แล้วเดี๋ยวจะไม่มีโอกาส ไปๆ เหอะ สรุปไปกินข้าวกัน แล้วก้อพอกลับมาไทย เราก้อไม่ได้ติดต่ออะไรกับเค้าอีก ผ่านไปอีกเกือบครึ่งปี ไปงานโชว์ที่แฟรงค์เฟริช เจอกันอีก เค้ารู้ว่าเรามา มานั่งรอที่บู๊ท แล้ววันนั้นบริษัทมีงานเลี้ยงเลิกเกือบสี่ทุ่มกว่า เค้าก้อมานั่งรออยู่หน้าห้องจัดงาน เสร็จแล้วก้อขออาสาไปส่งเราที่โรงแรม หลังจากนั้นก้อเอ็มคุยกันเรื่อยมา จนตอนนี้แต่งงานมาได้เกือบจะห้าปีแล้ว ลูกอายุสองขวบกว่าแล้วค่ะ ตอนแรกไม่คิดว่าเค้าจะมาจีบ เพราะเราเป็นสาวหมวย จากคุณ : ดีใจที่เกิดเป็นคนไทย เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 02:50:12

ความคิดเห็นที่ 19 ของเรา  สามีจีบเราก่อน   จีบตั้งแต่นาทีแรกที่เจอ   เหมือนเป็นรักแรกพบ  ประมาณนั้น   แต่สำหรับตัวเรา รู้สึกว่า เหมือนเคยเจอผู้ชายคนนี้มาก่อน   แล้วเค้าก็ส่งเมลมาทุกวัน  แต่เราไม่ตอบค่ะ  งานยุ่งมาก  จนผ่านไปประมาณหนึ่งสัปดาห์  เพื่อนเค้ามาหาเรา  แล้วถามเราว่า  ทำไมไม่ตอบเมลเพื่อนเค้า   เราก็ถามเมลไรอ่ะ ตอนนั้นลืมไปจริงๆ   เพื่อนเค้าบอกว่า  เพื่อนฉันโทรหาเธอ ก็ไม่รับ  เมลหาก็ไม่ตอบ   เราก็ อึ้งไป เพราะใช้โทรศัพท์ สามเครื่องนะ  แล้วเบอร์ที่ให้เค้าดันลืมไว้ที่บ้าน  คือให้เบอร์ที่ไม่ค่อยใช้กับเค้าไป จากนั้นเราก็เริ่มคุยกัน  เค้าเป็นคนสม่ำเสมอ  เปิดเผย  ครอบครัวเค้ายอมรับ ให้เกียรติ เรามาก   ครอบครัวเราก็ยอมรับเค้า  นิสัยไปกันได้  ครอบครัวระดับเดียวกัน  สังคมคล้ายๆกัน  ชอบอะไรเหมือนๆกัน แต่มีคำพูดเดียว  ที่เราฟังแล้วอึ้ง ทำให้เราหยุดที่จะพิจารณาและมองเค้าให้มากขึ้น  เค้าบอกเราว่า "ตั้งแต่นาทีแรกที่ฉันพบเธอ  ฉันหยุดที่เธอ  ไม่เคยคิดจะมองไปหาคนอื่นอีก" หาแฟนหาง่ายค่ะ  แต่หาคนที่จะหยุดที่เรานี่ หายาก จากคุณ : คุณนายก้อ เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 02:55:15

ความคิดเห็นที่ 20 ย้อนกลับไป 8 ปีี่ที่แล้ว ณ มหาลัยแห่งหนึ่งแถวท่าพระจันทร์..นั่งเล่นอยู่นอกตึก..โต๊ะข้างๆมี ฝรั่ง..เราเป็นคนเปิดฉากการสนทนาก่อนค่ะ Start the first move กันเลยทีเดียว แต่ไ่ม่ได้ตั้งใจ จะจีบนะคะแค่ถามเวลาเฉยๆ (มุกเก่ามากก) จากนั้นก็คุยกันเรื่อยเปื่อย แลก E-mail กัน ตอน นั้นเราไม่ได้อะไรมากหรอกค่ะ เพราะยังเด็กอยู่ แล้วการมีเพื่อนต่างชาติมันก็เท่ดี..เค้าเป็นคน mail หาเราก่อน..ติดต่อกันเรื่อยๆค่ะ..จนถึงวันนี้ 8 ปีแล้ว เราอยู่ต่างประเทศ..สถานะหมั้นค่ะ เคยนั่งนึกเล่นๆถ้าันนั้นเราไม่ได้เริ่มต้นสนทนา Excuse me,what time is it now? ตอนนี้เราจะ ไปนั่งอยู่ตรงไหนกัน.. จากคุณ : save the last dance for me เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 03:21:30

ความคิดเห็นที่ 21 ไม่มีใครจีบใครค่ะ แต่เขาอาจจะจีบเรามั่ง แต่เราคิดแค่เพื่อน คาดว่าแฟนเราก็คิดว่าเพื่อน แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่รู้ว่าไปชอบกันตอนไหน ส่วนใหญ่เราไม่ชอบให้ผู้ชายแปลกหน้า(ไทย จีน ฝรั่ง) มาจีบ รู้สีกเหมือนเป็นผู้หญิงด้อยค่า ที่รอให้ใครก็ไม่รู้มาเลีอกมาทำแฟน  ถ้ามีคนแปลกหน้ามาจีบอย่างไงก็ไม่คุยด้วย ไม่ให้เบอร์ คือไม่เหมือนคนอื่น นิดหน่อยค่ะ จากคุณ : มนชิจัง เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 04:00:44

ความคิดเห็นที่ 22 เห็นแล้วถูกใจ เลยจีบเขาก่อนค่ะ อิอิ จากคุณ : beuysliv เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 04:21:11

ความคิดเห็นที่ 23 เราเจอกันจากเวปหาคู่เลยไม่รู้จะเรียกว่าใครจีบก่อน แต่แฟนเราส่งอีเมลล์มาก่อน แล้วเราก็ตอบแบบตามธรรมเนียม เพื่อดูว่าเค้าเป็นคนอย่างไร ซักระยะถ้าหากว่าดูจริงจังก็เริ่มทดสอบก่อน แล้วก็ทดสอบต่อๆๆ ไป จนแน่นใจว่าคนนี้น่าจะใช่ ก็เริ่มคุยกันเป็นเรื่องราวและก็เป็นแฟนกัน จนปัจจุบันก็แต่งงานแล้ว จากคุณ : Cutie_May เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 04:56:59

ความคิดเห็นที่ 24 ผมจีบก่อนครับ....แต่ก็แอบสังเกตุพฤติกรรมว่าเขามีใจกับเรา..และอีกอย่างนิสัยเราเข้ากันได้...แต่งงานกันมา..5ปีแล้ว  จะมีน้องแล้วเดือนหน้า จากคุณ : jayaus เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 05:31:30

ความคิดเห็นที่ 25 ผู้ชายเป็นฝ่ายจีบก่อน แต่ตอนหลังๆพอคบกันแล้วเริ่มรู้นิสัย ท่าที ดิฉันเป็นฝ่ายจีบต่อที่เหลือเองค่ะเพราะดูๆแล้วต้องร้องกรี๊ดกับตัวเองว่า "คนนี้เด็ดหว่ะแก จับให้อยู่"  เพราะเค้าเป็นคนที่ไม่แสดงออก ไม่หวาน ทุกวันนี้ก็ยังจีบอยู่นะแม้จะอยู่ด้วยกันมาเป็นปีที่สิบสามแล้ว กลัวเหยื่อหนีไปค่ะ แล้วมันจะไม่สามารถหาคนที่เค้าทนเราได้แบบนี้อีก จบเลยที่นี้ จากคุณ : Gisele เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 07:10:43

ความคิดเห็นที่ 26 ไม่มีใครจีบใครค่ะ แต่สามีเห็นเราแล้วถูกชะตา เขาว่าเรายิ้มน่ารัก(ลมปากหวาน) เขาพยายามเข้ามาพูดคุยเรื่อยๆ แต่ตอนนั้นเราเพิ่งอกหักกำลังฟูมฟาย เจอใครก็เอาแต่พร่ำบ่นถึงผู้ชายที่ทิ้งเรา จนไม่มีเพื่อนคนไหนอยากจะคุยด้วย 55+ เลยเหลือแต่สแปนิชคนนี้ล่ะที่ยอมฟังเราคร่ำครวญและปลอบใจ พอเราอาการดีขึ้นก็เริ่มสนิท ได้เที่ยวด้วยกัน ปกติจะเป็นพวกป่าเขาลำเนาไพรอะไรเทือกนี้ ครั้งหนึ่งสามีไปงานรับปริญญาน้องสาวเรา พอเสร็จงานก็แยกจากที่บ้านไปดอยอินทนนท์ ขับมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ๆไปค่ะ เราคนซ้อน ไปกัน4คน  สามีขับเร็วมากๆแล้วช่วงทางลาดรถเสียหลักล้ม ตัวเรากลิ้งตกจากรถพุ่งเข้าไปป่าข้างทาง หัวห่างจากหลักกิโลเมตรแค่คืบ แขนถลอกตั้งแต่ข้อมือขึ้นมาศอก เลือดออกท่วมแขนเลย สามีอาการหนักกว่าเจ็บทั้งตัว เลือดออกเต็ม แต่เขาห่วงเรามาก ไม่ห่วงตัวเองเลย ให้เราทำแผลก่อน เอาเราให้ดีขึ้นก่อน เราเลยซาบซึ้งมาก คนเราจะเห็นใจกันก็ยามลำบาก คบกันได้2ปีก็แต่ง รักกันมา4ปีแล้วมีความสุขตามอัตภาพค่ะ จากคุณ : จะเอาอะไรกับลมปาก เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 07:18:27

ความคิดเห็นที่ 27 เรื่องของบางคนนี่ออกแนวโชคชะตาฟ้าลิขิตมากเลยนะครับ บางคนก็โรแมนติกเหมือนในหนัง(อาจจะไม่ขนาดนั้นแต่ก็ให้อารมณ์นั้นล่ะ) จะหาแฟนเป็นฝรั่งจะว่าง่ายก็เหมือนง่ายจะว่ายากก็เหมือนยากนะครับ ไปๆมาๆก็เหมือนจะดวงล้วนๆ คห.24 แฟนคุณเป็นฝรั่งที่ไหนอะครับ แล้วนิสัยสาวฝรั่งเป็นไงมั่งครับ ป.ล. ใครอยากจะเล่าแบบไหน เล่าสมัยใด จขกทจะถามใครที่ไหนอย่างไร ก็เล่าๆมาเถอะครับ อุตส่าห์ตั้งกระทู้แบบไม่มีข้อจำกัดแล้วนะแล้วจะให้ยังไงอีกดีล่ะ ไม่เข้าใจเลย 555 =_= แก้ไขเมื่อ 22 ส.ค. 54 07:32:00 จากคุณ : Keichun เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 07:23:24

ความคิดเห็นที่ 28 กับสามีเคยเป็นเพื่อนสนิทกันมาก่อนค่ะ เขามีแฟนของเขาเราก็มีแฟนของเราตอนหลังเขาเลิกกับแฟนเขาแฟนเราก็มีกิ๊กใหม่ สุดท้ายก็เลยตุ้งแช่ค่ะ 55 คล้าย ๆ กับเรื่อง Friend with Benefits แต่ไม่มีเรื่องบนเตียงเท่านั้น คิก ๆ ปัจจุบันแต่งงานมา 8 ปีแล้ว เป็นแม่ของลูกสามค่ะ :)   "คู่ชีวิตก็คือเพื่อนที่สนิทที่สุดนั่นเอง" สามีของเราเป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดค่ะ คุยกันได้ทุกเรื่อง ด่ากันได้ทุกเรื่องจริง ๆ จากคุณ : Charleigh v เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 07:23:49

ความคิดเห็นที่ 29 คิดว่าสามีนะ(ก็มีแฟนคนเดียวอ่ะ) จีบก่อน แต่เราก็ตั้งรับอยู่ อิอิ มันลงตัวมั๊งเลยไปตามน้ำ จากคุณ : PoomPim..TMB เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 10:33:38

ความคิดเห็นที่ 30 นึกว่าตาฝาด...เห็นคุณ Detente คอมเม้นท์หลังจากไม่เห็นท่านมานาน.... ดีใจค่ะ! ป.ล. ไม่เกี่ยวกับกระทู้ค่ะ แต่ขออนุญาตทักทาย... จากคุณ : BlackmagicW เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 11:34:07

ความคิดเห็นที่ 31 ป.ล. ใครอยากจะเล่าแบบไหน เล่าสมัยใด จขกทจะถามใครที่ไหนอย่างไร ก็เล่าๆมาเถอะครับ อุตส่าห์ตั้งกระทู้แบบไม่มีข้อจำกัดแล้วนะแล้วจะให้ยังไงอีกดีล่ะ ไม่เข้าใจเลย 555 =_= OK ได้ครับ  เอาฝรั่งคนแรกแล้วกัน  เธอเป็นหญิงครับ เราพบกันตอนวัย teenage ทั้งคู่  ตัวผมอยู่โรงเรียนทหาร  ในเมีองเล็กๆแห่งหนึ่ง และเธอเป็นสาวของเมีองนั้น  (ลองไปดูหนังตัวอย่าง An Officer and a Gentleman ) ผมหล่อเช่นเดียวกับ Richard Gere  ส่วนเธอเช่นเดียวกับ Debra Winger  เมีอ่ตอนสมัยเด็กๆ โรงเรียนของผม เป็นที่เรียนสำหรับลูกคนรวยเท่านั้น   เวลาที่ได้อนุญาตให้ไปเดินในเมีอง ผมเลยมีโอกาส  พบกับสาวคนนี้   วันนั้นเห็นเธอเดินมากับเพี่อน  ผมมองเห็นดวงตาสีฟ้าและความสวยของเธอแล้ว   จึงเข้าไปทักว่า  "Hello "   เมื่อเธอตอบกลับด้วยรอยยิ้ม sexy อย่างผม ก็จีบต่อและก็ติด  เราออก มาไปพบกันในเมีองเกีอบทุกอาทิตย์ ด้วยความที่อ้างว้างปล่าวเปลี่ยน อยู่ที่อเมริกาคนเดียว  ทำให้ผมหลงเธอมากมาย ส่วนเธอเป็นสาวบ้านนา  จนๆคนหนึ่งในเมีองนั้น  และก็คิดว่าผมเป็นตัวเงินตัวทอง แถมยังสุดหล่อ (เธอบอก เมี่อตอนเราแยกกัน) ท้ายสุดเราแต่งงานกัน  ด้วยความยินยอมจาก family ของภรรยา  จากนั้นเราก็ไปสร้างรังเล็กๆ  อยู่ที่ Washington, D.C. ส่วนพ่อแม่ของผมในเมีองไทย  โกรธกริ้วมาก ที่ไม่ยอมเรียนต่อ และแต่งงานกับฝรั่่ง พ่อแม่ของผมโกรธมากตัดใยไม่ส่งเสียให้อีกต่อไป  ตัวผมเองก็ไม่แคร์เรี่องเงินจากพ่อ  ในเมี่อผมมีเธออยู่ข้างๆทุกๆคืน ผมจำเป็นต้องออกไปหางานเป็น bank teller ใน Washington, DC เราอยู่กันแบบกระเบียดกระเสียน  ระหว่างนั้นแฟนผมก็ตั้งท้อง ทำงานไม่ได้ยิ่งจนหนักขึ้น อยู่ร่วมกันได้ 2 ปี เธอบอกกับผมว่าอยากจะกลับไปอยู่กับพ่อแม่  และจะเอาลูกไปด้วย เราทะเลาะกันอย่างรุนแรง  เธอโทรเรียกพี่ชายตัวใหญ่ 2 คนไปรับที่บ้านใน DC ผมตัวคนเดียว  ไม่มีแรงต้านทานความโกรธของเขาได้  มองตามเมียและลูกขึ้นรถหนีไป ร้องไห้น้ำตาท่วมบ้าน ผมขับรถ 4 ชั่วโมงไปออ้นวอนเธอที่บ้าน ใน VA แต่เธอออกมาบอกผมว่า  ไม่เคยคิดว่าผมจะจน   แต่แรกนึกว่าเป็นคนรวย  เห็นอยู่โรงเรียนดีๆมีเงิน  (เธอบ่นให้ผมได้ยินเสมอๆ) ผมนั้นเหมีอนนกปีกหัก  ชังกะตายอยู่คนเดียว  และแสนเหงา  ทำให้ต้องโทรกลับไปง้อพ่อ ให้ส่งตัํวเตรี่องบินกลับเมีองไทยด่วน   และผมก็เดินทางกลับไทย  อยู่ได้ไม่เท่าไร ก็อยากกลับไปเรียนต่ออีกครั้ง อยู่ที่อเมริกาต่อไปอีกยี่สิบปี  ก็ติดตามลูกเมียไม่พบ  เพราะทุกๆคนปกปิดไม่ยอมให้ information ผม หลังจากนั้นอีก 21 ปีผ่านไป  ลูกชายก็โทรไปหาผม  เราพบกันครั้งแรก ที่สนามบิน LGA  (ผมออกตังค์ค่าเครี่องบินให้เขา)   เขาบินไปอยู่กับผมหนึ่งอาทิตย์แล้วก็กลับไปเรียนต่อ ปัจจุบันเรายังติดต่อกันเสมอๆ  ส่วนภรรยาของผมแต่งงานใหม่  แต่เราก็คุย phone sex กันบ่อยๆ  จนเธอเสียชีวิตจากเส้นเลีอดแตกในสมอง จบรักแรกกับฝรั่ง บทสรุปเรี่อง:  ผมเหงาอยู่ตัวคนเดียว  ทำให้ยึดมั่นเธอเป็นเรีอนตาย ส่วนเธออยากจะมีชีวิตที่ดีกว่าเก่า  แต่ผมให้ไม่ได้   นั้นคีอปัญหา เล่าไปทำไม  อยากจะให้คนไทยได้รู้ว่า  สาวอเมริกัน  ก็อยากได้สามีที่รวยๆเช่นกัน  เท่านั้นเอง จากคุณ : อาจจะแต่งงานใหม่เร็วๆนี้ (hollywop) เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 12:01:59

ความคิดเห็นที่ 32 ชีวิตรักของคุณ hollywop ก็ เอาไปเขียนหนังสือได้นะค่ะ จขกท แต่ของเพื่อนเราจะออกแนวหลงรักกับสายลับ :-) จากคุณ : jasdorn เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 12:12:03

ความคิดเห็นที่ 33 คุณพี่ Hollywop จ๋า อ่านตรงที่แฟนคุณพี่คิดว่าพี่เป็นตัวเงินตัวทองนี่สะดุ้งเฮือกเลยค่ะ.. แหม..เป็นอะไรไม่เป็น..แล้วพอเห็นว่าพี่ไม่เป็นยังมาทิ้งพี่อีก โอ้ยย..เศร้าค่ะ จากคุณ : PatPDX เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 12:57:57

ความคิดเห็นที่ 34 ของดิฉันเวอร์ชั่นน่าเบื่อ เราเป็นเพื่อนเรียนภาษาห้องเดียวกัน (ไปเรียนประเทศที่สาม) พอจบคอร์สภาษาหกเดือนปุ๊บ ก็ได้รับดอกกุหลาบสีขาวจากเพื่อนฝรั่งคนนั้นที่นั่งเรียนข้างๆกันมาตลอดหกเดือนซึ่งต่อมาเราก็คุยกันตรงๆว่าตกลงเราเป็นแฟนกันนะ ผ่านมา 13 ปีแล้ว ตอนนี้ลูกอายุ 5 ขวบ จากคุณ : ไม่ตื่นเต้นโรแมนติก เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 13:50:49 A:90.11.66.111 X: TicketID:299625

ความคิดเห็นที่ 35 คุณ hollywop แต่งงานใหม่อย่าลืมร่อนการ์ดนะคะ...จะบินไปร่วมงานค่ะ...นะพี่ PatPDX เราไปด้วยกัน... จากคุณ : BlackmagicW เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 14:04:18

ความคิดเห็นที่ 36 นิยายชัดๆ คุณพี่ wop จากคุณ : pixp เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 14:42:24

ความคิดเห็นที่ 37 ขออนุญาตสงสัยว่าทำไมคุณ จขกท จำกัดเฉพาะฝรั่ง?? เเล้วคนไทยที่มีเเฟนเป็นคนจีน ญี่ปุ่น เกาหลี อินเดีย ฯลฯ ไม่สนใจอยากทราบบ้างเหรอจ๊ะตะเอง?? เคยถามเพื่อนคนไทยคนนึง คำถามเดียวกันนี้เเหละ ทำอิท่าไหนมาเจอกันกับเเฟนคนนี้ได้ล่ะน้อง เพื่อนบอกหน้าตาเฉย "อ๋อ ช่วงนั้นหนูดวงตกค่ะพี่" จากคุณ : Jennifer Lowclass เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 15:05:18

ความคิดเห็นที่ 38 โอ้โหอ่านเรื่องพี่ว๊อปแล้วแต่งนิยายได้เป็นเล่มเลยนะคะ ขำพี่แป๊ด ตัวเงินตัวทอง เดี๋ยวนี้เค้าเปลี่ยนชื่อแล้วน๊า เป็นวรนุชแล้วนี่คร๊า เรื่องของขะเจ้านี่เป็นเรื่องบังเอิญเริ่มจากการส่งอีเมลล์ถามเรื่องซ๊อฟแวร์ตัวหนึ่ง ก็เลยได้อีเมลล์คุยกันนานๆที เขาก็คิดว่าเราอยู่เมืองไทย เราก็คิดว่าเขาอยู่แคนาดาหรืออเมริกา ก็คุยกันสุภาพไม่มีใครจีบใครได้หลายเดือน จนวันหนึ่งคุยกันถึงเรืองฮอลิเดย์เราบอกว่าเขาว่าจะกลับไปเยี่ยมครอบครัวที่เมืองไทย เขาก็เลยถามว่าอยู่ที่ไหน ปรากฏว่าตกใจมากที่ทำไมมันจะบังเอิญอะไรอย่างนี้อีก เพราะที่ทำงานเขากับบ้านเราอยู่ห่างกันแค่ระยะเดินประมาณครึ่งชั่วโมงเอง เราเลยบอกว่าเลิกงานแล้วก็มาดื่มกันสักแก้วก่อนเราจะกลับเมืองไทยสิ วันต่อมาก็เจอกันแค่ครึ่งชั่วโมงเอง เพราะต้องรีบกลับไปแพ็คกระเป๋ากลับบ้าน หลังจากที่เจอกันเขาก็อีเมลล์หาเราวันละหลายฉบับเรียกว่าตั้งหน้าจีบเราเต็มที่ ส่วนเราเห็นครั้งแรกก็ไม่ถูกสเป๊คแล้ว ก็คบกับเขาเหมือนเพื่อนธรรมดาไปเรื่อยๆ ส่วนเขาก็พยายามเต็มที่ขอเราแต่งงานก็หลายรอบ เราก็ใจแข็งตลอด จนวันหนึ่งเราส่องกระจกเห็นตีนกามันขึ้นมาเดินย่ำยีอยู่เต็มหน้า รอมาหลายปีหาคนถูกสเป๊คมาจีบก็ไม่เจอสักที่ ก็ทำให้คิดว่าได้ว่าเลิกเล่นตัวเองเสียที เล่นกับคนอื่นบ้างเต๊อะ เจอหน้าเขาอีกวันต่อมา ก็ถือว่าเป็นวันฤกษ์งามยามดี จัดการทุบหัวฝรั่งลากขึ้นห้องวันนั้นเลยจบ และก็คบกันเป็นแฟนมาจนกระทั่งทุกวันนี้ จากคุณ : Rinta เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 17:51:22

ความคิดเห็นที่ 39 คห. 37 ผมอยากทราบคับ เชิญๆเล่าครับ จากคุณ : buringolf เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 18:22:57

ความคิดเห็นที่ 40 ขออนุญาตถามต่อได้มั๊ยครับ อาจจะเป็นคนละเรื่องเดียวกัน แต่ถ้าไม่เกินเลยไป ขออนุญาตรับคำแนะนำจากทุกคนได้มั๊ยครับ สมมุติว่า มีผู้หญิง เค้ามาเมียงมองเรา เราสมควรทำงัยดีครับ ให้ผ่านไปเฉยๆหรือว่า ควรเข้าไปพูดคุย ..แล้ว ควรพูดคุย แนวไหนดีครับ แบบ ว่าไม่เคยจีบผู้หญฺงนะครับ ที่ผ่านมามีแฟน 3คน ล้วนแต่ให้เพื่อนติดต่อให้ทั้งนั้น คนต่างชาติเนี่ย(ทั้งฝรั่ง ญี่ปุ่น เกาหลี ^_^) เราจะวิเคาระห์เค้ายังงัยว่า ที่เค้ามองเรานะเพราะชอบหรือ เหยียด ?? ขอบคุณสำหรับคำตอบทุกคำตอบ ที่กำลังจะเกิดขึ้นครับ ป.ล เคยมีเพื่อนของเพื่อน ซึ่งงเป็นผู้หญิง เค้าบอกว่าผม Hnadsome แสดงว่าหน้าตาผมก้ไม่ได้ขี้เหร่ ใช่มั๊ยครับ ...อยากมีแฟนครับ แต่ไม่กล้าจีบใคร และไม่ชอบเวลาผู้หญิงมามองครับ...อยากมีแฟนแล้วครับ ^_^ จากคุณ : buringolf เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 18:31:42

ความคิดเห็นที่ 41 เราเจอแฟนที่ประเทศที่ 3  ตอนนั้นอายุ18ทั้งคู่   เขาบอกว่ารักแรกพบเลยแหละ  แต่เรากลัวและคิดว่าเป็นไปไม่ได้  ตอนนั้นมีเพื่อนคนไทยมาชอบด้วยก็เลยบอกปัดเขาไป พอเลิกกับแฟนคนไทยเขารู้แล้วตามมาตื้อ  แล้วเราก็ใจอ่อน ตอนคบกันก็ปิดที่บ้านไว้ ต่อมาป๋าเสียชีวิตเราก็เลยได้แต่งงาน  ไม่มีป๋าแล้วแม่เราก็หยวนๆ ลูกชอบให้เล่าเรื่องตอนเจอกัน  เราก็ละอายใจไม่ค่อยอยากเล่าเพราะตอนนั้นไม่ได้รักเขาเลยแพ้แรงตื้อซะมากกว่า ตอนนี้เราสองคนอายุ51ปีแล้ว จากคุณ : อาคิคุุน เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 18:39:33

ความคิดเห็นที่ 42 ทำไมสมาชิกห้องไกลบ้านหลายคนช่างสงสัยจังครับ อันนี้แค่สงสัยเฉยๆอะ ฮ่าๆ :P พอทำอย่างนี้ก็ว่าทำไมต้องอย่างนี้ พอทำอย่างนั้นก็ว่าทำไมต้องอย่างนั้น แล้วก็จะตั้งคำถามไปได้เรื่อยๆ เหมือนถามอะไรก็ไม่เคยเคลียร์พอ ในขณะที่ถ้าตั้งกระทู้ห้องอื่นจขกทจะไม่ค่อยประสบปัญหาเช่นนี้ อันนี้สังเกตุมานานในระดับหนึ่งและครับ จขกทไม่ได้จะเอาพลอตไปแต่งนิยายนะ ประชดขำๆไปงั้น แฮ่ๆ เพราะหลายคนในห้องนี้จะช่างสงสัยมากเลยครับว่าทำไปทำไม เพื่ออะไร จะเอายังไง อยากได้แบบไหน(คือถ้าไม่ได้ระบุก็แสดงว่าเปิดรับทุกแบบไง มันเป็นอะไรที่เข้าใจง่ายมากแบบไม่ต้องตีความเลยอะครับ พอเจอคนสามารถตีความไปเป็นแบบอื่นได้เลยงง :P) ทำไมต้องทำแบบนี้ ทำไมไม่ทำแบบโน้น ทำไมไม่ทำแบบนั้นล่ะ วุ้ย ฮ่าๆ ไม่ได้เอาเรื่องของใครไปทำอะไรทั้งนั้นก็อ่านไว้เฉยๆน่ะครับ แต่ถ้าคิดว่ามันส่วนตัวจะไม่เล่าหรือปล่อยผ่านไปอันนี้ก็ไม่ว่ากัน ก็ระบุไว้ที่หัวกระทู้แล้วเนาะ ดังนั้นถ้าใครคิดว่าจขกทอาจจะเอาไปทำอะไรไม่ดีก็สบายใจได้ เพราะให้ความสมัครใจตั้งแต่แรกน่ะครับ ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมถึงเจาะจงเฉพาะฝรั่ง เอิ่ม แล้วจะให้ตอบไงดีอะครับ คือของบางมันก็ไม่ได้มีเหตุผลอะไรเป็นพิเศษหรือลึกซึ้งอะครับ จขกทอยากรู้เกี่ยวกับฝรั่งก็เลยถามเกี่ยวกับฝรั่ง แค่นั้นเองครับ ง่ายๆไม่น่าสงสัยไปแบบนั้นได้เลย แต่ก็นะ ถ้าผมตั้งถามถึงชาวต่างชาติทั้งหมด เดี๋ยวมันก็จะมีคำถามใหม่อื่นๆมาแทนอยู่ดีอีกอยู่ดีอะแหละว่าแล้วทำไมไม่เป็นแบบนั้น ทำไมถึงเป็นแบบนี้ 55555 สำหรับคำตอบในส่วนของชาวต่างชาติที่เป็นเอเชีย ตอนนี้จขกทยังไม่ได้รู้สึกสงสัยหรืออยากจะรู้นะครับ ถ้าอยากเมื่อไรก็อาจจะมาถามอะครับ แฮ่ๆ ยังไงซะใครที่มาเล่าสู่กันฟังก็ขอบคุณมากนะครับ สร้างรอยยิ้มให้จขกทได้เยอะเหมือนกัน ขอบคุณครับ แก้ไขเมื่อ 22 ส.ค. 54 20:09:45 จากคุณ : Keichun เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 19:55:47

ความคิดเห็นที่ 43 5555 ขำด้วยครับ จขกท นี่ละครับ คนไทย may be Thai only ^_^ จากคุณ : buringolf เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 20:54:36

ความคิดเห็นที่ 44 ดิฉันมีสามีเป็นชาวต่างชาติค่ะ แต่เราไม่เคยเป็นแฟนกันเลยจนแต่งงาน ปัจจุบันอยู่ด้วยกันมาจะ 5 ปีแล้วค่ะ คู่ดิฉันไม่มีใครจีบใครค่ะ งงๆไหมค่ะ ดิฉันคิดว่าสามีเป็นคนที่ใช่เพราะเขาขอดิฉันแต่งงาน 3 ครั้ง ตอนที่เรารู้จักกันได้แค่ 6 เดือนและเจอกันในชีวิตจริงแค่ 2 ครั้งค่ะ  เลยคิดว่าผู้ชายคนนี้จริงใจดี กล้าเอาชีวิตมาเสี่ยงกับดิฉัน ขอโทษด้วยนะคะที่ไม่ได้ช่วยอะไรเลย แก้ไขเมื่อ 23 ส.ค. 54 00:15:10 จากคุณ : sunisaogkim เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 00:11:46

ความคิดเห็นที่ 45 สมัยเป็นแฟนกัน เขาเป็นคนมาจีบก่อน เราก็แปลกว่าเป็นเพื่อนกันอยู่ดีๆ ทำไมมาจีบเราได้ หน้าตาอย่างกับพระเอกหนังได้ หล่อก็หล่อ เราสิ หน้าตาง้ันๆ แต่โสดทั้งคู่ สงสัยจังหวะมาดลใจ มาบอกว่าดิฉันจิตใจดี เป็นคนดีที่ทำให้เขาอยากใช้ชีวิตด้วย แหะๆน้ำเน่าแต่เขาเอาจริงแฮะ หลงรักดิฉันหัวปักหัวปำ อยู่ๆดีๆมาขอแต่งงานเลย เอ๊า ทำให้เราลงจากคานทองได้ แอบดีใจ หึๆ จากคุณ : MajestyLove เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 00:32:32

ความคิดเห็นที่ 46 ยินดีที่มีสาวๆหลายคนสนใจครับ  "ขอบคุณ" สำหรับหนุ่มไทย ผมเขียนให้คุณอ่านนะเนี่ย จริงๆแล้วผมอยากจะเอา ละครชีวิตของตนเอง ออกมาเขียนเป็นนิยายให้คนอี่นๆได้อ่านมากกว่านี้ เพราะคิดว่าหลายๆตอน อาจจะได้ตัวอย่างทั้งดีและไม่ดี  กับคนอ่าน เคยเขียนเป็นภาษาอังกฤษให้เพี่อนดู  เขาอ่านแล้วก็หัวเราะกันจนน้ำหูนำาตาไหล เพราะ เขียนให้ตนเอง หล่อแบบเจ้าชายในเทพนิยาย  แล้ว grammar ก็ตกๆหล่นๆ เพี่อนๆอเมริกัน แนะนำว่าควรเขียนให้คนไทยอ่าน  จะไปได้ไกลกว่าคนอเมริกัน ผมเข้ามาหัดใช้ภาษาเขียนอยู่ในไกลบ้านหลายๆปีแล้ว  แต่รู้สึกว่ามันไม่ค่อยกระเตี้องเลย ภาษาเขียนเป็นสิ่งที่ยากเย็นกับผมมากมาย หากว่ามีใครสนใจจะทำงานเขียนกับผม  เรามาคุยกันทางโทรศัพท์วันละหนึ่งชั่วโมงได้ครับ เพียงแต่คุณต้องเป็นคนที่ใช้ภาษาไทยได้ดี  มีอารมณ์จินตนาการ  และมีความอดทนใน การฟังเรี่องจากผม  และสำคัญที่สุด คุณต้อง จับฟังเนี้อความทางโทรศัพท์ได้เป็นอย่างดี เรี่องราวของชีวิตผมขอท้าประกันได้ว่า  ออกแปลกแหวกแนวกว่าชาวบ้านทั่วๆไป โดยเฉพาะเรี่องของความรัก แถมด้วยการเดินทางไปตามประเทศต่างๆทั่วโลก การเข้าสังคมกับคนในประเทศไทย  และคนอเมริกัน  การใช้ชีวิตที่ต่างแดน เป็นประเด็นสำคัญสำหรับ "เรี่องของผม" ใครสนใจที่จะทำงานด้วยกัน  โทรคุยได้ครับ  อย่างไรก็ตามผมคงไม่มีเงินจ่ายให้คุณแน่นอน  แต่เราเอาเงินมาแบ่งกันได้คนละ 50-50 212-228-3298  (โทรคุยในอเมริกานั้น ฟรีคัฟฟฟฟฟฟ) จากคุณ : ชีวิตส่วนหนึ่งของนาย (hollywop) เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 01:18:40

ความคิดเห็นที่ 47 คุณ hollywop แต่งงานใหม่อย่าลืมร่อนการ์ดนะคะ...จะบินไปร่วมงานค่ะ...นะพี่ PatPDX เราไปด้วยกัน เขายังไม่ออกกฎหมาย  อย่างที่ เราต้องการครับ  ใช้ได้แต่ 1+1 = 2   สำหรับความรักของผม เขายังไม่ออกกฎหมายให้ชาว Polyamory ครับ เช่น 1+3 =4 จากคุณ : hollywop เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 01:33:04

ความคิดเห็นที่ 48 จขกท  ทำไมสมาชิกห้องไกลบ้านหลายคนช่างสงสัยจังครับ อย่าน้อยใจไปเลย  กระทู้ของคุณ  ตั้งได้เป็นแนวสนุกให้หลายๆคน  เข้ามาแชร์ความรู้สึก และก็ขอบคุณ ที่ทำให้ผมมีโอกาส ออกมาแชร์เล่าเรี่องของตนเองให้คนอี่นๆอ่าน จขกท ได้อ่านเรี่องหลายๆคน และของผมแล้ว  555 จากคุณ : hollywop เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 01:39:08

ความคิดเห็นที่ 49 ความคิดเห็นที่ 40 ขออนุญาตถามต่อได้มั๊ยครับ อาจจะเป็นคนละเรื่องเดียวกัน แต่ถ้าไม่เกินเลยไป ขออนุญาตรับคำแนะนำจากทุกคนได้มั๊ยครับ   หากว่าคุณตัดนิสัย  "คนไทย"  ออกไป ผมรับประกันได้ว่า คุณจะหาแฟนฝรั่งได้แน่นอน ขอแนะนำให้เข้าไป คุยกับเขาโดยตรง ครับ (ในเวลาที่มีโอกาส) "เลีอกเขา"  มีโอกาสได้ดีกว่าเขาเลีอกเรา จากคุณ : hollywop เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 01:48:00

ความคิดเห็นที่ 50 คุณ hollywop. ไม่เก่งเขียนหนังสือคะ มาทำการค้าด้วยกันไหมคะ? Seriously นะคะ จากคุณ : jasdorn เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 15:40:12

ความคิดเห็นที่ 51 ก็เริ่มจากคุยเป็นเพื่อน ออนไลน์แล้วทักกันไปมาบ้าง (ตอนนั้นติดเกมส์มากคะ ไม่ค่อยได้สนใจใคร) แล้วตอนนั้นก็ยังคบกับแฟนคนไทยที่เด็กกว่าอยู่ ตอนหลังเลิกกับแฟนเก่าไป เขาก็มีท่าทีแปลก ๆ ชอบพูดแบบกว้าง ๆ อ้อม ๆ เรารำคาญเลยถามว่า จะจีบเหรอ? เขาว่า "อืม" เราก็เลยเริ่มร่ายเลย คือ เขาเป็นคนตรง ๆ เราก็ตรงเหมือนกัน เลยบอกไปว่า ถ้าจะจีบแค่ควงเล่นก็ไปหาคนอื่น ถ้าแึ้ค่คนควงเล่น ฉันหาแถวนี้เองได้ ฉันหาคนที่เป็นสามีอ่ะ คนที่เป็นพ่อของลูกฉัน คุณเข้าใจม๊ะ? (555+ บ้าไปแหละฉัน ทุกวันนี้พอคิดถึงเรื่องนี้ทีไร ยังคิดอยู่ กล้าพูดออกไปได้ไงฟ่ะเนี่ย) 2-3 ปีแรก ทะเลาะกันกระจาย ผลัดกันบอกเลิก ด่าไม่ทันเพราะภาษาอังกฤษไม่ได้เรื่อง ก็อีเมล์ไปด่ามันแทน(555+) แล้วก็กลับมาคบกันใหม่อยู่ดี คือ อยู่คนละฟากเลย มันเกิดการระแวง ไม่มั่นใจ ยิ่งวันหยุดไม่เคยออนไลน์ เป็นใครจะไม่สงสัย หลัง ๆ เขาเริ่มงานเยอะขึ้น ออนไลน์น้อยลง มันเหมือนว่า เวลาที่เขาออนไลน์ มันมีค่ามากอ่ะ เราก็เลยไม่่ใช้มันหมดไปกับการทะเลาะกันอย่างแต่ก่อน ต่างคนก็อยากให้อีกฝ่ายหนึ่งมีความสุขมาก ๆ วันเวลาทำให้เราได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน อยากฝากสักนิด สำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องความรัก อย่าไปถามใคร ไม่ว่าใครจะพูดอะไร ไม่มีใครรู้จริงเท่าตัวคุณกับแฟนหรอก ให้ถามใจตัวเอง เพราะความรักไม่ใช่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ที่กดน้ำร้อนใส่ชาม แล้วจะออกมาเหมือนกันทุกซอง จากคุณ : วิหคลม เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 21:58:16

ความคิดเห็นที่ 52 คุณไก่ฉุนขี้สงสัย ถามมา เราก็จะตอบไป ทู้นี้น่ารักดี อยากแจมจ้า ว่า..ชายหนุ่มจีบเราก่อน คบกันแบบ penpal อยู่หลายปีกว่าจะตกลงใจว่าจะแต่งงานกัน ตอนนั้นเขาอยู่เมกา ส่วนดิฉันอยู่ไทย แต่งกันมาได้ 32 ปีแล้วค่ะ ได้ลูกมาสองพระหน่อ คนโตผลิตหลานชายมาให้เราได้เป็นย่าแล้วค่ะ อิอิ จากคุณ : PatPDX เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 54 07:06:29

ความคิดเห็นที่ 53 "เจอหน้าเขาอีกวันต่อมา ก็ถือว่าเป็นวันฤกษ์งามยามดี จัดการทุบหัวฝรั่งลากขึ้นห้องวันนั้นเลยจบ"  สุดยอด ขำมากๆ เราว่าที่คนห้องนี้ขี้สงสัยส่วนหนึ่งคงเพราะเคยชินกับการกรองข่าวสารก่อนจะเชื่อหรือการคิดแบบ academic thinking ล่ะมั๊งคะ ปกติไม่ค่อยอ่านเรื่องราวของใครตามบล็อก ได้มาอ่านกระทู้นี้ก็สนุกดีเหมือนกัน รวมมิตรเรื่องราวหลายๆคน ของเราเองนั้นไม่มีอะไรน่าสนใจ ไม่ได้มีใครจีบใคร คุยกันแบบคนรู้จักแล้วก็กลายเป็นเพื่อนแล้วต่อมาก็เลยรักกัน จากคุณ : ยุ้ยหัดเขียน เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 54 08:01:34

ความคิดเห็นที่ 54 สำหรับคู่เราเคยทำงานด้วยกันที่ไทยมาก่อนค่ะ อยู่บริษัทเดียวกันแต่คนละแผนก สามีเราแสดงออกว่าชอบเราก่อนค่ะ ที่ทำงานเก่าเราสาวๆสวยๆเยอะเลย แต่สามีก็เลือกเราค่ะ เคยถามสามีว่าทำไมถึงชอบเรา ทั้งที่มีสาวๆให้เลือกเยอะแยะมากมาย สามีบอกว่าเพราะเรามีบุคลิคที่ไม่เหมือนใคร ดูเป็นธรรมชาติดี ลึกลับน่าค้นหา (เป็นคนชอบเก็บตัวรักสันโดษค่ะ) เราเองก็ชอบสามีตั้งแต่แรกๆ ที่เจอน่ะค่ะ แต่เราชอบวางฟอร์มค่ะ ในใจจริงๆ ลิงโลดมากๆ ตอนที่ถูกขอเบอร์ ฮ่าๆๆ ขออธิบายก่อนน่ะค่ะ ว่าเราหน้าไทย ผมดำ ผิวน้ำผึ้งออกเหลืองแบบสาวใต้ มีหลายคนทักเราว่าเหมือน จุ๋ย วรัทยา มาก ตอนแรกเราก็คิดว่าคงจะอำเล่นๆมากกว่า จนมาครั้งนึงเดินเลือกซื้อเสื้อผ้าอยู่ มีป้าคนหนึ่งเข้ามาถามว่า หนูใช่จุ๋ย นางเอกเรื่องสายน้ำสามชีวิตหรือเปล่าค่ะ (ตอนนั้นละครเรื่องสายน้ำสามชีวิตกำลังออนแอร์อยู่ค่ะ )ฮ่าๆๆ ก็เลยคิดว่าสงสัยจะคล้ายมากจริงๆ เพื่อนๆอย่าหาว่าเราเวรอ์น่ะค่ะ สาบานได้ว่าเป็นเรื่องจริงค่ะ เราสองคนต้องแแอบๆคบกันค่ะ ณ ตอนนั้น เนื่องจากไม่ต้องการให้เกิดผลกระทบกับเรื่องานและการซุบซิบนินทาเกิดขึ้นค่ะ ตอนนี้เราแต่งงานแและย้ายตามสามีมาอยู่ต่างปรเทศ กำลังคุยเรื่องการมีลูก ขอให้ทุกคนโชคดีในความรัก มีความสุขมากๆค่ะ ^--^ จากคุณ : @@และแล้วเราก็เจอกัน^-^ เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 54 10:33:44 A:91.65.178.130 X: TicketID:305902

ความคิดเห็นที่ 55 ความคิดเห็นที่ 52 หลานน่ารักครับ จากคุณ : newcomer (gpvtu2009) เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 54 11:39:26

ความคิดเห็นที่ 56 เราถูกจีบก่อน แต่ไม่จีบตรงๆ สามี (ตอนนั้นเจ้านาย) เคยแวะไปที่ทำงานวันเสาร์ ทำทีไปทำงาน แต่แอบไปดูเรา ตอนนั้นเราพักอยู่กับพี่สาว (แคมป์งาน) ต่อมาก็ได้คุยกัน และช่วยคุยกับเจ้านายแกให้รับเราเข้าทำงานกับเขา แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขี้นเมื่อชายไทย อีกคนทำทีจะล่วงเกินเรา (แค่ลักหอมแก้มเรา แต่มันมากมายสำหรับเรา) เราไม่ยอม และเสียใจมาก (ผู้ชายอะไรคิดไปเอง แค่เรามนุษยสัมพันธ์ดีก็หาว่า " เราง่าย " เราไม่เคยเอาร่างกายเกยกับใครเวลาเราคุย และก็ไม่เคยให้ท่าใคร - สันดานผู้ชาย คิดไปเองจริงๆ) คราวนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่ค่ะ เพราะเราไม่อยากมองหน้า อีตาคนไทยนี้ เราจะหลีกเลี่ยงเขาทุกครั้งที่โอกาสอำนวย (ปรากฏว่า ผู้ชายไทยคนนั้นแทบบ้าค่ะ แต่ช่วยไม่ได้ อยากทำตัวไม่ดีเอง) สุดท้ายเราบอกกับสามี (ตอนนั้นเจ้านาย) ว่าจะลาออกไปทำงานที่อื่น สามี(ตอนนั้นเจ้านาย) ก็ถามว่า " why? " เราก็เล่าให้สามี(ตอนนั้นเจ้านาย) ฟังว่าเหตุการณ์มันเป็นอย่างไร สามี(ตอนนั้นเจ้านาย) ขอร้องให้เราอยู่ต่อ และเขาจะเตือนผู้ชายไทยคนนั้นเอง เราก็ตกลง และตั้งแต่วันนั้นมา สามี(ตอนนั้นเจ้านาย) กับ เรา เริ่มคุยกันและสนิทสนมกันมากขึ้น และเวลาเพียงแค่สองสามเดือน เราก็ตัดสินใจคบกัน คบกันได้ประมาณ 3 เดือนเราก็แต่งงานกัน จากวันนั้นถึงวันนี้ก็เข้าปีที่ 16th แล้วค่ะ แต่ไม่มีลูก ยังแฮปปี้เหมือนเดิม จากคุณ : RainbowThai เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 54 16:07:23 A:27.33.33.57 X: TicketID:327968

ความคิดเห็นที่ 57 เขาคิดว่าเราจีบเขาก่อน ส่วนเรานึกว่าเค้าจีบเราก่อน อันนี้มารู้ทีหลังนะ เรียนมาด้วยกันเป็นปีแล้ว ไม่สนิทกันหรอก แต่ลงเรียนคลาสเดียวกัน วันหนึ่งต้องไปต่างเมืองด้วยกันสองคน ก็เลยได้คุยกันยาวๆ คุยจนไม่มีอะไรจะคุยแล้ว มันหลายชั่วโมง ตอนหนึ่ง เค้าเล่าให้ฟังว่าเค้าอยากมาเมืองไทยเพราะเค้าอยากไปดูปลาบึกที่แม่น้ำโขง เราก็เลยบอกว่าถ้ามาเมืองไทยก็ไปพักบ้านเราได้นะ เท่านั้นแหล่ะคุณชายเงียบไปเลย ไม่พูดอะไรอีกเลย เราก็สงสัยว่าเป็นอะไรฟะ แต่ก็ไม่ได้ถามอะไร มารู้ทีหลังว่าเค้าคิดว่าเราจีบเค้า อยู่ๆ มาบอกให้เค้าไปพักที่บ้านได้ ส่วนตัวเราไม่ได้คิดอะไรเลย ก็เพื่อนนะ ไม่สนิทกันมาก แต่ก็รู้จักกันมานานแล้ว แล้วบอกอยากไปเมืองไทย ก็ชวนไปตามมารยาท เพื่อนไปถึงบ้านก็ต้องต้อนรับ แล้วทำไมต้องคิดว่าเราไปจีบเค้าก็ไม่รู้ ไม่ได้ชวนไปทำตาหวานไปด้วย ก็พูดคุยแบบเพื่อนธรรมดาๆ เซ็งมากตอนเป็นแฟนกันแล้ว ถึงรู้ว่าเค้าคิดว่าเราจีบเค้าตอนนั้น จากนั้น คุณชายก็เงียบๆไปเกือบครึ่งปีเพราะกล้า ๆ กลัวๆ แต่สุดท้ายก็ชวนเราไปออกเดต ตอนนั้นแหล่ะที่เรานึกว่าเค้าเริ่มจีบเรา ก็ดีใจปนแปลกใจเพราะไม่เคยคิดมาก่อน แต่ว่าเราว่างไม่ตรงกัน เลยเงียบๆกันไปอีกเกือบครึ่งปี ตอนนั้นไปเกาหลี แล้วเค้าส่งเมล์หา ตอนได้รับเมล์เรากำลังเมาเหล้าเกาหลี(เคยเล่าเรื่องช่วงนี้ในนี้ด้วย) เลยชวนเค้าว่า จะทำอาหารเลี้ยงตอนกลับอเมริกาแล้ว ไม่รู้เห็นแก่กินหรืออะไร พอกลับไปอเมริกา คุณชายก็ขับรถสามชั่วโมงมากินข้าวด้วย จากนั้นก็เดตกันทั้งๆ ที่อยู่ห่างกันสามชั่วโมงขับรถนั่นแหล่ะ ขับรถกันจนรถแทบพัง จนแต่งงาน ตอนนี้จะลูกสองแล้ว จากคุณ : โตช้าแก่เร็ว เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 54 16:43:49

ความคิดเห็นที่ 58 ตอนที่เราเจอเค้ามันเป็นช่วงที่วิกฤติที่สุดของชีวิตเราค่ะ เราเลิกกับอดีตสามี ที่อยู่กินกันมา เจ็ดปี โดยเราก็คิดเยอะแล้ว แต่มันก็ยังเจ็บปวดที่สุด ของที่สุด และเมือเรามีความทุกข์ มากขนาดนี้ ถ้าเราบอกแม่และพ่อท่านก็คงจะเจ็บปวดตามเรามากมาย แต่เราทำให้ท่านเห็นว่าเรา ไม่เป็นไร ท่านเองก็เสียใจ  ส่วนเพือนสนิท ทุกคน เราเกรงใจ เพราะเราปรึกษาปัญหาชีวิตของเรากับเค้าเป็นเวลานานมาก และทุกคนก็ต่างมีครอบครัวไปหมด   เค้าเข้ามาในช่วงจังหวะ นั้น เข้ามาถามว่าเราเป็นอะไรไหม๊  และคอยให้คำปรึกษาเราเป็นอย่างดี  เราเริ่มที่จะกระตือรือล้นที่อยากจะคุยกับเค้าไม่ได้ ชู้สาว แต่คุยแล้ว สบายใจ ... ต้องบอกว่า  ก่อนเจอเค้า มีแต่คนบอก เค้าน่ารัก เค้าหล่อ เค้าแสนดี แต่เราก็เฉยๆ  จนเราได้เจอเค้าจริงๆ ความรู้สึกแรกมันไม่ใช่รักแรกพบ แต่เป็นความรู้สึกถูกชะตา รู้สึกว่าเค้าจะได้เป็นเพือนเรา ... หลังจากนั้นเราก็คุยกันมาเรือยๆ จนได้พบว่า เค้าพิเศษสุดๆ  เราไม่รู้ใครจีบใครก่อน มันเหมือนเป็นการพูดคุยแบบ เพือนและก็หลงรักความคิดของกันและกันอะค่ะ  เค้าก็โงหัวไม่ขึ้น เราก็โงหัวไม่ขึ้น ไม่คิดว่ามมีรักครั้งใหม่เร็ว ขนาดนี้  ตอนแรกก็กลัวใจตัวเอง อยากจะถอยห่างออกมา เพราะยังขยาดกับชีวิตครอบครัวที่ไม่ประสบความสำเร็จ  แต่อีกใจหนึ่งเค้าเป็นสิ่งที่วเศษมากๆ ถ้าปล่อยเค้าไปเราก็คงไม่รู้จะมีโอกาสเจอคนดีๆ อีกครั้งไหม ...  เค้าก็ดี บอกกลับไปคิดดีๆๆ ถ้าเราจะคบกันหรือไม่ .........   ในที่สุดก็ตัดสินใจคบกันและเค้าก็ไม่เคยทำให้เราผิดหวังเลยซักนิด  ชีวิตเราไม่เคย คิดจะมีแฟนฝรั่งเลย แต่ก้เห็นสาวๆ หลายคนอยากมีเพราะบอกว่าหนุ่มฝรั่ง โรแมนติค เทคแคร์ดี เราก็เฉยๆ แต่ตอนนี้ ชอบมากๆๆ ชอบให้เอาใจ ชอบให้เทคแคร์ ชอบให้ดูแล เค้าทำได้หมดเลยคะ   ร่ายมายาวๆ  ของเราคุยกันแบบเพือนก่อนคะ แต่คนที่อยากเปลี่ยนความสัมพันธ์คือคุณผู้ชายค่ะ จากคุณ : เนียนละออ เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 54 19:23:51

ความคิดเห็นที่ 59 แฟนจีบก่อนดิคะ รู้จักกันที่ที่ทำงานแล้วเค้าก็ชวนไปดินเนอร์ด้วยกันแล้วก็คบกันปีนึงถึงแต่งงาน 7-8 ปีแล้วค่ะ จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 54 19:31:08

ความคิดเห็นที่ 60 คุณแฟนมาจีบก่อนค่ะ เราเจอกันครั้งแรกที่ Party รับน้องของมหาลัยค่ะ เราเป็น Freshy เค้าเป็น Senior ค่ะ จำได้ว่า เรา Dance อยู่กลาง Floor แล้วก็มีชายหนุ่มสองคนนั่งมองเราเขม็ง มารู้ที่หลังว่า สองคนนี้เป็นพี่น้องกันค่ะ เต้นจนเหนื่อย เราเลยเดินไปที่บาร์ ไปหาเบียร์กิน ได้จังหวะเลยค่ะ หนุ่มคนนึงลุกขึ้น แล้วเดินมาหาเรา คำพูดแรกที่เค้าคุยกับเราคือ คุณชอบคาราบาวไหม? เราก็แบบ อะไรนะ อ้อ คาราบาว ไอ้นี่ไม่รู้ซะแล้วว่าใครเป็นใคร บังเอิญเราเป็นแฟนพันธุ์แท้คาราบาวน่ะค่ะ หลังจากนั้นก็ยาวเลยค่ะ คุยกันเรื่องคาราวบาวทั้งคืน ชอบเพลงอะไร ไปคอนเสิร์ตไหนมาบ้าง เลยรู้มาว่า เรากับคุณแฟน เคยเจอกันมาก่อนแล้วครั้งนึง ที่คอนเสิร์ตคาราบาวเนี่ยแหละ เค้าบอกว่า เค้าจำผู้หญิงคนนึงได้ คนที่เต้นอยู่หน้าเวที ใส่ชุดดำ ผ้าพันคอสีชมพู รูปที่เค้าถ่ายมาจากคอนเสิร์ตครั้งนั้น พอเอามาขยายดู ปรากฎว่าเป็นเราจริงๆ ด้วยค่ะ โลกกลมเนอะ ปัจจุบัน คบกันมาจะครบสามปีแล้วค่ะ ป.ล. วันแรกที่พบกันตรงกับวันเกิดเค้าพอดีค่ะ เค้าบอกว่า You are the best birthday gift of my life ค่ะ จากคุณ : Hippiainen เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 54 19:34:16

ความคิดเห็นที่ 61 แฟนจีบเราก่อน นานพอควรเลยอะ เรื่องของเรื่องคือไม่ใช่สเป๊คขอหล่อกว่านี้ 555 ก็ตอนนั้นเราอายุไม่มากก็นะจะรีบมีไปทำไม แต่ก็มาชนะใจตรงที่เป็นคนเสมอต้นเสมอปลายและสามารถทดแทนในสิ่งที่เราไม่มี สามารถทำให้เราเป็นคนที่ดีกว่าที่เคยเป็นคือเค้าเป็นคนมีระเบียบวินัยมากๆ รอบคอบเป็นที่หนึ่งซึ่งเราไม่มีเราก็เลยเหมือนได้ทดแทนไรงี้ รู้สึกว่าเลือกคนนี้เพราะเหตุผลไม่ไม่ความหลงเลยสักนิด ความรักก็มีแต่วันแต่งานยังไม่มากเท่าวันนี้ แฟนเราไม่โรแมนติกเลยสักนิด ทะเลาะกันอย่าได้คิดงอน หรือหนีไปบ้านเพราะแฟนเราเค้าจะไม่ง้อและไม่ตาม ไม่ใช่ไม่รักแต่เค้าเป็นคนที่ไม่ชอบคนไม่มีเหตุผลขี้งอน เราจะเลิกก็เพราะแบบนี้หลายครั้งแล้ว แต่ความดีของเค้ามันมากกว่าสิ่งที่เราไม่พอใจ จะหาที่ไหนได้ ฐานะมั่นคง ไม่กินเหล้า ไม่เที่ยว ไม่สูบบุหรี่ ไม่เจ้าชู้ สุภาพ ใจดี โอ้ยปล่อยไปก็บ้าแล้ว จากคุณ : สาวลพบุรี เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 54 19:37:08

ความคิดเห็นที่ 62 ไม่ใช่ฝรั่งได้ไหมคะ อิอิ ;) จากคุณ : Yoruichi เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 54 19:39:08

ความคิดเห็นที่ 63 ผมไม่รู้จะเรียกว่าแฟนได้หรือเปล่านะครับ เจอกันวันแรกก็เอารูปหมา รูปแมว รูปส่วนตัว แฟนเก่า มาให้ดู ผมไปไหนก็ตามผมตลอด ไม่ยอมห่าง (เคยเป็นอดีตเพื่อนร่วมงานนะครับ) อาทิตย์ต่อมาก็บอกจะซื้อไอโฟนให้ทั้งที่ไม่ได้ขอ อาทิตย์ต่อ ๆ มาก็ชวนไปอยู่บ้านด้วยเฉย ๆ บอกว่าถ้าได้ไปจะชอบพ่อเค้า แม่เค้า ชอบหมาชอบแมว  ผมคิดในใจตรูเป็นคนรักสัตว์ตรงไหน อาทิตย์ต่อมาถามผมอีกว่าขับรถอะไร ชอบขับรถของเขาหรือเปล่า รถเค้าเพิ่งซื้อใหม่ อยากให้ผมเป็นเจ้าของ   นอน ๆ อยู่ก็มีเสียงมือถือสั่น มีข้อความมาอวยพรให้ผันดีตอนนอน เห็นหน้ากันอยู่แค่โผล่มาหน้าต่างก็มองเห็น แต่ส่งข้อความมาตลอด ตอนนั้นผมก็ไม่เข้าใจว่าอะไรฟะ  ผมค่อนข้างไร้เดียงสาเรื่องความรัก ผมไม่รู้หรอกว่าผู้ชายคนนี้มาจีบ   จนกระทั่งมีคนพูดว่า สองนี้หยุดจีบกันได้แล้ว แล้วก็ไปซ่ำกันได้แล้ว... พอผมไม่ส่งข้อความกลับ มีเคือง  เดินมาถึงห้องนอนผมเลย เอาดิ๊ ถึงวันสำคัญ ถามว่าอยากได้ไร พูดเล่น ๆ ว่า...  เจ้าของสิ่งนั้นมันก็ลอยมาหล่นปุ๊อยู่ตรงหน้า...จากอีกซีกโลกนึง ก็ทำ ๆ กันอย่างนี้ไปมาก็ได้ ๒ ปีกว่าแล้วล่ะครับ  ผมเลยไม่รู้ว่าจะจัดเค้าไว้ในประเภทไหน แฟนหรือเพื่อน จะพูดว่าเพื่อนมันก็มากกว่า จะว่าแฟนเราก็ไม่ได้อยู่ด้วยกัน  แต่ที่รู้แน่ ๆ ผมถูกจีบแน่นอน จากคุณ : Air Bender เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 54 20:59:01

ความคิดเห็นที่ 64 ได้อ่าข้อความของหลายท่านสนุกมากกกก   ส่วนเราเป็นคนที่ชอบฝรั่งมาตั้งแต่จำความได้คือ ผู้ชายไทยไม่เคยอยู่ในความคิดราเลย เราเป้นคนชอบคนหล่อ คนสูง ขาว และกลิ่นตัวหอมๆๆๆๆ อิอิ  เราจะไปทุกที่ทำทุกอย่างเพื่อจะได้เจอชาวต่างชาติเริ่มจากเรียนภาษา แต่ที่ทำให้เจอแฟนคนแรกคือไปเรรียนดำน้ำ เค้าเป้นครูสอนดำน้ำ แต่เราไม่ได้ชอบเค้าเราชอบเพื่อนเค้า สุดท้ายคนที่เราชอบมาบอกว่าแฟนเราเค้าแอบชอบ เราเขิลมากปนเสียใจนิดๆๆ เค้าเข้ามาจีบดดยสอนเราดำน้ำ ต่อมาก้เป็นบัดดี้ให้เราตอนทดสอบดำน้ำ และขอเราเป็นแฟนดดยการทำสัยญาณมือใต้น้ำ โรแมนติกมากเราอายไปสามวันเพราะเพื่อนเค้ารู้เยอะมาก ครบกันได้สองปีไปบ้านเค้าที่ อัมเตอร์ดัม สองครั้ง แต่ก็ต้องเลิกกันเพราะเราเองยังไม่พร้อมที่จะมีลุกคือเค้าอยากมีลุกมากแต่รายังอยากไปเที่ยวและเรียนเลยแยกทางกัน และตอนนี้ก้เป้นเพื่อนที่ดีต่อกันเค้าเปิด รรสอนดำน้ำอยู่ที่ภุเก็ต,,,,,, แฟนคนปัจจุบันเราเป็นคนออสเตรีย พบกันตอนเค้าอกหักจากผู้หญิงไทย เราให้คำปรึกาาเค้าผ่านทางเว็บเด๊ทติ้ง คุยกันประมาณสองอาทิตย์เค้าบินจากออสเตรียมาหา และชวนเราไปเที่ยวสิงค์โปรืเราก้ไปเลยเพราะเพิ่งเลิกลับแฟนเหมือนกัน ต่างคนต่างเล่าเรื่องแฟนเก่าให้ฟังเลยเข้าใจกัน ครบกันประมาณ หนึ่งปีคนนี้ไม่โรแมนติกไม่เคยบอกรักเพราะเค้ายังรักแฟนเก่าอยู่ เราเลยให้เค้าเลือก แต่เค้าเลือกแฟนเก่าเราเลยเลิกติดต่อทุกทางประมาณ อาทติย์เค้าส่งเมลมายาวมากกกก ขอดอกาสเราเป็นครั้งที่สอง เราก้เลยยอม ตอนนี้อยู่ที่เวรียนนาด้วยกันมีความสุขมากคะ แก้ไขเมื่อ 24 ส.ค. 54 21:11:47 จากคุณ : I'm traveller เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 54 21:00:37

ความคิดเห็นที่ 65 ส่วนเรื่องดิฉันเนี่ย เพื่อนๆบอกว่าเอาไปแต่งเป็นละครน้ำเน่าได้เลย สมัยนั้นดิฉันเป็นไกด์ค่ะ สามีมาเที่ยวเอเชียกับครอบครัว คือ ยาย พ่อ แม่ พี่ น้อง สามีลางานได้แค่ 2 อาทิตย์ เลยเลือกแค่มาเลเซียกะไทย ส่วนคนอื่นไปฮ่องกง สิงคโปร์ แม่สามีเล่าให้ฟังว่าใจจริงอยากให้สามีไปฮ่องกงกะสิงคโปร์แทน แต่สามีบอกไม่ ยังไงๆ ก็จะไปเมืองไทยด้วย สามีึถึงเมืองไทยบ่ายโมง ซื้อทัวร์วัดที่สนามบินเวลาบ่ายสาม ปกติทัวร์บ่ายจะเริ่มบ่ายโมงเสร็จ 5 โมงเย็น บ่ายสามนี่จะต้องเร่งเพราะรถจะติด ดิฉันนัดเพื่อนไว้ที่ห้างตอนบ่ายสาม กำลังจะออกจากออฟฟิศละ กำลังใส่รองเท้าแต่ผจก.เรียกไว้ ยื่นชื่อลูกทัวร์ให้ ดิฉันอ่านชื่อแล้วโมโหมาาาก เพราะบ่ายสาม รถติดมาก ทำทัวร์ลำบากแล้วยังต้องโทรไปเลิกนัดเพื่อนอีก เซ็ง แต่ก็ต้องไป เพื่อจะไปบอกให้เขาเลื่อนทัวร์เป็นวันรุ่งขึ้น พอไปถึงโรงแรม เจอพี่สาวกะแม่เขาก่อน พูดยังไงๆ ก็ไม่ยอมเลื่อนทัวร์ พอเจอสามีลงลิฟท์มา เห็นหน้าเขาตอนเขามองเราแล้วอายๆ นึกในใจเลยว่า ฮั่นแน่ ตกหลุมรักเราแล้วล่ะสิ 555 แต่ไม่ไ้ด้คิดอะไรเพราะนึกว่าสามีอายุน้อยกว่า เราห่างกันแค่ปีเดียวค่ะ ดิฉันเป็นไกด์เลยแก่แดด (แก่เพราะแดด) ทัวร์บ่ายวันนั้นก็ไปวัดไตรมิตร วัดโพธิ์ วัดเบญฯ สามีเป็นคนถ่ายวีดีโอ แต่รู้่สึกจะถ่ายแต่เรา วัดวาไม่ค่อยเน้น พอเรามองก็จะหันไปถ่ายโบสถ์ ถ่ายวิวเฉไปเรื่อย พอดิฉันเก็บดอกไม้จากตนสาละมาให้ทุกคนดม ทุกคนบอกว่าหอม ดิฉันเลยว่า หอมสิเพราะฉันเก็บมาจากข้างๆอึหมา ทุกคนอึ้งๆๆ แล้วก็ฮาา สามีเลยบอกว่าเธอเป็นผู้หญิงตลกหน้าตาย พร้อมส่งตาหวาน 555 ทีนี้ที่วัดนี่ทำให้น้องไกด์ที่บริษัทมาเห็นสามีดิฉันแล้วเกิดปิ๊ง เลยโทรเข้ามือถือดิฉันทันทีว่า พี่แขกพี่น่ารักอ่ะ หนูชอบเขาจังเลย พี่แนะนำหนูให้เขารู้จักนะ ดิฉันก็แค่อืมๆ เออๆ ไปงั้น ไม่ได้สนใจอะไร สามวันต่อมา มีทัวร์ไปกาญจนบุรี ก็ไปทัวร์ตามปกติ เขาก็คอยมาจีบ คอยมาคุย แต่ดิฉันก็ไม่ได้สนใจเพราะยังนึกว่าเขาเด็กกว่า และวิธีจีบก็เลี่ยนมาาาก ฮามาาก อย่างมีผึ้งมาตอมดิฉัน ดิฉันวิ่งหนี เขาก็พูดว่า "ก็เธอสวยหวานขนาดนี้ ผึ้งมันก็อดใจไม่ไหว" ตอนนั้นคืออึ้งๆๆๆ ลิเกเกินไปไหมน้อง จะขำมากก็ไม่ได้ กลัวเขาอาย 5555 ทีนี้มาถึงจรรยาบรรณ สมภารไม่กินไก่วัด ดิฉันไม่เคยชวนลูกทัวร์ไปเที่ยว หรือกินข้าวด้วยเลย หรือเวลาลูกทัวร์ชวนไปไหนต่อที่ไม่ใช่ทัวร์ ก็ไม่เคยไป ยกเว้นระหว่างทำทัวร์แล้วเขาชวนกินข้าว นั่นโอเค น้องไกด์คนนั้นเขาก็ไปกาญจนฯด้วย คุณเธอไม่เทคแคร์แขกตัวเองเลย มาตามสามีดิฉันตลอออด แต่ดิฉันก็ไม่อะไรมาก ขำๆไปเพราะน้องเขาเป็นคนตลกๆ  วันนั้นเป็นวันเกิดดิฉัน เรามีนัดเลี้ยงวันเกิดที่ฮาร์ดร็อค น้องไกด์ก็โทรมาออดอ้อนให้ดิฉันชวนเขาไปด้วย แต่ดิฉันไม่ชวน เลยยื่นโทรศัพท์ให้คุยกันเอง พอไปถึงฮาร์ดร็อค น้องไกด์หายออกไปกะเขาสองคน ในใจดิฉันคือเสร็จไอ้น้องแน่ 55 ที่ไหนได้ พอน้องกลับมาบอกว่า เขาไม่สนหนุเลยถามแต่เรื่องพี่ตลอด ดิฉันก็ขำ แต่น้องบอกว่าหนูว่าคนนี้เหมาะกับพี่นะ เขาน่ะไม่ใช่เด็กนะ เรียนจบแล้ว แก่กว่าพี่ 1 ปี ดิฉันก็อุ๊ย แอบดีใจ แต่ฟอร์มจัดไว้ก่อนเพราะรู้ว่าน้องเขาชอบ สักพักคุณ(ว่าที่)สามีก็เรียกดิฉันออกไปคุย จากคุณ : ZOMG เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 04:31:09

ความคิดเห็นที่ 66 ตายละวา คลิกส่งเลยเห็นว่ายาวมาก ขอโทษด้วยค่ะ ถ้าคุยเรื่องนี้ทีไรดิฉันจะเล่านาาานตลอด 55 โอเค มาเล่าต่อ สามีเรียกออกไปสารภาพว่าชอบ บรรยากาศโรแมนติกสุดๆ หน้าฮาร์ดร็อคดิฉันนั่งบนขอบฟุตบาท ตรงช่องระบายน้ำพอดี แมลงสาบออกมาตามจังหวะกลองในฮาร์ดร็อค สามีนั่งคุกเข่าหนึ่งข้างที่พื้่นถนน กุมมือดิฉันไว้แล้วบอกว่า "ผมชอบคุณนะ อยากรู้จักคุณมากกว่านี้ ขอเบอร์โทร เบอร์อีเมลคุณได้ไหม ผมไม่เคยรู้สึกอย่างนี้กับใคร"  ว่าแล้วเขาก็จุ๊บที่มือดิฉันเบาๆ ตอนนั้นอารมณ์แบบไม่ได้ตั้งใจฟังมากเพราะเป็นคนกลัวแมลงสาบขึ้นสมอง ตาก็เลยคอยมองว่ามันจะไต่ขาตูไหมวะ ถ้าวิ่งหนีตอนนี้ ไอ้หนุ่มนี่ตกใจแน่ เอาไงฟะ แต่พอโดนจุ๊บมือปุ๊บ (คำเตือนอ่านช่วงนี้แล้วอาจเลี่ยน) ไอร้อนที่ริมฝีปากกลายเป็นประจุไฟฟ้าต่ำวิ่งเข้ามาที่หัวใจ ส่งความคิดไปที่สมองว่า เฮ้ยยยย ไอ้ที่เขาว่าสปาร์คมันเป็นอย่างนี้นี่เอง นี่ล่ะคนนี้ล่ะที่ฉันรอมานาาาน ไปอยู่ที่ไหนมา ใช่เลย เ็ป็นเธอแน่นอน อะไรประมาณนั้น ดิฉันก็มองหน้าเขาแบบอึ้งๆ อะไรจะเร็วขนาดนี้ ทันใดนั้นก็มีเสียงเด็กชายพูดขึ้นมาว่า "พี่ครับ หมากฝรั่งไหมครับ 3 อัน 100"  วูบเลย อารมณ์โรแมนติกดับวูบเลย 5555 ดิฉันให้เบอร์โทรไป เขาขอรูปถ่ายไปด้วย ก็ให้ไป 1 ใบ จากวันนั้นก็มีทัวร์ไปฟาร์มจรเข้ ไปวัดพระแก้ว ก็คุยกันบ้าง แบบเขินๆ จนวันสุดท้ายที่เขาต้องกลับ น้องชายเขาลืมมีดพับไว้ในรถ ดิฉันเลยต้องเอาไปคืนให้ แต่วันนั้นดิฉันนอนน้อยและเพิ่งไปบริจาคเลือดมา เลยหน้าซีดๆ สามีเลยพาขึ้นไปดาดฟ้าโรงแรม บอกว่าเธอต้องขึ้นไปสูดอากาศบริสุทธิ์ (กทม.เนี่ยนะมีด้วยเหรออากาศที่ว่าเนี่ย) พอขี้นไปถึงเขาเปิดประตูไปที่ทางหนีไฟ แล้วบอกว่าฉันจะแต่งงานกับเธอ ตอนนั้นมองหน้าเขาแล้วบอกว่า ไอ้บ้า 555 เอ๊ยยย ไม่ใช่บอกแค่ว่า you are crazy แค่นั้น แต่เขาบอกว่าเขามั่นใจแล้วว่าดิฉันเป็นคนที่เขาอยากใช้ชีวิตด้วยตลอดชีวิต 8 เดือนต่อมา เราก็แต่งงานกันเพราะสามีต้องไปทำวิจัยที่อเมริกา 2 ปี เขารู้ว่าคงเป็นไปไม่ได้ที่จะใ้ห้ดิฉันไปเจอเขาที่นั่น จึงเร่งให้ดิฉันแต่งงานกันที่เนเธอร์แลนด์ก่อนแล้วขอวีซ่ามาอเมริกาด้วยกัน จนบัดนี้แต่งกันมาจะ 12 ปีแล้ว ลูกชาย 2 ค่ะ จริงๆ เรื่องระหว่างนั้นก็มีเยอะ แต่ไม่ไหวละ มันยาวไปจริงๆค่ะ จขกท.ถามสั้นๆ ดิฉันมันคนพูดมากเลยขอเล่าเยอะ555 ดิฉันเป็นคนเชื่อในพรหมลิขิตตั้งแต่เด็กๆ ไม่เคยคิดตามหา หรือไขว่คว้า ถ้ามันจะใช่ทำยังไงๆ ก็หนีกันไม่พ้นค่ะ จากคุณ : ZOMG เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 04:52:14

ความคิดเห็นที่ 67 แต่งกันมาได้ 32 ปีแล้วค่ะ ร้องเพลงให้คุณ PatPDX ฟังแล้วกันครับ จากคุณ : DOROTHY AND WIZARD OF OZ (hollywop) เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 05:37:00

ความคิดเห็นที่ 68 ขอบคุณทุกคนมากนะครับ เรื่องของหลายๆคนสนุกและน่ารักมากเลยครับ เล่ายาวแบบนี้ดีแล้วครับ ดีกว่าไม่เล่าแล้วยังจะพูดไม่ดีต่อกันอีก ฮ่าๆ จากคุณ : Keichun เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 08:16:49

ความคิดเห็นที่ 69 รู้สึกว่าหนุ่มไทย ไม่ค่อยกล้าเข้าไปจีบฝรั่งนะครับนี่ ผมก็รู้สึกยังงั้นนะ เห็นสวยๆ น่ารักๆ นี่อยากจะคุยเหมือนกัน แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง กินอยู่ก็ไม่เหมือนกัน ภาษาเราก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ (เวลาเรียนด้วยกัน ฟังแทบไม่ออกเวลาเธอๆคุยกันในห้อง มันไม่เหมือนกับที่เราเคยเรียนในห้องเรียนเมืองไทยซักนิด) อะไรประมาณนี้ แต่กลับกัน หนุ่มเมกันดูมั่นใจกว่าเรามาก อยากทำอะไรก็ทำเลย อยากจีบใคร มันเอ๊ยเค้าก็จีบเลย หรือว่ามีหนุ่มๆไทย มีแฟนฝรั่งแต่ไม่ค่อยเปิดเผยตัวในไกลบ้านมั่งครับเนี่ย จากคุณ : G.T.S. เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 08:59:59

ความคิดเห็นที่ 70 ขอบคุณพี่ Hollywop และคุณพี่ newcomer (gpvtu2009) ด้วยค่ะ สำหรับคำชมและเสียงเพลงกล่อม หลานชายน่ารักจริงๆค่ะ เป็นความชื่นใจให้ทุกคนในครอบครัว 32 ปีจะว่านานก็นาน ไม่นานก็คงไม่ เพราะคนที่เขาแต่งกันนานกว่านั้นก็มี แต่แป๊ดก็คิดว่าเรื่องอย่างนี้บางทีก็ดูแปลก เพราะคนบางคนเราอยากได้เขาเกือบตาย แต่ก็ไม่ได้ พอมาถึงคนที่เราว่า OK หยวนก็หยวนวะ กลับเป็นคนที่ใช่อย่างน่าประหลาดใจ แล้วก็ตั้งใจจะอยู่กันไปจนกว่า till death do us part นั่นแหละ ขอให้ทุกคนมีความสุขกับคู่ของตนและซื่อตรงต่อกันตลอดไปค่ะ ปล แป๊ดยังไปไม่ถึง Land of Oz.. Congress นั้นไม่ต้องพูดถึง เพราะได้แค่ทำกับข้าวให้คนในบ้านกินแถมขัดกระไดไชรูส้วมอยู่แถวนี้แค่นั้นละค่ะ อิอิ แก้ไขเมื่อ 25 ส.ค. 54 09:15:12 จากคุณ : PatPDX เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 09:07:00

ความคิดเห็นที่ 71 ส่วนเรื่องของเราก็ เห็นแฟนครั้งแรกแล้วแบบว่าปิ๊งเลย ตาสวยมากกกก สีฟ้าสดใส เป็นประกาย เลยทักก่อนเลย พอเริ่มคุยก็ชวนคุยเรื่องการเมืองเลยตอนนั้นเพิ่งมีรัฐประหารพอดี (ที่คุณทักษิณไม่ได้กลับเข้าประเทศอีกเลยนั่นล่ะคะ) ไปๆ มาๆ วันนั้นเค้ามาบอกชอบเราก่อนซะงั้น ฮ่าๆๆ แระก็บอกว่าอยากรู้จักเลยแลกเบอร์กันไว้ แต่ว่าเค้าต้องบินกลับวันรุ่งขึ้นพอดี เค้าทำงานเกี่ยวกับการบิน ต้องบินตลอดเวลา ประทับใจตรงที่ นับตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน ไม่ว่าเค้าจะบินไปประเทศไหน ก่อนบินจะโทหาเราตลอด พอไปถึงสนามบิน หรือโรงแรมก็จะโทหาทุกครั้ง ทำแบบนี้มาตลอดถึงวันนี้ก็จะครบ 5 ปีแล้ว เสมอต้นเสมอปลายมาก จากคุณ : philomester เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 10:55:11

ความคิดเห็นที่ 72 ตอนนี้โสดค่ะ แต่ก็เคยมีกิ๊ก (อย่าใช้คำว่าแฟนเลย) ฝรั่งบ้าง ไม่ใช่ฝรั่งบ้าง เอามาเล่าขำๆ ละกันค่ะ ตอนนั้นเราไปสมัครงานใน stadium ของมหาลัย เราก็เดินไปถามทางเค้า เค้ากะลังกินรัยอยู่ก็ไม่รู้ ก็มองกระดาษที่เราส่งให้ มองหน้าเราอีกแป๊ป แล้วก็เดินนำเราไป ระหว่างทางก็ชวนคุยนิดหน่อย ไม่ถึง 2 นาทีก็มาถึงห้องที่เราต้องการ พอเราเสร็จธุระเดินออกมาจากห้อง ก็เห็นเค้ายืนพิงกำแพงเหมือนรออยู่ พอเห็นเราเค้าก็ถามว่าอยากได้งานเหรอ งานขายอาหารทำได้มั้ย มาทำงานกะเค้ามั้ย เรารีบตอบตกลงแทบไม่ทันเลย งานที่เราได้ นอกจากขายอาหารแล้ว เราต้องช่วยเค้านับเงินหลังแข่งเสร็จด้วย ซึ่งปกติแล้วอาทิตย์นึงแข่งอย่างมากก็ 1 - 2 match จำนวนชั่วโมงทำงานจะได้น้อยมากๆ ไม่ถึง 20 ชั่วโมง แต่เค้าให้เราช่วยนับเงิน เลยได้ชั่วโมงเพิ่มด้วย แต่กว่าจะเสร็จก็โน่นนน ตี 2 - ตี 3 ซึ่งเค้าก็จะมาส่งเราที่บ้านเกือบทุกครั้ง (มาคิดๆ ดู ทำไปได้ไง อยู่กับผู้ชาย 2 ต่อ 2 ถึงตี 2 ตี 3 ในห้อง อร๊ายยยย) ผ่านไปไม่นาน วันนึงตอนเค้าจะมาส่งเราที่บ้าน เค้าไม่ยอมออกรถซะที เราก็หันไปมองหน้า อยู่ๆ เค้าก็บอกว่า "I wanna eat you" แล้วก็ก้มมากัดคอเราเฉย เราเด้งทีเดียวหลังติดประตูเลย เค้าก็หัวเราะ แล้วก็ออกรถไป เราก็นั่งเงียบไปตลอดทาง แต่หลังจากนั้นเค้าก็ดีกับเรามากๆ ใจดีกับเราหลายอย่าง แต่โดนแต๊ะอั๋งบ่อยมากๆ ด้วย ทำให้เราเริ่มชอบเค้า แต่พอดีเค้าได้เลื่อนตำแหน่งไปทำงานเมืองอื่น แถมพี่ท่านมีเมียแล้วตั้ง 3 คน (เราถามเค้าตรงๆ) ก็เลยจบกันไป แต่ทุกวันนี้ก็ยังเป็นความประทับใจดีๆ กับผู้ชายคนนี้อยู่ แก้ไขเมื่อ 25 ส.ค. 54 13:28:25 จากคุณ : *~Treacle Tart~* เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 12:06:50

ความคิดเห็นที่ 73 สามีมาจีบก่อนมั้งคะ สามีจะมานั่งทานกาแฟที่เดิม เวลาเดิม ข้างๆฟิตเนตเรา ยิ้มให้ทุกวัน  ยิ้มแบบยิ้มแฉ่งเลย ประมาณ๒อาทิตย์ เค้ารวบรวมความกล้า เดินมาหา ยื่นกระดาษกับปากกาให้  เค้ามือสั่นมากกกกก  ไม่ได้พูดอะไร  เรารับมาเขียนเบอร์โทร กับอีเมลให้เสร็จสรรพ   จากนั้นเค้าก็หายไปเลย อาทิตย์นึงก็ได้รับอีเมลมาเค้ากลับถึงออสแล้ววันที่มาขอเบอร์คือก่อนวันกลับ ๑วัน  จากนั้นก็คุยกันทุกวัน  จากนั้นเค้าก็บินมาทุก๒-๓ เดือน  สองปีผ่านไป  เค้าบอกไม่มีตังค์มาหาแล้วอะ ใกล้ตกงานเต็มที ลาบ่อยเกิน แต่งงานกันเหอะ  ก็แต่ง ปัจจุบัน ๘ ปีแล้ว  มีความสุข และมีลูก ๑ คนค่ะ จากคุณ : spy_mini เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 13:51:13

ความคิดเห็นที่ 74 ขออนุญาตนอกประเด็นครับ...... ความคิดเห็นที่ 70 "แถมขัดกระไดไชรูส้วม" วลีนี้ถูกใจผมมาก มันสะท้อน ลักษณะงาน ที่ผมรับผิดชอบอย่างเต็มร้อย ณ เวลานี้ครับ จากคุณ : newcomer (gpvtu2009) เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 14:07:36

ความคิดเห็นที่ 75 เอาแบบเคยมีได้ไหมคะ สถานะปัจจุบันเลิกกันไปแล้ว คนเก่าที่ว่ามาจีบก่อน เริ่มต้นจากแค่คุยๆกันธรรมดา เป็นเพื่อนคุยสัพเพเหระ จู่ๆเค้าก็ถามว่ามีแฟนไหม อิฉันก็บอกว่าเพิ่งบอกเลิกแฟนเก่าไปแบบตัดไม่เหลือใย เพราะจับได้ว่ายังไม่เลิกกับแฟนเก่า เค้าก็บอกเค้าเจอเหมือนกันเลย (ลักษณะอารมณ์ร่วม) แต่ผู้หญิงยังไปมาหาสู่เค้าอยู่ อิฉันก็ว่าให้เลย รู้อยู่แก่ใจว่าผู้หญิงเค้ามีแฟนอยู่ ยังจะทำตัวเป็นมือที่สาม สงสารผู้ชายคนนั้นจริงๆ เค้าก็ว่าอิฉันทำไมไม่เห็นใจเค้า เค้ามาก่อน ผู้ชายคนนั้นมาทีหลัง อิฉันก็ย้อนถามว่าแล้วผู้หญิงเค้าเลือกใครล่ะ ก็เห็นๆกันอยู่ว่าผู้หญิงเค้าเลือกผู้ชายคนนั้น เพราะฉะนั้นตัวยูนั่นแหละที่ควรพิจารณาเอาตัวออกห่างเสีย เค้าบอกไม่เคยเจอใครที่พูดแบบนี้ เลยประทับใจ และรู้สึกว่าอิฉันเป็นคนมั่นคงและจริงใจดี แล้ววันนึงเค้าก็บอกรัก และลองคบหากัน แต่มันมีอะไรที่ทำให้อิฉันไม่สนิทใจหลายเรื่อง มันมีความกังวลลึกๆตลอดเวลา คนจะเป็นคู่กันคงต้องมีจาคะที่เสมอกันจริงๆ สุดท้ายแล้วความไม่เท่ากันในหลายเรื่องก็ทำให้ต้องเลิกรากันไปค่ะ จากคุณ : เขียนบนอีแก่ Nokia 6260 (Stila is Style) เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 18:02:24

ความคิดเห็นที่ 76 เค้าจีบเราก่อนค่ะ แต่ตั้งแต่เดทแรกแล้ว เค้ามารับออกไปกินข้าว ไปเที่ยว จำได้เลย เค้าสารภาพว่าก็บอกเลยว่าชอบเรา รู้สึกอย่างไรกับเรา ตอนเค้าขับรถอยู่ แต่ขณะนั้น ยังไม่คิดอะไรกับเค้ามาก ก็แค่คิดว่า ลองดู ลองเดทดูค่ะ จากคุณ : neppen เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 19:45:14

ความคิดเห็นที่ 77 ไม่รู้ใครจีบใครก่อน หยั่งเชิงทั้งคู่ ตอนนี้ก็ยังดูเชิงอยู่นะจะ 2 ปีแล้ว ตบตีกันวันละ 3 เวลานี่แหละน๊า ตอนโสดอยากมี ตอนมีก็อยากจะโสดดดดดดดดด... พอขึ้นหลังเสือแล้วมันก็ลงลำบาก!!! ปล. ชอบความรู้สึกตอนถูกโดนจีบนะคะ ฮ่าฮ่า เ้ขินๆดีๆ เคยมีเด็กฝรั่งเมกันอายุ 15 กับเด็กสวีดิชอายุ 17 มาจีบด้วย เห้ออ...ได้แต่คิดในใจ คุกๆทั้งนั้นเลยกรู โตกว่านี้หน่อยก็ไม่ได้!!! จากคุณ : ฮูหยินใหญ่ เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 19:55:33

ความคิดเห็นที่ 78 เกิดจากเพื่อนของโฮสขอร้องเพราะแกอยากเป็นแม่สื่อ  ส่วนตัวก็คิดว่าขำขำได้เจอเพื่อนใหม่ ในเมืองเล็ก ๆ  ก่อนเจอกันไม่เคยเห็นหน้ากันมาก่อนเลยแม้แต่รูปถ่าย รู้แค่ชื่อกับเบอร์มือถือ นัดเจอกันทาง sms จากวันแรกที่เจอกันจนถึงวันนี้สามปีแล้ว ไม่รู้ตกลงใครเริ่มจีบใครก่อน รู้แต่ว่าดิฉันตีหัวฝรั่งเข้าบ้านฝรั่งค่ะ (กำลังจะแต่งงาน :P) จากคุณ : ศิวาอารยัน เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 19:58:28

ความคิดเห็นที่ 79 คห 72 โดนแต๊ะอั๋งบ่อยๆ ก็เลยชอบเค้า??? ฮ่าๆๆๆๆ ตลกจังค่ะ ของเราเพิ่งคบแป๊บเดียวเองอ่ะ เห็นแต่ละคนแต่งงานกันมานานแล้วเลยไม่รู้จะเล่าดีมั้ย มาเรียนที่ลอนดอน แฟนจบที่ที่เราเรียนอยู่ มีสัมมนาเกี่ยวกับพวกการเงินแล้วเราสนใจก็ไปฟัง คุณแฟนก็ทำงานไฟแนนซ์เหมือนกันก็ไปฟัง นั่งข้างกัน เค้าก็ชวนคุย ด้วยความที่เราเรียนกฎหมายก็ไม่ค่อยเข้าใจมาก แต่สนใจ (สนใจเรื่องที่พูดนะคะ คนข้าง ๆ ก็สนใจแต่ยังไม่ขนาดนั้น ฮ่าๆ) เค้าเลยเอาเมล์เราไป เดี๋ยวคุยกันนอกรอบ แต่จริง ๆ แล้วได้คุยน้อยมาก เดตแรกก็ไม่เชิงเป็นเดตด้วย เหมือนนัดเจอกินข้าวขำ ๆ คุยกันเรื่องเรียนเรื่องงาน แต่คืนนั้นเค้าชวนไปเดตสองอีกสองวันถัดมาเลย เราก็งง อ้าวนี่นับเป็นเดตแรกด้วยเหรอ เค้าtext มาทุกวันแต่ไม่โทร เราก็งง ๆ นี่จีบป่ะเนี่ย พอเดตหลัง ๆ เลยถามว่าทำไมยูไม่โทร เค้าแบบ อ้าว หนุ่มอังกฤษไม่โทรทุกวันหรอก ขืนโทรบ่อย สาวจะคิดว่าเป็น loser เนี่ย ยิ่งถ้าเดตแรกแล้ว รีบชวนไปเดตสองทันทีนะ desperate มาก ไม่ควรไปด้วย เราก็เลยตอบ ก็ยูไง ยูก็ทำแบบนั้น เค้าก็แบบ เออจริง แต่เค้า text นะเค้าไม่ได้โทร ฮ่าๆ มีแก้ตัว หลังจากนั้นเค้าก็โทรหาทุกวันไม่ขาด เจอกันสัปดาห์ละ 4 วัน ตอนนี้คบกันได้ ห้า เดือนแล้ว เค้าบอกไม่เคยมีแฟนแล้วเจอกันบ่อยขนาดนี้ แต่เค้าชอบ เค้าอยากเจอ เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ดี ประทับใจตรงที่ ชอบอะไรเหมือนกัน ชอบอ่านหนังสือ ถกกันเรื่องซีเรียส ชอบทำกับข้าว ชอบที่นั่งเฉยๆ  อยู่ด้วยกันก็มีความสุขแล้ว งงมากว่าหลุดมาเจอเราได้ยังไง หล่อ เก่ง ฉลาด อ่อนโยนแบบนี้ โชคดีจริง ๆ ฮ่าๆ จากคุณ : PuppyPower เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 54 00:27:38

ความคิดเห็นที่ 80 ผมกับแฟนเจอกันที่สถานที่ "อโคจร" แห่งนึง มองหน้ากันปุ๊บ ก็เดินตามกันเลยตามประสาวัยหื่น (อิอิ) ... หลังจากนั้นก็มานั่งกินข้าว กินเหล้า คุยกันตาม บทสนทนาธรรมดา ๆ อย่างที่วัยผู้ใหญ่ปกติคุยกัน พอคุยกันถูกคอ ก็รู้สึกเหมือนรู้จักฝรั่งคนนี้มานานแสนนาน ว่าแล้วก็นัดเจอ นัดคุย และ นัด .... (ขอเซ็นเซอร์) หลังจากนั้นเป็นต้นมา ผมกับเค้าก็ใช้ชีวิตอยู่ใต้ชายคาเดียวกันมาหลายปีดีดัก จากคุณ : ผัดไทยกุ้งสด เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 54 07:40:35

ความคิดเห็นที่ 81 ผัดไทยกุ้งสด:ก็รู้สึกเหมือนรู้จักฝรั่งคนนี้มานานแสนนาน ผมเชี่อเรี่องนี้นะครับ......คู่กันแล้วไม่แคล้วกัน......จะอยู่มุมไหนของโลกก็ตาม จากคุณ : hollywop เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 54 08:48:46

ความคิดเห็นที่ 82 เรื่องมันเริ่มต้นที่ เพื่อนที่ร้านชวนไปดูหนังแล้วเค้ามาบอกให้ชวนอีกคนไปด้วย พอถึงวันไปดูหนังเพื่อนโทรมาบอกว่าป่วยไปไม่ได้ ไปกันสองคนละกันนะ เดทกันได้เดือนนึงเราก้อต้องกลับมาเรียน เค้าก็โทรหาทุกวัน ถามเราว่าจะกลับมาเมื่อไหร่ เราก็เลยบอกว่าถ้าอยากเจอก็มาหาที่เมืองไทยสิ เค้าบอกเค้าไม่รู้จักเมืองไทย เครื่องบินก็ไม่เคยนั่ง จะไปยังไง เราก็บอก ไม่รู้ หาทางเอง สามเดือนให้หลังเค้าก็มาหาที่เมืองไทย แล้วขอเราแต่งงาน เราบอกขอเวลาสองปี อยากเรียนให้จบก่อนค่อยแต่งละกัน ปิดเทอมเค้าก็ซื้อตั๋วให้เราไปเยี่ยมเค้า วันลาพักร้อนเค้าก็มาหาเราที่เมืองไทย จนตอนนี้แต่งงานกันแล้วค่ะ ทำไมถึงแต่งงานกับเค้า ประทับใจที่เค้ามาหาเราที่บ้านทั้ง ๆ ที่ไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับบ้านเรา สม่ำเสมอ ไม่ขาดการติดต่อตลอดระยะเวลาสองปีที่เค้ารอเรา วันเกิดเราเค้าก็ส่งของขวัญมาให้ เป่าเค้กกันในเอ็ม แต่วันเกิดเค้าเราจำไม่ได้ซะงั้นอ่ะ ตอนไปกินข้าวกันครั้งแรกเค้าสั่งสลัด เราสั่งสเต๊ก พอพนักงานมาเสิร์ฟ เค้าเสิร์ฟสลัดให้เรา เสิร์ฟสเต๊กให้เค้า เราก็ยิ้ม ๆ ไม่พูดอะไร มาขำหลังจากแต่งงานกันแล้ว เค้าบอกว่า เค้ากินเยอะ เค้าเขินที่จะสั่งเนื้อชิ้นใหญ่ๆ ต่อหน้าผู้หญิงที่เค้ากำลังจะจีบมาเป็นแฟน จากคุณ : gabzy (gabzy) เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 54 10:17:53

ความคิดเห็นที่ 83 คุณ PuppyPower.. ได้เจอคนดีๆถูกใจอย่างนี้แล้วอย่าปล่อยให้รอดมือไปเข้ามือมารเชียว วันดีคืนร้าย ให้ตีหัวลากเข้าถ้ำปล้ำเสียให้เรียบร้อย รร ฝรั่ง มัวช้าไปเดี๋ยวจะ มคปด (ดำ)กฤษณาสอนน้องนะ จากคุณ : PatPDX เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 54 12:05:08

ความคิดเห็นที่ 84 ขอค้่านนนนน @ความคิดเห็นที่ 19 เราโสดมา จนอสยุ26ปีล่ะ ㅠ_ㅠ ปากแข็ง หลอกตัวเองว่าไม่เศร้า เห็นเพื่อนมีแฟน ญาติแต่งงาน แอบไปร้องไห้ในห้องน้ำทุกที จากคุณ : sheeporange เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 54 15:05:15

ความคิดเห็นที่ 85 เป็นคนจีบก่อนค่ะ แต่พอจีบได้แล้วเราก็เป็นฝ่ายกลัวซะงั้น ทำไมเป็นแบบนี้ไม่รู้ พอมีคนมาจีบเราจะไม่ชอบเลย ก็ โสดอยู่ประมาณ 4 ปี แต่ ตอนนี้เจอคนที่ใช่แล้วค่ะ อายุน้อยกว่า 10 ปีแน่ะ เราเป็นคนจีบก่อน ทำงานที่เดียวกันด้วย หลังๆมาไปไหนเค๊าก็ตามไปด้วย และก็ขี้หึงด้วยอะ คุยกะคนอื่นไม่ได้เลย  ทำให้...บางทีเราคิดว่าเค๊าเป็นเด็กไปอะค่ะ แต่เค๊าน่ารักดีก็เลยคบกันมาได้ปีกว่าแล้วอะค่ะ จากคุณ : BorN To bE AlonE เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 54 16:16:47

ความคิดเห็นที่ 86 เป็นคนไข้ที่ตึก ไส้ติ่งแตก ติดเชื้อในช่องท้อง ที่ward ไม่เคยมีฝรั่งมา admit เลยพูดภาษาปะกิดกันงูๆปลาๆๆ เวลาคนไข้ กดออดเรียกวุ่นวายโกลาหลเพราะเป็นโรงบาลบ้านนอก    ต้องโยนเหรียญไม่ก็เป่ายิ่งฉุบกันว่าใครจะไป ตอนนั้นดวงซวยมั๊ง ต้องไปดูแลอีตาฝรั่งคนนี้ทุกที ฝรั่งขี้นกคนนี้เรื่องมากๆๆๆ ขี้บ่นมากมาย ถ้าไม่คิดถึงจรรยาบรรณวิชาชีพที่มีอยู่ละก้อ จะไล่ให้ไปนอนโรงแรม5ดาวแทน เห็นมดก็กดออดให้เข้าไปดู ยังกะมดยักษ์ลุ่มน้ำอเมซอล ยังนึกอยู่เลยว่าถ้าแกเห็นงูเขียวที่สวนหย่อมหลังโรงบาลคงเยี่ยวหด ยังมีเรื่องราวอีกมากมายขี้เกียจเล่า ที่บ้าสุดๆๆๆ ก็อีตานี่กวนประสาทส่งดอกไม้มาให้ที่ทำงาน ทุกวันหยุดราชการ ทั้งวันสำคัญทางศาสนา วันแม่ วันพ่อ วันวิสาขะ วันแรงงาน  วันโกน มารู้ทีหลังว่าค่าส่งมันแพงมากกก ครั้งละเกือบ100 ยูโร รู้งี้เปลี่ยนมาเป็นส้มตำปากซอยท่าจะแซบกว่า สรุป...... ที่แกกดออดบ่อยเพราะอยากเห็นหน้าเรานี่เอง แกว่าเห็นหน้าเราแล้วหายปวดเยี่ยว เอ้ยยย.... หายปวดแผลเป็นปลิดทิ้ง(ว่าเข้าไปนั่น) พึ่งมารู้ทีหลังแทบละลาย 5555 สรุปตอนจบ.....เสียท่าเป็นพยาบาลพลัดถิ่นให้กับคนไข้รายนี้มาปีที่7แล้วจ๊ะ จากคุณ : kunpet35 เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 54 16:36:07

ความคิดเห็นที่ 87 บอกไม่ได้ว่าใครจีบใครก่อน เพราะจริง ๆ ชอบผู้ชายฝรั่งมาแต่ไหนแต่ไร ส่วนแฟนก็ชอบคนไทย คนเอเชีย เจอครั้งแรกก็ไม่ได้ประทับใจอะไรมากมาย ดูโทรม ๆ เหมือนฝรั่งขี้นก สูบบุหรี่ ฟันก็ดำ ๆ เห็นแล้วไม่ใช่สเปค แต่หลังจากนั้น 2 วันก็นัดทานข้าว ต่อมาอีก 1 เดือน ก็ย้ายไปอยู่บ้านเค้า จากนั้นอีก 7 ปี ก็ยังเหมือนเดิม รักกันดี สรุป มันเป็นของมันเอง ต่างคนต่างทำ ทำให้เรื่องเดียวกัน พร้อม ๆ กัน จากคุณ : Win Preston เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 54 17:03:31

ความคิดเห็นที่ 88 ฮ่า ๆๆ ขอบคุณค่ะคุณ PatPDX ไม่รู้จะลากยังไงดีแต่จะพยายามค่ะ ฮ่าๆ เดี๋ยวก็จะกลับเมืองไทยแล้วเรียนจบแล้ว แต่เค้าบอกว่าจะมาหาสิ้นปี แล้วปีหน้าให้เราไปหาเค้าตอนหยุดสงกรานต์แล้วเค้าก็จะมาอีกสิ้นปีหน้า แพลนกันนานไปมั้ย ไม่รู้ long distance จะเวิร์คนานขนาดไหนกันเชียวค่ะ but if it's meant to to, then it's meant to be :) จากคุณ : PuppyPower เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 54 18:17:37

ความคิดเห็นที่ 89 เราจีบแฟนก่อนค่ะ จำได้ว่าตอนนั้นเค้ากลัวเรามากๆ ถึงขั้นยอมเดินขึ้นบันไดไปอีก 2 ชั้น เพื่อจะได้ไม่ต้องเจอหน้าเรา 555 จากคุณ : Meawism เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 54 19:47:03

ความคิดเห็นที่ 90 เรื่องของพี่ๆ น่ารักดีค่ะ  อ่านไปอมยิ้มไป เขิลตอนโดนจีบ  ตอนมีคนมาชอบ แต่เค้าเป็นรุ่นน้องอ่ะ อาจารย์บอกคนนี้เด็กดีนะ ฮอตด้วย แกอารมณ์ว่าเชียร์  เพื่อนเราก็มาบิ้วๆ แล้วก็แอบบิ้วอาจารย์ไปด้วย ประมาณว่าจะฟ้องๆ ว่าเนี่ยทำไมเราไม่เดตด้วยอะไรด้วย แต่ก็เป็นเรื่องน่ารักๆ  ดี คือคิดว่าเดี๋ยวก็ต้องกลับไทย  ไม่อยากคบๆ เลิกๆ อีกอย่างยังไม่รู้จักกันด้วย บวกกับไม่ชอบคนที่เด็กกว่าค่ะ หนุ่มน้อยนักกีฬา เรียนเก่ง ลูกอาจารย์สุดฮอตคนนี้ ก็เลยเป็นความทรงจำดีดี อีกหนึ่งอย่างในชีวิต  ตอนก่อนกลับไทยไปถ่ายรูปที่ระลึกที่โรงเรียน เจอพ่อเค้าด้วย บังเอิญมาก เค้าก็เข้ามาคุย แล้วก็กอดเราซะงั้น ปกติเราไม่กอดเพื่อนผู้ชายค่ะ...หญิงไทยเต็มขั้น  กอดแต่กับเพื่อนผู้หญิง แล้วก็เกย์บางคนได้  ไม่รู้ว่าพ่อเค้านึกไงมาคุยกะเราเค้าเป็นโค้ชกีฬาอ่ะคะ ไม่มีเรียนวิชาของอาจารย์คนนี้  แค่เคยเห็นบ้างแต่ไม่เคยทักกันเลย ไม่รู้ลูกเค้าไปพูดอะไรบ้าง  คิดเเล้วก็ยังแอบเขิลอยู่บ้างนิดหน่อย ขอบคุณกระทู้ดีดีและเรื่องราวน่ารักของพี่ๆ ที่นำมาแบ่งปันนะคะ กะจะไม่พิมพ์เเล้วเชียว  ก็ยังไม่เคยมีเเฟนนี่นา มีแต่เราปลื้มเค้าและคนที่เค้าแอบชอบ แต่ยังไม่มีเราชอบกัน อีกเรื่องก็นายแบบหนุ่มชวนเดต...ทั้งหยอด ทั้งจีบ  แต่อินโนเซ็น เราไม่เก็ต เลยบอกว่าตอนเย็นเรารีบกลับบ้าน อิอิ พอบอกว่าเวลาว่างหรืออะไร  เราก็บอกอยู่บ้าน...เป็นงั้นไป ก็ไม่รู้นี่นา ถามมาตอบตรง  ใครจะไปคิดทัน  นายแบบตัวสูงมากยังจำชื่อได้อยู่เลย เวลางานที่โรงเรียนก็ได้แดนซ์บ้างอะไรบ้าง  ตามมารยาทขอเต้นรำ เราก็เต้นด้วยเเบบเขิลๆ ตามมาก็ตอบเบาๆ เพราะเขิลอะนะ  แต่จะปฎิเสธตอนเค้าชวนก็ไม่รู้จะทำไง  ก็ประทับใจเล็กๆ จากคุณ : Saori_Chubby Chic เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 54 03:28:16

ความคิดเห็นที่ 92 ไม่รู้ใครจีบใครก่อนเลยค่ะ คิดไม่ออกจริงๆ แต่ที่จำได้คือเราบอกว่า I love you ก่อนล่ะ เราอยู่เมืองไทย สามีอยู่ตปท. แต่เราทำงานในสายงานคล้ายๆกัน วันนึงเราเข้าไปอ่านเว็บเกี่ยวกับทฤษฎีการให้คำปรึกษา เพื่อที่จะเอาความรู้มาพัฒนางาน แต่อ่านแล้ว ภาษาอังกฤษก็ไม่ค่อยได้เรื่อง แปลถูกๆผิดๆ ไม่เข้าใจหลักทฤษฎีที่เขาเขียนไว้ เราเลยโพสต์ข้อความถามไว้ในเว็บบอร์ด แล้วสามีเรามาตอบคำถามให้ เพราะเขาใช้ทฤษฏีนี้ในการทำงานพอดี แต่ภาษาอังกฤษเราแย่มากๆอ่ะ เขาอธิบายมายังไงก็ไม่เข้าใจ คุณชายเลยขออีเมล์เราเพื่อที่จะอธิบายได้ง่ายขึ้น มารู้ทีหลังว่า เขาไม่อยากให้เราโพสต์ถามคำถามที่ใครๆอ่านแล้วก็ไม่เข้าใจคำถามเราในเว็บ   เขาเลยจะอธิบายให้กระจ่างเป็นการส่วนตัวแทน ประมาณว่าคำถามเรามันไม่ make sense ก็เลยได้แชทกันทาง msn เป็นต้นมา ซึ่งคุยกันแต่เรื่องงานล้วนๆ  ไม่ได้คุยเรื่องส่วนตัวเลย สามเดือนต่อมาเขาก็ส่งตั๋วเครื่องบินมาให้ไปเที่ยวประเทศเขา  เราก็กล้าๆกลัว แต่ก็ไป  เพราะว่าอยากไปเที่ยวอ่ะ แต่รู้สึกไว้ใจเขานะคะ คนเตือนเยอะมากว่าไม่เคยเจอกัน เดี๋ญวไปแล้วเขาหลอกไปขายจะทำไง อย่างน้อยก็ทำงานในสายวิชาการเดียวกัน เขาเป็นคนมีความรู้ ความไว้วางใจมันเกิดขึ้นเอง โดยไม่ต้องมีใครมาบอกเลยนะ เหมือนมี sense ค่ะว่าคนนี้ล่ะที่เราคุยด้วย แล้วรู้สึกสบายใจ มีความสุข เขาให้กำลังใจเรื่องการทำงานตลอดเวลา พอได้เจอกันตัวเป็นๆ ก็รู้ว่าใช่เลย แค่มองตาก็เข้าใจ ไม่ต้องพูดอะไรให้มากมาย คนนี้ล่ะที่เราตามหา เขาขอเราแต่งงานก่อนที่เราจะกลับมาเมืองไทย เราเลยคบกัน บินไป บินมาเจอกันปีละสองครั้ง  สองปีต่อมาก็แต่งงานกันค่ะ จากคุณ : MadamShoblom เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 54 12:15:55

ความคิดเห็นที่ 93 เอามั่ง  ของฉันเคยพบกันมาก่อนทำงานบริษัท  ฯ เดียวกันแต่คนละประเทศ  และต่างคนต่างมีครอบครัวของตัวเอง ไม่มีสิทธิ์คิดเรื่องจีบกันเป็นแค่คนคนหนึ่ง  เป็นเจ้านายเก่าผู้ตรวจการ-ซึ่งทั้งออฟฟิสนินทากันว่าอีตาคนนี้ไม่เคยยิ้ม ตาขี้เก๊ก พบกันอีกทีตอนสังสรรค์พนักงานเก่า ๆ  แบบไม่เป็นทางการ อีตานี่มาโดยไม่รู้ว่าใครเชิญ  เพื่อน ๆ กินเบียร์เข้าปากชักพูดมาก ถามเขาว่าทำไมเมียไม่มาด้วย เขาบอกว่าเมียตายมา 1 ปีแล้ว  ได้เรื่องเลย เพื่อนอีกคนบอกว่านี่เลย(ชี้มาทางฉัน) นี่เลย คนนี้สามีเขาก็ตายมา 2 ปีแล้ว แหม..ตอนนี้เหมือนนิยาย พระเอกสบตากะนางเอก หยุด 3 วิ ฯลฯ เกิดถูกชะตากันและกันตั้งแต่นั้นมา  ตอนแรกก็รู้มาว่าเขาจะกลับอเมริกา ภายใน 2-3 วัน ฉันก็ไปทำงานที่บริษัทอื่นแล้ว แต่เขาก็โทรมาให้ช่วยไปหาซื้อของไปฝากน้องสาวเขา ให้ช่วย บลา บลา บลา  ฉันก็เล่นตัวเหมือนกันล่ะ บอกไม่ว่างมั่ง ให้รออีก 3 วันบ้าง  สรุปว่าฮีกลับประเทศล่าช้าไป 1 สัปดาห์  ตอนแต่งงานกันแล้วก็ถามว่าตอนนั้นมีธุระจริงหรือเปล่า    ฮีบอกเปล่า ฉันก็มีคนคบหาเป็นแฟนกันอยู่แล้วคนไทย เป็นพ่อหม้ายเมียทิ้งหรือทิ้งเมียไม่แน่ใจ   แต่ฉันกะลังเบื่อระอา ประเภทยืมเงินบ่อย ยืมเงินแล้วไม่ยอมใช้ ถ้าร่วมหอแต่งงานด้วยสงสัยต้องอุปการะมานทั้งครอบครัว  เลยได้โอกาสถอนตัว ตอนพบกันก็ถือว่าเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว พอรู้ตัวว่าพบคนดีเจ๊ไม่ยอมปล่อยให้หลุดมือไป มีทั้งสาวไทยสาวฝรั่งมาโฉบเฉี่ยวมากมาย   มารยาหญิง 99 เล่มเกวียนเจ๊เอามาใช้หมด   เรียกว่าฉันจีบก่อนได้มั๊งตอนนี้ ตอนนี้แต่งงานมาได้ 11 ปีแล้ว ฉันดีใจที่ตัดสินใจถูก ฮีดีเสมอต้นเสมอปลาย และยังเป็นเสือยิ้มยากเหมือนเดิม   / จากคุณ : น้านก (Aunti-นก) เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 54 14:05:12

ความคิดเห็นที่ 94 ขอเล่าบ้าง จะบอกว่าในวันที่เราหยุดวิ่งตามความรักนั่นแหละ เดี๋ยวมันก็มาเอง ตอนนั้นอกหัก ร้องไห้ ฟูมฟาย ทำไมๆๆ คนที่เราชอบไม่มองเรา สุดท้ายเลยนิ่ง และไม่วิ่งตามมันอีก อยู่ๆ ฟ้าก็ประทานหนุ่มตาคม จมูกโด่งมาให้ ตอนนั้นคิดว่าไม่เอาแล้ว แต่เขามาแบบสุภาพมาก ส่งอีเมล์มาเป็นกระบุง ข้อความในเฟสถล่มทลาย เราอ่านทุกอย่างที่เขาส่งมาให้แต่ไม่เคยตอบเลย จนผ่านไปสักพักพ่อเจ้าประคุณก็ยังขยันส่ง จนเรายอมคุยด้วย จนวันนี้เขาก็ยังขยันส่งเมล์และในเฟสตลอด ไม่นับรวม sms และ miss call ตอนนี้สถานยังอยู่ในขั้นศึกษาดูใจ ยังไม่อยากใช้คำว่าแฟน เพราะอนาคตอะไรก็เกิดขึ้นได้ ของเรามีประมาณนี้ค่ะ จากคุณ : เส้นขอบฟ้าลายสีรุ้ง เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 54 15:15:36

ความคิดเห็นที่ 95 ที่จริงพิมพ์ ไว้แล้วซะยาว คิดไปคิดมาไม่เกี่ยวกับใครจีบใครเท่าไร ลบดีกว่า อืม เอาแค่ สามีคนนี้ได้มาเพราะไปขอพรพระตรีมูรติค่ะ ตรงเด๊ะๆตามคำขอเลยค่ะ เค้าส่งความสนใจมา เราเห็นคุณสมบัติตามที่เราต้องการทุกอย่าง เราก็แค่ตอบกลับไป ว่าเราชอบทีมฟุตบอลอังกฤษนะ ชอบทีมแมนยูไนเต็ดนะ คุณเป็นแฟนทีมไหน พอตอบกลับมา พระเจ้า นึกได้ทำไมเราไม่ขอให้เป็นหนุ่มมาจากแมนเชสเตอร์ด้วยว้า อิอิ แต่ตอนนี้เปลียนไปเชียร์ทีมเดียวกับสามีแล้วค่ะ ทุกวันนี้มีความสุขดี สามีน่ารักมาก และเป็นพ่อที่ด้วยค่ะ ไม่ค่อยเกี่ยวแต่อยากเล่าอ่ะ แก้ไขเมื่อ 27 ส.ค. 54 19:24:46 จากคุณ : ต้นฟ้า-ใบฝน เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 54 19:23:32

ความคิดเห็นที่ 96 เริ่มจากทำงานกลุ่มเดียวกัน เพราะวันนั้นนั่งติดกัน แล้วทั้งกลุ่มก็มีเรากะเค้าที่ช่วยกันทำอย่างเป้นเรื่องเป็นรา วและทำเยอะสุดเลยสนิทกัน เค้าก็ชวนเราไปหาไรดื่มอ่ะค่ะ แล้วก็ชวนไปเดินเล่นบ่อยๆ ตอนนั้นเค้ามีแฟนอยู่แล้ว เราเลยไม่สนใจ แต่พอเค้าเลิอกกะแฟน เราเลยคุยกันบ่อยขึ้น แต่ใช้เวลาเป็นเทอมกว่าจะรู้สึกว่ารักกันนะ  ของเรามันเรียบๆจน ไม่รู้ว่าจะนับการเป็นแฟนกันตั้งแต่วันไหน จากคุณ : ECTV เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 54 00:56:25

ความคิดเห็นที่ 97 เราอ่อยเค้าค่ะ เค้าเลยจีบ... จากคุณ : หญิงป้า เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 54 09:48:22

ความคิดเห็นที่ 98 ... เน้น ย้ำอีกครั้งนะครับว่า ช่วยๆๆ กันกด VOTE ก็ดีนะครับ เพี่อที่ กระทู้จะได้อยู่ได้นานๆ นะครับ จากคุณ : okb เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 54 10:26:38

ความคิดเห็นที่ 100 ตอนแรกกะว่าจะเข้ามาแอบอ่านอย่างเดียว อ่านไปแล้วก็อมยิ้มไปกับหลายๆเรื่องค่ะ ไม่อยากหยุดอ่านเลย เลยขอเล่าเรื่องตัวเองต่อละกันนะคะ เรื่องของเราก็คือ หนุ่มผมบลอนด์ตาฟ้าเค้าเข้ามาคุยก่อนค่ะ เพิ่งมาทราบตอนหลังว่าสเป็คเค้าเนี่ยขอสาวเอเชีย แบบจีน เวียดนาม ฟิลิปปินส์ ไทย เค้าบอกว่าชอบเพราะนิสัยอ่อนหวาน น่ารักค่ะ (ไม่ใช่เราซักนิดเดียว แต่เพิ่งเจอกันเค้าเลยยังไม่รู้ฤทธิ์) เจอกันได้สามสี่ครั้ง เค้าก็ให้เพื่อนที่เป็นคนไทยขอเบอร์ให้ เราก็บอกว่ามีแฟนอยู่นะ (ความจริงก็ไม่ได้มี แค่กลัวๆน่ะค่ะ) แต่พี่เค้าตื้อๆก็เลยให้ไป เค้าก็ส่ง sms มาชวนไปกินข้าว เค้าเป็นคนสุภาพมากๆ ให้เกียรติคนอื่น เป็นคนที่จริงใจ แล้วก็ใส่ใจความรู้สึกคนอื่นมากๆค่ะ (ไม่ใช่แค่กับเรานะคะ กับคนรอบข้างเค้าทุกคน เราชอบเค้ามากๆก็ตรงนี้) คบกันได้สองสามเดือน พอเราจะกลับไทยก็มาคุยกันจริงจังว่าจะเอายังไงต่อ เค้าก็บอกว่า Long Distance มันไม่เวิร์คหรอก แล้วเค้าก็ไม่คิดว่าเราเป็นคนที่ใช่ขนาดที่เค้าจะแต่งงานด้วย เราก็ยังไม่ได้บอกเค้าว่าเราตัดสินใจจะกลับไปเรียนต่อ คือกลับมาไทยแค่สองเดือนแล้วจะกลับไป พอได้ยินแบบนั้นก็แอบอึ้งๆเหมือนกันว่าเค้าไม่ได้จริงจังกับเราขนาดนั้น แต่ตลอดเวลาที่คบกัน ความรู้สึกมันเหมือนใช่ จากนั้นเราก็บอกแผนเรากับเค้าไป เราก็ถามว่านี่บอกเลิกกับเราใช่มั้ย เค้าก็บอกว่าไม่ใช่ แต่ก็ให้คบกันแบบเปิด คือ ถ้าต่างคนไปเจอคนใหม่ก็ไปเดทได้ไม่ผิดอะไร แล้วเค้าก็จะอยู่ตรงนี้เสมอถ้าเราต้องการ (พูดซะเป็นพระเอกหนังเลย) เริ่มยาวแล้วอ่า สรุปว่าตอนนี้ เรากลับมาไทยแล้วก็ยังมีติดต่อกันทางสไกป์บ้าง แต่คุยกันก็ครั้งละไม่นาน เพราะเวลาไม่ตรงกันแล้วเค้าก็งานยุ่ง เค้าก็ยังเรียกเราว่า Babe, sweetheart ทุกครั้ง กลับไปอีกครั้งนี้ก็ไม่รู้ความสัมพันธ์จะเป็นแบบไหน ความรู้สึกแบบครึ่งๆกลางๆอย่างงี้ไม่ค่อยคุ้นเลยค่ะ เวลานึกย้อนกลับไปแล้วก็รู้สึกมีความสุขกับช่วงเวลาดีๆ แต่ก็แอบเจ็บลึกๆ ที่ตอนนี้มันกลายเป็นแบบที่เราไม่เคยคิดมาก่อน แต่เราก็เชื่อในพรหมลิขิตนะคะ :) ขอบคุณทุกท่านที่เอาเรื่องราวของตัวเองมาแชร์กัน จะรออ่านของ คห. ถัดไปค่ะ แก้ไขคำผิดค่ะ แก้ไขเมื่อ 28 ส.ค. 54 13:50:51 จากคุณ : SweeTooth (SweeTooth) เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 54 13:49:50

ความคิดเห็นที่ 101 อยากอ่านเรื่องหนุ่มไทยกับสาวฝรั่งบ้างอ่ะะะะ จากคุณ : นับเลข เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 54 14:17:53

ความคิดเห็นที่ 102 ตลาดฝรั่งยังไม่วาย ขอเล่ามั่งนะ สงสัยเราจีบเขา เพื่อนชวนไปเที่ยวหลังจากเลิกงาน เราก็โวยเพื่อนทำไมไม่บอกก่อนหน้านี้จะได้เตรียมเสื้อผ้าหอบมาเปลี่ยนที่ทำงาน(ทำงาน ร.ร ใส่ชุดอะไรก็ได้ แล้วมาเปลี่ยนใส่ชุดพนักงานสวยๆก่อนเข้างาน) ดูซิ แต่งกะโปโล เค้าจะให้เข้าเหรอ เพื่อนก็ ไม่เป็นไร แกไม่ได้ใส่รองเท้าเเตะซะหน่อย เรา เออก็ได้ แล้วสองสาวก็ไปdance กะจายไม่ห่วงสวย แล้วก็หันไปเห็นชาย(เกือบจะไม่)หนุ่ม มองมาที่เรา เราก็ ฮ๊ะ ฮ่า มองเราอยู่อะดิ๊ ก็เลยเดินไปชวนเขาเต้น เขาก็อายๆเรานะ เราก็บอกว่า มาเต้นเถอะไม่กัดหรอก เขาก็บอกว่า เขาชื่อ luke แต่เราได้ยินว่าlook look มันให้มองอะไรว๊า  เขาก็บอกอีกว่า เขาน่ะชื่อ luke หรือ lu-ke not look look, เราฮาค่ะ หน้าแตกด้วย หลังจากนั้นก็ติดต่อกันคุยปกติ 3ปี ผ่านไปไวเหมือนโกหก ก็ได้แต่งงานกัน แล้วเราก็ถามเขาว่า เธอๆชั้นมีคำถามที่ข้องใจมานานหลายปี เขาก็พูด แล้วอะไรล่ะ เราถามว่า วันแรกที่เจอกัน ทำไมเธอถึงมาเต้นกับชั้นล่ะ สาวๆสวยๆเยอะแยะ เขาบอกว่า  ก็เธอเต้นสนุกแล้วก็ไม่ห่วงสวยเหมือนคนอืน เราก็จริงเหรอ แล้วตกหลุมรักชั้นป่ะ เขาก็บอกไม่เลย เพราะเขามีแฟนอยูแล้ว อ้าวแล้วแกมาแต่งงานกับชั้นทำไมเนี่ย เขาบอก ว่าเขาไม่ได้ตกหลุมรักแต่ เขาเจอแม่ของลูกแล้ว เลยต้องกลับไปจัดการ กับคนที่คบกันอยู่ (ตรูจะดีใจ ไหมเนี่ย!!!!) จากคุณ : new Watson family (มันเป็นส่วนผสมในใจ) เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 54 15:53:13

ความคิดเห็นที่ 103 เคยมีชาวต่างชาติทำงานสถานทูตมาขอเบอร์ค่ะ ตอนขึ้นลิฟด้วยกัน เลยให้ไป เพราะคิดว่าเอาไว้ฝึกภาษา แต่พี่แกเล่นเดินมาหาที่ห้อง โทรมาบ่อยเกิน แถมชวนไปนั่นนี่อีก เลยทำตัวห่างๆ บายดีกว่า เหตุผลคือ เราเป็นทอมค่ะ 555 จากคุณ : พ่อหนูอยู่เบตง เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 54 16:34:59

ความคิดเห็นที่ 106 ตอนแรกตั้งใจจะแค่แอบอ่าน อ่านไปเรื่อยๆ อมยิ้มตามไป  อดใจไม่ไหวเลยต้อง log-in แล้วบอกดังๆว่า " อยากมีแฟน กะเขามั่งจัง " ทำงานกะฝรั่งตลอด แต่ไม่เคยเปิดโอกาส ทำงัยดี เฮ้อ....  -_-! จากคุณ : YdnaC เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 54 17:44:54

ความคิดเห็นที่ 107 ความคิดเห็นที่ 1 ใจร้ายอ่ะ นิสัยไม่ดี มีเเฟนเเล้วยังทำเเบบนี้ เหอๆ ยังอุตส่าห์ได้เเต่งงานเนอะ จากคุณ : -*- เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 54 21:20:59 A:124.121.160.78 X: TicketID:327154

ความคิดเห็นที่ 108 คุณคนเก่าจริง อิฉันว่าคุณพูดอย่างนี้ไม่น่าฟังเลย สังคมพันทิปเป็นสังคมเล็กๆเท่านั้น อย่าเอาความคิดเห็นของสมาชิกในนี้ไปตีขลุมว่าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้เสียหมด มันเป็นความจริงที่ผู้หญิงไทยบางส่วน ทำให้เสียชื่อเสียง เป็นที่พูดถึงในทางไม่ดี แต่เพราะมีผู้ชายในสังคมไทยด้วย อย่างน้อยมันก็เป็นตัวแปรหนึ่ง นักเลงจริงแบ่งรับผิดชอบกันไปฝ่ายละครึ่งดีกว่า ถ้าจะเอาให้มั่นคั้นให้ออก มันต้องพูดลึกร่ายยาวไปในเรื่องค่านิยมไทยสมัยก่อน ชายหญิงถูกปฏิบัติแตกต่างกันอย่างไร อันที่จริงไอ้เรื่องพรรค์อย่างนี้บางทีไม่ใช่เรื่องมีน้ำยาไม่มีน้ำยา หากแต่มันเป็นเรื่องทัศนคติ จำนวน รสนิยม และโอกาสด้วย ผู้หญิงไทยจำนวนมากกว่าจำนวนชายไทย จับคู่กันไม่พอ เธอก็มองหาจากที่อื่น ประจวบเหมาะเข้ากันได้ก็ร่วมหอลงโรงกัน ชายไทยมีโอกาสได้ผู้หญิงไทยดีๆมากกว่า เขาก็เลยไม่สนจะหาหญิงต่างชาติก็เป็นได้ หรือถึงเขาจะสนก็แล้วอย่างไร สิทธิส่วนบุคคลทั้งนั้น ถือว่าสมาชิกมาออกความเห็นให้คุณได้ยินได้อ่านประสบการณ์ของคนอื่น เอาเป็นคลังทางบันเทิง ทางปัญญาสารพัน แต่อย่าเอามาเป็นที่เหน็บแนมให้เจ็บช้ำน้ำใจกันเลยค่ะ เคียดแค้นกันมาแต่ชาติปางก่อนหรือก็เปล่า จริงไหมคะ จากคุณ : เขียนบนอีแก่ Nokia 6260 (Stila is Style) เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 54 22:25:49

ความคิดเห็นที่ 109 อ่านแล้ว ก็อมยิ้มไปคะแต่ละคอมเม้นน่ารักมากเลย เราเป็นคนหนึ่งที่ไม่ช่ายสเป็คต่างชาติหรือไทยเลยทำไงดีอ่ะคะ แต่ก็หวังว่าโชคชะตาคงเห็นใจบ้างนะคะ จากคุณ : Key lime pie (Key Lime Pie) เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 54 22:43:08

ความคิดเห็นที่ 110 อ่านทู้นี้แล้วผมชอบนะ ยิ้มตลอดเลย ขอบคุณทุกคนที่แบ่งปันเรื่องราวดีๆ ให้ฟังนะครับ ส่วนตัวจริงๆ ผมกะไว้แล้วว่า ญ.ไทย ต้องเป็นที่หมายปองของชาวต่างชาติเยอะ โดยเฉพาะแถบตะวันตก ตรงกันข้ามคงจะน้อยที่หนุ่มไทยจะเป็นที่หมายปองของสาวตปท. ผมเคยคุยกับเพื่อนฝรั่ง เค้าก็ชมญ.ไทยอย่างนู้นอย่างนี้ ชอบชีวิตเมืองไทย ผมก็บ่นๆ อยู่ว่าแปลก ประเทศยู เมกา สบายจะตาย มาใช้ชีวิตอยู่นี่ทำไม อายุก็ยังน้อย เค้าว่า "People here are nicer" จริงหรือชมเล่นๆ ก็ไม่รู้นะ หญิงไทย ฝรั่งชอบบอกว่าเป็น feminine มากๆ  body เล็กๆ ผิวเนียน น่าทนุถนอม แถมเค้าไม่ไมด์เรื่องสีผิวอยู่แล้ว ผิดกับหนุ่มไทยที่ชอบแต่ขาวๆ - -" เอ้อออ ว่าแล้วนึกขึ้นได้เลย เคยดูสารคดี Taboo ใน National Geographic พูดเรื่องการประกวดสาวประเภทสองในบ้านเรา แล้วก็สัมภาษณ์สาวประเทศสองต่างชาติที่มาแข่งด้วย สาวประเภทสองจากออสเตรีเลียเค้าบอกว่า "คน (กระเทย) ไทยตัวเล็กมากๆ ผิวก็เนียน เวลาชั้นยืนอยู่ข้างๆ มันทำให้ชั้นรู้สึกเหมือนเป็นสัตว์ประหลาดไปเลย ชั้นอิจฉาพวกเค้ามากๆ" ประมาณนี้ อาจไม่เป๊ะมาก แต่ตอนนั้นดูภาพแล้วก็ขำไปด้วย เออ จะดีใจมั้ยเนี่ย ชายไทยเรายังอุตส่าห์ดู feminine ได้อีกนะ แล้วพี่กระเทยฝรั่งคนนั้นก็ใหญ่เว่อร์ ไม่ว่าจะส่วนไหน แมนเกิ๊น - -" นั่นล่ะ ผมก็ยังนึกอยู่ว่า ผู้ชายไทย จะหาที่ตรงสเป็คสาวๆ ตะวันตกนี่คงยากนะ โดยเฉพาะด้าน physical นี่ กลับกัน ผมมีรุ่นพี่คนนึงคบกับสาวเกาหลี ล่าสุดเห็นว่าทำงานแถวตะวันออกกลาง อินเทรนด์ได้อีก 555 ส่วนเรื่องลักษณะนิสัย ไม่รู้เหมือนกันแหะว่า ญ.ไทยเราต่างจากตปท.ยังไง? จากคุณ : art_sarawut เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 54 23:44:32

ความคิดเห็นที่ 111 ชักจะอายแล้ว  แตกระทู้นี้ก็จี้เส้นท้าทาย  ให้ต่อตอนสอง ไม่เห็นมีชายกับชายออกมาเล่าให้อ่านบ้างเลย ผมเอามาประเดิมแล้วกัน แฟนฝรั่งของผมคนนี้  เราพบกันที่คลับใน Los Angeles   แต่ว่าครั้งนี้ผมโดนเขาจีบครับ ผมชอบตอนที่เขาเดินเค้ามาคุยด้วยความประหม่า และเสียงออกจะสั่นๆ  แต่ดูท่าทางจริงใจ เราออกไปคุยกันต่อที่ร้าน ice cream แถวๆนั้น  ยิ่งคุยผมก็ชอบมากขึ้น  เพราะเขาคุยสนุก และก็เป็นนักฟังที่ดี  พิจารณาไปแล้ว ฝรั่งคนนี้  ก็หน้าตาดีไม่ใช่ย่อย  ความสูงของเราก็เท่าๆกัน ผมตกลงปลงใจไปนอนกับเขาในคืนนั้นเอง (ที่บ้านของเขา) แม่เจ้าโว้ย  เขาช่างปรนนิบัติ สาระพัดดี  ตี่นขึ้นมา Breakfast ก็มารออยู่บนโต๊ะ (นิสัยของผมอย่างหนึ่ง  ชอบให้คนมาปรนนิบัติ)  ดูแล้วเขาก็ช่างรู้ใจไปหมด  กลับไปบ้านแล้วเขาก็ไทรไปคุยด้วยบ่อยๆ   แล้วมาชวนออกไปเที่ยวเสมอๆ ผมตกลงปรงใจไปอยู่ที่บ้านเขาเพียง 2 อาทิย์ หลังจาก ที่เรารู้จักกัน  ก็เพราะว่าอีตอนนั้นบ้านผมอยู่ไกลมากจากในเมีอง   ไปอยู่กับเขาตั้งหกเดือน  แตว่าตาคนนี้เขาเจ้าชู้ครับ  ปากเขาหวานรูปร่างเขาก็ดี และยังมีสมองเป็นยอด   จริงๆแล้วอายุเราก็ไม่ต่างกันมากนัก  แต่เขาก็เหมีอนกับเป็นครูของผมเลยครับ เขาชอบฟังเพลงแบบ Classical มากๆ และชอบพาผมไปดู Opera พร้อมด้วยการอธิบาย ทำให้ผมได้เรียนรู้สิ่งดีๆจากเขา  และยังสอนให้ผมรู้จักดี่ม wine นาๆชนิด  ดังนั้นผมเท่ากับไปเรียนกับเซียนตั้ง หกเดือนทีเดียว  และมีโอกาสไปสังสรรค์กับฝรั่งรวยๆที่มีบ้านอยู่ใน Beverly Hills หลายๆครั้ง อย่างที่บอกว่าเขานั้นเจ้าชู้  ผมเลยตัดใจไปจากเขา   และก็เปลี่ยนเมีองไปอยู่ที่ San Francisco  อีกตั้ง 2 ปี   ปัจจุบันฝรั่งคนนี้ออกไปหาเมียจากเมีองจีนมาแต่งงานมีลูกและความสุขดีที่ LA ส่วนผมอกหักและหักอก ไปหลายคน   ทำใฟ้เกิความเบื่อหน่ายกับ San Francisco ย้ายกลับไปอยู่ที่ New York อีกครั้ง ที่นี้ผม มีโอกาสเข้าไปรวมพวก กับ ชาว Poly  หรีอเรียกเต็มๆว่า Polyamory  และก็รู้ว่าตนเองอยู่ได้ไม่นานกับรักเดียวใจเดียว  เปิดให้ความรักกับหลายๆคน ท่าทางจะมีความสุขมากกว่า และก็เริ่มเข้าใจตนเองมากขึ้นจากความรักที่มีอยู่หลายๆตอน  แทนที่จะไห้รักเดียว ผมเริ่มรู้จักให้ความรักกับหลายๆคนในเวลาเดียวกัน ปัจจุบัน โลกของผมยิ่งกลับไปอยู่ในสมัยเก่าๆ  ที่ท่านเจ้าคุณที่มีภรรยาได้ครั้งละหลายๆคน   และเราทุกๆคนรู้จักกันดี  ออกไปเที่ยวด้วยกัน ในหมู่ของเราเอง  มีอะไรก็ช่วยเหลีอซึ่งกันและกัน  ผมเข้าใจโลกสมัยเก่าได้มากขึ้นๆ ว่าทำไมคนสมัยโน้นเขาถึงชอบมีฮาเร็มกันนัก  แต่ว่าสมัยนี้หลายๆตนอาจจะแสดงความรังเกียจเหยีดหยามกับสามีที่มีเมียน้อยหลายๆคน  แต่ว่าผมเข้าใจแล้วครับ หรีอชาติก่อน ผมคงจะเป็นนางในฮาเร็ม ในสมัยโน้น  ทำให้เข้าใจได้ง่ายๆ หลายๆคนอาจจะสงสัยว่าผมแต่งงานแล้วเกิดมาชอบเพศเดียวกันได้อย่างไร  เรี่องนี้ต้องเหวี่ยงกลับมาที่เมีองไทย   อย่างที่คุยว่าผมหล่อและสดๆร้อนๆจากอเมริกา  ไม่ว่าจะไป คลับที่ไหน ก็ไม่ถูกใจเท่ากับไปเที่ยวตามเกย์บาร์ในกรุงเทพ ระยะแรกก็อยากเข้าไปนั่งฟังเพลงฝรั่งเท่านั้นเองครับ  แต่ถูกรบกวนมากๆผมก็ใจอ่อน  ยอมตามเขาไป จากนั้นชีวิตก็เปลี่ยไป เข้าใจสังคมดีกว่าที่เคยเป็น หลังจากเดินทางจากเมีองไทยกลับไปที่นิวยอร์คอีกครั้ง ก็ไปเรียนๆๆ  และก็เที่ยวๆๆๆ สมัยนี้ ผมชอบมีแฟนคนไทยมากกว่าฝรั่งครับ   เพราะคนไทย หลายๆคนที่ผมรู้จักมีแต่น่ารักกันทุั้งนั้น   ส่วนฮาเร็มฝรั่ง เราก็เพียงแต่เป็นเพี่อนที่ดีต่อกัน เพราะเราก็อายุพอๆกัน เท่านั้นเอง จากคุณ : hollywop เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 54 07:08:16

ความคิดเห็นที่ 112 ก็ผู้ชายไทยมีน้อย น่ะค่ะ ไม่อยากแข่งขัน ไม่อยากกินน้ำใต้ศอก  หรือเป็นกิ๊กกับใคร เลยต้องเบนเข็มออก นอกประเทศ เคยถามสามี เรื่องเลิกแฟนเก่าเขาเป็นออสซี่ เขาก็บออก ผู้หญิงฝรั่งน่ะ มั่นเกิน ผิวพรรณหยาบ ขนเยอะ นิสัยไม่อ่อนโยน เหมือนสาวๆเอเซีย เราก็นะ จริงเหรอ ถึงว่า เพื่อนเราถาม ทำไมเธอไว้ขนตามแขน ตามขา ไรหนวด(ตูไม่ได้ไว้ แต่ไม่เคยโกน) ป.ล ตอนนี้หนุ่มๆฝรั่งก็เบนเข็มมาทางสาวหมวย ขาวๆ แล้วนะจ๊ะ แต่เท่าที่คุยกับเพื่อนๆมา สาวไทยกินขาดจ้า ไม่ต้องน้อยใจ ฝรั่งชอบความอึมครึมค่ะ 5555555 ,,แก้ไขคำตกหล่น,, แก้ไขเมื่อ 30 ส.ค. 54 09:14:33 จากคุณ : มันเป็นส่วนผสมในใจ เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 54 08:52:37

ความคิดเห็นที่ 113 แอบเข้าอ่านแบบเงียบ ๆ ค่ะ อ่าน ๆ ก้อ ขำ ๆ ไป แต่เรื่องของคุณ วู๊บ วู๊บ นิวยอร์คเนี่ย เจ๋งสุดค่ะ มันส์ได้ใจมาก ๆ ค่ะ  เอาอีก ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ขอแบบ สาธยาย อีกนิ๊ดได้ม๊ะคะ ว่า ทำไมแบบว่า เส้นทางไหน อารมณ์ไหน ถึงได้รู้ว่า ไม่เอาแล้ว รักแบบเดิม ญ. เนี่ย แล้วมาเป็นอีกแบบนึง ที่สำคัญรู้ตัวในเรื่องของ Polyamory  ตอนไหนเหรอคะ เพราะว่า หนูดูทีวี ที่เมกาเนี่ย พอจะรู้คร่าว ๆ ค่ะ ขอบอกก่อนนะคะว่า หนู Respect ทุกความคิดเห็นที่มา เขียนเรื่องราวนะคะ ปล ถ้าหนังสือออกเมื่อไหร่ อย่าลืมมาเขียนบอกในนี้นะคะ จะไปถอยมาคนแรกเลยค่ะ ^_^ จากคุณ : snow... เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 54 09:57:42

ความคิดเห็นที่ 114 อารมณ์ไหน ถึงได้รู้ว่า ไม่เอาแล้ว รักแบบเดิม ญ. เนี่ย แล้วมาเป็นอีกแบบนึง คงจะเป็นอารมณ์ตั้งแต่เกิดละมัง  แต่สมัยผมสังคมไม่ยอมรับ ทำให้ตนเองปฏิเสธตลอดมา  ไม่ยอมรับกับความจริง Polyamory  ตอนไหนเหรอคะ ตอนที่ผมรู้ว่า  ตนเองกระหายรักเอามากๆ  เพราะว่าสมัยด็กๆ คิดว่าขาดความอบอุ่น จากพ่อแม่ญาติพี่น้อง (ไปอยู่ที่อเมริกานานมาก) รักเดียวก็ยังไม่พอ  เผี่อว่าว่าเขาทิ้งเราไปอีก  ผมจะทำยังไง มีมันหลายๆคนคงจะดีกว่าคนเดียว  และผมคงจะเป็นคนที่โชคดี  ให้มีความเข้าใจ และดลใจให้ไปรู้จักกับชาว Poly นั้นแหละ จากคุณ : สอนให้รัก ไม่ใช่หลายใจ (hollywop) เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 54 13:00:38

ความคิดเห็นที่ 115 คุณ ZOMG  ฮามากค่ะ .. ชอบๆ จากคุณ : duangrts เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 54 15:17:48

ความคิดเห็นที่ 116 แฟนเป็นเพื่อนของแฟนเพื่อน ครั้งแรกที่เห็นคือรูปเค้าติดมาจากงานวันเกิดเรา เราก็ไม่รู้หรอกว่าผู้ชายคนนี้เป็นใคร จนคุยกันอีกครั้งเมื่อผ่านครั้งนั้นมา 3 เดือน เพราะชอบเที่ยวที่เดียวกัน เค้าบอกว่ามองเรามานานแล้ว แต่เราไม่เคยมองไปที่เค้าเลย และบอกด้วยว่าเมื่อเจอเราครั้งแรกรู้เลยว่าเราเพอร์เฟคสำหรับเค้าแล้ว ตอนนี้ก็คบกันมาสองปีกว่าแล้วค่ะ จากคุณ : ph.ornanong (ph.ornanong) เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 54 16:22:41

ความคิดเห็นที่ 117 ขอแชร์เรื่องด้วยคนนะคะ เราเป็นทอม แฟนเป็นคนมาจีบก่อน เธอทำงานที่เดียวกับเราแต่คนละแผนก เจอกันก็ทักทายสวัสดี แต่มีอยู่วันนึง แฟนก็เขียนเบอร์โทรใส่กระดาษมาให้ เราก็รับไว้แบบ งงๆ หลังจากที่ได้เบอร์มาเราก็มาคิดว่า ถ้าไม่แลกเบอร์กันจะน่าเกลียดหรือเปล่า ก็ไม่สนิทกันมาให้เบอร์เราทำไม หลังจากนั้นอีกสองวัน เจอกันเธอก็ทวงเบอร์ของเรา อ้าวจะเอาจริงหรือนี่ ก็เลยให้เบอร์ไป จากนั้นเราก็จะได้รับข้อความชวนไปดูหนัง ไปทะเล แต่เราก็ไม่เคยไปสักครั้งจนมีอยู่ครั้งนึงซึ่งเป็นเหตุให้เราสองคนคบกันก็คือ เธอขอให้เราช่วยสอนอาหารไทยให้ สรุปจากวันนั้นจนถึงทุกวันนี้ ก็คบกันมาสองปีกว่าๆแล้วค่ะ เธอบอกเราว่า พยายามหลายครั้งกว่าจะสำเร็จ เกือบถอดใจซะแล้ว อ้าวก็ใครจะไปกล้า เธอเป็นคนสวย พนักงานชายในที่ทำงานก็หว่านขนมจีบกันเป็นแถว ทุกวันนี้ก็รักกันดีค่ะ จากคุณ : SS เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 54 19:09:29 A:144.135.84.152 X: TicketID:054724