ความคิดเห็นที่ 1 ส่วนใหญ่เรียน PhD ก็จะเป็น RA หรือ TA อยู่แล้ว ก็คือทำงานให้เค้านั่นแหละครับ เค้าก็จ่ายค่าเทอมแล้วก็เงินเดือน แต่ถึงยังไงทำ PhD ก็ต้องทำวิจัยกันทั้งนั้น (หรือมีสาขาที่ไม่ต้องทำรึเปล่า อันนี้ไม่ทราบนะครับ) "เท่าที่ศึกษาดู" ก็แสดงว่าไปค้นเจอมาแล้วเหมือนกัน ส่วนใหญ่ระบบก็คล้ายๆ กันนะครับ หลักๆ เค้าก็เขียนไว้ในเวบไซต์เค้านั่นแหละ จะติดต่อ prof. ถ้าเราอ่านงานเค้าแล้วสนใจก็ส่ง email ไปถามก็ได้ แล้วก็ลองแย๊บๆ ดูว่าสนใจสมัครที่นี่ อยากทำงานด้านนี้ ถ้าสมัคร U นี้แล้วขอทำกับเค้าได้มั้ย (เขียนดีๆ แล้วแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับหัวข้องานเค้าให้เข้าตาก็น่าจะได้คะแนนบวกเยอะ ถ้าเค้าหาคนเพิ่มอยู่น่ะนะครับ) อ่อ ถ้าเขียนถามเรื่องว่าอยากทำงานด้วยแบบนี้แนบ cv ไปก็ดีนะครับ แต่บางที่ก็ไม่ต้องติดต่อ prof. แต่แรก เข้าไปเรียนแล้วค่อยไปหา แนะนำลองถามอาจารย์ที่รู้จักจากสถานศึกษาเก่า (ป ตรี โท) ดูครับ เค้าอาจจะรู้จัก prof. ที่ทำงานด้านที่เราสนใจก็มี หรือรู้แหล่งทุนดีๆ ที่จะแนะนำได้ จากคุณ : kanim เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 54 09:44:12

ความคิดเห็นที่ 2 อัตราการแข่งขันน่าจะขึ้นกับความมีชื่อเสียงของ Professor ค่ะ ส่วนคิดว่าจะเขียนอย่างไรให้เค้าสนใจ ก็ต้องคิดว่าตัวเรามีอะไรดี เช่น เคยผ่านงานวิจัย พรีเซน เรื่องอะไรที่เกี่ยวข้องกับงานวิจัยในด้านที่ Professor ทำอยู่หรือไม่ หรือมีความรู้ เรียนด้านนี้มาเป็นพิเศษ จีพีเอสวย จบจากมหาวิทยาลัยหรู มีคะแนน GRE TOEFL เลิศ คือมีอะไรดีๆ ก็๋เขียนใส่ไป แล้วก็บอกว่าสนใจจะเรียนกับเค้า อยากมีโอกาสได้เรียนรู้อะไรก็ว่าไป เรื่องขอทำงานด้วยก็ใส่ไปเลยก็ได้ อาจารย์เค้าจะได้พิจารณาไปเลย เพราะนักศึกษา PhD. จำนวนหนึ่งก็ได้รับทุนจากที่ทำงานมาเรียนต่ออยู่แล้ว เค้าไม่ต้องการทุน ถ้าคุณต้องการก็ระบุไปเลย  Proferssor จะได้ทราบ เคยมีโปรเฟสเซอร์ท่านหนึ่งบอกว่า ได้รับจดหมายสมัครเรียนเยอะมาก ถ้าไม่เด่นจริงๆ ท่านแทบจะไม่ใส่ใจเลย ท่านจะสนใจคนที่เดินเข้าไปติดต่อพูดโดยตรงมากกว่า แต่ถ้าคุณอยู่เมืองไทย การขอนัดคุยโทรศํพท์กับโปรเฟสเซอร์อาจจะเป็นทางออกที่ดีค่ะ จากคุณ : โตช้าแก่เร็ว เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 54 12:08:48