ความคิดเห็นที่ 1 เราก็อยากย้ายกลับไทยถาวร เหมือนกัน แต่ติดเรื่องลูกสาวแฟน แค่เจ็ดขวบ จะไม่ได้เจอพ่อ ถ้าเราย้ายกลับไทย จริงๆ เราสองคนพร้อมนะ อยากกลับไปใช้ชีวิต แบบพอเพียง ที่ไทย เจอแดดทุกวัน ปลูกผัก ปลูกดอกไม้ อยู่ที่นี่ เราปลูกดอกไม้ไม่ค่อยขึ้น ต้องซื้อดอกไม้พลาสติค มาเสียบในกระถางหลังบ้านแทน บ้านเราที่เชียงราย มีดอกไม้ทั้งใน และนอกรั้วบ้าน สวยอยู่ทั้งปี ปลูกดอกทานตะวันได้ทั้งปี แค่ขยันรถน้ำ จนพระบิณฑบาตร ผ่านมา เปรยว่า"นึกว่่าดอกนี้ มีแต่หน้าหนาว หน้าร้อนก็ขึ้นเหรอ" ส่วนแม่ก็มี พืชผักสวนครัวทุกอย่างแทบไม่ต้องซื้อผักกินเลย ผลไม้ก็มีหลายอย่าง หลายชนิด  เมืองไทย สวรรรค์แท้ๆ เลย... ไม่รู้ทำกรรม อะไรไว้ที่ต้องมาอยู่ที่นี่ ย้ายกลับก็ไม่ได้  เลิกสามีไปก็ไม่กล้า บ่นมาซะยืดยาว... ก็แค่คิดถึงบ้านมากกกกก  เบื่อที่นี่ฝนตกทุกวัน แทบไม่เจอแดด มันเลยหดหู่   จากคุณ : BluemirroR เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 54 04:00:24

ความคิดเห็นที่ 2 ผมปลื้มใจกับสาวขอนแก่น มาก แต่รู้สึกหดหู่ใจกับสาวเชียงรายมากๆ อ่านแล้วน้ำตาจะใหลอะ..เมืองไทย สวรรรค์แท้ๆ เลย... ไม่รู้ทำกรรม อะไรไว้ที่ต้องมาอยู่ที่นี่ ย้ายกลับก็ไม่ได้  เลิกสามีไปก็ไม่กล้า จากคุณ : ไทรโยคซาวด์ เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 54 04:25:58

ความคิดเห็นที่ 3 ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆ อ่านแล้วนึกถึงเพลงนี้หนะ น้องเป็นสาวขอนแก่น ยังบ่เคยมีแฟน บ้านอยู่แดนอิสาน.......... จากคุณ : อาการเซ็งระยะสุดท้าย เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 54 04:43:58 A:68.151.12.183 X: TicketID:257835

ความคิดเห็นที่ 4 เป็นอะไรไม่รู้ คิดเหมือนกันเลย ผมมาอยู่อเมริกาทางฝั่งเหนือไกลๆสิบกว่าปีแล้ว ฝันว่าวันหนึ่งข้างหน้าอยากกลับเมืองไทยไปอยู่ชนบท ปลูกพืชผักผลไม้ไว้กินเอง เหลือก็นำไปขายที่ตลาด ชีวิตคงมีความสุขดี จากคุณ : ช่างฝัน เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 54 05:02:09 A:75.67.247.55 X: TicketID:318955

ความคิดเห็นที่ 5 ความคิดเห็นที่ 1 "เจอแดดทุกวัน ปลูกผัก ปลูกดอกไม้ ........... ชอบ เห็นภาพเลยครับ สมัยหนึ่งอยากจะสะท้อนอะไรแบบนี้แหละ แต่เขียนไม่เป็น จากคุณ : nrewcomer (gpvtu2009) เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 54 06:42:25

ความคิดเห็นที่ 6 ยังมีอีกรายนะครับ สาวขอนแก่นเช่นกันกับ martin ชีวิตแบบว่าพอเพียงสุดๆ อยากกลับบ้านจัง ไปหาปลูกผักปลูกหญ้า ก็อกๆแก๊กๆกินอ่ะ จากคุณ : Hisword เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 54 07:11:49

ความคิดเห็นที่ 7 อย่ากออกเสียงให้ นาย Martin Wheeler เป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยสักกะหน่อย จากคุณ : A|E เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 54 07:53:18

ความคิดเห็นที่ 8 ก็คงจะเป็นทางเลือกของแต่ละคน และความชอบของแต่ละคนน่ะค่ะ บางคนอยู่ในที่ที่ศิวิไลแล้วก็อยากไปสัมผัสกับสิ่งที่เป็นธรรมชาติแบบเปื้อนดินเปื้อนโคลน หรือบางคนที่เคยอยู่แบบชีวิตสัมผัสธรรมชาติมาแล้วก็อยากลองสัมผัสกับความศิวิไลดูบ้าง แต่สังเกตุได้สิ่งนึงคือ คนเราพออายุเข้าวัยที่เรียกว่าผ่านร้อนผ่านหนาวมาพอสมควรแล้วมักจะเรียกร้องหาสิ่งที่เป็นธรรมชาติ สิ่งที่เป็นอยู่แบบง่าย ๆ ไม่ต้องหรูหราอะไรขอให้มีความสบายใจ ขอแค่ได้อยู่ในที่สงบ ๆ ก็คงจะดี ไม่ว่าฝรั่งหรือไทยหรือจีนอินเดียคิดว่าน่าจะมีความรู้สึกนี้กันนะ ขอบคุณที่นำมาให้อ่านนะคะ อ่านแล้วจะว่ารู้สึกเฉย ๆ ก็ไม่ใช่ซะทีเดียว จะว่ารู้สึกดีก็ไม่เชิง จากคุณ : JC2002 เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 54 07:58:38

ความคิดเห็นที่ 9 เห็นแล้วอิจฉามาก ในขณะที่บางคนที่มาที่ต่างแดนกันคู่ชีวิตที่เป็นคนไทยทั้งคู่กลับทำตรงข้าม ขอหย่าขอแยก ทั้งที่เคยอยู่อย่างลำบากด้วยกันในไทย พอมาที่นี่หาเงินได้มีเพื่อนเยอะ มีหนทางไป ขอเลิกทันที   นี่ยอมไปลำบาก ไปร่วมหัวจมท้ายในต่างแดน ทำให้ทุกอย่าง ในเมืองไทยที่ไม่มีอะไรเหมือนบ้านเกิดตัวเอง ผมโดนมากับตัวครับ จากคุณ : chotwattana09 เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 54 08:51:31

ความคิดเห็นที่ 10 เคยดู ทีวีเยอรมัน มาถ่ายทำหนุ่มเยอรมันมาทำไร่มะม่วงในเมืองไทย พอมะม่วงเริ่มโตจะเอาถุงกระดาษสีน้ำตาลห่อไว้ เมื่อเวลามะม่วงแก่ เอาถุงกระดาษออก มะม่วงสีสวย ไม่มีรอยตำหนิ เขาบอกส่งไปขายต่างประเทศ ตอนนี้เข้าฤดูใบไม้ร่วง อากาศจะเริ่มเย็น มืดเร็วสว่างช้าขึ้นทุกวัน จนถึงเดือนมีนาคม อากาศถึงจะค่อยอุ่น มืดช้าสว่างเร็ว รวมเวลา 5 เดือนที่อากาศหนาวเย็น ไม่ค่อยมีแดด  นับว่านานมาก จากคุณ : บอนเนอร์ เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 54 11:04:14

ความคิดเห็นที่ 11 อิฉันนึกถึงคำว่า "อิ่มตัว" จากคุณ : เขียนบนอีแก่ Nokia 6260 (Stila is Style) เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 54 11:30:49

ความคิดเห็นที่ 12 ดิฉันก็เป็นสาวขอนแก่นที่มีสามีเป็นฝรั่ง ดิฉันอิจฉาคุณน้อยมาก อารมณ์ของดิฉันตอนนี้เหมือนคุณสาวเชียงรายความเห็นที่หนึ่งไม่มีผิดเพี้ยน (ยังจะมีใครคิดมั้ยน้อว่าคนที่ได้มาอยู่เมืองนอกคือคนมีวาสนา) จากคุณ : อยู่บ้านสบายสุดๆ เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 54 11:32:09 A:121.115.148.210 X: TicketID:299625

ความคิดเห็นที่ 13 หลายวันมาแล้ว อ่านข่าวใน ทีวีเท็กซ์ ตามสถิติของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ปีหนึ่งๆ มีคนเยอรมันย้ายถิ่นฐานไปอยู่ต่างประเทศปีละแสนกว่าคน จากคุณ : บอนเนอร์ เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 54 12:32:50

ความคิดเห็นที่ 14 ความคิดเห็นที่ 13 เพราะอะไรและไปอยู่กันที่ไหนครับ จากคุณ : newcomer (gpvtu2009) เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 54 12:58:43

ความคิดเห็นที่ 15 อยากกลับบ้านด้วยครับ อยู่ที่นี่ก็มีความสุขดี แต่อยากกลับบ้านมากอ่ะ ต้องทนไปอีกหลายปีทีเดียวถึงกลับได้ หุหุ ก่อนมาก็คิดว่าการมาเมืองนอกคงเป็นวาสนาอย่างนึง ก็คงใช่ครับถ้ามาเที่ยว แต่ถ้ามาอยู่เนี่ย เหนื่อยน่ะ จากคุณ : nilotic poet เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 54 12:59:09

ความคิดเห็นที่ 16 แงงงงง อ่านจบอยากกลับบ้าน พาลูกกับสามีไปอยู่เมืองไทย จากคุณ : arich_K เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 54 13:28:36

ความคิดเห็นที่ 17 ชอบปรัชญาชีวิตของคุณ Martin และถ้ามันเป็นไปได้ที่ชาวบ้านในถิ่นที่อยู่อาศัยจะรักและเห็นคุณค่ากับถิ่นที่อยู่อาศัยของตัวเอง ภูมิใจในศักดิ์ศรีของสิ่งที่ตัวเองได้เกิด ได้มีอยู่ ประเทศไทยก็จะเป็นประเทศที่มีบุญเหลือคณานับ   แต่ก็ไม่เห็นด้วยในแง่ที่คุณ Martin ว่าไม่สอนภาษาอังกฤษลูก และคิดว่าประเทศไทยไม่จำเป็นต้องรู้ภาษาอังกฤษก็ได้ เพราะคิดว่าภาษาอังกฤษเป็นตัวอุปสรรค หรือเป็นปัญหาที่ทำให้คนท้องถิ่นเมื่อรู้ภาษาอังกฤษแล้วก็จะไม่อยู่ที่ถิ่นอาศัยเดิม จะย้ายเข้าเมืองหลวงหรือไปประเทศบ้านเมืองที่เจริญทางวัตถุและเทคโนโลยี ตรรกของความเป็นจริงที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ มนุษย์ทุกคนที่เกิดมาในโลกนี้ มีความอยากรู้อยากเห็น อยากแสวงหา และไม่ยอมหยุดนิ่ง สิ่งใดที่พวกเค้าไม่เคยพบ ไม่เคยรู้ ก็ยิ่งทำให้อยากไปรู้ ไปเห็น ทั้งๆที่บางครั้งสิ่งที่ตัวเองมีอยู่และเป็นอยู่เป็นสิ่งที่ดีกว่าสิ่งที่ตัวเองอยากไปรู้ ไปเห็นด้วย  แต่ทำไมพวกเค้าถึงต้องไปเสาะหา เพราะเค้าต้องไปรู้ แล้วมีโอกาสเลือกที่จะรู้และได้เปรียบเทียบและเลือกแล้ว ว่าสิ่งที่ตัวเองมีอยู่นั้นมันวิเศษที่สุดแล้วจริงหรือไม่ สิ่งที่คุณ Martin ปิดกั้นไม่สอนภาษาอังกฤษลูก มันก็เหมือนการปิดกั้นการเรียนรู้ของลูกในโลกที่กว้างออกไป แล้วสิ่งที่ปิดกั้นมันก็เหมือนแรงดันน้ำ ตรงไหนที่เป็นช่องปิดตรงนั้นก็ยิ่งจะมีแรงดันสูง วันหนึ่งเมื่อปิดไม่อยู่แรงดันนั้นมันก็จะทะลุไปเลย แล้วทัศนคติที่เคยถูกปิดกั้นไว้บางส่วนอาจจะส่งผลที่เป็นตรงกันข้ามก็ได้ คิดว่าถ้าสอนลูกให้รู้ภาษาอังกฤษหรือภาษาสากลอื่นใดในโลกใบนี้  ก็จะทำให้เค้ามีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล ให้เค้าได้เรียนรู้ว่าอะไรคือคุณค่าที่แท้จริงของชีวิตและเป็นผู้เลือกเอง โดยคุณพ่อก็สอนให้เห็นถึงชีวิตที่มีเป็นอยู่ รู้คุณค่าและรู้ศักดิ์ศรีของวิถีชีวิตที่เป็นอยู่อยู่แล้ว ถ้าเค้าได้ค่อยๆได้เรียนรู้โลกที่กว้างไปด้วยในขณะเดียวกัน สุดท้ายเค้าก็จะเป็นผู้เลือกได้เองว่าสิ่งที่เค้ามีวิถีชีวิตอยู่ ปรัชญาชีวิตที่คุณพ่อให้เรียนรู้ คือสิ่งที่วิเศษที่สุดที่คุณพ่อมอบให้แล้ว เค้าก็จะเลือกที่จะใช้ชีวิตแบบที่คุณพ่อมอบให้ต่อไป จากคุณ : Imperio เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 54 14:12:41

ความคิดเห็นที่ 18 คนไทยอยากจะมาอยู่ต่างประเทศ คนต่างประเทศอยากจะไปอยู่ไทย เข้าทำนอง คนในอยากออก คนนอกอยากเข้า จากคุณ : Cutie_May เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 54 22:19:47

ความคิดเห็นที่ 19 ความสุขของคนเราไม่เท่ากัน...แต่ก็สุขเหมือนกัน อยู่ที่ไหน ถ้ามีสุข ก็สุขทั้งนั้น ^__^ ไม่มีภาระที่นี่ อีกไม่นาน เราคงได้มีสุขแบบเค้าบ้าง ชอบเมกา แต่รักเมืองไทย จากคุณ : dcapar เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 54 22:30:08

ความคิดเห็นที่ 20 จริง ความสุขของคนเราไม่เท่ากัน และอยู่ที่วิธีคิดของเราว่าจะคิดอย่างไร หาความสุขให้กับตัวเองอย่างไร ชอบอยู่ที่ไหนก็ควรไปที่ชอบที่ชอบหรือถ้าไม่ชอบก็ต้องพยายามทำใจให้ชอบและเห็นข้อดีของที่นั่น   ตัวเองนี่เมื่อรู้ว่าจะต้องมาเมืองนอกร้องไห้ไปสามวันเลย เสียใจที่ต้องลาออกจากงานทิ้งทุกอย่างไว้ข้างหลัง รู้ตัวว่าจะต้องลำบากกว่าเดิมแต่เพราะความรักจึงต้องมา ไม่มาก็ไม่ได้อยู่กับคนที่เรารัก อย่างนั้นเลย ง่ายๆ อยู่เมืองนอกก็สุข ปลูกอะไรไม่ได้เลยพออากาศเริ่มเย็นถ้าไม่หอบเข้าบ้านมันก็ตายเรียบ ปีนี้เพิ่งหัดปลูกโหระพากินเองเพราะตามร้านเริ่มหาซื้อได้ยาก อุ๊ยปลูกได้ด้วย โหดีใจแทบตายกะอีแค่โหระพาสองต้น มีความสุขเหมือนถูกหวยยูโร ทำแกงเผ็ดซะหม้อเท่าปลักวัวราวกับว่าจะเลี้ยงงานบวช  นี่คือความสุขของดิฉัน บ้านก็เล็กๆแคบๆอยู่ชานเมือง ชีวิตไม่หรูหราฟู่ฟ่าไฮโซกินอยู่เรียบง่ายไม่ยุ่งยาก แต่ก็มีความสุขมากๆเลยเพราะได้อยู่กับคนที่รักเราและทำให้เรามีความสุข มันทดแทนได้หมดทุกอย่างที่เมืองไทยที่เราทิ้งมาจริงๆ   เพราะฉะนั้นไอ้คนที่มีความรักในหัวใจน่ะอยู่ไหนก็สุข ถ้าไม่ได้ยึดติดกับวัตถุมากๆนะ ที่จริงแล้วไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็มีชีวิตที่พอเพียงได้ มันไม่ได้อยู่กับว่าเราอยู่ไหน มันอยู่ที่ตัวเราเองต่างหาก จากคุณ : Gisele เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 54 01:40:43

ความคิดเห็นที่ 21 เนื้อคู่เขา อยู่ไกลกันคนละทวีป ยังมาเจอกันได้   ดูสิ  วาสนา จากคุณ : pomlive เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 54 02:54:24

ความคิดเห็นที่ 22 ไ่ม่รู้สึกอิจฉาค่ะแต่ยินดีด้วยกับทั้งคู่ เราเลือกอยู่ต่างแดนเพราะมึความสุขกับชีวิตที่พอเพียงเรียบง่ายตามอัตภาพ รักเมืองไทยนะแต่ขอกลับไปเที่ยวชั่วคราวพอแล้ว จากคุณ : เหตุผลส่วนตัว เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 54 03:16:53 A:90.224.230.187 X: TicketID:159141

ความคิดเห็นที่ 23 ดูแล้วก็ คิดว่าชีวิตคนเราต่างกัน แต่ไม่ได้อิจฉา อ่านแล้วอยากเม้นท์ ค่ะ อิฉันเป็นคนนึงที่คิดว่าตัวเองมีบุญวาสนาที่ได้มาอยู่นอก อยู่ติดๆ เยอรมันแหละค่ะ มาอาทิตย์ แรก หนาวมากทั้งๆที่หน้าร้อนของเขา ดิฉนนั่งชมวิวอยู่วันนึงได้ยินเสียงระฆัง ดังเหง่งหง่าง ให้นึกถึงว่านี่เรามาอยู่ที่สรวงสวรรค์ ได้อย่างไรนะ อยู่เมืองนอกอากาศเหมือนติดแอร์ฟรีทั่วเมือง ผลไม้ก็หลากหลายราคาถูกเก็บได้นาน แอปเปิ้ล เชอรี่ กีวี่ สตอเบอรี่ องุ่นและอีกเยอะแยะ ขนมปังก็ถูกมากมายหลายชนิด มีชีวิตที่ไม่ต้องซื้อบ้าน ซื้อรถ ซื้อที่ ไม่มีใครมาถามว่ามีปัญยาซื้อมั้ย ไม่กดดันดี มีโอกาสเรียนภาษาที่สามภูมิใจตอนแก่ แถมเก็บเงินได้เยอะ อยากอยู่เงียบๆ ไม่สุงสิงก็ไม่มีใครว่า ให้อยู่จนเกษียณก็ไม่เบื่อค่ะ ส่วนเมืองไทยก็เอาไว้หอบเงินไปเที่ยวแจกลูกหลานก็พอ คนเราพอแก่ตัวไปทำสิ่งที่ต่างจะดูมีความสุขเช่นฝรั่งนั่นแหละ ส่วนเรามาจากท้องไร่ท้องนาตายายมีนาร้อยๆไร่ ขายให้ลูกเรียนหมด จากคุณ : คนนอกอยากเข้า เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 54 12:37:51 A:178.195.69.33 X: TicketID:332456

ความคิดเห็นที่ 24 เขาทำแบบนั้นได้เพราะมีเงินก้อนไปจากเยอรมัน ถ้าเทียบเป็นชีวิตผัวเมีย ไทยกับไทย ที่จะไปปลูกผักปลูกหญ้าอยู่แบบนั้น นั่นคือวิถีชีวิตคนจนในต่างจังหวัด และก็ไม่เคยลืมตาอ้าปากได้ ชีวิตมันไม่โรแมนติกท่ามกลางเศษดินเศษหญ้า ถ้าไม่มีเงินก้อนใหญ่ในธนาคาร จากคุณ : Le Cielo เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 54 16:11:17

ความคิดเห็นที่ 25 ทำไมถึงใช้คำว่า "ทิ้งชีวิตสุขสบาย"  มาเป็นชาวสวน เพราะแต่ละคน ชอบไม่เหมือนกัน   เหมือนคนจบปริญญาโทเมืองไทย ยังไปทำงานทำความสะอาดเมืองนอก เค้าชอบ เค้าถือว่าได้ประสบการณ์ ก็มีความสุขของเค้าไป ทุกวันนี้ ครอบครัวอิฉัน ทำมาหากิน สะสมเงิน เพื่อกลับไปเป็นชาวสวนที่เมืองไทยนี่แหละค่ะ บ้านหลังเล็กๆ ในที่ดินกว้างๆ ปลูกผัก ผลไม้ ไว้กินเอง เหลือก็ขาย ไม่ต้องสะสมฟอร์มาลีนใส่ตัว ด้วยกินซื้อผักตามซูเปอร์มาเก็ตกิน และอย่างที่ คุณ Le Cielo ว่า  กว่าเค้าจะมาอยู่อย่างนี้ได้ ก็ต้องวางแผนชีวิตกันมาก่อนแล้ว โดยเฉพาะทางด้านการเงิน อิฉันคิดว่า เป็นชีวิตที่น่าอิจฉามากกว่าค่ะ แก้ไขเมื่อ 09 ต.ค. 54 18:21:38 จากคุณ : letsgokrabi เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 54 14:54:02

ความคิดเห็นที่ 26 คนจนในต่างจังหวัดถึงแม้จะยากจนหรืออยู่ต่ำกว่าเส้นความยากจนแต่คนเหล่านี้ไม่เคยอดตายถ้ามีที่ทำกิน ผิดกับคนในเมืองที่มีชีวิตอยู่กับเงินเดือน ถ้าคนบ้านนอกไม่ปลูกข้าวให้กิน จะมีชีวิตรอดรึเปล่าไม่รู้ จากคุณ : Friday13th เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 54 17:10:37

ความคิดเห็นที่ 27 สูงสุดคืนสู่สามัญไงคะ.... ถ้าเขาเคยมีแล้ว บ้าน รถ สาธารณูปโภคของบ้านเมืองเขา เขาเห็นเขาโตมา ท่ามกลางสวัสดิการรัฐที่ดีพร้อม (แต่จ่ายภาษีก็หนักเหมือนกัน) เขาก็เคยชิน คนเรามักอยากได้อยากลองอะไรที่เราไม่เคยมี วางแผนดีๆ พอมีเงินเก็บไว้สำรองใช้ที่บ้านเมืองเรา ก็อยู่ได้สบายๆ ทำอย่างอื่น ก๊อกๆ แก๊กๆ ไป แบบที่ใจอยากจะได้ อยากจะทำ แบบที่เปลือกนอกที่คนไม่เคยมีโหยหา เขาผ่านกันมาแล้ว มันคงจะอิ่มตัวแล้ว แต่คนบ้านเรา ที่มีที่ดินทำกิน  มีวิถีชีวิตเติบโตมาแบบทำไร่ ทำสวน เงินหมื่น เงินแสน ก็ไม่เคยได้จับ ทำนา ทำไร่ ทำสวน ก็แค่พอกิน บางทีขายไม่ได้ ขาดทุน ขาดความรู้ โดนพ่อค้าคนกลางเอาเปรียบ เป็นหนี้อีก  หนำซ้ำเจอกระแสวัตถุนิยมทะลักเข้ามา  หมู่บ้านเรา เห็นมีมือถือกันแทบทุกบ้าน ทั้งๆ ที่วิถีชีวิตไม่จำเป็น ต้องใช้ พอมีมือถือ สังคมที่ไปมาหาสู่นั่งคุยกัน มีเรื่องก็ปั่นจักรยานไปบอกกัน ถามสารทุกข์สุขดิบกัน ก็หายไป   พอมีข้าวของเครื่องใช้ไฮเทคโนโลยีเข้ามา ค่าใช้จ่ายก็ตามมา  ทีนี้แหล่ะ อยากทำ อะไรที่มันง่ายๆ  ได้เงินเยอะๆ ก็ต้องกรเสรือกกระสนต่อไปเรื่อยๆ (ตั้งใจพิมพ์ผิดเพราะพิมพ์เจือกตรงๆ เครื่องมันไม่รับ)  คนที่เขาอยู่แบบพอเพียงและหนักแน่นพอที่จะไม่ไหลตามกระแสนิยมตามสังคมมันก็มี แต่คงจะอยู่ลำบากกว่าแต่ก่อน สู้อะไรก็สู้ได้ สู้กิเลสและสิ่งยั่วยุ สภาพแวดล้อมรอบข้างกดดันนี่ยากแท้.... อร้ายย.... พอดีกว่า เดี๋ยวมันยาวกว่านี้ เป็นขั้นเป็นปัญหาเศรษฐกิจระดับมหภาคเลย   จะบอกแค่ว่า อะไรที่เขายังไม่เคยเจอ ที่แตกต่างจากนั้น บ้านนอกเรา เทียบกับ กทม.  ก็ต่างกันราวฟ้ากับดินอยู่แล้ว (แต่ค่าครองชีพไม่ค่อยหนีห่างกันเลย)  เขาก็ย่อมโหยหา  และคิดว่าอยากได้ชีวิตที่ดีกว่านั้น มีบ้านหลังใหญ่ มีรถขับบ้าง   ตามกระแสวัตถุนิยม  เหมือนคนในอยากออก คนนอกอยากเข้า.... ที่สำคัญเลยนะ ถ้าเทียบกับฝรั่ง ไปอยู่บ้านเรา ฝรั่งได้รับการยอมรับตั้งแต่ยังไม่ไปอยู่บ้านเราเสียอีก  พอไปถึงปัญหาเรื่องการยอมรับจากสังคมนี่ คนดูถูก ดูหมิ่น นี่น่าจะหา ไม่ค่อยมีมั้ง  เพราะพื้นฐานคนไทย จิตใจดี เป็นมิตรและชอบช่วยเหลือกันมาแต่ไหนแต่ไร  แต่ผิดกับคนไทยไปอยู่ต่างบ้านต่างเมือง ขนาดมีความรู้ มี ความตั้งใจจริง ขยันทำงาน อยากทำทุกอย่างที่ทำได้ ไม่งอมืองอเท้า โอกาสที่จะ ได้รับการยอมรับ ยากเย็นแสนเข็ญ  มีนะ แต่ใช้เวลา ประสบการณ์ส่วนตัว กว่าเราจะทลายกำแพงความคิดของคนที่นี่ ให้เขาเปิดรับเรา ได้บ้างใช้เวลานานมาก นานจนเราท้อไม่รู้กี่รอบ ถามตัวเองว่า กรูมาอยู่ทำไม ที่นี่ ๆๆๆๆ คำตอบ ตามมาก็ต้องทำให้ก้มหน้าสู้ต่อไปไอ้มดแดง จะหนีกลับ ผู้ชาย ที่บ้านก็เว้าวอนเหลือเกิน  สู้ต่ออีกสักหน่อยนะตัวเอง แล้วมันจะดีขึ้นเอง (เห็นไม๊ ว่าหักอกเมียฝรั่ง ลำบากแท้) ไหนจะเรียนภาษาอีก  ฝรั่งพูดไทยไม่ค่อยชัด ไปที่ไหนใครๆ ก็อยากคุยกับฝรั่ง มีเพื่อน เป็นฝรั่งมันเท่อ่ะ ฝรั่งก็ได้คุยกับคนไทยบ่อยๆ เพราะมีแต่คนอยาก คุยด้วย  ของเรานี่ ขนาดได้ทำงานกับคนพื้นที่ เจอคนเฟรนด์ลี่หน่อยก็ดีไป   แต่น้อยที่ใครจะมาชวนเราคุย ยิ่งเด็กวัยรุ่น พูดกับพวกเขา ถ้าเขาไม่ค่อยเข้าใจ ไม่มีอารมณ์จะคุยต่อแล้ว  ถามตอบตามมารยาท บางทีรู้สึกตัวเองเหมือนไร้ตัวตน ณ ท่ามกลางพวกนั้น พวกคนแก่ๆ มีเวลามากก็จริง ใช่ว่าทุกคนอยากพูดกับต่างชาติที่ไหนกัน   จะมีอยู่บ้าง  ก็พวกต่างชาติด้วยกันเนี่ยแหล่ะ จะเข้าใจหัวอกกันหน่อย ชวนกันคุย แก้เบื่อได้บ้าง   เคยคุยกับคนรู้จัก เขามาเรียนที่นี่ ได้ทำงานดีๆ ภาษาก็ดีแล้ว ทำงานอยู่ในสังคม ระดับสูงของคนที่นี่ แต่ลึกๆ เขาก็ยังมีปัญหาความรู้สึกเรื่องการปรับตัว มันยากที่ คนจากสังคมบ้านเรา ไปอยู่ประเทศที่พัฒนาแล้ว  เราต้องทำงานหนัก ทำการบ้านอย่างหนัก หลายเท่าตัว กว่าคนพื้นที่   แต่คนบ้านเขา ถ้ามีความสามารถ ไปอยู่เมืองไทย ได้ตำแหน่งระดับผู้บริหาร ทั้งนั้น  ที่ทำงานเก่าเรา เจ้าของคนไทย แต่ทีมผู้บริหารเป็นฝรั่งทั้งนั้น ได้สวัสดิการ ที่พัก คนขับรถ เงินเดือน สารพัด ฯลฯ  แถมยังทำท่าใหญ่โตกว่า คนไทยอีกก็มี   คนไทยก็ยังเป็นรองอยู่ดี ทำไงได้ สังคมบ้านเรายกย่องยอมรับ มาแบบนี้นี่เนอะ.... ***แก้ไขรูปแบบ จัดข้อความ**** แก้ไขเมื่อ 09 ต.ค. 54 17:29:48 จากคุณ : ก๋าสะลองเงิน เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 54 17:11:23

ความคิดเห็นที่ 28 ชั้นเป็นอีกคนที่เคยอยู่เมืองนอกมาแต่วาสนาไม่ดีต้องเลิกสามี ยังไม่รู้เลยว่า จะกลับไปอยู่อเมริกา คนเีดยว หรืออยู่เมืองไทยกับที่บ้านดี จากคุณ : Noi_Bubble (Noi_Bubble) เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 54 13:08:29

ความคิดเห็นที่ 29 จากคุณมาร์ตินเล่า และจากประสบการณ์ ทำให้เห็นว่าชีวิตพื้น ๆ แบบบ้านเรานั่นละ จริง ๆ แล้วสบายกว่าชีวิตในต่างประเทศหลายๆที่ ไม่มีใครอยากทิ้งสิ่งที่ดีมาหาสิ่งที่แย่กว่า พวกเราต่างเดินหน้าเพื่อสิ่งที่ดีกว่าเสมอ แต่เรา คนไทย มองสิ่งดี ๆ รอบตัวเราไม่เห็นต่างหาก   หรือเพราะเราดูทีวีมากเกินไปหรือป่าว ทิวทัศน์ ภาพบ้านเมืองที่ต่างแดนจึงเหมือนสวรรค์วิมานสำหรับเรานัก เพราะเราได้รับสื่อในทางดีโดยส่วนมาก ด้านไม่ดีเค้าไม่ค่อยเอามาออกสื่อกัน ส่วนตัว ตัวไกลแต่ใจอยู่เมืองไทยเสมอ อยากมีสวนแบบพอเพียง ไม่ต้องวิ่งไล่กับโลกโลกาภิวัตน์มากนัก อยากทำตัวเป็นผู้ผลิตพืชผลต่าง ๆ มากกว่าเป็นผู้ซื้อ จากคุณ : เดินหน้าต่อไป (เดินหน้าต่อไป) เขียนเมื่อ : วันออกพรรษา 54 13:32:10