 |
ในแถวที่พายุเข้าบ่อยๆอย่าง Florida, Hawaii เค้าจะมีเส้นทางอพยพหนีพายุ (evacuation routes) ที่มีป้ายถนนบอกไว้เลยค่ะ ว่านี่คือ เส้นทางอพยพ
นอกจากนี้ ก็ยังมีอะไรอีกหลายอย่าง เช่นมี zoning ที่เป็น floodzone, flood hazard ถ้าใครอยู่ในพื้นที่นี้ ก็จะต้องซื้อ flood insurance เพื่อเป็นการปกป้องตัวเอง
หลายรัฐจะมีกฎหมายเกี่ยวกับการสร้างสิ่งก่อสร้างบน wetland, stream และ buffer area รอบๆ (ขออภัย แต่ไม่รู้จะใช้ภาษาไทยว่าอะไร) ว่าห้ามก่อสร้างภายในรัศมีเท่าไหร่ เพื่อให้บริเวณเหล่านี้ สามารถช่วยรองรับน้ำเวลาที่มีน้ำเยอะได้ และสิ่งปลูกสร้างที่น้อยลงก็จะมีคนโดนผลกระทบน้อยลง
บางรัฐอย่าง Florida ถ้าใครที่ซื้อบ้านแล้วมีส่วนที่เป็น wetland แล้วอยากสร้างสิ่งก่อสร้างตรงนั้น (คือถึงจะอยู่ในที่คุณ คุณก็ทำอะไรกับมันไม่ได้นะ) ก็สามารถทำได้ โดยไปบูรณะ wetland อื่นแถวๆนั้นเป็นการทดแทน
จริงๆปัญหามันต้องแก้ที่สาเหตุค่ะ ไม่ไช่แค่บอกว่าปีนี้น้ำเยอะ แล้วถ้าน้ำมันเยอะขึ้นทุกปีหล่ะ?
มันเป็นเพราะการตัดไม้ทำลายป่าต้นน้ำลำธาร? หรือเพราะการสร้างสิ่งปลูกสร้างโดยไม่มีการวางผังเมือง ถมแหล่งที่สามารถเป็นที่กักน้ำปลูกสิ่งก่อสร้าง? หรือเพราะคลองที่สามารถระบายน้ำได้มันมีประสิทธิภาพน้อยลง เพราะมันตัน มันตื้น? หรือบางที่ไม่มีระบบระบายน้ำลงไปแม่น้ำใหญ่ได้? หรือเพราะแผ่นดินทรุด? มันเพราัะอะไร?
ถ้าไม่แก้ที่ต้นเหตุ มันก็จะมีเหตุต่อไปเรื่อยๆ
แต่พอเขียนบน FB พร้อมแนะนำว่าให้เริ่มจาก ทำแผนที่ floodplain กับ watershed ก่อนดีมั้ย ในบริเวณนี้ ก็ห้ามสร้างสิ่งก่อสร้าง ถ้าใครจะสร้าง ก็ต้องจ่าย fees ให้รัฐ เพราะคุณสร้างภาระให้สังคม แล้วก็ต้องซื้อ flood insurance รับผิดชอบตัวเองไป
แล้วก็ทำแบบ Florida ใครอยากสร้างอะไรบน wetland ก็ต้องไปบูรณะคลองระบายน้ำ หรือ wetland อื่นทดแทน เพราะจริงๆทำได้ และไม่ยาก
เพื่อน comment มาว่า ออกกฎหมายแบบนี้ก็ช่วยไม่ได้หรอก เพราะกฎหมายเมืองไทยไม่ศักดิ์สิทธิ์ ก็คงได้แค่ทำใจ
จากคุณ |
:
2 Cents
|
เขียนเมื่อ |
:
8 ต.ค. 54 00:55:03
A:204.97.104.30 X: TicketID:312350
|
|
|
|
 |