ดิฉันใช้ชีวิตในนิวยอร์คมาเกินค่อนอายุของตัวเอง... มีประสบการณ์ชีวิตที่พออ่าน Body language ของมนุษย์ได้โดยไม่ต้องได้ยินบทสนทนาของคู่กรณี
ในยู ทูป ดูจาก Body language ของสองฝ่ายนี้ออกน่ะ.... ดูออกที่คนไทยสองคนพูดอังกฤษสื่อสารไม่ได้ เขายืนหลังติดรถคันที่จอดแล้ว ไม่ได้มีการยืนแบบ "ผู้ได้เปรียบกว่า"
มีแต่ฝรั่งยืนรุกจนสองคนไทยจนมุมอยู่ตรงกระโรงรถคันที่จอดข้างๆ... ฝรั่งเอานิ้วชี้ๆใส่หน้าคนไทยสองคนใน "เชิงขู่ หรือลบหลู่" ฝรั่งยืนประชิดตัวต้อนคนไทยไปอยู่มุมหนึ่ง ไม่ใช่การทะเลาะแบบที่สูสีกัน
ถ้าคนไทยพูดอังกฤษโต้ตอบได้ดีระดับหนึ่ง จะไม่มีท่าทีกิริยายืนเกาะกัน จะไม่ยืนจนมุมอยู่ข้างใดข้างหนึ่ง.... ปกติธรรมชาติวิสัยของมนุษย์ทั่วๆไปแล้ว(คาดว่า่ทุกชาติเป็นเหมือนกัน) เมื่อคนรู้สึกเป็นต่อ จะยืนรักษาสิทธิ์ "ตรงกลาง" จะไม่ค่อนไปอยู่ทางใดทางหนึ่งแ ละจะไม่ส่งเสียงโวยวายเมือ่จนมุม จำเป้ฯต้องใช้เสียง Bluff คู่กรณี
กิริยาของฝรั่งเอานิ้วชี้ๆใส่ๆและพูดเสียงเบาแบบนั้น กิริยาของฝรั่งไม่ใช่ ผู้แพ้... ฝรั่งเองก็หัวรั้น จะเอาชนะให้ได้ ถึงไม่ยอมขับรถออกไปหาที่จอดที่อื่น ทั้งๆที่มีที่จอดที่อื่น... แต่เพราะฝรั่งเองถือว่าตนนี่ใหญ่คนหนึ่ง ก็มาจากที่คนไทยส่วนมาก "ยกให้" กับความเป็นฝรั่งของเขา
และให้ดูรถ BMW ของฝรั่งด้วย นั่นไม่ใช่ฝรั่งนักท่องเที่ยว... ฝรั่งคงอาศัยอยู่ในไทยมาได้ระยะหนึ่งแล้ว และมีระดับฐานะที่ดี... แน่นอนที่คนไทยส่วนมาก Look up ฝรั่งที่มีเงิน หรือแค่เป็นฝรั่งคนไทยก็ชื่นชมแล้วววว... ฝรั่งคนนี้จึงเอาตัวเองเป็นศุนย์กลางจักรวาลในไทยเหมือนกัน ดูจากกิริยา Body language ของเขา... กิริยาชี้หน้าใส่คนไทยแบบนั้น และคงพูดอะไรที่ไม่ดีใส่ด้วย (ที่คนดูไม่ได้ยิน) คนไทยสองคนนั่นถึงต้องหาทางไล่ฝรั่งนั่นไป ด้วยการสื่อสารภาษาอังกฤษไม่อำนวย