Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ได้มาแล้ว วีซ่าท่องเที่ยงอเมริกา 10 ปี (เคส: ผู้หญิง อายุ 23 เดินทางคนเดียว) ยินดีให้คำปรึกษาค่ะ ติดต่อทีมงาน

ผู้หญิงสาวๆหลายคนไม่กล้าที่จะไปขอวีซ่าท่องเที่ยวอเมริกาคนเดียวค่ะ หลายคนมีแฟนอยู่ที่โน่น อยากจะไปเยี่ยมแฟนใจจะขาด บางคนกะโดดไปแต่งงาน ก็ยังกล้ากลัวไม่กล้าไปขอ ไม่ต้องกลัวค่ะ วันนี้มีคำแนะนำเกี่ยวกับเอกสารและเคล็ดไม่รับเล็กน้อย จากประสบการจริงมาเล่าสู่กันฟังค่ะ

ก่อนอื่นขอแนะนำตัว จขกท.นิดนึงนะคะ
เมื่อปีที่แล้วไป work and travel ค่ะ over stay ด้วยเพราะไปพบรักกับแฟนชาวอเมริกัน ^^ คบกันมาปีกว่า เลยคิดว่าถึงเวลาที่ต้องกลับไปเยี่ยมเค้าบ้างแล้ว (เพราะเค้ามาเยี่ยมเราที่ไทย 2 ครั้งแล้วค่ะ)

ขั้นแรกสำรวจตัวเองก่อนดังนี้
- อายุเท่าไหร่ มีเงินเก็บ มีหนี้สิน มีภาระผูกพันอะไรกับประเทศบ้านเกิดบ้าง ทำงานอะไร (เรื่องงานสำคัญมาก และมีส่วนช่วยมากเลยนะคะ ในกรณีที่เรียนจบแล้ว)
- ถ้าเงินเก็บมีไม่เยอะ เริ่มหาเงินเข้าบัญชีตัวเองได้แล้วค่ะ เดินเสตทเม้นไว้ก่อนซัก 2-3 เดือน (จากประสบการณ์ของตัวเอง เงินเดือนแค่ หมื่นกว่าบาท เหลือไม่ถึงพันแต่ละเดือน)
- ให้คุณพ่อคุณแม่เป็นสปอนเซอร์ได้ ก็ให้ท่านเดินบัญชีไว้เช่นกัน
** เราต้องท่องไว้ในใจเสมอนะคะ ว่าเราจะไปเที่ยว ไป shopping เรามีสตังค์ ไม่ได้จะไปเป็นโรบินฮู้ด หรือแอบทำงาน (ถึงแม้ในใจจะแอบคิดบ้าง อิอิ )

ขั้นที่ 2 กรอกเอกสารค่ะ (เอกสารต่อไปนี้จากประสบการณ์ของเจ้าของกระทู้นะคะ)

- ไปถ่ายรูปค่ะ 2x2 เปิดหู ( จขกท.ไปถ่ายมา 1 โหล แพงมาก แต่ใช้แค่รูปเดียว ><) ขอไฟล์เค้ามาด้วยนะคะ เพราะต้องอัพโหลดไปใน ds-160 ถ้าเค้าไม่ให้ไฟล์ก็ scan เองอะค่ะ
- การกรอก ds-160 ก่อนอื่นแนะนำให้เข้าไปศึกษาวิธีการกรอกที่ http://www.jobsamerica.co.th/knowledge/formvisa.html ปริ๊นออกมาอ่านเลยค่ะ แล้วลองกรอกข้อมูลของเราด้วยปากกาลงไปก่อน เวลาเราจะกรอก ds-160 จิงๆก็ลอกตามนี้ได้เลยค่ะง่ายดี จากนั้นก็ลงมือกรอก ds- 160 https://ceac.state.gov/genniv/ ประเภทวีซ่าท่องเที่ยวเป็น b2 นะคะ เวลากรอกต้องระมัดระวังนิดนึงเพราะจะไม่สามารถแก้ไขอะไรได้เมื่อเราดำเนินการไปถึงหน้า confirmation page
คหสต.จขกท. ไม่แนะนำให้กรอกชื่อแฟนเบอโทรติดต่อ หรือญาติหรืออะไรทั่งสิ้นที่อยู่ประเทศอเมริกาลงไปใน ds-160 ในกรณีที่เราไม่มี จม เชิญ หรือทางที่ดี จม.เชิญก็ไม่จำเป็นค่ะ สำหรับสถานที่หรือเบอร์โทติดต่อที่เค้าให้กรอกก็กรอกเป็น รร และเบอร์โทร รร ที่เราจะไปพักก็ได้

- กรอก ds-160 เสร็จ ไปไปรษณีย์ครั้งที่ 1 ไปบอกเค้าขอซื้อ pin นัดวันสัมภาษณ์ ราคาประมาณ 3-4 ร้อยบาท จำไม่ได้แล้วว่าเท่าไหร่ ^^" จากนั้นไปที่เว็บ https://thailand.us-visaservices.com เลือกสมัครสมาชิกใหม่ไรทำนองนั้นอะค่ะ แล้วก็ใช้ code จาก pin ที่เราซื้อมา พอloging เข้าไปก็จะต้องกรอก confirmation code แล้วก็เลือกวันสัมภาษณ์ เวบเปลี่ยนเป็นภาษาไทยได้นะคะ
จากประสบการณ์ จขกท. คือเซิสหาฤกษ์มงคลก่อนแล้วค่อยเลือกวันนั้นเป็นวันนัดสัมภาษณ์ ฮ่าๆๆ แล้วก็จะจองวันนัดซักเกือบเดือนจากวันที่เราจองค่ะ จะได้มีเวลาเตรียเอกสาร

- ไปไปรษณีย์ครั้งที่ 2 คราวนี้ ปริ้นใบนัดวันสัมภาษณ์ไปด้วยค่ะ ไปยื่นที่ไปรษณีย์บอกว่าชำระค่าขอวีซ่า เค้าก็จะให้ใบฟ้าๆมากรอก ชื่อ-สกุลตรวจสอบให้ดีนะคะ แล้วก็จ่ายตังค์ประมาณ 4300 บาท เสร็จแล้วก็เก็บใบเสร็จและใบสีฟ้า เย็บติดกันไว้ให้ดีเลยค่ะ

ขั้นตอนที่ 3 เตรียเอกสารสำหรับวันสัมภาษณ์ (เอกสารจริงๆที่ จขกท.เตรียมไปในวันสัมภาษณ์)
- หน้า confirmation page ds-160 ที่มีรูปเราแล้วก็ barcode ค่ะ (ไม่ต้องปริ้นตัวที่เรากรอกทั้งหมดไปนะคะ)
- ใบเสร็จชำระค่าขอวีซ่าจากไปรษณีย์
- ใบยืนยันวันนัดสัมภาษณ์
- เอกสารส่วนตัสที่สำคัญมากอันดับ 1 คือ ใบรับรองการทำงานเป็นภาษาอังกฤษ ระบุวันลาและวันกลับมาทำงานด้วย ดูตัวอย่างได้ที่ http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=pern&month=24-05-2009&group=3&gblog=7 เราทำงานที่กองทัพอากาศค่ะ ;)
- เอกสารทางการเงินของคุณแม่ statement ย้อนหลัง 6 เดือน และ ใบรับรองฐานะทางการเงินเป็นภาษาอังกฤษ เพื่อรับรองเป็น sponcer ให้...(ชื่อผู้ขอวีซ่า)..... เดินทางไปประเทศสหรัฐอเมริกา แล้วก็สมุดบัญชีตัวจริง คือ 3 อย่างนะคะ งง ไหม?
- เอกสารทางการเงินของตัวเอง ก็statement ย้อนหลัง 6 เดือนกับ book bank ตัวจริง ของเรามีอยุแค่ 7 หมื่น เองค่ะ
- ใบรับรองการทำงานของคุณแม่หรือคนที่ support เรา
- travel insurance คือ จขกท.ไปได้คำแนะนำมาว่า ในกรณีที่เราอายุเท่านี้ มีเงินแค่นี้ เดินทางคนเดียว ไปเที่ยว เราควรจะมีประกันท่องเที่ยว เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับสถานทูตได้ว่า เราดูแลและเตรียมการในการไปเที่ยวครั้งนี้เป็นอย่างดี และจะไม่ไปเป็นภาระให้กับประเทศเค้าในกรณีที่เราเจ็บป่วยหรือเกิดอุบัติ เราคือซื้อไป 1200 ค่ะ ;) ก็จะได้ใบกรมธรรม์ ระบุชื่อเราและวันเดินทางชัดเจน
- travel plan อันนี้เราทำขึ้นมาเองค่ะ ก็ plan คร่าวๆเลยว่า เราเริ่มเดินทางออกจากประเทศไทยวันไหน สายการบินอะไร ไปถึงที่ไหน จะไปพักที่ไหน ไปเที่ยวที่ไหนต่อ ตั้งแต่วันแรกที่เราเหยียบประเทศเค้าจนวันสุดท้ายเลยค่ะ เราทำเป็นตารางใน ms-wordใครอยากได้ตัวอย่างก็ขอดูได้ค่ะ
- flight details อันนี้ก็ทำขึ้นมาเองค่ะ แต่ไม่จำเป็น คล้ายๆกับว่าเราลองไปเซิสจองตั๋วในเวบอะค่ะ แล้วทำต่อไปจนถึงก่อนการชำระเงิน เราจะได้คล้ายๆกับ itinerary มาอะค่ะ ก็ปริ้นออกมา คือ จขกท. อยากทำเหมือนกับว่า เรามี itinerary เรียบร้อยแล้วนะถ้าสถานทูตถามว่าคุณจองตั๋วแล้วหรอ ก็จะบอกว่า มันเป็นแค่ flight details ค่ะยังไม่ได้จอง แต่ถ้าเค้าไม่ถามแล้วเข้าใจว่าเราจองตั๋วแล้วก็ลอยตัว อิอิ
- passport
- ทะเบียนบ้าน บัตรประชาชนตัวจริง

เอกสารที่เตรียมก็มีเท่านี้จริงๆค่ะ :)

จากนั้นก็รอๆๆๆๆวัน สัมภาษณ์ ใครจะไปบนไปขอพรที่ไหนก็เชิญเลยค่ะ โดนส่วนตัว จขกท.เชื่อเรื่องพวกนี้พอสมควร ก็ทำแล้วสบายใจดีอะค่ะ ก็เลยไปทำ ทำบุญตักบาตร สวนมนต์ไหว้พระแล้วขอพรให้วีซ่าเราผ่านอย่างนี้อะค่ะ

** วันสัมภาษณ์**
- แต่งกายให้สุภาพที่สุดค่ะ ไม่ต้องเวอร์แต่ขอให้เรียบร้อย สวยงามมั่นใจ ใส่สูทหรือเสื้อคลุม กระโปรง รองเท่าคัทชู จะดีดูมากค่ะ (คหสต.) เจ้าของกระทู้ใส่เครื่องแบบไปค่ะ :)
- ไปถึงก็น้องๆเสื้อชมพูเค้าจะตรวจเอกสารให้เบื้องต้นก่อนอะค่ะ
- หลังจากผ่านเข้าไป ก็จะน้องตรงเคาท์เตอร์ เค้าจะถามว่าขอวีซ่าอะไร แล้วก็ข้อมูลเบื้องต้น เค้าจะคัดกรองเอกสารตรงนั้นแหละค่ะ ของ จขกท. ใช้แค่ ใบรับรองการทำงาน, ds-160 confirmation page และ passport เค้าจะเก็บไว้ในแฟ้มสีฟ้าให้เราถือเข้าไปค่ะ แค่นั้นจิงๆค่ะ ที่เตรียมมาทั้งหมดข้างบน เก็บใส่กระเป๋าไว้ไม่ได้ใช้เรยค่ะ ><

- จากนั้นก็จะไปเจอท่านผู้คัดกรองที่เป็นผู้หญิงในห้องกระจก ตรวจเอกสารและสแกนลายนิ้วมืออะค่ะ เราต้องทำหน้าตาเชื่อมั่นตั้งแต่ตรงนั้นเลยค่ะ แล้วอย่าลืมท่องไว้ในใจเสมอว่า **ว่าเราจะไปเที่ยว ไปshopping เรามีสตังค์ ไม่ได้จะไปเป็นโรบินฮู้ด หรือแอบทำงาน (ถึงแม้ในใจจะแอบคิดบ้างอิอิ )**
เค้าจะถามเราว่า
: ไปเท่วหรอ = ค่ะ ไปเที่ยวกับเพื่อน
: เดินทางคนเดียวหรอ = ใช่ค่ะ แต่อาจจะมีเพื่อนล่วงหน้าไปก่อนวันสองวัน
: มีญาติหรือคนรู้จักอยู่ที่โน่นมั้ย = ไม่มีค่ะ แต่ก็มีบอสที่เคยทำงานด้วยตอนไปเวิร์ค อาจจะไปเยี่ยมเค้า (ตรงนี้ยิ่งต้องทำหน้าตามั่นใจนะคะว่า เราไม่มี ถึงแม้เราจะมีก็ตาม จขกท.มีแฟนอยู่ที่โน่นค่ะ มีพี่ที่รู้จักกันเปิดร้านอาหารไทยที่โน่น แต่เราบอกเค้าไม่ได้ค่ะ ไม่งั้นเค้าจะคิดว่าเรากะหนีแน่ๆๆๆๆๆ จขกท.ไม่ได้กรอกที่อยู่ชื่อแฟนหรืออะไรที่เกี่ยวกับเค้าลงไปเลยค่ะ แสดงจุดยืนว่าเราไม่มีทางหนีวีแน่ๆ อย่างนี้อะค่ะ )
เสดก็แสกนลายนิ้วมือ แล้วก็ได้บัตรคิวไปนั่งรอสัมภาษณ์กับท่างกงศุล

- นั่งรอๆๆๆ จากนั้นท่านกงศุลๆก็จะประกาศเรียกหมายเลขเราค่ะ ของเราได้ช่อง 13 กงศุลฝรั่งผู้ชายพูดไทยได้ ^_^
อย่าลืมสวัสดีเค้าและทักทายเค้าก่อนเป็นภาษาอังกฤษนะคะ และควรใช้ภาษาอังกฤษในการสัมภาษณ์ค่ะ อย่าลืมยิ้มแย้มและตอบคำถามอย่างมั่นใจค่ะ เรายื่นซองสีฟ้าให้เค้า
กงศุลถามเราแค่สองคำถามค่ะ ไปเที่ยวหรอ just for fun? กับไปครั้งที่แล้วไปทำอะไรเป็นอย่างไรบ้าง แค่นั้นค่ะเราก็ตอบเป็นภาษาอังกฤษที่ฝึกฝนมาจนฉะฉานบ้างแล้วนั้น อิอิ
เสร็จท่านทูตบอกว่า ไปซื้อซอง เดี๋ยวส่ง visa ให้อาทิตย์หน้า :))))) ตอนนั้นไม่ได้ถามว่าได้กี่ปี เพราะคิดว่าเท่าไหร่ก็เอาค่ะ ก็ ขอบคุณเค้า have a great weekend ไรก็ว่ากานไป

- อีกสองวันวีซ่ามาถึงที่บ้านได้ 10 ปีค่ะ  

** จากประสบการณ์ที่ได้ จขกท.คิดว่าเรื่องงานมีส่วนมากค่ะและก็ความชัดเจนในการตอบคำถามความพร้อมของเอกสารในกรณีที่เค้าต้องการเพิ่มเติม และองประกอบเล็กๆที่ไม่ควรมองข้าม เช่นการแต่งกายและมารยาทที่ดี จากที่อ่านมาพอจะมีประโยชน์บ้างไหมคะ ตอนนี้พิมพ์มายาวมากๆไม่รู้อะไรตกหล่นไปบ้าง ถ้านึกอะไรเพิ่มเติมขึ้นได้ จะมาแก้ไขนะคะ แล้วก็ยินดีให้คำปรึกษาติดต่อมาได้หลังไมค์ได้ค่ะ ขอให้ทุกคนโชคดีกับการขอวีซ่าที่ขึ้นชื่อว่าหินที่สุด แต่จากที่อ่านมาไม่หินเลยใช่ไม๊
โชคดีค่ะ :)

แก้ไขเมื่อ 19 พ.ย. 54 13:02:58

จากคุณ : ck_st9r
เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 54 16:09:39




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com