|
ก่อนอื่นต้องหาทำเลที่ถูกใจ คุยเรื่องสัญญากับ landlord การขึ้นค่าเช่า ค่าดูแลสถานที่ด้านนอก (ถ้าหากอยู่บริเวณ mall) ระยะสัญญา การต่อสัญญาอื่นๆ มากมาย ที่สำคัญควรจะนำทนายไปคุย ดูสัญญาด้วยอย่างยิ่ง เพราะคนที่เรารู้จักพลาดข้อเรื่องสัญญามาหลายคน เนื่องจากรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ทำธุรกิจที่นี่ต้องรู้เท่าทันคน ถ้าไม่มั่นใจ ยอมเสียค่าทนายไปคุยเรื่องสัญญาด้วยดีกว่า
เวลาหาสถานที่ ดีที่สุดควรจะซื้อร้านต่อจากบริเวณที่เคยทำเป็นร้านอาหารอยู่แล้ว อย่าไปซื้อห้องเปล่าๆ เพราะนั่นคือการเริ่มต้นใหม่ทั้งหมด ตั้งแต่การยื่นแบบวางแปลน วางเตา เครื่องระบายอากาศในครัวให้ถูกต้องตาม fire department
ถ้าเราไปเซ้งต่อจากห้องที่เคยทำเป็นร้านอาหารก็จะง่ายขึ้น ตรงที่ทางการเขามีข้อมูล ร้านเดิมอยู่แล้ว แต่หากร้านก่อนหน้าปิดไปนานกว่าหนึ่งปี ก็อาจจะต้องยื่นแบบแปลนใหม่ทั้งหมด รวมถึงหากเรามีการเปลี่ยนแปลงการวางท่อต่างๆ ก็อาจจะต้องยื่นแจ้งเช่นกัน ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องลองไปคุยกับเจ้าหน้าที่ดูว่าเราจะเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง แล้วเขาจะบอกเอง ว่าเราควรจะกรอกแบบฟอร์มเพื่อให้เจ้าหน้าที่ส่วน planning ไปตรวจสอบใหม่อีกครั้งหรือเปล่า
จากนั้นเราต้องติดต่อ fire department ให้มาตรวจว่าการวางอุปกรณ์ป้องกันต่างถูกต้องหรือเปล่า บางทีหากวางเตาต่างๆติดกันมากเกินไป โดยขนาดช่องระบายอากาศไม่พอ เขาอาจจะให้เคลื่อนย้าย เอาออก
ที่สำคัญที่สุดคือต้องติดต่อ health department ให้มาตรวจร้านเบื้องต้นก่อนเปิด จากนั้น ไปสำนักงานกรอกแบบฟอร์มเพื่อเอา license ถึงจะเปิดร้านได้สมบูรณ์ โดยหลักๆหากเรา เซ้งร้านมาซึ่งร้านนั้นปิดไปไม่เกินปี ก็จะไม่ยุ่งยากมาก โดยในแบบฟอร์มจะถามประมาณว่า มีการเปลี่ยนเมนูไหม มีการเปลี่ยนแปลง sink, refrigerator, plumming, มีการทำ catering ไหม ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงเยอะ เจ้าหน้าที่จะแนะนำและอาจบอกว่าต้องส่งเรื่องไปทาง planning ก่อน ยกตัวอย่างร้านที่เราไปเอา license เขามีปัญหาเรื่อง freezer เจ้าหน้าที่จะบอกเลย ว่าห้ามทำอะไรบ้าง แล้วเขียนกำกับในใบฟอร์มด้วย หลักๆที่ทาง health จะเข้มมาก คือเรื่องอุณหภูมิอาหาร และการใส่ถัง clorox การวางของสดในถังนำ้แข็ง ส่วนค่า license จะขึ้นอยู่กับขนาดของร้าน โดยปกติเปิดร้านต้นปีได้เปรียบกว่า เพราะ license ปีต่อปี ถ้าเปิดร้านท้ายปี license อยู่ได้ไม่กีเดือนก็ต้องจ่ายใหม่ตอนมกรา
ตัวอย่างจากเวบของ multnomah county, portland oregon เขาจะบอกขั้นตอน สำหรับเจ้าของร้านมือใหม่ไว้ http://web.multco.us/health/restaurants
อีกอย่างต้องลงทะเบียน business license คือการจดทะเบียนชื่อทางการค้า แบบว่าเป็นเจ้าของเอง ร่วมหุ้น อะไรประมาณนี้ด้วย อย่างของโอเรกอนลงทะเบียน จ่ายเงินทำทางเวบได้
ถ้าหากจะมีการวางอะไรหน้าร้าน เช่น ป้าย โต๊ะ เก้าอี้ ริมทางสาธารณะ ก็ต้องแจ้ง city จ่ายเงินด้วย ไม่งั้นเดี๋ยวโดนปรับ
สำหรับ Business tax ถ้าเป็นที่โอเรกอนเขาให้ลงทะเบียนภายใน 60 วันนับจากเปิดร้าน แนะนำว่าหาคนทำ tax อย่าทำเองรู้สึกว่าตอนลงทะเบียนเขาให้เอาชื่อคนที่มีlicense ทำแทกซ์ได้ ใส่ไปด้วยว่าคนเป็นคนจะทำแทกซ์ให้เรา
ส่วนการจ่ายเงินพนักงานจะผ่านระบบ payroll เราเคยเข้าเวบของ city มันจะมีส่วนที่เป็น business tool เขาจะถามรายละเอียดต่างๆของ business เรา รวมถึงเรื่องพนักงานด้วย แล้วจะขึ้นหน่วยงานมาให้เลยว่าต้องติดต่อใครบ้าง
ส่วนใหญ่เวลาเซ้งร้านมาเขาจะให้เปลี่ยนชื่อใน billing address เป็นชื่อเราด้วย ในส่วนของนำ้ ไฟฟ้า แก๊ส ขยะ แล้วต้องมีการจ่ายค่ามัดจำเป็นประกันเบื้องต้นของสาธารณูปโภค เหล่านี้ด้วย หลังจากนั้นก็ติดต่อเอาเบอร์โทรศัพท์ของร้าน จะหาเครดิตแมชชีน เครดิตไลน์ก็ว่าไป
นึกออกแค่นี้แหละค่ะ เราไม่ได้เปิดร้านเองหรอกผิดถูกบ้างก็ขออภัย ให้ท่านอื่นๆที่ทำร้านมาช่วย แนะนำเพิ่มเติม คือพอดีเราจับผลัดจับผลูต้องมาช่วยพี่ที่รู้จักซึ่งเขาสื่อสารภาษาอังกฤษไม่คล่อง ทำเอกสารต่างๆในการเปิดร้านทั้งหมดที่ว่ามา (ยกเว้นแค่เรื่องทำสัญญากับแลนลอร์ด) ทุกอย่างเราค้นหาข้อมูลทำเองหมด รู้สึกเหมือนจะเปิดร้านเองเลย ฮ่าๆ แต่ว่าแต่ละรัฐอาจจะมีข้อแตกต่างบางอย่างต่างกันไปนะคะ ลองเริ่มต้นที่ city ดู เพราะเราไปถามแล้วเขาก็ให้ข้อมูลเบอร์โทรแผนกต่างๆมา แล้วเราก็ไล่ติดต่อเอา โชคดีค่ะ
จากคุณ |
:
ฺ (BluE field)
|
เขียนเมื่อ |
:
27 พ.ย. 54 11:00:07
|
|
|
|
|