ความคิดเห็นที่ 1 ปล อยู่กันสองคนผัวเมียครับ ไม่มีลูก จากคุณ : คนไทยใต้ฟ้า เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 20:00:49

ความคิดเห็นที่ 2 ซื้อที่ญี่ปุ่นเหรอคะ ล้านบาทนี่ ได้รถยนต์ได้คันหนึ่งค่ะ หมายถึงรถราคา สามล้านเยนโดยประมาณ จะซื้อห้องใหม่คงลำบาก แต่ไม่แน่อาจจะมี แต่ว่าห้องแมนชั่นเก่าๆมือสอง ขนาด ห้องเดียว  เคยเห็นประกาศขายค่ะ ล้านเยน ไม่รู้ว่าเก่าขนาดไหนนะคะ   ลองค้นหาดูราคาบ้านที่อยู่อาศัย เอาแบบถูกสุดๆดูนะคะ เผื่อเจอค่ะ แก้ไขเมื่อ 28 พ.ย. 54 23:58:17 จากคุณ : อดีตนักกินจุก เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 23:49:10

ความคิดเห็นที่ 3 ขอบคุณครับ มือสองก็ไม่มีปัญหาครับ ขอไม่เป็นแหล่งอันตรายเป็นพอครับ ขอบคุณอีกครั้งครับ จากคุณ : คนไทยใต้ฟ้า เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 54 00:04:26

ความคิดเห็นที่ 4 http://suumo.jp/jj/bukken/ichiran/JJ010FJ001/?ar=030&bs=011&fw=&kb=1&kt=500   ลองเข้าไปดูนะคะเผื่อถูกใจ จากคุณ : อดีตนักกินจุก เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 54 13:46:48

ความคิดเห็นที่ 5 มีบ้านก็ดีค่ะแต่อย่าลืมเช็คเรื่องภาษีอสังหาริมทรัพย์ด้วยนะ   อาจต้องจ่ายเพลียเลยทุกปี   ตอนซื้อก็อย่าลืมเตรียมค่าหน้านายไว้ด้วย จากคุณ : akebi1 เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 54 18:25:47

ความคิดเห็นที่ 6 ค่านายหน้า ค่าย้ายของ ค่าภาษี ค่าประกัน .....ซื้อแล้วอย่าลืมคำนวณค่าใ้ชจ่ายจิปาถะด้วยนะคะ พวกนี้เงินจ่ายทิ้งไปเลยค่ะ จากคุณ : Mnki เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 54 06:38:56

ความคิดเห็นที่ 7 ใช้ผ่อนเอาดีมั้ยคะ  แบบว่าจ่ายก้อนแล้วกำหนดงบน้อยมันอาจจะได้บ้านไม่ดีอย่างมาก ถึงอยู่กันแค่สองคน แต่ก็ควรแยกห้องนั่งเล่นกับห้องนอน  อย่างน้อยน่าจะเป็น1DK ถ้าเป้นstudioเล็กๆ นั่งมองหน้ากันจะพาลให้เครียดได้ค่ะ อ้อ แล้วถ้าเป็นคอนโด แมนชั่น จะมีค่าส่วนกลางด้วย ห้องมือสองราคาถูกจะเป็นห้องในตึกเก่าเสียเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งพวกนี้ค่าส่วนกลางแพงกว่าตึกใหม่ๆ เหมือนคอนโดใหม่ๆ ตอนอยู่สี่ห้าปีแรก ค่าส่วนกลางจะถูก แล้วหลังจากนั้นจะปรับขึ้นไปเรื่อยๆ  ต้องดูรายละเอียดตรงนี้ด้วย เพราะบางที่เดือนละหลายหมื่นเลยค่ะ อีกอ้อ...ถ้าซื้อผ่านนายหน้าอสังหา ต้องจ่ายค่านายหน้าอีกหลายเปอร์เซ็นต์เลยค่ะ ไม่น่าเกินห้าเปอร์เซ็นต์ แต่เงินก้อนใหญ่คิดออกมาก็หลายตัง แต่ถ้าจะให้เราแนะนำจริงๆ...งบประมาณหนึ่งล้านบาทมันน้อยมาก จนเรียกได้ว่าไม่น่าซื้ออะไรได้ น่าจะมีสักสามหรือห้าล้านขึ้นไป ขออภัยที่ทำลายความฝันค่ะ จากคุณ : gengen เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 54 10:10:12

ความคิดเห็นที่ 8 ความเห็นนะคะ... ไม่ควรซื้อบ้านเก่าเกินสิบปีนะคะ เพราะว่า ระบบการป้องกันแผ่นดินไหวจะเป็นระบบที่เก่าเกินไป หรือไม่ได้ติดตั้ง... ซื้อเลย ไม่คุ้มอยู่ หรืออยู่แล้วเกิดอะไรขึ้นก้อไม่คุ้มอยู่ดี เพราะว่า ช่วงนี้ มีคำทำนายเรื่อง แผ่นดินไหวคร้ังใหญ่ แถบทะเลโตไก (นาโงย่า ถึง โตเกียว) และ เรื่องใกล้ครบรอบภูเขาไฟฟูจิระเบิด... เข้าหูตลอดเลย... นอกจากนี้ ไม่ควรอยู่แมนชั่นสูงนัก เพราะว่า จะหนีลำบาก เวลาเกิดอะไรขึ้นค่ะ... และยังต้องดูเรื่อง ค่าดูแลตึกส่วนรวมที่ต้องเสียทุกเดือน ภาษีที่ดิน อื่นๆ ซื้อแล้ว ก้อจะต้องมีเงินส่วนที่จะใช้รับผิดชอบการเป็นเจ้าของอีก... คนญี่ปุ่นบางคน เลือกที่จะไม่มีรถ ไม่มีบ้าน อยู่ใกล้รถไฟ แล้วเช่าห้องเอา เพราะว่าไม่อยากเสียพวกนี้ค่ะ เรื่องรถ ก้อต้องคิดอีกนะคะ เพราะว่า ต้องเช่าที่จอดรถรายเดือนอีกค่ะ จะซื้อของใหญ่ที่นี่ ไม่มีปัญหาหรอกค่ะ แต่มันติดเรื่องเงินเพื่อดูแลหลังจากนั้นมากกว่า... ซื้อบ้าน ควรดูเรื่องความปลอดภัยด้วยค่ะ... ปล. เพื่อนดิฉัน เป็นนร.เยอะ ส่วนใหญ่ก้อเช่าเอาถูก ไม่ได้ดูอะไรมากมาย... ตอนเกิดแผ่นดินไหวที่ฟุคุชิมะ อยู่คานากาวะแท้ๆ หอเอียงไปเลย น่ากลัวมากนะคะ... ญี่ปุ่นที่ละเอียดบางคน (อย่างแม่สามีเรา) จะซื้อที ไม่ได้ดูที่โครงสร้างตึกเท่านั้น เธอดูไปถึง พื้นดินเลยค่ะ ว่ามีความแข็งแค่ไหน... เพราะแผ่นดินไหวใหญ่ครั้งนี้ มีข่าว พื้นทรุดแถบจิบะ บ้านเอียง ดินเหลวเป็นน้ำ แย่มากๆค่ะ แนะนำ จ.คานากาวะ แถบฮงอาสึกิ และ ซากามิ (แถบที่มีฐานทัพกองทัพบกอเมริกาตั้งค่ะ) เพราะว่า ดินแน่นและแข็งที่สุดในญี่ปุ่นแล้ว สมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ตรงนั้นเป็นพื้นที่สร้างรถถังและใช้วิ่งทดสอบมาก่อน... ตอนอเมริกามา ก้อยึดตรงนั้นไว้เลยค่ะ ที่ดีค่ะ จากคุณ : ModdoChan เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 54 20:32:48

ความคิดเห็นที่ 9 ได้ข้อมูลอีกเยอะเลยครับ จากคุณ : คนไทยใต้ฟ้า เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 54 22:05:44

ความคิดเห็นที่ 10 ลองหาทางดูค่ะ... เข้ามาอยู่แล้ว อย่าลืม แพ็คกะเป๋าลี้ภัย ทิ้งไว้จุดที่มือเอื้อมง่าย เราอยู่ตรงนั้นบ่อยที่สุด และพยายามวางรองเท้าเก่าๆก้อได้ ไว้ใกล้ทางหนีไฟตรงระเบียงนะคะ เผื่อเกิดอะไรขึ้น แล้วออกประตูไม่ได้... บอกตรงๆ เจอแผ่นดินไหว ที่ฟุคุชิม่าเข้าไป ถึงเราจะอยู่โตเกียว แต่โดนระดับห้าไป สองชม.ติด ก้อไม่ไหวค่ะ จะเป็นบ้า... แพ็คของลี้ภัย ให้แพ็คเซ็ต หนีมุดอยู่บ้าน 4 วัน กับเซ็ตกะเป๋า หนีออกนอกบ้าน 3 วัน รวมเป็น อยู่ในบ้านได้ 1 อาทิตย์นะคะ... ข้อแตกต่างส่วนมากก้อจะเป็น พวกอาหารอ่ะค่ะ เพราะชุดมุดอยู่บ้าน อะไรๆก้อพร้อมกว่า ยังมีเตาแก๊สกะป๋องอะไรพวกนี้ ของก้อพอจะเป็นกึ่งสำเร็จได้บ้าง แต่หนีออกนอกบ้าน มันไม่มีอะไรเลย ก้อต้องพวกเปิดกินได้เลยอ่ะค่ะ ซื้อของเข้าบ้าน ตู้ ทีวี อะไรพวกนี้ที่ใหญ่ๆ และสูงๆ ต้องซื้อคานยันกันล้ม หรือแผ่นสติ๊กเกอร์ยืดหยุ่นมาแปะตลอดนะคะ... เด๋วมันล้มขึ้นมา อันตรายค่ะ... และควรมีห้องนึง ที่ว่างๆ ไม่วางอะไรสูงๆใหญ่ๆเลยซักห้องก้อดีค่ะ เวลามีอะไร จะได้ไปหลบห้องนั้นได้... บ้านดิฉันใช้ห้องนอนอ่ะค่ะ เป็นฟูกเลย... เวลามีอะไร ขนแพ็คลี้ภัย หนีเข้าไปห้องนั้น ไม่ได้วางอะไร ไม่มีอะไรหล่นใส่หัว ไม่อันตราย แถมมีฟูกด้วย ดูท่าไม่ดี ก้อมุดฟูกไว้ก่อนเลยค่ะ อะไรจะถล่ม ก้อจะได้ไม่ลงหัวง่ายๆ เกิดรอดในซากหน้าหนาว จะได้มีฟูกไว้อุ่นๆ... ปล. กลัวขึ้นสมองจริงนะคะ... ไม่รู้คนอื่นเป็นไง แต่เรากลัวมาก... และคนมะเคยเจอคงจินตนาการไม่ออกหรอกค่ะ เราป้วยเป็นโรคคิดไปเองว่าบ้านสั่นเป็นเดือนๆเลยนะคะ จากคุณ : ModdoChan เขียนเมื่อ : 1 ธ.ค. 54 21:49:06

ความคิดเห็นที่ 11 ไม่หรอกครับ คนไม่เจอไม่มีทางรู้ เหมือนคนที่เจออุบัติเหตุทางรถแบบผมล่ะครับ ไม่มีทางรู้ ขับคะนองจนผมเสียว แต่บอกตามตรงนะผมลืมคิดเรื่องนี้ไปเลย(แผ่นดินไหว) แต่ปัญหาคือ เงินน่าจะไม่พอ เศร้าจัง ในเวปที่ดูก็ราคาสูง อ่านไม่ออกด้วย แต่ยังไม่ท้อนะครับ จากคุณ : คนไทยใต้ฟ้า เขียนเมื่อ : 1 ธ.ค. 54 22:20:56

ความคิดเห็นที่ 12 บ้านเรามันไม่มีภัยธรรมชาติอะไร (จะมีก้อแต่สงครามการเมือง) ก้อเลยไม่ค่อยคิดเรื่องพวกนี้อ่ะค่ะ เข้าใจ... เมื่อก่อนก้อเป็นค่ะ สมัยเรียนอยู่ที่นี่ สงสัยว่าทำไม ญี่ปุ่นมันบ้าซื้อของใหม่กันจังฟระ... เปลี่ยนมันอยู่ได้ รวยกันนักรึไง... เก่าๆมันใช้ไม่ได้ตรงไหน... พอมาแต่งงานอยู่จริงๆ ถึงได้เข้าใจอ่ะค่ะ ว่าทำไม คนญี่ปุ่นถึงเป็นโรค ชอบใช้ของใหม่... เพราะว่า เทคโนโลยีมันเปลี่ยนตลอดอ่ะค่ะ อย่างการสร้างบ้านกันแผ่นดินไหว (ตอนนี้ สร้างบ้านเดี่ยวอยู่เป็นครอบครัว ทำระบบป้องกันบ้านถล่มสูงสุดกันได้ที่ ระดับ 5 ค่ะ) ระบบเตือนภัยเข้ามือถืออัตโนมัติ (รุ่นเก่าไม่เข้านะคะ สามีซื้อมือถือมาตั้งแต่สมัยม.ปลาย ไม่ได้เปลี่ยน เครื่องนั้นสัญญาณเตือนไม่เข้าค่ะ เงียบกริบ แต่มีเครื่องของที่ทำงานเลยไม่เป็นไร) อะไรพวกนี้ ของเค้าพัฒนาตลอด เราเลยต้องซิ้อตาม จะได้อยู่อย่างปลอดภัยมากขึ้นอ่ะค่ะ จากคุณ : ModdoChan เขียนเมื่อ : 2 ธ.ค. 54 05:41:43

ความคิดเห็นที่ 13 ปล. เงินล้านนึง... ถ้าซื้อรถป้ายเหลือง (เคฉะ : รถเล็กแบบมีร่าอ่ะค่ะ) มือสองก้อพอเอาอยู่นะคะ (ติดที่เรื่องภาษี ที่จอดรถ และค่าเปลี่ยนล้อหน้าหนาวมากกว่าอ่ะค่ะ) แต่จะบอกว่า ล้านนึง สำหรับบ้านเรา ได้แค่ซื้อเฟอร์เข้าบ้านเท่านั้นเองอ่ะค่ะ แต่ถ้าไปซื้อมือสองก้อไม่แน่อ่ะ คงไม่เท่าไหร่ เพราะว่า คนญี่ปุ่นไม่นิยมของเก่า เค้าทิ้งกันเยอะ สภาพดีๆทั้งนั้น แต่ว่า เราเองก้อต้องคิดถึงตอนจะทิ้งเหมือนกัน เพราะว่าที่นี่ ทิ้งของก้อเสียเงินค่ะ ถ้ามันไม่เก่ามาก ก้อยังพอเอาไปขายร้านมือสองได้ แต่ถ้ามันเก่าสุดๆ ร้านก้อไม่รับ เพราะรู้ว่าขายต่อไม่ได้อ่ะค่ะ ตอนเราเป็นนร. รับของเก่ามา แล้วก้อส่งต่อให้นร.ใหม่ไป มันก้อพอจะดึ๊บๆ หาทางผ่อนเปลี่ยนส่งของไปเรื่อยๆได้ แต่มาอยู่เอง คิดว่า เรื่องจะให้ใครคงยากอ่ะค่ะ (ไม่รู้นะคะ เพราะว่าเราเองก้อไม่รู้จักคนไทยแถวบ้านเลย ไม่รู้เพราะไม่สังคมเองเป่าอ่ะค่ะ) ที่นี่ ขยะใหญ่ระดับผ้าห่มก้อต้องเสียเงินเวลาทิ้งแล้วค่ะ ตู้ เตียง เครื่องใช้ไฟฟ้า ไม่ต้องพูดถึง... มาอยู่ระยะยาว พวกนี้ก้อต้องคิดนะคะ... นร.ต่างชาติหลายคนมา ไม่ได้คิดเรื่องพวกนี้ ของทิ้งไม่ได้ ขยะไม่ได้แยกตามที่เค้าบอก ก้อเที่ยวเอาไปวางที่โน่นที่นี่ ทำให้คนญี่ปุ่นเค้าว่าเอาอ่ะค่ะ ว่าพวกนี้ทำลายระบบเค้า... แล้วเค้าก้อไม่ชอบหน้า พาลเห็นหน้าต่างชาติแล้วเหยียดไปหมด... ทำอะไร ต้องคิดถึงคนที่จะมาอยู่ทีหลังด้วยอ่ะค่ะ เป็นหน้าตาประเทศชาติอ่ะค่ะ (ไม่ได้จำเพาะชาติไทยนะคะ เพราะว่าเห็นก้อเป็นกันทุกชาติ เรียนมันหนัก ไม่ค่อยมีเวลามาดูเรื่องพวกนี้อ่ะค่ะ สมัยเรียน เราเองยังจัดทุกอย่างเป็นขยะสดหมดเลย กระดาษอะไร ก้อให้มันเผาไปให้หมดอ่ะค่ะ) จากคุณ : ModdoChan เขียนเมื่อ : 2 ธ.ค. 54 06:06:01

ความคิดเห็นที่ 14 ปล. ค่าเฟอร์ 1,000,000 เยนค่ะ ดังนั้น ล้านบาทน่าจะได้ เฟอร์ และ รถเคฉะ มือสองอ่ะค่ะ จากคุณ : ModdoChan เขียนเมื่อ : 2 ธ.ค. 54 08:07:32

ความคิดเห็นที่ 15 คุณ Moddochan เข้าไปดูเวบที่ดิฉันแปะไว้หรือยัง จริงๆมือสองราคา สามล้านเยนมีค่ะ ต่ำกว่านั้นก็มี อยากบอกว่าเงินล้านบาทไม่ใช่ว่าไม่สามารถซื้อได้เลยแต่ว่า มันก็ตามนั้นแหละที่เขาขายถูกเพราะตึกเก่า เพราะอยู่บ้านนอกเพราะอะไรต่อมิอะไร หรือแม้กระทั่งไม่แน่อาจจะเป็นห้องที่มีคนเคยตายก็เป็นไปได้  ถามว่าพอซื้อได้ไหม ซื้อได้ แต่ห้องกระจี๊ดเดียว เรื่องเฟอร์นิเจอร์ ห้องเล็กๆ แค่มีเตียงนอนเล็กและมีกล่องใส่เสื้อผ้ายัดใต้เตียงนอน ตู้เย็นเล็กพอแช่อะไรได้บ้างนิดๆหน่อยๆแค่นั้นแหละค่ะ เครื่องซักผ้าคงต้องไปร้านหยอดเหรียญ คนญี่ปุ่นจนๆก็มี รายได้แต่ละคนต่างกัน ของใช้สามารถเลือกซื้อได้ตามกำลังซื้อ   แล้วคุณเจ้าของกระทู้อ่านภาษาญี่ปุ่นไม่ค่อยได้ คือ ค่อนข้างเป็นห่วงค่ะ ถ้าจะทำการซื้อขายอสังหาริมทรัยพ์อะไรในญี่ปุ่น มันต้องอ่านหนังสือได้ ไม่งั้นข้อตกลงต่างๆ รายละเอียดปลีกย่อยต่างๆข้อบทกฏหมาย ต่างๆจะไม่เข้าใจ อย่าซื้อเลยค่ะ เสียดายเงินหนึ่งล้านเก็บไว้ดีกว่า เพราะหนึ่งล้านบาทจะซื้อได้ก็คงได้ห้องไม่ดีนัก ไม่สะดวกบ้าง เก่าบ้าง  ไม่แนะนำเพราะกลัวได้ไม่คุ้มเสีย เกิดแผ่นดินไหวก็ซวย ครั้นจะขายยิ่งเก่ายิ่งราคาต่ำ แถมซื้อบ้านยังต้องพิจารณาเพื่อนบ้านด้วยเจอเพื่อนบ้านไม่ดีก็ซวยอีก ถ้าอยากได้จริงๆ ต้องเก็บเงินเยอะๆกว่านี้ค่ะ แต่ว่าถึงจะเยอะได้สักสิบล้านบาท แต่บ้านก็บานปลายอย่างที่หลายๆคห.แจ้งแหละค่ะ ค่าภาษีเอย ค่าโน้น ค่านี้จิปาถะ ทั้งแมนชั่นและบ้านหลัง ก็มีขอดีข้อเสียแตกต่างกันไป ขอให้โชคดีกับการตัดสินใจนะคะ แก้ไขเมื่อ 02 ธ.ค. 54 11:21:04 แก้ไขเมื่อ 02 ธ.ค. 54 11:19:38 แก้ไขเมื่อ 02 ธ.ค. 54 09:55:30 จากคุณ : อดีตนักกินจุก เขียนเมื่อ : 2 ธ.ค. 54 09:50:11

ความคิดเห็นที่ 16 อยากช่วยสานฝันค่ะ สู้ต่อไปนะคะ ให้ไว้เป็นข้อมูลเฉยๆ เพราะว่าตัวเองก้อเลือกบ้านร่วมกับสามี และพ่อแม่สามี... เหนื่อยมากมายค่ะ... ดูบ้านซื้อบ้านซื้อห้อง ต้องดีซายน์ชีวิตมาแล้วอ่ะค่ะ ว่าจะอยู่ยังไง... ขอเล่าคร่าวๆตอนตัวเองดูบ้านแล้วกันนะคะ เป็นข้อมูลค่ะ เริ่มจากในบ้าน ดูว่า เลี้ยงสัตว์ได้ไหม มีเด็กข้างห้องเยอะไหม สภาพครอบครัวข้างห้องเป็นอย่างไร (ถ้าเค้าเลี้ยงสัตว์ หรือมีเด็กเล็ก เวลาเรามีลูก เค้าก้อจะด่าเรามากไม่ได้อ่ะ เวลาเสียงดัง) มือสอง มีอะไรในบ้านบ้าง จะให้เค้าเอาไว้หรือเอาออก มันแกะได้หมด ตั้งแต่ส้วม อ่าง แอร์ เตา ทาทามิ ฯลฯ ส่วนมาก เค้าก้อจะแกะให้หมดอ่ะค่ะ เว้นแต่เราจะไปต่อรอง ขอไว้เอง, ทำเลตากผ้าแห้งหรือไม่ เพราะหน้าหนาวลำบากนะคะ ถ้ามุมระเบียงไม่ดี ความหนากำแพง และกระจก (มีผลเรื่องเสียงรบกวนค่ะ) นอกบ้านภายในแมนชั่น ดูว่าเก่าแค่ไหน เป็นชั่นที่เท่าไหร่ จำนวนห้องทั้งหมด จำนวนห้องในแต่ละชั้น ตำแหน่งลิฟท์ และทางหนีไฟ โครงสร้างบ้านว่าเป็นแบบไหน รองรับแผ่นดินไหวได้ระดับใด มีการทำความสะอาดรวมปีละกี่ครั้ง มีการรีฟอร์มภายนอกกี่ปีครั้ง (ตรงนี้มันจะเกี่ยวกับค่าดูแลส่วนรวมรายเดือนค่ะ) มีคนดูแลหรือไม่ (มีดีกว่านะคะ เค้าจะได้ทำความสะอาดจุดทิ้งขยะ ทางเดินให้สะอาดอ่ะค่ะ รวมไปถึงดูลาดเลาให้เราด้วย) ตอนเข้าไปดู คนในแมนชั่นมีอัธยาศัยอย่างไร ทักทายหรือไม่ เค้ามีที่จอดรถและรถจักรยานให้ไหม นอกแมนชั่น ติดสาธารณูประโภคอะไรบ้าง รร. ห่างไหม ถ้ามีลูก ลูกต้องเดินไปเองนะคะ ต้องดูขนาดลูกต้องเดินผ่านถนนใหญ่มากแค่ไหนเลยค่ะ มีคลินิกใกล้บ้านเฉพาะทางอะไรบ้าง... มีรพ.ไหม รพ.บางรพ.ไม่รับขาจร เป็นระบบจองเข้าพบ ก้อต้องเช็คด้วยนะคะ รวมไปถึงห้ามซุปเปอร์เลยค่ะ เพราะว่า ราคาของแต่ละร้านไม่เท่ากันอย่างแรง ถ้าซุปเปอร์แถวบ้านขายของแพง ค่าครองชีพก้อแพงตามนะคะ และต้องดูเรื่องการเดินทาง ว่าไปทำงานยากง่ายแค่ไหน ไปรถไฟแล้ว รถไฟบางทีมันเป็นรถด่วน ไม่จอดบ้านเรา ทำให้รถมันน้อย เท่านี้ราคาบ้านก้อต่างแล้วค่ะ รถเมล์ ไปรษณีย์ ที่เทขยะ เซเว่น ต้องดูให้หมดค่ะ ดูไกลออกไปอีก ก้อดูว่า เขตมีสวัสดิการอะไรให้บ้าง แถวบ้านใกล้ห้องสมุด สวนสาธารณะ หรือไม่ (ถ้ามีลูกจะได้พาไป) ภาษีชุมชนที่ต้องจ่ายว่าเขตที่เราจะไปอยู่เค้าคิดเท่าไหร่อะไรยังไง มีเซอร์วิสงดเว้นอะไรให้ต่างชาติอย่างเราบ้าง ฯลฯ (อันนี้ ส่วนตัวเลือกบ้านที่ใกล้บ้านแม่สามี เลยไม่ค่อยได้ดูหรอกค่ะ) จะมีทั้งดี ตั้งใจดูเลยดีกว่าค่ะ... เพราะว่ายังไง มันก้อเรื่องระยะยาวนะคะ ไม่เคยซื้อบ้านในไทย คิดว่า ที่เขียนบอกคงไม่ต่างกับที่จะหาดูซื้อในไทยล่ะมั๊งคะ อิอิ สู้ๆค่ะ จากคุณ : ModdoChan เขียนเมื่อ : 2 ธ.ค. 54 16:08:59

ความคิดเห็นที่ 17 ครับ จะเก็บต่อไปครับ ขอบคุณสำหรับข้อมูลอีกครั้งครับ จากคุณ : คนไทยใต้ฟ้า เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 54 12:54:25