|
พลเรือตรีพระยาชลยุทธโยธิน (อองเดร ดู เปลซี เดอ ริเชอลิเออ, André du Plésis de Richelieu) ตำแหน่งสุดท้ายผู้บัญชาการทหารเรือ
เหตุการณ์รศ 112 ในรัชสมัยของรัชกาลที่ห้าเป็นวิกฤติฝรั่งเศสสั่งเรือรบและเรือบรรทุกตอร์ปิโดจำนวน13 ลำลอยลำในแม่น้ำเจ้าพระยาปิดอ่าวไทยเพื่อยื่นคำขาดให้รัฐบาลสยามยินยอมตามเงื่อนไขที่ฝรั่งเศสยื่นไว้ ปฐมเหตุวิกฤติครั้งนี้ฝรั่งเศสได้อ้างเอากรณีที่ทหารฝรั่งเศสถูกทหารสยามฆ่าตายที่เมืองคำมวน(ประเทศลาว)ที่มีพระยอดเมืองขวางฝ่ายไทยเป็นจำเลย
ฝ่ายไทยเมื่อทราบข่าวว่าฝรั่งเศสได้สั่งเรือรบจากกรุงฮานอยเคลื่อนมาปิดอ่าวไทย กองทัพเรือก็ได้เตรียมรับสถานะการฉุกเฉินไว้ โดยได้ตั้งทหารไว้รับสถานการณ์ที่สมุทรปราการและในกรุงเทพ โดยติดตั้งืนคาลิเบอร์ขนาดใหญ่ไว้ที่ป้อมฝีเสื้อสมุทรและป้อมพระจุลจอมเกล้า ได้จัดตั้งกองเรือรบรวม 7 ลำ ภายใต้การบังคับบัญชาของนายพบเรือพระยาชลยุทธโยธิน(เดอริชลิว ชาวเดนมาร์ค) จาก: คดีพระยอดเมืองขวางฯ ปฐมเหตุแห่งคดี สุจริต ถาวรสุข หน้า 178
อนึ่ง ทางสถานทูตเดนมาร์คได้แนะนำให้พลเรือตรีพระยาชลยุทธโยธินซึ่งเป็นชาวเดนมาร์คว่าไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับวิกฤติคที่กองทัพเรือฝรั่งเศสยกมาปิดอ่าวไทยคราวนี้ แต่พระยาชุลยุทธฯ ผู้มีสายเลือดผสมเดนมาร์คกับฝรั่งเศสก็นำทหารเรือเดนมาร์คเข้าร่วมยุทธนาวีเป็นผู้บัญชาการต่อต้านยิงต่อสู้กับเรือรบฝรั่งเศสที่ค่ายป้อมพระจุลจอมเกล้าฯ ในเหตุการณ์วิกฤติ รศ 112 แม้ว่าพลานุภาพของเรือรบสยามเป็นรองฝรั่งเศสอยู่หลายเท่าตัว
".....ทหารทั้งฝ่ายบกและเรือไทย ต่างก็พร้อมกันระดมทำลายเรือรบฝรั่งเศสตามแผนของพระยาชลยุทธโยธิน คือจะสั่งคนพร้อมอาวุธอย่างเงียบๆ เข้าบุกปล้นทำลายเรือรบฝรั่งเศสทั้งสามลำ ความจริงตอนที่กำลังชุลมุนยิงต่อสู้กันนั้น พระยาชลยุทธโยธินได้สั่งการให้เรือรบไทยไล่กวดเข้าชนเรือฝรั่งเศสให้จงได้ แล้วพระยาชลยุทธโยธินนั่งรถไฟสายปากน้ำเข้ากรุงเทพฯ เพื่อจะนำเรือพระที่นั่งมหาจักรีออกไปช่วยรบอีกลำหนึ่ง แต่กระทรวงต่างประเทศห้ามไว้เสียก่อน...." นี่คือบางเหตุการณ์ที่ถูกบันทึกเอาไว้ ผลของยุทธนาวีที่ป้อมพระจุลฯ ครานั้น ทหารไทยถูกยิงตายและบาดเจ็บดังนี้
เรือมกุฏราชกุมาร ตาย3 บาดเจ็บ 15 เรือมูรธา พลเรือตรีพระยาชลยุทธโยธิน (อองเดร ดู เปลซี เดอ ริเชอลิเออ, André du Plésis de Richelieu) ตำแหน่งสุดท้ายผู้บัญชาการทหารเรือ
เหตุการณ์รศ 112 ในรัชสมัยของรัชกาลที่ห้าเป็นวิกฤติฝรั่งเศสสั่งเรือรบและเรือบรรทุกตอร์ปิโดจำนวน13 ลำลอยลำในแม่น้ำเจ้าพระยาปิดอ่าวไทยเพื่อยื่นคำขาดให้รัฐบาลสยามยินยอมตามเงื่อนไขที่ฝรั่งเศสยื่นไว้ ปฐมเหตุวิกฤติครั้งนี้ฝรั่งเศสได้อ้างเอากรณีที่ทหารฝรั่งเศสถูกทหารสยามฆ่าตายที่เมืองคำมวน(ประเทศลาว)ที่มีพระยอดเมืองขวางฝ่ายไทยเป็นจำเลย
ฝ่ายไทยเมื่อทราบข่าวว่าฝรั่งเศสได้สั่งเรือรบจากกรุงฮานอยเคลื่อนมาปิดอ่าวไทย กองทัพเรือก็ได้เตรียมรับสถานะการฉุกเฉินไว้ โดยได้ตั้งทหารไว้รับสถานการณ์ที่สมุทรปราการและในกรุงเทพ โดยติดตั้งืนคาลิเบอร์ขนาดใหญ่ไว้ที่ป้อมฝีเสื้อสมุทรและป้อมพระจุลจอมเกล้า ได้จัดตั้งกองเรือรบรวม 7 ลำ ภายใต้การบังคับบัญชาของนายพบเรือพระยาชลยุทธโยธิน(เดอริชลิว ชาวเดนมาร์ค) จาก: คดีพระยอดเมืองขวางฯ ปฐมเหตุแห่งคดี สุจริต ถาวรสุข หน้า 178
อนึ่ง ทางสถานทูตเดนมาร์คได้แนะนำให้พลเรือตรีพระยาชลยุทธโยธินซึ่งเป็นชาวเดนมาร์คว่าไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับวิกฤติคที่กองทัพเรือฝรั่งเศสยกมาปิดอ่าวไทยคราวนี้ แต่พระยาชุลยุทธฯ ผู้มีสายเลือดผสมเดนมาร์คกับฝรั่งเศสก็นำทหารเรือเดนมาร์คเข้าร่วมยุทธนาวีเป็นผู้บัญชาการต่อต้านยิงต่อสู้กับเรือรบฝรั่งเศสที่ค่ายป้อมพระจุลจอมเกล้าฯ ในเหตุการณ์วิกฤติ รศ 112 แม้ว่าพลานุภาพของเรือรบสยามเป็นรองฝรั่งเศสอยู่หลายเท่าตัว
".....ทหารทั้งฝ่ายบกและเรือไทย ต่างก็พร้อมกันระดมทำลายเรือรบฝรั่งเศสตามแผนของพระยาชลยุทธโยธิน คือจะสั่งคนพร้อมอาวุธอย่างเงียบๆ เข้าบุกปล้นทำลายเรือรบฝรั่งเศสทั้งสามลำ ความจริงตอนที่กำลังชุลมุนยิงต่อสู้กันนั้น พระยาชลยุทธโยธินได้สั่งการให้เรือรบไทยไล่กวดเข้าชนเรือฝรั่งเศสให้จงได้ แล้วพระยาชลยุทธโยธินนั่งรถไฟสายปากน้ำเข้ากรุงเทพฯ เพื่อจะนำเรือพระที่นั่งมหาจักรีออกไปช่วยรบอีกลำหนึ่ง แต่กระทรวงต่างประเทศห้ามไว้เสียก่อน...." นี่คือบางเหตุการณ์ที่ถูกบันทึกเอาไว้ ผลของยุทธนาวีที่ป้อมพระจุลฯ ครานั้น ทหารไทยถูกยิงตายและบาดเจ็บดังนี้
เรือมกุฏราชกุมาร ตาย3 บาดเจ็บ 15 เรือมูรธา พลเรือตรีพระยาชลยุทธโยธิน (อองเดร ดู เปลซี เดอ ริเชอลิเออ, André du Plésis de Richelieu) ตำแหน่งสุดท้ายผู้บัญชาการทหารเรือ
เหตุการณ์รศ 112 ในรัชสมัยของรัชกาลที่ห้าเป็นวิกฤติฝรั่งเศสสั่งเรือรบและเรือบรรทุกตอร์ปิโดจำนวน13 ลำลอยลำในแม่น้ำเจ้าพระยาปิดอ่าวไทยเพื่อยื่นคำขาดให้รัฐบาลสยามยินยอมตามเงื่อนไขที่ฝรั่งเศสยื่นไว้ ปฐมเหตุวิกฤติครั้งนี้ฝรั่งเศสได้อ้างเอากรณีที่ทหารฝรั่งเศสถูกทหารสยามฆ่าตายที่เมืองคำมวน(ประเทศลาว)ที่มีพระยอดเมืองขวางฝ่ายไทยเป็นจำเลย
ฝ่ายไทยเมื่อทราบข่าวว่าฝรั่งเศสได้สั่งเรือรบจากกรุงฮานอยเคลื่อนมาปิดอ่าวไทย กองทัพเรือก็ได้เตรียมรับสถานะการฉุกเฉินไว้ โดยได้ตั้งทหารไว้รับสถานการณ์ที่สมุทรปราการและในกรุงเทพ โดยติดตั้งืนคาลิเบอร์ขนาดใหญ่ไว้ที่ป้อมฝีเสื้อสมุทรและป้อมพระจุลจอมเกล้า ได้จัดตั้งกองเรือรบรวม 7 ลำ ภายใต้การบังคับบัญชาของนายพบเรือพระยาชลยุทธโยธิน(เดอริชลิว ชาวเดนมาร์ค) จาก: คดีพระยอดเมืองขวางฯ ปฐมเหตุแห่งคดี สุจริต ถาวรสุข หน้า 178
อนึ่ง ทางสถานทูตเดนมาร์คได้แนะนำให้พลเรือตรีพระยาชลยุทธโยธินซึ่งเป็นชาวเดนมาร์คว่าไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับวิกฤติคที่กองทัพเรือฝรั่งเศสยกมาปิดอ่าวไทยคราวนี้ แต่พระยาชุลยุทธฯ ผู้มีสายเลือดผสมเดนมาร์คกับฝรั่งเศสก็นำทหารเรือเดนมาร์คเข้าร่วมยุทธนาวีเป็นผู้บัญชาการต่อต้านยิงต่อสู้กับเรือรบฝรั่งเศสที่ค่ายป้อมพระจุลจอมเกล้าฯ ในเหตุการณ์วิกฤติ รศ 112 แม้ว่าพลานุภาพของเรือรบสยามเป็นรองฝรั่งเศสอยู่หลายเท่าตัว
".....ทหารทั้งฝ่ายบกและเรือไทย ต่างก็พร้อมกันระดมทำลายเรือรบฝรั่งเศสตามแผนของพระยาชลยุทธโยธิน คือจะสั่งคนพร้อมอาวุธอย่างเงียบๆ เข้าบุกปล้นทำลายเรือรบฝรั่งเศสทั้งสามลำ ความจริงตอนที่กำลังชุลมุนยิงต่อสู้กันนั้น พระยาชลยุทธโยธินได้สั่งการให้เรือรบไทยไล่กวดเข้าชนเรือฝรั่งเศสให้จงได้ แล้วพระยาชลยุทธโยธินนั่งรถไฟสายปากน้ำเข้ากรุงเทพฯ เพื่อจะนำเรือพระที่นั่งมหาจักรีออกไปช่วยรบอีกลำหนึ่ง แต่กระทรวงต่างประเทศห้ามไว้เสียก่อน...." นี่คือบางเหตุการณ์ที่ถูกบันทึกเอาไว้ ผลของยุทธนาวีที่ป้อมพระจุลฯ ครานั้น ทหารไทยถูกยิงตายและบาดเจ็บดังนี้
เรือมกุฏราชกุมาร ตาย3 บาดเจ็บ 15 เรือมูพลเรือตรีพระยาชลยุทธโยธิน (อองเดร ดู เปลซี เดอ ริเชอลิเออ, André du Plésis de Richelieu) ตำแหน่งสุดท้ายผู้บัญชาการทหารเรือ
เหตุการณ์รศ 112 ในรัชสมัยของรัชกาลที่ห้าเป็นวิกฤติฝรั่งเศสสั่งเรือรบและเรือบรรทุกตอร์ปิโดจำนวน13 ลำลอยลำในแม่น้ำเจ้าพระยาปิดอ่าวไทยเพื่อยื่นคำขาดให้รัฐบาลสยามยินยอมตามเงื่อนไขที่ฝรั่งเศสยื่นไว้ ปฐมเหตุวิกฤติครั้งนี้ฝรั่งเศสได้อ้างเอากรณีที่ทหารฝรั่งเศสถูกทหารสยามฆ่าตายที่เมืองคำมวน(ประเทศลาว)ที่มีพระยอดเมืองขวางฝ่ายไทยเป็นจำเลย
ฝ่ายไทยเมื่อทราบข่าวว่าฝรั่งเศสได้สั่งเรือรบจากกรุงฮานอยเคลื่อนมาปิดอ่าวไทย กองทัพเรือก็ได้เตรียมรับสถานะการฉุกเฉินไว้ โดยได้ตั้งทหารไว้รับสถานการณ์ที่สมุทรปราการและในกรุงเทพ โดยติดตั้งืนคาลิเบอร์ขนาดใหญ่ไว้ที่ป้อมฝีเสื้อสมุทรและป้อมพระจุลจอมเกล้า ได้จัดตั้งกองเรือรบรวม 7 ลำ ภายใต้การบังคับบัญชาของนายพบเรือพระยาชลยุทธโยธิน(เดอริชลิว ชาวเดนมาร์ค) จาก: คดีพระยอดเมืองขวางฯ ปฐมเหตุแห่งคดี สุจริต ถาวรสุข หน้า 178
อนึ่ง ทางสถานทูตเดนมาร์คได้แนะนำให้พลเรือตรีพระยาชลยุทธโยธินซึ่งเป็นชาวเดนมาร์คว่าไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับวิกฤติคที่กองทัพเรือฝรั่งเศสยกมาปิดอ่าวไทยคราวนี้ แต่พระยาชุลยุทธฯ ผู้มีสายเลือดผสมเดนมาร์คกับฝรั่งเศสก็นำทหารเรือเดนมาร์คเข้าร่วมยุทธนาวีเป็นผู้บัญชาการต่อต้านยิงต่อสู้กับเรือรบฝรั่งเศสที่ค่ายป้อมพระจุลจอมเกล้าฯ ในเหตุการณ์วิกฤติ รศ 112 แม้ว่าพลานุภาพของเรือรบสยามเป็นรองฝรั่งเศสอยู่หลายเท่าตัว
".....ทหารทั้งฝ่ายบกและเรือไทย ต่างก็พร้อมกันระดมทำลายเรือรบฝรั่งเศสตามแผนของพระยาชลยุทธโยธิน คือจะสั่งคนพร้อมอาวุธอย่างเงียบๆ เข้าบุกปล้นทำลายเรือรบฝรั่งเศสทั้งสามลำ ความจริงตอนที่กำลังชุลมุนยิงต่อสู้กันนั้น พระยาชลยุทธโยธินได้สั่งการให้เรือรบไทยไล่กวดเข้าชนเรือฝรั่งเศสให้จงได้ แล้วพระยาชลยุทธโยธินนั่งรถไฟสายปากน้ำเข้ากรุงเทพฯ เพื่อจะนำเรือพระที่นั่งมหาจักรีออกไปช่วยรบอีกลำหนึ่ง แต่กระทรวงต่างประเทศห้ามไว้เสียก่อน...." นี่คือบางเหตุการณ์ที่ถูกบันทึกเอาไว้ ผลของยุทธนาวีที่ป้อมพระจุลฯ ครานั้น ทหารไทยถูกยิงตายและบาดเจ็บดังนี้
เรือมกุฏราชกุมาร ตาย3 บาดเจ็บ 15 เรือมูพลเรือตรีพระยาชลยุทธโยธิน (อองเดร ดู เปลซี เดอ ริเชอลิเออ, André du Plésis de Richelieu) ตำแหน่งสุดท้ายผู้บัญชาการทหารเรือ
เหตุการณ์รศ 112 ในรัชสมัยของรัชกาลที่ห้าเป็นวิกฤติฝรั่งเศสสั่งเรือรบและเรือบรรทุกตอร์ปิโดจำนวน13 ลำลอยลำในแม่น้ำเจ้าพระยาปิดอ่าวไทยเพื่อยื่นคำขาดให้รัฐบาลสยามยินยอมตามเงื่อนไขที่ฝรั่งเศสยื่นไว้ ปฐมเหตุวิกฤติครั้งนี้ฝรั่งเศสได้อ้างเอากรณีที่ทหารฝรั่งเศสถูกทหารสยามฆ่าตายที่เมืองคำมวน(ประเทศลาว)ที่มีพระยอดเมืองขวางฝ่ายไทยเป็นจำเลย
ฝ่ายไทยเมื่อทราบข่าวว่าฝรั่งเศสได้สั่งเรือรบจากกรุงฮานอยเคลื่อนมาปิดอ่าวไทย กองทัพเรือก็ได้เตรียมรับสถานะการฉุกเฉินไว้ โดยได้ตั้งทหารไว้รับสถานการณ์ที่สมุทรปราการและในกรุงเทพ โดยติดตั้งืนคาลิเบอร์ขนาดใหญ่ไว้ที่ป้อมฝีเสื้อสมุทรและป้อมพระจุลจอมเกล้า ได้จัดตั้งกองเรือรบรวม 7 ลำ ภายใต้การบังคับบัญชาของนายพบเรือพระยาชลยุทธโยธิน(เดอริชลิว ชาวเดนมาร์ค) จาก: คดีพระยอดเมืองขวางฯ ปฐมเหตุแห่งคดี สุจริต ถาวรสุข หน้า 178
อนึ่ง ทางสถานทูตเดนมาร์คได้แนะนำให้พลเรือตรีพระยาชลยุทธโยธินซึ่งเป็นชาวเดนมาร์คว่าไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับวิกฤติคที่กองทัพเรือฝรั่งเศสยกมาปิดอ่าวไทยคราวนี้ แต่พระยาชุลยุทธฯ ผู้มีสายเลือดผสมเดนมาร์คกับฝรั่งเศสก็นำทหารเรือเดนมาร์คเข้าร่วมยุทธนาวีเป็นผู้บัญชาการต่อต้านยิงต่อสู้กับเรือรบฝรั่งเศสที่ค่ายป้อมพระจุลจอมเกล้าฯ ในเหตุการณ์วิกฤติ รศ 112 แม้ว่าพลานุภาพของเรือรบสยามเป็นรองฝรั่งเศสอยู่หลายเท่าตัว
".....ทหารทั้งฝ่ายบกและเรือไทย ต่างก็พร้อมกันระดมทำลายเรือรบฝรั่งเศสตามแผนของพระยาชลยุทธโยธิน คือจะสั่งคนพร้อมอาวุธอย่างเงียบๆ เข้าบุกปล้นทำลายเรือรบฝรั่งเศสทั้งสามลำ ความจริงตอนที่กำลังชุลมุนยิงต่อสู้กันนั้น พระยาชลยุทธโยธินได้สั่งการให้เรือรบไทยไล่กวดเข้าชนเรือฝรั่งเศสให้จงได้ แล้วพระยาชลยุทธโยธินนั่งรถไฟสายปากน้ำเข้ากรุงเทพฯ เพื่อจะนำเรือพระที่นั่งมหาจักรีออกไปช่วยรบอีกลำหนึ่ง แต่กระทรวงต่างประเทศห้ามไว้เสียก่อน...." นี่คือบางเหตุการณ์ที่ถูกบันทึกเอาไว้ ผลของยุทธนาวีที่ป้อมพระจุลฯ ครานั้น ทหารไทยถูกยิงตายและบาดเจ็บดังนี้
เรือมกุฏราชกุมาร ตาย3 บาดเจ็บ 15 เรือมูพลเรือตรีพระยาชลยุทธโยธิน (อองเดร ดู เปลซี เดอ ริเชอลิเออ, André du Plésis de Richelieu) ตำแหน่งสุดท้ายผู้บัญชาการทหารเรือ
เหตุการณ์รศ 112 ในรัชสมัยของรัชกาลที่ห้าเป็นวิกฤติฝรั่งเศสสั่งเรือรบและเรือบรรทุกตอร์ปิโดจำนวน13 ลำลอยลำในแม่น้ำเจ้าพระยาปิดอ่าวไทยเพื่อยื่นคำขาดให้รัฐบาลสยามยินยอมตามเงื่อนไขที่ฝรั่งเศสยื่นไว้ ปฐมเหตุวิกฤติครั้งนี้ฝรั่งเศสได้อ้างเอากรณีที่ทหารฝรั่งเศสถูกทหารสยามฆ่าตายที่เมืองคำมวน(ประเทศลาว)ที่มีพระยอดเมืองขวางฝ่ายไทยเป็นจำเลย
ฝ่ายไทยเมื่อทราบข่าวว่าฝรั่งเศสได้สั่งเรือรบจากกรุงฮานอยเคลื่อนมาปิดอ่าวไทย กองทัพเรือก็ได้เตรียมรับสถานะการฉุกเฉินไว้ โดยได้ตั้งทหารไว้รับสถานการณ์ที่สมุทรปราการและในกรุงเทพ โดยติดตั้งืนคาลิเบอร์ขนาดใหญ่ไว้ที่ป้อมฝีเสื้อสมุทรและป้อมพระจุลจอมเกล้า ได้จัดตั้งกองเรือรบรวม 7 ลำ ภายใต้การบังคับบัญชาของนายพบเรือพระยาชลยุทธโยธิน(เดอริชลิว ชาวเดนมาร์ค) จาก: คดีพระยอดเมืองขวางฯ ปฐมเหตุแห่งคดี สุจริต ถาวรสุข หน้า 178
อนึ่ง ทางสถานทูตเดนมาร์คได้แนะนำให้พลเรือตรีพระยาชลยุทธโยธินซึ่งเป็นชาวเดนมาร์คว่าไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับวิกฤติคที่กองทัพเรือฝรั่งเศสยกมาปิดอ่าวไทยคราวนี้ แต่พระยาชุลยุทธฯ ผู้มีสายเลือดผสมเดนมาร์คกับฝรั่งเศสก็นำทหารเรือเดนมาร์คเข้าร่วมยุทธนาวีเป็นผู้บัญชาการต่อต้านยิงต่อสู้กับเรือรบฝรั่งเศสที่ค่ายป้อมพระจุลจอมเกล้าฯ ในเหตุการณ์วิกฤติ รศ 112 แม้ว่าพลานุภาพของเรือรบสยามเป็นรองฝรั่งเศสอยู่หลายเท่าตัว
".....ทหารทั้งฝ่ายบกและเรือไทย ต่างก็พร้อมกันระดมทำลายเรือรบฝรั่งเศสตามแผนของพระยาชลยุทธโยธิน คือจะสั่งคนพร้อมอาวุธอย่างเงียบๆ เข้าบุกปล้นทำลายเรือรบฝรั่งเศสทั้งสามลำ ความจริงตอนที่กำลังชุลมุนยิงต่อสู้กันนั้น พระยาชลยุทธโยธินได้สั่งการให้เรือรบไทยไล่กวดเข้าชนเรือฝรั่งเศสให้จงได้ แล้วพระยาชลยุทธโยธินนั่งรถไฟสายปากน้ำเข้ากรุงเทพฯ เพื่อจะนำเรือพระที่นั่งมหาจักรีออกไปช่วยรบอีกลำหนึ่ง แต่กระทรวงต่างประเทศห้ามไว้เสียก่อน...." นี่คือบางเหตุการณ์ที่ถูกบันทึกเอาไว้
หลังเหตุการณ์วิกฤติตอนนั้น พระยาชลยุทธโยธินก็ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้บัญชาการทหารเรือต่อมา และบั้นปลายชีวิตเขาก็ได้ลาออกกลับไปอยู่เดนมาร์ก
ฝรั่งเศสยืนยันว่าจะปิดอ่าวไทยจนกว่าจะได้รับคำตอบจากรัฐบาลสยามว่าจะทำตามเงื่อนไขที่ร้องหรือไม่? เงื่อนไขเหล่านั้นเป็นต้นว่า สยามต้องชดใช้ค่าทำขวัญในกรณี "พระยอดเมืองขวาง" เป็นจำนวนเงินสามล้านฟรังซ์!! และให้ทหารไทยถอนทหารออกจากฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง(ประเทศลาว)ทั้งหมดภายในหนึ่งเดือน และมีเงื่อนไขอีกสองสามข้อ ที่สำคัญต้องให้คำตอบภายใน48ชั่วโมง!!
จากคุณ |
:
วัชรานท์
|
เขียนเมื่อ |
:
วันสิ้นปี 54 23:30:32
A:90.209.1.213 X: TicketID:109703
|
|
|
|
|