ความคิดเห็นที่ 1 คนข้างบ้านถามว่าเมื่อไหร่จะแต่งงาน!!! จากคุณ : ดอส เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 17:43:53

ความคิดเห็นที่ 2 เจอที่เพิ่งกลับมาหลายคน ที่ไปกรุงเทพเวลากลับเป็นไข้หวัดกันงอมแงม ไปต่างจังหวัดไม่เป็นไร จากคุณ : อิสวาสุ เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 17:47:46 A:98.231.188.19 X: TicketID:105627

ความคิดเห็นที่ 3 เจอคนมากมาย ที่มารอยืมเงิน และเจอญาติที่ไม่เคยนับเราเป็นญาติมาเยี่ยมเยือน และลงท้ายด้วยการขอเงิน จะไม่เลวร้ายเลยถ้าไม่มีเรื่องเงินเข้่ามาเกี่ยวข้อง จากคุณ : อมยิ้มนี้..สีแดง เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 17:51:14

ความคิดเห็นที่ 4 กลับมาไทย แต่ล่ะครั้งไม่ค่อยนาน รู้สึกเหมือนตัวเองโง่ๆเป็นบ้านนอกเข้ากรุงยังไงก็ไม่รู้ ทั้งๆที่เกิดและเติบโตที่กรุงเทพ ยังไม่มีอะไรที่รู้สึกว่าเลวร้ายมาก เพียงแต่โดนหลอกนิดๆหน่อยๆ จากคุณ : pixp เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 19:00:33

ความคิดเห็นที่ 5 เคยเจอแย่ๆ แต่ไม่ใช่เลวร้ายที่สุดครับ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเรื่องความไม่มีระเบียบและ ความเห็นแก่ตัวของผู้คนที่เรารับไม่ค่อยได้ แต่ก็ไม่อยากพูดมาก กลัวถูกด่าว่าดัดจริต ตัวอย่างเช่นขับรถบนทางด่วนช่วงที่จะเข้าไปจ่ายเงิน ก็มักจะมีพวกหน้าด้านวิ่งเข้ามาปาดเพื่อจะแซงเข้าข้างหน้าเรา เจอบ่อยมากเรียกว่าแทบจะทุกครั้งที่ใช้บริการเลยก็ว่าได้ ที่แย่มากอีกครั้งก็คือไปซื้อของที่ซูปเปอร์มาร์เก็ต ระหว่างต่อคิวเพื่อชำระเงิน พอถึงคิวเราก็มีน้าผู้หญิงคนหนึ่งตรงดิ่งเข้ามาข้างหน้าเราแล้ววางของลงบนสายพานแบบหน้าตาเฉย พอเราท้วงติงว่าเราเข้าคิวอยู่ กลับหันมาด่าเรา " รีบอยู่! ขอแซงหน่อยไม่ได้หรือไง โธ่เอ้ย! คนอะไรไม่มีน้ำใจ " อ้าวเราผิดหรือนี่ ? และทางม้าลายที่เมืองไทยก็ไม่รู้ว่าจะมีไปทำไม เพราะรถไม่เคยหยุดให้คนข้าม มีครั้งหนึ่งผมขับรถอยู่แถวปทุมวัน มีทางม้าลายคนรอข้ามอยู่หลายคน ผมหยุดรถให้คนเหล่านั้นข้าม รถคันที่ขับตามมาข้างหลังบีบแตรยาวๆอยู่ด้านหลัง พอหันไปดูพี่ท่านก็เปิดกระจกตระโกนใส่ผมว่า " I - kwai " จากคุณ : CHISWICK เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 19:15:45

ความคิดเห็นที่ 6 โดนล้วงกระเป๋าเอาโทรมือถือไป หลายปีละแต่ยังจำได้ ที่ Tops  เราไม่ระวังตัวมัวแต่ดูของ พอแจ้งพนักงานเขาก็ลองโทรเข้าเบอร์เรา มันปิดเครื่องไปแล้ว เขาก็พาไปดูกล้องวงจรปิดข้างในแต่ก็ไม่มีกล้องตรงแถวที่เราเดิน แจ้งความแล้วก็ไม่ได้คืนหรอก เรื่องที่รำคาญก็คือ คนขายของบนทางเท้าเยอะขึ้นมาก ๆ รู้สึกอึดอัดเวลาเดินบางทีต้องลงไปเดินบนถนน ทำไม่เราถึงบริโภคอะไรกันได้ตลอดเวลา ทำให้มีคนขายบนทางเท้ามากขนาดนี้ จากคุณ : Rode Roos เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 19:32:49

ความคิดเห็นที่ 7 คุณ : Rode Roos คนรวยเขาก็รวยล้นฟ้า แต่คนที่ชักหน้าไม่ถึงหลังก็ต้องเอาแบบนี้แหละครับ จะเข้มงวดมากเพื่อคนรวยจะได้ดูงามตามากเกินไปก็ทำได้ลำบาก เห็นใจคนจนด้วยเถิด จากคุณ : อิสวาสุ เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 20:04:07 A:98.231.188.19 X: TicketID:105627

ความคิดเห็นที่ 8 คุณดอส น่าจะบอกเค้ากลับไปนะว่ายังไม่มีคนมาขอเลย (เอ๊ะหรือว่ามีแล้วแต่ยังเป็นเจ้าสาวกลัวฝน) คุณอิสวาสุ ดิฉันก็ป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ค่ะ ทุกครั้งที่กลับไปเป็นทั้งที่กรุงเทพและที่เชียงใหม่ ภูมิต้านทานน้อยมาก คุณ อมยิ้มนี้..สีแดง  พี่ไม่เจอเลยค่ะเพราะไม่ค่อยมีญาติเยอะกับเขา เพื่อนๆที่สนิทกันเขาก็มีตังค์มีงานดีๆกันทั้งนั้นค่ะ น้อง pixp มาดเซอร์ๆอย่างน้องยังโดนหลอกด้วยหรือ สงสัยเป็นเพราะคนข้างตัวหรือปล่าว คราวหลังก็ให้เขารอข้างนอกดีกว่าเวลาเข้าร้านซื้อของ คุณชิสสิค เรื่องการแซงรถนี่ คนใกล้ๆตัวที่เรียบร้อยเปลี่ยนเป็นนางมารร้ายทุกทีเวลาขับรถ การขับรถในกรุงเทพนี่เปลี่ยนนิสัยคนได้จริงๆค่ะ คุณ Rode Roos  ล้วงกระเป๋าพี่ไม่เคยโดนล้วงในบ้านเรา เลยแม้แต่ครั้งเดียวอาจจะเป็นเพราะการแต่งตัวหรือปล่าวไม่ทราบ แต่ไปเที่ยวต่างประเทศโดนเกือบทุกที่ ที่เคยไป แม้แต่ลอนดอนที่เคยเป็นเหมือนบ้านที่สองของพี่ยังโดนบ่อยๆเลยค่ะ แต่คนล้วงก็ยังไม่เคยได้อะไรไปสักที บอกไม่ถูกว่าทำไมถึงรู้สึกตัวทุกครั้งที่โดนล้วง เรียกว่าพระคุ้มครองก็ว่าได้ค่ะ จากคุณ : Rinta เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 20:09:11

ความคิดเห็นที่ 9 โดนพนักงานอะไรไม่รู้ พาไปขึ้นแทกซี่ผีที่สุวรรณภูมิ แถม มือถือเพิ่งซื้อมาหายในแทกซี่คันนั้น..แต่มันไม่ยอมคืน..เซ็ง จากคุณ : โดนดีทุกที ที่ไว้ใจ (เชื่อเจ้) เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 20:49:41

ความคิดเห็นที่ 10 ยุคที่กลับไทยครั้งแรก รู้สึกเศร้าๆและหดหู่ ที่ได้เห็น สภาพรวมๆ ทางกายภาพ ของกรุงเทพยุคนั้น ดูเหมือนว่า มันย่ำแย่กว่าที่เราเคยได้เห็น ก่อนไปเมืองนอกมาก คล้ายๆกับเมือง ที่ไม่ได้รับการบำรุงรักษา หรือพัฒนาอะไรเลย โดยเฉพาะบ้านเรือน สิ่งก่อสร้าง และลำคลอง รอบๆสถานีรถไฟหัวลำโพง ชึ่งขณะนั้นถือว่า เป็นศูนย์กลางการคมนาคมทางบก แห่งเดียวของประเทศ สกปรกและทรุดโทรม ทำให้เข้าใจอย่างชัดเจนยิ่งขึ้น กับสิ่งที่เรียกว่า ด้อยพัฒนาและพัฒนาแล้ว และยอมรับว่า ทีนี้คือถิ่นฐานหรือรากเง้า ที่แท้จริงของตนเอง ที่จะต้องอยู่กับมันต่อไป สิ่งสวยงามๆทีได้ไปสัมผัสมานั้น ไม่ว่าจะเป็นมหาวิทยาลัย หรือเมืองที่อยู่อาศัย มันเป็นเพียงอะไรที่ผ่านเข้ามา ในชีวิตเด็กต่างจังหวัดคนหนึ่ง ที่บังเอิญโชคดีกว่าคนอื่น เท่านั้นเอง จากคุณ : newcomer (gpvtu2009) เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 20:55:03

ความคิดเห็นที่ 11 จะเป็นเพราะอยู่เมืองนอกนานหรือตัวเองแก่ขึ้นก็ไม่รู้น่ะ อย่าว่าอย่างโน้นอย่างนี้เลย ผมรู้สึกว่ากลับบ้านทีไรรู้สึกผิดหวังกับ"ความคิด"และ"ทัศนคติ"ของคนไทยส่วนใหญ่ซึ่งก็รวมถึงเพื่อนฝูงที่คบกันมานานมาก ญาติพี่น้องหลายๆคน ทัศนคติที่ว่าคือความเห็นแก่ตัว เอาตัวรอดเป็นหลัก ส่วนรวม สังคมจะเป็นอย่างไรไม่สน มองการโกงกินคอรัปชั่นเป็นเรื่องธรรมดาของให้ฉันได้ประโยชน์บ้างก็พอ อย่าหาว่าโยงการเมืองน่ะ แต่สังคมไทยกับการเมืองมันหลอมเป็นเนื้อเดียวกัน ต่างคนต่างคิดเอาตัวรอด ต่างคิดจะกอบโกยจากคนอื่น ใครโกงได้ ใครหลอกคนอื่นได้ แหม...ไอ้นี่มันเก่ง อะไรทำนองนี้ ผิดหวังและเสียใจ และรู้สึกไม่อยากกลับไปเท่าไหร่แล้ว จากคุณ : บอสตัน เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 21:00:25 A:75.67.247.55 X: TicketID:318955

ความคิดเห็นที่ 12 อยู่เมืองไทยจนเข้าวัยกลางคน ไม่เคยเจออะไรที่เลวร้ายสุดๆ เลยค่ะ เพราะ....ระวังตัวสุดฤทธิ์ ทั้งอยู่ในบ้านและออกนอกบ้าน สถานที่อโคจรไม่เคยเฉียดใกล้ ไม่กลับบ้านดึก ไม่เที่ยวกลางคืน ไม่ไปในที่เปลี่ยว ข้ามถนนใช้สะพานลอยเป็นส่วนมาก ไม่เคยเสี่ยงวิ่งข้ามถนนอย่างไม่มีความจำเป็น ถ้าขับรถเองก็จะขับไม่เกินร้อย คอยระมัดระวังอยู่ตลอดเวลา คิดเสมอว่าแม้เราไม่ชนเขา ก็อาจะโดนเขาชนเอาได้ ถ้าเราขับไม่เร็วก็เซฟตัวเองได้ มาอยู่เมืองนอก ผ่อนคลายลงเยอะ ระวังตัวเหมือนกัน แต่ไม่ระแวงจนเกือบเป็นโรคประสาท กลับเมืองไทย นั่งแท็กซี่ก็ระแวงแล้ว พอแระ พูดมากเดี๋ยวโดนด่า จากคุณ : .......... เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 21:16:50 A:79.232.161.233 X: TicketID:332795

ความคิดเห็นที่ 13 ไม่เคยเจอแย่สุดๆนะคะ มีแต่เจอแบบที่ยังไงก็ไม่ชิน เช่นมอร์เตอร์ไซด์ขับบนทางเท้า เวลาเดินต้องระวังโดนชนได้ง่ายๆ เพราะคนขับจะมาจะไปไม่บอกกล่าว นึกจะโผล่ก็โผล่มา ถ้าไม่เห็นอาจโดนด่าว่าเดินไม่ดูทาง เป็นงั้นไป คนข้ามถนนก็ไม่แพ้กันเลยค่ะ ข้ามได้ทุกที่ทุกนาทีที่อยากข้าม เคยถามเพื่อนว่าทำไมไม่ข้ามสะพานลอย ทุกคนบอกขี้เกียจ ข้ามตรงที่สะดวกดีกว่า บางจุดน่าหวาดเสียวมากเลย อีกอย่างก็การไอหรือจามไม่ปิดปาก ปีที่แล้วขึ้นรถไฟฟ้า คนแน่นมาก หลายครั้งโดนคนจามหรือไอใส่ หลบก้ไม่พ้นคนแน่นมาก อาทิตย์ที่สามเลยไม่สบายเลย จากคุณ : wheel of forture เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 21:31:24 A:68.127.144.123 X: TicketID:048459

ความคิดเห็นที่ 14 คุณ โดนดีทุกที ที่ไว้ใจ เจ๊รินตาเคยแล้วจ้า แท็กซี่เรียกเก้าร้อย โหบ้านอยู่อ่อนนุชเนี่ยนะ ขับรถอย่างมากก็ไม่เกิน ครึ่งชั่วโมง ค่าแท็กซี่เรียกตั้งเก้าร้อย อันนี้ขนาดหนีไปขึ้นชั้นสี่นะคะ และก็ไม่ได้มาเมืองนอกด้วย บินจากในประเทศนี่แหล่ะค่ะกระเป๋าเดินทางก็ไม่มี มีเป้เล็กๆอันเดียว คุณ newcomer   ความรู้สึกแรกที่ถึงเมืองไทยทุกครั้งก็คือ ทำไมรถมันเยอะ ทำไมกรุงเทพมันถึงได้วุ่นวายนัก ชอบเอาไปเปรียบกับประเทศอื่นๆ แต่อยู่ไปสักสองสามวันก็ชินไปแล้ว ยังไงๆก็บ้านเกิดเมืองนอนเรา ก็ยอกรับไปตามสภาพ ดิฉันชอบไปนั่งเล่นที่สถานีรถไฟหัวลำโพงมากตอนอยู่เมืองไทยจะตื่นเช้าทุกวัน สักตีห้าหรือหกโมงเช้า รู้สึกว่ามันมีชีวิตชีวาดี นั่งกินชาและดูชีวิตผู้คนที่นั่น น่าสนใจไปอีกแบบหนึ่ง คุณ บอสตัน  เพื่อนๆทุกคนของดิฉัน ทัศนคติเขาก็เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง แต่คนรุ่นใหม่ๆบางทีก็ตามเขาไม่ทันเหมือนกัน เรื่องโกงเรื่องหลอกกัน อะไรอย่างนี้ รู้สึกว่าพวก คอลเซ็นเตอร์กำลังดัง วันก่อนเข้ากระทู้ห้องประชาคม มีคอมเม้นท์หนึ่ง ถามและคุยกับพวกหลอกลวงที่โทรมา ถามเค้าดีๆว่าเค้าเหนื่อยไม๊ที่ต้องทำแบบนี้ เค้าบอกกลับมาว่า เหนื่อยคับพี่แต่ไม่รู้จะทำอะไรกิน ฮ่าๆๆพูดตรงๆดี คุณ : ..........  พูดมาเหอะค่ะไม่มีใครเค้าว่าหรอก กระทู้นี้เราเอาไว้คุยกันสนุกๆไม่ได้มีอะไรเครียดๆค่ะ คุณ wheel of forture  มอเตอร์ไซส์ในซอย ทางเท้าไม่มีให้เดินอยู่แล้ว เพราะเค้าเอาไปทำแผงขายอาหารหมด คนแถวๆบ้านก็โดนมอไซส์เฉี่ยวบ่อยเลยค่ะ จากคุณ : Rinta เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 21:41:19

ความคิดเห็นที่ 15 เป็นเรื่องของพี่สาว พี่สาวกลับมาคลอดที่เมืองไทย ตอนนั้นท้องแปดเดือนแล้ว สามีจะตามมาอีกสองสัปดาห์ค่ะ พี่สาวเราว่างก็เลยไปเดินเล่นที่สยามฯ เรายังไม่เลิกงานก็นัดแนะว่าเราจะไปรับที่บ้านไร่กาแฟตรงเอกมัยค่ะ ประมาณ 4 ทุ่ม พี่สาวเราขึ้น bts มาทานข้าวรอก่อน พอมาถึงพี่สาวเรา เล่าให้ฟังทั้งน้ำตาว่าน้อยใจมากๆ( คือพี่สาวเราค่อนข้างตัวเตี้ย แล้วท้องโตมาก) ตลอดทางที่อยู่บน bts ไม่มีคนลุกให้นั่งเลย พี่สาวเราปวดขาปวดหลังมาก คือน้อยใจจนร้องให้ตรงนั้นเลย มีผู้ชาย นักศึกษาหนุ่มสาวหันมาสบตา แล้วแกล้งหลับ โอ้ย เราฟังแล้วรู้สึกแย่มากๆ สงสารพี่สาวมาก พี่สาวเราบอกว่า ไม่ คิดว่าตอนนี้คนไทยไม่มีน้ำใจกันแล้วเหรอ เฮ้อ... จากคุณ : Nifever เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 22:13:39

ความคิดเห็นที่ 16 อ่า....งั้นเล่า เรื่องเลวร้ายสุด ๆ ไม่เกิดกับตัว เพราะบอกแล้วว่า ระวังตัวสุดฤทธิ์ แต่เรื่องเลวร้ายกับคนใกล้ชิด และไม่ใกล้ชิด เป็นเพื่อนบ้านนั้นเยอะมาก ร้ายสุดๆ คือ การฆาตรกรรม เพื่อนร่วมคอนโดฯ หญิงสาวแต่ตัวตามสบายอยู่ในห้องพัก รุ่งขึ้นเป็นข่าว ถูกข่มขืนแล้วฆ่า เนื่องจากเปิดประตูรับคนรู้จักที่มาตามหาญาติ คนร้ายสบโอกาสเห็นว่าอยู่คนเดียว และเกิดอารมณ์เปลี่ยวที่เห็นหญิงสาวนุ่งกางเกงขาสั้นอยู่ในห้อง รู้ข่าวฉันนี้ใจหายวาบ.....กลับมาสอนใจตัวเองว่า ต้องระมัดระวังตัวเพิ่มขึ้น อีกเรื่อง เพื่อนร่วมงาน นั่งแท็กซี่ แล้วถูกชิงทรัพย์ทำร้าย เพื่อนเล่าว่าต้องยกมือร้องไห้อ้อนวอน ขอความเมตตาโจรแท็กซี่ ว่าจะไม่แจ้งความเอาเรื่อง จึงรอดมา แต่สภาพสะบักสะบอมเชียว ฉันก็เก็บมาระวังตัวเอง เพื่อนร่วมงานคนนี้ชอบแต่งตัวดีมองเหมือนคนมีเงิน ในทองหยองจึงโดน ฉันจะไม่ใส่เครื่องประดับอะไรเลย เวลาต้องไปไหนคนเดียว โชคดีไม่มีราศี คนรวยจับอยู่แล้วด้วย กลับเมืองไทย นอกจากต้องระมัดระวังตัวสุดฤทธิ์แล้ว ก็ต้องอาศัยโชคช่วยด้วยแหละ เพราะเวลาเรียกแท็กซี่ เราก็ไม่รู้หรอกว่าจะเป็นแท็กซี่โจรหรือเปล่า ถ้าเลี่ยงไม่ขึ้นแท็กซี่ได้ ฉันจะใช้แต่รถสาธารณะทั้งรถเมล์และรถไฟฟ้า อย่างกลับเมืองไทย จากสนามบิน ถ้าที่บ้านไม่อาสามารับ ก็จะขึ้นแอร์พอร์ตลิ้งนะตอนนี้ บอกตรงๆ ว่ากลับเมืองไทยแล้วกลัวเรื่องความปลอดภัยมาก พูดแล้วเดี๋ยวก็จะมีคนมาบอกว่า กลัวนักก็อย่ากลับอีกหรอก ถ้าไม่ใช่บ้านเกิดเมืองนอนที่เคยอาศัยถึงยังไงก็รักและผูกพัน ฉันก็คงไม่กลับเหมือนกันแหละ ......... จากคุณ : .......... เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 22:52:26 A:79.232.161.233 X: TicketID:332795

ความคิดเห็นที่ 17 มีอีกเหตุการณ์ที่เกิดกับตัวเอง ไม่รู้จะเรียกว่าร้ายแรงได้หรือเปล่า แต่ช็อคมาก คือ ขโมยเข้าบ้าน ในขณะที่ฉันอยู่ในบ้านคนเดียว บ้านเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น มีรั้วรอบบ้านด้วย เหตุเกิดขณะฉันอยู่ในห้องนอนชั้น2 ของบ้าน นั่งใช้คอมฯ อยู่นี่แหละ ฉันไม่ได้ล็อคประตูห้อง ขณะที่กำลังเพลินเล่นคอมฯ อยู่ ประตูห้องถูกเปิดโดยไม่มีการเคาะ ฉันเงยหน้ามอง ตกใจมากที่ไม่ใช่สมาชิกในบ้าน เป็นความโชคดีของฉัน ที่เจ้าขโมยนั้นเป็น ขโมยฝึกหัดที่ตกใจเช่นกันที่เห็นฉันอยู่ในห้อง ตอนนั้นฉันเห็นเป็นเด็กวัยรุ่น ลืมกลัวค่ะ ตะคอกถามไปชุดใหญ่ ด้วยสีหน้าที่คิดว่าคงดูดันเต็มที่(เป็นคนหน้าดุอยู่แล้ว) เด็กหนุ่มนั่นหน้าซีดตะกุกตะกัก ฉันไม่รอให้อธิบายอะไรมาก ชี้มือไล่ให้รีบออกจากบ้านเดี๋ยวนี้ เจ้าขโมยลนลานรีบออกจากบ้านไป ฉันก็โทร.หาเจ้าของบ้าน เจ้าของบ้านถามว่า หมาที่เลี้ยงไว้ไม่เห่าหรือ ฉันถึงนึกได้ว่าจริงสิ หมาพันธุ์ลอตไวเล่อร์ไม่เห่าซะด้วย เจ้าของบ้านถามลักษณะคนร้าย ก็เลยรู้ว่าเป็นคนข้างบ้านนี่เอง เด็กวัยรุ่นติดเกมส์ ฉันมานั่งนึกหวาดเสียวอยู่ไม่หาย ว่าถ้าเด็กนั่นแก่กล้ากว่านี้ ฉันคงโดนฆ่าตายอยู่ในบ้านคนเดียวแล้วแน่ๆ คิดแล้วก็เรื่องนี้แหละ ร้ายแรงที่สุด ที่เคยเกิดขึ้นกับตัวเองตอนอยู่เมืองไทย ........ จากคุณ : ............ เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 23:32:00 A:79.232.161.233 X: TicketID:332795

ความคิดเห็นที่ 18 หุหุ ไม่ได้กลับไทยมาหลายปีแล้ว และคิดว่าคงยังไม่มีโอกาสกลับไทยอีกนานเหมือนกัน ถ้าได้กลับไม่รู้ว่าในอนาคตเมืองไทยจะเป็นไงอีกบ้าง จากคุณ : STRESSI เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 55 00:02:55 A:91.2.32.195 X: TicketID:323912

ความคิดเห็นที่ 19 เอ่อ เจอแต่คนทักว่าอ้วนบอกว่าไปลดน้ำหนักซะไปนี่นับมั้ย 555 ตอนแรกฉุนๆเพราะตอนอยู่เมกาไม่เคยจะมีใครมาพูดแบบนี้ใส่ ถือว่าหยาบด้วยซ้ำที่จะมาว่าใครอ้วน แต่ตอนนี้ใครว่าก็เฉยๆ ถือว่าเข้าใจว่าเข้าพูดเพราะหวังดี จากคุณ : Katniss Everdeen เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 55 00:10:51

ความคิดเห็นที่ 20 กำลังเที่ยวอยู่ในเมืองไทยขณะนี้  และที่ผ่านๆไปทุกๆปั   หลายๆคนเขาจะฟังภาษาไทยของผมแบบงงๆมากกกกกก    คล้ายๆกับว่าเอ็งพูดภาษา อะไรฟระ  และมองหน้าแบบงงๆ   ทำให้ต้องบอกเป็นครั้งที่สองหรือสาม เจอบ่อยๆก็ทำให้ผมอารมณืเสีย เมื่อวานถามเด็กใน Super Market ว่า  "นมอยู่ ตรงไหน" และต้องย้ำให้ฟังภึง3 ครั้งถึงพาไปถูกช่อง   และยังมีอีกหลายๆครั้ง   ที่ทำให้เขาไม่เข้าใจภาษาไทยของผม  และสาบานได้เลยว่าไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษ   รวมไปด้วย       บ่อยๆก็พยายามพูดข้าๆจะได้ไม่ต้องพูดซ้ำ  บอกตามตรงว่ารำคาญมากๆทีเดียวครับ  ในเรื่องนี้ จากคุณ : hollywop เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 55 00:56:16

ความคิดเห็นที่ 21 เจอคนถามคำถามประหลาดๆ อย่างเช่น อยู่ที่โน่นกินอะไร  ทำไมฝรั่งชอบผู้หญิงอีสานผิวดำๆ ทำไมอ้วนขึ้น และอีกมากมายที่ไม่อยากจะจำมาใส่ใจ จากคุณ : chilla เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 55 02:40:22

ความคิดเห็นที่ 22 กลับไปครั้งสุดท้ายกับครอบครัว ซื้อกระเป๋าใบใหญ่ทีมีล้อเลื่อนไปสองใบใหม่เอื่ยม ลงที่สนามบินสุวรรณฯ แล้วจะต่อเครื่องบินไปอุดรฯ ที่ลอนดอนเจ้าหน้าที่บอกว่าถ้าจะบินต่อไปอุดรฯ ทางสนามบินเขาจะขนกระเป๋าไปขึ้นเครื่องที่จะไปอุดรเลย แต่ผมก็เฉลียวใจเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง คือถ้าเป็นเชียงใหม่ภูเก็ตก็ว่าไปอย่าง เมื่อถึงกรุงเทพฯ ก็เลยถามที่เคาน์เตอร์ให้แน่ใจ ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่บอกว่าเขาไม่มีบริการอย่างนั้น เอาแบบย่อๆ ก็คือ ปรากฏว่ากระเป๋าหาย! ไปเคลมที่Lost & Found ก็เจอเจ้าหน้าที่ที่จ้อโทรศัพท์มือถือ กว่าจะได้เรื่องผมเหลือเวลาไม่นานเครื่องก็จะออกไปอุดรแล้ว ท้ายที่สุดก็ได้กระเป๋าคือมา กระเป๋าที่พึ่งซื้อมาไม่กี่วันก่อนถูกเข็นออกมาให้ผมและครอบครัวในสภาพที่เหมือนผ่านการถูกลากครูดมากับพื้น ที่หนักที่สุดมีรูปวาดด้วยปากกาสลักไว้บนกระเป๋าผมทั้งสองใบ! (คะเนว่าท่าจะมีเวลามากถึงบรรจงวาดภาพบนกระเป๋าผมได้ตั้งสองใบ) ผมไม่มีเวลาฟ้องร้องอะไรเพราะต้องรีบขึ้นเครื่อง ก่อนจะขึ้นเครื่องไปอุดรฯ ลูกสาวตัวเล็กโดนตรวจกระเป๋า เผอิญว่าเธอเอาเครื่องปักชุนที่มีเข็มและกรรไกรเล็กๆ ชุดเครื่องเล่นสำหรับเด็กๆ ไปด้วยเป็นของขวัญที่คุณยายเขาซื้อให้ เจ้าหน้าที่เขาให้เอาทิ้งถังขยะเพราะไม่อนุญาตว่าเป็นของมีคม ลูกสาวเลยยืนร้องไห้โฮอยู่ตรงนั้น เราเป็นพ่อก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เจ้าหน้าที่เขาก็ทำตามหน้าที่ของเขา ทำได้ดีที่สุดก็ไปก็ไปพูดต่อรองกับเจ้าหน้าที่ว่า ไหนๆ ก็ผ่าน ตม. อังกฤษมาแล้ว(ตอนนั้นตม. อังกฤษเข้มเรื่องเครื่องของที่ใส่กระเป๋ามาก)และก็เห็นๆ อยู่ว่าเป็นของเด็กเล่นพอจะอลุ้มอล่วยได้ไหม? ผมกลับโดนตอกกลับหน้าหงายว่าอุตส่าห์อยู่เมืองนอกเมืองนาน่าจะรู้กฏดี ผมเลยจูงแขนลูกเดินออกมา สัญญาว่าจะซื้อชุดใหม่ให้ จากคุณ : วัชรานนท์ เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 55 04:29:44 A:90.206.31.231 X: TicketID:109703

ความคิดเห็นที่ 23 ต่อ (แบบว่าได้โอกาสระบาย) นั่งรถไฟจากเชียงใหม่ลงกรุงเทพฯ ตู้นอน จองตั๋วเตียงนอนสองเตียง ภรรยานอนกับลูกอีกคน และอีกคนก็นอนกับผม(ลูกแฝด ชายหนึ่งหญิงหนึ่ง) วันนั้นเป็นวันที่สิบเมษาใกล้สงกรานต์ ตอนจะเข้าถึงพิษณุโลกเจ้าหน้าที่ตรวจตั๋วบอกผมว่าผมต้องจ่ายค่าตั๋วเพิ่มสองที่ให้ลูก ผมบอกไปว่าตอนซื้อตั๋วผมถามเจ้าหน้าที่ที่สถานีแล้วว่าผมจะต้องซื้อตั๋วให้ลูกไหม? เจ้าหน้าที่ขายตั๋วบอกว่าไม่ต้องถ้าจะนอนเตียงเดียวกัน แต่ถ้าอยากให้ลูกนอนแยกก็ต้องซื้อตั๋ว ผมเลยซื้อตั๋วสองตั๋วให้ผมและภรรยา แต่เจ้าหน้าที่บนรถไฟกลับบอกว่านั่นมันเจ้าหน้าที่ขายตั๋วเขาไม่ได้มีหน้าที่ดูแลบนรถไฟเหมือนเขา ยังไงๆ เสียผมก็ต้องจ่ายค่าตั๋วเพิ่มอีกสองที่ ผมบอกโอเคผมจะจ่ายแต่มีเงื่อนไขว่า ต้องหาเตียงเพิ่มให้สองที่ และต้องออกตั๋วให้ผมด้วย แต่เขาไม่สามารถหาเตียงเพิ่มให้ผมได้ ส่วนตั๋วเขาสามารถเขียนชื่อเขากำกับให้ได้ ผมยืนกระต่ายขาเดียวว่าผมยินดีจ่ายค่าตั๋วเพิ่มเท่าราคาผู้ใหญ่หากหาเตียงให้ได้ (ความจริงแล้วในตู้นั้นก็มีผู้ใหญ่นอนกับเด็กอยู่หลายเตียง ก็ไม่เห็นเขามีปัญหาเหมือนผม) เขาพยายามต่อรองกับผมว่า เขาจะอลุ้มอล่วยให้เขาจะเก็บเพิ่มแค่คนเดียวก็แล้วกัน แต่ผมไม่ยอม....บอกว่าผมยินดีจ่ายให้ลูกผมทั้งสองคนถ้าผมทำผิดกฏ เจ้าหมอนั่นมองหน้าผม สักพักก็กระแทกตั๋วรถไฟของผมและภรรยาลงบนมือผมและพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนคำสั่งว่า ทีหน้าทีหลังจะไม่เว้นถ้าทำอย่างนี้อีก แล้วแกก็เดินไปตรวจคนอื่นต่อ แฟนผมซึ่งนั่งฟังอยู่รู้เรื่องมั่งไม่รู้เรื่องมั่งถามว่ามีเรื่องอะไร ผมก็ตอบไปตาม impression ของผมล่ะนะว่า "ใกล้ปีใหม่แล้ว คงหาเงินกินเหล้ามั๊ง" รถไฟเที่ยวนั้น ผมนอนผุดลุกผุดตื่นเพราะกลัวว่าเจ้าหมอนั่นจะย่องเอาไม้หรือของมีคมมากระทุ้งพุงผม จากคุณ : วัชฯ เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 55 04:54:10 A:90.206.31.231 X: TicketID:109703

ความคิดเห็นที่ 24 คุณ Nifever เสียดายที่พี่สาวคุณไม่เจอคนใจดี แต่ไม่ใช่ว่าไม่มีเลย เคยพาหลานตัวน้อยขึ้นรถไฟฟ้าน้องๆบนรถเขาก็ลุกให้หลานนั่ง แถมยังมาเล่นด้วยเพราะเค้าบอกว่าหลานน่ารัก รินตาเลยได้อาศัยใบบุญหลานได้นั่งไปจนสุดทางเหมือนกัน คุณ ............  ดิฉันไม่ใส่เครื่องประดับเลยค่ะไม่ว่าเมืองไทยหรือที่ไหน แต่อยู่เมืองนอกราศรีจับมากโดนล้วงกระเป๋าประจำ อยู่เมืองไทยราศรีนังแจ๋วออก ขนาดเดินเข้าห้างซื้อของกับเพื่อน พนักงานเขายื่นถุงมาให้นังแจ๋วรินตาถือก็แล้วกันแทนที่จะยื่นให้เพื่อนที่เป็นคนซื้อ คุณ Katniss Everdeen  และ คุณ chilla เป็นธรรมดาค่ะ คนไทยบางทีเวลาบอกว่าอ้วนหรือตุ้ยนุ้ย เค้าว่าสุขภาพดี จำได้ว่าเคยอ่านหนังสือของคุณ Andrew Biggs เล่าว่าพี่สาวเธอค่อนข้างอ้วน มาเที่ยวเมืองไทยแล้วเพื่อนๆคุณแอนดรูว์ พาไปเต้นรำ และโดนเพื่อนๆของคุณแอนดรูว์ล้อว่าช้างๆเต้นรำอะไรเนี่ย เล่นเอาเธอหลอนไปเลย ดิฉันเองไม่ค่อยเจอโดนแซวเพราะเพื่อนๆเขาก็อ้วนตามเราไปด้วย ตามอายุแหล่ะค่ะ บางคนอ้วนกว่าเราอีกก็เลยไม่กล้าทัก คุณ STRESSI  เมืองไทยก็คงยังไม่เปลี่ยนแปลงไปมากหรอกค่ะ อย่างน้อยๆของกินบ้านเราก็อร่อยกว่าของกินที่นี่ตลอดไม่ว่ากี่ปีก็เถอะค่ะ คุณว๊อป นานๆกลับบ้านทีและมาอยู่เมกาตั้งแต่วัยรุ่น ภาษาไทยก็มีกลับหน้ากลับหลังบ้างเป็นธรรมดา หลานสาวรินตามาเรียนอังกฤษตั้งแต่จบปสี่ ภาษาไทยเขาก็พูดได้กลับหน้ากลับหลังแบบนั้นแหล่ะค่ะ แต่เขาก็ยังพูดไทยได้ชัดเจนดี คุณวัชรานนท์เจอเจ้าหน้าที่ ที่ไม่มี service mind แถมไม่ยอมจะช่วยอะไรเลย ที่จริงถ้าเจ้าหน้าที่จะช่วยก็ช่วยได้ค่ะ นานมาแล้วรินตาบินจากกรุงเทพไปเชียงใหม่ พกมีดพับสวิสขึ้นเครื่องถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นของพี่ชายให้มา เขาไม่ให้เอาขึ้นเครื่อง เจ้าหน้าที่คงเห็นเรายังเด็กอยู่ เขาก็น่ารักมากบอกให้เอาหลักฐานไปรับที่สนามบินเชียงใหม่ค่ะ จากคุณ : Rinta เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 55 05:00:50

ความคิดเห็นที่ 25 สำหรับดิฉัน เรื่องแย่อันดับหนึ่งคือความปลอดภัยในชีัวิตและทรัพย์สิน ทุกคนต้องระวังตัวกันเอาเองอย่าหวังพึ่งพากฎหมายหรือเจ้าหน้าที่ อันดับสองคือทัศนคติของผู้คนที่พากันเห็นแก่ได้ รักความสบาย วัตถุนิยม ความไร้มารยาททางสังคม และการเอาแต่นั่งทำใจกับปัญหาต่างๆ โดยไม่ยอมแก้ไข ก่อนกลับไทยทุกครั้งต้องพยายามตั้งสติให้มั่นทำให้้ใจสงบ พูดน้อย ไม่แสดงความเห็นโต้แย้งใคร อดทนให้มากกกก จากคุณ : ว่าจะไม่พูดแล้วนะ เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 55 05:43:00 A:90.224.231.81 X: TicketID:159141

ความคิดเห็นที่ 26 ค่ะ ฉันปฏิบัติตัวอย่างที่ คห.25 ว่ามาทุกอย่าง พยายามทำตัวให้นิ่ง ไม่มีปัญหาโต้แย้งกับใคร เรื่องสิทธิเสรีภาพความเท่าเทียมให้ลืมไปเลยเมื่อกลับเมืองไทย เป็นไงล่ะ เมืองไทยที่รักของเรา อ่อ... จขกท. น่ารักมากค่ะ ที่ตั้งกระทู้แล้วไม่ทิ้งไปเฉยๆ จากคุณ : .......... เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 55 06:38:34 A:79.232.161.233 X: TicketID:332795

ความคิดเห็นที่ 27 อยู่ไม่นานค่ะ แค่สองปีกว่าๆ เอง ทำไม่ตัวแกดำจังวะ ดำกว่าเดิมอีก หัวหงอกอีกครึ่งหัว ชั้นว่าแกไม่ได้อยู่เมกาหรอก แกไปตากแดดทำไร่ที่บ้านนอกหรือไง แล้วที่โน่นไม่มียาย้อมผมเรอะ ผู้ให้ความเห็นคือเพื่อนสนิทที่คบกันมานานกว่า 36 ปี เกือบโดดกัดคอมันแล้ว แต่ว่ามันพูดความจริงทั้งน้านน แก้ไขเมื่อ 11 ม.ค. 55 07:40:53 จากคุณ : โจ๊กหมูไม่เอาชูรส เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 55 07:36:24

ความคิดเห็นที่ 28 ยอมรับว่าผิดหวังกับกทม มากถึงมากที่สุด ดูแย่ลงกว่าเดิม 1. สภาพภูมิทัศน์รวมๆ โดยเฉพาะชานเมืองดูไม่ได้เลยครับ บอกตัวเองว่าเออเพิ่งนำ้ท่วมไปนะ ต้องใช้เวลาฟื้นตัว 2. รถติดไม่น่าจะมากกว่าเดิมนะ แต่เบื่อพวกประท้วง ผมว่าคนกทมขับรถมีระเบียบขึ้นนะไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่า 3. เบื่อtaxiที่สุด นั่งทีไรต้องคอยdiscussการเมือง วันไหนได้คนขับใจเย็นๆเหมือนถูกหวย 4. อาหารแพงขึ้นเห็นๆ อาหารจานเดียวในcentral ราคา 45-60บาท แต่อร่อยกว่าที่ตปทมากครับ กาแฟมีตั้งแต่30-90 บาท รวมๆยังไงค่าครองชีพรายวันก็ถูกกว่าที่เมืองนอกเยอะครับ เมืองที่ผมอยู่อาหารเริ่มที่200 บาท นำ้ขวด90, กาแฟประมาน100บาท. สรุปอาหารในไทย ถูกกว่าน่าจะ2-5 เท่าตัว 5. หลังบ้านผมยังไงก็อากาศดีเหมือนเดิม ลมเย็นๆมีเสียงนกร้องทั้งวัน ช่วงนี้กรุงเทพอากาศดีนะครับออกเย็นๆ เหมือน late spring weather สรุปยังไม่เจออะไรเลวร้ายขนาดอยู่ไม่ได้ ความจริงก็เรื่องเดิมๆล่ะครับมาทีไรก็เจอ รักเมืองไทย แต่วันนี้ขอบ่นหน่อย จากคุณ : @CNX เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 55 10:18:45 A:49.237.133.47 X: TicketID:344455

ความคิดเห็นที่ 29 คุณhollywap, คุณไปถามเด็กผู้หญิงหรือเปล่าว่า "นมอยู่ไหน" เธอก็งงสิ เมืองไทยมันไม่แยกเป็นmilk กับ breasts นะครับ ฮา... จากคุณ : @CNX เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 55 10:26:25 A:49.237.133.47 X: TicketID:344455

ความคิดเห็นที่ 30 ชอบ 10/11/25  และเห็นด้วยมาก ผิดหวัง คิดว่าเมืองไทยจะดีกว่านี้ ธรรมชาติจะสวยกว่านี้ ภูเขาตรงกาชาด ชลบุรีอะ ทางจะกลับเส้น บางนา - ตราด เมื่อก่อนเป็นภูเขาสวยมาก ไปชลทีไรผ่านทุกทีจะ ชอบมอง เดี๋ยวนี้โกร๋นเลย - บริการแย่ พูดถึงเฉพาะร้านเชนจากเมืองนอก - รถติดนานมากเกินไปจนไม่เป็นอันทำอะไร - สยาม เสาร์ - อาทิตย์ คนเยอะมาก จนแน่น เดินไม่ได้ - ร้านอาหารอย่าง แมค เจอแมลงวันตอมหลายตัว/สเวนเซ่น เจอแมงสาบ/สตาร์บัคหลอกขายของและดับเบิลชาร์ท/แดรี่ควีน เอาไอติมเก่ามาขายให้ - ร้านอาหาร แพงด้วยแต่บริการไม่ดี อันนี้เสียใจมาก ผิดหวังมาก เข้าใจมาตลอดว่าเมืองไทยเป็นสยามเมืองยิ้ม และบริการดีที่สุดชาตินึงในโลก แค่เคยเป็น - ฝนตกติดต่อกันทุกวัน 1 เดือน เดือนสิงหา 2554 - ไปเที่ยวชลบุรี พัทยา เจอน้ำท่วมทะลักตอนฝนตก ไม่ถึง 5 นาที มาแทบมิดครึ่งคันรถกลับรถหนีแทบไม่ทัน รถดับอีกต่างหาก เกิดมาไม่เคยเห็นมาก่อน 7 - 9 กย 54 - แม่ค้ามะม่วงน้ำดอกไม้ โกงตาชั่ง 2 บาทก็ยังโกง - วินมอไซค์โกงทั้งวิน ทุกคน ไม่คิดราคาตามป้าย โกงเรา 3 บาท ทุกคน - แม่ค้าก๋วยเตี๋ยว แถวบ้าน + แแม่ค้ากุ้งอบวุ้นเส้น อีกที่นึง เห็นว่าเรามาจากเมืองนอก เลย โอเว่อร์ชาร์ทเรา เราก็จ่าย แต่เข้าร้านนั้นแค่ครั้งเดียว หลังจากนั้นเลยไปกินร้านอื่น - ไทยไอซ์ที/กาแฟเย็น น้ำแข็งเยอะมาก และหวานมาก ไม่อร่อย (เรื่องใหญ่สำหรับเรา) - แดดร้อนมากที่สุด จนเครื่องสำอางหลุด อันนี้ทนไม่ได้ กลับมาผิวเสียด้วย - ท้องเสีย ท้องร่วง - ในร้านอาหาร กินข้าวอยู่ แมวกระโดดขึ้นโต๊ะ กลัวมาก เกิดมาไม่เคยเจอ ร้านนั้นสกปรกด้วย ลาขาด - ไม่กล้าไป ตจว คนเดียวเด็ดขาด ต้องมีเพื่อนไปด้วย ถึงจะไปได้//ต้องกลับบ้านก่อนดึกมาก กลัวไม่ปลอดภัย จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 55 10:26:56

ความคิดเห็นที่ 31 เคยโดนล้วงกระเป๋าที่ Tops ที่ Fashion มันทำกันเป็นทีม มีสองคน คนหนึ่งชวนเราคุย ถามเรื่องผักเรื่องอะไร เราก็คุยด้วยเพราะเกรงใจ จะไม่พูดด้วยก็กลัวจะหาว่าหยิ่ง ผลคือคุยกับคนขวา คนทางซ้ายล้วงเอากะเป๋าตังค์เราไป วันนั้นวันสิ้นเดือน แต่เรามีติดตัวไปแค่พันสามร้อยบาท เนื่องจากเพิ่งไปถึงเมืองไทย สตางค์ยังไม่มี ทอสับ(ราคาเป็นหมื่น)ก็ขอยื้มของน้องใช้ เดชะบุญที่ไม่โดนคว้าเอาไปด้วย เสียเงินไปแค่นั้นเองนะ แต่ก็นอนไม่หลับไปเป็นอาทิตย์ เจ็บใจกับความโง่ของตัวเอง ที่ไม่รู้จักระวังตัว จากคุณ : PatPDX เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 55 12:22:59

ความคิดเห็นที่ 32 กลับบ้านคิดว่าจะได้พักผ่อน กลับมีแต่คนแวะมาขายของ ขายตรง และมีมาขอเงิน นอกจากนั้นยังมีบอกว่าเราวาสนาไม่ดีได้ ผ อัว ไม่รวยเท่านั้นโน้น คนนี้ บลาๆๆ จากคุณ : Cutie_May เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 55 12:45:45

ความคิดเห็นที่ 33 เราเจอะ ไม่ถึงกับแย่ๆ แต่ทำใจ ไม่ได้ เรี่ยไรเงิน เพื่อนั่น เพื่อนี่ จิปาถะ ซองผ้าป่า ซองกระฐิน ฯลฯ ไม่รู้จักคำว่าเข้าคิว เรายืนรอจ่ายเงินซื้อของดันมาโดนแซงเฉยเลย บางครั้งทนไม่ได้ ก็ต่อว่าไปบ้าง ขับรถไม่เป็นไปตามกฏจราจร ปาดซ้ายปาดขวา มอร์เตอร์ไซด์ยิ่งแล้วใหญ่ จากคุณ : brackleyvee เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 55 13:03:48

ความคิดเห็นที่ 34 พี่รินตา ที่โดนหลอกนี่ตอนไปเดินคนเดียว เหมือนว่าโหมดความระแวงมันไม่ทำงาน อย่างที่คุณ ... ว่าไว้อยู่เมืองนอกมันผ่อนคลาย จนความระแวงมันไม่แอคทีพแล้วค่ะ ทุกทีที่บ้านจะมารับที่สนามบินทุกครั้ง ตอนนี้กลัว taxi ที่สนามบินจนขึ้นสมองเพราะอ่านมาเยอะ แล้วไฟลท์ที่มาลงนี่เกินเที่ยงคืน ยังคิดไม่ตกว่าจะไปรับแฟนยังไงดีเลย ขับรถเมืองนอกก็ขับได้ แต่กลับไทยไม่กล้าขับ จะให้ทางบ้านไปรับก็เกรงใจ หรือว่าหา รร นอนที่แอร์พอร์ตดีมั้ยเนี่ย จากคุณ : pixp เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 55 13:19:03

ความคิดเห็นที่ 35 VVVV VVVVVV เหอ เหอ  ของป้านั้นเพียงแค่โดนล้วงกระเป๋า  แต่"ตัวป๋า"นั้นโดน เด็กไทยเขาล้วงหัวใจออกไปกินหน้าตาเฉยทีเดียวครับ เจ็บใจที่ตนเอง  ไม่คอ่ยส่งกระจกดูตัวเอง จากคุณ : hollywop เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 55 13:19:35

ความคิดเห็นที่ 36 โดนถามทุกรอบว่า เมื่อไรจะผอม ฮ่า ๆๆๆๆๆๆ จากคุณ : แม่หมูปิ้ง เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 55 13:30:02 A:122.61.222.1 X: TicketID:142447

ความคิดเห็นที่ 37 คุณ  brackleyvee โดนเรี่ยรายเงินทำบุญ อิฉันโดนเรี่ยรายเงินค่าเหล้า *_* พี่น้องในครอบครัวน่ะไม่มีใครกล้าหรอก พวกเขาต่างก็รุ้ว่าอะไรควรไม่ควร แต่ชาวบ้านนี่ซิ เฮ้อ! แต่อิฉันชอบมากเวลากลับเมืองไทย คือเดินตลาดนัด โอ๊ยยยยผักเยอะแยะ เสื้อผ้าถูก กลิ่นข้าวเหนียวหมูปิ้งลอยมาเตะจมูก 5555555555 สวรรค์ชัดๆ จากคุณ : มะฮอกกานีใบใหญ่ เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 55 13:58:46

ความคิดเห็นที่ 38 ... ครั้งนะครับว่า ช่วยๆๆ กันกด VOTE ก็ดีนะครับ เพี่อที่ กระทู้จะได้อยู่ได้นานๆ นะครับ จากคุณ : okb เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 55 14:37:27

ความคิดเห็นที่ 39 เบื่อการถามหาห้องว่างมากค่ะ เวลาไปเที่ยวคนเดียวแล้วไม่มีแฟนไปด้วย เช่น มีรร.หนึ่ง ระดับปานกลาง เราเดินเข้าไปถามกับแฟน มันจะมีห้องว่างตลอด แต่ถ้าไปคนเดียว  รร.เดิม ในเวลาไม่ใช่ฤดูกาลท่องเที่ยว  ถ้าถามห้องว่าง เขาจะมองหน้าก่อน แล้วอฃมองว่ามากะใคร พอเห็นมาคนเดียว อ้อ ห้องไม่ว่างคะ แขกเต็มเลยค่ะเต็มมาเป็นอาทิตย์แล้ว  เลยบอก อ้าว พี่เพิ่งเชคเอาท์ออกไป เอง เง้ออออ... อีกที การซื้อของ อยากได้อะไร ต้องให้ลูกกับสามีไปยืนรอไกลๆ ๕๕๕๕๕ กลัวของขึ้นราคา ใหม่่ๆ แฟนจะมองหน้า ทำไมต้องไปอยู่ไกลๆฟระ ทำท่าโกรธ และ งอล   แต่เดี๋ยวนี้ เขาจะรู้งานพอบอก ฉันจะไปดูของนะ มองตากันวิ้งๆๆ เออๆๆ..รู้หน้าที รีบหาที่ซ่อนอย่างไว อิอิ จากคุณ : เชื่อเจ้ เบื่อของราคาต่างชาติ (เชื่อเจ้) เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 55 16:09:44

ความคิดเห็นที่ 40 ไม่เจออะไรที่ร้ายเลยค่ะ เมืองไทย สะอาด คนไทยน่ารัก ยิ้มแย้ม ใจดี มีน้ำใจ อาหารอร่อย  มีต้นไม้เขียวๆ เพราะเมืองนอกที่อิฉันอยู่ คือ อียิปต์ จากคุณ : letsgokrabi เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 55 16:22:55

ความคิดเห็นที่ 41 - ในร้านอาหาร กินข้าวอยู่ แมวกระโดดขึ้นโต๊ะ กลัวมาก เกิดมาไม่เคยเจอ ร้านนั้นสกปรกด้วย ลาขาด จากคุณ : lovelypriest . แค่นี้กลัวแล้วหรือครับ เพื่อนผม ไปเมืองจีนเพิ่อนเลี้ยงอาหารอย่างดีและราคาแพง เพือนกระโดดขึ้นยืนบนเก้าอี้เลย เพราะมีหนูวิ่งมาที่พื้น จากคุณ : อิสวาสุ เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 55 16:48:44 A:98.231.188.19 X: TicketID:105627

ความคิดเห็นที่ 42 คุณ วัชรานนท์  อันนั้นเขาเอาเข้ากระเป๋าตัวเองแล้วค่ะ นานหรือยังคะ เพราะสมัยนี้พนักงานรถไฟจะไม่ค่อยทำอะไรแบบโจ่งแจ้งไม่มีเทคนิคแบบนั้น คุณ ว่าจะไม่พูดแล้วนะ ดิฉันเองเวลาอยู่เมืองไทยก็ไม่ค่อยโต้เถียงกับใคร เวลาไปเที่ยวต่างจังหวัดใครถามก็ไม่เคยบอกด้วยว่าอยู่เมืองนอก  คิดออกได้เรื่องหนึ่ง คือครั้งหนึ่งจองตั๋วรถไฟตู้นอนไปเชียงใหม่จากหัวลำโพง แต่ดิฉันไปขึ้นที่สถานีดอนเมือง ปรากฏว่ามีบุรุษท่านหนึ่ง ได้นั่งตรงที่ดิฉัน ก็คุยกับเขาดีๆว่าขอโทษค่ะดิฉันคิดว่านี่เป็นที่นั่งดิฉันนะคะ เธอก็เถียงดิฉันใหญ่ขอดูตั๋ว ทั้งบ่นทั้งทำเสียงดังเรียกพนักงานรถไฟให้มาจัดการให้ บ่นและใช้ภาษาไม่สุภาพ บุรุษท่านนี้คงทำงานราชการซีใหญ่โตมั้งคะ พอพนักงานมาดูตั๋วให้ปรากฏว่า ที่นั่งนั้นเป็นที่นั่งขากลับที่คุณบุรุษท่านนั้นจองไว้  แต่แทนที่เธอจะขอโทษดิฉัน เธอกลับกระฟัดกระเฟียดด่ากระแทกว่า จองหัวลำโพงทำไมไม่ขึ้นหัวลำโพง ทำไมมาขึ้นที่ดอนเมือง ทำให้คนอื่นเขาเสียเวลา อ้าวกลายเป็นว่าตรูส์ผิดไปซะงั้น ดิฉันเฉยค่ะไม่ตอบโต้สักคำ ดิฉันหันไปเห็นผู้โดยสารที่นั่งใกล้เห็นเหตุการณ์หลายคน เขาก็ส่ายหน้ากับกิริยาท่าทางที่เห็นท่านแสดงออก แต่ท่านคงไม่สนใจมั้ง คุณ  ..........  ขอบคุณมากที่ชมว่าน่ารัก ดิฉันปรกติไม่ค่อยตั้งกระทู้ เพราะไม่ค่อยมีเวลาช่วงนี้มีเวลาก็ได้เข้ามาบ่อยหน่อยค่ะ ชอบอ่านคอมเม้นท์ของคุณเหมือนกัน เพราะพูดตรงๆดี คุณ โจ๊ก  เพื่อนที่ดีก็คงอย่างงั้นแหล่ะค่ะคุยตรงๆ ไม่ต้องมีเสแสร้ง คุณโจ๊กเป็นสาวรถแว้นส์ ตากแดดตะลอนๆ ผิวถึงได้ดำลงไง แต่อย่างนั้นเขาเรียกผิวดีดูมีสุขภาพค่ะ แก้ไขเมื่อ 11 ม.ค. 55 18:15:57 จากคุณ : Rinta เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 55 17:32:56

ความคิดเห็นที่ 43 คุณ @CNX  ดิฉันไม่ได้กลับบ้านหลายเดือนแล้วค่ะ ช่วงน้ำท่วมเป็นห่วงบ้านที่กรุงเทพอยู่อยากกลับ คนที่นั่นเขาก็บอกว่าไม่ต้องกลับมาหรอกมาลำบากทำไม อยู่โน่นดีแล้วมาก็ต้องมาแย่งเขากินเขาอยู่ ก็ลุ้นๆอยู่ว่าน้ำจะท่วมบ้านหรือปล่าว ปรากฏว่าไม่ท่วมโชคดีกว่าคนอื่นเยอะ คุณ  lovelypriest  เมืองชลก็ยังสวยอยู่ตอนนี้มีไร่องุ่นของ คุณดวงใจ หทัยกาญน์หรือปล่าวจำไม่ได้แล้วค่ะสวยมาก เคยไปครั้งเดียวยังอยากกลับไปอีก ร้านอาหารบ้านเรา ดิฉันเคยไปกินข้าวต้มตอนเช้าแถวๆชายทะเลเมืองหนึ่ง เจอแมลงวันลงไปเล่นจากุชซี่ในชามข้าวต้ม เป็นของแถมมาในชามด้วยก็ต้องทำใจ เรื่องแมลงวันเป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องปลงเป็นอย่างมากเพราะบ้านเราเป็นเมืองร้อน ป้องกันยังไงมันก็ป้องกันยากน่ะค่ะ พี่แป๊ดไม่เป็นไรฟาดเคราะห์ไป คิดว่ายังดีเสียเท่านี้ดีกว่าเสียอย่างอื่นเยอะกว่านี้ ขำคุณ เชื่อเจ้  ราคาไทยกับราคาต่างชาติมันต่างกันเยอะ จำได้ว่าสมาชิกท่านหนึ่งในนี้มาเล่าให้ฟังถึงเรื่องจะจองบ้านที่เมืองไทย เขาคิดราคาจองราคาหนึ่ง แต่พอเห็นแฟนน้องโเค้าเดินตามเข้าไปด้วยเท่านั้นแหล่ะเขาขึ้นราคาค่าจองทันทีทันใดเลย คุณ okb  ขอบคุณมากค่ะ คุณ Cutie_May เห็นหลายคนเขาก็พูดกันเหมือนกันแบบนั้น ดิฉันกลับบ้านก็ยังไม่เจอใครมาขอตังค์ มีพี่สาวเหลืออยู่คนเดียวเขาก็มีตังค์เยอะกว่าเรา มีแต่ดิฉันจะขอเขาเท่านั้นค่ะ คุณว๊อป ถ้าเขาเอาหัวใจมาแลกกับหัวใจคุณก็เจ๊ากัน แต่เล่นเอาหัวใจคุณไปคนเดียวเนี่ย เค้าเรียกว่าเอาเปรียบล่ะคร๊า คุณ  brackleyvee  คุณแม่หมูปิ้ง และ คุณ มะฮอกกานีใบใหญ่  นั่นสิกลิ่นอาหารบ้านเรายั่วใจ ยิ่งกลับบ้านยิ่งอ้วนคงลดไม่ได้ เรื่องซองกฐิน อยู่ที่นี่ก็โดนค่ะ ฮ่าๆโดนบ่อยด้วยส่งซองตรงมาจากเมืองไทยก็เยอะ คุณ letsgokrabi  อิยีปต์ที่สวยๆก็เยอะนะคะ โดยเฉพาะตามฝั่งแม่น้ำไนล์ แต่คนอิยีปต์นี่ขี้โกงก็เยอะเหมือนกัน ทั้งๆที่เป็นเมืองมุสลิมแท้ๆ คุณ อิสวาสุ ดิฉันเจอหนูค่ะตัวเท่ากระต่ายวิ่งในร้านอาหารตกใจแทบตาย อีกครั้งเจองูค่ะ เป็นร้านแบบโอเพ่นแอร์ งูมันเลื้อยผ่านข้อเท้าไป น้องคนเสิร์ฟ ก็น่ารักมากปลอบใจว่าไม่ต้องกลัวพี่ งูไม่มีพิษหรอกพี่ ถ้ามีพิษก็ไม่เป็นไรโรงพยาบาลก็อยู่ไม่ไกลหรอก อ้าววันนั้นเลยกินกันอย่างไม่มีความสุข ยังไม่เคยกลับไปร้านนั้นอีกเลยค่ะ แต่ว่าอาหารเค้าอร่อยมากๆ พิมพ์ผิดตกหล่นขออภัยคนอ่านด้วยค่ะ เพราะไม่มีแป้นภาษาไทย แก้ไขเมื่อ 11 ม.ค. 55 18:26:23 จากคุณ : Rinta เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 55 18:13:32

ความคิดเห็นที่ 44 ตามมาอ่านค่ะ  ไม่ได้กลับบ้านนานแล้ว ครั้งหลังสุด ... จะแย่สุดก็ตรงที่   อากาศร้อนเหงื่อชุ่มเหนียวตัวทั้งวัน เลยต้องอาบน้ำโปะแป้งเย็นวันละหลายเวลา นอกนั้นก็ขาบวมจากการนั่งเครื่องบินนาน ๆ บวกกับไปติดโรคหวัดไอกรนทรมานมาก นอกนั้นก็เหมือนเดิมค่ะ  กินอิ่ม วันหนึ่ง ๆ ผ่านไปเร็วมาก เวลาไปซื้อของ  รู้สึกเหมือนคนขายจะรู้ว่าไม่ได้อยู่ไทยยังไงก็ไม่รู้   ตอนหลังอดถามแม่ค้าคนหนึ่งตรง ๆ ไม่ได้ .. เขาเลยบอกว่าดูจากหน้าตา และรูปร่าง   (สงสัยไม่กล้าบอกตรง ๆ ว่าหุ่นอ้วนท้วมเกินสาวไทยทั่วไป 5555) อ่านความเห็นของหลาย ๆ ท่านแล้ว สงสัยถ้าจะกลับไทยอีก คงต้องวางแผนลดความอ้วนล่วงหน้าหนึ่งปี จากคุณ : บีพี เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 55 19:29:55

ความคิดเห็นที่ 45 - โดนเรียกทำแอมเวย์อยู่นั่นแหละ เบื่อมากกกก เอะอะ ก็มรดกตกทอด เลี้ยงตัวเองยามแก่ บลา ๆๆๆ ปฏิเสธไม่ไปเข้าชมสาธิตไอคุก (หม้อ I-cook) ประหนึ่งทำความผิดมากมาย พอดีญาติเขาทำอยู่ เขาต้องการให้เรา ค้นพบสิ่งที่วิเศษที่สุดในชีวิต 5555 แถมบอกว่าจะได้ไปขยายธุรกิจที่ต่างประเทศได้ มันทำได้ทั่วโลกนะ บลา ๆๆๆ โอ๊ย เบื่อมากกกก - เวลาจะไปไหนเราจะระมัดระวังตัวนะ ไม่กลับที่พักดึก (กทม) ไม่ไปสถานที่อโคจร กลัวทั้งแ็ทกซี่ ไม่ใส่เครื่องประดับ ไม่ใช้กระเป๋าแพง (ปกติที่มีก็ไม่ได้แพงนักหรอกค่า 5555) ไม่เดินขึ้นสะพานลอยตอนกลางคืน สรุปคือ กลัวหมดว่างั้น  กระเป๋าลองชอมยังไม่ใช้เลย ไม่ได้แพงอะไรมากหรอกแต่กลัวโดนกรีด เสียดาย - อ้อ ขับรถ พอไฟเหลือง เราจะชะลอค่ะ แน่นอน โดนคันหลังบีบแตรด่าและปาดหน้าไป 555 บ้างก็ระหว่างปาดหันมามองหน้าด้วย (ในใจคงโดนค่า I kwai เหมือน คห บน อิอิ) แต่ไม่แคร์ค่ะ - ขับรถกลางคืนต่างจังหวัด ช่วงในเมืองช่วงหลัง 4 ทุ่ม เจอแยกไฟแดง แม้เราจะเขียวก็ต้องชะลอค่ะ กลัวพวกเมาแล้วฝ่าไฟแดงเข้ามาชน  เพราะช่วงดึก ๆ เนี่ยเป็นเวลาของเด็กแวนซ์เลยค่ะ 5555 กลางวันอะไม่กลัวเท่าไหร่หรอก แต่กลางคืนต่างจังหวัดมันไม่วุ่นวายเหมือน กทม เราไม่รู้ว่าแวนซ์จะมาเมื่อไหร่กัน บอกแม่เสมอว่า ขึ้นรถแล้วกดล็อกทันทีเลยนะแม่ แก้ไขเมื่อ 12 ม.ค. 55 00:48:00 จากคุณ : Freedom of Life เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 55 20:45:10

ความคิดเห็นที่ 46 จำได้แม่น และเป็นอะไรที่รู้สึกเศร้าใจที่สุด ปีนั้นต้องไปต่อวีซ่า ไม่รู้จะจอดรถที่ไหนเลยนั่งแท๊กซี่ไป ทำเสร็จคง 9 โมงกว่าๆ ก็เดินเล่นไปเรื่อยๆ (เป็นคนชอบเดินมาก) ไปจนถึงเวิร์ลเทรด เดินเล่นพักนึงก็ออกมายืนแถวๆป้ายรถเมล์ ดูว่ามีสายไหนไปได้มั้ย หรือจะนั่งแท๊กซี่กลับดี ที่ป้ายรถเมล์คนก็ไม่น้อย น่าจะสักสิบกว่ายี่สิบคน มีอาม่าแก่ๆคนนึง เดินถือถุงพลาสติกหลายถุง มาที่ป้าย อยู่ๆก็มีผู้ชายไม่แก่มาก แต่คงเมามาก เดินโซซัดโซเซ เอามือมาดึงถุงจากมืออาม่า อาม่าก็หลบ แต่ขี้เมาก็ไม่เลิก ก็เดินโซเซตามไปคอยคว้าถุง อาม่าก็เดินหนีไปหนีมา แต่ไม่มีใครซักคน เน้นว่าไม่มีซักคน คนหนุ่ม คนสาว แข้งขาดี ทั้งป้ายมอง แต่ไม่มีขยับตัวเลย เราเลยเดินไปที่ป้าย แล้วเอาตัวเราขวางระหว่างอาม่ากับไอ้ขี้เมา อาม่าหนีมัน เราก็เดินตามไปพยายามอยู่ตรงกลาง ในที่สุดมันก็พุ่งตัวเข้าไปคว้าถุงจากมืออาม่า ได้ถุงนึง แล้วก็เดินโซซัดโซเซไป อาม่าก็ตะโกนไล่หลังมัน ทุกคนมองแต่ก็ไม่มีใครขยับเหมือนเดิม เราเดินไปขึ้นแท๊กซี่กลับบ้านเลย เพราะละอายใจมากที่ปล่อยให้คนเมารังแกคนแก่ ครั้งนี้แค่ของถุงพลาสติก ถ้าเป็นอะไรที่มากกว่านั้นหล่ะ จากคุณ : 2 Cents เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 55 23:21:52 A:204.97.104.30 X: TicketID:312350

ความคิดเห็นที่ 47 คุณบีพีขอบคุณมากที่แวะมาเยี่ยมกระทู้ค่ะ ก็เคยมีคนถามแบบนี้เหมือนกัน ก็สงสัยเหมือนกันว่าเขารู้ได้อย่างไร คิดว่าคนค้าขายเขาคงสังเกตุดูลักษณะวิธีการซื้อของลูกค้ามั้งคะ คุณ Freedom of Life  อย่าว่าแต่เมืองไทยเลย แอมเวย์ระบาดไปทั่วดิฉันอยู่ที่นี่ยังโดนตื๊อเลยเกือบหลงคารมเขาไปแล้วเพราะคนทำเป็นเพื่อนกัน แต่พี่สาวดิฉันที่เป็นสมาชิกแอมเวย์เหมือนกันเธอลอยตัวไปแล้ว บอกว่าถ้าไม่ใช้ก็อย่าไปทำเลยไม่คุ้ม คุณ 2 Cents คุณทำได้แค่นั้นดีแล้วค่ะ หากคนเข้าไปช่วยมากกว่านั้น คนอาจจะได้มีดขี้เมาฝากไว้ที่พุงเป็นที่ระลึกฐานเป็นพลเมืองดีก็ได้ เคยมีเหตุการณ์ที่ 'เขาเล่ามา' เรื่องหนึ่ง อันนี้ไม่เห็นกับตัวเองนะคะ คือเหตุการณ์เกิดที่ป้ายรถเมล์หน้าสยาม(สมัยนั้นยังเป็นสยามสแคว์อยู่) มีผู้ชายไปกระชากกระเป๋าผู้หญิงคนหนึ่ง แล้วคนอื่นไม่กล้าช่วยเพราะผู้ชายตะโกนว่าเรื่องของผัวเมียใครอย่ายุ่ง ผู้หญิงเค้าก็ตกใจมาก ตะโกนร้องช่วยด้วยดังลั่น พร้อมกับถอดรองเท้าส้นตึกทุบผู้ชายลงไปกองกับพื้น ปากก็ตะโกนให้คนช่วยอยู่อย่างนั้นส่วนมือก็กระหน่ำส้นตึกลงตัวผู้ชายสุดแรงไม่ยั้ง จนผู้ชายต้องร้องให้คนอื่นช่วย บอกว่าไม่ใช่เมียผมคร๊าบใครก็ได้ช่วยผมด้วย สรุปโดนตำรวจแถวนั้นจับได้ ผู้ชายงอมพระรามไปทั้งตัวเลยค่ะ จากคุณ : Rinta เขียนเมื่อ : 12 ม.ค. 55 02:12:20

ความคิดเห็นที่ 48 เเหมขอระบายหน่อยเถอะ คือมันไม่ได้เเย่สุดๆหรอก เเต่เสียความรู้สึก อย่างเเรกพอลงออกมาจากสุวรรณภูมิ จะขึ้นเเท๊กซี่กลับบ้าน ที่คิวเเท๊กซี่ของสนามบินด้วยน่ะ (คืออยากนั่ง airport link น่ะเเต่ของหนักมากๆๆ) เอาเลยย เเท๊กซี่ตัวดี พอเห็นเราเป็นคนไทย มันบ่นใหญ่เลย ด่าคนไทยสารพัด คนไทยงก ถ้าได้ฝรั่งตูได้ฟันเงินไปพัทยาเเล้ว บลา บลา อยากเอารองเท้ายัดปากมาก มันด่าสารพัด พูดไรไม่รุ โหยมาส่งนี่เป็นบุญคุณเเล้วน่ะ ดีน่ะไม่ทิ้งกลางทาง ดูมันพูด! ยังหน้าด้านขอทิปอีก ใครจะให้มัน!  อ่อ กลับไทยสิบครั้งเจอเเท๊กซี่เลวไปสี่ครั้งก็หมดอารมณ์เเละ ถ้าคุณเลือกเเท๊กซี่หน้าเซ็นทรัลเวิล์ด หรือ เเถวๆนั้น อย่าหวังว่าเเท๊กซี่จะรับคุณ เพราะคุณเป็นคนไทย! นี่ บ่นเเค่เรื่องเดียวน่ะเนี่ย 55555   อีกอย่างเอาจริงๆน่ะ ผมว่าเมืองไทยจะกลายเป็นประเทศที่พัฒนาได้ยากมาก ชาติหน้าไม่รู้จะได้หรือเปล่า ไม่ได้ดูถูกเมืองไทยน่ะ เพราะผมก็คนไทย ผมพูดความจริง ผมเกลียดที่สุดเลย ที่คนไทยติดสบาย ขี้เกียจ เห็นเเก่ตัว โวยวาย ประท้วงปิดถนน ปิดบ้าบออะไรไม่รู้ เรียกร้องเอาเเต่ผลประโยชน์ตัวเอง คนอื่นเดือดร้อน ช่าง:-) ตูต้องได้ที่ตูต้องการเดี๋ยวนี้! ผมเกลียดทัศนคติอย่างนี้มากๆๆๆ รัฐบาลทุกพรรคก็ประสาท ประชานิยมอยู่ได้ ห่วงเเต่คะเเนนนิยมตัวเอง ทำเหมือนเรารวยเหมือนบูรไนหรือไง มีน้ำมันเลี้ยงประเทศหรอ ประเทศไทยจะพัง เสื่อมโทรมลงทุกวันเเล้ว อีกไม่นานถ้ายังเป็นเเบบนี้ คงล้มละลายเหมือน กรีซ   เวียดนาม อินโด พม่า คงกลับมาดูถูกเรา รักประเทศไทย อยากให้ประเทศเราพัฒนาเหมือนประเทศอื่นบ้าง ไม่ต้องเอาวัตถุก็ได้ ขอเเค่จิตสาธารณะของคนในชาติ เหมือนญี่ปุ่น เกาหลี สิงคโปร์ เเค่นี้ ประเทศเราก็รอดเเล้ว จากคุณ : prun poa เขียนเมื่อ : 12 ม.ค. 55 02:24:53

ความคิดเห็นที่ 49 เจอแต่คนมาขายของให้ ตั้งแต่ของกิน ยันประกันภัย .. และที่รู้สึกแย่สุด เพราะ คนขายรู้ว่าเราอยู่เมืองนอก ยิ่่งขายให้ในราคาแพง ว่าจ้างใคร ก็คิดราคาแพงกว่าชาวบ้านไปมากมาย ประหนึ่งว่า คนอยู่เมืองนอกนี่ ต้องรวยมากๆ บอกว่าไม่มีก็ไม่เชื่อ หาว่าเราสะตออีก เฮ้อออ.. จากคุณ : ลูกชุปมะนาว เขียนเมื่อ : 12 ม.ค. 55 03:53:58 A:62.168.0.15 X: TicketID:255237

ความคิดเห็นที่ 50 กลัวจริงๆค่ะ แมวกระโดดขึ้นโต๊ะจากเก้าอี้ตรงข้ามขึ้นมาประจันหน้าเรา ตรงข้ามเราเลยค่ะ และกินอาหารในจานเราเลยค่ะ ไม่มีอ้ำอึ้ง ไม่มีมองหน้าเราเลยค่ะ เจ้าของร้านเค้าก็ไม่สนใจ ไม่ขอโทษ ไม่ไล่แมวด้วยค่ะ เราเหลืออีกซัก 10 คำอะค่ะ เลยเลิกกินขอให้เค้าเอาไข่เยี่ยวม้ามาให้เราใหม่ซีกนึงค่ะ กินยำสามกรอบใส่ไข่เยี่ยวม้าอะค่ะ แมวก้มมากินคล้ายๆในรูปค่ะ เราอยู่ตรงหน้ามันค่ะ จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : 12 ม.ค. 55 04:28:44

ความคิดเห็นที่ 51 ที่ทำให้รู้สึกไม่ดีน่าจะเป็นมารยาทในการขับรถของคนขับรถเมล์ แท็กซี่ สองแถว บางคนนะคะ กลับไทยล่าสุดเจอคนขับรถเมล์เป็นเด็กฝึกงานค่ะ คือพอขึ้นไปปุ๊ปก็รู้สึกเลยค่ะว่ามันไม่ปกติ เวลาเขาจะจอดป้ายแต่ละครั้ง เกือบจะเบรคไม่อยู่ คนยืนโหนรถเมล์ก็เซกันไปตามๆกัน ขับไปได้ไม่เกิน 5 ป้าย มีการเปลี่ยนตัวคนขับค่ะ กลับบ้านมาเล่าให้น้องฟัง น้องสันนิษฐานว่าเป็นเด็กฝึกงานที่ยังไม่มีใบขับขี่ค่ะ พอขับจนชำนาญแล้วค่อยไปสอบเอาใบขับขี่ ดิฉันได้ฟังก็ได้แต่อึ้งๆเพราะว่านั่นน่ะเอาชีวิตคนเกือบร้อยมาเดิมพันเลยค่ะ โชคดีที่วันนั้นนั่งรถเมล์ไปห้างใกล้ๆบ้านค่ะ ไม่เกิน 10 ป้าย ถ้าต้องนั่งไปด้วยกันจนสุดสาย ดิฉันคงต้องขอลงก่อนแน่ๆค่ะ ยอมรับว่ากลัวค่ะ กลัวอุบัติเหตุมากๆ ส่วนเรื่องเอารัดเอาเปรียบจากคนที่เห็นแก่ตัว ก็เจอจนชินแล้วค่ะ อยู่เมืองนอกก็เจอพวกฝรั่งเอาเปรียบประจำ(ถ้ารู้ไม่ทันนะคะ) จากคุณ : sunisaogkim เขียนเมื่อ : 12 ม.ค. 55 04:49:50

ความคิดเห็นที่ 52 ก้าวขึ้นรถเมลล์ คนขับ ไม่รุจะรีบไปตายที่ไหน กระชากซะ จนอิฉันลงไปนั่งพับเพียบ กับพื้น จากคุณ : sa_bkk เขียนเมื่อ : 12 ม.ค. 55 05:44:24

ความคิดเห็นที่ 53 แทบทุกอย่างบนถนนอะครับ รถติด ร้อน รถขับปาดซ้ายขวา ไม่มีน้ำใจ 9ล9 จากคุณ : Froyo เขียนเมื่อ : 12 ม.ค. 55 05:47:09

ความคิดเห็นที่ 54 เหมือนอย่างหลายๆท่านที่เอ่ยมา คือความไร้ระเบียบ สกปรก มีลักษณะตัวใครตัวมัน การเอารัดเอาเปรียบตลอดเวลาหากไม่ระวังตัว รูปแบบการค้ามีการหลอกล่อสารพัดชนิดเพื่อให้ได้กำไร มีทุกระดับ เยาวชนของชาติใรกทม เป็นแต่เรียนอย่างเดียว ว่างก็เห็นๆอยู่ตามศูยน์การค้า ผู้คนเปลี่ยนไป เสมือนเดินอยู่ในโลกวรรณคดีเรื่องพระอภัยมณี ท่าทางอ้อนแอ้น พูดจามีเสียงอ่อนเสียงหวาน ทั้งๆที่เป็นชายทั้งกายและใจ (ดิฉันไม่ได้มีอคติต่อผู้ที่นิยมเพศเดียวกัน เชื่อว่าไม่มมีใครอยากเป็นในสิ่งที่สังคมไม่มีการยอมรับในภาคกฏหมายและทางสังคม) เชื่อว่าสังคมเรามีสองมาตรฐาน จะเห็นได้จากการไปซื้อของ ผู้ขายจะต้อนรับผู้ที่มีการแต่งกายบอกยี่ห้อดีกว่าผู้ที่แต่งกายธรรมดา แต่ไม่มีวัตถุที่ประทับตราว่ามาจากยี่ห้อดังๆ ผู้คนส่วนมากจะไร้น้ำใจ แม้ปากจะบอกว่าคนไทยมีน้ำใจ จะเห็นได้ชัดเวลาขึ้นรถเมล์ รถไฟฟ้า เป็นต้น คนไทยจะเสียภาษีสังคมเยอะมาก เช่นการ์ดงานแต่ง งานบวช งานศพ กฐิน ผ้าป่า หวยการกุศล คราวก่อนไปห้างเซ็นทรัล กำลังจะซื้ออาหาร เห็นเด็กนักเรียนทั้งชายและหญิงวิ่งกรูกันเข้ามา ถือขันมาด้วย พระถือโทรโข่งประกาศชักชวนญาติโยมให้ทำบุญด้วย มีรดน้ำมนต์ให้เสร็จสรรพ แปลกดีที่มาบอกบุญถึงในห้าง แต่ก็ร่วมทำบุญไปด้วย เพราะสงสารเด็กๆมากกว่า ดิฉันชอบไปพาหุรัด ทุกครั้งจะซื้อข้าวเหนียวหน้ากลอย ร้านนี้จะอยู่ปากทางเข้าพาหุรัด ทางด้านขวามือ คราวนี้ไม่เจอยายที่ขายประจำ เห็นติดราคาว่า ห่อใหญ่ 45 บาท ห่อเล็ก 35 บาท เลยซื้อห่อเล็กเพราะจะเก็บท้องไว้ทานมันสำปะหลังปิ้งเจ้าที่อยุ่สุดถนนก่อนข้ามไปสำเพ็ง แม่ค้าบอกว่าเดี๋ยวหยิบให้ใหม่จากกะละมังเลย ตอนจ่ายสตางค์ แม่ค้าบอกว่าราคา45 บาท เพราะห่อให้ใหม่ เอากลับมาทานที่บ้าน มึนหัวเป็นอย่างยิ่ง เพราะกลอยไม่สุก เพิ่งเมากลอยเป็นครั้งแรก ทั้งๆที่จะทานกลอยเฉพาะเจ้าประจำเท่านั้น เจอจนได้ ต่อไปก็จะไม่อุดหนุนเจ้านี้อีก บ่นกันทุกทีที่มีกระทู้ถามเกี่ยวกับเมืองไทย แต่ก็ยังรักประเทศแม่กันเหมือนเดิม เพราะเกิดที่นั่นแทบทั้งนั้น ทั้งยังได้รับการอมรม และเลี้ยงดูอย่างอบอุ่นในวัยเยาว์จากครอบครัว การศึกษาและการบ่มเพาะทางวัฒนธรรมก็มาจากเมืองไทย เมืองแม่ที่รักยิ่ง ขอบคุณคุณรินตาที่ตั้งกระทู้มาให้ชาวไกลบ้านอย่างดิฉันได้บ่น ได้ระบายบ้างค่ะ จากคุณ : Top Of The Hill เขียนเมื่อ : 12 ม.ค. 55 07:04:15 A:62.204.105.22 X: TicketID:268053

ความคิดเห็นที่ 55 เพื่อนผมบินไปมาๆไทย อเมริกาตั้งแต่เด็ก แต่ใจจะค่อนไปทางอเมริกา พอขึ้นมหาวิทยาลัยก็ไปอยู่อเมริกายาว มีครั้งนึงกลับมาที่ไทย พาไปเดินห้างหรูใจกลางเมือง มันเจอโปสเตอร์หนังไทยเรื่องนึงที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับเกย์ในภาพเป็นภาพผู้ชายสองคนกำลัง"ล้วง"กันอยู่ มันก็ยืนตัวแข็งอยู่หน้าโปสเตอร์แล้วก็บอกว่า "เมืองไทยเปลี่ยนไปเยอะนะ" พอเดินออกไปนอกห้างมันก็ซื้อมีดพกมาติดตัวไว้ บอกคนไทยดูน่ากลัว อันตรายต้องพกมีดไว้ป้องกันตัว -_-" ...ไอ้บ้า!! จากคุณ : Disorder เขียนเมื่อ : 12 ม.ค. 55 08:44:00

ความคิดเห็นที่ 56 คุณlovelypriest, สงสัยว่าทำไมไม่ไล่มันไปเองหรือยกจานข้าวหนีล่ะครับ ปกติถ้าคุณยกมือทำท่าจะตีมันมันก็คงจะหนีแล้ว แต่ถ้าคุณอยู่เฉยๆแมวมันคงนึกว่าคุณให้มันกินได้ เจ้าของร้านเค้าคงคิดคล้ายๆกันว่าคุณให้แมวกิน สัตว์บ้านเรามันไม่ได้รับการฝึกครับ จากคุณ : @CNX เขียนเมื่อ : 12 ม.ค. 55 08:55:43 A:180.214.215.107 X: TicketID:344455

ความคิดเห็นที่ 57 เจอคุณพ่อบอกว่าทำใมไม่แต่งต่งแต่งตัวให้เหมือนคนมาจากเมืองนอกมั่งล่ะลูก (คิดว่าคุณพ่อคงอยากจะอวดชาวบ้านว่าลูกสาวมาจากเมืองนอก) รู้สึกว่าตัวเองแต่งตัวแย่ลง แต่ก่อนอยู่เมืองไทยแต่งตัวคุณนายมาก แต่เดี๋ยวนี้ง่าย ๆ สบาย ๆ ตามแบบอเมริกัน :p จากคุณ : Pan (Pan@CA) เขียนเมื่อ : 12 ม.ค. 55 09:31:00

ความคิดเห็นที่ 58 คนไทยที่ไปอยู่ต่างแดนและกลับมาเมืองไทย ส่วนใหญ่ที่เราเจอก็คือ ความคิดเปรียบเทียบระหว่างสังคมพัฒนาแล้วกับสังคมเมืองไทยว่าด้อยพัฒนาน่ะ ทำเหมือนกับว่ารับไม่ได้สักอย่าง แต่เราก็เข้าใจนะมนุษย์มันก็งี้ล่ะ สมมติว่าเราอยู่ในบ้านกะโปโลสังคมแบบแย่มากๆมาตลอดแล้ววันหนึ่งเราได้ย้ายจากบ้านกะโปโลมาอยู่ในบ้านหลังงามเจอสังคมเมืองศิวิไลซ์ เมื่อต้องให้กลับมาหาบ้านเก่า เราก็รู้สึกรับไม่ได้ซะแล้ว มันเกิดความรู้สึกเปรียบเทียบในใจขึ้นมา ทั้งที่ก่อนหน้าที่เคยเติบโตขึ้นในบ้านหลังนี้ไม่เคยคิดอะไรใช้ชีวิตไปวันๆ แต่มันจะต่างกันอย่างคือ ถ้าคุณโตขึ้นมาในบ้านดีสภาพแวดล้อมที่ดีอยู่แล้ว ต่อให้คุณย้ายไปอยู่ในที่ใหม่ที่ว่าดีแค่ไหน คุณก็ยังจดจำสิ่งที่ดีของบ้านหลังเดิมพร้อมที่จะกลับมาหามันได้เสมอโดยไม่เกิดความรู้สึกเปรียบเทียบและอึดอัดใจ จากคุณ : เสียงจากบ้านนา เขียนเมื่อ : 12 ม.ค. 55 09:52:13

ความคิดเห็นที่ 59 ... ครั้งนะครับว่า ช่วยๆๆ กันกด VOTE ก็ดีนะครับ เพี่อที่ กระทู้จะได้อยู่ได้นานๆ นะครับ จากคุณ : okb เขียนเมื่อ : 12 ม.ค. 55 12:32:40

ความคิดเห็นที่ 60 คือจริง ๆ จขกท เขาถามถึง "ข้อเสีย" ว่าเจออะไรมาบ้าง แต่ถ้าจะถามถึงข้อดี มันมีเยอะพอกันนั่นแหละ ของเรา จริง ๆ มันไม่ได้แย่มากมายอะไรหรอก เพราะประเทศที่อยู่ปัจจุบัน มันไร้สีสัน ผู้คนก็ไม่ค่อยเปิดกว้าง (อยู่ตะวันออกกลาง) เอะอะ ก็เอาแต่คิดว่าผู้หญิงไทย ขาย ๆๆๆ น่าเบื่อเป็นและน่ารำคาญมาก  คือมันก็ได้อย่างเสียอย่าง แลกกันนะ  อย่างง่าย ๆ ประเทศที่เราอยู่ เวลาออกไปข้างนอก สะพายกระเป๋าไม่ต้องกลัวโดนฉกชิง วิ่งราว ไม่ต้องกลัวโดนล้วง ไม่ต้องกลัวโดนกรีด แต่ถ้าอยู่เมืองไทย กลัวจริง ๆๆๆๆๆ ขอดีของเมืองไทยที่รู้ๆ กันคือ คนไทยยิ้มง่ายคุยง่ายเป็นมิตร จิตใจดี หยวน ๆ (ถ้าเรื่องดีก็ดีไป) ผลไม้ไทยอร่อยที่สุดในโลก ใคร ๆ ก็อยากกิน 5555 อยู่ต่างประเทศต้องรอกินผลไม้กระป๋องจากไทย เป็นดินแดนเสรี ไอ้เรานะก็ดีใจ๊ ดีใจกับพวก แอบ (อาหรับ) เวลามาเที่ยวเมืองไทย แหม อยู่ประเทศตัวองคงต้องแอ๊บน่าดู เพราะที่เมืองไทยไม่มีใครว่า เพศที่สามยอมรับมากขึ้น มีรายการทีวีที่มีึที่มีพิธีกรเป็นสาวประเภทสอง คนติดตามเยอะมาก (เทย เที่ยว ไทย) เพศที่สามเดี๋ยวนี้ เก่ง มีความสามารถ ไม่ใช่สักแต่ว่าแต่งตัวอย่างเดียว คห บนต้องเข้าใจประเด็นนะ เพราะ จขกท เขาถามถึง "ข้อเสีย" ไม่ใช่ว่าคนที่มาแชร์ประสบการณ์ รับเมืองไทยไม่ได้หรือว่าอะไร  (เพราะทุกประเทศก็มีข้อเสียเหมือน บางประเทศ ภาษีสูงลิ่ว จ่ายมันไปหมดทุกกระเบียดนิ้ว) จากคุณ : Freedom of Life เขียนเมื่อ : 12 ม.ค. 55 12:51:27

ความคิดเห็นที่ 61 เห็นด้วยครับ ถ้าอยากจะปรับปรุง หรือแก้ไข ต้องเริ่มจากการยอมรับข้อเสียของเราให้ได้ก่อน ปล. ไม่เคยไปเมืองนอกเลย อยู่แต่เมืองไทย ผมรู้สึกว่า สมัยก่อนผู้คนจิตใจดีมา่กกว่าตอนนี้ครับ จากคุณ : ::humAn_nAture:: เขียนเมื่อ : 12 ม.ค. 55 13:36:47

ความคิดเห็นที่ 62 ไม่เจออะไรที่รู้สึกว่าแย่สุดๆ  แต่ก็มีเซ็งๆ เรื่องบางอย่างในสังคมไทย เช่น - เจอคนชอบวิจารณ์หน้าตา รูปร่าง การแต่งตัว บางคนที่ชอบมองคนที่ภายนอก ชอบนินทา ชอบตัดสินคนอื่น (เห็นได้จากหลายๆ กระทู้ในพันทิป) - คนขับรถไม่ค่อยมีวินัย มอเตอร์ไซค์ขับย้อนศร ขับปาดไปปาดมา คนขับรถยนต์อยากจอดตรงไหนก็จอด ทำรถติด - ข้ามถนนยากมากกกก แม้จะข้ามตรงทางแยกที่มีสัญญานไฟ หรือทางม้าลาย ก็ไม่ค่อยมีรถจอดให้เราข้าม - กฏหมู่อยู่เหนือกฏหมาย ไม่พอใจอะไรก็ก่อม้อบประท้วง etc. จากคุณ : Halimeda Lover เขียนเมื่อ : 12 ม.ค. 55 15:43:09

ความคิดเห็นที่ 63 ไม่ชอบเลยคนแถวบ้านสอนลูก ชอบพูดอีสานสำเนียงไทย พูดอีสานคำไทยคำ ฟังแล้วไม่เข้าหูเลย อยากไห้คนอีสานก็พูดอีสานไปเลย  ไม่ต้องดัดแปลงสำเนียง จากคุณ : ต้นข้าวในทะเลทราย เขียนเมื่อ : 12 ม.ค. 55 16:51:52

ความคิดเห็นที่ 64 ขอบคุณทุกท่านมากที่เข้ามาแชร์ประสบการณ์และความคิดเห็น ต้องขอโทษด้วยค่ะ ที่ดิฉันไม่สามารถจะตอบทุกความเห็นได้และไม่สามารถให้กิํฟได้ทุกคน เพราะไม่นึกว่าจะมีเพื่อนๆเข้ามาเล่นกันเยอะอย่างนี้ คุณ lovelypriest  ปรกติก็ไม่เคยเห็นแมวกระโดดขึ้นโต๊ะไปแย่งอาหารคนนะคะ เค้าคงชินกับการที่ลูกค้าอื่นๆเคยให้อาหารเค้า และอีกอย่างบ้านเราแมวจรจัดเยอะมากๆ เค้าแย่งกันกินแย่งกันอยู่คงจะหิวโหยมากจนไม่กลัวอะไรอีกแล้ว คุณ  Top Of The Hill  ร้านกลอยนั่นเคยไปค่ะ สำเพ็งเป็นถิ่นที่ดิฉันไปทุกครั้งที่กลับ เพราะมีร้านขายมุกเจ้าประจำอยู่ที่นั่น คุณ เสียงจากบ้านนา สังคมเรากว้างขึ้นเมื่อได้ไปอยู่ต่างบ้านต่างเมือง ไม่ได้เห็นแง่เดียวมุมเดียว เราก็มีเรื่องเล่าเรื่องเปรียบเทียบกว้างขึ้นนะคะ เรื่องเลวร้ายหรือข้อเสียบ้านอื่นเมืองอื่นก็เยอะ อย่างกระทู้ด้านบนนั่นไงคะ แต่กระทู้นี้ดิฉันอยากให้เพื่อนๆได้มาแชร์ประสบการณ์ ที่ได้เจอจากการกลับไปเยี่ยมบ้าน ทุกคนที่เขาเล่ามา เค้าพูดกันในทำนองว่ามันน่าจะดีถ้าบ้านเราทำแบบนี้เป็นอย่างนี้ ยังไม่เห็นมีใครสักคนบอกว่ารับไม่ได้นะคะ บ้านเราเมืองเราทุกคนก็รักอยู่แล้วแม้ว่าจะเปลี่ยนไปสักเท่าไหร่ จากคุณ : Rinta เขียนเมื่อ : 12 ม.ค. 55 17:35:14

ความคิดเห็นที่ 65 ขอนอกเรื่องหน่อย ขออนุญาตถาม คุณ Freedom of Life  ค่ะ หลายประเทศแถบอาหรับ ดิฉันสงสัยอย่างหนึ่งทำไมประเทศแถบนั้นเค้ารับได้ถ้าเห็นผู้ชายแมนๆเดินจูงมือกัน ที่เห็นชัดๆเลยคือประเทศซาอุ อย่างประเทศเราถ้าผู้ชายดูแมนๆสองคนเดินจูงมือจูงแขนกันแบบนี้คงโดนเม้าท์แล้วว่าแอ๊บแมนแหง๋ๆๆ จากคุณ : Rinta เขียนเมื่อ : 12 ม.ค. 55 17:42:44

ความคิดเห็นที่ 66 ว๊ายย นี่ (ชื่อเรา)เหรอเนี่ย อยุ่เมืองนอกท่าจะอยู่ดีกินดีเนอะ อ้วนมาเลย  .....  แมร่มมมมม จากคุณ : Gigolina เขียนเมื่อ : 12 ม.ค. 55 20:52:15

ความคิดเห็นที่ 67 โดนถามเรื่อง " ของฝาก " พอบอกไม่มีหรอก  ก็โดนค่อนขอดว่ามีผัวเป็นฝรั่ง รวยจะตาย  ดันขี้งก แค่ของฝากก็ไม่ซื้อมาให้ เราก้ได้แต่คิดในใจว่าเมื่อไหร่น้อ คนไทยจะเลิกคิดแบบนี้ซะที จากคุณ : เด็กหลังส้วม เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 55 03:41:13

ความคิดเห็นที่ 68 ยังไม่มีโอกาสได้กลับไทย แวะเข้ามาอ่านเป็นข้อมูลไว้ทำใจก่อน จากคุณ : คู่กัด เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 55 04:18:20

ความคิดเห็นที่ 69 เข้ามาเล่าด้วยคน หวังว่าตลาดยังไม่วาย ฃะก่อนนะคะ กลับไปไทยทีไร กลัวตลอดเพราะเครื่องลงตอนตี2กว่าตี3กว่าๆทุกที ที่กลัวเพราะตอนที่ยังเป็นสนามบินดอนเมือง เราเคยโดนปล้นจากแท๊กฃี่ ที่ต้องเสียค่าบริการ50บาท น่ะค่ะ เลยกลัวฝังใจมาก คิดแต่ว่าบุญแค่ไหนแล้วที่ไม่โดนฆ่าปาดคอทิ้งข้างทาง ตั้งแต่นั้นมา ระวังตัวเองตลอด ที่กลับไปบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเอง อีกเรื่องที่ระอา มาก คือ พอพ่อค้าแม่ค้า หรือ ร้านค้า ร้านอาหาร เห็นเดินกับฝรั่ง ราคาต่างๆที่ฃื้อต้องแพงเป็น3เท่าหรือ5เท่า แบบอัตโนมัติเลยค่ะ เคยโดนแท๊กฃี่ ด่าคำหยาบมาก เพราะไปแย้งค่าแท๊กฃีีที่ลุงแกขอเพิ่ม  มันเป็นความผิดหนูรึเปล่าคะลุง ที่มีสามีฝรั่ง แล้วต้องจ่ายค่าแท๊กฃี่แพงผิดปกติอย่างงี้ ทำไมลุงไม่คิดบ้างว่า เงินที่เอามาเที่ยวมาเยี่ยมเมืองไทยนี่ ก็คือเงินของหนูค่ะ เงินที่เก็บหอมรอมริบช่วยกันทั้งสามีและภรรยา เพื่อกลับมาเยี่ยมเมืองไทยที่รักและคิดถึง แต่มาเจอแบบนี้ เสียความรู้สึกมากเลย !!! พ่อแม่พี่น้องแท้ๆของเรา ไม่เคยเอ่ยขอเงิน เราเลยสักครั้ง มีแต่ ญาติที่เราไม่เคยเห้นหน้า เดินมาแบมือขอเงินค่ะ ต่อหน้าต่อตาสามีเลย เรานี่อายมาก เรื่องคนแฃงคิว ไม่ว่าจะรอคิวรอแท๊กฃี่ หรือ รอคิวจ่ายเงิน หรือ รอฃื้อของที่ร้าน7-11  แต่ เราไม่แย้งคนที่แฃงหรอกค่ะ พยายามท่องไว้ เรามาเที่ยว เรามาเยี่ยม เรามาหาความสุข อย่าทำให้เรื่องแค่นี้มาทำให้เราอารมถ์เสีย แค่นั้น อีกเรื่อง โรงแรม บาง โรงแรม ที่ จอง เข้าพัก บางโรงแรม นะคะ เห็นเราเดินมากับฝรั่ง เราเอ่ยทักทายด้วยภาษาไทย คุณๆท่านๆ ทักทายแต่ฝรั่งที่ยืนข้างเราเท่านั้น ไม่คุยกับเราไม่แม้แต่จะมองเรา เอ่อ...ไม่เป็นไร ข้อนั้น คิดฃะว่า ภาษาอังกฤษที่เราพูดกับเขา ไม่เข้าขั้น...พอที่จะทำให้เขาฟังออกได้ (โทษตัวเองค่ะ )หรือภาษาไทยที่เราเอ่ยทักเขา เขาฟังไม่ออก แบบนั้น 5555 แต่ที่หนักหน่อย จนต้องย้ายโรงแรม คือ พอเรากับฝรั่ง(ก็สามีเราเองนี่แหละ)ออกไปข้างนอก พอกลับกันเข้ามาในโรงแรม แหม... คุณรีเฃพฃี่ขอบัตรประชาชนเราไว้นี่สิ (มันหมายความว่ายังไงคะ) แถมพูดแปลกๆมองเราตั้งแต่หัวจรดเท้า พูดว่า โรงแรมนี้ ไม่รับบริการพิเศษนะคะ เราเลยยื่นพาสปอตส์ให้เธอดู และบอกเธอว่า เราเองที่เป็นคนจองห้องพัก ดูชื่อคนจองด้วยนะคะ เราเป็นแขกของที่นี่ค่ะ เธอไม่พูดอะไรตอบกลับเลยค่ะ ยื่นพาสปอตส์ของเรากลับคืน แล้วหันหลังทำงานต่อ  คำขอโทษไม่มีเลยสักคำ เราเลย ขอเช็คเอ้าส์เดี๋ยวนั้นเลย และขอพบผู้จัดการพร้อมเลย เล่าให้คุณฝรั่งข้างๆฟัง ขานี้ลมออกหูกว่าเราอีก เดินไปบอกรีเฃพฃี่คนนั้น ว่า เราคือภรรยาที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายของเขา บลา บลา บลา ....เยอะ  ยาวเลยค่ะ สุดท้าย ตัวเราเอง แต่งตัวเป็นอาฃิ่มมาก จะ50 อีกไม่กี่ปี ข้างหน้า แถมอ้วนด้วย ความสวยหาไม่เจอ แต่เราแต่งไม่โทรม แต่งไม่สกปรก แต่งตัวถูกกาละเทศะ ไม่โป๊ ไม่เปลือย ออกเรียบร้อยมาก ด้วย ละเหี่ยใจ แค่  ไม่ดูเล้ย อายุก้เราขนาดนี้แล้ว หน้าตาก็ป้า ตรีนขี้นเต็มหน้า .......แต่งตัวก็ป้ามากๆ แค่เห็นเดินกับฝรั่งก็โดนเหมารวมว่าเป็นอย่างว่า .... แต่ก็ ไม่เคยสักครั้งที่จะเลิกคิดถึงเมืองไทย ค่ะ ยังรัก ยังคิดถึงเมืองไทยอยู่ตลอดเวลา คิดถึงส้มตำ ข้าวเหนียว ไก่ย่าง เอาสเต็กมาแลกก็ไม่ยอม แบบนั้นเลย ล่ะ รักและคิดถึงเมืองไทย   แก่กว่านี้ จะกลับไปอยู่เมืองไทยค่ะ เพราะ คิดอยู่เสมอว่า อยู่ที่ไหน ไม่สุขใจ เหมือนบ้านเรา จากคุณ : คนตัดผ้าตัดกระดาษ เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 55 04:52:24

ความคิดเห็นที่ 70 กลับไปครั้งแรก โดนกรีดกระเป๋าที่เดอะมอลล์บางกะปิ ก่อนหน้านี้เข้าไปนั่งกินสเต๊กในร้านติดแอร์ เจอคนเข้ามาหยิบกระเป๋าคนที่นั่งในร้านโต๊ะแรกต่อหน้าต่อตา แล้ววิ่งไปขึ้นมอไซด์หนีไป กลับไปครั้งล่าสุดไปเที่ยวบ้านกรูด กลับมานอนรพ.สี่วัน เจออาหารสกปรกเข้าไป แต่ขอบอกว่าไม่เข็ด ยังไงก็รักเมืองไทยค่ะ ถ้ากลับไปอยู่นานๆ เดี๋ยวก็ชินเองค่ะ เมืองไทยค่ะ จากคุณ : lyios เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 55 06:29:40

ความคิดเห็นที่ 71 มาคุยด้วยล่าช้าเพราะยังนึกไม่ออกว่าอะำไรแย่ๆ ที่เจอจากเมืองไทย  อาจจะมีแต่ลืมไปแล้ว เพราะดิฉันจะค่อนข้างพูดตรงพูดมันตรงนั้นเลย  พูดจบก็จบแบบถ้าใครมาแซงมาแทรกแถว ก็จัดการตรงนั้นเลย   ขนาดเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาไป Costco จะคล้ายๆ แมคโครบ้านเรา  เขาก็มีให้ชิมอาหาร ดิฉันก็ยืนรอคุณสามีที่ต่อคิวอยู่มีประมาณสามสี่คน  จู่ๆ เด็กผู้ชายอายุซักสิบขวบเดินมากับแม่ เธอก็ตัดแถวเดินไปหยิบหมับเลยแม่ก็ตามน้ำไปด้วย  พาเดินออกมาก็มาเจอดิฉันซิคะ  เลยถามว่า "Did you see people ahead of you in line?"  เด็กก็รีบเดินหนี แม่เด็กมองหน้าแล้วเดินหนีไปด้วย แหม้....โมโหที่คนเป็นแม่หนุนหลังลูกในสิ่งไม่ถูก  ถึงจะเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่อย่าอ้างว่ายอมให้เด็กแคนี้ไม่ได้เหรออออออ ไอ้เรื่องที่เห็นฝรั่งไปด้วยแล้วโก่งราคานี่ก็เจอ  ก็โมโหนะเป็นคนหงุดหงิดง่ายมาก  แต่เดี๋ยวนี้ดีขึ้นเยอะ เพราะเวลาโมโหและเริ่มแค้น  ก็จะคิดในใจว่า "ถ้าฉันถูกล๊อตโต้เมื่อไร ฉันจะไม่แบ่งแกซักกะเซนต์เดียว เลย..." แค่นั้นตัวเองก็หายบ้าแล้ว  สบายใจแก้แค้น(ในใจ)สำเร็จ จากคุณ : ตกตะกอน เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 55 09:06:06

ความคิดเห็นที่ 72 ไม่ได้เคยจออะไรร้ายแรงนะคะ ส่วนใหญ่ ส่วนมากจะเจอแต่เรื่องดีๆมากกว่าค่ะ ตลอดการเดินทางและทุกที่ที่ไป ถึงจะไม่รู้จักคนท้องถิ่นเป็นการส่วนตัว แต่ก็ได้รับความเอ็นดู เหมือนลูกหลานค่ะ เที่ยวเมืองไทย สนุกและอบอุ่นทุกครั้งค่ะ มีบ้างที่ของแพง หรือว่าโก้งราคาของเมื่อเห็นว่าเราไปกันหลายๆคน เป็นครอบครัวใหญ่ ทั้งไทยและฝรั่ง แต่ถ้าไม่อะไรมากมาย เราก็ยิ้มๆให้และแค่บอกว่า ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวเดินไปดูเรื่อยๆ หรือ ไม่ก็แค่บอกสั้นๆว่า ไม่เอาค่ะ อย่างสุภาพ อาจจะมีบ้างที่ บ่นๆลอยๆตามมา แต่เราก็ ยิ้มๆ เพราะเข้าใจค่ะ กลับไปคราวที่แล้ว จ้างคนขับรถตู้ พาเที่ยว ก่อนไปก็ตกลงกันแล้ว ว่าจะไปที่ไหนบ้าง ไปกี่คน คิดราคาอะไร ตกลงกันเรียบร้อย พอขับๆไปก็ขอเพิ่มค่านั้น ค่านี้ จะเอาเพิ่มโน้นนี้ ตลอด คุยกันแล้วดีๆ แต่เพราะเขาเป็นแค่คนขับรถเฉยๆ คือ รถเป็นรถของคนรู้จักของครอบครัว ใช้บริการกันบ่อย ไม่เคยมีปัญหา น้าคนนี้ก็คงเห็นว่า เรามาเที่ยว และก็คงอยากจะได้เงินเพิ่ม นอกจากค่าแรงที่จะได้จากบริษัท ก็เข้าใจค่ะ แม่กับพ่อ ก็ไม่อยากให้มีปัญหากัน เลยเหมือนปล่อยๆไป เราก็อยากจะว่านะคะ แต่ พ่อกับแม่จะจัดการเอง เพราะเจ้าของรถตู้ เป็นเพื่อนของพ่อเขา ไม่อยากให้มีเรื่องกัน เราก็แค่เฉยไปค่ะ นอกจากนี้ก็ไม่เคยมีประสบการณ์ร้ายๆนะคะ อาจจะแค่มีเสียงลอยๆมา ว่า ให้รำคาญหู แต่ก็ขำๆค่ะ แต่ 4 เพื่อนสาวชาวอเมริกันไป เมื่อ สิงหา ที่แล้ว โดนขโมยของจากตู้เซ็ฟในห้องพัก ไม่มีร่องรอยงัดแหงะอะไรเลย แค่ออกไปทานข้าว แค่ 30 นาทีเองค่ะ กลับมาก็เห็นตู้เซ็ฟเปิด แจ้ง ตร ก็ไม่มีอะไรคืบหน้าเลยค่ะ จากคุณ : thaiivy เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 55 10:09:45

ความคิดเห็นที่ 73 เรากลับไทยไปแค่สองครั้ง ยังไม่เจออะไรที่แย่มากถึงกับรับไม่ได้..(เพราะปกติก็เจอมาหมดแล้วไม่ว่าจะรถโดยสาร ตำรวจ บลาๆๆ) แต่เราอยู่ญี่ปุ่นมาสามปี เราก็ยังอยากกลับไปอยู่บ้านเราอยู่ดีอ่ะค่ะ ..อิอิ จากคุณ : เหมียวเหมียว (wichayen) เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 55 14:09:36

ความคิดเห็นที่ 74 คุณ Gigolina  คุณ เด็กหลังส้วม  และ คุณ  thaiivy  ขอบคุณมากๆที่แวะเข้ามาค่ะ เรื่องอ้วน เรื่องของฝากและเรื่องโดนโก่งราคา จะได้ยินประจำค่ะต้องทำใจมากๆ เดินกับฝรั่งทีไรมันได้เรื่องทุกทีเชียว ดิฉันซื้อเสื้อราคาหนึ่ง แต่พอพาเพื่อนสาวชาวอังกฤษไปดูป้าแกขึ้นราคาเฉยเลย เนื้อผ้าและแบบก็เหมือนๆกันนั่นแหล่ะ ส่วนตัวไม่โกรธเขาหรอก ขำๆด้วยซ้ำ คุณ คู่กัด  ไม่ต้องทำใจนานหรอกค่ะ บ้านเรายังไงๆกลับไปขี้คร้านจะกลับเมืองนอกเสียอีก คุณ lyios  ดิฉันไม่เคยเจอโดนกรีดกระเป๋าหรือฉกกระเป๋า เพราะ แต่งตัวมอซอมาก กลับเมืองไทยต้องกลับไปทำงานเสียเป็นส่วนใหญ่ ต้องเข้าไปลุยตลาดบ้าง โรงงานบ้างเกือบทุกวัน ตื่นก็ตื่นแต่เช้าไม่ได้แต่งหน้าหรือทันทำอะไรไม่งั้นไม่ทันทำงานรถก็ติดวินาศสันโรอีก วันไหนไม่มอซอเท่าไหร่มันก็มอมแมมไปกับฝุ่นกับเหงื่อ สรุปโจรเห็นสารรูปก็สะบัดเฮ็ดหนีแล้วค่ะ คุณ คนตัดผ้าตัดกระดาษ  คลับคล้ายคลับคลาว่าคุณเคยเล่าเรื่องนี้ให้ฟังในกระทู้หนึ่ง เพราะจำได้ว่าพี่รินตาเคยเล่าประสบการณ์ในการพักโรงแรมและเจออะไรคล้ายๆแบบนี้ ขนาดจองเองและพักคนเดียว แต่ดันเป็นโรงแรมในไทยถิ่นฝรั่งยังเจอเลย แต่ก็คิดในทางที่ดีค่ะ ว่ามันช่วยไม่ได้จริงจริ๊ง กับการที่เราอายุรุ่นป้าแต่หน้ารุ่นมัธยม เค้าถึงนึกว่าพวกเราคือคุณตัวไฮโซ คุณ ตกตะกอน  พี่รินตาก็เป็นแฟนพันธุ์แท้ Costco เหมือนกัน บางครั้งเวลาเข้าห้างตอนเช้าๆเค้าจะมีกาแฟมาวาง พร้อมโดนัทของว่างมาให้ชิม โดยไม่ต้องพึ่งอาหารเช้า ยังไม่เคยเจอแซงคิวเลยค่ะ คุณ เหมียวเหมียว ขอบคุณค่ะที่แวะเข้ามา สามปีนี่ได้กลับไปเยี่ยมบ้านบ้างหรือปล่าวคะ หากไม่ได้ไปคงคิดถึงแย่เลย จากคุณ : Rinta เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 55 17:44:16

ความคิดเห็นที่ 75 การไม่พอใจก็หมายถึงรับไม่ได้นั่นล่ะค่ะ เราพูดกันตรงๆไม่มีเล่นคำ ที่เราตอบก็หมายถึงการเล่าประสบการณ์หวังว่าคงเข้าใจ ขออภัยที่เราไม่มีความรู้สึกแย่มาแชร์ด้วย เพราะเราอยู่เมืองไทยมาตลอดชีวิต และก็มีแต่เพื่อนหัวดำหัวทองมาเป็นเพื่อนก็พอจะเห็นความแตกต่างในวิสัยทัศน์น่ะ เปิดใจรับในสิ่งที่แตกต่างการตั้งกระทู้มันก็ต้องมีความเห็นที่มาแย้งบ้าง เราเห็นคุณเข้ามาคุยตอบ เราก็เลยมาตอบให้ ... จากคุณ : เสียงจากบ้านนา เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 55 22:01:28

ความคิดเห็นที่ 76 ตลาดวายไปหรือยังเอ่ย เกิดและโตที่กรุงเทพเลยไม่รู้สึกว่าที่ๆเล่ามาเป็นข้อเสีย เพราะมันเป็นเรื่องจริงและผมก็ชินแล้ว เช่น ร้อน รถติด ขับรถเมล์เร็ว ไม่เคารพกฏจราจร ของแพง น้ำเน่า เหม็นท่อระบายน้ำ โจร ผมไม่เคยโดนปล้น จี้ หรือเกิดอะไรร้ายๆในกรุงเทพสักครั้ง จริงๆนะ แต่ที่แย่ลงจริงๆที่สัมผัสได้คือ การขับรถย้อนศร เกลียดมากๆ จากคุณ : ingenioer student เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 00:01:09

ความคิดเห็นที่ 77 อย่างอื่นไม่เท่าไหร่พอรับได้ .... แต่กลับไปเยี่ยมบ้านเกิดแล้วโดนทักว่าอ้วนตั้งแต่คนแรกยันคนสุดท้าย ไม่คิดจะถามอะไรอย่างอื่นเลย เน้นๆๆๆ ทักเรื่องนี้ ทำไมปล่อยให้อ้วน (ถ้ามันผอมได้เหมือนใจสั่งจะสั่งให้หน้าตา รูปร่างเหมือนตอนแตกเนื้อสาวเลยเอ้า)  นี่ยังดีนะ ที่ไม่ได้ผิวคล้ำ ไม่งั้นคงจะช้ำใจโดนคนบ้านเกิดล้อว่าอ้วนดำๆ ๆๆๆ ใครที่คิดว่าไม่ต้องสนใจ เขาก็ทักไปอย่างนั้น  เราก็ไม่ได้อยากจะสนนะ แต่อะไรที่ได้ยินซ้ำๆ มันน่ารำคาญมาก และมันเพิ่มต่อมหงุดหงิดให้เราเป็นอย่างมาก เรายังไม่ขนาดเป็นตุ่มเคลื่อนที่ แค่เสื้อผ้าไซส์ L เท่านั้นเอง อยู่เมืองนอกยังใส่ S ฝรั่งบางยี่ห้อได้อยู่เลย   แล้วเป็นที่ไหนไม่เป็น มาเป็นตรงบ้านเกิดเมืองนอน คนที่เขาเคยเห็นเราสมัยน้ำหนัก 45 กก. นี่ จะไม่ให้น้ำหนักขึ้นตามอายุบ้างเลย หนีกลับ กทม. สบายใจกว่าเยอะ  ทำให้เราไม่ค่อยอยากกลับไปบ้านนอกเท่าไหร่ เบื่อชาวบ้านที่เป็นแบบนี้ ที่ไม่ชอบอีกอย่าง พอรู้ว่ามี ผ. ฝรั่ง มาจุกจิกจู้จี้ สอนเราอีก ต้องมีลูกนะ ถ้าฝรั่งมันทิ้งยังไงมันก็ต้องเลี้ยงลูกมัน (ไม่รู้เอาหัวส่วนไหนคิดแทนเรา เราก็ไม่เคยถามความเห็นใครด้วยนะ เรื่องมีลูก ไม่มีลูกเนี่ย สาระแนกับเรามาก เวลาเราตอบกลับ ชาวบ้านๆ เขาก็รับไม่ได้ หาว่าแรงอีก เวร ยุ่งเรื่องตูจริงๆ  แม่เราเองยังไม่เคยพูดเลย) จากคุณ : ก๋าสะลองเงิน เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 02:38:08

ความคิดเห็นที่ 78 ถูกตามตื้อให้ทำประกันชีวิต บอกว่ามีแล้วก็ไม่เลิกตื้อ ถามให้เราทำให้ พ่อ แม่ พี่ น้อง เฮ้อๆๆๆๆ จากคุณ : supielicious เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 03:33:57

ความคิดเห็นที่ 79 ยังไม่เคยกลับไทย แต่เจอเรื่องแย่ ๆ ก่อนจะมา  คือเราจะยกเลิกการทำประกันชีวิต ของบริษัทนึง เราก็โทรไปบอกตัวแทนเค้าว่าเราไม่อยู่ จะไปเมืองนอก คงไม่มีเงินส่ง  ตัวแทนคนนี้ไม่ใช่ตัวแทนเรา เค้าเป็นหัวหน้าตัวแทนที่เราทำ ตัวแทนเราเค้าไม่ได้ทำแล้ว  เค้าก็ถามเราว่า ไปเรียน หรือทำงาน เราก็ว่าไปอยู่กับแฟน  คงไม่ได้ทำงาน  เค้ามีมาบอกว่า เงินแค่ไม่กี่ร้อยเหรียญ ฝรั่งเค้ามีปัญญาหาส่งให้อยู่แล้ว ขอเงินเค้านิดหน่อย เค้าไม่ว่าหรอก.... ฟังนี้อึ้งไปนิด  คิดแทนได้เสร็จสรรพ  งง มาก จากคุณ : แม่มดตัวจิ๋ว เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 09:45:28

ความคิดเห็นที่ 80 เบื่อแท็กซี่ขี้โกงที่สุดเลยค่ะ จากคุณ : กุลกวิน เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 12:51:54

ความคิดเห็นที่ 81 ไอ้ที่เลวร้ายที่เจอๆ มา ก็คนไทยเนี่ยแหละทำกันเอง จากคุณ : ปฏิจจสมุปบาท (ปฏิจจสมุปบาท) เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 13:45:51

ความคิดเห็นที่ 82 โน๊ตบุ๊คเพิ่งซื้อมาใหม่ยังไม่ทันใช้หล่นหายที่เเทคซี่ T_T โดนเเทคซี่โกงขับรถวนไปมาบอกว่าหลงทาง -_-" อันสองข้อข้างบนไม่เท่าไหร่พอทำใจได้...เเต่...อันที่เลวร้ายที่สุดเเละเกือบเป็นบ้าไปครึ่งปี  คือ.. v v v v v เจอเเฟนบอกเลิก!!! อันนี้สุดๆละคบกันมา 3 ปีกว่า สุดท้ายจบลงด้วยการเลิกลา โอ๊ยยยยยย เศร้า ไม่เอาละ จากคุณ : เสี้ยวขาวฯ เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 19:53:47

ความคิดเห็นที่ 83 เจอกีฬาสีแล้วเครื่องลงไม่ได้ เจ็บป๊วด เจ็บปวดดด จากคุณ : KOKISME เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 21:04:27

ความคิดเห็นที่ 84 น้องก๋า ฮ่าๆสงสัยหมดอารมญ์เอามากๆ คนแก่แถวบ้านนอกเค้าก็คิดกันอย่างนี้แหล่ะเอาลูกไว้มัดใจผัว แต่มีลูกหรือไม่มีหากหมดรักหมดเยื่อใยต่อกันยังมันก็ทิ้งทั้งนั้นแหล่ะ คุณปฏิจจสมุปบาท ขอบคุณมากค่ะที่ข้ามห้องมาเล่นด้วยกัน โหน้องเสี้ยวขวา พี่เห็นเอารูปสวยๆโรแมนติกมาลงให้ดูกันบ่อยๆ พึ่งจะรู้ว่าเคยอกหัก ไม่เป็นไรของมันไม่ใช่มันก็ไม่ใช่ค่ะ สักวันเมื่อถึงเวลาแล้วคนที่ใช่เขาก็มาเองแหล่ะค่ะ จากคุณ : Rinta เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 21:14:41

ความคิดเห็นที่ 85 ขอเข้ามาเล่าอีกรอบ. สดๆ ร้อนๆ เมื่อวานนี้. ญาติที่ไม่เคยคิดว่าเราเป็นญาติ(ร้อยวันพันปีไม่เคยโพส ไม่เคยเม้นหา). แต่พอรู้ว่าเราจะกลับไทย ไอเอ็มมา ญาติ: อยากได้กระเป๋าเป็นของฝาก เรา: กระเป๋าไรคะ ที่นี่ของแพงเอาไว้กลับไปพี่ค่อยซื้อให้ที่ไทยดีกว่ามั้ยคะ (เราคิดว่าเธอจะขอกระเป๋าแฟชั่นทั่วไป) ญาติ: "อยากได้กระเป๋าหลุยส์ " ที่นั่นคงไม่แพงหรอก เรานั่งอึ้งไปสิบวินาที ก่อนจะตอบไปว่า " เอ่อ.... พี่ไม่มีปัญญาซื้อไปฝากหรอกค่ะ(ตัวพี่เองยังไม่มีปัญญาซื้อใช้เองเลย) เอาไว้น้องทำงานเมื่อไหร่ค่อยเก็บเงินซื้อเองดีกว่ามั้ยคะ???"(เพราะเทอมนี้เธอก็จะจบปริญญาตรีแล้ว) แล้วเธอก็เงียบไปสงสัยคราวนี้จะเงียบไปอีกนานแสนนานนนนนน เฮ้อ....เหนื่อยใจ จากคุณ : อมยิ้มนี้..สีแดง เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 21:36:12

ความคิดเห็นที่ 86 รู้สึกว่าเมืองๆไทยของแพงขึ้นมาก แต่ก็ยังไม่เคยเจออะไรไม่ดีนะครับ แค่ขอให้ที่บ้านไม่คุยเรื่องการเมืองเพราะเดี๋ยวจะทะเลอะกันเอง บ้านผมมีทั้งสองสีครับ ส่วนผมอยู่ข้างประชาธิปไตย อย่างอื่นไม่ต้องมาถาม สรุปห้ามคุยเรื่องการเมือง ไม่งั้นบ้านแตก เฮ้อ จากคุณ : Freedom and Justice เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 23:12:14

ความคิดเห็นที่ 87 เคยเจอเรื่องแย่ๆคือ ให้แฟนลงไปนวดแผนโบราณที่โรงแรมแห่งหนึ่งในไทย เฉพาะค่านวดค่าทิปหมอนวดก็ได้กว่าพันต่อชั่วโมง แต่ยังไม่พอใจเธอจึงบอก แฟนเราว่าถ้าจ่ายเพิ่มอีกหลายพันเธอจะนาบให้ด้วย หึหึ เมืองไทยที่รัก อีกเรื่องไปรับคุณแฟนที่สนามบิน ขากลับประมาณตีหนึ่ง เจอเด็กแว้นเต็มถนน (แถมอีกสองศพนอนห่มหนังสือพิมพ์อยู่ข้างทาง) คือเด็กซิ่งเหล่านั้นไม่กลัวรถเลยค่ะ ชอบโฉบเข้ามาใกล้ด้านหน้ารถตู้ที่เรานั่งไปด้วย แบบคึกคนองมาก พอขากลับนั่งอยู่บนเครื่องบินแล้ว ได้อ่านหนังสือพิมพ์ไทยที่พนง.บนเครื่องเอามาให้ ข่าวพาดหัวว่า "คนไทยติดยาบ้าเป็นอันดับหนึ่งของโลก" แล้วเลยให้คิดไปถึงเด็กแว้น เหล่านั้น คิดว่านั่นคือส่วนหนึ่งจากผลงานของยาบ้ารึเปล่า และใครๆก็ด่าเด็กแว้น ด่าพ่อแม่ของเด็กเหล่านี้ แต่เราคิดว่าเด็กและผู้ปกครองเหล่านั้นเป็นแค่ "เหยื่อ" ต่างหาก คิดดูว่าใครอยู่เบื้องหลังการค้าสิ่งเสพติด แต่สิ่งดีๆก็มีนะคะ กลับเมืองไทยทุกครั้งพี่สาวกับพี่เขยจะมารับที่สนามบิน ไม่ว่าจะดึกดื่นแค่ไหน ครั้งหลังสุด ตีสองแล้วพี่สาวพี่เขยพาไปหยุดกินก๋วยเตี๋ยวข้างทาง เป็นมื้อแรก หลังจากที่ได้เหยียบแผ่นดินแม่ เป็นแค่ก๋วยเตี๋ยวหมูธรรมดา แต่เราคิดว่ามันช่าง วิเศษสุด ดึกแล้วคนจึงไม่มากมีคนนั่งดูบอลโลกอยู่ประปราย เป็นคนหาเช้ากินค่ำธรรมดา แม่ค้าวัยกลางคนมีลูกมือคือลูกชายที่เริ่มย่างเข้าวัยรุ่น ยังคิดอยู่ในใจว่าน้องคนนี้น่าจะได้เข้านอนแต่หัวค่ำ เพื่อจะได้ตื่นไปเรียนแต่เช้า แทนที่จะต้องมาช่วยแม่ขายของอยู่จนดึกดื่น แต่ก็ยังดีใจที่อย่างน้อยน้องคนนี้ก็ไม่ได้ไปแว้นกับเพื่อนที่ไหน และยังหวังว่า น้องจะเป็นเด็กดีของพ่อแม่ตลอดไป.........ถึงยังไงก็รักเมืองไทยค่ะ จากคุณ : Fly away home เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 55 03:07:41

ความคิดเห็นที่ 88 ประสบการณ์ส่วนตัวคือ เกือบโดนรถมอเตอร์ไซด์ชนอยู่ทางเท้าครับ ซึ่งเป็นที่ๆคิดว่าปลอดภัยละ แต่ก็เกือบโดน โชคดีที่หยุดทัน จากคุณ : Zabby เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 55 05:18:23

ความคิดเห็นที่ 89 อยู่เมืองนอกกลับไทย ยังไม่เคยเจอข้อเสียที่รับไม่ได้เลยค่ะ อาจจะมีบ้างที่ไปถึงแรกๆก็งงๆหน่อย แต่แป๊ปเดียวก็ปรับตัวได้แล้ว สำหรับดิฉันคิดว่ามันก็อย่างนี้แหละ ทำใจแล้วก็ไม่เครียดแล้วค่ะ แต่ถ้าหากเป็นกระทู้ที่ว่าอยู่อเมริกามีอะไรที่รับไม่ได้บ้าง อาจจะพอลิสต์ได้บ้างนะคะ ;-) อยากกลับบ้านบ่อยๆ คิดถึงแม่ คิดถึงเมืองไทย จากคุณ : กระต่าย เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 55 11:32:09 A:96.226.10.114 X: TicketID:166635

ความคิดเห็นที่ 90 ขนาดคนไทยบางคนเห็นผู้หญิงเดินกับฝรั่งก็คิดอย่างเดียวว่าขายตัว แล้วจะไม่ให้ชาวต่างชาติเค้ามองว่า หญิงไทยขายตัวแทบทุกคนได้ไงล่ะ เฮ้อ จากคุณ : Disciple de Alexandra Cabot เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 55 11:35:47

ความคิดเห็นที่ 91 ติดอยู่สนามบินสุวรรณภูมิฝั่งอินเตอร์ ทั้งคืนค่ะ ออกไปข้างนอกไม่ได้ จนเช้าถึงได้บินกลับอเมริกา จากคุณ : แสนปุง เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 55 11:50:12

ความคิดเห็นที่ 92 พึ่งมีเวลาเข้ามาอ่านค่ะ คงไม่สายนะคะ ช่วง7 ปีหลังชอบแต่งตัวโลโซากๆ กางเกงต้องมีหลายกระเป๋าเอาใว้ใส่ตังค์ no furniture ไม่ว่า import or export แค่นาฬิกาเรือนเดียวก็พอ  ดังนั้นไม่เคยมีใครมาวิ่งลาวกับลาวinter   ถึงไปกับคนข้างๆก็ช่าง      ส่วน taxi ที่สนามบินไม่คิดที่จะช้เพราะฟังมาเยอะ เคยเถียงกับคนข้างๆ เพราะเค้าเกรงใจพี่ชายหรือหลานเขยที่มารับประจำ จนเราฟันธง ถ้าอยากใช้ taxi ก็มาคนละเที่ยวแล้วกันเพราะเราจะไม่ใช้บริการ taxi เรามาพักผ่อนน่ะ อยากฟังแต่สิ่งที่บันเทิงหู ถึงไม่เคยเจอแต่ก็ไม่อยากเจอ      ตลอดทริปจ้างพี่ชายมาขับรถพาเที่ยว แถมเอาหลานชายสองคนมาร่วมด้วยช่วยกันกิน คนข้างๆก็ไม่ว่า เราจะเปิดโรงแรมให้พี่และหลาน แต่พี่บอกไม่เอาแพงไป แค่เช่าอพาตเมนต์ให้ก็พอ ตอนเช้าหลังทานข้าวจะไปเที่ยวไหนให้บอกจะพาไป ตอนเย็นก็ไปทานอาหารทะเลกัน  ดังนั้นปัญหาเรื่องการขับรถไม่มี ว่าแล้วดีกว่าจ้างคนอื่น ไปไหนก็สะดวกพี่ชายส่งหน้าร้านเลย เงินทองไม่รั่วไหล ทานข้าวกันหลายคนดีมากๆ สั่งได้หลายอย่าง มีพี่ชายคอยตามเก็บจานจนเกลี้ยง ที่สำคัญคนข้างไม่เคยว่า เค้าจะว่าเราถ้าเราไม่เอาพี่ชายและหลานมาทานด้วยกันเพราะมาด้วยกันตั้งแต่รับและส่งกลับเลย        ส่วนปัญหากับโรงแรมไม่เคยเจอ เจอแค่มาแยกเตียงเราๆ ก็ไม่ว่า  เพราะเค้าคงหาห้องที่ดีๆให้เรา  พอเข้าห้องก็เอาเตียงชนกันก็หมดปัญหา ไม่ค่อยคิดมากเพราะมาพักผ่อน จะพักแค่ 3-4 ดาวก็พอ        ส่วนเรื่องขายของแพงให้ก็ไม่เจอเพราะไม่ซื้ออะไร นอกจากเครื่องปรุงกลับมา เที่ยวกลางคืนก็ไม่ไปเพราะมานอนและกิน ดูหนังในเคเบิลทีวีอย่างเดียว  ขนาดไปพัทยาทุกครั้ง แค่ใกล้กรุงเทพ...ยังไงก็รักเมืองไทยและกลับไป charge battery ปีละ 2 ครั้ง ไม่งั้นแรงหมด จากคุณ : โค้งหักศอก เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 55 03:19:46

ความคิดเห็นที่ 93 กลับไทยปีแรก สิ่งแรกเลยที่เปลี่ยนคือ ความคิดของคนรอบข้าง คิดว่าเราอยู่เมืองนอกต้องมีเงิน คิดว่ามีมีสามีฟรั่งต้องรวย นัดกับเพื่ิอนร่วมงานเก่าทำงานร่วมกันมากว่าห้าปี เฮฮา สนุก พอบิลค่าอาหารมา ความสนุกหายไป ความเงียบมาแทน สรุป เราจ่าย ไม่เป็นไรนานนานที นัดกันอีก คราวนี้ไปปาตี้กัน สังสรรค์เฮฮาอีกรอบ ก่อนที่เราและสามีจะลงไปพักผ่อนทางใต้ เฮฮา สนุกเหมือนเดิม บิลมา ความเงียบมาอีกรอบ มองหน้ากันไปมา สรุป เราจ่ายอีก เอ๊ะยังงัยว่ะ ก่อนกลับไทย เพื่อนชุดเดิมโทรมาอีก อยากไปเลี้ยงสังสรรค์ก่อนกลับประเทศที่เราอยู่ เรากับสามีตกลงว่าโอเคไปนะ แต่ว่าหารกันออก เพราะสองรอบแรก ออกให้แล้ว คราวนี้ไปทานอาหารกันที่ โรงแรมแห่งหนึ่ง เป็นบัพเฟ่ หัวละ สี่ร้อยบวกบวก ไปกันห้าคน รวมเราสองคนด้วย เจ็ดคน ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี คราวนี้ บิลมา เราจ่ายส่วนเรา ทุกคนมองหน้าเรา เราพูดว่าเรามีงบแค่นี้นะสำหรับวันนี้ เพราะว่าเราไปเที่ยวมาหมดเยอะเหมือนกัน สามีเราเห็นหน้าเพื่อนเราแต่ละคน เลยบอกเราว่าเอาน่าช่วยออกอีก หนึ่งพันบาท ที่เหลือให้แชร์กันออกเองแล้วกัน เราเลยช่วยออกอีกตามคุณสามีบอก แต่เพื่อนที่ทำงานเก่า ทำหน้าเหมือนไม่ค่อยพอใจ หรืออะไรก็ตามแต่ ทุกคนจ่ายส่วนต่างที่เหลือ เราขอตัวไปเข้าห้องน้ำ น้องคนที่สนิทกับเราที่สุดและเป็นคนเดียวที่ไม่เปลี่ยน น้องว่า พี่ค่ะ เพื่อนเพื่อนคิดว่าพี่ไปอยู่เมืองนอก ต้องมีเงิน เงินเดือนก็เยอะ กว่า ชีวิตก็ดีกว่า แค่นี้เองทำไมจะออกให้ไม่ได้ เราเองเลยถึงบางอ้อ เฮ้อ ก็ใช่เราได้เงินเดือนเยอะ แต่ค่าครองชีพก็สูงเหมือนกัน ไหนจะภาษี ไหนจะค่าอาหารการกินที่แสนจะแพง เฮ้อนะ ความคิดคน ไม่น่าเลย เพลียใจจริง หลังจากนั้นสามปีแล้วที่เราไม่ได้กลับไทย ไม่รู้ว่าความคิดเพื่อนกลุ่มนั้นจะยังเหมือนเดิมหรือป่าว แต่ที่แน่แน่ นอกจากน้องคนที่เราสนิทและยังติดต่อ ยังคงคุยกัน แต่นอกนั้นหายหัวไปหมด จากคุณ : เพลียแทน (Mrs.beechythebaboon) เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 55 16:09:12

ความคิดเห็นที่ 94 ไปเมืองไทยเมื่อต้นเดือนNovemberมาค่ะ ไปเจอนี่มาตอนเราจะไปโคราชและติดอยู่บนทางด่วนก่อนจะลงไปรังสิตติดอยู่บนนั้น3ชั่วโมงแม่เจ้า แท้บเป็นบ้าบวกปนเศร้า อย่างที่2 เจอคนเดินข้ามถนนใต้สะพานลอยเฮ้อออออออ งงมากๆ จากคุณ : ชอบดื่มwineค่ะ เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 55 13:36:42

ความคิดเห็นที่ 95 ยังติดตามอ่านทุกความเห็นแต่ต้องขอโทษด้วยที่ไม่ได้ตอบกลับทุกความเห็นค่ะ คุณ  ชอบดื่มwineค่ะ ไม่เห็นนานเลยสบายดีหรือปล่าวคะ จากคุณ : Rinta เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 55 17:28:35

ความคิดเห็นที่ 96 ไม่รู้ว่าเราโชคดีหรือโชคร้ายก็ไม่รู้ค่ะ ได้สามีหน้าตาหล่อ (ขอเรียกว่าหล่อละกัน เพราะมันหล่อจริงอะไรจริง) กลับไทยทีไร มีแต่กระเทย สาวๆพากันมา ทำให้อีฉันกลายเป็นนางมารร้ายไปทันที อยู่เมกาไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นเลย คนของเราก็ดีไม่เอาด้วยเรื่องพวกนี้ แต่กลับไทยทีไร สาวแท้สาวเทียมตามดักหน้าดักหลังสามี ทั้งที่เดินไปด้วยกัน เราก็เปลี่ยนจากตำแหน่งภรรยากลายเป็๋นบอร์ดี้การ์ดคุณเธอไปทันที จนบางทีเกือบได้เรียกตำรวจเลย เพระามาจุ้นจ้านกับพวกเรามากไป เราไม่เคยชินออกรำคาญมาก สามีก็ขี้โมโหด่าภาษาถิ่นเขาออกมาจนเราต๊กใจ ขนาดใจเย็นแล้วก็ยังไม่ไป ความเราเคารพสิทธิผู้อื่นไม่มีอ่ะ(แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนนะคะ) ส่วนเรื่องอื่นๆก็คือ ชาวบ้านคิดว่าอยู่เมืองนอกมีเงินเยอะแยะอยู่แบบสบาย แหม ความคิดนี้อธิบายไปเขาก็ไม่เชื่อค่ะ ว่ากว่าจะได้เงินมาแต่ละดอลล์แลมากะเหงื่อท่วมตัวเหมือนกันล่ะ จากคุณ : MajestyLove เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 55 23:23:35

ความคิดเห็นที่ 97 คนรู้จักเห็นเราอวบอ้วน ถามว่าท้องหรอ จากคุณ : Mrs. Bunny Bear เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 01:05:34

ความคิดเห็นที่ 98 คุณ Rinta เจ้สบายดีค่ะ หวังว่าคุณคงสบายดีเช่นกันนะคะ ขอทักทายคุณMajestyLove  หน่อยนะคะ เราก็เจอแบบคุณเหมือนกันค่ะสมัยที่ยังไม่หย่ากะสามีเวลาไปเมืองไทยก็จะมีสาวๆมามุงดูสามีเยอะมากเหมือนกับว่าเค้าเป็นตัวประหลาดซะงั้นน่ะฮ่าๆ จากคุณ : ชอบดื่มwineค่ะ เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 02:02:34

ความคิดเห็นที่ 99 เมื่อเกือบสองปีที่แล้ว ได้กลับเมืองไทย สามีและเราได้กลับไปบ้านที่อยู่ตอนแต่งงาน คราวนี้มีโอกาสได้อยู่ยาวสามเดือนจนหมดวีซ่า เลยช่วยกันบูรณะบ้าน หลังจากที่ทิ้งไปแต่ให้คนมาคอยทำความสะอาดบ้านและสวนทุกๆเดือน คิดถึงอากาศความร้อนและแสงแดด เลยนั่งทำสวนเอง ทำร่องผัก กะจะปลูกพืชสวนครัว จะได้เก็บกินให้ชื่นใจก่อนกลับแคนาดา วันหนึ่ง เรากำลังนอนปูเสื่ออ่านหนังสือกันอยู่ใต้ต้นจำปี เพื่อนบ้านที่ไม่เคยเห็นหน้าเรากับแฟนมาก่อน มาเกาะรั้วถามขอเข้ามาดูในบ้านได้ไหม แกเดินผ่านบ้านทุกวันอยาก้ข้ามาดู เราบอกปฏิเสธไป บอกว่าป้าหนูเพิ่งกลับมาบ้านรกมากและแฟนไม่ชอบให้ใครเข้ามา รอให้รู้จักกันมากขึ้นคุ้นกันแล้วค่อยว่ากันอีกทีนะป้านะ แกก็เริ่มด่าว่าต่อหน้าเราเลยว่าพวกเมียฝรังคางคกขึ้นวอ ทำเอางงไปเลย พยายามหาสำนวนไปแปลให้แฟนฟัง ทำเอาแกขำเรื่องคางคกขึ้นวอ(สงสัยแปลผิด) คราวหลังไปรู้มาว่า แกนินทาว่าเราเป็นฝรั่งกิ๊กก๊อกยากจนกระจอก ถึงอยู่บ้านหลังใหญ่แต่ไม่มีเงินเพราะต้องปลูกผักกินเอง ปั๋วฝรั่งก็ต้องทาสีรั้วบ้านเอง. เงินไม่มีเติมน้ำมันรถ เพราะไปไหนมาไหนเดินกัน ไม่ก็ขี่มอเตอร์ไซค์(เวสป้า) แสนจะกระจอก ชอบนั่งรถเมล์ ขับรถก็ไม่โก้ ขับมินิคูเปอร์เก่าค่ะ (แอบยืมพี่ชายมาใช้) แกโจมตีเราไม่ยั้งเพียงเพราะเราไม่ให้เข้ามาในบ้าน เราก็เล่าให้สามีฟัง สามีเริ่มบอกว่า ก่อนกลับไทยเราไปหาไม้เลื้อยมาปลูกคลุมรั้วบ้าน เวลานั่งเล่นกันในสวนจะได้ไม่มีคนมาสอดแนมแอบมองลอดรั้วมา เรื่องที่มากกว่านั้น ป้าแกไปบอกร้านค้าหน้าหมู่บ้านว่าเราเป็นโสเภณีได้ผัวฝรั่งแล้วทำเป็นหยิ่งเคยทำงานในบาร์บ้างอาบอบนวดบ้าง ลูกศิษย์เล่าให้ฟังแล้วยังขำเลย ว่าจารย์เก่งอ่ะทำมาหลายอาชีพ เต้นรูดเสาก็ได้นะ ป้าแกบอกเลยนะว่าเห็นมากับตาว่าทำงานที่นั่น เอากะแกซิ (ตาสามีตื่นเต้นใหญ่เลยว่า น่าจะลองหัดเต้นนะ) เดชะบุญที่ลูกร้านค้าเคยเรียนกับเราเป็นลูกศิษย์ภาคค่ำ (เราเคยสอนที่มหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่งในกทมมากว่าห้าปี ก่อนไปเรียนต่างประเทศและแต่งงานในภายหลัง) แต่่ถามจริงๆเราเองก็ไม่ได้แคร์อะไรหรือโกรธอะไรกับป้าที่ว่าร้ายเราหรอกนะ เพียงแต่งุงงงกับความเป็นอริความเกลียดชังที่ถูกมอบให้ ทั้งที่เราก็แค่ปกป้องสิทธิ์ในชีวิตและทรัพย์สินความเป็นส่วนตัวของเราเอง เป็นเรื่องแปลกแต่จริงที่เจอมาค่ะ แก้ไขเมื่อ 18 ม.ค. 55 03:44:57 จากคุณ : pano เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 03:42:50

ความคิดเห็นที่ 100 เราโดนหาว่า "กระแดะ" เลย เพราะนึกคำไทยนานเกินไป ไม่ใช่พูดไม่ชัดนะคะสำเนียงเราชัดแป๊ะใครจะลืมภาษาบ้านเกิดได้ แต่ไอ้ที่นึกนานเพราะไม่เข้าใจคำว่า ติ่ง ... บร้ะเจ้า ... สุ่ยโค้ย  T_T จากคุณ : เค้าไม่ได้กระแดะนะ ฮือๆ (love mom so much) เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 17:44:08

ความคิดเห็นที่ 101 เมื่อวันที่ 15 ที่ผ่านมา บินจากภูเก็ตมากรุงเทพ สายการบิน Air Asia คุ่ะ ไม่รู้ว่าน้ำหนักกระเป๋าได้ไม่เกิน 15 กิโลกรัม ต่อคน เรามากันสามคนและเด็กอีกหนึ่ง ซื้อของจากเมืองไทยมาเพียบ(วันนี้บินกลับเมืองนอก) รวมกระเป๋าของทั้งสามคน= เกินมา 14 กิโลกรัม ต้องจ่ายค่าของที่เกิน  6,400 บาท จะเอาของออกก็เ้สียดาย เงินไทยก็หมด เงินยูโรก็หมด ต้องจ่ายด้วยบัตรเครดิต เจ็บใจตัวเองที่ไม่รู้ก่อนซื้อตั๋วเครื่องบิน   ราคาจ่ายค่าน้ำหนักเกิน มากกว่าราคาตั๋วเครื่องบินของผู้ใหญ่ 3 +เด็ก 1 อีก แฟนบอกว่าตอนไปจ่ายค่าน้ำหนักเกิน คนรอจ่ายเงินมากกว่า 10 คน พูดกะตัวเองไว้ว่า ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่จะบินกะ Air Asia จากคุณ : songharry เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 18:50:15

ความคิดเห็นที่ 102 คุณ  MajestyLove เคยพาคุณแฟนที่คบกันอยู่ไปปล่อยไว้ที่ภูเก็ตกับเพื่อนเขา ส่วนตัวเองต้องบินกลับมาอังกฤษก่อน เพราะงานล้นมืออยู่นานไม่ได้ เขาสองคนอยู่ภูเก็ตได้ไม่กี่วันเองมั้งรับเผ่นกลับกรุงเทพไม่ทัน เพราะพวกน้องๆเล่นดักหน้าดักหลังนี่แหล่ะ แถมแยกไม่ออกว่าด้วยว่าอันไหนเทียมไหนแท้ สองคนนั่นเป็นโรคกลัวของเทียมขึ้นสมอง เพราะเคยพาไปนวดแล้ว เราคิดว่าให้ผู้ชายด้วยกันนวดจะดีกว่า ก็ไม่นึกเลยว่าโรงนวดสมัยนี้น้องแอ๊บแมนเยอะมากๆ คนนวดเค้าชอบไปนวดวนอยู่ตรงนั้นเพื่อเช็คขนาด(รึปล่าวหว่า) พอออกมาจากโรงนวดหน้าซีดกันเป็นแถวๆ ทำน้องๆสาวเทียมดีๆเสียชื่อซะจริงๆหมอนวดพวกนั้น เพราะหลังจากนั้นมาสองหนุ่มเธอเป็นเข็ดค่ะ ผ่านน้องๆแอ๊บพวกนี้เธอหน้าซึดมือกุมไข่ของหวงกลัวโดนล้วงทุ๊กที คุณ  pano คนมันจะคิดก็ปล่อยมันคิดไปเหอะห้ามกันไม่ได้จ้า เจ๊รินตาเคยพาฝรั่งไปกินข้าว เดินผ่านคนงานก่อสร้าง เค้าร้องเพลงแซวเลยนะ ขายตัวแต่หัวใจไม่ขาย ฮ่าๆๆ ไม่ได้โกรธนะนึกแล้วขำไม่หายเพราะฝรั่งคงตาถั่วมากสาวสวยๆเซ็กซี่ๆมีตั้งเยอะไม่คว้า ดันมาคว้าอีตัวสาวหมวยอายุรุ่นป้าใส่แว่นหนาเตอะอย่างเจ๊ คุณ love mom so much แหะๆคำพวกนี้เจ๊รินตาก็ไม่ค่อยรู้หรอก ก็เดาๆเอา เดาไม่ออกก็ถามๆพวกลูกๆหลานเอา ศัพท์วัยรุ่นสมัยนี้ทำเอาคนแก่งง Air Asia เคยใช้ครั้งสองครั้งมั้ง ดิฉันรักเดียวใจเดียว ใช้บริการภายในประเทศของ บางกอกแอร์เวย อย่างเดียวค่ะไม่เคยมีปัญหา บริการดีแถมช่วงโปรโมทได้ลดก็ได้ลดเยอะจริงๆ จากคุณ : Rinta เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 22:54:48

ความคิดเห็นที่ 103 ต้องอยู่แต่บ้าน ห้ามออกนอกบ้าน (แม่หวงมากครับ) หากจะไปเที่ยวกับเพื่อน ก็ห้ามไปไกล หรือห้ามนอนค้างที่อื่น ให้กลับมานอนที่บ้าน ถ้าจะไปหาเพื่อนก็ต้องให้เพื่อนมาหาแทน หลังๆ รู้วิธี เลยหลอกว่า จะกลับวันนี้ แต่กลับก่อนเป็นอาทิตย์ เพื่อไปเที่ยวก่อน ฮ่าๆๆๆ การอยู่แต่บ้าน คือเรื่องที่แย่ที่สุดแล้วครับ :'( จากคุณ : toulovepak1 เขียนเมื่อ : 19 ม.ค. 55 03:33:29

ความคิดเห็นที่ 104 ใช่แล้วครับ คนเดี๋ยวเปลี่ยนไปเยอะในทางลบ แม่ผมก็บอก (ความคิดเห็นที่ 61) ภาษาก็เปลี่ยนไป ทางใต้แถวบ้านผมสำเนียงเหมือนเดิม แต่คำเปลียนไปมาก (ความคิดเห็นที่ 63) เรื่องสายการบินเขาคิดเงินค่ากระเป๋า เดี่๋ยวนี้เกือบทุกสายแหละครับทำแบบนั้น นอกจากให้กระเป๋าใบเดียวแล้วยังให้น้ำหนักลดลงอีกด้วย ดีนะที่แอร์เอเชียคิดเงินก่อน สายการบินออสเตรีย Air Austria ออกจากกรุงเทพตอนปลายเดือนธันวาไม่บอกว่าน้ำหนักเกินเพื่อที่ผู้โดยสารจะแบ่งของออกหรือให้เพื่อนร่วมเดินได้ เขากลับไปคิดเงิน(ลูกผม)ที่ปลายทาง เพราะฉะนั้น ถ้าการเดินทางต้องใช้ช่วงไหนที่เป็น Air Austria ควรระวังและสอบถามเรื่องกระเป๋าเสียก่อนนะครับ จากคุณ : อิสวาสุ เขียนเมื่อ : 19 ม.ค. 55 16:27:01 A:98.231.188.19 X: TicketID:105627

ความคิดเห็นที่ 105 ไปตลาดน้ำหัวหินเมื่อตอนปีใหม่ที่ผ่านมา ที่จอดรถไม่พอก็เลยต้องจอดรถข้างทาง มีรถเบ๊นซ์มาจอดต่อท้ายเรา เจ๊ที่นั่งข้างคนขับพอลงรถมาถึงเค้าก็เอาถุงพลาสติกที่ใส่ขยะจากในรถมาเททิ้งลงข้างทางซะงั้น (เทของออกจากถุงขยะ) เรางงเลยว่าทำไมไม่เอาไปทิ้งที่ถังขยะ เราก็เลยหยุดมองเธอแบบว่าตะลึงอ่ะ ไม่นึกว่าในยุคนี้จะยังมีคนมักง่ายแบบนี้หลงเหลืออยู่ พอเธอเห็นเรามองก็จ้องมองเราแบบไม่สนใจ ผู้ชายที่ขับรถก็มองเราแบบว่ามองอะไรว๊ะ ใจนึงนึกอยากจะถามเธอเหมือนกันว่าทำไมทำแบบนั้น แต่ว่ากลัวโดนตบอ่ะ เพราะว่าเค้ามากันหลายคน ส่วนเรามีแค่ฝรั่ง 1 กับลูกสาวอีก 2 กลัวโดนตบทั้งบ้าน  ส่วนลูกสาวเรางงเข้าไปใหญ่ก็คงนึกไม่ถึงเหมือนกันว่าจะมีคนทำแบบนี้ได้ จากคุณ : edelweiss เขียนเมื่อ : 19 ม.ค. 55 18:13:36

ความคิดเห็นที่ 106 - คนจิดใจดีน้อยลง สังคมยึดติดกับวัตถุมากขึ้นมาก และช่องว่างที่มากขึ้นระหว่างรสนิยมกับรายได้ - อาหารและข้าวของต่างๆแพงมาก ซื้ออะไรไม่ค่อยลงเลย และรู้สึกแย่ที่คนอื่นเค้าใช้จ่ายกันอย่างหน้าตาเฉย - ขับรถไม่เป็นระเบียบ ขับสวนทาง นึกจะจอดก็จอด ขึ้นมาวิ่งแม้บนทางเท้า เดินไปไหนนี่ต้องระวังหน้าระวังหลังตลอดเวลา - และเรื่องที่แย่ที่สุดคือ ท้องเสียทุกวันเลย T_T แต่ก็กินทุกอย่างที่ขวางหน้าเพราะคิดถึงอาหารไทยริมถนนที่สุด!! จากคุณ : Cookie 'n' Cream เขียนเมื่อ : 19 ม.ค. 55 22:17:32

ความคิดเห็นที่ 107 รถติด จากคุณ : JIRATH เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 55 13:00:10

ความคิดเห็นที่ 108 กลับไทยแล้วพบว่า...ชีวิตมีความเสี่ยงทุกวินาทีที่ออกจากบ้าน ไม่มีความปลอดภัยใดๆ ทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สิน จากคุณ : minamp เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 55 17:21:37

ความคิดเห็นที่ 109 มีครั้งนึงบินกลับไทย พอถึงสนามบินซื้อของที่เซเว่นในสนามบิน แล้วพอดีก็มีฝรั่งมาต่อคิวข้างหลัง แต่น้องพนักงานไม่สนผม แต่ชะโงกหน้าไปถามฝรั่งว่า จะเอาอะไรคะ ผมเลยโมโห บอกว่า คุณไม่เห็นหรือไงว่าผมมาก่อน ทำไมไม่บริการผมก่อน ทันใดนั้นนางก็หน้าบูดทันที แถมไม่ขอโทษด้วย ถามผมห้วนๆว่าจะเอาไร ผมเลยบอกว่า จะซื้อซิม มือถือ นางตอบทันควันว่า ไม่มี ผมโมโหมาก เลยบอกว่า ยังไม่ได้หาแล้วรู้ได้ไงว่าไม่มี ผมเลยชี้ให้นางดูว่า นั่นไง อยู่ข้างหลัง ทำไมจะไม่มี นางก็เลยจำใจหยิบมาให้ แล้วคิดเงินเสร็จ ก็ไม่มีคำขอโทษ หรือ ขอบคุณใดๆทั้งสิ้น ตอนแรกจะเรียก ผจก แล้ว แต่สงสาร คนหาเช้ากินค่ำ เลยปล่อยผ่านไป ไม่อยากหาเรื่องเด็ก แล้วงงมาก ที่คนไทยด่าคนจีนเรื่องแซงคิว แต่ผมกลับไทยทีไรโดนแซงคิวตลอด โดยเฉพาะตอนต่อแถวแลกเหรียญที่บีทีเอส ส่วนมากจะเป็น พวกเด็ก ม ต้นอ่ะ แต่โดยรวม ก็เจอคนดีอยู่นะ คือสัดส่วนคนดียังมากกว่าคนไม่ดีอ่ะ เลยหยวนๆไป จากคุณ : ted_chen เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 55 23:02:27

ความคิดเห็นที่ 110 Agree with comment 58 khunเสียงจากบ้านนา..... จากคุณ : Kratai เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 55 03:23:18 A:115.87.27.84 X: TicketID:166635

ความคิดเห็นที่ 112 Agree with comment 58 khunเสียงจากบ้านนา..... จากคุณ : Kratai เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 55 03:24:36 A:115.87.27.84 X: TicketID:166635

ความคิดเห็นที่ 113 คุณ toulovepak1  แม่หวงน่ะดีแล้วค่ะคุณแม่เค้าคงอยากจะอยู่กับคุณนานๆไง คุณอิสวาสุ ภาษาเหนือก็เปลี่ยนค่ะพูดตรงๆเดินในตัวเมืองเชียงใหม่ไม่ค่อยเจอคนพูดภาษาเหนือเลยเดี๋ยวนี้ คุณ edelweiss  พูดถึงนิสัยมักง่ายอย่าว่าแต่เมืองไทยเลย อยู่เมืองนอกบางทีก็เห็นกับ ตาว่ารถที่กำลังขับอยู่คนในรถเอากระป๋องน้ำบ้างก้นบุหรี่บ้างทิ้งลงมา มีครั้งหนึ่งกำลังเติมน้ำมันรถอยู่เห็นผู้หญิงจุดบุหรี่สูบเฉยเลย ทั้งๆที่ยังจอดรถอยู่ตรงหน้าถังเติมน้ำมัน ดิฉันตกใจก็ไปออกจากรถไปเตือนเขาโดยให้สัญญาณมือให้ดับบุหรี่ แต่ว่าผู้ชายที่ขับรถด้านหน้าดิฉัน เห็นดิฉันทำไม้ทำมือ และเห็นควันบุหรี่เค้าก็ลงจากรถมาเดินเข้าไปด่าผู้หญิงคนนั้นเสียงดังมาก จนทำให้เรารู้สึกสงสารเค้าแทนที่จะโกรธ คุณ Cookie 'n' Cream  ข้าวของบ้านเราแพงมากๆเห็นด้วยค่ะ ส่วนท้องเสียนี่อาจจะเป็นเพราะว่าเราไม่ค่อยคุ้นกันมากกว่าค่ะ กลับบ้านทีไรดิฉันก็ท้องเสียเหมือนกันแต่แค่ช่วงสองสามวันแรก พอวันต่อไปก็ชินท้องไม่เสียแล้ว คุณ JIRATH  คุณ  minamp  ขอบคุณมากค่ะที่แวะเข้ามา รถติดเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยไปแล้วค่ะในกรุงเทพ กลัวแต่ว่าทุกปีต่อไปจะกลายเป็นเรือติดแทนสิคะแบบนั้นแย่เลย คุณ ted_chen ใจดีมากค่ะที่ไม่เอาเรื่องกับพนักงาน จากคุณ : Rinta เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 55 03:29:11

ความคิดเห็นที่ 114 เวลาขึ้นบันไดเลื่อน โดยเฉพาะตามรถไฟฟ้า ยืนขวางเกะกะทั้งสองข้าง โดยเฉพาะเวลาเร่งด่วน แต่หลังๆดีขึ้นหน่อย รู้สึกว่าคนส่วนใหญ่จะรู้จักยืนชิดขวากัน แต่ก็มีแบบพวกเสร่อ บางคนแบบไม่ได้ดูตาม้าตาเรือ คนอื่นชิดขวากันหมด นี่มายืนซ้ายบลอคคนอื่นทั้งที่ข้างหน้าว่าง ไม่มีคน จากคุณ : se7o1 เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 55 12:02:53