ความคิดเห็นที่ 1 ออกตัวก่อนว่าสอบ GRE มาทั้งหมด 2 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อปี 2007 (ก่อนเรียน ปริญญาโท) และครั้งที่สองคือเมื่อปีที่แล้ว ซึ่ง ETS ได้เปลี่ยนรูปแบบการสอบ ในส่วนของ General Test ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. 2011 โดยมี Scale แบบใหม่ที่เรา ยังไม่ชินอย่างแรง ดังนี้   Verbal Reasoning 130 – 170 คะแนนเพิ่มทีละ 1 คะแนน Quantitative Reasoning 130 – 170 คะแนนเพิ่มทีละ 1 คะแนน Analytical Writing 0.0 – 6.0 คะแนนเพิ่มทีละ 0.5 คะแนน   เมื่อเปรียบเทียบกับแบบเก่าคือ Verbal Reasoning 200 - 800 คะแนนเพิ่มทีละ 10 คะแนน Quantitative Reasoning 200 - 800 คะแนนเพิ่มทีละ 10 คะแนน Analytical Writing 0.0 – 6.0 คะแนนเพิ่มทีละ 0.5 คะแนน ถ้าอยากอยู่ว่าแบบใหม่เทียบกับแบบเก่าเป็นเท่าไหร่ ดูได้ตามลิ้งค์นี้ค่ะ http://www.ets.org/s/gre/pdf/concordance_information.pdf สำหรับการตีความและเปรียบเทียบว่าคะแนนอยู่ที่เปอร์เซ็นไทล์เท่าไหร่ ตามลิ้งค์นี้ไปค่ะ http://www.ets.org/s/gre/pdf/gre_guide_table1a.pdf ซึ่งเท่าที่เราเคยอ่านเจอมา  บางมหาวิทยาลัยกำหนดคะแนนขั้นต่ำไว้ที่ ไม่ต่ำกว่า 75% ซึ่งในกรณีของคะแนนแบบใหม่ คือ ไม่ต่ำกว่า157 ทั้ง Verbal และ Quantitative Reasoning (เท่ากับ 77%) (ยังมีต่อนะคะ) จากคุณ : มุตตา เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 21:46:45

ความคิดเห็นที่ 2 คุณมุตตาใจดีที่สุดเลยค่าาา รออ่านนะคะ:) จากคุณ : White River เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 55 07:25:57

ความคิดเห็นที่ 3 เมื่อคืนกำลังจะลงต่อ internet เดี้ยงเฉยเลยค่ะ การเปลี่ยนแปลงใน GRE Revised General Test 1. ในส่วนของ Verbal Reasoning ยกเลิกข้อสอบ Analogy และ Antonym และ เพิ่มข้อสอบประเภท Sentence Equivalence และมีตัวเลือก (Answer Choice) ที่มากขึ้น และคำถามในบางข้อมีมากกว่า 1 คำตอบ ซึ่งต้องตอบให้ถูกต้องและ ครบทั้งหมดไม่อย่างนั้นจะไม่ได้คะแนน 2. ในส่วนของ Quantitative Reasoning เพิ่มข้อสอบ Numeric Entry มีตัวเลือกมากขึ้น และมีเครื่องคิดเลขให้ด้วย .   3. Analytical Writing บังคับเขียนตอบตามที่โจทย์กำหนด (เดิมสามารถเลือกเขียน 1 หัวข้อจาก 2 หัวข้อ) 4. สามารถข้ามข้อสอบข้อยาก ไปทำข้อถัดไปและเปลี่ยนแปลงคำตอบ “ภายใน” section เดียวกันได้ 5. แบ่งการสอบเป็น section ย่อยมากขึ้น คือ Analytical Writing Task, Verbal Reasoning Section 1 - 2, และ Quantitative Reasoning Section 1 – 2 โดยความยาก ของข้อสอบจะไม่เปลี่ยนแปลงไปตามคำถาม (Question adaptive) แต่เป็นไปตาม  section กล่าวคือ Section 1 ของ Verbal และ Quantitative Reasoning จะมีความยาก ในเกณฑ์เฉลี่ย และความยากใน Section 2 จะปรับไปตามคะแนนใน Section 1 5. ค่าสมัครสอบ เพิ่มจาก $160 เป็น $190 จากคุณ : มุตตา เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 55 08:10:17

ความคิดเห็นที่ 4 โครงสร้างของการสอบ แบ่งเป็น 6 Section ดังนี้ 1. Analytical Writing 30 นาที/1 task รวมเวลาใน Section นี้เท่ากับ 60 นาที 2. – 3. Verbal Reasoning Section 1 – 2 คำถามประมาณ 20 ข้อ ใช้เวลา Section ละ 30 นาที 4. – 5. Quantitative Reasoning Section 1 – 2 คำถามประมาณ 20 ข้อ ใช้เวลา Section ละ 35นาที 6. Unscored เป็นข้อสอบที่ไม่มีการคิดคะแนน จะเป็นข้อสอบแบบไหนก็ได้ และโผล่ขึ้นมาส่วนไหนก็ได้หลังจากสอบ Analytical Writing ไปแล้ว การสอบทั้งหมดใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง 45 นาทีและมีพักให้ 10 นาที หลังจบ Section ที่ 3 แล้ว จากคุณ : มุตตา เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 55 08:11:26

ความคิดเห็นที่ 5 ขอบคุณมากค่ะ โหวตให้ค่ะ กระทู้ดีๆ แก้ไขเมื่อ 11 ม.ค. 55 10:02:51 จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 55 10:02:19

ความคิดเห็นที่ 6 ... ครั้งนะครับว่า ช่วยๆๆ กันกด VOTE ก็ดีนะครับ เพี่อที่ กระทู้จะได้อยู่ได้นานๆ นะครับ จากคุณ : okb เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 55 14:35:39

ความคิดเห็นที่ 7 อู้งานมาลงต่อนิดนึงค่ะ จากนี้จะขอพูดถึงรายละเอียดการสอบโดยเริ่มจาก Analytical Writing และจะให้คำแนะนำ เฉพาะ Part Analytical Writing และ Quantitative Reasoning เท่านั้นค่ะ คะแนน Verbal Reasoning ไม่ดีเท่าไหร่ ไม่กล้าเขียนค่ะ เดี๋ยวกลายเป็นเอามะพร้าวห้าวมาขายสวน   ข้อสอบ Analytical Writing ประกอบด้วยการเขียน Writing จำนวน 2 task คือ 1. An Analyze an Issue task เป็นการเขียนวิเคราะห์จากประโยคที่โจทย์ให้ โดยโจทย์อาจจะสั่งให้เลือกข้างว่า เห็นด้วยหรือไม่กับข้อเขียนที่โจทย์ให้มา และต้องอธิบายเหตุผล/ความคิดที่เป็นระบบ มารองรับการเลือกด้วย วิธีการทำข้อสอบ Issue 1. ต้องอ่านโจทย์ให้เข้าใจและนึกถึงมุมมองต่างๆ ที่จะใช้ตอบโจทย์ได้ทั้งสองด้าน (Agree หรือ Disagree) 2. เลือกข้างที่จะเขียนและร่างประเด็นที่จะเขียนตอบไว้คร่าวๆ (สองข้อแรก ไม่ควรใช้เวลาเกิน 5 นาที) 3. เขียนคำตอบ โดยเขียน Body หรือเนื้อหาของคำตอบทั้งหมดภายในเวลา 20 นาที 4. เขียน Introduction และ Conclusion ในระยะเวลา 5 นาที และใช้ 5 นาทีสุดท้าย ในการอ่านทวนคำตอบ แก้ไขไวยากรณ์และคำผิด 5. ควรฝึกเขียนในครบสมบูรณ์ในเวลาที่กำหนด หากสามารถหาคนมาตรวจแก้ และวิจารณ์ได้จะดีมาก 6. คนตรวจข้อสอบไม่สนใจหรอกว่าคุณจะเลือก Agree หรือ Disagree ตราบใด ที่คุณมีเหตุผลที่ดีมารองรับ 7. อย่าเสียเวลาเลือกข้างนานเกินไป เมื่อเลือกแล้วอย่าเปลี่ยนกลางคัน นอกจาก จะทำให้ทำข้อสอบไม่ทันแล้วอาจจะเขียนตอบไปแบบสับสนในตัวเองมากๆ ด้วย แก้ไขเมื่อ 11 ม.ค. 55 16:39:03 จากคุณ : มุตตา เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 55 15:15:27

ความคิดเห็นที่ 8 ช่วยกันกดเก็บเข้าคลังกระทู้ก็ดีนะคะ กระทู้จะได้ไม่ถูกลบ น้องรุ่นหลังๆที่เข้ามาหาข้อมูลจะได้หากระทู้เจอ จากคุณ : lady gale gale เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 55 15:16:34

ความคิดเห็นที่ 9 2. An Analyze an Argument task เป็นข้อสอบเขียนเชิงวิเคราะห์ที่ห้ามใส่ความคิดของตัวเองลงไปเป็นอันขาด ให้เขียนเฉพาะ facts เท่านั้น และต้องวิเคราะห์ว่าบทความที่โจทย์ให้มามี flaws หรือข้อบกพร่องตกไหนอย่างไร แม้โจทย์จะให้ Discuss how effective you find the reasoning in this argument แต่คำตอบร้อยละ 99.99 คือมันมีข้อบกพร่อง ซึ่งเป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องหาให้เจอว่ามันอยู่ตรงไหนบ้าง โดยปกติ บทความที่โจทย์ให้มา มีข้อบกพร่องใหญ่ๆ (Major flaws) 2 – 3 ข้อ และข้อบกพร่องย่อย (Minor flaws) ประมาณ 2 – 4 ข้อ ซึ่งถ้าสามารถตอบครอบคลุม ทั้ง Major flaws และ Minor flaws ก็จะได้คะแนนสูง ดังนั้น ถ้าเขียน Major flaws 2 ข้อ Minor flaws 1 – 2 ข้อโดยไม่มีความผิดพลาดทางไวยากรณ์ที่ร้ายแรง คะแนนในส่วนนี้ จะอยู่ที่ 3.5 – 4.0 (ถาม Tutor ด้าน GRE มานะคะ) วิธีการทำข้อสอบ Argument 1. ต้องอ่านโจทย์ให้เข้าใจและจับผิดโจทย์ให้ได้มากที่สุด โดยทั่วไปจะมี flaws อยู่ 4 ประเภทใหญ่ๆ คือ - หลักฐานหรือ evidence โจทย์อาจจะยกเมฆขึ้นมาโดยไม่อยู่บนพื้นฐาน ความเป็นจริงก็ได้   - ปัจจัยอื่นๆ ที่มีผลให้ข้อสรุปที่โจทย์ให้มาเปลี่ยนแปลงไป เช่น การที่คนในเมือง x ขึ้นรถเมล์น้อยลงอาจจะไม่ใช่เพราะสถิติอาชญากรรมสูงขึ้นตามคำอ้างของโจทย์ แต่อาจจะเป็นเพราะสภาพรถเก่า หรือการขึ้นค่าโดยสารก็ได้ - กลุ่มตัวอย่างเล็กเกินไป เช่น การใช้ผลสำรวจในเมือง y ที่มีประชากร 1,000 คน แทนประชากรทั้งประเทศจำนวน 1 ล้านคน - การเปรียบเทียบระหว่างสองกลุ่ม (Comparable group) ว่าสามารถเปรียบเทียบ กันได้หรือไม่ เช่น การเปรียบเทียบฐานเงินเดือนกับประสิทธิภาพในการทำงาน ระหว่างผู้ชำระภาษีที่จบม. 6 กับผู้ชำระภาษีที่จบปริญญาตรี เป็นการเปรียบเทียบ ที่ไม่ถูกต้องตามตรรกะวิทยา 2. ร่างประเด็นที่ต้องการเขียน (สองข้อแรกใช้เวลาไม่เกิน 10 นาที) 3. เขียนคำตอบ โดยเขียน Body หรือเนื้อหาของคำตอบทั้งหมดภายในเวลา 15 นาที 4. เขียน Introduction และ Conclusion ในระยะเวลา 5 นาที และใช้ 5 นาทีสุดท้าย ในการอ่านทวนคำตอบ แก้ไขไวยากรณ์และคำผิด 5. ควรฝึกเขียนในครบสมบูรณ์ในเวลาที่กำหนด หากสามารถหาคนมาตรวจแก้ และวิจารณ์ได้จะดีมาก 6. ประโยคทองในการเขียน Conclusion เป็นสำนวนภาษาที่อาจารย์วิชา  Advance Academic Writing สอนให้ว่า ถ้าจะเขียน critique หรือวิจารณ์ ให้จบแบบนี้ จะสวยแจ่ม “Had the author mentioned above flaws/arguments, the statement would have been more convincing.” คะแนน Analytical Writing ของเราได้ 5.0 ค่ะ >”< -- ขอกลับไปทำงานก่อนนะคะ ไว้จะกลับมาลง Quantitative Reasoning ต่อ -- แก้ไขเมื่อ 11 ม.ค. 55 15:43:43 จากคุณ : มุตตา เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 55 15:20:09

ความคิดเห็นที่ 10 ตามมาอ่านจากกระทู้ก่อนค่ะ จากคุณ : Lalawolf เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 55 16:50:50

ความคิดเห็นที่ 11 ปักหมุดไว้ก่อน เดี๊ยวตามมาอ่านอย่างละเอียดอีกรอบค่ะ ตอนนี้ยังเขียน SOP อยู่เลยค่ะ เหอเหอ ขอเยอะๆ เลยนะคะคุณมุตตา ครั้งที่แล้ว AWA ได้มา 2 รู้แล้วทำไมได้แค่นั้น เพราะอ่านโจทย์จับจุดไม่ได้ แล้วก็เขียนไปแบบไม่มีหลักเกณฑ์อะไรเลย รีบๆ ทำรีบๆเขียน กลัวตกเครื่องกลับบ้านด้วย เหอเหอ ครั้งหน้าแก้ตัวใหม่ค่ะ ปล. แนะนำหนังสืออ่านเตรียมตัวด้วยดีมั้ยคะ ^^ จากคุณ : White River เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 55 20:26:35

ความคิดเห็นที่ 12 เห็นหัวข้อก็รู้เลยว่าต้องเป็นคุณมุตตา ^^ ขอบคุณมากๆนะคะ จากคุณ : avadar เขียนเมื่อ : 12 ม.ค. 55 14:40:20

ความคิดเห็นที่ 13 วันนี้พอจะว่าง มาต่อส่วน Quantitative Reasoning กันนะคะ ข้อสอบ Quantitative Reasoning แบ่งเป็นข้อสอบ 3 ประเภทคือ 1. Multiple-choice แบบทำโจทย์แล้วเลือกตอบคำตอบที่ถูกต้อง สำหรับคำถาม ที่มีคำตอบที่ถูกต้องเพียงคำตอบเดียวจะมี 5 ตัวเลือก ส่วนคำถามที่มีคำตอบ ที่ถูกต้องมากกว่า 1 คำตอบจะมีตัวเลือกแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับประเภทของ คำถาม วิธีทำโจทย์ 1. โจทย์ประเภทสมการบางข้อเอาตัวเลือกไปแทน จะหาคำตอบได้เร็วกว่า แก้สมการ 2. คำถามที่มีคำตอบมากกว่า 1 คำตอบมักจะถามถึงคำตอบที่เป็นไปได้ทั้งหมด บางครั้งโจทย์ก็ไม่ระบุว่าต้องการกี่คำตอบกันแน่ ต้องดูให้รอบคอบด้วย 2. Numeric Entry เป็นการทำโจทย์แล้วพิมพ์คำตอบที่ถูกต้องในช่องว่าง วิธีทำโจทย์ไม่ต่างจากการทำโจทย์เลขทั่วไป ควรระวังและอ่านโจทย์ให้ รอบคอบว่าต้องการคำตอบอะไร แบบไหน ข้อควรระวัง ถ้าโจทย์ให้ปัดเศษเป็นจำนวนเต็ม ต้องตอบเป็นจำนวนเต็ม แต่ถ้าไม่ได้ให้ปัดเศษ จะตอบเป็นทศนิยมกี่จุดก็ได้ 3. Quantitative Comparison เป็นการเปรียบเทียบปริมาณ A และ B โดยคำตอบ มี 4 ตัวเลือก คือ A. Quantity A is greater. B. Quantity B is greater. C. The two quantities are equal. D. The relationship cannot be determined from the information given. วิธีทำโจทย์ 1. โดยมาก ข้อสอบประเภทนี้จะวัดความเข้าใจมากกว่าความสามารถในการคำนวณ เช่น โจทย์ให้ค่า a+b = 24, a-b = 25 A. b    B. 0 จะเห็นว่าการคำนวณไม่ยุ่งยาก และคำตอบคือ B. 2. พยายามไม่เลือกตอบข้อ D เนื่องจากคำถามส่วนใหญ่จะให้ข้อมูลที่ต้องใช้ ในการคิดคำตอบมาพร้อมอยู่แล้ว แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่มีข้อไหนที่ตอบ D. เลย 3. ระวังโจทย์หลอก ถ้าหากจำทริกข้อ 1. ได้ เมื่อเห็นโจทย์ที่ทำท่าว่าจะต้อง คำนวณยาว หรือดูซับซ้อนซ่อนเงื่อน ให้ตั้งสมมติฐานไว้ก่อนว่าคำตอบอาจจะ ไม่ใช่ D. โดยเฉพาะโจทย์ประเภทสมการที่มักสร้างความสับสนให้เสมอ 4. โจทย์สมการบางข้อ ต้องหาคำตอบด้วยการแทนตัวเลข เช่น โจทย์ให้ค่า mn = 25, m and n are positive integers A. m B. n ข้อนี้แทน m และ n ด้วยตัวเลขที่เป็นไปได้ทั้งหมด และคำตอบคือ D. จากคุณ : มุตตา เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 55 13:33:52

ความคิดเห็นที่ 14 ข้อแนะนำทั่วไปสำหรับข้อสอบ Quantitative Reasoning 1. ฝึกทำโจทย์ให้มากๆ และหลากหลาย ถ้าทำผิดเพราะความไม่เข้าใจ พยายามทำความเข้าใจถึงวิธีการหาคำตอบที่ถูกต้องให้ได้ เพื่อจะได้ไม่ผิดอีก 2. ทบทวนความรู้ด้าน สมการ เรขาคณิต สัดส่วนและความน่าจะเป็น สถิติ (รวมการอ่านกราฟ) ไว้ให้คล่อง 4 ประเภทนี้ออกสอบบ่อยที่สุด พวกอนุกรมมีบ้าง แต่ไม่มากนัก 3. รอบคอบ รอบคอบ และรอบคอบ ระวังตอบผิดเพราะลน สะเพร่า หรือ บวกลบเลขง่ายๆ พลาด 4. พยายามอย่าใช้เครื่องคิดเลข นอกจากจะเสียเวลาจิ้มแล้ว ข้อสอบส่วนมาก สามารถหาคำตอบได้โดยไม่ต้องใช้เครื่องคิดเลข ที่สำคัญคือ ข้อสอบไม่ได้วัด ความสามารถทางคำนวณมากไปกว่าที่สมองคนจะคิดได้ ยกเว้นเป็นการคำนวณ ทศนิยมหลายจุด การหาค่าราก (สแควร์รูท) เลขยกกำลัง ที่กดเครื่องคิดเลข แล้วจะเร็วกว่า หรือเป็นการตรวจคำตอบเมื่อมีเวลาพอให้ตรวจ คะแนน Quantitative Reasoning ของเราได้ 161 ค่ะ >”<    -- ยังไม่หมดนะคะ ไว้จะกลับมาต่อส่วนที่เหลืออีกทีค่ะ -- จากคุณ : มุตตา เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 55 13:37:15

ความคิดเห็นที่ 15 มาต่อให้จนจบนะคะ ข้อสอบ Verbal Reasoning แบ่งเป็นข้อสอบ 3 ประเภทคือ 1. Reading Comprehension เป็นการอ่านที่เอาเรื่องทีเดียวค่ะ คำศัพท์และระดับภาษายากกว่า Reading ของ TOEFL และต้องมีการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ในการตอบ สิ่งที่น่ากลัว ของข้อสอบประเภทนี้ คือ อ่านไม่รู้เรื่อง เพราะเป็นประโยคยาวๆ ที่ไม่ค่อย มี comma มาคั่น ทำให้อ่านแล้วงง และเพราะมีความสั้นยาวไม่เท่ากัน ส่วนใหญ่บทความจะยาวแค่ 1 ย่อหน้า แต่มีบ้างเหมือนกันที่เป็นบทความ ยาวหลายย่อหน้า ประเภทของคำตอบ มี 3 ประเภท คือ ให้เลือก 1 ตัวเลือก ให้เลือก 1 หรือ มากกว่า 1 ตัวเลือก (อาจจะตอบได้ 1, 2, 3 ตัวเลือกหรือทั้งหมด) และ เลือกข้อความจากบทความมาตอบ 2. Text Completion คือการเติมประโยคให้สมบูรณ์ ในหนึ่งข้ออาจจะมีประโยค 1 – 5 ประโยค ช่องว่าง 1 – 3 ช่อง ซึ่งแต่ละช่องจะมี 3 ตัวเลือก หรือมี 5 ตัวเลือก หากในข้อนั้นมีช่องว่างเพียงช่องเดียว กรณีที่มีช่องว่างมากกว่า 1 ช่อง ต้องตอบให้ถูกทั้งหมดจึงจะได้คะแนน 3. Sentence Equivalence คือการเติมประโยคให้สมบูรณ์ ในหนึ่งข้อจะมีเพียง 1 ประโยค แต่ต้องเลือกคำตอบที่ถูกต้อง 2 ข้อจาก 6 ตัวเลือก จากคุณ : มุตตา เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 15:14:33

ความคิดเห็นที่ 16 เราสอบไปตั้งแต่เดือนสิงหาเลย ตั้งแต่มันเปิดใหม่ๆ (เพราะมันลดราคาค่าสอบ ฮ่าๆๆ) รู้สึกเหมือนว่ามันจะง่ายกว่าแบบเดิมยังไงไม่รู้นะคะ ก็ไม่เคยสอบแบบเก่าหรอก แต่เคยดูผ่านๆ แล้วท่าทางยาก พอไปสอบจริงครั้งแรกเราทำออกมาแล้วคะแนนถือว่าใช้ได้เลยทีเดียว ก็เลยไม่ได้สอบรอบสองเพราะคิดว่าไม่จำเป็น ถ้าเตรียมตัวดีๆ ก็ไม่น่าเป็นอุปสรรคมากค่ะ ปล.รูปแบบคล้าย SAT ของเด็กมัธยมมาก คำถามสไตล์เดียวกันเลย จากคุณ : RabuRetta เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 15:53:10

ความคิดเห็นที่ 17 สอบแบบเก่าครับ โดยส่วนตัว คิดว่า แบบใหม่ ยากกว่าแบบเก่า นะครับ ทั้ง Verbal และ Quantitative ไหนๆก็ไหนๆแล้ว น่าจะเริ่มตั้งแต่ขั้นตอนการสมัคร การจ่ายเงิน สถานที่สอบ ฯลฯ อะไรทั้งหลายทั้งแหล่ ให้เลยด้วยก็ดีนะครับ แก้ไขเมื่อ 14 ม.ค. 55 17:02:26 จากคุณ : มิ้วน้อยน่ารัก เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 16:59:51

ความคิดเห็นที่ 18 คุณมิ้วน้อยน่ารัก...เราหายไปเขียนส่วนนี้น่ะแหละค่ะ ^ ^ การสอบ GRE สมัครสอบที่ www.ets.org/gre นะคะ เราจ่ายเงินค่าสอบผ่านบัตรเครดิต ไม่แน่ใจว่าวิธีการอื่นเป็นอย่างไร เราไปสอบที่อาคารมณียาค่ะ คำแนะนำในการสอบจะคล้ายๆ กับ TOEFL คือ 1. อย่าลืม PASSPORT 2. เอาเสื้อกันหนาวไปด้วย 3. เนื่องจากเวลาในการสอบยาวนานถึง 3 ชั่วโมง 45 นาที ให้เตรียมของว่าง ที่มีโปรตีนและคาร์โบไฮเดรตสูง และกินง่ายๆ อย่างขนมปังหรือแซนด์วิช ไปด้วย ถ้าปล่อยให้ท้องว่างอาจจะทำข้อสอบไม่รู้เรื่องได้ค่ะ   หลังจากสอบเสร็จและกด report score จะมี คะแนน Verbal และ Quantitative Reasoning ขึ้นมานะคะ ซึ่งจะเป็นคะแนนแบบไม่เป็นทางการ และจะทราบ คะแนนจริงในราวๆ 2 – 3 อาทิตย์ (ต่างจาก GRE แบบเดิมที่ให้คะแนนจริง มาเลย) ส่วนนี้เราคิดว่าคะแนนแบบไม่เป็นทางการจะต่างกับคะแนนจริง อยู่บ้าง แต่ไม่มากนักค่ะ ของเรานี่ออกมาตรงกันเลย   หนังสือที่ใช้อ่านสอบ เราใช้ How to Prepare for the GRE with CD-ROM (16th Edition) ซึ่งเป็นข้อสอบแบบเก่า และ Barron's New GRE with CD-ROM, 19th Edition เป็นข้อสอบ Revised General Test ส่วนตัวรู้สึกว่า Quantitative Reasoning มีความยากใกล้เคียงกับข้อสอบจริงค่ะ แต่สำหรับ Verbal Reasoning บางครั้งในหนังสือก็ยากกว่าอีก จากคุณ : มุตตา เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 17:29:33

ความคิดเห็นที่ 19 การท่องศัพท์สำหรับสอบ Verbal ถ้ามีเวลาก็ท่องไปให้หมดเลยค่ะ ยิ่งท่องมากยิ่งมีโอกาสทำข้อสอบได้มาก แต่ถ้าเวลาจำกัดจริงๆ ก็ท่องพวก High Frequency Words ประมาณ 140 กว่าคำ   ระยะเวลาในการเตรียมตัว ถ้าจะเอาแบบจริงจัง ไม่ควรต่ำกว่า 2 เดือนนะคะ โดยเฉพาะ Verbal ที่คำศัพท์ยากนรก และเดาความหมายจาก context แทบไม่ได้ ส่วน Quantitative เน้นทำโจทย์ค่ะ   คะแนนเท่าไหร่จึงจะดี มันเป็นคำถามยอดฮิตมากๆ ที่ไม่รู้ว่าจะตอบยังไง ใน scale คะแนนแบบเก่า บางมหาวิทยาลัยกำหนดไว้ว่าทั้งสองส่วนไม่ต่ำกว่า 500 บางที่จะระบุว่า สองส่วนรวมกันเกิน 1,000 ดังนั้น แนะนำว่าให้พิจารณา เป็นรายมหาวิทยาลัยค่ะ ว่า GRE โดยเฉลี่ยของนักเรียนที่มหาวิทยาลัย รับเข้าเรียนอยู่ในช่วงไหน   ถ้าคะแนน Analytical Writing ไม่ดี ควรยื่นหรือไม่ และคะแนนนี้ ต่างกับ Writing ของ TOEFL อย่างไร Analytical Writing ของ GRE เป็นการเขียนเชิงวิเคราะห์ สังเคราะห์ จึงไม่ได้วัดความสามารถในการใช้ไวยากรณ์เพียงอย่างเดียว แต่วัดว่าผู้เขียนสามารถสื่อสารในด้านการเขียนในระดับ Advance ได้ดีหรือไม่ มีความสามารถในการคิดวิเคราะห์และใช้ตรรกะวิทยา ได้ดีเพียงใด ซึ่งถ้า Analytical Writing ออกมาเกินกว่า 3.0 และมีคะแนน Writing ของ TOEFL ที่ดีอยู่แล้ว ยื่นไปเถอะค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คณะวิศวกรรมศาสตร์ ซึ่งสนใจคะแนนด้าน Quantitative Reasoning มากกว่า   -- ลงจนจบแล้วนะคะ ขอบคุณมากๆ ที่ช่วยโหวตจนเป็นกระทู้แนะนำ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นประโยชน์กับทุกๆ ท่านได้ค่ะ -- แก้ไขเมื่อ 14 ม.ค. 55 17:33:42 จากคุณ : มุตตา เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 17:32:50

ความคิดเห็นที่ 20 1. อย่าลืม PASSPORT บัตรประชาชน ก็ใช้ได้นะครับ ถ้าเป็นสายวิทย์ และสายคำนวณ Q700+ V350+ ครับ สำหรับมหาลัยล่างๆหน่อย Q750+ V400+ สำหรับมหาลัยกลางๆ และ Q790+ V450+ สำหรับมหาลัยระดับท็อปๆ แก้ไขเมื่อ 15 ม.ค. 55 00:45:40 จากคุณ : มิ้วน้อยน่ารัก เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 55 00:41:08

ความคิดเห็นที่ 21 ขอบคุณคุณมุตตามากๆ ค่า bookmark ไว้แล้วเรียบร้อย SOP เสร็จเมื่อไร ลุย GRE ต่อเลยค่ะ :) จากคุณ : White River เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 55 17:58:46

ความคิดเห็นที่ 22 คะแนน GRE ควรจะดู percentile ด้วยนะครับ เพราะบางมหาวิทยาลัยจะระบุว่าควรจะได้คะแนนที่เท่าไหร่ เช่น UC Berkeley Engineering ต้องการ Q 91%+ จากคุณ : system idle เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 55 20:55:26