ความคิดเห็นที่ 1 เลิกกับผัวง่ายกว่าครับ ไปอ่านมาเหมือนกัน ผมก็ยังไม่เข้าใจมุมมองผู้หญิงที่กระทู้นั้นเลย นั่นมันนอกใจนอกกายนะครับ เป็นความผิดของผู้ชายโดยตรง แต่ยังงงทำไมผู้หญิงถึงต้องลุกขึ้นมาเปลี่ยนตัวเองเพื่อผู้ชายไม่ดีหนึ่งคนด้วย ในมุมมองผู้ชายด้วยกันยังงงเลยว่าผู้ชายคนนั้นโชคดีมากๆ โดนจับได้แต่ไม่โดนอะไรแถมเมียตัวเองยังเป็นฝ่ายเปลี่ยนแปลงแทน เท่าที่อ่านดูแน่นอนเมื่อถูกจับได้ร้อยทั้งร้อย ผู้ชายก็ยังเลือกครอบครัวเลือกเมียอยู่ดีครับ ถ้าถูกบังคับให้เลือกแบบนั้น ก็ต้องเลือกลูกเลือกเมียไว้ก่อนถ้าไม่เลวโดนสันดานจริงๆ ในการที่กลับบ้านตรงเวลาทุกวันไม่เหมือนก่อนก็เพียงเพราะถูกจับได้แล้ว หากกลับไม่ตรงเวลาก็เป็นเรื่องอีกแค่นั้น ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องเมียเปลี่ยนมาเป็นXXX ตรงไหนเลย ลองบอกว่าอนุญาตให้ไปกับคนอื่นได้ดูสิครับ รับรองก็คงไปอยู่ดี นี่แค่ถูกจับได้และบังคับให้เลือกทางใดทางหนึ่งแค่นั้นเองครับ ไม่ว่าเหตุผลผู้ชายจะมียังไง แต่มันก็แค่เหตุผลของคนแก้ตัว คนที่ควรปรับปรุงตัวคือฝ่ายผู้ชายมากกว่า ไม่ใช่ผู้หญิงต้องมาปรับตัว ปล.ผมเป็นผู้ชายทั้งแท่งนะครับ และมีเมียแล้วด้วย แล้วก็ยังอยู่กับเมียดีอยู่ แม้จะไม่ได้เจอกันมาเกือบสองปีแล้วเพราะอยู่ห่างกัน ไม่ได้ XXX กันมาเป็นปีๆ แถมอายุก็ 29 แต่ก็ไม่ได้ไปหา XXX กับใครๆ แต่ยังไม่เห็นว่าเรื่อง XXX มันจะใหญ่โตไปกว่าเรื่องของความซื่อสัตย์ในชีวิตคู่ และพูดในฐานะผู้ชายเหมือนกัน ผมยังมองเลยว่าทำไมกรณีนั้นผู้หญิงต้องเป็นฝ่ายเปลี่ยนแปลงตัวเองด้วยเหมือนกันครับ แทนที่จะเป็นผู้ชายที่เป็นฝ่ายนอกใจ หาเศษหาเลยนอกบ้าน... จากคุณ : <<karas >> (<<karas >>) เขียนเมื่อ : 19 ม.ค. 55 17:11:19

ความคิดเห็นที่ 2 สำหรับเราเลิกสถานเดียวค่ะ จากคุณ : เด็กหญิงอ้วนกลม เขียนเมื่อ : 19 ม.ค. 55 17:15:53

ความคิดเห็นที่ 3 ห้องชานเรือนค่ะ เราคงตัดน้องชายเค้า ให้ผญ คนนั้นไป ถ้า เขาอยากได้นัก จากคุณ : มันเป็นส่วนผสมในใจ เขียนเมื่อ : 19 ม.ค. 55 17:26:47

ความคิดเห็นที่ 4 เรื่องชีวิตคู่ มันมีปัจจัยให้ตัดสินใจมากกว่าคนตัวเปล่าเล่าเปลือย มันไม่ได้แค่ขาว กับดำ และไม่ได้มีแค่ เลิก กับ ไม่เลิก คุณที่เขาเล่ามาจากห้องชานเรือนนะ (family)  แต่แอบขัดใจจะแตกประเด็นประเด็นทำไมบ่อยๆ กระทู้ก็ไม่ได้ยาวเฟื้อยอะไร ไม่ใช่อะไรหรอก อ่านไม่ค่อยต่อเนื่องชวนเสียอารมณ์ อ่ะ แต่อาจเป็นเทคนิคการเรียกแขกเข้ากระทู้ก็เป็นได้ ที่โบราณว่า ผู้หญิงมีมารยาหลายร้อยเล่มเกวียนนี่ท่าจะจริง จริงๆ สังคมไทยสอนให้หญิงไทยเอาใจสามี เป็นกุศโลบายการครองชีวิตคู่ เราคงเคยได้ยินกันมาบ้านว่า คุณผู้หญิงทั้งหลาย ถ้าอยากมัดใจสามี ให้ทำให้ได้แบบนี้ เป็นคุณผู้หญิงในห้องรับแขก   เป็นแม่ครัวเอกในห้องครัว  เป็นโสเภณีในห้องนอน ฟังเปรียบเป็นโสเภณีดูเหมือนจะแรง แต่จริงๆ แล้ว มันคือบทบาทในห้องนอน ก็ไม่รู้จะเปรียบกับอะไรที่เขาทำหน้าที่นั้นๆ ได้สุดยอด ก็ต้องเปรียบกับเจ้าของอาชีพอันเก่าแก่ที่สุดในโลกนั่นแล  แต่ก็ไม่เห็นเป็นไร ก็เป็นคุณโสของสามี มันก็แค่นิยามอ่ะนะ เป็นให้ถูกบท ถูกสถานที่ และเวลา อ่านดูทั้งหลายทั้งปวงก็ไม่มีอะไร เล่าย่อๆ ว่าผู้หญิงคนหนึ่ง อยู่กันมานาน พอมีลูก ก็ทำให้ละเลยในการดูแลเอาใจสามีไป  สามีไปมีกิ๊ก  เลยต้องหากลเม็ดเด็ดพรายสารพัดให้คุณสามีกลับมา ซึ่งเขาก็มาถูกทาง  เราออกจะทึ่งที่เขาสามารถทำได้ เพราะคนเราหากทำอะไรที่ขัดกับตัวเองมักจะทำไม่สำเร็จ แต่เขามีเดิมพันคือครอบครัว และเขาก็ไม่ยึดติดกับอิโก้ว่า กรูเก่ง กรูดี เลิกๆๆๆ  เขาก็เลยได้ครอบครัวคืนมา   มันก็เป็นวิธีของเขา ที่ทำแล้วได้ผล ถ้าเราสาวๆ ทำอะไรเอง ไม่ต้องพึ่งผู้ชาย ไม่มีลูก  แล้วสามีมันก็เฮงซวย เราก็บอกคำเดียวว่าเลิก แต่แบบคุณในเรื่องนั้น เขาก็มาถูกทางของเขาแล้ว อย่างน้อยเขาก็รู้ว่าเขาบกพร่องตรงไหนแล้วแก้ไข  เพราะผู้ชายก็ไม่ได้เลวแบบให้อภัยไม่ได้  นอกใจเผลอใผลก็คงมีบ้าง ก็ถือว่าความผิดพลาดของคนสองคน หาทางแก้ไขกันทันเพื่อรักษาความเป็นครอบครัวไว้ สังคมไทยเอื้อให้ผู้ชายมีเล็กมีน้อย ยิ่งสมัยนี้ผู้หญิงหลายคนที่ไม่คิดจะช่วยเหลือตัวเอง คอยแต่จ้องจับสามีชาวบ้านมันก็มีเยอะ ถ้าใครมีสามีที่ดีๆ หายากอยู่แล้ว เรื่องผิดพลาดของเขาบางเรื่องมันก็ต้องหลับหูหลับตาไป จากคุณ : ก๋าสะลองเงิน เขียนเมื่อ : 19 ม.ค. 55 18:14:00

ความคิดเห็นที่ 5 อยากให้กิฟท์ คห 1 จัง เคยอ่านกระทู้นั้นแล้วจากห้องชานเรือน เป็นเราคงทำไมไ่ด้ เลิกก็เลิกอะ จากคุณ : Freedom of Life เขียนเมื่อ : 19 ม.ค. 55 18:35:36

ความคิดเห็นที่ 6 เลิกคะ ทำมาหาเลี้ยงตัวเองและลูกได้ ส่วนตอนนี้ พ่อตัวดียังแบมือขอเงินเราทุกวัน กิกิ จากคุณ : giftmybenbag เขียนเมื่อ : 19 ม.ค. 55 18:39:18

ความคิดเห็นที่ 7 เลิกค่ะ ถ้าเขาทำหนหนึ่งคิดหรือว่าจะไม่มีครั้งต่อไปจะไม่มี ถึงจะรักแค่ไหนเรื่องอย่างนี้มันหยามกัน เคยบอกสามีนะค่ะ ถ้าเธอมีใครแล้วบอกฉันอาจจะยังให้อภัยแต่ถ้ารู้ที่หลังงั้นไปเลย จะให้ไปแบบไปแต่ตัวจริงๆๆ หึ หึ เห็นเงียบๆๆอย่าให้ร้ายประมาณนี้ค่ะ จากคุณ : ชมพู่ (mimimomon) เขียนเมื่อ : 19 ม.ค. 55 18:40:58

ความคิดเห็นที่ 8 ....เลิก โลด ...อยู่ไปทำไม ให้ปวดหัว กับ ปั๊ว เฮงซวย ทำไม .... ชีวิต ตั้ง หลักใหม่ ให้สดใส มิดีกว่า หรือ ... แผ่นดินไม่สิ้นไร้เท่าใบพุดซา  และอาจจะได้เจอคนใหม่ที่ดีๆ มีถมไป.... จากคุณ : ข้ามฟ้ามาหารัก เขียนเมื่อ : 19 ม.ค. 55 19:02:54

ความคิดเห็นที่ 9 ยังไม่ได้เข้าไปอ่านนะ แต่ถ้าเกิดขึ้นกะดิฉันจะไม่ขัดขวางความสุขของใคร และคงเลิกกันไปจะไม่ทำตัวต่ำให้คนเหยียดว่าเป็นกระรี่เด็ดขาด เรื่องอะไรเราจะทำตัวเราให้ตกต่ำไปด้วย ลูกจะอยู่ในสังคมดีๆได้อย่างไร ใครจะคบค้าเพราะมีแม่เป็นกระรี่ ให้คนมองว่าไอ้ผัวชั่วดีแล้ว เอาดีใส่ตัวไว้เยอะๆ จากคุณ : เสียงซึง เขียนเมื่อ : 19 ม.ค. 55 19:02:56

ความคิดเห็นที่ 11 กระทู้แบบนี้ความเห็นในห้องชานเรือนก็จะเป็นแบบทำทุกอย่างเพื่อลูก เพื่ออยู่กันพร้อมหน้า เพื่อครอบครัวที่สมบูรณ์น่ะค่ะ..มีลูกมาเกี่ยวด้วย ค่าใช้จ่ายอะไรต่างๆอีกเยอะแยะ ถ้ารายได้หลักของครอบครัวยังมาจากผู้ชาย ก็ต้องทำทุกอย่างให้เค้ากลับมาแหละค่ะ แต่ถ้าเป็นผู้หญิงที่ทำงานหาเงินได้เยอะ มีเงินเก็บเหลือเฟือเลี้ยงลูกได้สบายก็คงไม่ทนอยู่หรอก ถ้าเป็นเรา ต้องดูสถานการณ์ ถ้ามีลูกเล็กด้วยรายได้ของเราฝ่ายเดียวคงไ่ม่พอแน่ๆ อาจจะทนอยู่จนลูกโตขึ้นดูแลตัวเองได้.. แต่ตอนนี้เรายังไม่มีลูก ความรู้สึกตอนนี้คือ จะไม่ทนกับผู้ชายมักมากแบบนี้เด็ดขาดค่ะ.. จากคุณ : save the last dance for me เขียนเมื่อ : 19 ม.ค. 55 19:25:09

ความคิดเห็นที่ 12 ^ ^ (ชี้ไปที่คุณเสียงซึงค่ะ ) พอดีพิมพ์เสร็จมีความเห็นคุณข้างบนมาคั่น เขาไม่ได้ไปเป็นคุณโสฯ ค่ะ  แต่เขาเปรียบตัวเองว่า ต้องลุกขึ้นมาเอาอกเอาใจ สามีเหมือนพวกคนโสฯ  คือเป็นคุณโสในห้องนอน เหมือนคำโบราณกล่าวไว้ คือเปรียบ ว่าทำหน้าที่ในแต่ละบทบาทให้ดีที่สุด  (คือวิธีการเล่าของเขา คือเขาภูมิใจที่เขาทำสำเร็จได้สามี ได้ครอบครัวกลับคืนมา ) หลังจากที่อ่านแล้ว เราเองก็ไม่แน่ใจว่าถ้าเรื่องเกิดขึ้นกับตัวเองแบบนั้น จะทำได้เหมือนเขาไม๊   เพราะเป็นคนที่ฝืนตัวตนได้ยากมาก ยอมหักมากกว่ายอมงอ (อดทนต่ำว่างั้น) แต่เวลาอ่านเรื่องคนอื่น เราตอบได้ง่ายกว่า ว่า เลิก ไม่เลิก มันก็ง่าย เพราะไม่ใช่เรื่องจริงๆ ของเรา  ถึงเวลาเกิดขึ้นกับตัวเองจริงๆ ก็ไม่รู้จะทำยังไงอีก เพราะมันคงมีเรื่องให้คิดเยอะเลย ยิ่งคนมีลูก แล้วช่วยเหลือตัวเองไม่ได้   (ผู้หญิงหลายๆๆๆๆคน ยอมรองมือรองเท้าเพื่อลูก มันมีจริงๆ ในสังคมนะ) แต่เคสที่อ่านนี่เขายังไม่มีอะไรต้องทนขนาดนั้น  เพราะยังรูดปรื้ดๆ บัตรเครดิตสามีมาแต่งสวยได้อยู่ เราเคยเห็นผู้หญิงหลายคน ที่สนิทและไม่สนิท ถูกสามีทุบตี ทำไมยังทนอยู่กับ เขาได้  แถมมีลูกโผล่มาอีก นี่ขนาดเรียนจบสูง มีความรู้ ช่วยเหลือตัวเองได้ ผู้หญิงบางคน ผู้ชายก็ไม่เอาเลย ประกาศโต้งๆ ว่าไม่ขอผูกมัด ขอมีไปเรื่อยๆ แต่ผู้หญิงก็ตาม จนท้อง แล้วท้องอีก ก็เลี้ยงลูกเองไป ดีที่ว่าครอบครัวมีฐานะ ช่วยเลี้ยงให้ได้ แต่แม่ผู้หญิงก็คงช้ำใจ  (กรณีนี้อีก เราก็เคยถามว่า ทำไมยังไงไม่เลิกรักเขา เขาไม่มีอะไรดีเลย  เธอตอบไม่ได้ บอกแต่ว่ารัก เลิกไม่ได้  เธอไม่ได้เปิดใจให้ใครคนอื่นด้วยนะ เท่าที่ดู เธอก็เป็นคนรักเดียวใจเดียว เป็นแม่ที่ดีของลูก เพียงแต่รักตัวเองไม่เป็นเท่านั้นเอง )   เมื่อก่อนเจออะไรแบบนี้จะทำให้เราขัดใจมาก ทำไมไปยอม ทำไมไปทน(วะ) คะ ชีวิตเป็นของเรา เราเลือกเองได้  แต่พออายุมากขึ้น เหมือนเราจะทำใจเรียนรู้ชีวิตมนุษย์ได้ว่า ชีวิตของแต่ละคน คิดได้ไม่เท่ากัน  ชีวิตเขา ปัญหาครอบครัว ปัญหาที่ไม่มีสูตรแก้ไขตายตัว ....... แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 55 19:33:39 จากคุณ : ก๋าสะลองเงิน เขียนเมื่อ : 19 ม.ค. 55 19:30:48

ความคิดเห็นที่ 13 อยากให้กิ๊ฟคุณ (<<karas >>)  ความเห็น 1  จังเลยคะ  ^O^ ที่ตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาก็เพราะฉันเชื่อว่า ผู้หญิงที่ต้องการจะยืนด้วยขาของตัวเอง  พยายามหาเงินด้วยตัวเอง  มีชีวิตอยู่ได้ด้วยตัวเองแม้จะมีสามีหรือไม่ก็ตาม จะมีความคิดเห็นแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับผู้หญิงที่ต้องการสุขสบาย  ไม่ต้องทำงานหาเงิน  ให้สามีเป็นคนหาเงินคนเดียว  เป็นแค่แม่บ้านเลี้ยงลูกเท่านั้น   ทั้งที่ความจริงแล้ว  ผู้หญิงเรามีความสามารถมาก  และมีสมองที่ฉลาด  =_= จากคุณ : ผึ้งเก่ง เขียนเมื่อ : 19 ม.ค. 55 19:53:59

ความคิดเห็นที่ 14 หากปกติแล้วตัวคุณก็สามารถหาเงินเลี้ยงตัวเองและลูกได้โดยไม่ต้องพึ่งพาใคร  เมื่อสามีของคุณนอกใจไปนอนกับหญิงอื่น  คุณจะเลิกกับสามีไหมคะ จากที่ได้อ่านกระทู้นั้น  เห็นหลายๆ ความคิดเห็นบอกว่า  เราต้องหันมาดูตัวเรา  เราต้องนั้นนี้โน้น  คือพูดง่ายๆ ว่าต้อง  "ยอม"  แม้มันไม่ใช่ตัวเราก็ต้อง "ยอม"  แม้ต้องเจ็บปวดใจแค่ไหนก็ต้อง  "ยอม" อันนี้เป็นส่วนในความคิดเห็นของฉันนะคะ ฉันเองก็เคยได้ยินผู้หญิงใกล้ตัวบอกไว้เหมือนกันคะว่า  "เป็นภรรยาที่ดี...และเป็นกะ..รี่บนเตียง" แต่ฉันไม่เห็นด้วยกับความเห็นแบบนั้นอย่างแรง  ผู้ชายเป็นคน  ผู้หญิงก็เป็นคนเช่นกัน ผู้ชายมีความสามารถหาเงินได้  ผู้หญิงก็มีความสารถหาเงินได้เช่นเดียวกัน   ไม่มีเหตุผลที่ผู้หญิงต้องยอมเป็นดั่งเครื่องระบายความใคร่เพื่อให้ได้ตำแหน่งภรรยามาครอบครอง เว้นแต่ว่า  คุณจะเอาแต่ทำตัวเป็นคนไร้ความสามารถ  ไร้สมอง  คิดแต่แบมือขอเงินสามีเท่านั้  และมีดีแค่  "มีไว้เสียบ"    เมื่อนั้น  คุณจะได้เป็นกะ..รี่สมใจ ตรงกันข้าม  หากคุณทำตัวให้เป็นคนมีสมอง  มีความสามารถ  หาเงินเลี้ยงตัวคุณได้  ไม่ว่าจะมีสามีหรือไม่  คุณก็สามารถมีชีวิตอยู่ได้  เช่นนั้นจะไม่ดีกว่าหรือคะ อย่างตัวฉัน  ก่อนหน้านี้  แฟนกับฉันเก็งกำไร Forex  แต่เพราะมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ  เราจึงยังจนและมีปัญหาเรื่องเงินอยู่  ต่อมา  ฉันเสียมาก  แฟนบอกให้ฉันหยุดเก็งกำไร  เขาจะหาเลี้ยงเอง   สำหรับฉันแล้ว  ไม่ว่าแฟนจะหาเงินไม่ได้  ไม่ประสบความสำเร็จ  ป่วยหรือพิการแขนขาขาดเป็นอัมพาตก็ว่าไป  ฉันก็จะไม่ทอดทิ้งแฟนอย่างแน่นอนคะ    และฉันก็คิดว่าแฟนก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน การเก็งกำไร  ทำให้ฉันรู้ว่า  "อนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอน...และความเสี่ยงจริงๆ  แล้วอยู่ที่ตัวเราเลือกเอง"   หากฉันทำตามที่แฟนบอก  หยุด..  ไม่เก็งกำไร  อยู่บ้านเฉย  ทำตัวให้เป็นคนไร้ความสามารถ  ไร้สมอง   แบมือขอเงินแฟนอย่างเดียว   อย่างที่บอกคะ  "อนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอน...และความเสี่ยงจริงๆ  แล้วอยู่ที่ตัวเราเลือกเอง" ถ้าอนาคตหากฉันกับแฟนรักกันจนแก่ตายไปพร้อมกัน  มันก็ดีใช่ไหมคะ  จบแบบแฮปปี้เอนดิ้งเหมือนในหนังเลยยย    ^O^ แต่ถ้าอนาคตฉันกับแฟนต้องเลิกกันเพราะเหตุอะไรสักอย่างละคะ   หรือเกิดดวงซวย  แฟนตายก่อน  แล้วฉันจะทำไงอ่ะ O_O ถ้าเป็นอย่างนั้น  ฉันก็ต้องมาเริ่มเก็งกำไรใหม่ตอนแก่..ชิมิ  ประสบการณ์ก็ต้องเริ่มสะสมใหม่ตอนแก่..ชิมิ  =_=  หรือต้องมาเดินหาสมัครงานตอนแก่..เหรอคะ ยิ่งมาเห็นกระทู้นั้น  ยิ่งตอกย้ำว่าสิ่งที่ฉันเลือกถูกต้องแล้ว ฉันเลือกที่จะเก็งกำไรต่อคะ  ฉันอาจจะล้มลุกคลุกคลาน  ตีลังกาหัวคว่ำ  แต่เมื่อเวลาผ่านไปสิ่งเหล่านั้นจะกลายเป็นประสบการณ์  เมื่อฉันไม่ยอมแพ้   ฉันจะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ  อนาคต..ฉันอาจจะไม่ใช่นักเก็งกำไรพันล้าน  แต่เพียงแค่หาเงินกินได้  โดยไม่ต้องพึ่งใคร  ไม่ต้องไปทำงาน  ก็ถือว่าพอใช้แล้วคะ  สำหรับฉัน และเมื่อวันหนึ่ง  มีปัญหาเกิดขึ้น  แฟนฉันอาจจะไม่ได้นอกใจ  แต่แฟนอาจจะประสบปัญหาการเงิน  หรือป่วย  หรือพิการแขนขาขาดก็ว่าไป  หรือแม้กระทั้งครอบครัวทางฝ่ายของฉันอาจจะเกิดมีปัญหาก็ได้ แล้วไงอ่ะ...  ฉันก็หาเงินได้เอง  แน่นอน  ฉันก็สามารถช่วยเหลือแฟนได้หรือช่วยครอบครัวทางฝ่ายฉันได้ทุกอย่าง  ร่วมทั้งสามารถช่วยเหลือตัวฉันเองก็ได้   หากฉันต้องเลิกกับแฟน เห็นไหมคะ  "ความเสี่ยงจริงๆ  แล้วอยู่ที่ตัวเราเลือกเอง" จากคุณ : ผึ้งเก่ง เขียนเมื่อ : 19 ม.ค. 55 20:16:17

ความคิดเห็นที่ 15 ต้องขอโทษด้วยคะ  ตกคำว่าส่วนใหญ่ไป  ฉันพิมพ์ไว้ในโนตเพท  ก๊อปแล้วเอามาวางนะคะ  ต้องขอโทษจริงๆ  คะ ขอขยายความ  หากท่านใดไม่เข้าใจนะคะ "ผู้หญิงที่ต้องการจะยืนด้วยขาของตัวเอง  พยายามหาเงินด้วยตัวเอง" คุณลองกลับไปสังเกตุดูประโยคนี้ไหมนะคะ   คำว่า  "ต้องการจะ"  "พยายาม"  นั้นหมายความว่า  ตอนนี้ผู้หญิงที่มีความคิด  มีความต้องการ  รวมถึงพยายาม  แน่นอน  มันไม่ใช่เรื่องง่ายคะ  อาจจะยังหาเงินเองไม่ได้  แต่ก็พยายามอยู่ ฉันเองก็พยายามอยู่เช่นกันคะ จากคุณ : ผึ้งเก่ง เขียนเมื่อ : 19 ม.ค. 55 20:45:54

ความคิดเห็นที่ 16 ชีวิตครอบครัว มันไม่ใช่ ทฤษฎี ไม่ใช่กฏตายตัวในการแก้ปัญหา บางทีปัญหาเหมือนกัน แต่คนละคู่ มันก็แก้ไม่เหมือนกัน เพราะเอา ใจแก้ เหตุผลมันต่างออกไป แต่ถ้าเขาทำแล้ว เขามีความสุข ทุกอย่างดีขึ้น มันก็เป็นทางเลือก ที่ดี เพราะถ้าไม่แก้ไข หย่าร้าง ครอบครัวแยกทางกัน ผลกระทบ มันก็ไปกระทบกับคนหลายคน แต่ถ้าบางคนเอาความรู้สึกของตัวเองเข้าไปวัด ว่าทำไม่ได้ ไม่เห็นด้วย ก็ไม่ผิด ผงเข้าตาใครก็ต้องหาทางเขี่ยออกด้วยตนเอง จากคุณ : พิพพ์ เขียนเมื่อ : 19 ม.ค. 55 21:11:28

ความคิดเห็นที่ 17 สังคมมันต่างกันค่ะ เห็นคนส่วนมากที่ต่างแดนเค้าไม่ค่อยแคร์กัน ถ้าอีกฝ่ายมีใหม่ หรืออยู่กันไม่ได้ก็เลิก เค้าพึ่งตัวเองกันได้ และการหาใหม่ที่นี่มันไม่ยากด้วย เห็นคนอายุมากๆแล้วแต่งงานใหม่กันเยอะแยะ แต่ที่เมืองไทย ครอบครัวอบอุ่นต้องอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน บางครอบครัวถึงกับต้องยอมทน ทั้งๆที่เจ็บปวดเพราะมือที่สาม แต่โดยส่วนตัวนับถือน้ำใจคุณเสือน้อยเจ้าของกระทู้นั้นมากเลยค่ะ เป็นผู้หญิงที่เสียสละ ยอมปรับตัวเอง อดทนทำทุกอย่างเพื่อให้ครอบครัวที่อบอุ่นกลับคืนมาเหมือนเดิม เรื่องครอบครัวเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนค่ะ ปัจจัยร่วมมันมีเยอะมากจริงๆ จากคุณ : nuumama เขียนเมื่อ : 19 ม.ค. 55 21:44:44

ความคิดเห็นที่ 18 ผู้ชายแค่คนเดียว แถมไม่ดีอีก ทนไปทำไม ได้กลับไปเป็นผัวเหมือนเดิม แล้วจะสบายใจได้งัยว่าจะไม่ไปมีใหม่อีก เราเป็นคนเจ็บแล้วจำบวก ขี้ระแวงค่ะ สวยอย่างเรา มีใหม่เมื่อไหร่ก้อได้ ปล. เคยโดนแฟนคนไทยขอเลิก เหตุเพราะเราผิวคล้ำกว่าแฟนใหม่ จากคุณ : ดีใจที่เกิดเป็นคนไทย เขียนเมื่อ : 19 ม.ค. 55 21:52:35

ความคิดเห็นที่ 19 ผญ คนนี้ทำทุกอย่าง เพื่อรั้ง ผช คนหนึ่ง ทั้ง emotional และ physical ตอนนี้เขาคิดว่าสำเร็จ แต่พรุ่งนี้ อาทิตย์หน้า ปีหน้า ถ้ายังเอาไม่อยู่ ไม่ต้องไปให้หมอทำช่องหฤหรรษ์เพิ่มอีก 4 ช่องเพื่อรั้งสามีเหรอ ถ้าสามีชอบโสเภณี ควรให้มันไปหาของที่คู่ควรกัน ถ้าคุณค่าของภรรยาและลูก ไม่ได้มีมากเท่าเรืีองโลกีย์ ถือว่ามันเป็นหมู ต้องอยู่เล้าหมู เราเป็นคนจะไปกลั้วกับมันทำไม ผญ คนนี้ทำทุกทางไม่ว่าจะกินยาตาย(ทั้งที่มีลูกเล็กสองคน) ทำศัลยกรรม เจ็บเนื่อ้จ็บตัว เพื่อ ผช. คนนึงซึ่งไม่ได้เห็นค่าในตัวเธอสักเท่าไหร่ หากมีลูกสาว จะสอนลูกสาวเรื่ิอง self esteem.ได้ยังไง จากคุณ : ก เขียนเมื่อ : 19 ม.ค. 55 22:07:10 A:98.196.117.81 X: TicketID:000072

ความคิดเห็นที่ 20 อ่านหัวข้อกระทู้แล้วงงอยู่ว่าเลิกกับผัวแล้วไปขายแกง curry เลี้ยงลูกหรือยังไง อ้าวกลายเป็นกระทู้จากห้องชานเรือนนี่เอง เท่าที่อ่านดู น้องจขกท นั้นให้ความสำคัญกับสถาบันครอบครัวมากกว่ายอมทุกอย่างเพื่อให้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตาพ่อแม่ลูก ไม่ใช่ว่าไม่มีทางไป  อีกอย่างน้องเค้าอธิบายไว้ว่าสามีเปลี่ยนไปเพราะ น้องเค้าไม่เห็นความสำคัญของสามี และสามีก็ไม่ใช่คนเจ้าชู้โดยสันดาน จะเอากรณีของน้องเขามาเปรียบเทียบกับกรณีของคนอื่นๆหลายคนคงจะไม่ใช่หรอก อย่างน้องก๋า และ คุณพิพพ์ อธิบายด้านบน ว่าชีวิตครอบครัวมันไม่ใช่ทฤษฎี ไม่ใช่กฏตายตัวในการแก้ปัญหา ถ้าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวดิฉันก็คงคิดนานหน่อยหากมีลูกด้วยกัน แต่เพราะเราไม่มีลูกด้วยกันให้ห่วง และเราเป็นฝ่ายหาเงินได้มากกว่าแฟน ก็คงจะทำตัวเชิดแบบฉันไม่แคร์เลือกทางแตกหัก จะดีใจตีปิกพับๆด้วยซ้ำพร้อมแถมบ้านที่อยู่นี่ให้อีกหลังหนึ่งเป็นของขวัญที่หากิ๊กได้ ตัวเราจะได้ย้ายไปหาบ้านใหม่อยู่คนเดียวอีกครั้งซะที จากคุณ : Rinta เขียนเมื่อ : 19 ม.ค. 55 23:02:18

ความคิดเห็นที่ 21 อ่านจากกระทู้ห้องชานเรือนแล้วค่ะ ก็เห็นว่าคำว่ากะ.....รี่แค่การเปรียบเทียบ(ไม่ได้ไปเป็นจริงๆ). เพราะฉนั้นการเปลี่ยนแปลงเพื่อคนที่เรารักก็ไม่เห็นจะแปลกอะไร แสดงว่าเค้ารักครอบครัวของเค้ามาก อย่ามองมุมมองของผู้หญิงคนหนึ่งที่ต้องการได้สามีคืนมาจากเมียน้อยเป็นเรื่องที่ผิดหรือว่าไม่มีสมองเลยค่ะ คนเรามันต้องมีข้อดีและข้อเสียกันทุกคน เธอทราบข้อเสียของตัวเองและเธอก็เล่าข้อเสียของสามีเธอ แต่รับรองว่าสามีเธอต้องมีข้อดีอื่นๆอีกแน่ที่เธอไม่ได้เล่าให้คุณฟัง เธอถึงได้ลุกขึ้นมาเปลี่ยนเพื่อสิ่งที่เธอรัก จากคุณ : บลา (brabra) เขียนเมื่อ : 19 ม.ค. 55 23:54:29

ความคิดเห็นที่ 22 ถ้าการที่มาตั้งกระทู้เพื่อจะมาบอกว่าการเป้นแม่บ้านเลี้ยงลุกไม่มีความสามารถในการหาเงิน รักสบาย ไม่มีสมอง อะไรก้ตามแต่แบบที่คุณพิมพ์มานะคะ ดิฉันคิดว่าคุญไม่ใช่ "ผู้หญิงที่มีความสามารถ และมีสมองที่ฉลาด" หรอกคะ ถ้าจะมาดูถูกคนอื่นแบบนี้ กระทู้ของคุณเสือน้อย ประเด็นคือ เค้าเอาประสบการณ์มาแชร์ว่าเค้ามีวิธีแก้ปัญหายังไง เมื่อเกิดปัญหาขึ้นในครอบครัวของเธอ แต่กระทู้ของคุณดิฉันตามมาตั้งแต่ห้องชานเรือนละ อุตส่าห์จะย้ายมาหาอ่านอะไรที่เกี่ยวกับความเป้นไปใน ตปท.บ้าง ก็ยังมิวายมาเจอกระทู้และความเห็นที่ไปดูถูกความคิด และสติปัญญาของผู้หญิงคนอื่นๆที่เค้าทำหน้าที่เป็นแม่บ้านเลี้ยงลูกอยู่อีก คุณรู้ได้ยังไงคะว่า พวกแม่บ้านเหล่านั้นเค้ารักสบาย เลยออกมาเป็นแม่บ้านเลี้ยงลุกอยู่กะบ้านเฉยๆ คุณรู้ได้ยังไงคะว่าพวกแม่บ้านเหล่านั้น เค้าไม่มีความสามารถ ไม่มีสมอง ตามความเห็นส่วนตัวของดิฉัน ทุกคนมีหน้าที่ที่จะต้องทำค่ะ เมื่อได้ทำหน้าที่นั้นๆแล้ว ก็ควรจะทำให้ดีที่สุด เมื่อเกิดปัญหาแต่ละคนก็มีวิธีการแก้ปัญหาแตกต่างกันออกไป เพื่อจะประคับประคองและทำหน้าที่ของความเป็นแม่ เป็นภรรยาให้ดีที่สุด และจากกระทู้ของคุณเสือน้อย ดิฉันไม่เห็นตรงไหนเลยว่าวิธีการแก้ปัญหาของเธอจะหมายถึงเธอเป็นผญ.ที่รักสบาย ไม่ต้องการออกไปทำงานหาเงิน หรือดึงตัวเธอเองให้กลายเป็นกาหรี่ของแท้ที่ไปนอนแหกขาแล้วได้ตังมา ไม่ได้ความว่าผู้หญิงที่พยายามจะปรับปรุงตัวเองเพื่อสามีและครอบครัวเป็นพวกที่ไร้สติปัญญาสักหน่อย ถ้าการที่คุณเห็นว่าวิธีการแก้ปัญหาในครอบครัวของคนอื่นมันไม่ถูกใจ ไม่ถูกต้องตามความเห็นของคุณแล้วมาดูถูกพวกแม่บ้านที่เลี้ยงลุกเองแบบนี้ ดิฉันคิดว่าคุณมีปมด้อยอะไรในใจของคุณหรือเปล่าคะ ถึงต้องมาตั้งกระทู้เปรียบเทียบกับกระทู้คนอื่นในทางไม่สร้างสรรค์แบบนี้ แน่ใจเหรอคะว่านี่คือสิ่งที่ "ผู้หญิงที่มีความสามารถ และมีสมองที่ฉลาด" ดังที่คุณกล่าวอ้างจากข้างบนเค้าทำกัน จากคุณ : Mrs.Nikodem เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 55 00:07:12 A:76.239.28.152 X: TicketID:344835

ความคิดเห็นที่ 23 มุมมองของคนที่อยู่ต่างแดน กับคนที่อยู่เมืองไทยผิดกันห่างไกลค่ะ แน่นอนว่าคนที่อยู่ในสังคมไทยก็จะยอม ที่จะทนเมื่อสามีนอกใจ ผู้ชายที่เข้าไปตอบในกระทู้นั้น ก็บอกอยู่แล้วว่าผู้ชายมันก็มีมั่งแหละ เรื่องทำผิดเผลอไผลไป ผู้หญิงทำดีแล้วที่ให้อภัยเพื่อครอบครัวจะได้กลับมา อยู่ด้วยกันอย่างอบอุ่นเหมือนเดิม ถ้ามัวแต่ไม่ยอมมันก็แตกหัก แล้วผลกระทบ ก็ตกอยู่ที่ลูก เอ๊ะ แล้วตัวสามีเองทำไมไม่คิดถึงลูกมั่งล่ะก่อนทำ เลยกลายเป็นเรื่องที่น่าชื่นชมว่าผู้หญิงเก่งที่อดทน และปรับปรุง (กลัวผู้ชายจะคิดว่าตัวเองเป็นเทวดาค่ะ มีแต่คนมาแย่งกันไม่ต้องปรับปรุงหรือ อดทนอะไรทั้งที่ผิด ถึงเรื่องในบ้านทุกอย่างจะดีหมดก็เถอะ แต่ผิดก็ส่วนผิดค่ะ) ในมุมมองของสังคมไทย ผู้หญิงคนนั้นเธอเก่งจริงๆค่ะ แต่ในทางกลับกัน ถ้าผู้หญิงเป็นฝ่ายนอกใจซะเอง อยากรู้ว่าผู้ชายที่ตอบในกระทู้โน้นยังจะบอก ผู้ชายด้วยกันว่าให้อดทนรึเปล่า หรือผู้หญิงก็อย่างนี้แหละต้องมีมั่งเรื่องเผลอไผล ไปบ้างแต่ยังไงก็ยังเป็นแม่ที่ดีของลูกนะ เรื่องของเรื่องคือ ผู้ชายเป็นใหญ่เพราะเป็นฝ่ายนำเงินเข้าบ้านในสังคมไทย ในขณะที่สังคมต่างแดนจะถือว่า ถึงเมียจะอยู่บ้านเลี้ยงลูกไม่มีเงินเข้ามา ก็เหมือนการทำงานอย่างหนึ่งเหมือนกัน สามีจะเอามาอ้างว่าเหนื่อย ทำงานนอกบ้านต้องการผ่อนคลาย เลยไปนอกใจ ไม่ได้นะคะ หึหึ เราไปเปลี่ยนสังคมไทยไม่ได้หรอกค่ะ แต่ติดอยู่นิดหนึ่ง เรามาอยู่ต่างประเทศซะกว่ายี่สิบปี แทบไม่เคยได้ยินว่าผู้หญิงฝรั่ง คนไหนเขาต้องไปทำรีแพร์หลังคลอดลูกเลย ทั้งที่หมอที่เมกาก็สนับสนุนให้แม่คลอด แบบธรรมชาติ นอกจากจะคลอดไม่ได้จริงๆถึงผ่าตัด แต่ที่เมืองไทยสาวๆกลัวการคลอดธรรมชาติกันมาก หลายคนถึงต้องการผ่าตัดคลอด เพราะอะไรหรือคะ และผู้หญิงไทยที่ยอมเจ็บตัวทำรีแพร์ขนาดนั้น เพราะผู้ชายคนเดียว ถ้าไม่ทำเขาก็ไปมีคนอื่น มันเห็นแก่ตัวเกินไปมั้ยคะของผู้ชาย เราว่ามันเป็นเรื่องกลับตาละปัดน่ะค่ะ ประเภทรำไม่ดีโทษปี่โทษกลอง ขนาดของตัวเองไม่ดีแล้วไปโทษว่าของเมียหลวมหลังคลอด เพื่อไปหาคนอื่น มากไปมั้ยนั่น ผู้หญิงไทยก็ยอมเจ็บตัว ยอมทุกอย่าง โอ้.... เราไม่มีอคติกับผู้ชายไทยดีๆนะคะ และไม่เคยคิดว่าขนาดหรืออะไรจะสำคัญ ไปกว่าความรักความผูกพันของสามี และภรรยาจะพึงมีให้ต่อกันค่ะ ไม่ว่าชาติไหนๆ เรารู้จักผู้หญิงไทยหลายคน ที่ยอมเจ็บตัวทำรีแพร์เพื่อสามีที่เมืองไทย เวลาเราไปเที่ยวที่เมืองไทย เคยเจอคนตั้งร้านขายยาสมุนไพรกระชับส่วนนั้น และมาตื๊อให้เราซื้อ งงค่ะ กับคนบางคนเกิดมาทั้งทีเรื่องนั้นมันสำคัญสุดชีวิต มากไปกว่าภรรยาคู่ทุกข์คู่ยาก ที่ร่วมหัวจมท้ายด้วยกันมาเนิ่นนานเหรอคะ ใครรู้จักผู้หญิงฝรั่ง ที่ต้องไปทำรีแพร์เพื่อให้สามีไม่ไปมีเมียน้อยบ้าง ช่วยบอกที ปล.  จขกท.โน้นบกพร่องที่ไม่ให้สามีมีไรด้วยเกือบปี จึงเป็นสาเหตุของเรื่อง และเธอปรับปรุงในส่วนนั้นแล้ว รวมทั้งอื่นๆด้วยก็น่ายินดีค่ะ และขอให้เธอโชคดี หลังผ่าตัดแล้วสามีจะไม่ไปนอกใจอีกเช่นกัน ** อิอิ เรื่องทำรีแพร์ที่เราเขียนนี้ ไม่เกี่ยวถ้าใครจะทำนะเพราะไม่ใช่ เอาของเราไปทำ แต่พูดถึงสาเหตุว่าทำไมผู้หญิงหลายคนถึงทนเจ็บตัวไปทำ เป็นการพูดถึงของคนทั่วๆไป ที่เราเคยได้รับฟังจากปากของคนที่เคยทำด้วย และไม่เคยได้ยินว่าฝรั่งชอบทำรีแพร์ค่ะ โปรดอ่านให้เข้าใจ :) เพราะจขกท.นี้ได้ลบข้อเขียนเก่าๆไปแล้ว แก้ไขเมื่อ 22 ม.ค. 55 01:55:03 แก้ไขเมื่อ 22 ม.ค. 55 01:47:38 แก้ไขเมื่อ 20 ม.ค. 55 05:56:14 จากคุณ : Fly away home เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 55 00:18:41

ความคิดเห็นที่ 24 เรืองย่อมีอยู่ว่า คือ เขาเล่าว่า ที่ปกติเขาจะดูแลแต่ลูก มีลูกสองคน แค่ดูลูกก็เหนื่อยและยุ่งจะตายอยู่แล้ว เลยไม่ค่อยสนใจสามีเท่าไหร่ จนสามีไปมีเด็ก และรับรู้ว่าสามีไปมีอะไรกับเด็ก (เด็ก กิ๊ก ชู้ หรือเมียน้อย ไม่รู้สถานะไหน แต่มีอะไรกัน) เขาเสียใจมากจนอยากฆ่าตัวตาย กินยานะ แต่ไม่ตาย รอด อยู่ดี ๆ ก็เลยนึกปรับตัวขึ้นมา แบบไม่โวยวาย ไม่โมโห ออกแนว ตาต่อตาฟันต่อฟัน (รึเปล่า) ปรับตัวแบบหน้ามือเป็นหลังมือ เช่น สามีกลับดึก ตัวเองก็กลับดึกบ้าง มีทีเด็ดหลายอย่าง แต่งตัวเอ๊กซ์ ๆ ล้างรถ กลางคืนก็เป็นฝ่ายรุก ปลุกอารมณ์สามี ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยสนใจจะทำมาก่อน (เพราะปกติเลี้ยงลูกก็เหนื่อยแล้ว) แต่งงานมีลูกสองยังไม่เคยทำถึงขั้นนี้ ทำทุกท่า ที่ กะ ห รี่ ทำ เพื่อให้สามีพอใจ แม้บางท่าตัวเองจะขยะแขยง อะไรอย่างนี้อะ   จากนั้นก็เล่นบทแม่พระ ขอโทษสามี (แต่โดยพฤตินัย สามีผิดที่นอกใจ ไปนอนกับผู้หญิงอื่นนี่นา) แต่เขาโทษตัวเองอย่างเดียว จริง ๆ เป็นแทคติกเขาทั้ง ๆ ที่ในใจก็โกรธแค้น โมโห เสียใจ ร้องไห้ เหมือนกับผู้หญิงทั่วไปนั่นแหละ อยู่ดีๆ มารู้ว่าสามีไปนอนกับหญิงอื่น อะไรอย่างนี้ แอบดราม่า ว่าเป็นความผิดของเขาเอง ที่ปรนเปรอเซ็กส์ให้ไม่ได้ เขาเป็นภรรยาที่แย่มาก ดูแลสามีไม่ดีพอจนสามีต้องไปหาเอาข้างหน้า   ประมาณว่า เขาสรุปว่า เมียต้องทำทุกอย่าง เลี้ยงลูก ดูแลผัว ดูแลบ้าน แม้จะเหนื่อยแค่ไหน ผัวอยากขึ้นมาเมื่อไหร่ ก็ต้องยอม ถ้าไม่ให้ ก็ไม่ใช่เมียที่ดี ต้องสรรหาทุกอย่างมาให้ผัวพอใจ  พอผัวไปมีเด็ก ก็โทษตัวเองอย่างเดียวว่า เพราะชั้นมันแย่ เรื่องบนเตียงไม่เด็ดเหมือน เด็กไซด์ไลน์ใช่มั้ย  อะไรอย่างนี้  คนอื่นๆ ก็มาเสนอความเห็นกัน แบบ ใช่ ๆ เราต้องปรนิบัติสามีให้สุด ๆ กันนะ ไปทำรีแพร์กันนนะ เพื่อผัวของเรา บลา ๆๆๆๆ อะไรอย่างนี้ หมอเย็บยังไม่ฟิตพอ ก็ไปเย็บอีก แต่ ครอบครัวใคร ครอบครัวมันนะคะ การแก้ปัญหาอาจจะต่างกันค่ะ แต่ จขกท กระทู้นั้น ใจเย็นและอดทนมาก ๆ เราคงทำไม่ได้อะค่ะ เฮ้อ เกิดเป็นผู้หญิงทำไมลำบากอย่างนี้ฟระ ชาตินี้อิชั้นคงเป็นเมียใครไม่ได้แล้วค่ะ แก้ไขเมื่อ 20 ม.ค. 55 00:24:36 จากคุณ : Freedom of Life เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 55 00:21:24

ความคิดเห็นที่ 25 อิฉันไม่มีสามี แต่อ่านแล้วเหนื่อยแทนคุณจขกท.นั้น เรื่องของครอบครัวมันมีหลายแง่มุม ต้องมองหลายๆชั้นด้วย มุมของเราอาจไม่เข้ากับมุมของคนอื่นก็ถมไป ข้อสรุปสำหรับตัวอิฉันคือ การมีสามีไม่ใช่เรื่องขี้ปะติ๋วเลย (สมัยนี้หาสามีไม่ง่ายแล้ว แถมยังรักษาไว้ไม่ง่ายด้วย ฮ่าๆๆ) ว่าแล้วก็ก้มหน้าก้มตาทำงานหาเลี้ยงตัวเองต่อไปดีที่สุด จากคุณ : เขียนบนอีแก่ Nokia 6260 (Stila is Style) เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 55 00:26:18

ความคิดเห็นที่ 26 คุณบลา (brabra) ความเห็น 21 "คำว่ากะ.....รี่แค่การเปรียบเทียบ(ไม่ได้ไปเป็นจริงๆ). "  ฉันก็เข้าใจแบบนั้นเหมือนกันคะ  ^O^ คำว่า  กะ..รี่  และ  Super กะ..รี่  ในกระทู้นี้  ก็เป็นการเปรียบเทียบเฉยๆ คะ  เดี๋ยวฉันจะไปแก้หัวกระทู้ให้นะคะ  เผื่อบางท่านเห็นจะได้ไม่เข้าใจผิด ฉันไม่ได้ติดใจเรื่องราวอะไรกระทู้โน้นหรอกคะ  สังเกตุไหมคะ  ฉันไม่ได้เอ่ยชื่อของคุณเจ้าของกระทู้โน้นเลย  เว้นแต่ที่ฉันบอกในกระทู้(ลิงค์ข้างล่าง)  ความเห็นที่ 60 คือฉันไม่ได้วิจารณ์แบบส่วนตัวนะคะ  แต่ฉันเอาวิจารณ์แบบ  จะบอกว่าไงดีละ  คือเหมือนเราไปฟังเขาเล่าเรื่องมา  เราก็เอามาวิจารณ์กันว่า  ถ้าเป็นเธอจะทำแบบนั้นไหม  เธอคิดยังไง  ฉันคิดอย่างนี้นะ  นั้นนู้นนี้  คืออยากรู้ว่าแต่ละคนคิดยังไง ฉันไม่เข้าใจคะ  ทำไมต้องเหยียบฉันให้จบดิน   คิดดูนะ    ยังตามมาเหยียบในห้องไกลบ้านนี้อีก  แต่มาแบบเนียนๆ   นี้คือกระทู้ที่ฉันแตกประเด็นกระทู้เดิมก่อนนั้นคะ  อยู่ห้องชานเรือนคะ http://www.pantip.com/cafe/family/topic/N11599025/N11599025.html แก้ไขเมื่อ 20 ม.ค. 55 00:51:38 จากคุณ : ผึ้งเก่ง เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 55 00:44:12

ความคิดเห็นที่ 27 เข้ามาบอกว่า ต้องขออภัยผู้ชายไทยทุกคนไว้ด้วยนะคะ อย่าเพิ่งโกรธล่ะ แต่เราว่ามันเป็นความจริงในส่วนหนึ่งที่ไม่มีใครอยากพูดถึง แล้วผู้หญิงก็ต้องอดทนกันไป พ่อเราก็ชายไทยค่ะ แท้ๆด้วย แต่รักแม่เรามากไม่เคยไปมีใครหลังจากแต่งงาน และอยู่ร่วมกันมากว่า 60ปี จากคุณ : Fly away home เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 55 00:46:50

ความคิดเห็นที่ 28 อย่าลืมว่าที่ ตปท เวลาสามีภรรยาเลิกกัน ถ้าเหตุเกิดเพราะสามีมีคนใหม่ ภรรยาฟ้องหย่าจะได้ค่าเลี้ยงดูบุตรและตนเอง หรือไม่การหางานเมื่ออายุมากสามารถทำได้ง่าย สำหรับในสังคมไทย ผู้หญิงที่เป็นแม่บ้านเลี้ยงลูกไม่ได้ออกไปทำงานหลายปี ถ้าเลิกกันจะเอาอะไรกินใช้ ลูกไม่ได้เรียนฟรี จะไปอยู่ที่ไหน รัฐบาลไม่ได้มีสวัสดิการช่วยด้านที่อยู่อาศัย food stamp ค่ารักษาพยาบาล อีกทั้งการออกหางานทำเมื่ออายุมากเป็นไปได้ยากมาก ไม่งั้นก็ต้องมีทุนรอนทำการค้า การที่ จขกท ออกมาเล่าการแก้ปัญหาในวิธีของเค้า ไม่ได้หมายความว่ามันเป็นสิ่งที่ถูกที่ควรทำในทุกครอบครัว สำหรับเค้าๆก็ยอมรับว่าเค้าผิดเองที่ไม่ยอมร่วมหลับนอนกับสามีเกือบปี การมี พสพ เป็นหน้าที่หนึ่งของภรรยานะ สำหรับ ตปท ถ้าต้องขึ้นโรงขึ้นศาล สามีบอกว่าภรรยาไม่ยอมมี พสพ ด้วย เป็นเวลานานแล้ว คุณว่าศาลจะว่าอย่างไร จากคุณ : chilla เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 55 00:54:28

ความคิดเห็นที่ 29 อยากให้กิ๊ฟคุณ ความคิดเห็นที่ 1<<karas >> สักล้านกิ๊ฟ เข้ามาเห็นด้วย ทำไมเราจะต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองเมื่อสามีนอกใจด้วย คนมันเลวชอบหาเศษหาเลย มองแต่รูปภายนอก คิดแต่เรื่อง xxx ต่อให้เราเปลี่ยนแปลง ยังไงมันก็ยังเหมือนเดิม พอเราอายุมากๆ รูปร่างหน้าตาก็เปลี่ยนไป ต่อให้ไปทำศัลยกรรมยังไงเราก็สู้เด็กที่สาวๆกว่าไม่ได้ มีสามีแบบนี้เลิกมันคงจะง่ายกว่าไหม? จากคุณ : เที่ยงตรง เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 55 02:41:50

ความคิดเห็นที่ 30 ถ้าสามีนอกใจหรือ ก็คงต้องเลิก แต่ก็ต้องดูก่อนว่าสาเหตุมาจากอะไร ถ้าเมาไม่มีสติและพลาดไปอย่างนี้คงให้อภัยได้ แต่ถ้าทำด้วยความตั้งใจนี่ไม่มีการอภัยโทษ คงไม่มองหน้าด้วยซ้ำ ถีบส่งสถานเดียว เพราะตัวเองตั้งแต่สาวๆจนมีสามีมาสิบกว่าปีก็เป็นยิ่งกว่าโสเภณีราคาถูกเสียอีก ไม่เคยปล่อยตัวให้อ้วนฉุ ดูแลตัวเองอย่างดี เอาใจใส่สามีสม่ำเสมอไม่เคยปล่อยให้สามีรู้สึกว่าเราไม่รักหรือเย็นชา  ซึ่งไม่เกี่ยวกันกับการที่ต้องทำอาหารให้กินทุกมื้อ ทำงานบ้านจนหมดจด และทำให้ทุกอย่างบนเตียง แต่มันอยู่ที่การเอาใจใส่ รับฟัง และเป็นผู้ที่อยู่ด้วยแล้วทำให้เขามีความสุขที่สุดต่างหาก คงไม่มีคุณหรี่คนไหนหรอกมั้งคะที่นอนด้วยกันเสร็จแล้วยังลุกมาผัดข้าว ทำแกงเผ็ด หรือทำปลานึ่งให้กินแก้หิวเหมือนที่เมียทำ  ทั้งอิ่มท้อง ตัวเบา แถมตังค์อยู่ครบ ไม่มีโรคอีกต่างหาก ปลอดสารพิษ คิดว่าตัวเองดีพร้อมอยู่แล้ว จึงไม่สามารถทำอะไรได้มากไปกว่าทีทำทุกวันนี้ ปกติก็แต่งตัวสวย แต่งหน้าแจ่มๆ และแซ่บพอตัวอยู่แล้ว ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อตอนที่พบกันและรักกันใหม่ๆ ถ้าจะนอกใจกันก็แสดงว่าสามีมันเลวเอง ไม่ไช่เรา จึงไม่คิดจะลุกขึ้นมาเปลี่ยนอะไร ยิ่งจะไปเย็บไปทำรีแพร์นี่ยิ่งไม่มีทาง หาผัวใหม่ดีกว่า ง่าย เร็วและไม่เสียตังค์ค่าผ่าตัดและค่าตั๋วเครื่องบินไปยันฮี ผุ้ชายเหรอ มีเยอะแยะมากมายถมไปในโลกนี้ ถ้าไม่เห็นว่าเราสำคัญที่สุดในชีวิต ไม่ให้เกียรติกัน ดิฉันไม่เก็บไว้ให้ระคายเคืองแน่นอน เห็นเราเป็นตัวอะไร ดิฉันเป็นคนที่ทำอะไรต้องทำเพื่อตัวเอง ทำเพราะอยากทำ แต่ไม่ไช่ทำเพราะกลัวโดนทิ้ง จากคุณ : Gisele เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 55 04:42:33

ความคิดเห็นที่ 31 สรุปคุณ จขกท ได้ตั้งกระทู้แบบเดียวกันในห้องชานเรือนเพื่อหยั่ง ความคิดเห็นของบรรดาเมียๆ และความเห็นส่วนใหญ่เข้าอกเข้าใจ คุณเสือน้อย เจ้าของกระทู้นั้นอย่างล้นหลาม คุณก็เลยอยากรู้ว่าบรรดาสาวๆเมียๆอินเตอร์หัวนอก ในห้องไกลบ้านนี้คิดยังไงบ้างว่างั้นเหอะ http://www.pantip.com/cafe/family/topic/N11599025/N11599025.html ความคิดเห็นที่ 34     ที่ตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาก็เพราะฉันเชื่อว่า ผู้หญิงที่ต้องการจะยืนด้วยขาของตัวเอง  พยายามหาเงินด้วยตัวเอง  มีชีวิตอยู่ได้ด้วยตัวเองแม้จะมีสามีหรือไม่ก็ตาม จะมีความคิดเห็นแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับผู้หญิงที่ต้องการสุขสบาย  ไม่ต้องทำงานหาเงิน  ให้สามีเป็นคนหาเงินคนเดียว  เป็นแค่แม่บ้านเลี้ยงลูกเท่านั้น   ทั้งที่ความจริงแล้ว  ผู้หญิงเรามีความสามารถมาก  และมีสมองที่ฉลาด  =_= จากคุณ : ผึ้งเก่ง     อ่าน ความเห็นด้านบนแล้วก็คิดว่า คุณจขกท เป็นคนเก่งมากทีเดียว ที่ชอบพึ่งตัวเองไม่ยอมงอมืองอเท้าพึ่งสามีอย่างเดียว แต่จะวิเคราะห์ชีวิตคู่ของแต่ละคู่ มันไม่เกี่ยวกับว่าเป็นผู้หญิงเก่งหรือไม่เก่งหรอกนะ ผู้หญิงเก่งๆ บางคนเช่น Hillary Clinton สามีเคยนอกใจเธอจนอับอายขายขี้หน้าไปทั้งประเทศ เธอก็ยังยอมหน้าชื่นอกตรมยืนเคียงข้างกับสามีตลอด จนกระทั่งเดี๋ยวนี้แม้ว่าหน้าที่การงานเธอจะล้ำหน้ากว่าสามีไปหลายขุมอยู่ บางคนเขาคิดไปไกลกว่านั้นยอมลดเกียร์ติศักดิ์ศรีที่ค้ำคออยู่ ก็เพราะเค้าเห็นว่าสถาบันครอบครัวสำคัญกว่า ยิ่งลูกเล็กๆเห็นหน้าลูกร้องไห้หาพ่อทุกๆวัน คนเป็นแม่ยังจะใจดำทำร้ายจิตใจลูกได้ลงคอหรือ น้อง จขกท โน้นเห็นว่าสามีเค้าทำผิดพลาดไปครั้งแรกก็สมควรได้รับการให้อภัย น้องเค้าก็วิเคราะห์ชีวิตของเขาเองว่า ส่วนหนึ่งก็เป็นความผิดของเขาที่เกือบทำให้เสียสามีไป ก็เลยพยายามปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้นด้วยมารยาหญิง แต่ต่อไปถ้าเกิดสามียังคิดจะมีกิ๊กอีก ดูๆแล้วน้องเค้าก็ไม่ใช่ย่อยอาจจะตัดสินใจ ทำเมนูพิเศษตัวเดียวอันเดียวให้เป็ดหลังบ้านกินก็ได้นะ ถึงเวลานั้นเธออาจจะมาตั้งกระทู้ อธิบายส่วนผสมของ recipe เมนูเปิบพิสดารให้พวกเราได้เอาไปใช้บ้างก็ได้ บ๊ะพิมพ์ผิดหลายรอบ แก้ไขเมื่อ 20 ม.ค. 55 05:13:06 แก้ไขเมื่อ 20 ม.ค. 55 05:09:25 จากคุณ : Rinta เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 55 05:08:00

ความคิดเห็นที่ 32 แหะๆ น่าแตกหมอไม่รับเย็บก็งานนี้แหละเรา ขอบคุณ คุณก๋าสะลองเงิน ที่เข้ามาอธิบายนะค๊า นึกว่าผัวไปมีกิ๊กส์ ตัวเองก็ออกล่าเหยื่อ แบบว่าได้ตังค์ด้วย (คิดไปไกล อิ อิ) จากคุณ : เสียงซึง เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 55 06:58:56

ความคิดเห็นที่ 33 ชีวิตคู่แต่ละครอบครัวไม่เหมือนกัน จะเอามาตรฐานของใครคนหนึ่งมาตัดสินคนอื่นคงไม่เหมาะนะคะ ถ้าใครตามอ่านกระทู้คุณเสือน้อย จะรู้ว่าเธอไม่ได้ไปเป็น curry แต่เธอปรับตัวเองเพื่อรักษาชีวิตครอบครัวของเธอ สามีเธอมาดีแตกตอนหลังๆเพราะเธอไม่เอาใจใส่สามีเท่าไรนัก กระทู้เล่านั้นก็แค่เล่าประสบการณ์เตือนสติแม่ๆในห้องชานเรือน เป็นแม่แล้วว่าอย่าละเลยการเป็นเมีย ก็แค่นั้น สำหรับเรา ถ้าเราแน่ใจว่าเราทำดีที่สุดแล้วสำหรับชีวิตคู่ แต่สามียังไปมีเล็กมีน้อยนอกบ้าน เราไม่ทนหรอกค่ะ จากคุณ : la-la เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 55 07:02:45

ความคิดเห็นที่ 34 เรามองไม่เห็นว่าสิ่งที่คุณเสือน้อยทำอยู่ดูแย่ตรงไหนเลย สถานการณ์ของแต่ละคนย่อมแตกต่างกัน อ่านแล้วได้ข้อคิดดีออกว่า บางครั้งผู้หญิงก็ละเลยบางสิ่งบางอย่างไป เช่น พอมีลูกก็ไม่สนใจสามี ขอนอนแยกห้อง อะไรแบบนี้ ซึ่งหากคิดว่าอยู่ๆ สามีมาขอนอนแยกห้องก็ต้องรู้สึกแย่เป็นธรรมดา ส่วนวิธีการแก้ปัญหาของเธอคือปรับปรุงตัวให้ดีขึ้น เพื่อให้ได้ความรักของสามีกลับคืนมา ก็ไม่เห็นว่าผิดตรงไหน ทุกคนพอมีครอบครัวก็ต้องปรับเปลี่ยนตัวเองบ้างเพื่อให้ชีวิตคู่คงอยู่นานถาวรทั้งนั้น และเรายังมีความคิดเห็นว่าบางคนที่บอกว่าเลิกสถานเดียวนั้น หากเกิดกับตัวเองจริงๆก็ต้องกลับมานั่งคิดทบทวนว่าเราผิดอะไร ยังไง แล้วก็ต้องมีพยายามทำตัวให้ดีขึ้น แต่พอทำแล้วไม่ดีขึ้น นั่นแหละจึงจะตัดสินใจแยกทางกัน จากคุณ : Tang_Siri เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 55 07:42:10

ความคิดเห็นที่ 35 ถึงคุณ จขกท ยอมรับว่าครั้งแรกอ่านหัวข้อคุณแล้วตกใจกะเข้าใจผิด เพราะเราไม่เคยไปอ่านกระทู้ที่ห้องชานเรือนมาก่อน พออ่านของคุณก่อนแล้วไปอ่านของคุณเสือน้อยแล้วเลยแอบคิดว่าคุณตั้งแรงส์สสสสไปนิดอะ  มันเลยทำให้มองเจตนาของคุณเปลี่ยนไปในทางกะแหนะกะแหนไปหน่อยว่าคนที่เค้ายอมเปลี่ยนเพื่อสามีของเค้าเหมือนดูโง่อะ แต่พอจะเข้าใจว่าคุณอยากสื่ออะไร คำว่า''เหยียบคุณให้จมดิน''อะ หมายถึงอะไร ถ้าหมายถึงการวิจารณ์ความคิดเห็นของคุณละก็มันก็คล้ายๆกะที่คุณทำอยู่ตอนนี้เหมือนกัน^^ ปล.ไม่แน่ใจว่าคุณคิดว่าบลากะMrs.Nicodem เป็นคนเดียวกันหรือป่าว^^! จากคุณ : บลา (brabra) เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 55 08:03:11

ความคิดเห็นที่ 36 เข้ามาเม้นท์ต่อแถวแบบไม่ได้อ่านอะไรที่ต้นเรื่องเลยนะ ขี้เกียจน่ะโทษที แต่อยากจะบอกด้วยความรู้สึกส่วนตัวจริงๆว่าผู้ชายมันก็เท่านั้นแหละ คนมันไม่รู้จักคำว่าพอ ต่อให้คุณทำอะไรขนาดแกงกะหรี่ ผัดหอยลายให้กิน หรืออะไรต่อมิอะไรที่คิดว่าจะมัดใจเขาได้นี่ มันก็เอาเขาไว้ไม่อยู่หรอกจ้ะ คนอย่างนั้นบอกได้คำเดียวว่าตัดหางปล่อยวัดไปได้เลย แล้วก็อย่าไปคิดว่าเป็นความผิดอะไรของคุณด้วยที่เอาคนอย่างนี้ไว้ไม่ได้ เพราะต่อให้เป็นเทวดามารั้งไว้ก็เอาไม่อยู่หรอกจ้ะ จากคุณ : PatPDX เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 55 08:22:01

ความคิดเห็นที่ 37 โชคดีนะคะที่ฆ่าตัวตายไม่สำเร็จ ถ้าเป็นอะไรไปใครจะดูแลลูก ในฐานะที่เป็นทั้งเมียและแม่เหมือนกัน ถ้าสามีนอกใจ ถึงจะเจ็บปวดยังไงเราไม่ทำแบบนี้แน่ๆเลย นึกถึงว่าลูกเราจะต้องขาดแม่ แถมพ่อคงจะแต่งงานใหม่ต้องอยู่กับแม่เลี้ยง ซึ่งจะดีหรือร้ายก็ไม่รู้ สงสารลูกๆค่ะ จากคุณ : wheel of forture เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 55 08:35:45 A:68.127.151.60 X: TicketID:048459

ความคิดเห็นที่ 38 ไม่ได้อ่านข้อมูลเก่าๆ แต่จะตอบแบบคนเคยมีสามีนอกใจ บอกได้คำเดียวว่า เรื่องแบบนี้ไม่เจอกับตัวไม่รู้เพราะคนเราแต่ละคู่มีอะไรๆไม่เหมือนกันเลย ส่วนตัว หากสามีนอกใจ ไม่อาลัยอาวรณ์ ปล่อยไปเลย เพราะเราถือตัวว่ามีดีเหมือนกัน ไอ้จะไปยกเครื่องเพื่อมัดใจใคร ที่ผ่านมาก็ไม่เคยทำ ไม่จำเป็น ใครจะรักจะชอบเรามันก็ต้องรับได้ จะเหี่ยวจะยานจะหลวมมันเป็นธรรมชาติล้วนๆ ผู้ชายคนไหนรับเราได้ก็ถือว่าเค้ารักเราจริง ผู้ชายบางพวกยังกล้าบอกว่ามีกิ๊กมีเมียน้อยถือเป็นธรรมชาติของผู้ชาย แล้วผู้หญิงมันจะหย่อนจะยานหมดอารมณ์เอ๊กซ์บ้างมันก็ธรรมชาตินะยะ เพราะฉะนั้นผัวมีเมียน้อยก็ปล่อยเค้าไป ส่วนตัวเราจะได้เจอคนใหม่ที่เค้ารับได้กับของเก่าๆเหี่ยวๆยานๆ ทีนี้จะรู้ว่าผู้ชายดีๆก็มีเหลือในโลกนะเว้ยเห้ย ไม่ใช่จะมีแต่ผู้ชายที่จะเอาอย่างเดียว ไม่ดูตาม้าตาเรือว่า ผู้หญิงเพศแม่ เค้าต้องเสียสละอะไรไปแล้วมั่ง ผู้หญิงคนไหนไปทำรีแพร์แสดงว่ารักตัวเองน้อยแต่รักคนอื่นมากกว่า เพราะการไปยกเครื่องใหม่มันทำเพื่อผู้ชายอย่างเดียว และเพื่อเซ๊กซ์โดยเฉพาะ ถามหน่อยว่าผู้หญิงเราพอ 50-60อัพแล้วใครยังอยากจะมานั่งขมิบเพื่อให้ผัวหลงกันอยู่อีกฮึ ไอ้ทำๆมาเกิดเยี่ยวไม่ออกใครรับผิดชอบ? จากคุณ : ประสาท เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 55 09:34:29 A:86.138.147.8 X: TicketID:319603

ความคิดเห็นที่ 39 What da heck!! จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 55 10:57:28

ความคิดเห็นที่ 40 กร๊ากๆๆๆ ขอบอกว่า ตั้งกะซุ่มอ่านมาทั้ง 2 กระทู้ แต่ไม่ได้แสดงความเห็นอะไรไป เพราะขี้เกียจอธิบายน่ะนะ แต่พอมาอ่าน คห ที่ 38 คุณ ประสาทเข้า เราขำกลิ้งเลย ขำก็อิตรงขมิบจนเยี่ยวไม่ออกนี่แหละ อะ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว เราคงไม่ทุ่มเทให้ปั๋วที่มันนอกใจเราขนาดนั้นล่ะค่ะ ขอบายทางใครทางมันแล้วกัน จะไปยกเครื่องยกอะไรไม่เอาอะ เจ็บที่ใจมันไม่มีวันหายหรอกค่ะ อาจจะให้อภัย แต่ไม่ลืม จะไปขึ้นช้างลงม้าที่ไหนก็ไปเถอะ ไม่มีปั๋วเสียคน ตรูก็อยู่ได้ ยืนด้วยลำแข้งเองได้ ถ้ามันถึงเวลาจะยืนด้วยตัวเอง ก็อีกนั่นแหละค่ะ คนเราต่างจิตต่างใจ เราคิดแบบนี้ คนอื่นอาจจะไม่คิดเหมือนเรา ก็ช่าง จากคุณ : แม่น้องเบนส์ เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 55 11:49:49

ความคิดเห็นที่ 41 คุณRinta  ความเห็น  31 ใช่คะ  ฉันอยากจะทราบว่าผู้หญิงอยู่ต่างแดนห้องไกลบ้านจะมีความคิดเห็นอย่างไร ส่วนที่ฉันตั้งที่ห้องชานเรือน  ฉันก็อยากทราบคะว่า  ผู้หญิงในสังคมไทยมีความคิดเห็นเช่นไร แต่ว่าหลายท่านในห้องชานเรือนกลับพยายามเปลี่ยนประเด็นกระทู้  ไปเป็นว่า  ฉันนั้นนี้นู้นแทน คุณบลา (brabra) ความเห็น  35 ''เหยียบคุณให้จมดิน'' ไม่ว่าฝ่ายนั้นจะมีความคิดเห็นอย่างไร  ไม่สน  ถ้ามันโผล่ที่ไหน จะตามไปเหยียบมันที่นั้น   ประมาณนี้ละคะ  ^O^ จากคุณ : ผึ้งเก่ง เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 55 11:55:34

ความคิดเห็นที่ 42 love ref# 16 ... but no more gift laew kha จากคุณ : Gigolina เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 55 12:12:49

ความคิดเห็นที่ 43 ผู้หญิงที่อยู่ต่างแดนส่วนใหญ่จะแนะนำต่อๆกันว่า  ต้องเรียนภาษานะ  หางานพิเศษทำนะ  ต้องหาเงินเองให้ได้นะ  อย่ามีแต่แบมือขอเงินสามีนะ  เกิดวันหนึ่งไม่มีสามี(หลายๆสาเหตุ)  เราจะได้อยู่ได้นะ  เลี้ยงลูกเองได้นะ   คนไม่มีลูกก็ไม่ลำบากเท่าไร  แต่บางคนมีลูกน้อย  ก็ยังพยายามดิ้นรนหาเงินด้วยตัวเองเท่าที่ทำได้  ไหนจะเรียนภาษา  ไหนจะเลี้ยงลูก  ไหนจะทำงานบ้าน  ไหนจะหาเงิน  ไหนจะสามี  ถึงบอกไงคะว่า  "ผู้หญิงเรามีความสามารถมาก  และมีสมองที่ฉลาด" ตอนแรกๆ ก็คิดนะว่า  ผู้หญิงที่อยู่ต่างแดนส่วนใหญ่  "แมม่ง.. โครตอึด..ทึกเลยอ่ะ" แต่ผู้หญิงแบบนี้ในสังคมไทยก็มีเหมือนกันคะ  แต่มีน้อย  ดูจากห้องชานเรือนละคะ ทำไมผู้หญิงต้องเป็นช้างเท้าซ้าย  ช้างเท้าขวา  ช้างเท้าหลัง ผู้หญิงเลือกที่จะเป็นช้างตัวเมียเลยไม่ได้หรือคะ  แล้วผู้ชายก็เป็นช้างตัวผู้  เดินเคียงคู่กัน  แม้ต่อมาไม่มีช้างตัวผู้  ช้างตัวเมียก็ไม่ตาย  เลี้ยงลูกกับตัวเองต่อไปได้   ไม่ได้เหรอคะ จากคุณ : ผึ้งเก่ง เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 55 15:23:16

ความคิดเห็นที่ 44 ผู้หญิงทุกคนถึงจะเป็นของเก่าสำหรับสามี แต่ก็ยังเป็นของใหม่ที่น่าค้นหาสำหรับผู้ชายคนอื่นอยู่ดี จากคุณ : อ่าวโตเกียว เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 55 16:34:09 A:125.203.118.71 X: TicketID:299625

ความคิดเห็นที่ 45 ขอตอบจากประสบการณ์ในชีวิตเลยนะค่ะ  คนที่ไม่เคยตกอยู่ในสถานะแบบนี้ ไม่มีวันเข้าใจ  หรอกค่ะ  คำว่าครอบครัว  มันไม่ได้สร้างกันขึ้นมาง่ายๆนะคะ  ยิ่งมีลูกด้วยกันแล้ว  การที่จะหย่าร้างมันก็ต้องใช้ความคิดกันเยอะค่ะ  ไม่ใช่ตัดสินใจแบบปุ๊บปั๊บได้เลยนะค่ะ  ไหนจะต้องคิดถึงลูก  คิดถึงอนาคตของลุก  ตราบใดคนทั้ง 2 คน ยังมีคำว่ารัก และเยื้อใยต่อกัน  จะให้ตัดขาดแค่สามีก้าวผิดแค่ก้าวเดียวนั้น มันคงเป็นไปได้ยากค่ะ  คนเราครั้งแรกอาจเกิดจากความผิดพลาดของชีวิตคู่ เราอาจให้อภัยกันได้  ถ้าเกิดเค้ากลับตัว กลับใจ ก็ยังถือว่าเป็นโชคดีของภรรยานะคะ  ตราบใดที่ผู้ชายยังรักลูก รักเมีย  เค้าก็ต้องกลับมาแน่ๆค่ะ  แค่คนที่เป็นภรรยาอาจจะไม่ได้ใส่ใจกับสิ่งเล็กๆน้อยๆให้สามี  จนเป็นจุดเกิดเหตุของปัญหาชีวิตคู่     คนที่จะทิ้งกันได้และตัดบัวแบบไม่เหลือใยได้แล้วนั้นคือ คนที่ไม่มีความรัก ความผูกพันธ์ให้กันแล้วเท่านั้นค่ะ  การให้โอกาสคนไม่ผิดหรอกค่ะ   และอีกอย่างชีวิตคู่ของแต่ละคู่แตกต่างกันออกไป  ไม่มีใครสามารถตัดสินใจของ คน 2 คนได้  และไม่มีใครเข้าใจสถานการณ์ของชีวิตคู่ได้ดีเกินไปของคน 2 คนหรอกค่ะ   อีกอย่าง ชีวิตคนเราก็ต้องมีทั้ง สุข ทั้ง ทุกข์ จะได้มีรสชาติ   ไม่มีชีวิตคู่คนไหน เฟอร์เฟคไปซะทุกอย่างหรอกค่ะ   นอกจากจะโชคดีได้ชีวิตคู่ที่ดีจริงๆ ถึงจะได้สุข จากคุณ : vanessa-eva เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 55 16:35:34

ความคิดเห็นที่ 46 เอ เริ่มจะคิดว่า คุณผึ้งเก่งจะเล่นไม่เลิกแฮะ  คห ที่ 43 นั่นจะไปพาดพิงทำไมให้เรื่องยาวอีก จบไม่ดีกว่าหรือคุณ คนเราต่างการอบรมเลี้ยงดู ต่างจิตต่างใจ จะให้คนอื่นมาคิดเหมือนเราทุกคน มันเป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ นิ้วมือเรายังไม่เท่ากันเลย นับประสาอะไรกับความคิดจิตใจของมนุษย์ล่ะนะ จากคุณ : แม่น้องเบนส์ เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 55 17:18:13

ความคิดเห็นที่ 47 ปล. สงสัยอีกนิดคะว่า ถ้าคุณเลือกเป็นกะ..รี่ก็แล้ว เย็บจิมิก็แล้ว แล้วต่อมาอีกหลายปี สามีคุณก็นอกใจอีกละ คุณจะยอมเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เป็น "Superกะ..รี่" ไหมคะ ถ้าผู้หญิงเข้าใจว่าต้องทำเหมือนคำถามข้างบนนี้เย็บสักร้อยครั้งจึงจะอยู่เป็นผัวเมียกันได้ตลอดรอดฝั่ง ผิดเสียแล้วละครับ จากคุณ : อิสวาสุ เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 55 17:18:17 A:98.231.188.19 X: TicketID:105627

ความคิดเห็นที่ 48 ตอนแรกอิฉันก็ตามลิงค์ไปห้องชานเรือนอ่ะแหล่ะ อ่านแค่กระทู้ของคุณเสือน้อย จขกท. เดิม มันเยอะมากกกก เยอะในที่นี้คือหลายตอนแล้วแยกประเด็นออกไป ถ้าคนไม่ชอบตามอ่านอะไรยุ่งยากคงจะหยุดตั้งแต่กระทู้แรกแล้ว แต่ด้วยความอยากรู้ อิฉันก็อ่านกระทู้คุณเสือน้อยจนหมด จึงตอบแบบข้างบน แต่เพิ่งมาได้อ่านกระทู้ของคุณผึ้งเก่งที่แตกประเด็นในห้องชานเรือน ขออีกสักหนึ่งความเห็นละกันนะ เอาตรงๆ เลยนะ  เราว่าคุณเป็นผู้หญิงมั่นและชอบที่จะยืนบนขาตัวเอง จะเห็นต่างจากคุณเสือน้อย จขกท.ต้นเรื่อง  ก็ไม่ได้แปลกอะไรนี่คะ  แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณเสือน้อยเธอไม่มั่น และยอมเป็นเบี้ยล่างตลอดนะ ดูเธอก็มั่นในแบบของเธอทีเดียวล่ะ คนในโลกนี้ มันก็มีแค่นี้ เห็นคล้ายกัน กับเห็นต่างกัน เพราะเราเติบโตและถูกหล่อหลอมมาไม่เหมือนกัน พ่อแม่เดียวกันลูกยังนิสัยไม่เหมือนกันเลย การที่คุณผึ้งเก่งลากประเด็นมาห้องไกลบ้าน คุณย่อมรู้แนวของสาวๆ ไกลบ้านดีระดับหนึ่งว่า เป็นแนวสาวมั่น จะมั่นโดยนิสัยส่วนตัว หรือสภาพแวดล้อม หรืออะไรก็แล้วแต่ แต่คือไปในแนวของคุณว่างั้นเหอะ คุณถึงเลือกลากกระทู้โน้นมายังที่นี่ เพื่อหาแนวร่วม เพราะห้องชานเรือนต่างก็เข้าใจคุณเสือน้อยเป็นส่วนมาก จริงๆ การเห็นต่างไม่ใช่เรื่องแปลกของเวบบอร์ด ถ้าคุณเห็นต่างในกระทู้โน้น จัดเต็มไปเลยแบบคุณ Queen of heart ก็จบในกระทู้เลย ถกกันไปเลยเห็นๆ ไม่ต้องลากไปไกล  เพราะพอลากมาแล้ว มันส่อเจตนานะคะ ที่ว่าส่อเจตนาก็ดูจากการที่คุณใช้คำพูดต่างๆ เช่น  "ถ้าคุณเลือกเป็นกะ..รี่ก็แล้ว  เย็บจิมิก็ล้ว  แล้วต่อมาอีกหลายปี  สามีคุณก็นอกใจอีกละ  คุณจะยอมเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เป็น  "Superกะ..รี่"   ไหมคะ"     คือคุณเอาเรื่องของเขามาขยายต่อ โดยเอามาแค่ประเด็นด้านเดียว แต่เหตุผลที่มาของเรื่องเขา คนอื่นไม่รู้ ดังนั้นผลที่ได้ก็ต้องตอบแค่ที่ถาม    ถ้าไม่ลากเรื่องใครมา มันก็จะกลายเป็นแค่คำถามที่คุณอยากรู้ แล้วคุณจะได้รู้  แต่ถ้าลากเรื่องเขามา แล้วาถามแค่ส่วนเดียว เล่นประเด็นที่คุณไม่เห็นด้วย อิฉันก็ว่าไม่ค่อยแฟร์เท่าไหร่  เพราะเขาแชร์เรื่องส่วนตัวของเขากับกลุ่มที่เขาคุยกันเป็นประจำ ที่มีลักษณะสภาพแวดล้อมคล้ายกัน   แต่ถ้าใครได้อ่านกระทู้ต้นเรื่องจนจบ แล้วไม่เห็นด้วยกับคุณเสือน้อย เช่นคุณ คห. 1  มันก็ไม่แปลกอีก อ่านคห.  1  แล้วอิฉันก็ยังอยากให้มีผู้ชายแบบนี้ที่เข้าใจผู้หญิงอย่างเราอยู่ในโลกนี้เยอะๆ เสียด้วยซ้ำ ถ้าอ่านแค่กระทู้ที่คุณนำเสนอ แล้วไม่ไปตามอ่านกระทู้ต้นเรื่องต่อ อ่านแค่หัวกระทู้นี้ ก็จะตอบได้ว่า ถ้ามีผู้ชายเฮงซวยสักคนมันนอกใจ อิฉันคงไม่เก็บไว้ทำพันธ์อีกแล้ว เรื่องต้องมาลงทุนเย็บจิมิ๊ของตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า เพื่อให้ผู้ชายเฮงซวยคนหนึ่งกลับมาอยู่กับอิฉันน่ะเหรอ ฝันไปเหอะ  ที่จิมิ๊เปิดกว้างน่ะเพราะใครทำ  คือสารถูกชี้นำมาเสนอมาให้แนวนี้แล้ว  ก็ต้องตอบไปแบบนี้ ที่คุณบอกว่า ผู้หญิงต่างแดนมักแนะนำให้หางานทำ ยืนให้ได้ด้วยตัวเอง  คือมันเป็นเรื่องดีที่ต้องแนะนำกันแบบนี้ เพราะว่า เราไม่ได้อยู่เมืองไทย ภาษาก็ไม่ใช่ภาษาเรา ถ้าเราช่วยตัวเองไม่ได้ เกิดปั๋วทิ้งอีก ใครจะช่วยเรา ส่วนมากหากเกิดเรื่องจริงๆ ก็คือต้องกลับบ้านเกิดอ่ะนะ  มันมีเงื่อนไขต่างจากคนอยู่เมืองไทยซึ่งเอาไปเปรียบเทียบกัน ว่าต้องแบบนี้ ไม่ควรแบบนั้น มันก็ไม่ได้ คนอยู่เมืองนอก ใช่ว่าอยากจะดิ้นรนทุกคน แต่สถานการณ์มันบังคับ หลายคนมาอยู่อายุเยอะแล้ว ต้องไปเริ่มนับ 0 ใหม่ มันลำบากมากเลย ไปเรียนภาษาใหม่ ได้หน้าลืมหลัง  ปั๋วเลี้ยงสบายๆ แบบเป็นแม่บ้านเฉยๆ ก็อยู่ไม่ค่อยสุขอีก เพราะชินกับการที่เคยทำงาน กับการมีสังคม เคยทำงานมาตลอดชีวิตให้มาอยู่เฉยๆ จะบ้าเอานะ แต่ถ้าอยู่เมืองไทย มันก็ลั้ลลามีอะไรให้ทำเยอะแยะ   เพื่อนเอย ครอบครัวเอย ท่องเที่ยวเอย สารพัด เหมือนกับว่าคุณพยายามนำเสนอว่าอย่าเป็นแม่บ้านเลย อย่ามานั่งเป็นช้างเท้าหลังเลย ลุกขึ้นมาช่วยตัวเองดีกว่า  ความคิดดีค่ะ แต่อาจนำเสนอไม่ถูกจังหวะ ดันไปลากเรื่องคนอื่นมาเป็นตัวอย่าง ซึ่งต้นเรื่องเขาไม่ได้แนวยอมๆๆ ยอมแล้วยอมอีก แต่ที่ยอมเขามีเหตุผลที่มาอันควร แม่บ้านที่เสียสละตัวเองออกจากงานไปเลี้ยงลูกก็ถือว่าเป็นแกนนำสำคัญให้กับพ่อบ้านเหมือนกัน ถ้าเราผู้หญิงมองบทบาทของการเป็นแม่บ้านต่ำต้อยด้อยค่า จะให้ใครมามองเห็น  ผู้ชายหลายคนประสบความสำเร็จเพราะว่าได้หลังบ้านดี คอยส่งเสริมให้เขาทำงานสำเร็จมาแล้วนับไม่ถ้วน ส่วนเรื่องเย็บจิมิ๊  ใครจะเย็บเพราะเรื่องอะไร อิฉันเห็นว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของคนนั้นค่ะ ตอนคลอดลูกแล้วมันฉีกขาดมากๆ เขาต้องเย็บกันไม๊คะ  อันนี้ถามผู้ที่เคย เพราะอิฉันไม่เคยมีลูก ถ้ามีตอนนี้คงไม่มีแรงเบ่งแล้วอ่ะ อิฉันมองเรื่องเย็บจิมิ๊เป็นเรื่องศัลยกรรมอย่างหนึ่ง ประหนึ่งคุณทำจมูก เอาเข้า เอาออก  กรีดตาสองชั้น ดูดไขมัน  ดึงหน้่า ทำนม เหลากราม  ทำลักยิ้ม ฯลฯ  อะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้ร่างกายเจ็บ อิฉันมองว่าเหมือนกันหมด จุดประสงค์ไม่ต่างกันหรอก เพื่อความงาม งามแล้วเพื่ออะไร เพื่อใคร ฯลฯ  ขึ้นอยู่ความอยากทำ ความกล้าเสี่ยง และเงินในกระเป๋า พูดอย่างนี้ ตัวเองไม่กล้าทำนะ อยากกรีดให้ตาโตมั่งยังไม่กล้าเลย กลัวเจ็บ ตอนนี้ตาก็เล็กล๊ง เล็กลง เพราะมวลในร่างกายเยอะขึ้น ทำให้ตาตี่ลง 55555 (ก็อ้วนน่ะแหล่ะ) พิมพ์ไปแบบนี้ คุณผึ้งเก่งอย่าเคืองอิฉันนะ แค่อยากสะท้อนให้เห็นอีกด้านเท่านั้นเอง ว่าคนเราไม่เหมือนกัน คนเก่ง คนมั่น ใครคิดว่าตัวเองทำดีแล้วก็ทำไป แล้วคนที่เขาไม่ได้อยู่สภาวะเหมือนเรา เขาก็มีทางเลือกแก้ปัญหาในแบบของเขา ซึ่งมันก็ไม่ได้แปลกอะไร ถ้าเขาทำแล้วเขาประสบความสำเร็จ มีความสุขกับมัน เพราะคนเราความต้องการต่างกัน ปัจจัยแวดล้อมต่างกัน จากคุณ : ก๋าสะลองเงิน เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 55 19:16:26

ความคิดเห็นที่ 49 ตัวเราไม่เต็มใจที่จะทำ แล้วไปหมิ่นพฤติกรรมผู้อื่น ดัง กะ..รี่ มันก็ไม่ดีนะคะ คนเรา ต่างจิต ต่างใจ ต่ามมุมมอง ต่างความเชื่อกันค่ะ ......... ส่วนตัวฉันเห็นด้วย ว่าผู้หญิงไม่ควรจะต้องทำอะไรเพื่อเอาใจสามี(โดยเฉพาะเรื่องรูปโฉม) ขนาดนั้น ฉันไม่ทำแน่นอนค่ะ แต่งงานครั้งแรกกับชายไทย ต้องเลิกก็เพราะเขาไม่พอใจกับความไม่เอ็กอึ๋มของฉัน ฉันแต่งงานใหม่กับฝรั่ง ที่เขาไม่เห็นความสำคัญกับรูปร่าง ผอมแห้ง ไม่รู้ไหนข้างหน้า ไหนข้างหลัง (เพราะแบนเสมอกัน) ก็อยู่กันมาได้ตั้งหลายปีจนบัดนี้ และฉันก็มั่นใจว่าเขาจะไม่นอกใจเพราะฉันไม่เอ็กอึ๋ม จากคุณ : ......... เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 55 19:57:09 A:91.57.123.220 X: TicketID:332795

ความคิดเห็นที่ 50 คือเราเองก็เป็นผู้หญิงมั่นเหมือนเจ้าของกระทู้ และคิดว่าผู้หญิงควรมีศักดิ์ศรีและพึ่งตัวเองได้เหมือนกัน แต่เท่าที่เราได้ตามอ่านกระทู้ของคุณเจ้าเสือน้อย ทุกเรื่องราว รวมทั้งทุกคอมเมนต์ และที่คุณเจ้าเสือน้อยมาตอบคำถามเพิ่มความกระจ่าง เราว่าสิ่งที่คุณเจ้าเสือน้อยทำเป็นสิ่งที่น่ายกย่อง ถือว่าเป็นการเสียสละครั้งยิ่งใหญ่จริงๆ เราชื่นชมที่คุณเจ้าเสือน้อยทำได้ และประสบความสำเร็จในการรักษาครอบครัวเอาไว้ ลูกทั้ง 3 ของคุณเจ้าเสือน้อย คงจะต้องขอบคุณแม่มากๆเลยนะคะ จากคุณ : Love@Home เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 55 20:30:54

ความคิดเห็นที่ 51 กลับมาอ่าน ความเห็นของ จขกท.ใน คห.43 ขอบอกว่า ฉันเห็นด้วยกับคุณทุกอย่างค่ะ แต่...... เราควรใช้กับตัวเรา ชีวิตของเราเอง ตัวฉันดำเนินชีวิตของฉันมา แบบที่ จขกท. เขียนแทบจะเป๊ะทุกอย่าง ฉันภูมิใจกับตัวฉัน แต่ฉันไม่เคยคิดว่า คนอื่นที่ไม่ทำเหมือนฉัน เขาไม่มีความน่าภูมิใจกับชีวิตของเขาเลยค่ะ ทุกคนเขาเลือกทำในสิ่งที่เขาพอใจ ทำแล้วชีวิตเขามีความสุข เขาก็ภูมิใจกับสิ่งที่เขาทำนะคะ ไม่ว่าจะแต่งจะเสริม ไม่ว่าจะเอาอกเอาใจสามีแบบไหน เพราะทุกคู่สามีภรรยา เขาย่อมรู้ดีว่า ต้องทำอย่างไร ชีวิตคู่ของเขาจะอยู่ยืนนาน ไม่มีใครอยากแต่งงานแล้วเลิกโดยแฉพาะ ผู้หญิง ฉันเองพูดได้เต็มปากว่า ฉันไม่เคยดูแลแต่งเนื้อแต่งตัว ไม่บริการข้าวปลาอาหาร งานบ้านงานเรือน นั่นไม่ได้แปลว่าฉันไม่เอาใจใส่สามี แต่เพราะฉันรู้ไงว่า ทำแบบนั้นสามีฉันเขาไม่ชอบ ดั้งแบนๆ อกแฟบๆ ฉันก็ปล่อยให้เป็นแบบนั้น เพราะรู้ไงว่า ขืนไปทำ สามีโกรธ ผู้หญิง ใครจะไม่อยากสวยอย่างงาม แต่ฉันไม่อยากขัดใจสามีค่ะ เพราะเขาเลือกฉันเป็นภรรยาเพราะฉันเป็นแบบนี้อยู่แล้ว ถ้าสามีเขาอยากได้แบบสวยใส เอาใจเก่ง เป็นแม่บ้านแม่เรือน เขาก็ผู้หญิงแบบนั้นแต่งงานไปแล้ว ส่วนเรื่องการมาอยู่ต่างแดน ฉันก็เห็นด้วยว่า ไม่ใช่หน้ามี่ใครจะไปบอกให้ใครต้องหางานทำ ต้องขยัน ยืนด้วยลำแข้ง อย่าเอาแต่ขี้เกียจ รอแต่สามีเลี้ยง เพราะชีวิตคู่ของแต่ละคู่มันไม่ได้เหมือนกัน ฉันเองก็ไม่ทำงาน เพราะเราเห็นพ้องกันว่า ไม่จำเป็นกับชีวิตเรา ทำเพียงคนเดียวก็พอกินพอใช้ไม่ลำบาก เพราะเราคิดว่า หากต่างคนต่างออกไปทำงาน มันก็จะเกิดปัญหาในเรื่องของงานบ้าน ต่างคนต่างเหนื่อยต่างเครียดจากการทำงาน กลับมาบ้านยังต้องมาทำงานบ้าน เดี๋ยวก็เถียงกันทะเลาะกัน คู่ของฉันเราคิดกันแบบนี้ ไม่ใช่หน้าที่ของคนอื่นต้องมาวุ่นวายกับชีวิตฉัน สรุป ชีวิตคู่ มันเป็นเรื่องของคนสองคนเขาจะปรับตัวเพื่ออยู่ร่วมกัน ถ้าไม่คิดจะปรับก็อย่าคิดแต่งงานเลย มันสาวมั่น อยู่คนเดียว ใช้ชีวิตคนเดียวไปตลอดชีวิตเถอะ ....... จากคุณ : ........ เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 55 21:49:23 A:91.57.123.220 X: TicketID:332795

ความคิดเห็นที่ 52 เราอ่านกระทู้ของคุณเสือน้อยจนจบ เข้าใจเหตุและผลที่เธอทำ ถึงแม้ว่าเราอาจจะคิดตรงข้ามกับเธอ แต่เราก็นับถือน้ำใจอย่างว่า ก่อนที่เธอจะโทษคนอื่น เธอเลือกที่จะหันกลับมาดูข้อบกพร่องตัวเอง จะมีสักกี่คนที่ผัวไปมีชู้ แล้วเลือกที่จะหันมาดูว่าตัวเองพลาดอะไรไปเขาถึงได้ไปมีน้อย ส่วนใหญ่ก็จะคิดไปก่อนว่าผัวมันแย่ มันเลว มันไม่รู้จักพอ อิผู้หญิงคนนั้นมันร่าน มันแรด หน้าไม่อาย สามีคุณเสือน้อยเคยเป็นผู้ชายที่เป็นแฟมิลี่แมนคนหนึ่ง  เขารักกันมาเป็นสิบปี  จนกระทั่งมีลูกที่ทำให้คุณเสือน้อยละเลยมองข้ามความเป็นเมียไป  แต่ไปเต็มเติมหน้าที่ของความเป็นแม่อย่างเต็มเปี่ยม สามีเธอก็รักลูกมาก ทำทุกอย่างเพื่อลูก ช่วยเหลือดูแลลูก  แต่จากคนที่เคยสำคัญพอมาวันหนึ่งถูกลดความสำคัญ เมียไม่เอาใจใส่ ไม่มีเซกส์ด้วย และบังเอิญได้ไปเจออะไรที่มันตรงข้าม ผู้หญิงอีกคนที่เอาอกเอาใจ พยายาม(แสร้ง)เข้าใจเขาทุกอย่าง จนเขารู้สึกว่ามันมีที่อีกที่ ที่อยู่แล้วอบอุ่นสบายใจ เราก็คิดนะว่าสามีคุณเสือน้อยเนี่ยแย่มากๆ คิดถึงแต่ตัวเอง ไม่คิดเลยว่าเมียจะทุกข์แค่ไหน แต่ในเมื่อคุณเสือน้อยมองต้นเหตุว่าเป็นเพราะเขาส่วนหนึ่งที่เคยละเลยอะไรไป ถึงพยายามที่จะถอดศักดิ์ศรีและทิฐิต่างๆเพื่อรั้งสามีที่เคยดี พ่อที่น่ารักของลูกๆไว้ เราอ่ะถ้าผัวไปมีน้อย เราไม่ยากที่จะบอกเลิก เราคิดแบบนี้ได้ง่ายๆ เพราะมันยังไม่เกิดขึ้นกับเรา เรายังไม่มีลูกด้วยกัน อายุเรายังน้อย เรื่องอะไรเราจะมาจมอยู่ในความเศร้า แต่กลับกันถ้ามันเกิดขึ้นมาจริงๆ แล้วมีลูกด้วยกันตั้ง3คน ลูกยังเล็กๆและต้องการพ่อ สามีอยู่กันมาเป็นสิบปีไม่เคยชั่ว ไม่เคยเลวให้เมียเสียใจ  แต่มาดีแตกเข้าในวันหนึ่ง เราเองก็ไม่รู้นะว่าเตะสามีเฮงซวยออกไปจากชีวิตได้ง่ายๆไหม คำว่าครอบครัวถ้าเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง ถือดีว่าตัวเก่ง ไม่ให้เกียรติ ไม่ไว้หน้า ไม่ซื่อสัตย์ ไม่ดูแล มันก็อยู่กันไม่รอดหรอก ดังนั้นครอบครัวใครครอบครัวมัน อย่าได้เอาความคิดคุณไปตัดสินการกระทำคนอื่น เพราะคุณไม่ได้รู้จักเขาดีพอ อีกอย่างเราชอบเหตุผลที่คุณเสือน้อยให้ไว้ว่า  ถึงเขาจะเลิกกับสามีไป ถ้าเขาไปมีแฟนใหม่ เขาก็ยังต้องเอาใจผู้ชายคนใหม่อยู่ดี แล้วผู้ชายคนนั้นจะรักลูกเขาได้เหมือนพ่อแท้ๆไหม  อะไรราวๆนี้ เราถึงคิดไงว่าเธอไม่ได้คิดถึงแค่ตัวเอง แต่คิดถึงลูกเหนือสิ่งอื่นใด พ่อแม่น่ะมีลูกกี่คนกับใครก็ได้ แต่ลูกน่ะมีพ่อแม่แท้ๆได้แค่คนเดียว และสิ่งที่เธอทำผลดีมันก็สะท้อนกลับไปหาเธอเอง ได้ปรับปรุงตัว ใส่ใจสนใจตัวเอง ไม่อยู่เป็นของตาย ต่อให้ผัวไม่เหลียวแล แต่มันก็ยังสร้างความมั่นใจให้เธอ ให้รู้สึกว่าเธอได้ทำอะไรบ้าง ไม่ใช่ยังเป็นยายเฉิ่ม ยายแก่นมยานอยู่บ้าน ไม่ทำอะไรนอกจากโวยวายว่าผัวมันชั่ว มันไปหาสาวเอ๊าะๆ การที่คุณลากเรื่องคุณเสือน้อยมาร่วมให้คนอื่นวิจารณ์ เราว่ามันไม่แฟร์เลย มันสนุกนะคุยเรื่องคนอื่นๆเนี่ย แต่คิดไม๊ว่าถ้าคนที่อ่านแค่หัวกระทู้ ไม่ได้ไปอ่านตั้งแต่ต้นจนจบ เขาจะเข้าใจไปแบบไหน แล้วใครที่ดูติดลบ เสียงตัวเองมันดังไม่พอหรอคะ ถึงพยายามให้คนอื่นมาร่วมตี ???? จากคุณ : จะเอาอะไรกับลมปาก เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 55 21:52:36

ความคิดเห็นที่ 53 มาจากห้องชานเรีอน ตอบแบบชานเรีอน แต่เข้ามาตอบในไกลบ้าน ก็ขอตอบแบบชาวไกลบ้าน บริบทของสังคมไทยกับสังคมต่างประเทศโดยเฉพาะตะวันตกไม่เหมือนกัน สังคมไทยสอนผู้หญิงอย่างหนี่งคือคำว่ารักนวลสนวนตัว การมีเซ็กส์เป็นเรื่องน่าอายน่ารังเกียจ ผู้หญิงที่ชอบเซ็กส์ เป็นผู้หญิงร่าน มีแฟนแล้วมีอะไรกับแฟนหลายๆ คนอาจจะเปลี่ยนเพราะผู้ชายไม่ดีหรือไปกันไม่ได้ เป็นผู้หญิงแรดใจแตก ทุกวันนี้แม่ดิฉันยังบอกดิฉันว่าเรื่องเซ็กส์เป็นเรื่องน่ารังเกียจอยู่เลย  ยังแนะนำดิฉันว่าห้ามมีเซ็กส์บ่อย ๆ (งง แล้วจะให้แต่งงานไปทำไม) ส่วนผู้ชายต้องหาผู้หญิงดี ๆ มาเป็นแม่ของลูก ถ้าแต่งงานกับผู้หญิงที่ไม่เคยผ่านผู้ชายเป็นความโชคดี ผู้หญิงที่เก่งเรื่องบนเตียงเป็นผู้หญิงร่านไม่น่าจะเอามาเป็นแม่ของลูก ดังนั้นการแต่งงานกับผู้หญิงผู้ชายไทย ผู้ชายธรรมดาจะชอบมีเซ็กส์แต่ผู้หญิงเห็นว่าเซ็กส์เป็นเรื่องน่าอาย การขอมีเซ็กส์ก่อนเป็นเรื่องร่าน  การที่เรียกร้องเรื่องบนเตียงเป็นสิ่งไม่สมควร การมีเซ็กส์เป็นหน้าที่ของภรรยา ไม่ใช่เรื่องสนุกระหว่างคน2คน จากกระทู้แม่เสีอน้อย และผู้หญิงไทยหลาย ๆ คนแต่งงานไปก็เป็นแบบนั้นทุกราย คือผู้หญิงไม่ชอบการมีเซ็กส์ ผู้ชายชอบผู้หญิงที่เห็นเซ็กส์เป็นเรื่องน่าอาย(ออกจะภูมิใจได้ผู้หญิงดีทำเมีย) พอแต่งงานไปนาน ๆ ความภูมิใจมันก็หายไป เป็นความยากมากขี้น แต่ผู้หญิงอายที่จะมีเรื่องนั้น มันจีงเป็นปัญหาครอบครัว มันเป็นปัญหาผู้ชายมีกิ๊ก เพราะผู้หญิงอายและเกลียดการมีเซ็กส์ แต่กับสังคมฝรั่งนะ การที่แต่งงานกับผู้หญิงเก่งเรื่องบนเตียงเป็นกำไรชีวิต ดังนั้นสังคมไทยมันเอาไปวัดกับสังคมตะวันตกไม่ได้ค่ะ บริบทมันไม่เหมือนกัน  มันไม่เกียวกับผู้หญิงยีนด้วยตัวเองไม่ได้ เราว่าครอบครัว(พ่อแม่) ของแม่เสีอน้อยต้องมีเงินพอสมควรไม่นั้นคงไม่ได้แต่งงานกับคนมีเงินส่งลูกไปเรียนต่างประเทศตั้งแต่เด็ก สังคมไทยมีระบบทางสังคม ถ้าเธอเลิกกับสามีเราเชี่อว่าพ่อแม่เธอ หาทางลงทุนให้เธอได้ ไม่เดือดร้อน แต่เรื่องนี้มันเอาไปเปรียบกับบริบทสังคมฝรั่งไม่ได้ ถ้าสังคมฝรั่งคนไม่ชอบมีเซ็กส์ ไม่ชอบดูแลซี่งกันและกัน  เขาก็จะมีวิธีของเขา อยากมีลูกเขาก็จะมีวิธีไม่ต้องมาทนแต่งงาน แต่เรื่องทำรีแพร์ดีฉันไม่มีความเห็นค่ะ แค่เห็นแค่ดีที่มีเซ็กส์และเปิดใจเรื่องเซ็กส์และหันมาดูแลสามีเป็นเรื่องที่ดี ปล อ่านกระทู้ดี ๆ สามีของเจ้าของกระทู้เขายังไม่ได้บอกสามีด้วยว่าไปทำอะไรมา แค่งดภาระกิจ โกหกสามีว่าท่อปัสวะอับเสบ แสดงว่าสามีเขาไม่ได้ขอให้ไปทำ แค่เขาคงอยากทำอะไรดี ๆ ให้สามีแค่นั้นเอง แก้ไขเมื่อ 21 ม.ค. 55 01:58:21 จากคุณ : มนชิจัง เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 55 01:41:37

ความคิดเห็นที่ 54 อ่านมาคร่าวๆ นับถือและชื่นชมแนวคิดของคุณเสือน้อยนะ ที่เธอคิดว่าตนเองบกพร่องอะไรบ้าง หาทางแก้ปัญหา ลงมือทำ แม้จะต่างจากแนวคิดของตัวดิฉันเองก็เถอะ ถ้าพยายามดึงรั้งจนสุดๆ แล้วมันเอาไม่อยู่ ตัวคุณเสือน้อยจะรู้เอง และก็คงเลิกไปได้เอง แต่ไม่อยากให้คิดสั้นอีก ถ้าหากคิดว่าทำเพื่อลูกนะ ต้องอยู่เพื่อพวกเขาสิ จากคุณ : Benim เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 55 03:40:08

ความคิดเห็นที่ 55 สำหรับเราคิดว่า จขกท.โน้น น่าชื่นชม และกล้าหาญมาก ที่ยอมรับข้อบกพร่องของตัวเอง และแก้ไขมัน จะหาคนซักเท่าใหร่กันที่ ยอมรับว่าตัวเองไม่ดี มีแต่บอกว่า คนอื่นผิดทั้งนั้น แต่เรื่องของจขกท.นู้นนั้น ทั้งสองคนเป็นคนผิด และทั้งสองคนอีกนั่นแหละที่ยอมรับและกลับมาอยู่ด้วยกัน นั่นคือการปรับตัวเข้าหากันของสามีภรรยา คู่ไหน ตัดสินใจอย่างไร พวกเราเองคนนอก พูดไม่ได้ว่า ผิด ไม่ผิด ควร หรือไม่ควร เพราะมันมีเหตุปัจจัยอีกหลายอย่าง ที่เป็นเงื่อนไข จขกท.โน้น เค้าคิด ทบทวนดูแล้ว ว่า มันคุ้มที่จะทำ เค้าถึงทำ เค้าให้แง่คิดว่า ถึงแม้เลิกไป เค้าเองก็คงอยากมีคนคู่ใจใหม่ และคงต้องเอาใจคนใหม่เช่นกัน แล้วไซร้ มาปรับปรุงตัวเอง เอาใจคนเก่า ผู้ซึ่งเป็นสามีของลูกไม่ดีกว่าเหรอ ซึ่งตอนจบมันก็มีแต่ได้กับได้ เพราะเค้าประเมินแล้วว่า มันมีเหตุ สามีเค้าถึงเปลี่ยนไปจากคนที่รักครอบครัวมาก แต่ถ้าสามีใคร นิสัยไม่ดีแต่เดิมแล้ว งานนี้ ก็เลิกกับเลิกน่าจะคุ้มกว่าค่ะ จากคุณ : น้องอาย เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 55 09:52:01 A:98.248.181.235 X: TicketID:345103

ความคิดเห็นที่ 56 สุดโต่งไปด้านใดด้านหนึ่งเลยก็ไม่ดี -ประเภทที่ว่าฉันเก่ง ฉันเลี้ยงตัวเองได้ ไม่ปรับตัวเข้าหา คนอื่น ไม่ยอมมองหาข้อบกพร่องของตัวเอง นั่นไม่ได้เรียก มี self esteem แต่เป็น ego มากกว่า หรืออาจเป็นพวก Narcissistic personality disorder -ประเภทที่ว่าฉันต้องทำงานอย่างเดียว เป็น working mom ไม่งั้นเสียศักดิ์ศรี ลดคุณค่าตัวเอง ไม่ยอมเลี้ยงลูก อยู่บ้าน ไม่ยอมดูแลลูก เอาลูกไปจ้างคนอื่นเลี้ยงตลอด นั่นเค้าเรียกเห็นแก่ตัว อย่ามีลูกเลยดีกว่า -ประเภทที่ว่าฉันต้องยอมสามีทุกอย่าง เอาใจสามี รองมือ รองเท้า กลัวเค้าไปมีคนอื่น ต้องหาทางทำทุกอย่างเพื่อให้ เค้าอยู่กับเรา อันนั้นก็ low self esteem สรุปว่าอย่าสุดโต่งค่ะ ทุกอย่างเดินทางสายกลางดีที่สุด มองตัวเองด้วย และไม่ยอมทำทุกอย่างจนเสียความเป็นตัว ของตัวเองเกินไปนัก ใช้ชีวิตอยู่ด้วยความรอบคอบ แต่ต้อง มีความรับผิดชอบต่อครอบครัว มันยาก แต่เป็นไปได้ค่ะ จากคุณ : chilla เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 55 15:31:05

ความคิดเห็นที่ 57 จะไปยุ่งกับเขาทำไม เขาจะทำรีแพร์ ผ่าจิ๊มิ๊ หรืออะไร เค้าก็ทำของๆเค้า ไม่ได้เอาของคุณไปผ่าแทนเสียหน่อย จะบอกให้นะคะ ที่อังกฤษน่ะ ไม่ว่าจะworking women หรือ แม่บ้าน เค้าไม่มานั่งเหยียดหยาม กระแทกแดกดันว่า ชั้นเก่งกว่าหาเงินได้หรอกค่ะ ที่ดิฉันเห็นมีแต่พวกแม่ๆจะมาอวดลูกกัน แม่แฟนดิฉันนี่แหละลาออกข้าราชการชั้นสูงที่อังกฤษมาดูแลลุกสามคน และลุกเค้าทั้งสามคนก็เป็นคนดี จากการที่ดิฉันไปอยู่บ้านแฟนมาดิฉันรู้สึกเลยว่า ครอบครัวเค้าอบอุ่นเพราะ แม่แฟนเป็นคนดี เสียสละ และเกิดมาเป็นแม่คนจริงๆ คุณอาจจะแฮปปี้มีความสุขกับตำแหน่งงาน เงินเดือนสูงๆ อีโก้ของคุณที่คุณอุปมาเอาเองว่าคุณนี่เก่งกว่าคนอื่น แต่ ผญ หลายๆคน เค้าก็อาจจะแค่อยากดูแลลูกดูแลสามีและครอบครัว และเขาก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันหนักหนาเกินไปกับการทำเพื่อครอบครัว จะตั้งกระทู้ซ้ำๆมากมายเพื่ออะไร คุณก็คงเห็นแล้วนะว่าคนส่วนใหญ่ เค้ามองออกว่าคุณ ตั้งกระทู้ว่าเพื่อแดกดันคุณแม่เสือน้อย เลิกเถอะค่ะ บ้านใครก็บ้านมัน สามีคุณ ไม่ใช่สามีของคุณแม่เสือน้อย มันคนละเคส คนละกรณี คนละคน ไม่ต้องไปถามใครเค้าหรอก ถ้าผัวเธอเจ้าชู้เธอจะเลิกไหม จะไปยุ่งอะไรกับเขาไม่ทราบคุณจะเอาตัวคุณ สามีคุณ มาเป็นกฏเกณฑ์วัดคนทั้งโลกเลยหรือ เอาความผิดพลาดครั้งเดียวของคนๆนึงมาตัดสินเขาว่าเขาเลว ใจแคบไปไหมคุณ ผัวตัวเองก็ไม่ใช่ ขออภัยที่บางคำไม่สุภาพ จากคุณ : venusian เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 55 15:47:19

ความคิดเห็นที่ 58 ยังไงก็ไม่เลิกค่า! ชีวิตครอบครัวต้องรู้จักคำว่าให้อภัย เมื่อชั่งตวงวัดแล้วสามีมีข้อดีมากกว่าไม่ดีเราก้อขอรักษาความเป็นครอบครัวไว้ค่ะ^^ แต่ถ้าคุณผู้หญิงท่านใดรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ยอมไม่ได้ ต้องเลิกสถานเดียว อันนี้เราก็เคารพในการตัดสินใจของพวกคุณทุกคนนะคะ เราทุกคนต่างก็มีเหตุผลเป็นของตัวเอง ดังนั้นตัวเราจึงไม่เคยเอาบรรทัดฐานของตัวเองมาตัดสินชีวิตคนอื่นค่ะ และก็ไม่อยากให้คุณผู้หญิงที่เลือกที่จะเลิกกับสามีแทนที่จะรักษาประคับประครองชีวิตครอบครัวตัวเองไว้มาตั้งข้อตำหนิหรือต่อต้านการตัดสินใจของลูกผู้หญิงคนนึงที่เค้าเลือกที่จะแก้ไขตัวเองเพื่อรักษาสามีตัวเองไว้ เพราะเราคิดว่าเค้าคงพยายามจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุดก่อน หากสุดท้ายแล้วมันไม่มีอะไรดีขึ้น อย่างน้อยก็ถือว่าเธอคนนั้นได้ทำอย่างเต็มที่และดีที่สุดแล้วนะคะ :-) จากคุณ : เหมียวน้อยราตรี (เหมียวน้อยราตรี) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 55 18:57:44

ความคิดเห็นที่ 59 นั่งอ่านมานานแล้ว ขอแสดงความเห็นหน่อยนะคะ ส่วนตัวแล้วไม่ขอพูดเรื่องวิธีการแก้ปัญหาของเธอ(คุณเจ้าของกระทู้ต้นฉบับที่เป็นเจ้าของล็อกอินเสือน้อย) แต่จะขอแสดงความชื่นชมกับความพยายามแก้ปัญหาครอบครัวของเธอ อย่างน้อยเธอก็นึกถึงลูก ใช้สติแก้ปัญหาพยายามรักษาสถานะครอบครัวเพื่อลูก ไม่ใช่เอะอะอะไรก็เลิกสถานเดียวเพราะคิดว่าตัวเองมีความมั่นใจมากพอ ชีวิตครอบครัวมันเกี่ยวข้องกับคนสองคน ยิ่งถ้ามีลูก็มีคนเกี่ยวข้องอีกและเป็นคนที่ได้รับผลกระทบโดยตรง ในการแก้ปัญหาต้องค่อย ๆ ใช้สติและใจเย็น ถ้าใช้แต่อารมณ์รับรองว่าพังอย่างเดียว เมื่อมีคนเผลอใจผิดพลาดก็ควรจะพูดคุยกันและให้อภัยกันได้ คนที่ผิดพลาดถ้าเค้ารักลูกรักครอบครัว ต้องการรักษาสถานะครอบครัวไว้ ยังไงซะเค้าก็ต้องพยายามตั้งสติใหม่ เตือนสติตัวเองให้หันกลับมานึกถึงลูกและครอบครัวอยู่ดี นอกซะจากว่าเลวสุด ๆ ผิดแล้วผิดอีกซ้ำรอยเดิมนั่นแหละจึงจะถึงจุดที่แตกหักกัน ปล. อย่าลืมว่าสถิติการหย่าร้างในฝั่งตะวันตกมีอัตราสูงขึ้นเรื่อย ๆ ก็เพราะผู้หญิงมีความมั่นอกมั่นใจมากเกินไป(จริง ๆ ฝั่งนี้เค้าก็มั่นทั้งสองฝ่ายนะ เลยไม่แคร์กัน) คิดว่าตัวเองเก่งมากเกินไปจนลืมนึกถึงความรู้สึกของผลผลิตที่ตัวเองร่วมกันสร้างมานั่นก็คือ "ลูก" ฝั่งตะวันออกเราสถิติการหย่าร้างยังเป็นรองทางฝั่งตะวันตกอยู่ ก็อาจจะเพราะวัฒนธรรมของฝั่งเรายังสอนให้มีความอดทน ใจเย็นประณีประนอมกันอยู่น่ะ จากคุณ : ความเห็นส่วนตัวเฉย ๆ นะคะ.... (JC2002) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 55 22:04:19

ความคิดเห็นที่ 60 คุณเสือน้อย เธอตั้งสติและใช้ปัญญาในการแก้ปัญหา ได้อย่างตรงจุด สติ...ทำให้เธอมองเห็นปัญหา ซึ่งมันก็อยู่ที่ตัวเธอเองนั่นแหล่ะ และการเลือกที่ จะ"แก้"ที่ตัวเองก็ง่ายกว่าการไป"แก้"ที่คนอื่น สามีเธอก็ก่อความดีเกาะใจเธอกับลูกมาหลายปี แค่นี้ก็คุ้มที่จะปรับเปลี่ยนตัวแล้ว อีกอย่างเธอเน้นที่จะมองที่ปัจจุบัน ทำวันนี้ให้ดีก่อน หากวันข้างหน้าจะมีอะไรเปลี่ยนไป คิดว่าเธอก็คงทำใจกับมันได้เพราะได้พยายามปรับและแก้ไขที่ตัวเธอเองแล้ว การเลี้ยงลูกเองนี่ยิ่งกว่าทำงานเต็มเวลานะคะ ต้องตื่นตัวตลอดเวลาตั้งแต่คลอดจนลูก จะช่วยตัวเองได้ ถ้าใครไม่เคยเลี้ยงลูกเองเดี่ยวๆ ตัวต่อตัวอย่างต่ำ 24 ชม. ขึ้นไปถือว่า ขาดคุณสมบัติที่จะมาพูดว่า "อยู่บ้านเลี้ยงลูกสบาย" นะคะ   การสื่อสารกันก็สำคัญนะคะ แค่บอกว่าเข้าใจว่าเลี้ยงลูกเหนี่อย แต่ก็อย่าได้ลืมกัน เพราะลูกเดี๋ยวก็โตแล้วก็แยกครอบครัวไป แต่เรายังอยู่ด้วยกันอีกทั้งชีวิต... ก็อาจจะทำ ให้หลายๆคนฉุกคิดขึ้นได้ ดิฉันก็หนึ่งในนั้นค่ะ ***ยินดีไปกับคุณเสือน้อยเสือน้อยกับความสำเร็จค่ะ จากคุณ : แม่ขา เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 14:20:09

ความคิดเห็นที่ 61 Hillary ยังไม่เลิกกับ Bill Clinton เลยค่ะ คิดว่าเพราะอะไรคะ ไม่มี self esteem ไม่มีเงิน ไม่มีอนาคต หาแฟนใหม่ไม่ได้ ไม่มีที่ทางไป อายชาวบ้าน หรือคะ หุหุ จากคุณ : superkoy เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 15:47:30

ความคิดเห็นที่ 62 เสียใจนะ  ที่บอกในสิ่งดีๆ แล้วไม่ค่อยมีใครฟัง   =_= จากคุณ : ผึ้งเก่ง เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 21:07:56

ความคิดเห็นที่ 63 ^ ^ มีคนพยายามจะบอกมุมอื่นคุณเหมือนกัน ก็ตั้งหลายคน   ปาเข้าไป 61 comment แล้ว อิฉันเข้ามา 3-4 รอบแน่ะ    แต่ละรอบก็พิมพ์ยาวๆๆ (ใช้เวลานะนั่น) คุณก็ไม่มีทีท่าจะ เข้าใจแม้แต่น้อยเลยอ่ะ คือถ้าคุณยืนยันจะอยู่มุมนั้น ต่อให้กี่เสียงตะโกนมา คุณคงไม่เห็น   ดังนั้น ก็ไม่แปลกอะไร ที่คุณจะคิดคนอื่นเขาไม่ฟังคุณ จริงๆ ส่วนมากเขาเข้าใจประเด็นคุณทั้งนั้นแหล่ะ  เรื่องหญิงเก่ง หญิงมั่นน่ะ แล้วก็เรื่องที่เขาแนะนำให้ผู้หญิงเราลุกขึ้นมาช่วยเหลือตัวเองก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ มันมีมานานแล้ว ถ้าคุณอยากจะสื่อสารให้ได้ผลต้องเรียบเรียงแนวที่น่าสนใจ แยกประเด็นต่อยอดออกมา ให้ออกมาแนวนำเสนอหัวข้อที่คุณตั้งใจเสนอเอง แต่คุณลากเรื่องเขามาแตกประเด็นมันเริ่มต้นก็ไม่สวยแล้ว อีกอย่างที่คุณพิมพ์จาก note pad มาแปะ คุณก็ยังแปะทั้งสองกระทู้เหมือนกัน ทั้งๆ ที่คุณแปะห้องชานเรือนตอบคนที่มาออกความเห็น แล้วคุณก็มาแปะต่อห้องนี้ ข้อความเดียวกัน บางทีอ่านก็ยังงงเลย เอ จะแก้ไขทำไมไม่แก้ในเนื้อเดิม แล้วมา พูดต่อเหมือนพูดกับใคร เพิ่งเข้าใจตอนไปอ่านห้องชานเรือน เพราะบางข้อมูล คุณก็ตอบคนอื่นในกระทู้นั้น   อ่านกระทู้นี้แล้วยังไม่ต่อเนื่องกันเลย แต่ก็พอจับประเด็นได้ คนเข้าใจประเด็นคุณทั้งนั้นแหล่ะ แต่ทำไมผลออกมาเป็นแบบนี้  ถ้าคุณเปิดใจ ทำความเข้าใจที่เขาพิมพ์ๆ มา คุณจะเข้าใจมากขึ้น  คนเข้าใจประเด็นคุณในนี้ก็ไม่ได้หมายถึงว่าต้องเห็นไปกับแนวคิดของคุณนี่คะ   มุมมันมีตั้ง 360 องศาให้มอง แต่ในทางกลับกัน ประเด็นที่เขากล่าวคุณแทบไม่สนมันเลย อิฉันว่าตัวเองก็มั่นไม่น้อยหน้าใครนะ  เรื่องที่คุณนำเสนอ อิฉันเข้าใจ แต่ไม่เห็นด้วยเสียทั้งหมดก็เท่านั้นเอง   ไปล่ะค่ะ ว่าจะไม่พิมพ์เยอะแล้ว ยังเยอะอีกนะ จากคุณ : ก๋าสะลองเงิน เขียนเมื่อ : 23 ม.ค. 55 00:42:57

ความคิดเห็นที่ 64 ได้อ่านกระทู้คุณเสือน้อย เพราะตามลิ้งค์คุณหมอหนุ่มนักเรียนนอก มาจากเฟสบุ้คเรา จั่วหัวไว้ว่า คุณผู้หญิงควรอ่านแล้วนำมาใช้ในชีวิตครอบครัว ก็เลยคลิ๊กตามมาค่ะ ความคิดเห็นเรา สิ่งที่คุณเสือน้อยทำ ได้ผลตอบแทนมาคุ้มค่ามากๆค่ะ ถ้าเลิกไป ลูก 2 คนจะเป็นยังไง ขนาดเห็นแค่พ่อแม่ทะเลาะกันยังนั่งร้องไห้ ไป รร ตลอดทาง ถ้าคุณเจ้าขอกระทู้ใส่ความรู้สึกเห็นใจ กับลูกผู้หญิงด้วยกันก็จะดีไม่น้อยค่ะ ^ ^ จากคุณ : ดูดีเป็นที่สุด เขียนเมื่อ : 23 ม.ค. 55 15:33:50

ความคิดเห็นที่ 65 อ่านกระทู้มามีข้อคิดสองข้อ 1.สิ่งสำคัญของความรัก คือ การให้อภัยค่ะ ทุกคนผิดพลาดได้เสมอ ผิดครั้งแรกอภัยได้ แต่ครั้งต่อมาไม่ควรได้รับการให้อภัย ----สามีคุณเสือน้อยพึ่งทำผิดครั้งแรก 2.การที่พ่อแม่จะตัดสินใจอะไรลงไป อยากให้นึกถึงลูกเป็นหลักนะคะ ไม่ใช่จะเลิกท่าเดียว ไม่สนใจอะไรทั้งนั่น ฉันอยู่คนเดียวได้ เลี้ยงลูกคนเดียวได้ **ไม่มีลูกคนไหนอยากมีครอบครัวแตกแยกหรอกค่ะ** ----คุณเสือน้อยก็นึกถึงลูกเป็นหลักอยู่เสมอ ปล.FAMILY = Father And Mather I Love You. จะเป็น FAMILY ได้ยังไง ถ้าเหลือแค่ใครคนใดคนหนึ่ง จากคุณ : สถานีต่อไปคานทองนิเวศ เขียนเมื่อ : 23 ม.ค. 55 23:46:36

ความคิดเห็นที่ 66 อ่านกระทู้ของคุณทั้งสองห้อง เลยขอตอบจากใจคนที่อยู่ต่างแดนมากว่าครึ่งชีวิต และทำมาหากินเลี้ยงดูตัวเองด้วยความรู้สูงสุดเท่าที่ปริญญามีให้ว่า ถ้าเหตุการณ์ นี้เกิดขึ้นกับเรา เราก็จะทำอย่างคุณเสือน้อย แต่ก็จะให้โอกาสเพียงครั้งเดียวเท่า นั้น ดังนั้นคุณไม่ต้องเสียใจไปหรอกว่าทำไมคนถึงไม่ฟังไอ้สิ่งดีๆ ที่คุณพยายามบอก ว่าผู้หญิงควรเข้มแข็ง อย่าไปง้อผู้ชาย ให้ก้าวไปพร้อมกับผู้ชายอะไรทั้งหลายทั้ง แหล่ เขารู้กันทั้งนั้นแหละ เพียงแต่ว่าเขาไม่สุดโต่งจนคิดว่าคนที่ยอมเปลี่ยนตัวเอง เพื่อครอบครัว (ยกตัวอย่างคุณเสือน้อย) คือ คนที่ไม่มีทางไป แต่เขาเข้าใจใน ความหมายของคำว่าครอบครัว ที่บางครั้งมันก็ต้องมีการปรับเปลี่ยนเพื่อให้ความ เป็นครอบครัวคงอยู่ ซึ่งคุณก็ไม่ควรไปตัดสินว่าผู้หญิงที่เป็นแม่บ้านเลี้ยงดูลูก ไม่ดี เท่าผู้หญิงที่ทำงานเลี้ยงตัวเอง ไม่ง้อผู้ชาย นี่คือสิ่งที่หลายๆ คนพยายามบอกคุณ ให้เข้าใจเท่านั้นเอง จากคุณ : Saor เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 55 19:49:11

ความคิดเห็นที่ 67 จขกท เก่งจริงเหรอครับ มีใครบอก หรือคิดไปเองหรือเปล่า? ดูจากแค่ชื่อล็ิอกอินก็ดูจะหลงตัวเองอยู่ไม่น้อย แต่วาจา กิริยาที่แสดงออกมากลับส่อว่าตัวคุณเป็นตรงกันข้ามกับชื่อล็อกอินของคุณ เจตนาของคุณที่ตั้งกระทู้ ใครเขาก็ดูออกครับ ถ้าขาดความอบอุ่น ขาดการยอมรับชื่นชมในชีวิตจริง คุณก็ตั้งกระทู้บอกมาตรงๆว่าคุณอยากให้มีคนมาชมว่าคุณเก่ง มีมันสมอง และฉลาด ไม่ใช่ลากเอากระทู้คนอื่นมาแดกดัน แถมยังเป็นนอกห้องอีก ไม่เก่งแล้วยังมารยาทแย่อีก ผู้หญิงอะไร อีกอย่าง ไปหัดเรียบเรียงประโยคคำพูด การสื่อสารซะใหม่นะ พิมพ์บ้าอะไรวกไปวนมา อ่านแล้วจับใจความไม่ค่อยได้ แถมผมอ่านแล้วไม่รู้สึกว่าคุณเก่ง มีความคิดดีอย่างที่คุณต้องการจะสื่อ แต่ผมอ่านแล้วนึกถึงพวกที่มีอาการทางจิตอ่อนๆ เก็บกดจากสังคมแล้วมาหาทางสร้างตัวตนในโลกไซเบอร์ ช่างน่าเศร้านะครับ จากคุณ : เคยตายมาแล้วเธอรู้ไว้เลย เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 55 06:15:45