Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ทำได้แล้ว! GMAT 720 (Q48 V40 AWA5.5) แชร์ประสบการณ์และเทคนิคครับ ติดต่อทีมงาน

สวัสดีครับเพื่อนๆ ทุกคน ทั้งที่กำลังเตรียมตัวสอบจีแมทอยู่ หรือยังไม่ได้สอบจีแมทก็ตาม หลายๆคนอาจเคยอ่านเรื่องราวเทือกนี้ในเว็บของฝรั่งบ้างแล้ว ผมเลยนึกอยากมาเขียนปสก ของผมเองบ้าง  คือ ผมพึ่งไปสอบจีแมทมานะครับ (สำหรับคนที่อยากรู้รายละเอียดเกี่ยวกับจีแมทเพิ่มเติม แนะนำอ่านกระทู้นี้ของ คุณbadpidd ครับ http://topicstock.pantip.com/klaibann/topicstock/2011/12/H11432238/H11432238.html  สอบได้ 720 (Q48 V40 AWA 5.5)จนได้   พอดีไปฉลองมาแล้วก็พักผ่อนอยุ่สักพักจนคะแนน AWA ออกถึงได้หาเวลามาเขียนกระทู้นี้ได้   :)  จุดประสงค์ในการเขียนกระทู้อันนี้ขึ้นมาก็ไม่ได้มีอะไรมากมาย แค่อยากแชร์ประสบการณ์ในการเตรียมตัวสอบ GMAT คร่าวๆของผมให้เพื่อนๆได้อ่าน เผื่อจะมีประโยชน์  แต่หลักๆ คือ เป็นกำลังใจ ให้เพื่อนๆว่า  GMAT  มันยาก แต่มันก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิดครับ    ส่วนตัวแล้ว ตอนเริ่มสอบ GMAT ครั้งแรก ไม่เคยแม้แต่จะคิดว่าจะได้คะแนน 700+ ด้วยซ้ำ เพราะคิดว่ามันคงเป็นไปไม่ได้ แล้วตอนนั้นก็ยังมีแค่ข้อมูลเล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับข้อสอบด้วย  รู้อย่างเดียวว่าต้องสอบ เพราะจะไปเรียนต่อ MBA ตอนนั้นพี่ชายกับพี่สาวผมสอบได้ราวๆ 600 ต้นๆ ก็เลยคิดว่าแค่เอาคะแนนให้มากกว่าพวก พี่ๆก็พอแล้ว 55 สื่งที่จะเขียนมาจากทั้งอ่านเรื่องราวของคนอื่น และมาจากประสบการณ์ของตัวเอง เชื่อว่าทุกๆคนคงจะได้ความรู้ไม่มากก็น้อย

ขอบอกก่อนว่า ผมเขียนเยอะมาก เพราะมีอะไรอยากจะแชร์เยอะจริงๆ อาจจะมีไม่เกี่ยวกับจีแมทบ้างนิดนึงนะครับ

มาลองดูประวัติคร่าวๆของผมกันก่อนดีกว่าละกัน
- มัธยม อัสสัมชัญ
- มหาลัย จุฬา อินเตอร์  GPA 3.5
- TOEFL = 100
- ทำงานเป็น sales  มาแล้ว 6 เดือน

      เพราะฉะนั้นแล้ว มีความรู้ภาษาอังกฤษระดับหนึ่ง ไม่ต้องถึงขนาดเรียนอินเตอร์มาตั้งแต่เด็ก หรืออะไร ก็ทำคะแนนสูงได้เหมือนกันครับ

       ก่อนอื่น ขอพูดถึงการเตรียมตัวของผมว่า ผมอ่านเองทั้งหมด ไม่ได้ไปเรียนพิเศษที่ไหนเลย เพราะคิดว่าข้อสอบพวกนี้มันอยู่ที่ความขยันทำโจทย์ สัก 70% อีก 20% เป็นเรื่องของเทคนิคในการข้อสอบ สุดท้าย อีก 10% คือ โชคล้วนๆครับ คือแปลว่าถึงคุณไปเรียนกี่คอร์สก็ตาม ถ้าคุณไม่กลับมาฝึกทำโจทย์เอง ผมว่า ส่วนมาก คงไม่ได้คะแนนที่อยากได้หรอก  ข้อดีของการอ่านเอง คือประหยัดเงิน คุณสามารถเอาเงินค่าเรียนพวกคอร์สนี้หมื่นกว่าบาทไปซื้อหนังสือ GMAT ได้ทุกเล่มยกแผง Kinokuniya สบายๆ  แต่ข้อเสียคือ คุณต้องมีเวลาเตรียมตัวเยอะ และมีพื้นฐานที่ดีในระดับหนึ่งสามารถมานั่งอ่านทำความเข้าใจกับมันได้เรื่อยๆ นานๆ

     ต่อมา ผมจะขอเล่าถึงประสบการณ์ในการสอบทั้งหมด 2 ครั้ง และ เหตุการณ์ระหว่างนั้น จะแบ่งเป็น  ช่วงๆละกันนะครับ

1) 1st GMAT -   660 (Q47,V34,AWA 4.0) มี.ค- เม.ย หนึ่งเดือนครึ่ง
       ตอนนั้นสอบครั้งแรกแบบรีบๆ มีเวลาเตรียมตัวประมาณหนึ่งเดือนนิดๆ ที่มีเวลาค่อนข้างน้อยเพราะว่าใกล้จะถึงเดดไลน์ยื่นใบสมัครแล้ว (สอบไปตอนต้นเดือนเมษายน) ไม่ได้ศึกษาข้อมูลเลยว่าGMAT เป็นยังไง หนังสือเล่มไหนดี หนังสือที่ใช้ตอนนั้นก็ไม่ได้ซื้อเองเลย ใช้แต่หนังสือที่พวกพี่ๆเคยซื้อมา เอามาอ่าน
หนังสือที่ใช้
1 Manhatton GMAT Sentence Correction 8th Ed.
2 Barron GMAT 2008
3 Official GMAT Review  12th Edition เล่มแดง

      เตรียมตัวครั้งนี้ ไม่ค่อยมีอะไรมาก อ่าน SC 1 รอบ แล้วลุยโจทย์เลย ทั้งของบารอน และ เล่มแดง ทำไปคร่าวๆ แบบไม่ได้คิดอะไรด้วย เพราะกาคำตอบลงในเล่มนั้นซะเลย แล้วก็ลองสอบ GMATPREP ซอฟแวร์ที่มาพร้อมกับซีดี ไปสองครั้ง ได้คะแนน 620 กับ 640 ตอนนั้นทำผิดถูก ยังไงไม่ได้เช็คเลยว่าผิดยังไง  รุ้แค่ว่าคะแนนโอเคแล้ว   ผลออกมาคือ ตอนสอบ ค่อนข้างประหม่า แต่ตอนนั้น เน้นเรื่องเวลามาก  ว่าต้องทำให้เสร็จทันเวลา ปรากฏคะแนน ออกมา 660 ตอนนั้น ดีใจมาก  คือ ไม่คิดว่าคะแนนจริงจะเยอะกว่าคะแนนตอนเตรียมตัวสอบที่บ้านเสียอีก   ส่วน AWA ได้ 4.0 นั้น เพราะไม่ได้เตรียมตัวไปเลย ลุยอ่านโจทย์ในห้องสอบคะแนน เลยเน่าอย่างที่เห็นนั่นแหละ
ลืมบอกไปว่า ตอนสอบครั้งแรกนี่ กำลังเรียนอยู่ชั้นปี 4 นะครับ

2) ช่วงยื่นใบสมัครสอบ (ช่วงพลิกผัน )เม.ย.-พ.ค.
       ช่วงนี้เป็นช่วงที่เตรียมตัวยื่นใบสมัคร ตอนนั้นเตรียมแบบลวกๆมาก SOP เขียนมาแทบไม่ได้แก้เลย เขียนเองตรวจเอง ตอนนั้นยื่นโปรแกรม MBA ไปสองที่ U of North Carolina Greensboro กับ U of Calfornia at Riverside ติดทั้งสองที่เลย ที่สมัครเลยเพราะช่วงนั้นพ่ออยากให้จบแล้วไปเรียนต่อเลย แต่ส่วนตัวไม่อยากไปหลังเรียนจบเลยเท่าไร เลยขอพ่อทำงานก่อนสองปี เผื่อจะมีตัวเลือกมากกว่านี้  การส่งใบสมัครคราวนี้เลยเป็นเหมือนการลองระบบสมัครไปโดยปริยาย

3) 2nd GMAT - 720 (Q48, V40, AWA  5.5) ส.ค. – ม.ค.
        ช่วงเวลาที่หายไป 2 เดือนคือช่วงเวลาสมัครงาน + เล่นนะครับ ตอนนั้นกว่าจะได้งานก็กลางเดือนสิงหาคม พอได้งาน ทุกอย่างดริ่มนนิ่ง ก็เริ่มมีสมาธิในการอ่านหนังสืออีกครั้งคราวนี้  เริ่มศึกษาหาข้อมูล จากเว็บไซต์ต่างๆมากขึ้น แนะนำสองเว็บ คือ www.beatthegmat.com  กับ www.gmatclub.com  ลองเข้าไปดูครับ มีอะไรดีเยอะจริงๆ ส่วนดียังไง ต้องเข้าไปดูเองครับ จริงๆแล้วก็ได้เว็บพวกนี้แหละที่มารีวิวหนังสือ ทำให้ตอนนั้นตัดสินใจไปร้านคิโน ไปกว้านซื้อหนังสือมาอ่าน ยอมรับว่าเหนื่อยไม่เบาครับ กับการอ่านหนังสือไปด้วย และ ทำงานไปด้วยเนี่ย แต่เรื่องจากผมแพลนจะไปปี 2013 เลยมีเวลาเตรียมตัวเรื่อยๆ แบบไม่เครียดเท่าไร จริงๆก็เตรียมตัวมาเรื่อยๆแบบสบายๆ แต่จะมาอ่านเกือบทุกวันตอนช่วง 2 เดือนสุดท้ายนี่แหละ

ข้างล่างคือคะแนนสอบของผมที่ใช้ software ของสถาบันต่างๆครับ

24 Sept 2011 Knewton 640 (Q45/V34)
26 Sept 2011 Veritas   650 (Q45/V36)
15 Oct 2011 MGMAT 1 640 (48/31)
25 Oct 2011   MGMAT 2 690 (48/36)
08 Oct 2011   MGMAT 3 710 (51/36)
13 Nov 2011 Kaplan   630
19 Nov 2011 MGMAT 4 710 (50/36)
26 Nov 2011 MGMAT 5 770 (Q50/V45)
03 Dec 2011 Powerprep 1 750 (Q49/V42)
05 Dec 2011 Gmatprep1 #1 720 (Q48/V41)
12 Dec 2011 MGMAT 6   730 (Q51/V39)
14 Dec 2011 Powerprep 2 700 (Q49/V35)
25 Dec 2011 Gmatprep 2 #1 690 (Q48/V34)
14 Jan 2012 Gmatprep 1 #2 760 (Q50/V44)
19-Jan 2012 Gmatprep 2 #2 720 (Q50/V36)
24 Jan 2012 Final GMAT 720 (Q48/V40)

- อันดับแรก ขอพูดถึง Manhatton Gmat test  ก่อน ผมว่ะ test ของที่นี่ดีเป็นอันดับสองรองจากของGMATPREP อย่างที่ร่ำลือจริงๆ พาร์ท verbal  ถือว่าใกล้เคียงของจริง แต่พาร์ทเลข ยากเกินจริงไป+โจทย์จะเน้นไปด้านที่ GMAT prep ไม่ได้เน้นมาก เช่น เรื่อง Work Prob etc. โจทย์เลขผมทำแบบไม่ได้จับเวลาเลยด้วยซ้ำ  อีกอย่างพอถึง test หลังๆ คะแนนจะเริ่มเฟ้อละ เพราะ คำถามยากๆระดับ 700-800 มันเริ่มหมดแล้ว
- อยากเน้นว่าถ้าเกิดเวลาเตรียมตัวไม่เยอะ อยากให้ทำเฉพาะข้อสอบจาก official ก็พอ เพราะ ข้อสอบจากที่อื่นส่วนมากจะไม่ค่อยใกล้เคียงของงจริงมากเท่าไร แต่ถ้ามีเวลาเยอะ ก็จะเป็นการฝึกที่ดีเหมือนกัน
- เวลาทำข้อสอบให้จับเวลาทุกครั้ง และเน้นเรื่องเวลาให้ดี ข้อสอบมีเวลาน้อยมาก ถ้าไม่จัดการเวลาให้ดี มีสิทธิ์ได้กามั่วหลายข้อแน่ๆ

ทีนี้จะขอมารีวิวหนังสือ และเอกสารที่ใช้เตรียมตัวสอบครั้งที่ 2 สักหน่อยละกัน

1 Official GMAT Quantitative Review 2nd Edition เล่มเขียว
เล่มนี้เน้นโจทย์เป็นส่วนใหญ่ ไม่ค่อยมีอธิบาย เหมาะสำหรับคนที่มีพื้นฐานมาอยู่บ้างแล้ว แต่ต้องการทำความคุ้นเคยกับโจทย์ GMAT  ให้มากขึ้น โดยรวมแล้วโจทย์ถือว่าอยู่ในระดับง่ายถึงปานกลาง โจทย์ยากมีค่อนข้างน้อย ส่วนตัวไม่ชอบเท่าไร และก็ ไม่แนะนำสำหรับคนที่เก่งเลขอยู่แล้ว ทั้งเล่มมียากสิบกว่าข้อเองมั้ง

2  Official GMAT Verbal Review 2nd Edition เล่มฟ้า
เล่มนี้ถือว่าใช้ได้เลยทีเดียว โจทย์ ความยากอยู่ในระดับกลางๆเช่นเดิม แต่ถือว่าเป็นโจทย์เพิ่มกำลังใจได้เป็นอย่างดี ลองเอามาฝึกทำเรื่อยๆ ให้คุ้นเคยกับข้อสอบจีแมทของจริงดู สรุปคือน่าซื้อมากสำหรับคนที่อ่อน verbal

3. Official GMAT Review  12th Edition เล่มแดง
        เล่มนี้ คือ เล่มที่ทุกคนที่จะสอบจีแมทต้องซื้อ เล่มนี้ ข้อสอบถือว่าใกล้เคียงของจริงที่สุดแล้วในบรรดาหนังสือทุกเล่มบนแผงหนังสือ ข้อดีคือโจทย์มีให้ฝึกเยอะมาก แต่เนื้อหา และ การอธิบายเฉลย ยังไม่ค่อยดีเท่าไร ข้อเสียอีกข้อคือ โจทย์บางข้อของเล่มนี้จะเหมือนโจทย์ ใน GMATPREP  ซึ่งจะทำให้ค่าคะแนนที่ออกมาไม่ตรงตามความสามารถเท่าไร

4. Manhatton GMAT Sentence Correction 8th Ed.
        เล่มนี้ รีวิวในเว็บของพวกต่างประเทศส่วนใหญ่ให้เล่มนี้เป็นอันดับหนึ่งในหมวด SC  ส่วนมากจะเป็นเนื้อหาแกรมม่า ทั่วๆไปของจีแมท  ถือว่ามีประโยชน์สำหรับคนที่เบสิคไม่ค่อยแน่น แต่เวลาทำโจทย์ ยังไงก็ต้องรู้จักเอาเบสิกพวกนี้มาประยุกต์เองอยู่ดี เล่มนี้ควรเอามาอ่านหลายๆรอบหน่อย  ผมอ่านไปสองรอบได้

5.  Powerscore: GMAT Critical Reasoning Bible
         สุดยอดแห่งตำราของ Critical Reasoning เล่มนี้เปิดโลกทัศน์ด้าน CR ของผมอย่างแท้จริง ทำให้คิดว่าส่วนนี้ง่ายที่สุดใน 3 part ของ verbal เลย เนื้อหา 300 หน้า ส่วนใหญ่จะอัดแน่นไปด้วยเนื้อหาและเทคนิดต่างๆ ทำให้เข้าใจโจทย์ด้านนี้มากขึ้น แต่มีโจทย์ให้ทำน้อยไปหน่อย  เหมาะสำหรับคนมีจุดอ่อนด้านนี้มาก ส่วนตัว อยากให้ทุกคนได้ลองอ่านดูครับ

6 Manhatton GMAT Reading Comprehension 4th Ed.
เล่มนี้ซื้อมาเพราะ อยากฝึกด้าน reading ให้มากขึ้น ลืมไปได้เลยถ้าคิดว่า สอบ TOEFL reading คะแนนสูงแล้วจะทำส่วนนี้ได้ดี ของผม reading TOEFL ได้ 29/30 คือคิดว่า reading นี่ตัวเองปึ้กไม่เบาแต่มาเจอของGMAT นี่ ช่วงแรกๆที่ทำข้อสอบส่วนนี้ hit rate ประมาณ 3-4 จาก 10 ข้อครับ ส่วนตัวคิดว่าเล่มนี้เฉยๆ ไม่ค่อยได้อะไรเท่าไรเทคนิคที่เค้าแนะนำมาผมก็แทบไม่ได้ใช้เลยด้วยซ้ำ แต่ถ้าคุณต้องการเทคนิค เล่มนี้ก็มีบอกเยอะพอตัว

7 GMATPREP’s Question banks from Gmatclub.com
นี่คือไฟล์ที่มีคนรวมรวมคำถามจาก GMATPREP ส่วน critical reasoning และ sentence correction มาส่วนละร้อยกว่าข้อ มีประโยชน์อย่างยิ่ง เพราะว่าตัวข้อสอบมีความยากใกล้เคียงกับข้อสอบจริงมากที่สุดแล้ว โดยด้าน SC ผมทำในเล่มแดง ถูกประมาณ 80% แต่ ของอันนี้ถูกประมาณ 60 %เอง คือของเล่มแดงมันง่ายกว่าเยอะครับ  ลองหาโหลดได้จากเว็บ www.gmatclub.com ครับ  แค่คำเตือนคือ ให้ฝึกคำถามพวกนี้หลังจาก ทำ software ไม่งั้นเราจะเห็นคำถามพวกนี้ใน software GMATPREP และคะแนนมันจะเพี้ยนครับ

8 Chineseburned’s AWA template
        สุดยอดของ template แล้ว Templateนี้ ของนาย chineseburned  ผมชอบมากเลยครับ บอกได้เลยว่ามีส่วนทำให้คะแนนเรียงความของผมดี ทั้งทีไม่ได้เตรียมตัวเยอะ (2-3วัน) และเขียนดีเท่าไรเลย ผมขอแนะนทุกคนให้ไปลองจำไปทำเลยครับ ตามลิ้งข้างล่างเลย
http://gmatclub.com/forum/how-to-get-6-0-awa-my-guide-64327.html

ประสบการณ์วันสอบจริง
       ก่อนวันสอบจริงถือว่าทำพลาดอย่างมหันต์ เพราะลืม ลืมทำโจทย์ SC ที่รวบรวมมาจาก GMAT software เลยมานั่งทำ ทั้งวันจนถึงห้าทุ่ม  เหนื่อยพอสมควร แล้วก็ตื่นเต้นมากๆด้วย ลองคิดดูครับ เตรียมตัวมาเป็นสี่ห้าเดือน เพื่อวันเดียว ใครไม่ตื่นเต้นก็บ้าแล้วค้าบ นอนไม่หลับเลย กว่าจะหลับได้ปาไปตีสามกว่า ตอนเช้าวันสอบก็ตื่นเวลาปกติ ประมาณแปดโมงเช้า ตื่นมารีวิวนิดหน่อยจน  รู้สึกปวดหัวนิดๆเลยเลิกอ่าน คาดว่าอาการจะมาจากการอดหลับอดนอนช่วงหลังๆ แล้วพอถึงเวลาข้าวเที่ยวก็กินข้าวแทบไม่ลง ใจไม่ค่อยเป็นสุขเลย เลยไปนั่งทำสมาธิสักพัก มานั่งคิดภาพถึงตอนที่เราเคยทำข้อสอบได้คะแนนดี ก่อนออกจากบ้าน  ระหว่างทางก็เอา template เอสเส มาดู สลับกับการมโนภาพว่า เราทำได้ เคยทำได้สูงมาก่อน ใน mock test และ คิดถึงตอนที่ว่า ถ้าทำได้แล้วจะดีใจท่าไหนยังไงดีด้วยซ้ำ ฮะๆ

       เอาล่ะ น้ำมาเยอะแล้ว ทีนี้จะเข้าถึงเหตุการณ์ตอนสอบมั่งละ มาถึงสอบ AWA ก็ไม่มีไรมาก เพราะเตรียม template ไปอยู่แล้ว ส่วนเหตุผลที่ใส่ไปก็ค่อนข้าง งงๆนิดนึง เพราะคิดไม่ทัน 55  แต่โดยรวม ถือว่าเขียนไปค่อนข้างเยอะ จบสองเรียงความได้แบบไม่เครียดมากนัก   ออกมาเข้าห้องน้ำ แล้วเอากล้วยที่เตรียมมากินครับ คิดว่ากินอะไรหวานๆแล้วหัวมันจะแล่น  มาถึงพาร์ทเลข  เจอข้อแรกแทบหงายหลังเลย โจทย์มันไม่ได้ยากเล้ยยยย แต่คือไม่เคยทำมาก่อน  โจทย์คือ ให้สมการเส้นตรงมา 2 เส้น แล้ว หาจุดตัด (กลับมาบ้านเช็คเลยรู้ว่า ข้อนี้ง่ายโคตรร) คือ ข้อแรกก็พลาดแล้วว ตอนนั้นเซ็งมาก แต่แบบช่างมัน กามั่วเลย เพราะไม่อยากเสียเวลากับข้อทีทำไม่ได้ แล้วก็ทำไปเรื่อยๆ พยายามคุมเวลา สุดท้ายเหลือ  สี่ข้อ หกนาที เลยรีบคิดไวๆ ทำจนเสร็จ  ออกมาแบบเซ็งๆนิดหน่อย เพราะคิดว่าทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร เลยออกไปกินน้ำผลไม้ที่เตรียมมา  ระหว่างนั้นก็เสริมกำลังใจด้วยการมโนภาพไปอีกที คิดว่าทำได้อยู่แล้วๆๆๆๆ  มันช่วยจริงๆนะ
         ต่อมา อันนี้ของจริงแล้ว พาร์ท Verbal ที่คนหวาดกลัวกัน ตอนแรกนึกว่าจะชิวเพราะเตรียมตัวมาเยอะมาก แต่พอทำจริง โห ข้อสอบจริงมันยากมาก โอ้  พาร์ท SC ไม่มีหรอก ขีดเส้นใต้คำสองคำ อะไรนั่น ข้อสอบเกินครึ่งขีดเส้นใต้ทั้งประโยคเลยคร้าบ ทำเอางงไปเลย คือมั่นใจว่าตอบถูกแบบเน้นๆของ SC นี่สี่ห้าข้อเองมั้ง ที่เหลือ ใช้วิธีตัดช้อยส์หมด  ด้าน CR ก็ค่อนข้างยากอยู่ วิธีคล้ายๆกัน คือส่วนใหญ่ครึ่งนึงจะเป็นการตัดช้อยส์มากกว่า ส่วน RC ซึ่งเป็นจุดอ่อนมานมนาน ก็ทำแบบเรื่อยๆ พยายามอ่านให้เข้าใจมากที่สุด แล้วตอบคำถาม สุดท้ายทำไปเรื่อยๆแบบใจเสีย ไม่พอ ลองเหลือบมองเวลา โอ้..เข้ เหลือเวลา 18 นาที พึ่งถึงข้อที่ 30 เอง แล้วมันจะไปทันได้ไงเนี่ย ตอนนั้นอารมณ์แบบว่าไม่อยากทำแล้ว อยากมั่วให้จบๆไป เพราะ ข้อที่ผ่านๆมายังไม่รู้จะถูกไหม แล้วข้อที่เหลือ เวลาก็จะไม่พอด้วย แต่ก็ยังกัดฟันสู้ ทำไปทำมา เหลือ 5 ข้อ 5 นาที ทีนี้ ไม่คิดแล้ว จำได้ มี CR 3 ข้อ รวด ทำแบบไม่ได้คิดเลย ไอโจทย์ก็ยากด้วยสิ  ถ้าให้คิดคงข้อละ 2.5 นาที แต่ตอนนั้น อ่านไป 30 วิ แล้วกามั่วเลย ทั้งสามข้อ คือ ทำจบแบบรู้สึกซังกะตายมาก แบบว่าคะแนน verbal คงแย่กว่าครั้งที่แล้วแน่ๆ  ทำข้อสอบเสร็จ ก็เช็คพวกข้อมูลส่วนตัว แล้วรอผลคะแนน ผลออกมา คือ ตอนแรกโฟกัสไปแค่พาร์ทเลข ลุ้นให้ได้ 50+ เพราะคิดว่า verbal เน่าชัว พอออกเห็น 48 แบบ คิดแล้วว่าจบแล้วๆๆ พอเหลือบลงมามองส่วนข้างล่าง เห็นคะแนนแล้วอยากกรี๊ด ได้ 720 ! แบบลุกขึ้นมาอุทานเบาๆแล้วออกท่าทางดีใจ คือตอนนั้นเหลืออีกคนเดียวที่สอบไม่เสร็จเลยโอเคหน่อย 55 จนพี่ที่คุมสอบถึงกับต้องมาบอกว่า “ใจเย็นๆค่ะน้อง” 555 แต่ ผมเย็นไม่อยู่แล้วครับ จังหวะนี้ สรุปคือ ไม่คิดเลยว่าจะได้คะแนนเท่านี้ เลยจริงๆ

ทิปเล็กๆน้อยๆ

1) ไม่ควรอ่านหนังสือเยอะก่อนวันสอบและในวันจริง
ตัวผมเอง ก่อนวันสอบจริงสองสามวัน อ่านเยอะ ไปหน่อย พอถึงวันจริงๆรู้สึกปวดหัวนิดๆ จริงๆแล้วควรจะปล่อยวางพักผ่อนมากกว่า เพราะ อ่านไปอีกแค่ วันสองวัน มันช่วยอะไรไม่ได้เยอะมากหรอก

2) ลองนึกภาพว่าเราทำข้อสอบได้ และจะทำยังไงเมื่อเราสอบได้ ในหัวก่อนเข้าสอบ และระหว่างสอบ
จริงๆแล้วต้องสารภาพว่าส่วนเลขรู้สึกว่าตัวเองทำได้ไม่ค่อยดีเท่าที่ควร อยากทำได้เยอะๆ เพราะส่วน verbal เป็นอะไรที่ไม่ค่อยแน่นอนมาก พอตอนทำเลขเสร็จออกมาเข้าห้องน้ำ แล้ววนภาพอยู๋ในหัวเลยว่า รู้สึกยังไงตอนที่เคยทำverbal ได้แบบไหลลื่นตอนทำ CAT test  และจะดีใจยังไง จะเขียนประสบการณ์ลงพันทิพว่าอะไรดี แล้วก็ทำได้จริงๆด้วย เป็นเทคนิคสร้างกำลังใจที่ไม่เลวเลย

3) SC ของจริง ยากกว่าที่เคยฝึกทำมาก่อน
พวก SC ของเล่มแดง เล่มฟ้า และของ MGMAT คนละเรื่องข้อสอบของจริง ข้อสอบของจริงที่เจอมา กว่า 70% เป็นแบบขีดเส้นใต้ทั้งประโยค เลยทำให้เสียเวลาค่อนข้างมาก  ลองฝึกทำ พวกที่ขีดเส้นใต้ทั้งประโยคเยอะครับ

4) การเลือกเวลาในการสอบ
ช่วงเวลาในการสอบถือ่าสำคัญมาก เท่าที่รู้คือ จะมีให้สอบช่วงเช้า หรือช่วงบ่าย ถ้าบางคนชอบตื่นเช้า และทำแบบฝึกหัดหรือ ข้อสอบตอนเช้า ผมแนะนำให้สอบตอนเช้าซะ ส่วนตัวผม เลือกตอนบ่าย เพราะว่า ปกติไม่ได้เป็นคนตื่นเช้าเท่าไร และเวลาฝึกทำข้อสอบเต็มๆ ก็จะทำช่วงบ่ายเป็นประจำ เลยคิดว่าสอบช่วงบ่ายจะทำให้รู้สึกหัวแล่นมากกว่า

5) อย่าสั่งแต่ทำโจทย์อย่างเดียว ควรศึกษาพื้นฐานให้ดีเสียก่อน ถ้ามีเวลา
ข้อนี้ถือว่าค่อนข้างสำคัญเลยทีเดียว เป็นเหตุผลนึงที่ทำไมผมถึงได้คะแนนน้อยในการสอบครั้งแรก  เพราะครั้งแรก ผมแทบไม่ได้อ่านเนื้อหาเลย มาถึงลุยโจทย์อย่างเดียว แล้วก็ดูเฉลยว่าทำไมถึงผิด ตรงนี้เราก็จะได้รู้เทคนิคของข้อนั้นๆไป แต่ไม่ได้ไอเดียภาพรวม ยกตัวอย่างเช่น Critical reasoning  ถ้าอ่านพื้นฐาน และเทคนิคแล้ว จะทำให้เอาเบสิกตรงนั้นไปประยุกต์กับโจทย์ได้หลากหลายมากกว่า

6) เข้าไปอ่านบทความการสอบของคนอื่น เพิ่มขวัญกำลังใจ
บทความพวกนี้จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการสอบจีแมท การอ่านบทความพวกนี้บ่อยๆ จะทำให้มีแรงกระตุ้น อารมณ์ประมาณว่า เฮ้ย มันก็ไม่ได้เก่งกว่าเราเลยนี่หว่า แล้วทำไมจะทำยังงั้นมั่งไม่ได้วะ หรือ ไอนี่มันก็โปรไฟล์คล้ายๆเรา เราน่าจะทำได้ดีกว่ามันด้วยซ้ำถ้าขยันพอ นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่ผมเขียนบทความนี้ให้เพื่อนๆมีแรงฮึดอีกที   เว็บไซต์ที่มีบทความประเภทนี้ คือ www.beatthegmat.com  www.gmatclub.com

7) พยายามฝึกด้านที่เราอ่อนที่สุดไว้ก่อน
เชื่อว่าหลายคนคงมีส่วนที่ถนัดและไม่ถนัดปนกันไป ส่วนตัวแล้วผมชอบทำพาร์ท CR กับ เลข เพราะมันง่าย แต่ค่อนข้างเป็นความคิดที่ผิด เพราะการที่เราไปฝึกเน้นย้ำจุดแข็งของเรามันมีประโยชน์น้อย กว่าการพัฒนาข้อด้อยของเรา   ขอยกตัวอย่างง่ายๆละกัน  สมมุติว่า นายเอทำพาร์ท Quant ได้ 47 พาร์ท verbal ได้ 28 นายเอ ควรจะพัฒนาส่วนไหนดี?  ถ้านายเอหวังกด quant เต็ม 51 ส่วนverbal คงเดิม 28 คะแนนรวมvอาจได้ 640 แต่ถ้าสมมุติ นายเอหันไปพัฒนาด้าน verbal  ได้ quant 47 เท่าเดิม ส่วน verbal ได้ 32 คะแนนรวม อาจเท่ากันที่ 640 แต่ความยากที่จะอัพคะแนนพาร์ท verbal  มันง่ายกว่าเห็นๆ   ทำไมน่ะเหรอ?  เพราะการที่จะเพิ่มคะแนนส่วนที่ใกล้จะเต็มให้เต็มเลย นี่มันยากสุดๆไปเลยสิ อย่างเคสผม ก็ทำโจทย์เลขไปค่อนข้างเยอะมาก  ยังเพิ่มได้แค่คะแนนเดียวเอง

8) เวลาทำโจทย์เสร็จให้กลับมารีวิวอีกครั้ง
ส่วนตัว เวลาทำโจทย์ข้อไหน แล้วไม่แน่ใจจะกาดอกจันทร์หน้าข้อนั้นๆ วันหลังเวลาจะมารีวิวหนังสือเล่มนั้นๆ ก็จะรีวิวแค่ข้อที่เรากาดอกจันทร์และ ข้อที่ทำผิด เพื่อไม่เป็นการเสียเวลา

9) ห้ามยึดติดกับข้อที่แล้วเด็ดขาด
ผิดคือผิด ทำไม่ได้คือทำไม่ได้ ถ้าเรามัวแต่ไปคิดถึงข้อก่อนๆจะทำให้เสียไปหมดถึงข้อหลังๆเลย แล้วอีกอย่าง การที่เรารู้สึกว่าทำไม่ได้ ไม่ได้แปลว่าเราจะทำไม่ได้จริงๆ เคสของผมนี่แหละชัดสุดแล้ว คือ verbal ทำไม่ค่อยได้+ ไม่ทัน แต่ ผมยังได้ 40 คะแนน ขอให้กัดฟันตั้งใจทำให้ดีที่สุดไว้ก่อน ผลลัพธ์จะออกมายังไงเราค่อยมาว่ากัน

     สุดท้ายนี้ อยากจะบอกว่าทั้งหมดนี้ เป็นแค่ความคิดเห็นของผมนะครับ  อาจจะได้ผลสำหรับบางคน และไม่ได้ผลสำหรับบางคน คนอื่นอาจใช้วิธีอื่น หรือหนังสือเล่มอื่น แล้วได้คะแนนมากกว่าผมก็ได้ครับ  สุดท้ายนี้ ขอให้ทุกคนโชคดี และสนุกกับการสอบ จีแมทครับ สวัสดีครับ

ปล1. ยาวโคดครับ อ่านจบได้ แปลว่าคุณสนใจ และจริงจังกับการสอบ GMAT มากพอสมควรเลยทีเดียว
ปล2  มีคำถามอะไรถามได้เลยครับ เดี๋ยวผมมาไล่ตอบให้

แก้ไขเมื่อ 08 ก.พ. 55 19:52:56

แก้ไขเมื่อ 06 ก.พ. 55 22:57:52

จากคุณ : Rio_Ferdy
เขียนเมื่อ : 5 ก.พ. 55 23:58:29




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com