ความคิดเห็นที่ 1 มีบริษัทสำนักงานกฎหมายที่รับเปิดบริษัทร่วมทุนญี่ปุ่นอยู่แถว ๆ สีลม หรืออีกหลายที่ก็มีนะครับ ถ้าอยู่เมืองไทยก็ลองเอาหนังสือพิมพ์หรือวารสาร นิตยสารภาษาญี่ปุ่นตามย่าน ร้านอาหารญี่ปุ่นต่าง ๆ มาไว้อ่าน จะมีลงประกาศไว้อยู่หลายเจ้าครับ ผมเคยดำเนินการช่วยให้อดีตเจ้านายติดต่ออยู่ แต่เขากังวล ไม่มั่นใจตัวผมก็เลยไม่ได้ติดต่อสำนักงานนั้นไปอีก สำหรับค่าใช้จ่าย ขึ้นอยู่กับทุนจดทะเบียนเริ่มต้นครับ ต้องลองศึกษาดู ......................... ดำเนินการเองยุ่งยากกว่ามาก ๆ ครับ ให้สำนักงานกฎหมายช่วยจะสะดวกกว่ามาก ช่วยได้เท่านี้แหละครับ ต้องรอให้ท่านอื่นมาเพิ่มเติมแล้ว จากคุณ : Tsuwamono เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 16:34:23

ความคิดเห็นที่ 2 ที่บริษัทที่เคยทำงานใช้สำนักงานกฏหมายค่ะ เป็นบริษัทมีชื่อเสียงมาก  ค่าปรึกษาก็แพงมากค่ะ ถ้าจะใช้ลองมองหาสำนักงานเล็กๆ ดีกว่า น้องชายเคยจดทะเบียนตั้งบริษัทเอง  เพราะอยากประหยัด ต้องแก้เอกสารหลายรอบเหมือนกัน  กว่าจะตั้งเสร็จ แต่ก็ทำได้ค่ะ  (อันนี้บริษัทไทยนะคะ  ไม่ได้ร่วมทุน) ไปอ่านๆ ดู  สมัยนี้มีการแก้ไข กม.ให้ตั้งบริษัทได้ง่ายขึ้น ลองเข้าไปอ่านดูค่ะ  http://www.dlo.co.th/node/147 ข้อมูลตั้งบริษัทเริ่มต้นคร่าวๆ เท่าที่จำได้นะคะ 1.ทุนจดทะเบียน 2.รายชื่อผู้ถือหุ้น   3.เลือกกรรมการผู้มีอำนาจเซ็น จะ 1 หรือ 2 คน ก็ได้ 4.ออกแบบตราประทับ 5.สถานที่ตั้งบริษัทฯ จะเช่า  ก็หาหนังสือสัญญาเช่าพร้อมหนังสือยินยอมให้ใช้สถานที่ตั้งบริษัทเตรียมไว้ 6.ตั้งชื่อบริษัทไปไม่ให้ซ้ำกับบริษัทอื่นๆ ที่มีอยู่ ลองดูขั้นตอนจากลิงค์นี้ค่ะ แบบฟอร์มต่างๆ คนไม่เคยทำ  คิดว่าน่าจะเข้าใจยากพอควร แล้วก็ต้องคิดถึงเรื่องทำบัญชีเตรียมไว้ด้วย http://www.dbd.go.th/mainsite/fileadmin/downloads/03_boj/intro_step_bj_establish.pdf จากคุณ : Kitakaze เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 19:10:24

ความคิดเห็นที่ 3 ระหว่าง ข้อ 1 กับ ข้อ 2 ส่วนตัวแนะนำข้อ 2 จดทะเบียนร่วมทุนค่ะ เพราะ 1.อนาคตไม่แน่นอน  ถ้าบริษัทมีปัญหาถูกฟ้องร้องขึ้นมา   จะได้มีชื่อรับผิดชอบร่วมกัน 2.ใครจะเป็นกรรมการผู้จัดการ ถ้าข้อ 1 ก็คุณเถียรชัวร์ๆ   เพราะถ้าเกิดมีคดีขึ้นมาระหว่างการดำรงตำแหน่ง   กรรมการผู้จัดการจะต้องเป็นคนแรกที่ขึ้นศาลค่ะ   และถ้าคดีนั้นเกิดขึ้นในระหว่างที่คุณเป็นกรรมการผู้จัดการ   ถึงแม้จะลาออกไปแล้ว  ยังไงก็ต้องไปขึ้นศาลค่ะ   อันนี้บอกเผื่อๆ ไว้  ถ้าบริษัทบริหารงานดีๆ มีความมั่นคงมาก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น  บริษัทแม่พร้อมจะช่วยเหลือเต็มที่ ก็ไม่น่ากลัวค่ะ จากคุณ : Kitakaze เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 19:57:48

ความคิดเห็นที่ 4 สวัสดีค่ะ น้องเถียร แวะมาทักทาย พี่ไม่เคยมีประสบการณ์ไปเปิดบริษัทที่ไทยนะคะเลยอาจจะแนะนำไม่ได้โดยตรง แต่มีโครงการจะไปเปิดบริษัทที่ประเทศที่สามในปีนี้ค่ะ กำลังทำ Feasibility Study อยู่ แต่อ่านที่น้องเขียนแล้วตกใจค่ะว่า ทำไมบริษัทต้องเอาชื่อน้องไปจดทะเบียน ทำไมไม่จดในนามนิติบุคคล ? เพราะบริษัทที่พี่ทำอยู่จะไม่ทำแบบนั้นน่ะค่ะ การจดทะเบียนคือผู้จดต้องรับผิดชอบถ้ามีอะไรเกิดขึ้นนะคะ แล้วนี่คือน้องต้องแบกรับความเสี่ยงเหรอคะ ? อันนี้ไม่เข้าใจเหตุผลน่ะค่ะ  ถึงแม้จะจดแบบ 49:51 % ก็เถอะ ผู้ถือหุ้นใหญ่ ( 51% ) คือน้องนะคะ ( เหมือนที่คุณ คิตะคาเสะบอก ) เค้าแค่ขอยืมชื่อน้องเพื่อจด แต่ทุนจดทะเบียนเป็นเงินของบริษัทหรือเปล่าคะ ถ้าอย่างนั้นคงมีการทำสัญญาอะไรสลักหลังแน่เลย ( ป้องกันการโกง ) พอดีพี่ก็ไม่ค่อยทราบมากเท่าไหร่ค่ะ เรื่องการจดทะเบียนแบบนี้ แต่อ่านแล้วมันแปลกๆชอบกล  แอบเป็นห่วงน่ะค่ะ  ไม่รู้ว่าคิดมากไปหรือเปล่า จากคุณ : มอนจะ เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 22:27:35

ความคิดเห็นที่ 5 สวัสดีครับผม ขอบคุณพี่ๆทุกคนมากนะครับ ที่ให้ความรู้และเป็นห่วงในเรื่องที่เกิดขึ้น คุณ つわもの ครับ ขอบคุณมากนะครับสำหรับข้อมูล เมื่อวานผมก็นั่งดูบริษัทที่รับจดทะเบียนบริษัทอยู่เหมือนกันครับ มีหลายเจ้าหลายราคา จ่ายครั้งเดียวเสร็จทุกอย่างครับ คุณ 北風 ครับ ขอบคุณมากๆเช่นกันนะครับ ข้อมูลมีประโยชน์กับผมมากเลยครับ พี่มอนจะครับ ไม่ได้คุยกันนาน สบายดีนะครับ งานยังหนักเหมือนเดิมหรือเปล่าครับ สู้ๆครับผม ขอบคุณมากที่เป็นห่วงนะครับ  เท่าที่ป๊อบทราบนะครับ คือตอนนี้ บริษัทกำลังพิจารณาอยู่ว่า จะเข้าไปในรูปแบบไหนดีครับ ปกติบริษัทจะมีการซื้อสินค้าจากไต้หวันซะเป็นส่วนใหญ่ แต่หลังๆมานี้ สินค้าจากไต้หวันมีราคาสูงขึ้น เค้าเลยมองหาสินค้าจากประเทศอื่น หนึ่งในนั้นก็คือประเทศไทย และเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ได้มีการไปเยี่ยมชมโรงงานในเมืองไทย เค้าก็ค่อนข้างประทับใจในคุณภาพและสินค้าของราคาบ้านเราครับ อีกทั้งเร็วๆนี้ จะมีโปรเจคที่สำคัญที่ต้องทำร่วมกับบริษัทคนไทย การที่มีคนของบริษัทคอยอำนวยความสะดวกให้ที่เมืองไทย ก็จะช่วยให้งานต่างๆมันเร็วขึ้นครับ ตามที่ท่านประธานได้พูดคุยกับผมนั้น ท่านก็ทราบดีครับว่า ที่บ้านเราถ้าจะมีการจดทะเบียนบริษัท ก็จะมีกฎต่างๆตามที่เรารู้ๆกันอยู่ครับ ท่านให้ผมไปหาข้อมูลว่า ทั้งสองแบบนี้ แบบไหนจะดีกว่ากัน เท่าที่ผมไปหาข้อมูลมา ทั้งจากผู้หลักผู้ใหญ่ จากเว็บไซต์ รวมถึงจากพี่ๆในนี้ ผมก็ต้องแนะนำให้จดทะเบียนในรูปบริษัทครับ มันเป็นเรื่องของความน่าเชื่อถือ แต่สาเหตุที่ทางท่านประธานอยากให้ใช้ชื่อผมทำไปก่อนในช่วงแรกนั้น เพราะตัวเนื้องานมันยังไม่ใหญ่มาก มันยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น เช่น สั่งซื้อสินค้าจากโรงงานเมืองไทย บางส่วนสต๊อคไว้ที่ไทย บางส่วนส่งเข้าญี่ปุ่น เหมือนกับว่าให้ค่อยๆเป็นค่อยๆไปก่อน แล้วพอทุกอย่างอยู่ตัว ค่อยตั้งเป็นบริษัทจำกัดครับ อย่างถ้าผมทำเองในช่วงแรก เท่าที่ผมทราบมา ผมก็สามารถทำได้เลย ไม่ต้องไปจดอะไรครับ อันนี้จากที่ผมสอบถามกับทางผู้รู้นะครับ โดยปกติคนไทยเราสามารถทำได้เลย ถ้าเป็นเจ้าของธุรกิจคนเดียว ส่วนในเรื่องของทุนจดทะเบียนนั้น คิดว่าคงเป็นทุนของบริษัททั้งหมดครับ หรืออาจจะมีหุ้นส่วนจากเมืองไทยที่้ป็นพาร์ทเนอร์ของท่านประธานมาหุ้นกันครับผม คือตอนนี้ผมก็ยังสับสนอยู่นะครับ ผมมองว่ามันไม่ใช่เรื่องเล็กๆเลยกับภารกิจในครั้งนี้ ตัวผมเองก็ทำงานยังไม่ถึงปี แต่ต้องมาทำอะไรขนาดนี้ ประสบการณ์ก็น้อยมาก คือถามว่าแฮปปี้มั้ย แฮปปี้มากครับผม บริษัทไว้ใจผมมากขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย ในเมื่อท่านประธานให้ความไว้วางใจขนาดนี้ ผมเองก็เต็มที่ละครับทีนี้ มันเป็นเรื่องท้าทายที่อยากทำให้ดีและสมบูรณ์ที่สุด แต่ก็ไม่อยากก้าวพลาดครับ อยากจะดูให้ละเอียด ผลดีและผลเสียที่จะตามมา พี่มอนจะ และพี่ๆมีคำแนะนำตรงส่วนไหนที่อยากชี้แนะเพิ่มเติมมั้ยครับ ควรจะให้บริษัทตั้งเป็นบริษัทจำกัดตั้งแต่เริ่มแรกเลย หรือว่าให้ผมทำเองไปก่อน พอทุกอย่างลงตัว ค่อยตั้งเป็นบริษัทครับ คือเงินทุนและทุกอย่าง บริษัทจะเป็นคนจัดการให้ทั้งหมดครับผม ขอบคุณพี่ๆอีกครั้งนะครับ เข้ามากี่ครั้งก็อบอุ่นทุกครั้ง ขอบคุณจริงๆครับผม เถียร จากคุณ : เถียร เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 55 05:56:40

ความคิดเห็นที่ 6 บริษัทญี่ปุ่นส่วนใหญ่ คงคุ้นเคยกับบริษัทจัดตั้งก่อนมั้งคะ....เริ่มก่อตั้ง มีคนทำงานไม่กี่สิบคน เมื่อเป็นรูปร่าง ฐานงานขยายขึ้น ถึงจะค่อยขยับขึ้นมาเป็นบริษัทแบบสมบูรณ์ ชาโจ้ไว้ใจคุณ เถียร มากๆเลยนะคะ ที่ให้มาดูแลกิจการนี้เต็มรูปแบบ   คงจะแนะนำอย่างอื่นให้นะคะ เรื่องฝ่ายบัญชีและการเงิน ให้แยกกันค่ะ.... ไม่อย่างนั้น เสี่ยงต่อการถูกโกงค่ะ  พยายามวางระบบ การเซ็นท์จ่ายเงินและการรับเงินให้มีสำเนาทุกครั้งนะคะ ผู้เซ็นต์เอกสาร....หรือประธานกรรมการ คงเป็นคุณเถียรแน่นอน   เดี๋ยวต้องดูแลเรื่องพนักงาน เงื่อนไขกฏหมายแรงงานและกฏบริษัท ติดต่อกรมแรงงาน แล้วถ้าวันนึงมีพนักงานญี่ปุ่นมาประจำ ก็ทำเรื่อง Visa ด้วยนะคะ  เหล่านี้สามารถดำเนินการเองได้แต่อาจจะยากสำหรับคนที่เพิ่งเคยทำ  เพราะแบบฟอร์มของเขามี ดังนั้นการจ้างบริษัทกฏหมาย สะดวกที่สุดค่ะ   ถ้ามีการส่งของออกต่างประเทศ....ปกติเราจะให้บริษัทshipping มารับของ  เราทำ invoice +ประทับตราบริษัท เพื่อให้เขาแนบแปะไปกับสินค้าที่ส่งออก  มีต้นฉบับไปและสำเนาเราเก็บไว้  บริษัทshipping เอาสินค้าเราไปดำเนินการ..... จากนั้นอย่าลืมขอสำเนาเอกสารหลังจากที่เขาส่งออกแล้ว เอาฉบับที่ส่งออกสมบูรณ์แล้วมีการรับประทับตราแล้ว มาเก็บไว้ให้ครบด้วยนะคะ   ทำไฟล์ให้เรียบร้อย  เพื่อวันนึงศุลกากรจะส่งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบเอกสาร เพื่อตรวจเช็คภาษีค่ะ  ...ยังไงหาข้อมูลตั้งแต่ต้นนะคะ  จะได้เรียบร้อย   โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ทำงาน  ซื้อ ลิขสิทธิ์มาให้ถูกต้องนะคะ.... วันดีคืนดี มีเจ้าหน้าที่มาเช็คค่ะ  เคยเจอเป็นแบบหน่วยคอมานโดบุกเลยค่ะ ใส่สูทชุดดำ..... ตอนนั้นพนักกงานเอาโปรแกรมเพลงmp3มาลง โปรแกรมโหลดมา .... โดนปรับไม่ต่ำกว่าแสนเลยค่ะ โชคดีนะคะ จากคุณ : Mnki เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 55 06:57:23

ความคิดเห็นที่ 7 การจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทในไทย กฏหมายบังคับค่ะ  ว่าต่างชาติจะถือหุ้นได้มากสุดแค่ 49 % คนไทยต้องถือมากกว่า  เพื่อป้องกันการเข้ามาครอบครองธุรกิจในไทย ลักษณะบริษัทของคุณเถียรคือ ให้คนไทยถือหุ้นลม(ไม่ได้จ่ายจริง) เพื่อให้ครบองค์ประกอบในการจัดตั้งบริษัทไทย ถึงคุณเถียรจะถือ 51 % ก็ไม่น่ากลัวค่ะ ถ้าบริษัทแม่จ่ายค่าหุ้นเป็นทุนจดทะเบียนเต็ม 100 % ตั้งแต่แรก เพราะไม่ว่าจะเกิดคดีฟ้องร้องอะไรขึ้น ความรับผิดชอบของผู้ถือหุ้นจะมีเท่ากับค่าหุ้นที่ชำระเต็มจำนวนแล้วเท่านั้น (แต่ถ้าชำระไม่เต็ม  อันนี้โดนแน่ค่ะ  ต้องรับผิดชอบจ่ายให้เท่ามูลค่าเต็มของหุ้น) ถ้าชำระหมดตั้งแต่ครั้งแรก  เวลาโดนฟ้อง ก็ไล่เอาจากทรัพย์สินที่หมุนเวียนในบริษัทได้เท่านั้น ไม่ต้องรับผิดชอบมากกว่านี้ค่ะ แต่ถ้าเป็นกรรมการผู้จัดการด้วย  อันนี้ความรับผิดชอบเยอะค่ะ จากคุณ : Kitakaze เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 55 09:05:22

ความคิดเห็นที่ 8 ขอบคุณพี่ๆทุกคนมากนะครับ ได้ความรู้ที่ไม่เคยรู้มาก่อนเยอะมาก พรุ่งนี้ ผมต้องเอาเข้าไปคุยให้กับท่านประธานฟังแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็รู้ว่าท่านจะเลือกให้ทำแบบไหน มีความคืบหน้าอย่างไรแล้ว ผมจะมาแจ้งให้พี่ๆทราบนะครับผม ขอบพระคุณพี่ๆทุกคนอีกครั้งครับ จากคุณ : เถียร เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 55 18:08:59

ความคิดเห็นที่ 9 การจดทะเบียนบริษัทมีประโยชน์กับฐานภาษีนะคะ ถ้าทำในรูปบุคคลธรรมดาโดนภาษีอานแน่ๆคะ ถ้าเข้าใจไม่ผิดตัวสินค้าจะต้องมีกำไรในการขายเพื่อส่งออก แนะนำจดทะเบียนนิติบุคคลรูปบริษัทดีกว่าค่ะ จากคุณ : Nong-Ngek เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 55 05:19:02

ความคิดเห็นที่ 10 มีความคืบหน้ามาแจ้งให้ทราบเล็กน้อยครับ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ก็ได้พูดคุยกับทางฝั่งหัวหน้าผมนิดหน่อยครับ แต่ก็ยังไม่ได้สรุปอะไรกันเท่าไหร่ หนทางที่ดีที่สุดของเราก็คงเป็นการตั้งบริษัทครับ ได้รับประโยชน์หลายทางมากกว่าทำในนามผม ผมคงต้องฟูมฟักฝีมืออีกนาน กว่าจะขึ้นไปข้างบนได้ แต่คิดว่าในช่วงแรก คงเป็นแบบไปๆมาๆระหว่างไทยกับญี่ปุ่นครับ เหมือนเป็นตัวกลาง คอยประสานงานอำนวยความสะดวกให้กับทั้งสองฝ่ายมากกว่า คอยดูแลออเดอร์การสั่งซื้อของจากโรงงานไทย มองหาสินค้าจากโรงงานเมืองไทยซัพพอร์ตที่ญี่ปุ่น และคอยดูการส่งสินค้าให้กับลูกค้าของเราครับ คือตอนนี้หลายๆอย่างก็ทำให้ผมสับสนอยู่เหมือนกัน แต่พอเริ่มทำไปเรื่อยๆ คิดว่าน่าจะลงตัวมากขึ้นครับผม ข้อมูลต่างๆที่พี่ให้ไว้ในกระทู้นี้ ผมจะปริ๊นไปเก็บไว้ดูในเวลาทำงานครับ ข้อมูลหลายอย่างมีประโยชน์กับคนที่เริ่มทำงานอย่างผมมากๆ ขอบคุณพี่ๆทุกคนอีกครั้งนะครับ ข้อมูลเรื่องการแบ่งทำบัญชีกับการเงินของคุณ Mnki ก็มีประโยชน์ ขอบคุณมากครับ ขอบพระคุณทุกๆความเห็นอีกครั้งนะครับ ขอบคุณจริงๆครับ เถียร แก้ไขเมื่อ 26 ก.พ. 55 02:24:41 แก้ไขเมื่อ 26 ก.พ. 55 02:23:53 จากคุณ : เถียร เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 55 20:19:39

ความคิดเห็นที่ 11 คุณเถียร  ถามได้ไหมคะ  สินค้าประเภทไหนคะ ที่ซื้อส่งญี่ปุ่น ... งานบริษัท....ถ้าคุมค่าใช้จ่ายได้ ก็จะช่วยลดต้นทุน เพิ่มกำไรได้เยอะทีเดียวค่ะ พยายามทำเครดิตกับคู่ค้านะคะ  อย่าให้พนักงานถือเงินสด  บริษัทขนส่งและบริษัท shipping มีเยอะแยะ สามารถแข่งขันราคากันได้ค่ะ  แม้แต่ขยะอลูมีเนียม หากจะทิ้ง ก็แข่งกันยื่นซองได้ค่ะ มีคนมารับถึงที่เลยค่ะ เครื่องใช้สำนักงานต่างๆ โต๊ะทำงาน เก้าอี้ ก็สั่งซื้อเครดิตให้เขามาส่งถึงบริษัทได้ค่ะ...ฝ่ายจัดซื้อเป็นคนดูแลค่ะ ทุกอย่าง...ระวังเรื่องการโกงด้วยนะคะ และของหายค่ะ ถ้าจะเอาชื่อตัวอย่างบริษัทขนส่ง รถตู้ บริษัทshipping เครื่องใช้สำนักงาน  ที่รู้จักบ้าง ก็ถามมาได้นะคะ ยังพอจำได้บ้างค่ะ จากคุณ : Mnki เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 20:06:44

ความคิดเห็นที่ 12 สวัสดีครับ คุณ Mnki ต้องขอโทษด้วยนะครับ ที่ตอบช้า ผมให้รายละเอียดที่หลังไมค์แล้วนะครับ ไม่รู้จะครบถ้วนหรือเปล่า ถ้าอยากทราบเกี่ยวกับส่วนไหนเพิ่มเติม สอบถามได้เลยนะครับ ขอบคุณมากๆกับคำแนะนำดีดีครับผม จากคุณ : เถียร เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 55 07:34:20

ความคิดเห็นที่ 13 สวัสดีคุณเถียร ไม่ได้เข้ามาพันทิพนานเลย สบายดีไหม ตอนนี้ทำงานแล้วหรือครับ ว่างๆ มาทานข้าวด้วยกันนะ เห็นว่าอยู่โอซาก้าด้วย มีเฟซบุ้คไหม ตอนนี้เรากำลังติดมากมาย จากคุณ : silkroad เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 55 23:56:28

ความคิดเห็นที่ 14 ได้ครับ คุณSilkroad อยู่โอซาก้าครับผม ไว้ว่างๆมากินข้าวกันครับ นัดมาเลยก็ได้ครับผม ชวนเพื่อนๆพี่ๆมาหลายๆคนท่าทางจะสนุกครับ ผมไม่ได้เล่นเฟซบุคเลยครับ ขอโทษด้วยครับผม จากคุณ : เถียร เขียนเมื่อ : 6 มี.ค. 55 10:22:36