ความคิดเห็นที่ 1 ในกรณีของดิฉัน..ที่อาศัยอยู่ในต่างจังหวัดไกลปืนเที่ยง  จึงไม่สะดวกที่จะเดินทางไปยื่นและกลับมารับเอกสารภายในสองวัน (ที่ต้องใช้เวลาทำการ) จึงเลือกที่จะใช้บริการด่วน...ที่จะได้ภายในวันเดียว นั่นหมายถึงต้องเสียเงินเพิ่มอีกเท่าตัว (ตามกฏ) แต่ก็เอาเถอะ..อย่างน้อยก็ไม่ต้องเหนื่อยเดินทาง หรือต้องไปปักหลักค้างอ้างแรม (เพื่อรอเอกสาร) กับญาติโยม..จึงยอมเสียเงินเพื่อซื้อความสะดวก ซึ่งมันก็ไม่ใช่เงินมากมายอะไร ดิฉันเดินทางเข้ากรุงเทพที่ต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงโขอยู่..พยายามให้ถึงกรมการกงสุลก่อนเวลาปิดทำการสามโมงครึ่ง (ซึ่งเขาแจ้งไว้ในใบประกาศ..) เพื่อที่จะยื่นเอกสารแบบ"บริการด่วน" โดยหมายใจว่าจะกลับมารับในวันรุ่งขึ้น เพราะจะเป็นทางผ่านของการที่จะกลับไปทำธุระแถวนั้นอีก ดิฉันไปถึงกรมการฯ ถนนแจ้งวัฒนะ...เป็นเวลาเกือบบ่ายสามโมง (ทั้งๆที่ออกเดินทางมาตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า)..สอบถามจากเจ้าหน้าที่ที่ชั้นล่างได้ใจความว่า ต้องไปที่ชั้นสามของตึก ก็เลยได้ขึ้นบันไดเลื่อนไปที่ชั้นสอง จากนั้นก็ขึ้นบันไดวนต่อไปถึงชั้นสาม..อันเป็นที่ทำการ ที่โต๊ะทำการรับเรื่อง..มีเจ้าหน้าที่ผู้ชายและผู้หญิงนั่งอยู่เคียงบ่าเคียงไหล่กันแค่สองคนนั้น..มีป้ายวางไว้ว่า..."ปิดทำการ" ดิฉันจึงถามถึงเวลาที่ปิดที่แน่นอน โดยนำกระดาษแผ่นนั้นมายืนยัน (จากภาพข้างบน)..ว่า..เวลาปิดทำการนั้นคือ "บ่ายสามโมงครึ่ง"   เจ้าหน้าที่ผุ็ชายทำสีหน้าเหนื่อยๆ...เจ้าหน้าที่ผู้หญิงได้ตอบอย่างแถๆว่า.. "เราปิดรับเรื่องเวลาบ่านสองโมงสี่สิบห้าค่ะ...แต่ที่เขียนไว้ว่าบ่ายสามโมงครึ่งนั่นหมายถึง..หมดเวลาทำงานของเจ้่าหน้าที่ข้างใน (ที่มีหน้าที่ในการการ"รับรอง"เอกสาร จะค้างเติ่งหรือเสร็จถึงใครก็ตามเวรตามกรรม) ดิฉันได้แย้งว่า..แล้วคนที่มาจากต่างจังหวัดล่ะคะ...เขาจะทราบไหมว่าคุณปิดการรับเรื่องเมื่อสองโมงสี่สิบห้า..เพราะการเดินทางในย่านนี้นั้นติดขัดพอสมควร? เจ้าหน้าที่หญิงพลอยทำสีหน้าออกแนวรำคาญนิดๆ ที่เห็นว่า..ดิฉันนั้นพอที่จะรูัจักสิทธิในความเป็นประชาชนในแผ่นดินพอสมควร จึงตอบอย่างเสียไม่ได้ว่า "ดิฉันเก็บของจะกลับบ้านแล้ว...แต่เอาเถอะ..ถ้าคุณจะยื่นก็ยื่นมา จะรับไว้ให้ แต่ต้องเขียนข้อความให้เสร็จในห้านาทีนี้นะ" "ดิฉันจะยื่นแบบด่วนพิเศษนะคะ.."  ดิฉันท้วงไป   ซึ่งเธอตอบว่า.. "ด่วนยังไง..ก็ไม่ได้วันนี้หรอกค่ะ.." "ดิฉันเข้าใจ..จึงอยากยื่นเพื่อที่จะมารับในวันพรุ่งนี้..ช่วงไหนสะดวกคะ" ทีนี้เจ้าหน้าที่ผู้ชายได้ทำพิกุลร่วงจากปากโดยพ่นออกมาว่า.. "กะเกณฑ์เวลาอะไรไม่ได้หรอกคุณ...เพราะเจ้าหน้าที่ที่จะต้องทำการรับรองเป็น"ข้าราชการระดับสูง" ก็ต้องแล้วแต่ความสะดวกของท่าน"     นี่ดิฉันฝันไปหรือเปล่า..ที่ได้ยินคำว่า "ข้าราชการระดับสูง"  หรือที่เราอาจจะได้ยินคนบางกลุ่มปาวๆว่าเป็น "อำมาตย์" ละมังเนี่ย..??? พูดถึง "อำมาตย์" นั้นก็เพราะด้วยอารมณ์ในยามนั้นเพราะมันพาไปถึงจุดที่"เข้าใจ" ว่ามันเป็นเช่นนี้เอง ขอรับรองได้ว่า..ดิฉันไม่มีสีเสื้อ..หรือฝักใฝ่กลุ่มใดในความแตกแยกที่ผ่านมา ดิฉันถือในความเป็นไพร่ฟ้าประชาชนที่จงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จากการที่เห็นความไม่เต็มอกเต็มใจของเจ้าหน้าที่..อีกทั้งเห็นว่า..ดิฉันควรจะต้องมาสัมผัส"การทำงาน"ของกรมการกงสุลด้วยตัวเองและเก็บเอาไปเป็นประสบการณ์ชีวิตเล่าให้เพื่อนฝูงลูกหลานฟังอย่างละเอียดด้วยตัวเอง จึงตัดสินใจบอกว่า.. "ไม่เป็นไรค่ะ..จะกลับมายื่นเองพรุ่งนี้เช้า.." เจ้าหน้าที่ทั้งสองมีความลิงโลดอย่างออกหน้าออกมา..รีบบอกด้วยไมตรีว่า.. "มาช่วงเช้านะคะ  เราเปิดแปดโมง..ถ้ามาเช้าๆเที่ยงก็เสร็จ.."   อ้อ...ค่อยใจชื้นขึ้นมาหน่อย... จากคุณ : WIWANDA เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 20:47:34

ความคิดเห็นที่ 2 ดิฉันพาตัวลงมาที่ชั้นล่าง..ที่เขาเรียกว่า คาเฟทีเรีย..หาอะไรทานรองท้องเพราะตั้งแต่เดินทางมายังไม่ได้ทานอาหารกลางวัน อีกทั้งยังเหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วโมงกว่าที่จะมีน้องมารับ จึงเหมาะที่จะนั่งคอยและหาอะไรใส่ท้องไปด้วย.. อาหารที่นี่ต้องซื้อด้วยคูปองเหมือนอย่างตามศูนย์การค้าทั่วไป..เลือกโต๊ะได้ก็วางสัมภาระที่มีกระเป๋าเดินทางล้อลากใบเล็กและกระเป๋าโน๊ตบุ๊คที่บรรจุเอกสารไว้บนเก้าอี้ตัวว่างตรงหน้า เลือกได้น้ำขวดหนึ่งและอาหารอีกหนึ่งอย่าง..สายตาก็กวาดไปหาของหวาน..ที่จะทานต่อไป..เป้าหมายคือ "รวมมิตร" เพราะอากาศในวันนั้น (หรือวันไหนๆ)ช่างอบอ้าวเสียจริง พอไปถึงตำแหน่งที่ขาย "รวมมิตร" ดิฉันเห็นหน้าตาแปลกๆของสิ่งที่อยู่ในโถแก้วใสข้างหน้า..พยายามถาม"คนขาย" ว่า..นั่นใช่รวมมิตรไหมคะ? คำตอบที่ได้ คือ ภาษาไทยที่ไม่แข็งแรงจากปากของคนขายที่มาจากประเทศเพื่อนบ้าน "ม่ะลู้ซิ..เด๋วต๋ามหั้ยยย.."  ว่าแล้วเจ้าหนุ่มน้อยนั่นก็หันไปเรียกเพื่อนชาติเดียวกันที่กำลังเก็บจานจากโต๊ะของดิฉันที่นั่งอยู่...คำตอบที่แปลมาให้ดิฉันคือ "ช่ะ.." อ้ะ..ใช่ก็ใช่... เจ้าหมอนั่น..ตักน้ำแข็งใส่มาให้เรียบร้อย..ปรากฏว่าพอมาถึงโต๊ะ..ตักเข้าปากคำแรก...มันคือ "บัวลอย" ค่ะ... ดิฉันหันไปหาขวดน้ำที่เพิ่งเปิดจิบไป...มันหายไปเรียบร้อย..เพราะคนเก็บโต๊ะต่างชาตินั้น..(เขาคงได้รับคำสั่งมาว่าให้เก็บให้หมด...ศรีธนญชัยเลยจัดเต็ม) เมื่อเรียกมาถามว่า..เอาขวดน้ำของดิฉันไปไหน? เด็กสาวนั่น หัวเราะแหะๆ..ตอบไม่รู้ภาษาแต่พอเดาได้ว่า..เอาไปทิ้งแล้ว..แล้วหล่อนก็รีบหลบหน้าหายแว้บไป... ขำก็ขำ...แต่..อยากทราบว่า..กรมการกงสุลที่มีชาวต่างชาติทั้งหัวดำหัวทองเดินกันขวักไขว่เข้าออกวันๆนับเป็นพันๆคนนี่..จะไม่เปิดโอกาสให้เด็กไทยได้ทำงานบ้างหรือ? หรืออย่างน้อย..ก้อให้โอกาสหารายได้พิเศษพร้อมฝึกภาษาไปด้วยสำหรับผู้ที่ต้องการทำงาน ขณะที่นั่งทนนอาหาร..ดิฉันได้กวาดตามองไปรอบๆ..เห็นร้านค้าที่มาตั้งอยู่มุมหนึ่งตรงทางออก..ก็คือ Puff and Pie (ของการบินไทย..)  ร้านหนังสือที่เป็นร้านใหญ่โตสวยงาม กับที่เป็นแผง (ไม่ทราบของใคร) และ..มีห้องหนึ่ง..ที่เปิดรับแปลเอกสารแบบด่วนทันใจ โดยเขียนไว้ว่า แปลโดยอดีตข้าราชการผู้ทรงคุณวุฒิ..ที่มีอยู่ที่เดียว..และเขียนไว้ว่าจะต้องนำมาแปลก่อนเที่ยง ไม่มีสำนักแปลอื่นๆ (มีสิทธิ) มาร่วมให้บริการด้วย.. นับว่าเป็นการปิดกั้นโอกาสของประชาชนที่ต้องการความเร่งด่วน อีกทั้ง"ดูเหมือน"เป็นการแสดงเจตน์จำนงค์แบบโจ่งแจ้งในกอบโกยผลประโยชน์ให้กับพวกเดียวกัน น้องมารับช้าไปนานพอสมควร..โทรเข้ามาในมือถือว่า.."รถติดมากเลยพี่..ผมอยู่ใกล้ขนาดมองเห็นตึกแล้ว แต่รถไม่ขยับไปไหนเลย" ดิฉันก็พลอยใจเสีย และเสียใจไปด้วย ที่การมาครั้งนี้..นับว่าไร้ประโยชน์เอาจริงๆ... จากคุณ : WIWANDA เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 20:50:53

ความคิดเห็นที่ 3 เช้าวันรุ่งขึ้น..ดิฉันกลับมาที่นี่อีกครั้ง หลังแปดนาฬิกาเล็กน้อย...ที่จอดรถเต็มไปแล้ว..ยามได้เอาแผงมากั้นหมดทุกช่อง ขออธิบายสภาพที่ตั้งสถานที่ทำการให้ทราบดังนี้ค่ะ..ตึกกรมการกงสุลนั้น..พื้นที่อยู่ในรูปของสี่เหลี่ยมจตุรัส (หรือผืนผ้าแบบไม่ยาวนัก) ตัวตึกตั้งอยู่ตรงการเกือบเต็มพื้นที่ ที่จอดรถนั้นอยู่ในชั้นใต้ถุนเพียงชั้นเดียว..จอดรถได้ประมาณสามร้อยกว่าคัน (?) ทางเข้าและทางออก คือการขับอ้อมตึกจากด้านขวา..และไปออกอีกด้านหนึ่งคือทางซ้าย จะเป็นรูปตัวยู   ถ้าคุณอยู่ที่ตึกและหันหน้าออกไปทางถนนแจ้งวัฒนะ..ซึ่งถนนของการขับอ้อมนี้..จะมีครีบเนื้อที่เล็กพอให้จอดรถอีกไม่มากนัก..ซึ่งเต็มเช่นกัน.. ดิฉันมองเห็นที่ว่างในที่จอดรถใต้ถุน ที่ยามได้เอาแผงเหล็กมากั้น..สอบถามยามได้ใจความว่า..เป็นที่ reserved ไว้ให้อำมาตย์..เอ๊ย...ข้าราชการที่ทำงานข้างบน น้องบอกว่า..ปรกติถ้ามาทำธุระก็จอดได้..จ่ายไปร้อยสองร้อย เดี๋ยวยามก็หาที่ให้.. เผอิญว่า..น้องแค่มาส่งเท่านั้น เพราะจะต้องไปทำงานต่อ..เราก็เลยไม่ต้องเสียเงินให้กับมาเฟียในสถานที่ราชการ แต่ประชาชนคนอื่นๆที่ต้องวนหาที่จอดรถนั้น..น่าเห็นใจมาก.. ดิฉันก็ว่ามาเช้าแล้วนะคะ...แต่ก็ยังไม่ทันกลุ่มผู้คนที่เดินขวักไขว่แบบไม่น่าเชื่อก่อนหน้า   รีบพาตัวเองไปชั้นสาม..เพราะรู้ตำแหน่งแล้วนี่.. เจ้าหน้าที่หญิงคนเดิมคนเดียว  (ชายยังไม่มา) มีแถวยาวเข้าคิวกันประมาณสิบคนก่อนดิฉัน.. สักสิบนาที..เจ้าหน้าที่ชายคนเดิมก็มาถึง..วางของเสร็จสรรพ..ดิฉันกำลังใจชื้นที่เห็นว่ามีคนทำงานมาเพิ่ม..แต่แป่วววว.. เพราะทันที่ที่ก้นของเจ้าหน้าที่ชายคนนั้นถึงกระดาน เจ้าหน้าที่หญิงก็ยกป้ายปิดทำการ..ลุกออกไปทันที..(คงได้เวลาเบรคมั้ง..แต่ยังทำงานไม่ถึงชั่วโมงเลย..??) แถวก็ย้ายไปทางฝั่งของเจ้าหน้าที่ผู้เพิ่งมา...กว่าจะถึงคิวของดิฉัน เจ้าหน้าที่หญิงก็กลับมานั่งทำงานต่อแล้ว.. เมื่อได้แจ้งความประสงค์ว่าขอรับรองเอกสารแบบด่วน..เธอก็ชี้ให้ดิฉันให้เดินไปทางลูกศรสีดำที่แปะเอาไว้ที่เสา..บอกว่า..ให้ไปหาซูเปอร์ไวเซ่อร์  (คงจะเป็นข้าราชการชั้นสูงที่เขาพูดถึงเมื่อวานกระมัง..?) ดิฉันเดินไปตามทางที่ลูกศรชี้..และพบว่าตัวเองไปถึงหน้าห้องห้องหนึ่ง..จึงเคาะเบาๆก่อนที่จะผลักประตูเข้าไป.. จากคุณ : WIWANDA เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 20:54:10

ความคิดเห็นที่ 4 โอ้วววว....แม่จ้าวววว...บรรยากาศภายในห้องหลอนได้ใจจริงๆ.. ขออธิบายค่ะ... ห้องสี่เหลี่ยมมืดๆทึมๆนั้น มีชุดโต๊ะเก้าอี้ทำงานไม้แบบเก่าๆสามสี่ชุดที่ตั้งเรียงเป็นรูปตัวแอล..แสงนีออนแผงเดียวที่ทำงานบนฝ้าเพดานอยู่นั้นไม่สามารถให้ความสว่างกับห้องที่ปิดม่านทึบทุกด้านได้.. ซูเปอร์ไวเซอร์ที่เป็นหญิงร่างผอมบาง นั่งทำหน้าหน้าเครียดอยู่บนโต๊ะทำงานตัวสุดท้ายอย่างโดดเดี่ยว..คนเดียวในห้องจริงๆ บนมุมโต๊ะของเธอ..มีโคมไฟตัวหนึ่งที่ช่วยในการส่องสว่าง..ซึ่งในขณะเดียวกันนั้น..มันได้สะท้อนไฟส่งไปบนใบหน้าของเธอจากมุมล่าง...เรียกได้ว่า.."ขวัญกระเจิง" กันเอาเลยมีเดียว ดิฉันไม่ทราบว่าเธอเป็นใคร..แต่เธอมีหน้าที่ตรวจสอบเอกสาร (ได้ในความมืด..เก่งชะมัด) ก่อนลงนามอันเป็นสำคัญที่จะนำไปยื่นทำการ ความเก่งที่ดิฉันคิดว่าเธอมีนั้น..คือสามารถตรวจเอกสารในความมืดขนาดนั้นได้ นับถือจริงๆ.. เธอพลิกเอกสารกลับไปมา..นานพอสมควร แต่เชื่อว่าถ้ามีความสว่างมากกว่านี้เสียหน่อย..งานของเธอคงจะเร็วขึ้น..อ่านแล้ว อ่านอีก.. หรือแม้จะเปรียบเทียบหน้าตาของผู้ที่เข้ามาพบกับในภาพถ่ายของบัตร ก็คงจะยาก เพราะตำแหน่งของที่นั่งประจันหน้านั่งกับเธอ ยิ่งมืดเข้าไปอีก พอเธอยิงคำถามมา..ดิฉันก็ประจักษ์ว่า..เธอไม่ได้อ่านข้อความ หรือ..อ่าน"ไม่แตก" ก็เป็นได้  เพราะเธอพูดขึ้นว่า.. "ใบรับรองเกิดนี่..จะต้องออกให้โดยถิ่นที่เกิดเท่านั้น "ที่อื่น"ออกให้ไม่ได้นะคะ" พูดพลางสายตาของเธอก็จ้องเขม็งไปที่บัตรประจำตัวของดิฉันที่เธอถือดูอยู่ในมือ..ที่มีที่อยู่ระบุไว้ถึง "ที่อยู่ในปัจจุบัน" ดิฉันเลยต้องชี้แจง..หรือจะเรียกว่าชี้ทางสว่างให้ก็คงได้มัง..ว่า.. "ใบเกิดนั้นได้ระบุว่าดิฉันเกิดที่ตามที่อยู่นั้น..จังหวัดนั้นจริง..มีพยานซึ่งเป็นญาติพี่น้องโดยสายเลือด อีกทั้งเป็นข้าราชการประจำจังหวัด และออกให้โดยส่วนราชการของท้องถิ่นตามตราจังหวัดที่ระบุ...ส่วนที่อยู่ในบัตรประจำตัวประชาชนนั้นคือที่อยู่ที่ได้ย้ายมาปักหลักลงฐานในปัจจุบัน..ค่ะ" เธอจึงมีสีหน้าที่เข้าอกเข้าใจขึ้น..และถามอย่างสงสัยว่า..จะให้รับรองในฉบับจริงเลยหรือหรือจะให้รับรองสำเนา (หมายถึงไปถ่ายเอกสารมาแล้วรับรองในนั้น) ดิฉันตอบไปว่า.. "รับรองฉบับจริงไปเลยค่ะ เพราะรับรองไปแล้วก็ต้องเอาไปแปลแถมจะต้องเอาไปให้กงสุลไทยในอเมริกาประทับตรารับรองคำแปลอีก" เธอก็เลยตวัดปากกาเซ็นชื่อลงนามมาให้... ซึ่งก็เสียเวลาไปตรงนั้นโขอยู่...สำหรับการนั่งในห้องที่สุดแสนสยองขวัญนั่น...!!!! ก่อนออกมา..อยากจะถามเหลือเกินว่า...ทำไมต้องจัดห้องให้หลอนขนาดนั้น..? ทำไม...ไม่แต่งห้องทำงานให้สวยงามด้วยรูปภาพสวยๆของเมืองไทย หรือ อะไรก็ตามที่แสดงออกถึงความสุนทรีย์..ให้ความชุ่มช่ำ ชุ่มชื่นกับสถานที่และเก้าอี้ตำแหน่งที่นั่งอยู่...?????? ไม่ใช่สักแต่ว่า ปิดม่านทึบทุกด้านแล้วกระหน่ำแอร์จนหายใจออกมาเป็นควัน.. แนะนำมาด้วยความเคารพจริงๆเลยค่ะ... แก้ไขเมื่อ 02 เม.ย. 55 21:32:20 จากคุณ : WIWANDA เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 21:04:23

ความคิดเห็นที่ 5 ดิฉันต้องนำเอกสารสองสามแผ่นนั่นกลับไปยังที่เดิม..หมายถึงสองเจ้าหน้าที่ชายหญิงคู่เดิม.. เข้าแถวเหมือนเดิม... คราวนี้ยาวกว่าเดิมเพราะเป็นโต๊ะด่านแรกที่รับทุกเรื่อง มองไปที่ฝูงประชาชนที่มาก่อนหน้าดิฉัน เห็นเขานั่งรอกันแน่นราวกับคนไข้รอการรักษาในโรงพยาบาลรัฐ.. ถามว่า...เขาส่งดิฉันกลับมาที่เดิมเพื่ออะไร...เพื่อที่เจ้าหน้าที่คนใดคนหนึ่งในสองคนนั้นจะดูว่าเอกสารนั้นผ่านการลงนามมาแล้วจากซูเปอร์ไวเซอร์นั้นถูกต้อง.. เพื่อที่เจ้าหน้าที่นั่นจะกดบัตรที่มีเบอร์คิวให้กับเรา..ซึ่งก็ใช้เวลาอีกประมาณครึ่งชั่วโมงกว่าดิฉันจะได้คิวเบอร์เก้าสิบแก่ๆ อยากจะถามว่า..แค่กดบัตรคิว..ทำไมซูเปอร์ฯคนนั้นถึงทำหน้าที่นี้ให้ไม่ได้...เพราะคนที่จะผ่านถึงเธอ..คือขั้นตอนที่สองแล้ว..ทำไมต้องให้ประชาชนที่มารับบริการต้องกลับไปเริ่มที่หนึ่งใหม่... จากนั้น..ดิฉันก็ไปนั่งคอยรวมกลุ่มกับฝูงชนที่ทุกคนต้องมาทนกับระบบที่ย้ำคิด ย้ำทำของผู้ที่เรียกตัวเองว่าเป็น "ข้าราชการ" มองไปรอบๆ..หลายคนมาพร้อมกับกระเป๋าเดินทาง (อย่างเดียวกับที่ดิฉันมาเมื่อวาน).. คุยกับหญิงสาวมุสลิมที่นั่งข้างๆ เธอบอกว่ามาจากต่างจังหวัดที่ไม่ใกล้นักมารับรองเอกสาร (เหมือนกับดิฉัน) ต้องมาอาศัยบ้านญาติที่ปทุมธานีสักสองสามวัน  ก็ตัดใจทำแบบราคาด่วนพิเศษใบละสี่ร้อยบาทไป..เอกสารหลายใบทั้งใบจริงและใบแปลคิดเป็นเงินก็หลายพันบาทอยู่ เธอก็ปรับทุกข์ให้ฟังแบบซื่อๆด้วยว่า..  เพราะไม่งั้นก็ต้องมาพักโรงแรม หรือมาอาศัยอยู่บ้่านญาติ ก็ต้องมาช่วยค่าน้ำค่าไฟ ค่ากินเขาด้วย..สองวันก็มีค่าใช้จ่ายหลายตังส์ สะระตะแล้วก็พอกันนะคะ เสร็จแล้วจะได้รีบเดินทางกลับบ้านด้วย..ห่วงลูก เราสองคนมีคิวใกล้ๆกัน..ของเธอก่อนดิฉันนิดหน่อย..เราก็เลยนั่งเป็นเพื่อนกัน.. คนรอบข้าง..ล้วนแต่วิ่งวุ่น เพราะขึ้นลงไปหาที่ถ่ายเอกสาร..มีนักเรียนจำนวนไม่น้อย..ไหนจะแรงงานต่างประเทศอีกเล่า..ทุกคนมากระจุกกันอยู่ที่นี่ประหนึ่งเส้นทางอยู่ที่คอขวด มองไปที่ผู้ทำงานหรือข้าราชการในหอคอยห้องกระจกข้างหน้า..เห็นว่าเป็นกลุ่มสตรีประมาณสิบคน..มีโต๊ะทำงานที่ว่างอยู่สองสามตัว..ในห้องนั้นแบ่งเป็นสองแถวที่มีกระจกคั่น.. แถวแรก..คือแถวที่รับบัตรคิว..ที่จะมีด้วยกันหกช่อง..แบ่งเป็นช่องรับเงินของเอกสารปรกติสองช่อง (มารับอีกสองวันข้างหน้า), ช่องเอกสารด่วนพิเศษ, ช่องรับใบเสร็จ และช่องรับเอกสารด่วนอันเป็นช่องสุดท้าย.. แถวทำงานที่สอง..นั่งกันอยู่ (ที่เห็น) คือ สองสาว..ที่จะเซ็นเอกสาร ซึ่งไม่แน่ใจว่าอะไร  เพราะ คนอื่นๆในแถวหน้าหกช่องนั้นจะต้องไปรับมาจากเธออีกที.. ทั้งหมดที่กล่าวมานี้คือ การทำงานของคนเพียงหยิบมือในการที่จะให้บริการแก่คนที่หลั่งไหลเข้ามาทั้งในแบบส่วนตัวและแบบในรูปบริษัทที่เห็นส่งเอกสารแบบเป็นปึ้งๆ.. ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมา..ก็ถึงคิวของเพื่อนสาวมุสลิมของดิฉัน...ก็หมายความว่า..อีกไม่กี่คนก็ถึงดิฉันแล้ว.. ทั้งนี้ทั้งนั้น..คือแค่จ่ายเงินเท่านั้นค่ะ...ขอโทษ..เงินสดเท่านั้น..ไม่รับบัตรเครดิตนะคะ.. เงินสดก็เงินสด...แต่อย่าหวังว่าจะได้เงินทอนแบบหมูไปไก่มา...ไม่มีในระบบราชการไทย..เพราะการทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยากให้สับสนวุ่นวายนั้นเป็นงานถนัดพิเศษ กล่าวคือ...จ่ายเงินไปแล้วต้องกลับไปนั่งคอย..รอเรียกชื่อให้มารับใบเสร็จ..ที่ต้องส่งไปยังส่วนบัญชี (ก็คงจะเป็นสองสาวแถวหลังนั่น) ขั้นตอนนี้..หมายถึงว่าเอกสารของคุณยังไม่ได้ไปไหนเลยนะคะ...แค่ถึงจุดรอที่จะใบเสร็จเพื่อเป็นหลักฐานเท่านั้น มาถึงตรงนี้ก็ปาไปสิบโมงกว่าเข้าไปแล้วค่ะ... จากคุณ : WIWANDA เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 21:10:16

ความคิดเห็นที่ 6 เมื่อดิฉันถูกเรียกชื่อให้ไปรับใบเสร็จ...เจ้าหน้าที่บอกว่า..ให้มาเช๊คเอกสารในตอนเที่ยง (สีหน้าเธอดูมั่นใจว่า เอกสารพร้อมรับในตอนนั้น)...เพื่อนสาวมุสลิมก็เช่นกัน.. เหลือเวลาอีกชั่วโมงกว่าๆ..ไปไหนก็คงไม่ทัน..เราเลยนั่งรอกันตรงนั้น เช่นเดียวกับมหาชนที่รายล้อมรอบตัว.. ครั้นจะให้ไปนั่งที่คาเฟทีเรียข้างล่าง ก็เข็ดเขี้ยวกับบริการของแรงงานต่างชาติ ดิฉันเลยฆ่าเวลาเอาหนังสือมาเปิดอ่าน..พร้อมกับดูบรรยากาศรอบตัว.. ใบหน้าของประชาชนที่มารับบริการนั้น..ไม่มีใครที่มีสีหน้าแจ่มใส ทุกคนอยู่ในสภาพที่ต้อง"จำทน" กับระบบที่พวกเขาไม่มีทางเลือก...เงินสำหรับการรับรองเอกสารฉบับละสองร้อย ใบแปลอีกสองร้อย รวมเป็นชุดละสี่ร้อย.. แต่ละคนไม่ได้มีชุดเดียว..อย่างน้อยก็ต้อง ใบเกิด บัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน ใบรับรองการทำงาน ใบรับรองการศึกษา..ยิ่งบางคนที่เปลี่ยนชื่อ ก็ต้องมีเอกสารเพิ่มขึ้นอีก ไม่นับเรื่องการเสียเงินจำนวนมากต่อหัวแล้ว..ไหนจะเป็นการเสียเวลาทำงานทำการ..เสียรายได้ที่พึงจะได้อีกเล่า..ล้วนแล้วแต่เป็นทรัพยากรที่หลั่งไหลไปสู่การทำงานที่นับวันแต่จะถอยหลังในประสิทธิภาพ เข้าขั้นด้อยพัฒนาเลยทีเดียว เที่ยงตรง..หลังจากที่ดูนาฬิกาไปนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว..ดิฉันกับเพื่อนสาวมุสลิมพากันเดินไปเข้าแถวที่ช่องหก..เพื่อถามถึงเอกสารว่าควรจะได้.. คำตอบคือ...น่าจะเป็นช่วงบ่าย...แต่บอกไม่ได้ว่าจะเป็นบ่ายเท่าไหร่..? ดิฉันโทรไปถามน้อง..ว่าจะเอาไง..เนื่องจากมีธุระในช่วงบ่ายนั้นด้วย.. น้องบอกว่า..ถ้าพี่ออกมาตอนเที่ยงจากละแวกนั้น..รถติดแบบนรกแตกเลยละพี่..ทางที่ดีรอไปอีกสักชั่วโมงดีกว่า..พอรถซาๆค่อยออกไปทำธุระที่ว่านั่น  ส่วนจะได้เอกสารหรือไม่เป็นไร ให้คนอื่นไปรับแทนให้ทีหลังก็ได้  เรื่องธุระสำคัญกว่า ดิฉันเลยเดินกลับไปถามเจ้าหน้าที่อีกทีว่า..ถ้าคนอื่นมารับแทนจะต้องใช้เอกสารอะไรคะ? เขาว่า.."ต้องใช้ใบเสร็จตัวจริงเท่านั้น..กับบัตรประจำตัวประชาชนของผู้มารับพร้อมกับนำสำเนามาด้วย.." ดิฉันก็เห็นว่า..ในเวลาที่เกร่ๆคอยรถซาเช่นนี้..ควรจะไปหาที่ถ่ายสำเนาใบเสร็จเอาไว้ซะด้วย จะได้เก็บเอาไว้ ส่วนใบจริงก็จะได้ให้กับน้องไป ในกรณีที่จะต้องมีผู้มารับแทน ถามถึงที่ถ่ายเอกสาร..อยู่ชั้นสอง..ตามคำบอกเล่า.. จากคุณ : WIWANDA เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 21:13:01

ความคิดเห็นที่ 7 แทบไม่เชื่อสายตา..... ที่ถ่ายเอกสาร (สัมปทานบริษัทไหนไม่ทราบ..) มีเพียงสองเครื่อง ประชาชนต้องยืนเข้าคิว (อีกแล้ว) ค่าถ่ายเอกสารใบละสองบาท ถ้าเป็นบัตรประจำตัวประชาชนต้องถ่ายสองด้านหน้า หลัง..สี่บาท.. เงินแค่นี้..ไม่เป็นปัญหา... แต่เวลาที่มีค่ากว่าเงินกว่าทองของบางคนทั้งฝรั่งทั้งไทยรวมไปถึงอีกสารพัดชาตินั้น..มันน่าอนาถนัก..ที่ต้องมาเห็นประเทศที่ปาวๆว่าอยากจะเข้าสู่อาเชี่ยน...มีกรมการกงสุลอันเป็นด่านหน้า..ที่ต้องให้บริการกับประชาชนหมู่มาก..มีเครื่องถ่ายเอกสารสองเครื่องที่ต้องรอพนักงานให้บริการ   เผอิญว่ามันเป็นตอนเที่ยง คนหนึ่งหยุดไปทานข้าว เหลือคนทำงานคนเดียว แถวเลยยาวไปแบบงูเลื้อย.. (ตามภาพ)   ฝรั่งคนหนึ่งที่ยืนหลังดิฉัน..โทรศัพท์คุยกับปลายสาย...บ่นก่นด่าถึงความไม่สะดวกนานานับประการ รวมไปถึงการเสียเวลา..ถึงแม้ดิฉันจะไม่ชอบใจนักกับการ"ด้อย" ในทุกเรื่องของเรา ดิฉันก็ไม่ได้ยินดีไปกับการที่ได้ยินคนอื่นมาตำหนิคนไทยด้วยกัน...แต่ก็คงไปแก้ตัวหรือแก้ไขอะไรได้..เพราะมันเป็นเช่นนั้นจริงๆ เผอิญว่า..ดิฉันมีทางออกในการที่ไม่ได้มีความจำเป็นแบบคอขาดบาดตายกับเอกสารที่นำไปรับรอง เนื่องจากมีก๊อกสองรอทำงานให้อยู่ จึงเอ้อระเหยไปตามสบาย เพราะไหนๆก็เสียท่ารอมาถึงบัดนี้แล้ว อีกสักชั่วโมงจะเป็นไรไป.. ได้ถ่ายสำเนาใบเสร็จมาได้  ซื้อซองสีน้ำตาลติดมือมาด้วย..กะว่า..ถ้ายังไม่ได้ในบ่ายโมงก็จะไม่คอยแล้ว  จะเอาใบเสร็จตัวจริงทิ้งไว้ให้น้องและเขียนที่อยู่ของตัวเองไว้ที่ซองเลย ยังไงก็ส่งเมล์ด่วนตามไปที่อเมริกาละกัน.. กลับขึ้นไปชั้นสามอีกที..บ่ายโมงเศษๆ..เพื่อนสาวมุสลิมนั่งหน้าแห้งๆอยู่..บอกว่าไปเช๊คมาเมื่อสิบนาทีที่แล้ว..ยังไม่ได้เลยค่ะ นั่นหมายความว่า..ประชาชนที่คอยไม่มีใครทราบว่าจะได้เอกสารเมื่อไหร่  ทั้งๆที่จ่ายเงินเบิ้ลเป็นสองเท่าของราคาที่กำหนด  สิ่งเดิยวที่ทำได้...คือต้องคอยเดินไปถามที่ช่องหกเป็นระยะ ระยะว่า.. เอกสารเสร็จหรือยังครับ (คะ)? อยากถามว่าทำไมไม่เรียกตามเบอร์ใบเสร็จ..ผู้คนจะได้กะเวลาถูก... ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้..เพราะระบบ"อำมาตย์" ที่จะให้ความสะดวกกับประชาชนนั้น..ไม่เคยปรากฏในประวัติศาสตร์ไม่ว่าของชาติไหนทั้งนั้น... อีกครึ่งชั่วโมง..ดิฉันไปถามดูอีกครั้ง..เป็นครั้งสุดท้ายจริงๆ...ว่า..ได้หรือยังคะ? คราวนี้เธอขอดูเลขท้ายในใบเสร็จของดิฉัน..พร้อมบอกว่า.. "โอย เบอร์นี้ยังไม่ถึงหรอกค่ะ...ต้องเลยบ่ายสองโมงไปแหละ" อ้าว...แล้วทำไมไม่บอกแต่ทีแรกตั้งแต่เช้านั่น..ว่าเอกสารที่ยื่นด่วนนั้น กรุณามารับก่อนบ่ายสามโมง..หรือถ้าจะมีผู้มารับแทน..กรุณานำใบเสร็จตัวจริงพร้อมสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน เพื่อที่ผู้คนจะได้ออกไปทำธุระ..ทำมาหากิน..ไปโรงเรียน..ฯลฯ   ไม่ใช่ต้องมานั่งกั๊ก สร้างภาพกันให้ดูเหมือนว่าทำงานเป็น... ดิฉันไม่ได้เขียนข้อความนี้ด้วยความขึ้งเคียดเป็นส่วนตัว เพราะไปพักผ่อน ไม่ได้ทำงานทำการอะไร  แต่เห็นมหาชนในที่นี้ทุกสถานะ ตั้งแต่แรงงานต่างด้าว นักเรียน คนทำงาน..ต้องไปเสียเวลากับการทำงานในระบบที่ไม่ประสงค์จะพัฒนาแบบนี้...จึงคิดว่าเสียงหนึ่งของดิฉันอาจมีค่ามากกว่าเสียงนกเสียงกาก็เป็นได้ เงินที่คิดเป็นค่าบริการด่วนพิเศษนั้น..ถ้าจะเพิ่มขึ้นมาอีกสักหน่อย ก็คงไม่มีใครว่าอะไรถ้าจะเอื้อความสะดวกกับประชาชนใน"การจัดจ้างเจ้าหน้าที่"ให้มานั่งทำงานไปถึงห้าโมงหรือห้าโมงครึ่งเพื่อที่จะมอบเอกสารให้สำหรับผู้ที่สามารถมาได้หลังจากเลิกงาน ซึ่งอาจจะใช้เจ้าหน้าที่เพียงแค่คนเดียวเท่านั้นสำหรับการณ์นี้..และเจ้าหน้าที่ไม่จำเป็นต้องอยู่บนตึก..จัดเป็นออฟฟิสหน้าประตูตรงทางเข้า หรือ ทางออกก็น่าจะได้ โลกในยุคอินเทอร์เน็ทนี้ หมุนเร็วมากจนคนต้องทำงานแข่งกับเวลาในทุกวินาที..ไม่มีใครเขามาชื่นชมกับการทำงานแบบส่งจากโต๊ะไปถึงโต๊ะ เช้าชามเย็นชามอีกแล้ว.. และขอร้องเถอะ..เลิกสร้างภาพด้วยการเขียนข้อความหรูๆในเรื่องวิสัยทัศน์ในการให้บริการแก่ประชาชนได้แล้ว.. เพราะ... พวกคุณไม่รู้และไม่สำนึกด้วยซ้ำว่า..การให้บริการนั้นแปลว่าอะไร..? แก้ไขเมื่อ 02 เม.ย. 55 21:27:00 จากคุณ : WIWANDA เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 21:25:49

ความคิดเห็นที่ 8 ช่วงปีที่ผ่านมา ผมแวะไปรับรองเอกสาร [legalize] สองครั้ง ยอมรับว่า เป็นช่วงที่ลำบากใจในการติดต่อ แต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ ครั้งล่าสุดยังติดน้ำท่วม ต้องรอจนกรมฯ ย้ายจากชั่วคราวที่ ถ. ศรีอยุธยากลับมา แต่ก็ไม่วายต้องเข้าไปนั่งอธิบายความกับหัวหน้าแผนก [Supervisor] ยังดีที่มีบริการส่งเอกสารทางไปรษณีย์ลงทะเบียน หาไม่คงต้องถ่อจากพระโขนง เพื่อไปรับเอกสารที่จะเสร็จเรียบร้อยวันรุ่งขึ้น แก้ไขเมื่อ 03 เม.ย. 55 10:28:31 จากคุณ : PICCANINNY'S DAD เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 22:04:25

ความคิดเห็นที่ 9 มุมที่ถ่ายเอกสารมุมนี้ ผมเข็ดจนตาย ๕๕๕ ตอนนั้นมีคิวสองแถวด้วย ปวดหัวแทนคนถ่ายคนเดียว เจอกับผมได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น เพราะครั้งถัดๆ มา ผมถ่ายทุกๆ ต้นฉบับไว้เป็นสิบๆ แผ่นแถวบ้าน (แบบใบละบาท) แต่ยังไงก็ต้องทนทำ เพราะเดี๋ยวต้องไปต่อสถานทูตที่ ตปท. อีก ทำไงได้ จากคุณ : PICCANINNY'S DAD เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 22:09:07

ความคิดเห็นที่ 10 ดิฉันพลาดไปเอง..ที่"เหลิง" ดีใจไปกับการบริการระดับท้องถิ่น เช่นอำเภอ หรือ อบต. (ในจังหวัดที่เป็นภูมิลำเนา)  เพราะที่นั่นให้การบริการอย่างสุดประทับใจ ไม่มีการหยุดพักเที่ยง..เพราะเขาจัดเวรไว้ให้ครอบคลุมเวลาทั้งหมด และ...ทุกคนมีความกระตือรือล้นในการทำงาน.. เข้าพบ"หัวหน้า" หรือ "ผู้ช่วย" ได้ทุกเมื่อ... ทั้งๆที่ดิฉันไปโดยที่ไม่รู้จักใครเลย.. จึงแปลกใจพอสมควร..นอกเหนือไปจากความดีใจที่เห็นว่าการสื่อสารในระบบราชการของเรานั้นลิงค์ไปได้ถึงกันหมด อีกทั้งได้เห็นคนทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ในอำเภอเล็กๆดิฉันไปทำบัตรประชาชน..ไปในช่วงใกล้เที่ยง...เสร็จสิ้นในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง.. ไม่ว่าถามเรื่องอะไร...มีผู้ให้คำตอบได้อย่างเป็นงานเป็นการและได้ใจความ น่าชื่นชมจริงๆค่ะ... จากคุณ : WIWANDA เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 22:27:50

ความคิดเห็นที่ 11 ด้วยความเห็นใจในความรู้สึกของท่านเจ้าของกระทู้.....ขอเรียนท่านดังนี้ 1. โปรดเรียบเรียงเหตุการณ์ให้ดี  แล้วทำเป็นหนังสือร้องเรียนไปยังอธิบดีกรมการกงสุล  กระทรวงการต่างประเทศ  นายสุรพล  เพชรวรา ...  เรื่องนี้จะลงไปยัง  นายไกรระวี  ศิริกุล ผู้อำนวยการกองสัญชาติและนิติกรณ์  ผู้รับผิดชอบดูแลโดยตรง ทั้งนี้  ให้ทำสำเนาเรียนปลัดกระทรวงการต่างประเทศอีก 1  ฉบับ  ด้วย........ ผู้ใหญ่ในกระทรวงฯนี้เขาไม่นิ่งดูดายเป็นแน่ และหากจะย้ำให้แน่ด้วยการส่งสำเนาถึง น.ส.พ.ใหญ่ๆ  เช่น ไทยรัฐ  อีกสักฉบับ  ก็จะดีไม่น้อย แต่ท่านต้องทำเป็นหนังสือในรูปแบบ  เอาความ  เอาเรื่องเอาราว  มิใช่แค่ระบายอารมณ์เท่านั้น............และที่สำคัญ ท่านต้องลงชื่อจริง พร้อมที่อยู่   มิใช่นามแฝง  และหมายเลขโทร. ติดต่อได้  เขาจึงจะเชื่อว่าเป็นเป็นเรื่องจริง  ท่านเดือดร้อนจริง  มิใช่เพียงระบายอารมณ์  หรือเพื่อการกลั่นแกล้งเจ้าหน้าที่  .......ซึ่งจะทำให้เขาพิจารณาให้ความเป็นธรรมแก่ท่าน  และเพื่อประโยชน์ของประชาชนทั่วไปได้เต็มที่ การใส่นามแฝง  หรือใช้ชื่อปลอม...หน่วยราชการ  หรือในวงการทั่วไปเขาถือว่าเจ้าตัวเองยังไม่แน่ใจ...หรือหลอกลวง.......ซึ่งเขาจะมองแค่เป็นบัตรสนเท่ห์เขียนมากลั่นแกล้งเจ้าหน้าที่  หรือระบายอารมณ์  ดังนั้น  เขาอ่านแล้วแล้วก็จะโยนทิ้งลงตะกร้าไป ส่วนหมายเลขโทร.ติดต่อได้...ก็เพื่ออาจเชิญตัวท่านมาให้ปากคำเพื่อผูกมัดเล่นงานเจ้าหน้าที่ชั่วๆ เหล่านั้นให้อยู่มือ...ซึ่งไม่มีอันตรายต่อท่านแต่อย่างใด 2.  สำหรับท่านผู้เข้ามาอ่านกระทู้นี้...ก็ต้องทำใจเป็นกลางก่อน....ฟังหูไว้หู...เพราะท่านเจ้าของกระทู้มิได้ระบุชื่อจริง แก้ไขเมื่อ 03 เม.ย. 55 00:26:11 จากคุณ : Detente เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 55 00:13:36

ความคิดเห็นที่ 12 หน่วยงานนี้เคยไปใช้บริการตอนสมัยเปิดย้ายสำนักงาน ไปใหม่ ๆ  ก็น่าจะสิบกว่าปีได้นะคะ ก็เร็วพอใช้ค่ะ  ไม่ต้องรอนานนัก จำได้ว่ายุคสามสิบกว่าปี  ไปเป็นเพื่อนให้เพื่อนเข้าคิว เพื่อทำพาสปอร์ตที่ถนนศรีอยุธยา  เพื่อนกับดิฉัน ต้องออกจากบ้านเพื่อไปถึงที่นั่นก่อนท้องฟ้าสว่าง (บ้านของพวกเราไม่ได้ห่างไกลจากถนนย่านนั้นนัก) ทุกคนนั่งยอง ๆ กับพื้นลานกว้าง อย่างกับมานั่งขอส่วนบุญ พอยุคหลังเห็นระบบการทำพาสปอร์ตปรับเปลี่ยนก็อดชื่นชมไม่ได้ ก็ไม่คิดว่าหน่วยงานที่แยกตัวออกไป และมีสำนักงานทำการแยกต่างหาก จะปล่อยตัวไม่ปรับปรุงการให้บริการ เพื่อตอบรับกับปริมาณของประชาชน ซึ่งก็น่าจะทราบดีว่ามีปริมาณเพิ่มขึ้นมาทุกปี ปัจจุบันดิฉันใช้บริการรับรองคำแปลที่สถานทูตไทยค่ะ ค่าบริการมากหน่อย แต่มีบริการส่งเอกสารคืนให้ทางไปรษณีย์ (ส่วนการเดินทางไป  ก็แน่นอนค่ะ ต้องใช้จ่ายมากเนื่องจากไม่ได้อาศัยอยู่ในเมืองหลวง) จากคุณ : บีพี เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 55 00:40:58

ความคิดเห็นที่ 13 เมื่อต้นปี หนูกลับเมืองไทยไปทำบัตรประชาชนใหม่ ก้อ ง่าย ๆ แป๊บเดียวเองค่ะ แต่อ่านที่คุณป้าวิ เอามาโพสต์แล้วมองเห็นภาพเลยค่ะ เฮ้อออออ.... เข้าใจหัวอกคนที่เสียเวลาไปรอเลยค่ะ... จากคุณ : snow... เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 55 00:42:40

ความคิดเห็นที่ 14 เจ้าของกระทู้ที่คุณ Detente พูดถึง สมาชิกกับพันทิบที่มีบัตรประจำตัวประชาชนยืนยันในสถานะภาพสมาชิกค่ะ... อีกทั้ง..ดิฉันก็กล้าที่จะเขียนเรื่องราวร้องทุกข์ด้วย.. หากแต่..จากเหตการณ์ที่ได้ไปสัมผัสด้วยตัวเองมา...มองไม่เห็นประโยชน์อันใด เพราะระบบนั้นมันเป็นสนิมฝังในเนื้อในเสียแล้ว.. คุณคิดว่านามของคนใหญ่คนโตที่คุณให้มานั่น..เขาจะสนใจที่จะปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงให้มันดีขึ้นเพราะจากคำร้องเรียนหรือคะ? ดิฉันว่า..ตลกซะละมาก... คนเราถ้านั่งทำงานอยู่ตรงนั้น..ไม่รู้ไม่เห็นความเป็นไปในกรมกองของตัวเองว่าประชาชนต้องมาเสียเวลากันเป็นวันๆ เพราะการทำงานที่หย่อนประสิทธิภาพ, ไม่รัดกุม..ซ้ำออกแนวเช้าชามเย็นชาม ก็ไม่ควรที่จะเสนอหน้ามารับเงืนเดือนที่เป็นภาษีของประชาชน... และที่สำคัญ..งานนี้ไม่ใช่ฟรีนะคะ...ค่ารับรองเอกสาร"แผ่นละ..สองร้อยบาท" ทั้งต้นฉบับ..รวมที่แปลมา.."ชุดละ สี่ร้อย" ไม่นับค่าเอาไปแปลอีกอย่างน้อยก็ต้องสามสี่ร้อย..บางเอกสารอาจถึงพัน.. และถ้าต้องการด่วน..ก็ต้องเสียเพิ่มอีกเท่าตัว.. รายได้เข้ากรมฯมหาศาลขนาดนั้น...แต่การทำงานเป็นแบบที่แจงมาให้ฟัง ดิฉันว่ามันเข้าข่ายขูดรีดประชาชนแล้วละค่ะ... จากคุณ : WIWANDA เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 55 00:48:52

ความคิดเห็นที่ 15 น้องๆหลานๆ อ่านแล้วต้องเข้าใจนะคะ ว่า ดิฉันเอ่ยถึง "กรมการกงสุล แผนกรับรองเอกสาร"  ทีเดียว... ส่วนแผนกอื่นๆไม่เกี่ยวค่ะ เพราะไม่ได้เข้าไปสัมผัส..ทุกข้อความที่เล่ามาก็เหมือนกับเอาบันทึกความทรงจำ"ที่เป็นความจริงที่เกิดขึ้น"มาให้อ่านกัน.. จากคุณ : WIWANDA เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 55 00:54:43

ความคิดเห็นที่ 16 มองเห็นภาพชัดเจนเพราะเคยเจอความงี่เง่ามาแล้ว ต้องไปแต่เช้าค่ะแล้วฟาดฟันทีละขั้นตอน ดิฉันเป็นคนไม่ยอมใครเหมือนกัน เจ้าหน้าที่ตรงช่องยื่นเรื่องพูดจาไม่ดีขึ้นเสียงใส่ ดิฉันก็สวนกลับตรงนั้นว่าอย่าเอานิสัยที่บ้านมาใช้แถวนี้ เพราะดิฉันมารับบริการและจ่ายเงินไม่ได้มาขอฟรีๆ รู้มาว่าถ้าจ้างบริษัทที่รับแปลด่วนโดยลูกค้ามอบฉันทะให้เดินเรื่องแทนทั้งหมด จะได้รับความสะดวกอย่างมาก หลายคนยอมจ่ายเพื่อสุขภาพจิตและเวลา คุยกับเพื่อนที่ใช้บริการบริษัทพวกนี้ เขาบอกว่าได้รับเอกสารรวดเร็วทันใจส่งถึงบ้านตามกำหนด มันช่างต่างกับคนที่ไปเดินเรื่องเองราวฟ้ากับเหว จากคุณ : เพื่อนร่วมชะตากรรม เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 55 02:38:40 A:90.224.230.145 X: TicketID:159141

ความคิดเห็นที่ 17 สนับสนุนกระทู้ ของ จขกท ซึ่งอธิบายได้เห็นถึงภาพของการทำงานของเจ้าหน้าที่เป็นเยี่ยงนั้นจริงๆ แม้กระทั่งห้องซุปเปอร์ไวเซอร์ สภาพยังกับห้องพักครูในโรงเรียนปฐมในชนบท  เพราะว่าดิฉันก็พบเจอมากับตัวเอง    โดยเริ่มตั้งแต่เดินขึ้นบันไดไปชั้นสาม เพื่อรับรองเอกสาร ไม่อยากจะเชื่อภาพที่เห็นตรงหน้า คือประชาชนยื่นรอใช้บริการมากมาย แต่ด่านแรกมีเจ้าหน้าตรวจเช็คเอกสารก็เป็นนักศึกษาฝึกงาน ซึ่งไม่ดูแล้วไม่มีความมั่นใจในการทำงาน ซึ่งจริงๆ หากจะมีนักศึกษาฝึกงานก็ต้องมีเจ้าหน้าที่ตัวจริงคอยซัพพอต น้องนักศึกษาด้วย แต่ตอนที่เราไปก็ไม่มีเจ้าหน้าที่ตัวจริงคอยนั่งให้คำปรึกษาเลย ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเป็นแบบนั้น   และอีกหลายอย่างที่เห็น ร้านถ่ายเอกสาร ร้านรับแปลเอกสาร ฯลฯ อีกอย่างทำไมต้องเขียนหนังสือร้องเรียนไปยังผู้ใหญ่ ตำแหน่งสูงๆ ทั้งหลาย คิดว่าไม่จำเป็นหากคุณสนใจ และใส่ใจ เดินลงมาตรวจตราสภาพบรรยากาศในการทำงานขององค์กรของคุณใหญ่ๆ โตๆ ทั้งหลายคุณก็คงเห็นสภาพการทำงานที่เหมือนจะถอยหลังลงคลองทุกวัน จากคุณ : Ooy1_chan เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 55 08:39:22

ความคิดเห็นที่ 18 ดิฉันก็เคยต้องไปขอรับรองเอกสารจากที่นี่เหมือนกันค่ะ และมาคอนเฟิร์มว่าการทำงานของสำนักงานแห่งนี้ "ไม่มีระบบ"โดยสิ้นเชิง ทำไปตามมีตามเกิดทำไปตามยถากรรม คิวยาวเป็นร้อยๆพันๆ นั่งรอเช้าจรดเย็นห้ามขยับไปไหน และเวลาถูกเรียกแล้วก็ไม่ค่อยเสร็จ จะต้องมาคอยให้เรียกใหม่ซ้ำๆซากๆอยู่สองสามครั้งถึงจะเรียบร้อย เจ้าหน้าที่ก็เหลือรับประทานอย่างที่คุณเจอนั่นแหละค่ะ ... ดิฉันกลับเมืองไทยแล้วเห็นกระเป๋ารถเมล์ปรับอากาศพูดจาดีขึ้นผิดหูผิดตาผิดจากสมัยก่อน กลับเมืองไทยได้รับบริการที่ยอดเยี่ยมจากเจ้าหน้าที่ระดับเทศบาล อำเภอ จังหวัดของที่บ้าน (ซึ่งหลายสิบปีก่อน ก็ไม่ต่างจากกรมการกงสุลหรอก ที่สิบปีเศษๆไห้หลังมานี้ หน่วยงานราชการในต่างจังหวัดพัฒนาไปมากจริงๆ บริการรวดเร็ว มีสมองคิดจัดระบบอำนวยความสะดวก เจ้าหน้าที่พูดจาดีเป็นส่วนใหญ่ และเอกสารส่วนใหญ่ได้เร็วไม่เกินสามชั่วโมง พูดกันทีเดียวรู้เรื่องเสร็จจบ) แต่กรมการกงสุลนี่เจ็บได้ใจคนไทยในต่างประเทศสุดๆ เพราะเราต้องไปใช้บริการซึ่งผูกขาดแต่แจ้งวัฒนะแห่งเดียว คนต่างจังหวัดอย่างดิฉันไม่มีทางเลือกต้องมาทำธุระติดต่อกับที่นี่ เข้าใจค่ะ เข้าใจคุณเจ้าของกระทู้ และก็อยากส่งเสียงไปถึงกรมการกงสุลด้วยเหมือนกันว่า หากไม่เหลือบ่ากว่าแรงควรพัฒนาระบบการทำงานให้ได้เทียบเท่าหน่วยงานอื่นๆในประเทศที่เค้าพัฒนากันมากขึ้นแล้ว แม้กระทั่งกระเป๋ารถเมล์ปรับอากาศเค้ายังมีพัฒนาการที่น่าชื่นชมอย่างชัดเจนในรอบสิบกว่าปีที่ผ่านมา และหากเป็นไปได้ควรกระจายอำนาจการทำงานไปตามส่วนภูมิภาคบ้างไม่ใช่อยู่ห่างเป็นร้อยเป็นพันกิโลเมตรก็ต้อง ถ่อสังขารมารอข้ามวันข้ามคืนหาที่หลับที่นอนไม่ได้ จากคุณ : อ่าวโตเกียว เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 55 09:25:53 A:125.203.118.71 X: TicketID:299625

ความคิดเห็นที่ 19 ความคิดเห็นที่ 16   มองเห็นภาพชัดเจนเพราะเคยเจอความงี่เง่ามาแล้ว ต้องไปแต่เช้าค่ะแล้วฟาดฟันทีละขั้นตอน ดิฉันเป็นคนไม่ยอมใครเหมือนกัน เจ้าหน้าที่ตรงช่องยื่นเรื่องพูดจาไม่ดีขึ้นเสียงใส่ ดิฉันก็สวนกลับตรงนั้นว่าอย่าเอานิสัยที่บ้านมาใช้แถวนี้ เพราะดิฉันมารับบริการและจ่ายเงินไม่ได้มาขอฟรีๆ รู้มาว่าถ้าจ้างบริษัทที่รับแปลด่วนโดยลูกค้ามอบฉันทะให้เดินเรื่องแทนทั้งหมด จะได้รับความสะดวกอย่างมาก หลายคนยอมจ่ายเพื่อสุขภาพจิตและเวลา คุยกับเพื่อนที่ใช้บริการบริษัทพวกนี้ เขาบอกว่าได้รับเอกสารรวดเร็วทันใจส่งถึงบ้านตามกำหนด มันช่างต่างกับคนที่ไปเดินเรื่องเองราวฟ้ากับเหว จากคุณ : เพื่อนร่วมชะตากรรม   เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 55 02:38:40 A:90.224.230.145 X: TicketID:159141   ------------------------------------------------------------------------- เขาทำวนเวียนอยู่ตรงนั้น สนิทสนมกันด้วยตัวบุคคล พูดจาเจอหน้ากันอยู่บ่อยครับ ถ้าเรามีเงินพอจ้างให้เขาทำ ก็รอเอกสารสบายใจอยู่ที่บ้าน ไม่ต้องมารอคิวที่กรมฯ  อาชีพนี้มีอยู่แทบทุกที่ แม้แต่ขอวีซ่า บางสถานทูต เจอพวกทัวร์คอนแทรคต์ เข้าไปวิ่งวีซ่าแทน ลูกทัวร์  งานก็ไปฉิว ปล่อยเรานั่งรอมองตาปริบๆ ถ้าเจอพวก สนง. ขนส่ง ก็มีมืออาชีพ คอยรับบริการอำนวยความสะดวก ทำใจ เอ้ย...ปวดหาย เอ๊ะยังไง...... แก้ไขเมื่อ 03 เม.ย. 55 10:26:32 จากคุณ : PICCANINNY'S DAD เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 55 10:22:40

ความคิดเห็นที่ 20 สวัสดีครับพี่วิ ความเป็นมืออาชีพ และบรรทัดฐาน มาตราฐานในการวัดการทำงานไม่มี ถ้ากำหนดเป้าหมายชัดเจนว่าจากสถิติมีการออกเอกสารแต่ละวันได้เท่าไหร่? ตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะทำให้ได้เพิ่มอีกร้อยละเท่าไหร่ ภายในทุกๆเดือน หน่วยงานก็จะมีประสิทธิภาพมากขึ้น ปัญหาคือ ไม่รู้ใครจะเป็นคนกำหนด จากคุณ : Thomas (vatis) เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 55 10:23:37

ความคิดเห็นที่ 21 อ่านแล้วหนาวค่ะพี่หวาน ไปติดต่อสถานที่ราชการไทยบางแห่ง บางทีก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเจออะไร ที่ดีๆก็มี หน้างอเหมือนโกรธกับเรามาเป็นร้อยปีก็มี ไม่รู้ว่าอะไร นอกจากจะว่าคงเป็นคราวซวยของเราที่ต้องไปเจออะไรอย่างนั้น อยู่เมกามานานๆมันก็เกิดอาการ spoil กับระบบดีๆที่เขามีให้เหมือนกันนะพี่ อย่างว่าแหละ.. มันคนละประเทศ บางทีเราก็ต้องยอมรับความไม่สะดวกอย่างมาก ถึงมากที่สุดที่มันเป็นมา และก็คงจะเป็นไป ต่อไป จากคุณ : PatPDX เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 55 10:25:08

ความคิดเห็นที่ 22 เพิ่งไปรับรองใบเกิดหลาน มาเมื่อสองเดือนที่แล้วเหมือนกันค่ะ ไม่ได้ติดใจ ติดขัด กับขั้นตอนทำงานเท่าไหร่ เพราะ วันที่ไป คนไม่เยอะมาก แต่ก็เจอ จนท (ที่ตรวจรับเอกสาร) ที่ทำให้อิฉันรู้สึกว่า มีหน้าที่อำนวยความสะดวก หรือหาความไม่สะดวกให้ผู้มาติดต่อ กันแน่ สนับสนุน คุณป้าวิ ให้ทำหนังสือร้องเรียนค่ะ จากคุณ : letsgokrabi เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 55 13:05:55

ความคิดเห็นที่ 23 เรื่องเหมาจ่าย แบบบริการครบวงจรนั้น ทางบริษัทที่รับแปลได้เสนอให้บริการกับดิฉันแล้วค่ะ แบบว่านั่งรออยู่ที่บ้านเฉยๆ เดี๋ยวจะส่งมาให้  เพียงแต่มันต้องใช้เวลาหลายวัน เพราะกว่าจะส่งใบมอบอำนาจกันไปมา.. และดิฉันเห็นว่ามีบริการด่วนพิเศษ อีกทั้งจะต้องเข้ากรุงเทพอยู่แล้ว.. ก็เลยจัดเวลาเพื่อเข้าทำการด้วยตัวเอง... สำหรับดิฉันเองนั้น ไม่เท่าไหร่หรอกค่ะ เพราะมีน้องมาช่วยเป็นสารถีให้ มีที่พักให้พร้อม  แต่ระบบที่เล่ามานี้...ดิฉันเห็นใจเพื่อนร่วมชะตากรรมที่ต้องมาจากต่างจังหวัดไกลๆ อย่างเพื่อนสาวมุสลิมที่เล่ามา..เธอบอกว่าสิ้นเปลืองมากกับเรื่องนี้...ไปกลับวันเดียวไม่ได้ ต้องค้างคืนอยู่ดี (บริการด่วนพิเศษแท้ๆ) เพราะไม่อยากต้องนั่งรถตู้กลับบ้านในยามค่ำคืนคนเดียว ส่วนคนที่ไม่อยากเสียเงินดับเบิ้ล..ต้องมาหาที่อยู่รอในกรุงเทพ ซึ่งค่าใช้จ่ายต่อวันนั้นแพงมาก...ซึ่งทำให้ต้องเกิดการคิดเลขกันไป..ว่าจะเสียอย่างไหนถึงจะคุ้มกว่า.. จากคุณ : WIWANDA เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 55 13:08:28

ความคิดเห็นที่ 24 แป๊ดที่รัก.. พี่ไม่คิดเปรียบเทียบกับอเมริกาเลยจริงๆ..เพราะเรื่องเงินค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับเอกสารนั้น อเมริกาก็โหดพอๆกันนั่นแหละ แต่เมื่อเทียบกับอัตราของรายได้ของประชากรแล้ว..มันก็สมน้ำสมเนื้อ... แต่พี่เทียบการบริการของกรมการกงสุลกับการทำงานของระดับอำเภอในต่างจังหวัด...ราวกับฟ้ากับเหวเลยละค่ะ... แป๊ดรู้ไหม..ที่ตอนพี่ไปทำบัตรประชาชนใหม่ ตรงที่ถ่ายรูป เขามีหวีสะอาดๆ แป้ง(กระป๋อง) และลิปสติก พร้อมกระจกวางไว้บริการให้ใช้อีกด้วย เผื่อว่าอยากจะให้รูปออกมาสวยๆ.... เจ้าหน้าที่หน้าตายิ้มแย้ม...เมื่อพี่ขอเอกสาร"ตัวจริง" เพิ่มอีกใบหนึ่ง เนื่องจากต้องใช้ในสองประเทศ...ก็เข้าอกเข้าใจดี เปิดคอมพ์กดพริ้นท์ให้แบบทันควัน อีกทั้งนำไปให้นายอำเภอลงนามรับรองแบบคนคล่องงาน... และที่สำคัญคือ...มีหัวใจต่อการทำงานในการให้บริการมวลชน จากคุณ : WIWANDA เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 55 13:20:58

ความคิดเห็นที่ 25 คุณ letsgokrabi จ๋า.. ป้าว่าเรื่องร้องเรียน..ส่งไปก็เท่านั้น เพราะเราคงไม่ใช่รายแรกที่เขียนไป เดี๋ยวนี้..เราก้ต้องใช้ โซเชี่ยล เน็ตเวิร์ค ให้เป็นประโยชน์ มันจะฟ้องและป่าวประกาศให้เราเอง.. ที่เขียนขึ้นมา..หาใช่ว่าจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้ไม่..เพราะมันเป็น"สนิมฝังใน" เสียแล้ว..ดูเอาแล้วกัน เริ่มจากยามที่เฝ้าที่จอดรถเลย.. ไม่มีอะไรที่บ่งบอกว่าเป็นสถานที่ราชการเพื่อประชาชน... ทุกอย่างเป็นงานที่ออกแบบมาเพื่อเอื้อพวกพ้อง... ประชาชนคือ"ผู้รับเคราะห์กรรม" ที่ต้องเสียทั้งเวลา อารมณ์  ซ้ำไหนจะเงินทองที่เป็นจำนวนไม่น้อย อีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ไทยเราจะเข้าสู่อาเซี่ยน ASEAN  (The Association of Southeast Asian Nations) ที่กอร์ปไปด้วย  บรูไน, พม่า, เขมร, ฟิลิปปินส์, อินโดนีเซีย, สิงคโปร์, ลาว, อิโดนีเซีย, เวียดนาม  และ ไทย รวมไปถึงการเปิดตลาดการค้ากึ่งเสรีที่เรียกว่า  World Economic Forum on East Asia 2012  จะเปิดการประชุมที่กรุงเทพปลายเดือนพฤษภาคมนี้.. นั่นหมายถึงการเปิดตลาดอินเตอร์ให้กับการค้าขายระดับกลางถึงล่างลงไปให้กว้างขวางออกไปอีกแบบที่ใช้ในยุโรป แต่..การทำงานของกรมการกงสุลยังเป็นแบบนี้...มันจึงฟ้องว่า.. รัฐบาลของเราถนัดเฉพาะกับงานออกแบบขนาดยักษ์ที่เรียกกันว่า เมกะโปรเจ็คส์  ที่ต่อยอดขึ้นไปเรื่อยๆเพื่อหน้าตาและชื่อเสียง.. ส่วนฐานที่รองรับมันจะง่อนแง่น..ผุพัง..ไร้สภาพเพียงใดนั้น.. เขาสมัครใจที่จะกวาดมันไปซุกไว้ใต้พรมอยู่อย่างนั้น..เพราะงานพัฒนาของ เก่าให้ดีขึ้น..มันเป็นงานที่ต้องลงแรงมากมาย เหมือนกับเหนื่อยเปล่า เอากระดูกมาแขวนคอ แถมอาจมีศัตรู...จึงไม่มีใครอยากแตะต้อง.. ประชาชน.....คือ  ผู้ที่ต้องมารับกรรมอย่างไม่มีทางเลี่ยง...!!!!! จากคุณ : WIWANDA เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 55 13:55:41

ความคิดเห็นที่ 26 ขอบคุณมากทค่ะคุณวิ ที่นำเรื่องมาแชร์ .... ดิฉันก็มีประสบการณ์แย่ๆแบบนี้มากมายเกี่ยวกับ จนท รัฐ ในเมืองไทย แต่เล่าไม่เก่งและจะเสียเวลาเรียบเรียงมาก .... ดิฉันไม่ข้องใจเรื่อง คุณวิไม่ใช้ชื่อจริงสกุลจริง เพราะเป็นล้อคอินที่พันทิพมีเลขบัตรประชาชนแล้วด้วยซ้ำ และคนที่เป็นแฟนคลับคุณวิตลอดหลายๆๆๆปีมาก็จะทราบว่าคุณวิเป็นคนตรงไปตรงมา เปิดเผยตัวตน .... อืมมม .... อยากให้ผู้เกี่ยวข้องนำไปทบทวน ปรับปรุงแก้ไขค่ะ จากคุณ : nijja เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 55 14:23:00

ความคิดเห็นที่ 27 ^ สวัสดีค่ะ คุณนิด (nijja) ดิฉันมองเห็นภาพโดยรวมน่ะค่ะ  ว่าที่มันเป็นอย่างนี้เพราะการวางระบบล้วนๆ ระบบเยิ่นเย้อมาก..ขนาดไปจ่ายเงินแล้ว ต้องกลับมานั่งรอ"ใบเสร็จและเงินทอน" อีกนานพอสมควร เนื่องจากต้องส่งไปอีกโต๊ะหนึ่ง (น่าจะเป็นแผนกบัญชี) ให้ลงบัญชี..ออกใบเสร็จ..และทอนเงิน ที่จะต้องส่งกลับไปที่ช่องหนึ่งที่จะรอเรียกชื่อให้ไปรับ.. เป็นไงคะ? ข้อที่หนึ่ง...ในขณะที่เด็กปอหนึ่งในประเทศกำลังจะมีแท๊บเล็ตใช้กันในไม่กี่วันนี้แล้ว.. ราชการงานระดับประเทศ..ยังต้องมาใช้ระบบออกใบเสร็จแบบโบราณ เรื่องไม่รับบัตรเครดิต..นั่นก็พอเข้าใจนะคะ... แต่..การที่ไม่รู้จักใช้ระบบแคชเชียร์คิดเงิน รับเงิน ทอนเงิน ที่ออกใบเสร็จแบบอัตโนมัตินี่...น่าสมเพชค่ะ   ห้างร้านบ้านเรามีใช้กันมานานแล้ว.. วางระบบจัดสรร จัดโปรแปรมให้ดี...มันก็จะง่ายและสะดวกต่อผู้ใช้ และผู้ตรวจสอบ.. อีกทั้งมันจะบันทึกข้อมูลและสถิติของการใช้งานให้อย่างเบ็ดเสร็จ ข้อที่สอง...ทำไมต้องให้คอย...ทำไมไม่จัดระบบไปเลยว่า..มายื่นเอกสารด้วยตัวเอง...มารับได้เลยอีกสองวันข้างหน้า หรือถ้าไม่สะดวกมารับ..ก็เตรียมซองและจ่าหน้าถึงตัวเองพร้อมแสตมป์แนบมาด้วย...จะจัดส่งไปให้ ซึ่งสถานทูตอเมริกาหรือที่ไหนๆก็ใช้ระบบนี้เช่นกัน..ไม่เห็นมีปัญหา   เป็นการลดหย่อนความตึงเครียดของคนที่ทำงาน..ที่ไม่ต้องมีฝูงชนมานั่งคอยสบตาว่าจะได้หรือยัง... เจ้าหน้าที่ช่องหกนั้น น่าสงสารที่สุด..ในความเห็นของดิฉันนะคะ เพราะเธอเปรียบเสมือนภาชนะที่รองรับคำถามที่ออกแนวเร่งเร้าแทบในทุกขณะจิต เพราะระบบออกแบบมาว่า "ให้ไปเช๊คดูที่ช่องหก " กรณี"ด่วนพิเศษ" นั้น..ไม่น่าจะมี..ถ้าระบบมันชัดเจนอยู่ในตัวแล้วว่า งานเอกสารต้องใช้เวลาเท่านั้นวัน เท่านี้วันกว่าจะแล้วเสร็จ.. ดิฉันเชื่อว่าผู้คนต้องจัดสรรเวลาได้... ข้อที่สาม...ทำไมต้องมีเครื่องถ่ายเอกสารสองเครื่องเท่านั้น  ในขณะที่ผู้คนมารับบริการในแต่ละวันเป็นจำนวนพันๆ...มีคนงานเพียงสองคนที่ทำหน้าที่ เวลาผลัดกันไปเบรคหรือเข้าห้องน้ำ..ก็เป็นผลให้เกิดการเข้าแถวต่อคิวยาว ถ้าจะเป็นการให้สัมปทานแก่บริษัทไหนก็ตาม..กรมการกงสุลย่อมต้องมีอำนาจในการสั่งการเพิ่มเครื่องเพื่ออำนวยความสะดวก..แทนที่จะเอื้อให้มาเอาเปรียบเวลาของประชาชนเยี่ยงนี้... ข้อที่สี่...เงินค่าธรรมเนียม...ประชาชนไทยส่วนใหญ่มีฐานะปานกลางลงไป.. จากที่ดิฉันดูว่า..การรับรองเอกสารนั้น ไม่ว่าจะเป็นแรงงานต่างด้าว นักเรียน นักศึกษา  คู่สมรส ล้วนแล้วต้องมีการรับรองเอกสารคนละหลายแผ่น..หลายชุด...คิดเป็นเงินตกเข้าไปหลายอยู่...เข้าขั้นถึง สามสิบ หรือ สี่สิบ เปอร์เซ็นต์ของเงินเดือน ทั้งเดือนของผู้ใช้แรงงานทีเดียว...โหดไปไหมคะ? นี่ยังไม่นับการเสียเวลาในการทำงานทั้งวัน ค่ารถ ค่ากิน...ฯลฯ เรื่องแบบนี้ ท่านรมต. ต่างประเทศ...หรือ ท่านอธิบดี (ทั้งสองคนนี้ คือ ลูกจ้างของเรานะคะ อย่าลืม) จะไปรู้สึก รู้สาอะไร... ข้อที่ห้า...สถานที่ทำการของรัฐบาล..ควรจะเปิดคนอื่น บริษัทอื่น มาเปิดทำการเพื่อให้ประชาชนมีตัวเลือกด้วย...ไม่ใช่ระบบผูกขาดในกลุ่มพวกพ้อง (ไม่ต้องไปถามใครที่ไหน เพราะประกาศหราอยู่ว่า..รับจ้่างแปลโดยอดีตข้าราชการผู้ทรงคุณวุฒิ)   ข้างล่าง..ตรงบริเวณที่จอดรถ...มีหน้าม้านั่งกันสลอน..เสนอรับจ้างแปล และให้บริการด่วนด้วยมอเตอร์ไซค์อย่างเซ็งแซ่ ข้อที่หก...จัดสัมมนาให้ผู้ที่ทำงาน..ให้เข้าใจด้วยว่า..ที่กรมการกงสุล แผนกรับรองเอกสารนั้น คืิองานบริการให้แก่ประชาชนที่ยินดีเสียเงินเพราะความจำเป็นของกฏระเบียบที่เราต้องปฏิบัติตาม...หาใช่ หอคอยงาช้างหรือที่บ้านที่ใครนึกจะเปลี่ยนกฏเกณฑ์อะไรขึ้นมาได้ตามความพอใจ.. (จากการที่เจ้าหน้าที่บอกกับดิฉันว่า..ปิดทำการสองโมงสี่สิบห้า) แค่นี้ละค่ะ....ที่ดิฉันว่าจะเป็นแนวทางปฏิบัติที่จะพัฒนาการทำงานของที่นี้ให้เปรียบเสมือนบัวที่มีโอกาสโผล่ขึ้นมาพ้นน้ำ ได้หายใจหายคอกันมั่ง... แต่ก็นั่นแหละ...เราคงหวังอะไรไม่ได้มาก...มันคงเกินขีดความสามารถของผู้บริหารไปหลายขุมโขอยู่..!!!! แก้ไขเมื่อ 03 เม.ย. 55 18:18:21 จากคุณ : WIWANDA เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 55 15:33:08

ความคิดเห็นที่ 28 เห็นบ่นกันเป็นระยะๆ กระทู้ก็เห็นกันอยู่เนืองๆ  แต่ระบบก็ไม่ได้รับ การเปลี่ยนแปลง คนทำงานที่พี่หวานบรรยายก็ไม่ได้มีความสุขในการทำงานเลย  แล้วถ้า อยากให้ระบบได้รับการปรับปรุง  ถึงมองโลกในแง่ดี สักวันมันต้องดีขึ้น แต่ดูเหมือนจะเป็นหวังลิ่บหรี่เหลือเกินนะคะ เคยกันไม๊คะ เวลาไปติดต่อหน่วยงานราชการแล้วเขาบริการปกติ คือบริการตามหน้าที่ "การให้งานบริการ" เราจะซาบซึ้งและประทับใจ มากกว่าทั่วไป  (เพราะเราไม่เคยคาดหวังเลย พอได้มาเราเลยจะปลื้มใจ เป็นพิเศษ ทั้งๆ ที่เขาตาม"หน้าที่" แท้ๆ  เพราะอะไรไปคิดกันเอง) ก่อนมาเมืองนอกไปขอใบรับรองเกิดที่บ้านเกิด ทางอำเภอก็ไม่มี ต้นขั้วสูจิบัตรของเราก็ต้องออกหนังสือรับรองให้แทน  แม่ก็ขน เพื่อนบ้านไปเป็นพยานให้อีกว่าเป็นลูกจริง เกิดที่นี่จริงๆ ครั้งแรกแม่ไปกับน้องสาว ก็โดนไล่มาว่าต้องมีพยานนั่นนี่   พอกลับไปอีก ก็ติดนั่นติดนี่  แถมเอกสารลงวันที่ให้ เราผิด น้าส่ง EMS มาให้ที่ กทม.  เราไปเห็นผิดพลาดที่สำนักงานแปล ต้องกลับไปขอใหม่ ปลัดก็กวนโอ้ยมาก ทั้งๆ ที่ตัวเองทำผิดแท้ๆ ยังจะมาพูดเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่  (คือถ้าอิฉันไปเองก็คงจะมีเรื่องน่ะ แต่ให้ญาติที่บ้านไปเดินเรื่องให้ก็ถูกปฏิบัติราวกับไปขอเขากิน) น้องบอกว่า เจ้าหน้าที่ข้างนอกเขาก็ดี แต่ตัวซวยคือคนเซ็นต์ ใหญ่คับห้องเลย   จำได้ว่าน้าเทียวไปเทียวมาอยู่หลายรอบ   สุดท้ายทนรำคาญไม่อยากรบกวนใคร บอกว่าน้า สอดแบ็งค์ไป 500 ด้วยนะ  แค่นั้นแหล่ะ จากที่เคยได้รับการปฏิบัติ จากหลังทีนเป็นหน้ามือ ทันที   ไม่ได้อยากทำให้เสียระบบเลย ทั้งๆ ที่ตัวเองก็ต่อต้านมาตลอด  แต่ด้วยความจำเป็น เราต้องรีบใช้  แล้วเราก็เผื่อเวลาไว้แล้ว แต่ทางเขาทำเอกสารผิด  เราต้องรบกวนหลายคนไปติดต่อให้ แม่กระทั่งผู้ใหญ่บ้าน ที่เอาไปเป็นพยานก็โดนไอ้ปลัดบ้านี่ข่มเอ๊า ข่มเอา หลังจากเสร็จเรื่อง เคยนึกอยากจะร้องเรียน เอาเรื่อง แต่ก็นะ ญาติพี่น้องเรายังอยู่ อำเภอนั้น เกิดมากลั่นแกล้ง พวกชาวบ้านตาดำๆ จะทำอะไรได้  แล้วเรื่องไปสู้รบตบมือกับพวกนี้เป็นอะไรที่ต้องใช้เวลา เสียสุขภาพจิตมาก เรื่องร้องเรียน ก็เหมือนเป็นคำแนะนำ ที่ดีที่สุด  แต่อารมณ์คนที่ อยู่บ้านเรา ถ้าเรื่องไม่ถึงสื่อ เรื่องร้องเรียนจะได้รับการเยียวยาเหรอ   ไม่รู้ป่านนี้ น้องที่ทำงานการท่าโดน ซี 7 ที่อ้างเป็นซี 8 บ้องหู เรื่องไปไหนแล้ว  ลุงซี 8 ข่าวก็ซาๆ ไป ก็แค่นั้น เหอๆ เลยเผลอบ่นไปด้วยหลายเรื่องเลยค่ะพี่หวาน  ดังนั้นอยากจะบอกว่า เข้าใจหัวอกมากๆๆๆ   เมื่อไหร่ระบบใหญ่คับโลงมันจะหมดไปเสียที ..... จากคุณ : ก๋าสะลองเงิน เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 55 17:21:05

ความคิดเห็นที่ 29 ไม่เคยไปด้วยตนเอง แต่เคยใช้บริการด้านนี้เป็นประจำ เนื่องจากอยู่ต่างจังหวัด ใช้บริการส่งเอกสารทางไปรษณีย์ก็เรียบร้อยดีทุกครั้งนะคะ ถ้าไม่อยากเสียอารมณ์ น่าจะใช้บริการไปรษณีย์ดีกว่าค่ะ การที่ประชาชนไปขอรับบริการเป็นจำนวนมาก และทุกคนต้องการด่วน คำว่าด่วน คงจะใช้ไม่ได้ ที่จริงน่าจะกำหนดคิวมาเลยว่า ที่บอกว่าด่วนให้ได้วันละกี่คิว เพราะผู้รับบริการจำนวนมากเท่าไหร่ จากความด่วนก็ย่อมกลายเป็นความด้อย แต่ราชการคงทำไม่ได้ เพราะถือว่าเป็นเรื่องที่ต้องบริการประชาชน ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ ดังนั้นความบกพร่องจึงเกิดขึ้นได้ และมากอย่างไม่น่าเชื่อ เห็นใจทั้งผู้รับบริการและผู้ให้บริการนะคะ บางอย่างมันก็ไม่ไหวจริงๆ ถ้าติดต่อราชการส่วนกลาง ดิฉันทำใจว่าคงต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2 วัน เสียอารมณ์จนชินแล้ว จนเห็นใจชั้นผู้น้อยที่ต้องมาทนโดนด่าประจำ เนื่องจากเป็นด่านหน้า และเห็นใจคนที่ต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่าย ถ้าดิฉันต้องไปด้วยตนเอง ญาติที่กรุงเทพก็ไม่มี ไปขออาศัยกับใครก็ไม่ได้ ค่าใช้จ่ายย่อมเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว จากคุณ : Netzumi_Gokusen เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 55 18:14:19

ความคิดเห็นที่ 30 รบกวนถามคุณ Netzumi_Gokusen ว่า..ส่งไปรษณีย์ ส่งไปที่ไหนและอย่างไรคะ? ทีนี่ไม่มีการให้บริการทางไปรษณีย์  นอกจากคุณจะมอบอำนาจให้คนอื่นไปดำเนินงานแทนคุณ เขาผู้นั้นก็ต้องผ่านขั้นตอนเช่นเดียวกับที่ดิฉันได้ผ่านมา.. เมื่อแล้วเสร็จ..เขาก็เมล์มาให้คุณ... แต่ไม่ใช่เพราะกรมการกงสุลมีบริการทางไปรษณีย์ให้กับประชาชน... ถ้ามีก็จะดีมาก...เพราะมันอยู่ในข้อแนะนำในข้อที่สองของ คคห.ที่ 27 ที่ดิฉันแนะเอาไว้ ประชาชนจะได้นั่งรอนอนรออยู่กับบ้าน..ไม่มีใครอยากจะมานั่งรอกันให้แน่นห้องแบบไม่รู้ชะตากรรมของตัวเอง..มันทั้งเสียเวลาและอารมณ์ นอกเหนือไปจากเสียภาษีมาบำรุงหน่วยงานนี้..แล้วยังต้องมาเสียค่าธรรมเนียมอีกหรอกค่ะ จากคุณ : WIWANDA เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 55 18:30:25

ความคิดเห็นที่ 31 เห็นใจพี่วิวันดาค่ะ ไปทีนึงต้องยอมเสียเวลา 1 วันเต็มๆเลย เห็นคนใส่เสื้อวิน หลายคน คงรับมอบฉันทะมาทำนะคะ ตัวเองคิดว่าคราวหน้าอาจจะมอบฉันทะให้พี่วินทำแทน ไม่งั้นก็ต้องพกเสบียง หนังสือไปรอค่ะ เรื่องแบบนี้อยู่ที่การฝึกอบรมในหน่วยงานนะคะ ถ้ารอสามัญสำนึก คงไม่ทันการ คนที่อัธยาศัยดีอยู่ที่ไหนก็เต็มใจทำงาน คนที่อัธยาศัยไม่ดีก็ต้องอาศัยการฝึกอบรมล่ะค่ะ การให้คะแนนจากผู้มารับบริการด้วยก็น่าจะช่วยได้ จากคุณ : soul16 เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 55 15:56:15

ความคิดเห็นที่ 32 http://www.consular.go.th/modules.php?name=Content&pa=showpage&pid=97 Link ที่ให้เป็นวิธีขอรับรองเอกสารทางไปรษณีย์ค่ะ แต่ต้องดาวน์โหลดคำร้อง รวมทั้งถ้าให้บุคคลอื่นดำเนินการแทน เช่น ญาติที่เมืองไทย โดยใช้แบบฟอร์มของทางกรมการกงสุลเท่านั้นค่ะ เซ็นชื่อให้ถูกต้อง ครบถ้วน เอกสารที่ส่งไปต้องเป็นฉบับจริง แนะนำว่าให้ใส่ซองพลาสติกไปด้วยค่ะ เพราะว่าเคยทำเอกสารฉบับหนึ่งกลับมาพร้อม รอยเปียกน้ำจากการส่งในช่วงฤดูฝน ซึ่งทำให้เอกสารเสียหายไปบางส่วนค่ะ แต่ก็ยังใช้ยื่นเรื่องได้อยู่ เพียงแต่ช้ำใจนิดหน่อย ลองดูนะคะ รอนานหน่อย อาจจะประมาณ 1-2 สัปดาห์ แต่ดิฉันใช้บริการบ่อยค่ะ ไม่เคยมีปัญหา จากคุณ : Netzumi_Gokusen เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 15:46:48

ความคิดเห็นที่ 33 1 จากคุณ : Keep Discovering เขียนเมื่อ : วันจักรี 55 10:50:36

ความคิดเห็นที่ 34 2 จากคุณ : Keep Discovering เขียนเมื่อ : วันจักรี 55 10:53:39

ความคิดเห็นที่ 35 3 จากคุณ : Keep Discovering เขียนเมื่อ : วันจักรี 55 10:55:26

ความคิดเห็นที่ 36 ขอแสดงความเห็นแตกต่างกันนะคะ สำหรับเราเจ้าหน้าที่เคาเตอร์ทั้งผู้หญิง และผู้ชายบริการดีมากค่ะ แนะนำบริการดี ขออนุญาตถ่ายรูปรายละเอียดด้านหลังก็ไม่ว่า แม้ว่าอาจจะไม่ได้ยิ้มแย้ม แต่มั่นใจว่าเต็มใจตอบคำถามทุกข้อ เราไม่ได้เป็นหน้าหมา ม้า แมวใดๆนะคะ ปัจจุบันเราไม่ได้ทำงานที่ไทย แต่ต้องมีการเดินทางมาติดต่องานที่ไทย ทุกเดือนหรือสองเดือน ต้องมีการมารับรองเอกสารบ้าง ช่วงนี้อยู่ไทยพอดี พึ่งไปกงสุลมา ถ่ายรูปพวกนี้เก็บไว้จะส่งไปให้เพื่อน เจอกระทู้นี้พอดี ^ ^ จากประสบการณ์เราทุกครั้งที่มาติดต่อ ไม่ได้พาดพิง หรือว่าเจ้าของกระทู้นะคะ ขอกล่าวรวมๆ งานกงสุลหรืองานบริการทำเล่มหนังสือเดินทางที่มีการติดต่อคนไทย ที่อาศัยหรือทำงานอยู่เมืองนอกบางคน คนบางคนจะพูดจาไม่ดีไม่สุขภาพกับเจ้าหน้าที่ เราเห็นมาเยอะค่ะ เวลานั่งรอเอกสาร แล้วก็บอกว่าทำไมประเทศนั้นประเทศนี้ไม่เหมือนไทย บลาๆๆ หรือบางคนแต่งตัวโป๊ะมากๆ เจ้าหน้าที่เชิญให้ออกไปข้างนอก ก็โวยวาย โดยที่เค้าคงลืมมารยาทคนไทยไปแล้ว สำหรับเราเวลาติดต่องานแบบนี้ หรือติดต่อราชการเราก็จะบอกเจ้าหน้าที่ก่อนเลย ไม่ค่อยได้มาทำนะคะ ต้องทำอย่างไรบ้าง แนะนำด้วยนะคะ เคยเจอบางที่ไม่รู้ทะเลาะกับสามีมาหรือเปล่า ก็ไม่ใส่ใจ มองว่าเป็นที่อีคิวเค้า ไม่อยากเอาไปแลก เราว่าอาจเกิดจากจขกทเดินทางไปช่วงเย็นแล้วค่ะ ไปถึงอาจเซ็งด้วยตรงที่ปิดแล้ว จะติดต่อราชการไทยทุกทีเราต้องไปตั้งแต่เช้าค่ะ คนเยอะ เจ้าหน้าที่บางหน่วยงานทำงานช้า ตัดปัญหาไปเช้าๆดีกว่า เรื่องเครื่องถ่ายเอกสารด้านล่างก็มีอีกหลายเครื่องค่ะ ลองเดินไปดูนะคะ อาจจะต้องยอมเดินไกลหน่อยแต่คนไม่มีค่ะ ลองเป็นถามรปภ แม่บ้าน หรือเจ้าหน้าที่นั่นแหละค่ะ ว่ามีเครื่องอื่นอีกไหม จะได้ไม่ต้องรอคิวเยอะๆ เอกสารด่วนเราเคยยื่นตอนเกือบสิบเอ็ดโมง ขี้เกียจรอกลับมาอีกที ค่อยไปถามที่เคาเตอร์ว่าเรียกของเราไปหรือยังจะได้ไม่ต้องนั่งรอ -_-" ไม่ด่วนก็ตามนั่นนะคะ เดี๋ยวอาทิตย์หน้าจะไปรับหนังสือเดินทางเล่มใหม่ จะแอบไปแซวเจ้าหน้าที่ว่ามีคนโพสแนะนำการบริการ อิอิ ใครจะว่าเราก็ได้นะคะ แต่อยากให้ลองมองอีกมุมนึงบ้าง ขอบคุณค่ะ สะกดผิดเยอะ ขอแก้หน่อยค่ะ แก้ไขเมื่อ 06 เม.ย. 55 11:21:34 แก้ไขเมื่อ 06 เม.ย. 55 11:19:01 จากคุณ : Keep Discovering เขียนเมื่อ : วันจักรี 55 11:14:35

ความคิดเห็นที่ 37 คุณ Keep Discovering คงจะคุ้นเคยกับสถานที่นั้นดีจึงไม่มีปัญหามังคะ.. ถ้าคุณอ่านที่ดิฉันขียนไว้...ก็ได้บอกแล้วว่า ดิฉันได้ไปตอนเย็นจริง เพราะเพิ่งเดินทางมาจากต่างจังหวัด...และมีการลงรูปของใบประกาศเวลาทำการติดมาด้วย.. เมื่อทราบว่าปิดแล้ว..ก็มิได้ว่ากระไร..เพียงแต่สงสัยว่าทำไมไม่ได้รักษาความคงที่..ส่วนที่คุณนำภาพมาโพสต์ นั่นคือประกาศที่แปะไว้ที่กรมการกงสุล..ที่ดิฉันหรือคนอื่นๆไม่อาจทราบได้ล่วงหน้า.. ดิฉันได้กลับไปอีกครั้ง..แต่เช้าตรู่ตามที่ได้รับคำแนะนำมา.. และนั่นคือที่มาของการเขียนบรรยาย..เหตุการณ์ทั้งหมด... ดิฉันไม่เคยนำการบริการที่นี่ไปเทียบกับประเทศไหนในโลกทั้งนั้น.. เพียงแต่แนะนำให้ไป"ดูงาน" ของคนอื่นๆเขาบ้าง..ดิฉันหมายถึงที่ที่เขาให้ความสำคัญกับเวลาของประชาชนน่ะค่ะ.. และเรื่องเครี่องถ่ายเอกสาร..ที่คุณว่ามีอีกในชั้นล่าง... แล้วชาวประชาที่ไม่เคยไปมาก่อนจะทราบไหมคะ ว่ามีอยู่อีก..ในเมื่อเจ้าหน้าที่บอกว่าให้ไปที่ชั้นสอง..ไม่ได้บอกให้ไปที่อื่น..ซึ่งมีผู้ร่วมชะตากรรมกับดิฉันก็ไม่น้อย ดูได้จากคิวยาวที่โค้งไปมา (ดังภาพ) ก็เพราะไม่มีใครทราบไงคะ ไม่มีป้ายบอก.. วันต่อมา..ขนาดที่ดิฉันไปในยามเช้าสุดๆแล้ว..และนั่นคือที่มา บางคนอาจจะคุ้นเคยกับการบริการแบบเช้่าชามเย็นชามแบบนี้....แถมยังสนับสนุนให้ประชาชน"ทำใจ" แถมบอกว่าถ้าจะติดต่อต้องไปแต่เช้าๆ..เพราะมันเป็นงานของส่วนราชการ ตรงนี้ละค่ะ..ที่ดิฉันไม่เห็นด้วย...และ"ทำใจ"ตามไม่ได้.. สงสัยจริงๆละค่ะ ว่าทำไมงานส่วนราชการที่รับการค้ำจุนจากภาษีของประชาชน..ซ้ำบวกด้วยการคิดค่าบริการที่เป็นจำนวนไม่น้อย..จึงทำการปรับปรุงตัวเองให้มีประสิทธิภาพในการบริการมากกว่าที่เป็นอยู่ไม่ได้..? ส่วนเรื่องที่ล่าช้าและเวิ่นเว้อนั้น ดิฉันได้ทำการแจงไปแล้ว.. กรุณาอย่าพยายามพาดพิงถึงเรื่องอื่นๆ หรือ กรณีของคนอื่นที่พูดจาไม่ดี หรือ โบ๊ะหน้ามา..เพราะมันไม่อยู่ในเคสนี้..เพราะดิฉันไม่ได้ตำหนิถึงตัวบุคคล หรือมุ่งดิสเครดิตไปที่คนใดคนหนึ่ง...อีกทั้งไม่ได้โวยวายแต่อย่างใด เพราะ ได้เล่าไว้แล้วว่ามีแพลนของการจัด"ก๊อกสอง"รออยู่ ทั้งนี้ทั้งนั้น..ดิฉันตำหนิทั้งระบบ....ที่ไม่ช่วยเอื้อให้คนทำงานมีความพร้อมในการบริการแก่ประชาชนจำนวนมาก และอย่าไปเทียบในการทำงานของแผนกทำหนังสือเดินทาง..ที่มีทีมทำงานเป็นร้อย... เพราะ...ดิฉันไม่ได้พูดถึงที่นั่นเลยแม้แต่นิด... เฉพาะเจาะจงกับ แผนกรับรองเอกสารที่อยู่บนชั้นสามเท่านั้นค่ะ... ส่วนผู้ที่คุณว่าเขาโวยวาย..จนต้องถูกเจ้าหน้าที่เชิญออกไป.. ขออภัยนะคะ...ถ้าดิฉันจะบอกว่าเข้าใจในความรู้สึกของพวกเขาจริงๆ ถ้าใครอยากจะช่วยหน่วยงานนี้..ก็ลองพยายามหาคำชมหรือฟีดแบ๊คดีๆมาให้อ่านกันดีกว่า.. ดิฉันเคยเขียนชมเชยเจ้าหน้าที่สถานทูตไทยในประเทศต่างๆออกบ่อยๆ.. เพราะเขาทำงานกันเหนื่อยมาก..เพราะต้องออกสัญจรไปเมืองนั้นเมืองนี้ ไปนอนวัด เพื่อให้ประชาชนไม่ต้องเดินทางไกล.. เป็นการทำงานที่มีระบบและทุ่มเทมาก..อีกทั้งเจ้าหน้าที่น่ารักทุกคน.. นั่นคือส่วนดีที่พูดและเขียนถึงเสมอ.. ส่วนด้อยนั้น คือ เครื่องถ่ายเอกสารมักจะเสีย..หรือใช้งานไม่ได้..(เป็นเหมือนกันทุกประเทศที่ผ่านพบมา) ซึ่งพวกเรามักจะเตรียมตัวไปพร้อม ดังนั้น..ดิฉันจึง"เหลิง" ไปไงคะ...คิดว่า..เมืองไทยนั้นมีแต่ข้าราชการที่เก่งๆ มีไฟแรง ปรับการทำงานให้พ้นไปจากวังวนของระบบโบราณไปได้หมดแล้ว.. จึงไม่คิดที่จะไปจ้างใครให้เดินเรื่องให้  คิดว่าแค่ยื่นเรื่องขอรับรองเอกสารสองฉบับนี้..จิ๊บจิ๊บ.. ที่ไหนได้เล่า..ไม่ว่าจะกี่ฉบับ..ถ้ามีคนทำงานจำนวนเพียงสิบกับผู้ที่ต้องการใช้บริการจำนวนหลักหลายร้อย หรือถึงพัน.. มันก็จะกลายเป็น "ลิงแก้แห" อย่างนี้ละค่ะ...จะไปเอาคุณภาพหรือประสิทธิภาพในการทำงานมาจากที่ไหน? แก้ไขเมื่อ 06 เม.ย. 55 21:48:02 จากคุณ : WIWANDA เขียนเมื่อ : วันจักรี 55 21:50:27

ความคิดเห็นที่ 38 ขออนุญาตปิดกระทู้นี้...และย้ายไปที่กระทู้ในหน้าหลักนะคะ เพราะดิฉันได้นำสไลด์ของการประชุมอาเชี่ยนในภาคเอกชน..ที่ได้ทำการวิเคราะห์ของแต่ละประเทศได้ดี.. http://www.pantip.com/cafe/klaibann/topic/H11915233/H11915233.html#46 หากแต่..ถ้าการทำงานของกรมกองกงสุลยังอ่อนเนือย เนิบบาบ..อยู่อย่างนี้.. เห็นทีจะไปแข่งทำมาหากินกับเขาไม่ทันแน่ๆ จากคุณ : WIWANDA เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 55 15:12:30

ความคิดเห็นที่ 39 แก้ไขเมื่อ 11 เม.ย. 55 11:35:23 จากคุณ : สาวกเฟส (teenagetj) เขียนเมื่อ : 11 เม.ย. 55 11:33:53