ความคิดเห็นที่ 1 ด้วยความเห็นใจในความรู้สึกของท่านเจ้าของกระทู้.....ขอเรียนท่านดังนี้ 1. โปรดเรียบเรียงเหตุการณ์ให้ดี  แล้วทำเป็นหนังสือร้องเรียนไปยังอธิบดีกรมการกงสุล  กระทรวงการต่างประเทศ  นายสุรพล  เพชรวรา ...  เรื่องนี้จะลงไปยัง  นายไกรระวี  ศิริกุล ผู้อำนวยการกองสัญชาติและนิติกรณ์  ผู้รับผิดชอบดูแลโดยตรง ทั้งนี้  ให้ทำสำเนาเรียนปลัดกระทรวงการต่างประเทศอีก 1  ฉบับ  ด้วย........ ผู้ใหญ่ในกระทรวงฯนี้เขาไม่นิ่งดูดายเป็นแน่ และหากจะย้ำให้แน่ด้วยการส่งสำเนาถึง น.ส.พ.ใหญ่ๆ  เช่น ไทยรัฐ  อีกสักฉบับ  ก็จะดีไม่น้อย แต่ท่านต้องทำเป็นหนังสือในรูปแบบ  เอาความ  เอาเรื่องเอาราว  มิใช่แค่ระบายอารมณ์เท่านั้น............และที่สำคัญ ท่านต้องลงชื่อจริง  มิใช่นามแฝง  เขาจึงจะเชื่อว่าเป็นเป็นเรื่องจริง  ว่าท่านเดือดร้อนจริง  มิใช่เพียงแค่ระบายอารมณ์  หรือเพื่อการกลั่นแกล้งเจ้าหน้าที่  ซึ่งจะทำให้เขาพิจารณาให้ความเป็นธรรมแก่ท่าน  และเพื่อประโยชน์ของประชาชนทั่วไปได้เต็มที่ การใช้นามแฝง  หรือชื่อปลอม...ทางราชการ  หรือวงการทั่วไปเขาถือว่าเจ้าตัวเองยังไม่แน่ใจ...หรือหลอกลวง.......ซึ่งเขาจะมองแค่เป็นบัตรสนเท่ห์เขียนมากลั่นแกล้งเจ้าหน้าที่  หรือระบายอารมณ์  แล้วก็จะโยนทิ้งลงตะกร้าไป ส่วนหมายเลขโทร.ติดต่อได้.......ก็เพื่ออาจเชิญตัวท่านมาให้ปากคำเพื่อผูกมัดเล่นงานเจ้าหน้าที่ชั่วๆ เหล่านั้นให้อยู่มือ...ไม่มีอันตรายต่อท่านแต่อย่างใด 2.  สำหรับท่านผู้เข้ามาอ่านกระทู้นี้...ก็ต้องทำใจเป็นกลางก่อน........ฟังหูไว้หู..........เพราะเจ้าของกระทู้มิได้ระบุชื่อจริง แก้ไขเมื่อ 03 เม.ย. 55 00:19:43 จากคุณ : Detente เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 55 00:04:22

ความคิดเห็นที่ 2 เจ้าของกระทู้ที่คุณ Detente พูดถึง สมาชิกกับพันทิบที่มีบัตรประจำตัวประชาชนยืนยันในสถานะภาพสมาชิกค่ะ... อีกทั้ง..ดิฉันก็กล้าที่จะเขียนเรื่องราวร้องทุกข์ด้วย.. หากแต่..จากเหตการณ์ที่ได้ไปสัมผัสด้วยตัวเองมา...มองไม่เห็นประโยชน์อันใด เพราะระบบนั้นมันเป็นสนิมฝังในเนื้อในเสียแล้ว.. คุณคิดว่านามของคนใหญ่คนโตที่คุณให้มานั่น..เขาจะสนใจที่จะปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงให้มันดีขึ้นเพราะจากคำร้องเรียนหรือคะ? ดิฉันว่า..ตลกซะละมาก... คนเราถ้านั่งทำงานอยู่ตรงนั้น..ไม่รู้ไม่เห็นความเป็นไปในกรมกองของตัวเองว่าประชาชนต้องมาเสียเวลากันเป็นวันๆ เพราะการทำงานที่หย่อนประสิทธิภาพ, ไม่รัดกุม..ซ้ำออกแนวเช้าชามเย็นชาม ก็ไม่ควรที่จะเสนอหน้ามารับเงืนเดือนที่เป็นภาษีของประชาชน... และที่สำคัญ..งานนี้ไม่ใช่ฟรีนะคะ...ค่ารับรองเอกสาร"แผ่นละ..สองร้อยบาท" ทั้งต้นฉบับ..รวมที่แปลมา.."ชุดละ สี่ร้อย" ไม่นับค่าเอาไปแปลอีกอย่างน้อยก็ต้องสามสี่ร้อย..บางเอกสารอาจถึงพัน.. และถ้าต้องการด่วน..ก็ต้องเสียเพิ่มอีกเท่าตัว.. รายได้เข้ากรมฯมหาศาลขนาดนั้น...แต่การทำงานเป็นแบบที่แจงมาให้ฟัง ดิฉันว่ามันเข้าข่ายขูดรีดประชาชนแล้วละค่ะ... แก้ไขเมื่อ 03 เม.ย. 55 00:46:15 จากคุณ : WIWANDA เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 55 00:39:57

ความคิดเห็นที่ 3 ตามไปอ่านมาแล้วค่ะ เห็นใจ จขกท มาก ตัวเราเองไปติดต่อทำพาสปอร์ตให้ลูกครั้งนึงตอนพาลูกกลับเมืองไทย เจอ จนท พูดจาแย่มาก ทั้งที่ก่อนหน้าเรา คุณป้าที่ติดต่อ จนท พูดจาดี พอถึงคิวเรา กลับพูดจาไม่ดี น้องเราที่ขับรถพาเราไปบอกว่าไม่เห็นคุณป้าคนนั้นหรืออย่างกับตู้เพชรเคลื่อนที่ มาดคุณนายเต็มตัว ส่วนเราไม่มีเฟอร์นิเจอร์สักชิ้น เลยโดนดูถูก แต่ก็ดีนะ เพราะไม่เคยคิดขอซิติเซ่น อยู่แบบวีซ่าถาวรมาหลายปี เลยได้ขอซะเลย จนท คนนั้นเป็นตัวกระตุ้นที่ดี เดี๋ยวนี้ไปเมืองไทยก็ใช้พาสปอร์ตต่างชาตินี่แหละ อยู่ได้สามสิบวันก็โอ พอดีกับลูกปิดเทอมด้วย ไปประเทศอื่นๆ ก็ไม่ต้องขอวีซ่า ถ้าอยู่ไม่เกินจำนวนวันที่ประเทศนั้นๆ อนุญาต สบายไป จากคุณ : ข้าวปั้น เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 55 08:54:21 A:122.111.2.44 X: TicketID:188044

ความคิดเห็นที่ 4 แนะนำให้ย้ายภูมิลำเนาไปอยู่ซิมบับเว่เลยหล่อน จะได้เลิกบ่น ที่นี่เมืองไทยเราไม่รีบร้อน เข้าใจ๋... คราวหน้าเวลาไปติดต่อราชการ หา Cooler เล็กๆใส่น้ำแข็ง แช่ไวน์ขาวขวดเล็กๆสักสองสามขวด เอาไว้จิบเล่นระหว่างนั่งรอให้อารมณ์เย็นๆ ถ้ามี iPad ไว้เล่นเน็ตด้วยจะเริ่ด ขอบอก ขอบใจที่เล่าสู่กันฟังนะยะ... จากคุณ : ข้าวเปียก เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 55 09:42:10 A:96.251.197.41 X: TicketID:001120

ความคิดเห็นที่ 5 อ่านแล้วหนาวค่ะพี่หวาน ไปติดต่อสถานที่ราชการไทยบางแห่ง บางทีก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเจออะไร ที่ดีๆก็มี หน้างอเหมือนโกรธกับเรามาเป็นร้อยปีก็มี ไม่รู้ว่าอะไร นอกจากจะว่าคงเป็นคราวซวยของเราที่ต้องไปเจออะไรอย่างนั้น อยู่เมกามานานๆมันก็เกิดอาการ spoil กับระบบดีๆที่เขามีให้เหมือนกันนะพี่ อย่างว่าแหละ.. มันคนละประเทศ บางทีเราก็ต้องยอมรับความไม่สะดวกอย่างมาก ถึงมากที่สุดที่มันเป็นมา และก็คงจะเป็นไป ต่อไป จากคุณ : PatPDX เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 55 10:24:12

ความคิดเห็นที่ 6 อิฉันเป็นแฟนคลับ คุณป้า WIWANDA มาตั้งแต่กระทู้ห้องประวัติศาสตร์ จนล่าสุดเห็นกระทู้คุณป้าแต่งงาน ดีใจ ปลื้มใจด้วยนะคะ แต่ในกรณีนี้ อิฉันเห็นด้วยกับการทำหนังสือร้องเรียนอย่างเป็ฯทางการ หลายปีก่อนนู๊นนนน  อิฉันเคยเจอท่านทูตเนเธอร์แลนด์ (ไม่ใช่คนปัจจุบัน) เลยปรี่แยบๆ ถามว่า รู้ไม๊ จนท ช่องสองแผนกวีซ่าของยูนะ bitchy มากเลย ท่านตอบว่า รู้ แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะ ไม่เคยมีคนไทยที่มาติดต่อ คอมเพลนมาทางสถานทูตเลย"แม้แต่เคสเดียว" ถึง จนท ในสถานทูตด้วยกัน จะได้ยินยัยป้าช่องสอง ใช้คำไม่สุภาพ เชือดเฉือน เหน็บแนมผู้มาขอวีซ่าอยู่เกือบทุกวัน แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะไม่เคยมีคนไม่พอใจ "อย่างเป็นทางการ" ระบบงานต่างๆในประเทศไทย โดยเฉพาะงานราชการ จะดีกว่าเดิมมาค่ะ ถ้าคนไทยรู้จักการ complain เพราะในระบบราชการแล้ว อะไรที่มันเป็นเอกสาร นี่มันเป็นประวัติติดตัวนะคะ และนอกจากคอมเพลนแล้ว การชื่นชมก็ควรเป็นลายลักษณ์อักษรเช่นกันค่ะ การทำหนังสือชื่นชม อย่างเป็นทางการ จะได้ประโยชน์แก่บุคคล และหน่วยงานนั้นๆ อย่างเป็นรูปธรรม เพราะอย่างที่บอก มันเป็นประวัติ ติดตัวไปตลอดอายุราชการนั่นแหละค่ะ ระบบราชการในประเทศไทย อิฉันว่า มันก็สะท้อน คนไทยทั้งประเทศนั่นแหละค่ะ ถ้าถามว่า เพราะอะไรมันถึงได้ห่วย มันถึงได้เป็นแบบนี้ คำตอบคือ เพราะคนไทยยอมรับให้มันเป็นแบบนี้เอง จะโทษใครได้ จากคุณ : letsgokrabi เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 55 12:53:41

ความคิดเห็นที่ 7 คห 4 นี่คนของกงศุลปะเนี่ย แก้ไขเมื่อ 03 เม.ย. 55 13:33:20 แก้ไขเมื่อ 03 เม.ย. 55 13:32:29 จากคุณ : ~CaRaMelLoVer~ เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 55 13:30:31

ความคิดเห็นที่ 8 5555 ขออนุญาตเข้ามาขำ ๆ ฮา ๆ กะคำแนะนำให้เขียนหนังสือร้องเรียนหน่อยเหอะครับ ถามจิงเหอะ ถ้าคุณ wiwanda ทำหนังสือร้องเรียนตามแบบฟอร์มที่ให้มาทุกประการ นั่นจะเป็นหนังสือร้องเรียนฉบับแรกของกรมฯหรือเปล่าครับ งานราชการที่เกี่ยวกับการบริการประชาชน ทำกันตลอดเวลาทุกวันนะ ไม่ใช่ทำกันปีละครั้ง ผู้หลักผู้ใหญ่ถึงจะไม่รู้เรื่องเลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับระบบงานของหน่วยงานตัวเองบ้าง อาการขัดลำกล้องแบบนี้ ไม่ต้องไปแอบแกล้งใส่ความให้เสียค่าไฟค่าเน็ตหรอกครับ ประชาชนที่ใช้บริการ เขาเห็นกะตากันได้ทั้งนั้นแหละ ยกเว้นข้าราชการที่ไม่เคยมีความคิดว่าหน้าที่บริการประชาชนคืองานของเรา ยังคิดว่าประชาชนคือ( ^o^ )ที่ต้องมารองรับอารมณ์กับระบบทำงานแบบเช้าชามเย็นชาม ขั้นเงินเดือนขึ้นตามฝีมือการเลีย ไม่ใช่ฝีมือทำงาน ถ้าคนของกรมฯได้อ่าน ก็อย่าเสียเวลารอหนังสือร้องเรียนอยู่เลยครับ แค่เดินมายืนดูกระบวนการทำงานของลูกน้องตัวเองสักครึ่ง ชม ไม่ต้องถึงขั้นตรวจสอบตามระบบ iso เหมือนเอกชนเขาหรอก และฝากนิดนึงว่า เห็นคุณ wiwanda เขียนเหมือนตัวเองกะเร่อกะร่ามาจาก ตจว. อย่าคิดว่าเป็นคุณป้ายายเพิ้งมาจากชายขอบประเทศนะครับ ถึงขนาดแนะนำให้คนอ่านมีวิจารณญาณแบบฟังหูไว้หูเลยทีเดียว หรือถ้าอยากจะรู้ชื่อจริงนามสกุลจริงของคุณ wiwanda ก็ไม่ต้องเสียเวลาให้แกเขียนจดหมายมายืนยันหรอกครับ ถามคนขับรถแกก็ได้ ยืนยันข้อมูลได้เหมือนกัน วันนั้นก็ทั้งขับไปรับไปส่ง แถมยังไปยืนรออยู่ใต้ตึกอีกเป็น ชม คนขับรถของคุณ wiwanda ตามหาตัวไม่ยากครับ แค่เดินมาที่ตึกบัญชาการ 1 ชั้น 3 ห้องติดกับห้องประชุม 301 ทำเนียบรัฐบาล แล้วเปิดประตูเข้ามาตะโกนเรียกหา wiwanda ดัง ๆ  ก็พอแล้ว ได้เจอตัวแน่นอนครับ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 55 15:39:37

ความคิดเห็นที่ 9 คุณสื่อศิลป คะ ข้อความท้ายๆค่อนข้าง fail นะคะ อยู่เมืองนอกไม่นานพอที่จะซึมซับระบบที่ไม่ต้องใช้เส้นสายไม่ต้องบอกว่าเป็นคนของใครหรือคะ? ว่ากันไปตามเนื้อผ้าเถอะค่ะ ดิฉันสนับสนุนทุกข้อความของคุณเจ้าของกระทู้ แต่พอมาเจอคุณสื่อศิลปเขียนแบบนี้ดิฉันงงไปเลย จะติติงทางราชการว่าไม่แยแสประชาชนแต่ประชาชนเองก็มาแสดงอาการเบ่งพองกับราชการ แบบนี้ก็กอดคอกกันลงคลองไปเถอะค่ะ จากคุณ : อ่าวโตเกียว เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 55 17:13:20 A:125.203.118.71 X: TicketID:299625

ความคิดเห็นที่ 10 คุณอ่าวโตเกียว คงอ่านข้อความของคุณสื่อศิลปยากหน่อย เพราะเขียนเว้นบรรทัด อารมณ์เลยไม่ต่อเนื่อง... มาเฉลยค่ะ...คุณสื่อศิลปคือ "น้อง" หรือ "สารถีจำเป็น"ดิฉันที่กล่าวถึง..วันนั้นเธอมาช่วยบริการขับรถให้ และอยู่ในเหตุการณ์กับดิฉันนั่นเอง.. จากคุณ : WIWANDA เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 55 18:07:04

ความคิดเห็นที่ 11 แฮ่ะๆ  ด้วยความเคารพ คุณสื่อศิลปขา ตามที่พี่หวานเจอชะตากรรมเช่นนั้น เป็นเรื่องน่าเห็นใจยิ่ง คิดว่าเราๆ ท่านๆ น่าจะเคยเจอกันมาบ้าง คนละเรื่อง สองเรื่องเป็นอย่างต่ำ กับระบบการทำงานของราชการบ้านเรา (ไม่ดราม่านะคะ เพราะพูดแนว เปรียบเทียบกับบ้านเกิดทีไรมักจะมีดราม่าตามมา) แม้แต่คนที่ทำงานวงการราชการเอง ก็คงจะเบื่อยิ่งกว่าพวกเรา เลยทำ งานออกมาแบบนั้น กรณีที่พี่ Detente แนะนำ ก็เป็นเรื่องธรรมดาของการแนะนำร้องเรียน แบบทางการ อย่าไปแขวะกับคำพูดกันเลยนะคะ  คือเขาก็พูดรวมๆ ไป เรื่องการอ่านกระทู้ก็ฟังหูไว้หูอยู่แล้ว  แต่เรื่องจะมีน้ำหนักเท่าไหร่ ก็แล้วแต่ตัวผู้เล่า และหลักฐานแวดล้อม   ซึ่งหลายคนก็รู้จักพี่หวานตามหน้ากระทู้บ้าง เจอกันตัวเป็นๆ บ้าง  ของอิฉันก็อาศัยแค่คุ้นเคยตามอ่านกระทู้เป็นส่วนใหญ่  บางทีเผลอมีใจเอนทางเชื่อไปเสียมากกว่าก็มี  แฮ่ะๆ     แต่หลายคนไม่รู้จัก แต่เลือกตามน้ำ ก็เห็นกันออกบ่อยนะคะ   (ยกตัวอย่างเฉยๆ ไม่เกี่ยวกับกรณีนี้นะคะ) ใจหนึ่งก็เข้าใจว่าทำไมพี่หวานไม่อยากร้องเรียน แต่ถ้าเป็นไปได้ อยากให้ร้องเรียนทั้งทางการ ทั้งออนไลน์แบบนี้เลยค่ะ อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงอยู่ เหมือนกัน   ***เพิ่มเติมข้อความ สังคมแย่เพราะคนดีท้อแท้เห็นจะจริง เพราะคิดจะลุกมางัดข้ออะไรพวกนี้มันเหนื่อยตั้งแต่อยู่ในมุ้งแล้ว แก้ไขเมื่อ 03 เม.ย. 55 19:27:53 จากคุณ : ก๋าสะลองเงิน เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 55 19:23:56

ความคิดเห็นที่ 12 เชื่อที่คุณเล่าทุกอย่างค่ะเพราะพี่ป้าน้าอาที่บ้านเป็นข้าราชการมากว่าครึ่ง ทราบหมดค่ะว่าป้าๆน้าๆเขาเคยทำงานกันอย่างไร และเอาเวลาราชการไปทำอะไรกันบ้างนี่ยังไม่รวมถึงการเบียดเบียนเงินหลวงและใช้งบอย่างไม่เหมาะสม เขียนไปก็ทั้งเสียวและอับอาย ภาวนาว่าขออย่าให้เป็นญาติเราเลยที่ทำตัวแย่ๆอย่างนั้น เขาทำงานกันอย่างนั้นมานานแล้วค่ะ คงเปลี่ยนแปลงยาก ต้องรอพวกคนรุ่นใหม่ๆเด็กๆจบใหม่ๆอาจจะดีขึ้น แอบมาอยู่เมืองนอกสิบกว่าปีนึกว่าระบบต่างๆจะปรับปรุงหมดแล้ว อ้าวที่ไหนได้ยังมีปลาเน่าเหลืออยู่อีกหรือคะนี่ แย่จริงๆ ส่วนตัวแล้วไม่ได้เจออะไรแบบนี้มานานมาก สมัยที่เพิ่งเปิดใหม่ๆที่แจ้งวัฒนะก็เคยไปใช้บริการที่นั่นเหมือนกันค่ะ ไปเปลี่ยนนามสกุลในพาสปอร์ตก็รวดเร็วและสะดวกมาก จริงๆแล้วทำงานให้ดีๆน่ะเขาทำได้แต่ไม่อยากทำเคยชินแล้วกับแบบใช้น้ำมันหอยทาก เสียใจจริงๆค่ะทึ่คุณต้องเสียทั้งเงินและเวลาอันมีค่ากับเรื่องที่สามารถทำได้ง่ายๆเพียงวันเดียวหรือไม่ถึงชั่วโมง อายมากค่ะในฐานะที่มีป้าทำงานที่กระทรวงนี้ และมีญาติทำงานที่ตึกนั้นอีกด้วย จากคุณ : Gisele เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 55 21:54:22

ความคิดเห็นที่ 13 ตอนนี้ที่ทำเนียบรัฐบาลประเทศซิมบับเว่ กำลังเปิดรับสมัครพนักงานขับรถผู้มีประสบการณ์ ไม่ทราบมีใครสนใจไหม? จากคุณ : ข้้าวแช่ เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 55 02:47:31 A:96.251.197.41 X: TicketID:001120

ความคิดเห็นที่ 14 คุณสื่อศิลป์ คิดว่าน่าขำมากเหรอคะ กับการแนะนำให้เขียนหนังสือร้องเรียน อิฉันได้ยินคนบ่นเกี่ยวกับการทำงานของราชการมาเกิยกว่าร้อยครั้ง แต่ไม่เคยมีซักครั้ง ที่จะมีคนส่งหนังสือร้องเรียน อิฉันเชื่ออย่างเต็มหัวใจ ว่า ถ้าคนแค่ สิบเปอร์เซ็นต์ ที่เคยเจอการปฎิบัติงานไม่ดี แล้วส่งหนังสือร้องเรียนจริงๆ ประเทศชาติ เราจะพัฒนาไปไกลกว่านี้อีกมาก อย่างที่อิฉันเขียนไปในย่อหน้าสุดท้าย "ระบบ" มันเป็นอย่างนี้ เพราะเราทุกคน ยอมให้มันเป็นเอง จะโทษใครได้ ขนาดระดับคุณสื่อศิลป์ คุณป้า wiwanda ยังไม่คิดจะทำหนังสือร้องเรียน ยังยอมรับ ปล่อยให่มันเป็นไปตามระบบเดิมๆ แล้ว คนไทย ตาสีตาสา คนหาเช้ากินค่ำ พนักงานออฟฟิต ใคร มันจะไปคิดทำหนังสือร้องเรียน ไม่เคยมีคนทำ เพราะไม่เชื่อว่ามันจะเวิร์ค เลยขี้เกียจจะทำ เพราะขี้เกียจแสียเวลา แล้วพอกลับมาเจอวังวนเดิมๆ ระบบเดิมๆ เราก็มาบ่นกันต่อไป เพื่อ.....??????? จากคุณ : letsgokrabi เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 55 21:12:16

ความคิดเห็นที่ 15 สวัสดีค่ะ     เคยมีประสบการณ์      ที่นั่นเหมือนกันค่ะ     เกิดเมื่อ 4ปีที่แล้วค่ะ ต้องไปรับรองเอกสารแปลที่นั่น     กรณีของดิฉันคือ     สแต้มให้ไม่ครบค่ะ     ต้องการสแต้ม 4 ใบแบบด่วน     จ่ายเงินไป 1600 บาท     แต่สแต้มให้มา3ใบ ขาดไป1ใบ     แถมอีก1ใบสแต้มเอาไว้ที่ข้างหลังค่ะ      กลับไปถึงบ้านแล้วเพิ่งไปตรวจเจอ     โกรธมากค่ะ     เพราะเราคิดว่าเค้าทำงานกับเอกสารสำคัญอย่างนั้นทุกวัน     ไม่ควรที่จะสัปเพร่า     เราเลยไม่ได้เช็คก่อนออกมาจากที่นั่น     และมันก็ใส่ไว้ในซองเรียบร้อยแล้ว     กลับไปใหม่ตอนนั้นเลยค่ะ    เอาเข้าไปให้ดู     เจ้าหน้าที่ก็แค่พูดว่ากระดาษมันคงติดกัน     คนปั้มเลยไม่เห็น      และพอเราบอกว่า     อีกใบที่ปั้มไว้ข้างหลังก็ใช้ไม่ได้        ก็อ้างแบบข้างๆคูว่า     คราวหน้าต้องบอกเขาว่าต้องการให้สแต้มอยู่หน้าเดียวกัน       เพราะที่มันไม่พอเขาเลยสแต้มไว้ข้างหลัง     เนี่ยเขาต้องถ่ายเอกสารให้ใหม่     จะได้มีที่เหลือพอสำหรับตราประทับ     เกินจะบรรยายค่ะ      กลายเป็นว่าเราผิดที่ไม่บอกเขาให้กระจ่างแจ้ง     แต่ตัวเองลืมประทับตราไม่เป็นไรค่ะ     มีใครที่ไหนบ้างคะ     จะบ้าคิดว่าตราประทับมันสามารถอยู่ข้างหลังเอกสารสำคัญได้     แล้วถ้าเราทำเอกสารใบนั้นหล่นหาย     ใครก็สามารถถ่ายเอกสารอย่างอื่นมาใส่แทนได้ค่ะ     เพราะว่ามันมีตราประทับเรียบร้อยแล้ว        สมมุติว่าถ้าเป็นคนที่มาจากต่างจังหวัดล่ะคะ         เขามิแย่หรือคะ     ได้แต่สงสารข้าราชการดีๆ     ที่เต็มใจทำเพื่อบริการประชาชนอย่างแท้จริงค่ะ อยู่กันต่อไปค่ะกับระบบเงินเดือนจากภาษีของประชาชน     แต่ประชาชนต้องเป็นเบี้ยล่าง จากคุณ : สมองฝ่อเพราะตกงาน (สมองฝ่อเพราะตกงาน) เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 55 23:43:40

ความคิดเห็นที่ 16 คุณ letsgokrabi คะ ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า  จุดประสงค์ที่ดิฉันมาเล่าประสบการณ์นี้เพื่อให้พวกเราคนไทยที่ต้องพึ่งพาระบบนี้เตรียมตัวและเตรียมใจว่าจะต้องพบกับอะไร และจะได้ไม่ต้องไปให้เสียเที่ยวถึงสองครั้งสองคราอย่างดิฉัน และอย่าหวังในเรื่อง"บริการด่วน" เพราะอย่างไรเสีย..ก็ต้องนั่งรอเป็นเวลาหนึ่งวันเต็มๆ อย่าหวังว่าจะไปไหนได้ เพราะเส้นทางนั้นรถติดมาก นอกจากคิดจะไปเดินเล่นกลางแดดเปรี้ยง.. ถามว่าทำไมไม่คิดร้องเรียนหน่วยงาน..?? เพราะดิฉัน (และคุณสี่อศิลป) ก็ไม่นับว่าเป็นคนวงนอก..ที่ไม่รู้ประสีประสาเรื่อง"วงใน" ของกระทรวงนี้เอาเสียเลย..กลไกของกระทรวงขึ้นอยู่กับผู้สั่งการระดับบนสุด หมายถึงรัฐมนตรี รองลงมาก็อธิบดีที่มาจากสายการเมือง ที่อ่อนด้อยในประสบการณ์ของการบริหารจัดการบุคลากร โดยเฉพาะกับเหล่า"เทพ" ที่มานั่งทำงานเพราะมีเส้นสายไขว้ไปมาราวกับใยแมงมุม โดยเฉพาะเรื่องที่ต้องพัฒนาด้วยระบบเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่จะต้องให้พวก"เทพ" เหล่านั้นต้องไปฝึกอบรมให้เรียนรู้แบบนับจากหนึ่ง.. หรือการที่จะต้องรับคนทำงานเพิ่มเพื่อสนองความต้องการของการให้บริการที่นับวันจะเพิ่มพูน (เพราะอาเชี่ยน) แต่นี้เขาก็ถึงทางตันแล้วค่ะ...เพราะ.. ระบบเทคโนฯใหม่แบบคอมพิวเตอร์...ต้องเสนอผ่านรัฐบาลให้มีการอนุมัติ ก่อนที่จะเสนอ ต้องมีการทำการวิจัยและ"ศึกษา" เพื่อทำความเข้าใจในระบบ ก่อน ต้องมีเวลาค้นคว้าติดต่อกับประเทศที่เจริญและได้ใช้นำมาปฏิบัติจนได้ผลแล้ว..อย่างที่ข้าราชการชอบเรียกว่า "ไปดูงาน" ไงคะ แค่ปัญหาตรงนี้เอง...มันก็จะกลายเป็นฝุ่นที่รีบกวาดเก็บเข้าไปในใต้พรมพอดี เพราะถ้าจะต้องมาเสียเวลา"ร่ำเรียน" ให้เข้าใจ...กับงบประมาณที่ไม่มากเท่าไหร่..ไม่มีใครสนใจหรอกค่ะ ต่อมา..ถ้าจะต้องรับเจ้าหน่าที่เพิ่ม..ก็ต้องปิดประกาศ มีการสอบตัดเลือก (แบบขอไปที) คนที่ได้เขามา..ก็คือเส้นสายหรือลูกหลานเธอ ที่ไม่ได้พกความเก่งกาจหรือแบกความขยันติดตัวมาด้วย..มันก็กลับเข้ามาอยู่ในอีหรอบเดิม คือ ตั้งโต๊ะทำงาน แยกแบ่งจากงานเชยๆระบบเดิมมาเป็นอีกโต๊ะหนึ่ง ให้มันล่าช้าเข้าไปอีก.. เช่นตัวอย่าง.. ....จากจุดที่รับเรื่อง... ....เดินไปที่ซุปเปอร์ไวเซ่อร์ ....กลับมาที่จุดรับเรื่อง เพื่อรับบัตรคิวเพื่อรอเรียกตามหมายเลข ....เมื่อถูกเรียก..ก็ไปยื่นเอกสารพร้อมจ่ายเงิน..แล้วกลับไปนั่งที่..เพื่อรอใบเสร็จและเงินทอน (ถ้ามี) ....คนที่บันทึกการรับเงินมีเพียงหนึ่งคน..ที่ต้องไล่อ่านและตรวจทานจำนวน ก่อนลงในใบเสร็จมีคนเดียว นั่งอยู่ที่โต๊ะติดหลังห้อง ....ลงบันทึกเสร็จก็ส่งไปอีกโต๊ะหนึ่งที่ติดกัน เพื่อที่จะตรวจทานและลงลายมือชื่อ แล้วก็จะวางลงในกะบะที่มุมโต๊ะ ....คนที่จะรับใบเสร็จเหล่านั้นมาประกาศเรียก..ต้องคอยเหลือบตาไปดูว่า..ในกะบะนั้นเริ่มพอกพูนด้วยเอกสารหรือยัง..เพราะไม่อยากเสียเวลาเกินไปบ่อยๆรอให้เป็นจำนวนหนาตาแล้วก็ค่อยเยื้องกายไปรับ.. ....เมื่อรับมาแล้วก็จะประกาศเรียกไปตามรายชื่อ แค่ขั้นตอนตรงนี้...(ไม่นับจากยามที่ทำตัวเป็นมาเฟียที่จอดรถ)...มันก็แสดงออกถึงขีดความสามารถของผู้บริหารระบบแล้วค่ะ..อย่าไปหวังอย่างอื่น.. การทำงานที่ต้องใช้สมองในการพัฒนานั้น..เราอาจมีมากอยู่ในข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่ในระดับล่างๆที่ไม่มีปากมีเสียง..และอึดอัด.. แต่ความอึดอัดนั้น..ต่อมาจะเป็นความเคยชินเพราะมันคือความอยู่รอดที่ต้องทนไปกับสภาพตามน้ำ.. ต่อมามันก็จะกลายเป็นความ"ด้านชา" และทำคัวตามสบายโดยถือว่า เรื่องอะไรจะไปรนหาที่.. กับแค่"ใบร้องเรียน" ใบเดียว หรือ ร้อยใบพันใบ..ไม่สามารถไปสะกิดต่อมอะไรเขาได้ค่ะ ในปัจจุบันนี้..คนเรานั้น"หนา"ขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ... จำเรื่องม๊อบสับปะรดได้ไหมคะ..ไม่นานนี้เอง? ที่เกษตรกรสุดทนต่อนโยบายส่งเสริมสินค้าเกษตร...เกิดการล้นตลาด..ไร้ราคา..ผลิตผลออกมาท่วมประเทศแต่ภาครัฐไม่มีทางออกให้..เขาจึงพากันมาปิดล้อมทำเนียบเอาสับปะรดมากองทิ้งให้ดูต่างหน้า..ให้เข้าใจว่าเขา"เจ็บปวด" แต่เจ้าหน้าที่..ไม่ได้รู้สึก รู้สา..ต่างพากันยิ้มร่า..ถือถุงไปเก็บสับปะรดของเขากลับไปกินกันหน้าตาเฉย.. ถ้าส่งการร้องเรียนไป..ก็คืออยู่แค่ระดับบน.. ถึงเขาอ่านแล้วแต่มาถึง"ทางตัน"อยางที่ดิฉันว่าไว้ว่ามันเกินความสามารถของเขาในการเปลี่ยนแปลง....มันก็หมดกัน ดิฉันจึงเลือกที่จะใช้โซเชี่ยลมีเดียเขียนถึงเรื่องนี้...เพราะไม่ใช่แค่ตีแผ่ในจุดด้อย..ดิฉันได้เสนอ"ข้อแก้ไข" เอาไว้ด้วยทั้งๆที่เป็นชาวบ้านธรรมดาๆคนหนึ่ง แต่ดิฉันเชื่อค่ะ ว่าป่านนี้ทางกรมการกงสุลได้อ่านกันแล้ว..สามารถส่งลิงค์ให้อ่านกันได้ในทุกระดับ..ที่เฟซบุ๊คของดิฉันก็มี...ซึ่งมีชื่อ ตัวตนและที่อยู่ของดิฉันด้วย.. ดิฉันตั้งใจว่า...จะเอาไปลงในอีกหลายแห่งที่เกี่ยวข้องหรือแม้กระทั่งหนังสือพืมพ์ถ้ามีโอกาส... จากคุณ : WIWANDA เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 00:40:13

ความคิดเห็นที่ 17 http://www.consular.go.th/modules.php?name=Content&pa=showpage&pid=97 Link ที่ให้เป็นวิธีขอรับรองเอกสารทางไปรษณีย์ค่ะ แต่ต้องดาวน์โหลดคำร้อง รวมทั้งถ้าให้บุคคลอื่นดำเนินการแทน เช่น ญาติที่เมืองไทย โดยใช้แบบฟอร์มของทางกรมการกงสุลเท่านั้นค่ะ เซ็นชื่อให้ถูกต้อง ครบถ้วน เอกสารที่ส่งไปต้องเป็นฉบับจริง แนะนำว่าให้ใส่ซองพลาสติกไปด้วยค่ะ เพราะว่าเคยทำเอกสารฉบับหนึ่งกลับมาพร้อม รอยเปียกน้ำจากการส่งในช่วงฤดูฝน ซึ่งทำให้เอกสารเสียหายไปบางส่วนค่ะ แต่ก็ยังใช้ยื่นเรื่องได้อยู่ เพียงแต่ช้ำใจนิดหน่อย ลองดูนะคะ จะได้ไม่ต้องเสียอารมณ์ เสียค่าใช้จ่ายในการเดินทาง เพียงแต่เสียเวลาค่ะ รอนานหน่อย อาจจะประมาณ 1-2 สัปดาห์ แต่ดิฉันใช้บริการบ่อยค่ะ ไม่เคยมีปัญหานะคะ ปล. คนที่อยู่เชียงใหม่ ติดต่อที่ศาลากลางจังหวัดได้แล้วนะคะ ข้างห้องทำหนังสือเดินทางค่ะ (แก้ไขเพิ่ม ปล.) แก้ไขเมื่อ 05 เม.ย. 55 16:17:41 จากคุณ : Netzumi_Gokusen เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 16:15:58

ความคิดเห็นที่ 18 ขอบคุณคุณ Netzumi_Gokusen ที่นำข้อมูลเรื่องการติดต่อทางไปรษณีย์มาให้ทราบค่ะ  ไม่ทราบว่าคุณทำงานเกี่ยวกับบริษัทแปลเอกสารหรือเปล่าคะ? เพราะบริษัทที่ทำการแปลให้กับดิฉันได้เสนอเรื่องนี้เช่นกัน หมายถึงรับแปลให้แล้วก็จะไปดำเนินเรื่องให้เลยทั้งหมด แต่ต้องใช้เวลานานถึงกว่าสองอาทิตย์  อีกทั้งต้องมอบอำนาจไปให้ด้วย... ซึ่งตรงนี้มันเป็นกรณีที่ไม่เวิร์คสำหรับดิฉันหรือผู้ที่อยู่ในฐานะเดียวกับดิฉัน คือ หนึ่ง...เอกสารบางชิ้นที่เป็นตัวจริงนั้นสำคัญมาก..สูญหายไปหรือชำรุด นั่นหมายถึงต้องกลับไปตั้งต้นเดินเรื่องใหม่จากต้นสังกัด ซึ่งไม่ใช่ใกล้ๆ จึงไม่กล้าเสี่ยงในการส่งไปส่งมา หรือล้อเล่นกับเงื่อนเวลา.. สอง...ระยะเวลาที่จะต้องดำเนินการนั้น ถูกกำหนดด้วยกฏหมายและกฏเกณฑ์ของประเทศที่จะนำไปใช้ ยกตัวอย่างเช่น ฝรั่งเศส..ที่เอกสารจะต้องมีอายุไม่เกินสามเดือน ที่เขานับจากวันที่ไปขอมาจากต้นสังกัด และทุกอย่างต้องอยู่ในระยะที่ใกล้เคียงกัน เพราะเขาขอทุกอย่างทั้งหมดในการดำเนินการ เช่นใบเกิดหรือใบรับรองการเกิด ใบรับรองประวัติ สำมะโนครัว ใบรับรองความเป็นโสด ใบเปลี่ยนชื่อ/นามสกุล  ในรับรองการทำงาน ทั้งหลายเหล่านี้..ลงประทับตราวันไหน นับไปอีกสามเดือนก็หมดอายุ ถ้าใบหนึ่งใบใดที่เล่ามาเกิดล่าช้า..จะทำให้ทุกอย่างล้มครืน กลับไปตั้งต้นขอใหม่ สาม...เพราะสองเหตุผลข้างบน...จึงมีผู้ร่วมเรือลำเดียวกันมากมายที่ไปคราคร่ำอยู่ที่กรมการกงสุล..ที่มีเว็บไซท์ที่สวยหรู มีคำคมในการโฆษณาถึงประสิทธิภาพและการทำงาน รวมไปถึงวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล..แต่มันไม่สอดคล้องกับการทำงานที่เป็นจริง.. ดังที่ดิฉันได้เสนอแนะไว้ว่า...ประชาชนจะสบายใจกว่าในการยื่นทำการด้วยเอกสารตัวจริงกับมือ และขอมารับกลับตามเวลาที่กำหนด โดยไม่ต้องมาคอยรอเรียกรับใบเสร็จที่เยิ่นเย้อใช้เวลานานเกินความจำเป็น หรือ เมล์ลงทะเบียนกลับมาให้สำหรับกรณ๊ที่ไม่เร่งด่วน หรือจัดระบบการทำงานใหม่ให้รัดกุม และ เคร่งครัดในเวลาของการทำงาน ตามความเป็นจริงที่ลงประกาศ..คำว่า..ปิดทำการ 15:30 ตามหลักสากลหมายถึงรับผู้ที่เข้าใช้บริการคนสุดท้ายเมื่อเวลานั้น...เหมือนอย่างเช่นธนาคารที่บอกว่าปิดสี่โมง หมายถึงปืดประตูสถานที่ทำการเมื่อบ่ายสี่โมง..คนที่มาช้าก็ต้องทำใจ... ไม่ใช่อย่างที่ดิฉันไปประสบมา..ที่บอกว่าปิด บ่ายสองโมงสี่สิบห้า..เพราะเวลาที่เหลือคือช่วงที่ต้องสะสางงานที่ค้าง เนื่องจาก "ข้าราชการ" ต้องกลับบ้านคือ...บ่ายสามโมงครึ่ง..เท่านั้นไม่พอ..เจ้าหน้าที่ยังย้ำกับดิฉันด้วยว่า.. "นี่ก็เก็บของจะกลับบ้านอยู่แล้ว.." ครั้นจะแย้งเมื่อดิฉันยืนยันด้วยหลักฐาน..เธอก็ยังทำใจดี..บอกว่า..งั้นก็เขียนคำร้องมา..แต่ต้องใช้เวลาห้านาทีนี้เท่านั้นนะ..เพราะปิดแล้ว.. ดิฉันจึงต้องกลับไปที่นั่นอีกครั้ง..เพราะไม่กล้าเสี่ยงเอาเอกสารไปวางไว้กับคนที่ขาดความรับผิดชอบ และไม่มีวินัยในการทำงานอย่างนั้น... จากคุณ : WIWANDA เขียนเมื่อ : วันจักรี 55 09:42:47

ความคิดเห็นที่ 19 นึกแล้วว่าสักวันจะต้องมีกระทู้บ่นถึงหน่วยงานนี้ เคยเจอกับตัวเอง ได้แต่ภาวนาว่าชาตินี้ขออย่าได้ต้องวนเวียนกลับมาใช้บริการที่นี่อีกเลย จากคุณ : ขนตางอน เขียนเมื่อ : วันจักรี 55 12:57:53

ความคิดเห็นที่ 20 ดิฉันไม่ได้ทำงานเกี่ยวกับบริษัทแปลค่ะ ทำงานเกี่ยวกับการจัดการเอกสารสำหรับชาวไทยและต่างชาติ ซึ่งต้องใช้เจ้าตราประทับกรมการกงสุล หลังจากที่มาติดต่อดิฉันแล้วในบางกรณี ดังนั้นเมื่อมีผู้ติดต่อมาจากต่างจังหวัดหรือต่างอำเภอไกลๆ จะแนะนำให้ทำเอกสารนี้ทางไปรษณีย์เพื่อรับเอกสารด้วยตนเองที่บ้าน แต่บ่อยครั้งที่คุณป้าๆ หลายคนที่ไม่มีความรู้ จะขอให้ช่วยดำเนินการแทนบ้าง ก็จะช่วยทำให้และส่งกลับมารอที่สำนักงาน หากเจ้าของเอกสารต้องกลับมาติดต่อดิฉันในภายหลังค่ะ หรือส่งไปที่บ้านของแต่ละคนเลยเพื่อความสะดวก จริงๆ แล้วเมื่อส่งไปรษณีย์ก็สามารถโทรสอบถามได้นะคะ ว่าได้รับเอกสารหรือไม่ ส่งเอกสารกลับแล้วหรือยัง บางครั้งเอกสารบางคนมีปัญหา เช่น แปลไม่ได้ใจความ ต้องการเอกสารเพิ่มเติม ฯลฯ เจ้าหน้าที่ก็โทรกลับมาสอบถามรวดเร็วดีค่ะ เพียงแต่อย่าลืมให้เบอร์โทรศัพท์ที่ติดต่อสะดวกของเราด้วย ไปรษณีย์ที่ส่งเป็น EMS ค่ะ ธนาณัติก็เป็น EMS เช่นกัน กลัวหายก็ลงทะเบียนแบบมีคนตอบรับก็ได้ค่ะ เข้าใจว่าเป็นเอกสารสำคัญ ย่อมเป็นห่วง แต่ถ้าพอมีเวลาบ้างจะใช้วิธีนี้ก็ไม่เสียอารมณ์จริงๆ นะคะ บางคนต้องเดินทางไปต่างประเทศ ก็ยังทิ้งเรื่องฝากให้ญาติๆ ดำเนินการแทนได้ด้วยค่ะ อย่าลืมเซ็นไว้ให้ก็แล้วกัน รบกวนทิ้งข้อคิดสักหน่อยว่า หากติดต่อราชการต้องไปแต่เช้าค่ะ เพราะยังมีคุณป้าคุณลุงหลายคนมาจากต่างจังหวัด ต่างอำเภอ มารอเข้าคิวตั้งแต่ไก่โห่ แล้วเอกสารก็ไม่ครบถ้วนมากมาย แต่ละคนแยกกันไปคนละเรื่อง เจ้าหน้าที่จะไม่สามารถทำงานได้รวดเร็วค่ะ เราอาจคิดว่าเอกสารเหมือนกัน แต่จริงๆ แล้วมีเนื้อความที่ต้องใช้ความละเอียดรอบคอบในการตรวจ เพราะเมื่อเกิดความผิดพลาด เจ้าของเอกสารคือผู้ได้รับความเสียหายโดยตรงค่ะ (หวังว่าที่ดำเนินการช้าจะเป็นเหตุผลตามที่ดิฉันคิดนะคะ) แก้ไขเมื่อ 06 เม.ย. 55 17:47:39 จากคุณ : Netzumi_Gokusen เขียนเมื่อ : วันจักรี 55 17:37:00

ความคิดเห็นที่ 21 เค้ามีแจ้งไว้นะคะว่าปิดรับกี่โมง จากคุณ : Keep Discovering เขียนเมื่อ : วันจักรี 55 18:37:40

ความคิดเห็นที่ 22 เห็นจขกทโพสหลายกระทู้ตามมาตอบในนี้ด้วยค่ะ ขอแสดงความเห็นแตกต่างกันนะคะ สำหรับเราเจ้าหน้าที่เคาเตอร์ทั้งผู้หญิง และผู้ชายบริการดีมากค่ะ แนะนำบริการดี ขออนุญาตถ่ายรูปรายละเอียดด้านหลังก็ไม่ว่า แม้ว่าอาจจะไม่ได้ยิ้มแย้ม แต่มั่นใจว่าเต็มใจตอบคำถามทุกข้อ เราไม่ได้เป็นหน้าหมา ม้า แมวใดๆนะคะ ปัจจุบันเราไม่ได้ทำงานที่ไทย แต่ต้องมีการเดินทางมาติดต่องานที่ไทย ทุกเดือนหรือสองเดือน ต้องมีการมารับรองเอกสารบ้าง ช่วงนี้อยู่ไทยพอดี พึ่งไปกงสุลมา ถ่ายรูปพวกนี้เก็บไว้จะส่งไปให้เพื่อน เจอกระทู้นี้พอดี ^ ^ จากประสบการณ์เราทุกครั้งที่มาติดต่อ ไม่ได้พาดพิง หรือว่าเจ้าของกระทู้นะคะ ขอกล่าวรวมๆ งานกงสุลหรืองานบริการทำเล่มหนังสือเดินทางที่มีการติดต่อคนไทย ที่อาศัยหรือทำงานอยู่เมืองนอกบางคน คนบางคนจะพูดจาไม่ดีไม่สุขภาพกับเจ้าหน้าที่ เราเห็นมาเยอะค่ะ เวลานั่งรอเอกสาร แล้วก็บอกว่าทำไมประเทศนั้นประเทศนี้ไม่เหมือนไทย บลาๆๆ หรือบางคนแต่งตัวโป๊ะมากๆ เจ้าหน้าที่เชิญให้ออกไปข้างนอก ก็โวยวาย โดยที่เค้าคงลืมมารยาทคนไทยไปแล้ว สำหรับเราเวลาติดต่องานแบบนี้ หรือติดต่อราชการเราก็จะบอกเจ้าหน้าที่ก่อนเลย ไม่ค่อยได้มาทำนะคะ ต้องทำอย่างไรบ้าง แนะนำด้วยนะคะ เคยเจอบางที่ไม่รู้ทะเลาะกับสามีมาหรือเปล่า ก็ไม่ใส่ใจ มองว่าเป็นที่อีคิวเค้า ไม่อยากเอาไปแลก เราว่าอาจเกิดจากจขกทเดินทางไปช่วงเย็นแล้วค่ะ ไปถึงอาจเซ็งด้วยตรงที่ปิดแล้ว จะติดต่อราชการไทยทุกทีเราต้องไปตั้งแต่เช้าค่ะ คนเยอะ เจ้าหน้าที่บางหน่วยงานทำงานช้า ตัดปัญหาไปเช้าๆดีกว่า เรื่องเครื่องถ่ายเอกสารด้านล่างก็มีอีกหลายเครื่องค่ะ ลองเดินไปดูนะคะ อาจจะต้องยอมเดินไกลหน่อยแต่คนไม่มีค่ะ ลองเป็นถามรปภ แม่บ้าน หรือเจ้าหน้าที่นั่นแหละค่ะ ว่ามีเครื่องอื่นอีกไหม จะได้ไม่ต้องรอคิวเยอะๆ เอกสารด่วนเราเคยยื่นตอนเกือบสิบเอ็ดโมง ขี้เกียจรอกลับมาอีกที ค่อยไปถามที่เคาเตอร์ว่าเรียกของเราไปหรือยังจะได้ไม่ต้องนั่งรอ -_-" ไม่ด่วนก็ตามนั่นนะคะ เดี๋ยวอาทิตย์หน้าจะไปรับหนังสือเดินทางเล่มใหม่ จะแอบไปแซวเจ้าหน้าที่ว่ามีคนโพสแนะนำการบริการ อิอิ ใครจะว่าเราก็ได้นะคะ แต่อยากให้ลองมองอีกมุมนึงบ้าง ขอบคุณค่ะ จากคุณ : Keep Discovering เขียนเมื่อ : วันจักรี 55 18:39:48

ความคิดเห็นที่ 23 คุณ Keep Discovering คงจะคุ้นเคยกับสถานที่นั้นดีจึงไม่มีปัญหามังคะ.. ถ้าคุณอ่านที่ดิฉันขียนไว้...ก็ได้บอกแล้วว่า ดิฉันได้ไปตอนเย็นจริง เพราะเพิ่งเดินทางมาจากต่างจังหวัด...และมีการลงรูปของใบประกาศเวลาทำการติดมาด้วย.. เมื่อทราบว่าปิดแล้ว..ก็มิได้ว่ากระไร..เพียงแต่สงสัยว่าทำไมไม่ได้รักษาความคงที่..ส่วนที่คุณนำภาพมาโพสต์ นั่นคือประกาศที่แปะไว้ที่กรมการกงสุล..ที่ดิฉันหรือคนอื่นๆไม่อาจทราบได้ล่วงหน้า.. ดิฉันได้กลับไปอีกครั้ง..แต่เช้าตรู่ตามที่ได้รับคำแนะนำมา.. และนั่นคือที่มาของการเขียนบรรยาย..เหตุการณ์ทั้งหมด... ดิฉันไม่เคยนำการบริการที่นี่ไปเทียบกับประเทศไหนในโลกทั้งนั้น.. เพียงแต่แนะนำให้ไป"ดูงาน" ของคนอื่นๆเขาบ้าง..ดิฉันหมายถึงที่ที่เขาให้ความสำคัญกับเวลาของประชาชนน่ะค่ะ.. และเรื่องเครี่องถ่ายเอกสาร..ที่คุณว่ามีอีกในชั้นล่าง... แล้วชาวประชาที่ไม่เคยไปมาก่อนจะทราบไหมคะ ว่ามีอยู่อีก..ในเมื่อเจ้าหน้าที่บอกว่าให้ไปที่ชั้นสอง..ไม่ได้บอกให้ไปที่อื่น..ซึ่งมีผู้ร่วมชะตากรรมกับดิฉันก็ไม่น้อย ดูได้จากคิวยาวที่โค้งไปมา (ดังภาพ) ก็เพราะไม่มีใครทราบไงคะ ไม่มีป้ายบอก.. วันต่อมา..ขนาดที่ดิฉันไปในยามเช้าสุดๆแล้ว..และนั่นคือที่มา บางคนอาจจะคุ้นเคยกับการบริการแบบเช้่าชามเย็นชามแบบนี้....แถมยังสนับสนุนให้ประชาชน"ทำใจ" แถมบอกว่าถ้าจะติดต่อต้องไปแต่เช้าๆ..เพราะมันเป็นงานของส่วนราชการ ตรงนี้ละค่ะ..ที่ดิฉันไม่เห็นด้วย...และ"ทำใจ"ตามไม่ได้.. สงสัยจริงๆละค่ะ ว่าทำไมงานส่วนราชการที่รับการค้ำจุนจากภาษีของประชาชน..ซ้ำบวกด้วยการคิดค่าบริการที่เป็นจำนวนไม่น้อย..จึงทำการปรับปรุงตัวเองให้มีประสิทธิภาพในการบริการมากกว่าที่เป็นอยู่ไม่ได้..? ส่วนเรื่องที่ล่าช้าและเวิ่นเว้อนั้น ดิฉันได้ทำการแจงไปแล้ว.. กรุณาอย่าพยายามพาดพิงถึงเรื่องอื่นๆ หรือ กรณีของคนอื่นที่พูดจาไม่ดี หรือ โบ๊ะหน้ามา..เพราะมันไม่อยู่ในเคสนี้..เพราะดิฉันไม่ได้ตำหนิถึงตัวบุคคล หรือมุ่งดิสเครดิตไปที่คนใดคนหนึ่ง...อีกทั้งไม่ได้โวยวายแต่อย่างใด เพราะ ได้เล่าไว้แล้วว่ามีแพลนของการจัด"ก๊อกสอง"รออยู่ ทั้งนี้ทั้งนั้น..ดิฉันตำหนิทั้งระบบ....ที่ไม่ช่วยเอื้อให้คนทำงานมีความพร้อมในการบริการแก่ประชาชนจำนวนมาก และอย่าไปเทียบในการทำงานของแผนกทำหนังสือเดินทาง..ที่มีทีมทำงานเป็นร้อย... เพราะ...ดิฉันไม่ได้พูดถึงที่นั่นเลยแม้แต่นิด... เฉพาะเจาะจงกับ แผนกรับรองเอกสารที่อยู่บนชั้นสามเท่านั้นค่ะ... ส่วนผู้ที่คุณว่าเขาโวยวาย..จนต้องถูกเจ้าหน้าที่เชิญออกไป.. ขออภัยนะคะ...ถ้าดิฉันจะบอกว่าเข้าใจในความรู้สึกของพวกเขาจริงๆ ถ้าใครอยากจะช่วยหน่วยงานนี้..ก็ลองพยายามหาคำชมหรือฟีดแบ๊คดีๆมาให้อ่านกันดีกว่า.. ดิฉันเคยเขียนชมเชยเจ้าหน้าที่สถานทูตไทยในประเทศต่างๆออกบ่อยๆ.. เพราะเขาทำงานกันเหนื่อยมาก..เพราะต้องออกสัญจรไปเมืองนั้นเมืองนี้ ไปนอนวัด เพื่อให้ประชาชนไม่ต้องเดินทางไกล.. เป็นการทำงานที่มีระบบและทุ่มเทมาก..อีกทั้งเจ้าหน้าที่น่ารักทุกคน.. นั่นคือส่วนดีที่พูดและเขียนถึงเสมอ.. ส่วนด้อยนั้น คือ เครื่องถ่ายเอกสารมักจะเสีย..หรือใช้งานไม่ได้..(เป็นเหมือนกันทุกประเทศที่ผ่านพบมา) ซึ่งพวกเรามักจะเตรียมตัวไปพร้อม ดังนั้น..ดิฉันจึง"เหลิง" ไปไงคะ...คิดว่า..เมืองไทยนั้นมีแต่ข้าราชการที่เก่งๆ มีไฟแรง ปรับการทำงานให้พ้นไปจากวังวนของระบบโบราณไปได้หมดแล้ว.. จึงไม่คิดที่จะไปจ้างใครให้เดินเรื่องให้  คิดว่าแค่ยื่นเรื่องขอรับรองเอกสารสองฉบับนี้..จิ๊บจิ๊บ.. ที่ไหนได้เล่า..ไม่ว่าจะกี่ฉบับ..ถ้ามีคนทำงานจำนวนเพียงสิบกับผู้ที่ต้องการใช้บริการจำนวนหลักหลายร้อย หรือถึงพัน.. มันก็จะกลายเป็น "ลิงแก้แห" อย่างนี้ละค่ะ...จะไปเอาคุณภาพหรือประสิทธิภาพในการทำงานมาจากที่ไหน? แก้ไขเมื่อ 06 เม.ย. 55 21:48:02 จากคุณ : WIWANDA เขียนเมื่อ : วันจักรี 55 21:26:52

ความคิดเห็นที่ 24 ไม่คุ้นเคยเท่าไรหรอกค่ะ เพราะนึกถึงตอนไปติดต่อครั้งแรกๆก็เจอปัญหาเหมือนกัน จากป้ายประกาศกับข้อมูลที่มีไม่ตรงกัน ด้วยความเคารพทำให้เราลองไปหาข้อมูลในเนต เพราะอยากทราบเหมือนกัน ว่าในเนตจะแสดงข้อมูลเป็นอย่างไร http://www.consular.go.th/modules.php?name=Content&pa=showpage&pid=84 ไปเจอรายละเอียดตามนี้ค่ะ เปิดบริการรับคำร้อง •บริการปกติ : เวลา 08.00 - 15.30 น.  ปิดรับบัตรคิวยื่นเอกสาร 14.45 น. •บริการด่วน : เวลา 08.00 - 12.00 น.  ปิดรับบัตรคิวยื่นเอกสาร 12.00 น. ทุกวัน ยกเว้นวันเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ไม่ดีตรงที่แม้ว่าจะมีการแจ้งหน้าเวบไซด์แล้ว แต่สำหรับบางคนที่ไม่สะดวกในการหาข้อมูลผ่านเนต หรือกลุ่มคน ที่ต้องไปใช้แรงงานตปท. อาจไม่ถนัดที่จะหาข้อมูลผ่านเนต จะทราบได้อย่างไร เช่นเดียวกับเอกสารที่จขกทได้รับ ก็ไม่มีการแจ้งรายละเอียดดังกล่าว และเดาว่าโทรศัพท์ไม่น่าจะสายว่าง หรือสายว่างแต่ไม่มีคนรับหรือเปล่าเอ่ย .... ส่วนเครื่องถ่ายเอกสาร อาจเป็นความรำคาญส่วนตัวค่ะ พอเห็นคนเยอะ ขี้เกียจรอก็ถามคนอื่น ส่วนใหญ่เราไปไหนจะถามแม่บ้าน หรือคนทำความสะอาดค่ะ จะได้ข้อมูลพวกสถานที่ดีมากๆ 555 อันนี้แค่อยากแนะนำว่าลองหา หรือถามรอบข้างค่ะ น่าจะได้คำตอบ เพราะตอนเราไปครั้งแรกเราก็ไม่ทราบว่ามีที่อื่นอีก -_-" ส่วนประเด็นอื่นเราเห็นด้วยกับจขกทค่ะ ระบบราชการเช้าชามเย็นชามจริงๆค่ะ เราว่ามันคงเป็นวัฒนธรรมไปแล้ว แทบจะไม่ได้คิดอะไร(หรือเปล่า) เพราะเราไม่ได้ทำราชการ จากที่ชวนเจ้าหน้าที่คุยส่วนใหญ่ต้องทำหน้าที่เดิมๆ งานเอกสาร ไม่มีการเปลี่ยนหน้าที่งาน ประมาณว่าอยู่ที่ตรวจเอกสารก็อยู่ตรงนั้นไปตลอด (ไม่รู้ว่าเป็นทุกหน่วยงานหรือเปล่านะคะ อันนี้คือที่เคยคุย) แต่ดูจากคห.8 บอกว่าให้ไปตะโกนเรียกจขกทที่ทำเนียบฯ เดาว่าจขกทน่าจะรู้ระบบต่างๆ ของราชการเป็นอย่างดี (ส่วนที่เราไม่ชอบที่สุดในราชการไทยคือระบบเบ่ง รู้ไหมว่าฉันเป็นใคร ทำไมต้องต่อคิว บลาๆ ถ้าเป็นอย่างที่คห.8 บอกขอชมเชยจขกทอย่างมากเลยค่ะ ที่ไม่ได้อวดอ้างถึงชื่อเสียงหรือหน้าที่การงานของตนเอง ^ ^) ตอนไปติดต่อราชการหรืออะไรก็ตาม เราจะไปเช้าอยู่แล้วค่ะ ขี้เกียจไปนั่งรอไม่ชอบเจอคนเยอะๆ เรา(คิดเอง) คนส่วนใหญ่น่าจะชอบมาตอนเก้าโมงครึ่ง เราจะชอบไปที่ไหนก็ตามตอนเก้าโมง - -" จะได้เสร็จกลับบ้านไวๆ เดี๋ยวรถติดช่วงเที่ยงและตอนเย็นอีก แหะๆ ส่วนเรื่องอื่นๆที่พาดพิงคืออยากจะยกตัวอย่างเฉยๆ เราก็ไม่ชอบราชการไทยเท่าไรนะคะ เดี๋ยวคนอื่นจะคิดว่าเข้าข้าง เบื่อเหมือนกัน ขอใช้คำว่าปลงดีกว่า ต้องลองไปดูที่กองสัญชาติ แล้วจะรู้ว่าความจุกจิกอันนี้ยังน้อย เราติดต่อราชการเยอะมาก เจอมาเยอะและรอผลเป็นปีกว่าจะได้สัญชาติไทย คำที่เจอตลอดคือติดที่ผู้ใหญ่ๆ เอกสารส่งไปแล้วติดที่ผู้ใหญ่ แต่ผ่านมานานแล้วก็ไม่มีการพัฒนาขึ้นเลย จขกทคิดว่าผู้ใหญ่เค้าจะไม่ทราบเลยหรือคะว่าระบบมันเป็นอย่างไร ยิ่งคนต่างชาติน่าจะตำหนิเยอะอยู่แล้วเวลาเจอแบบนี้ แต่สำหรับเราเป็นผู้น้อยค่ะขออนุญาตปลง และทำใจก่อนนะคะ แก้ที่วัฒนธรรมทำได้แต่คงต้องใช้เวลา ... ไม่รู้ว่าเริ่มหรือยัง หรือกำลังทำอยู่ สุดท้ายแล้วเรามองว่าเราอาจจะยังเด็ก ผลลัพธ์และการมองภาพรวมอาจจะคิดน้อยกว่า จขกทซึ่งเป้นผู้ใหญ่ที่มองไปถึงระบบบริหารจัดการ ซึ่งถ้าแก้ได้จริงๆจะดีมากค่ะ ต่อให้เราตำหนิทั้งประเทศ ผู้ใหญ่และผู้บริหารระดับสูงไม่ทำอะไรก็เท่านั้นค่ะ ของเราง่ายๆ รอได้หาไอแพดนั่งเล่นฆ่าเวลา รอนานเกินก็เดินไปถามของหนูเป็นอย่างไรบ้างคะ รอนานแล้ว T^T พี่ช่วยเช็คหน่อยนะคะ บลาๆๆ แต่อย่ามีคนมาแซงคิวละกัน เหอๆๆ ปล.อ่านจากคห.อื่นๆ ไม่แน่ใจว่าจขกทเป็นนักเขียนด้วยหรือเปล่า แต่เราชอบสำนวนภาษาที่จขกทเขียนบรรยายเหตุการณ์ค่ะ อ่านแล้วเหมือนนักเขียนดี ^ ^ จากคุณ : Keep Discovering เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 55 00:38:26

ความคิดเห็นที่ 25 ตอบคุณ Keep Discovering ค่ะ.. คุณเป็นคนที่มองเห็นอะไรในด้านบวก มีจิตใจดี ถ้าเป็นลูกหลานก็จัดในจำพวกที่ว่านอนสอนง่าย...และเขียนหนังสือเป็น.. ต้องขออธิบายนิดนะคะ ในคำว่าเขียนหนังสือ"เป็น"นั้น..มีคุณภาพมากว่าคนที่เขียนหนังสือ"ดี"  เพราะว่าคนที่เขียนเป็น คือสามารถอ่านแล้วได้ใจความ มีการเล่าแบบถ้อยแถลง.. มีวิสัยในการคาดการณ์ในเชิงเป็นไปได้ที่ให้คนอ่านเกิดความคล้อยตาม..และมีการสรุปจนได้ใจความ (มีการแอบถามด้วย...) ส่วนคนที่เขียนหนังสือดี...คือพวกที่ใช้ภาษาสวยๆ เรียบร้อย รื่นหู... แต่มักไม่ได้ใจความ..หรือ..เข้าใจยากแบบพวกโฆษณาขายเครื่องสำอาง ดิฉันขอแถลงไขในเรื่องข้อความของคคห.ที่แปดก่อนนะคะ..ว่า ไม่มีอะไรในกอไผ่ทั้งสิ้น..คุณสื่อศิลปเธอเย้าเล่นแบบให้ขำกันเท่านั้น..แต่เผอิญว่ามันเป็นเรื่องฮากันในระหว่างเพื่อนฝูง..คนอื่นๆไม่ได้ขำด้วยก็เลยนึกว่าเป็นการอวดโอ้.. ไม่ใช่เช่นนั้นเลย...เรื่องทำเนียบ..ใครจะไปก็ได้ค่ะ ถ้ามีธุระปะปังหรือมีส่วนที่ต้องติดต่อประสานงาน เพียงแต่การออก-เข้า ต้องเป็นกิจจะลักษณะมากหน่อยเท่านั้น.. แล้วคนที่อายุขนาดดิฉัน..ย่อมต้องมีเพื่อนมีฝูงมีญาติสนิทมิตรสหายที่อยู่กระจายไปทั่วทุกวงการนั่นแหละค่ะ..และไม่เคยคิดที่จะเอามาเป็นเครื่องประดับ.. ที่ดิฉันมาโวยเรื่องการทำงานของกรมการกงสุล นั้นก็สมควรอยู่ แม้แต่ข้อมูลที่จะให้กับประชาชนก็ยังไม่ตรงกัน เมื่อดิฉันได้กระดาษแผ่นนั้นมา..ก็ปฏิบัติ ไปตามข้อความ เตรียมหาเอกสารที่ระบุพร้อมสำเนา และเตรียมตัวเดินทาง.. ไม่คิดว่าจะต้องลองไปเสริชหาข้อมูลแยกย่อยลึกไปอีก..หรือต้องยกหูโทรศัพท์ไปถามไถ่..เพราะเห็นใจและเกรงใจผู้ที่ต้องมานั่งตอบคำถามซ้ำๆซาก..ซ้ำไม่อยากที่จะอยู่ในอาการ"นิ้วหงิก" เนื่องจากเชื่อว่าคงต่อไม่ติดง่ายๆ.. ดิฉันไม่แน่ใจว่า..ทางเจ้ากระทรวงฯ ได้เตรียมตัวพร้อมแค่ไหนต่อการที่เราจะไปสู่อาเชียนในอนาคตอันใกล้ข้างหน้านี้..เพราะนั่นหมายถึงจะต้องมีผู้เดินทางจำนวนมหาศาลข้ามไปมาในระหว่างสิบประเทศนี้กันเป็นว่าเล่น.. ด่านแรก..คือ กองหนังสือเดินทาง..(ก็คงไม่กระไรนัก..) ด่านต่อมาที่จะต้องพบศึกใหญ่..นั่นคือ..กองรับรองเอกสาร..ที่ยังทำงานในระบบเวิ่นเว้อ.. ที่ดิฉันยกมาเป็นอุทธาหรณ์ให้พึงระวัง เนื่องจากเชื่อเต็มร้อยว่ามีคนไทยเพียงไม่กี่เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่จะสนใจและเข้าใจในระบบการเปิดตลาดสู่อาเซี่ยน.. หนังสือพิมพ์..แทบไม่ตีข่าวนี้เลย เพราะ..ปรองดองกำลังยึดพื้นที่..หาดใหญ่กำลังจะลุกเป็นไฟ...ไฉนพระ(ธุดงค์)กลายเป็นมาร..สงกรานต์ก็กำลังจะมา..เงินเยียวยาก็ยังไม่เสร็จ...แท๊บเล็ตก็พาลจะแห้ว.. ฉะนั้น...ดิฉันขอถือโอกาสนี้..นำเรื่องการสัมนาสู่อาเชี่ยน (ของภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง) มาเล่าสู่กันฟังแบบคร่าวๆและได้ถ่ายรูปจากภาพสไลด์มาให้ชมกันด้วย..เพื่อที่จะได้ทราบว่า...ภาคเอกชนเขาประเมินการณ์จุดอ่อน จุดแข็งของทุกประเทศกันไว้อย่างไรบ้าง? จากคุณ : WIWANDA เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 55 13:56:22

ความคิดเห็นที่ 26 และ จากคุณ : WIWANDA เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 55 13:59:32

ความคิดเห็นที่ 27 ลองใหม่ค่ะ..หน้าต่อมา.. จากคุณ : WIWANDA เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 55 14:01:15

ความคิดเห็นที่ 28 .... จากคุณ : WIWANDA เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 55 14:02:37

ความคิดเห็นที่ 29 ....... จากคุณ : WIWANDA เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 55 14:04:03

ความคิดเห็นที่ 30 ............. จากคุณ : WIWANDA เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 55 14:05:48

ความคิดเห็นที่ 31 ////// จากคุณ : WIWANDA เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 55 14:07:13

ความคิดเห็นที่ 32 ฯฯฯฯฯฯฯ จากคุณ : WIWANDA เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 55 14:08:56

ความคิดเห็นที่ 33 ฟิลิปปินส์.. จากคุณ : WIWANDA เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 55 14:13:11

ความคิดเห็นที่ 34 ประเทศไทย...ที่เราไม่กล้าเอ่ยถึงเรื่องคอร์รัปชั่น เพราะมันบาดใจใครหลายๆคน จากคุณ : WIWANDA เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 55 14:16:28

ความคิดเห็นที่ 35 ลาว... จากคุณ : WIWANDA เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 55 14:18:27

ความคิดเห็นที่ 36 สิงคโปร์ จากคุณ : WIWANDA เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 55 14:20:07

ความคิดเห็นที่ 37 อินโดนีเซีย.. จากคุณ : WIWANDA เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 55 14:22:22

ความคิดเห็นที่ 38 บรูไน จากคุณ : WIWANDA เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 55 14:23:43

ความคิดเห็นที่ 39 เขมร จากคุณ : WIWANDA เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 55 14:25:27

ความคิดเห็นที่ 40 พม่า จากคุณ : WIWANDA เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 55 14:28:08

ความคิดเห็นที่ 41 มาเลเซีย จากคุณ : WIWANDA เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 55 14:49:30

ความคิดเห็นที่ 42 เวียดนาม จากคุณ : WIWANDA เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 55 14:51:21

ความคิดเห็นที่ 43 ดิฉันได้นำมาเฉพาะบทวิเคราะห์จุดเท่านั้น ยังมีโอกาส และ อุปสรรค ที่ตีแผ่กันออกมาให้เห็นในทุกประเทศเพื่อเอาไว้เป็นกลยุทธ์กันทางการค้า ที่ประหนึ่งว่า ต่อไปนี้เราทั้งสิบประเทศก็จะเป็นปฐพีเดียวกัน.. ดิฉันจะยกมาให้อ่านดู เฉพาะของประเทศไทย ในเรื่อง "อุปสรรคและโอกาส" จากคุณ : WIWANDA เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 55 14:56:44

ความคิดเห็นที่ 44 และ... จากคุณ : WIWANDA เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 55 14:58:15

ความคิดเห็นที่ 45 ///// จากคุณ : WIWANDA เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 55 14:59:51

ความคิดเห็นที่ 46 สุดท้าย...คือ...การเตรียมตัวรับมือ.. ซึ่งได้ประมาณการณ์ต่อมาในที่ประชุมว่า..การเดินทางเข้าออกของนานาประเทศ รวมทั้งผู้ลงทุนและแรงงานไทยจะผงาดขึ้นมาอย่างคึกคัก ขนาดพม่าแค่แบะท่ามานิดๆหน่อยๆ...ตอนนี้กลายเป็นดินแดนในความฝันของเหล่านักลงทุนไทยทั้งน้อยใหญ่.. จากคุณ : WIWANDA เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 55 15:06:06

ความคิดเห็นที่ 47 พี่หวานที่คิดถึง น้องเคยเล่าประสบการณ์เรื่องใกล้เคียงกันนี้ที่กระทู้หนึ่งของพี่หวาน น่าจะประมาณ ๕ ปีที่แล้วค่ะ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและโยนไปมามีสามแห่ง คือ สถานกงสุลไทย(ที่แจ้งวัฒนะ) หน่วยงานเดียวกัน สถานทูตอเมริกา ที่โยกโย้ไปมา คือ เจ้าหน้าที่คนไทยที่เป็นหญิง ลักษณะค่อนข้างมีอายุ (แต่ไม่ใช่ช่องเบอร์ดังที่ถูกกล่าวถึงบ่อยๆ) และ อำเภอท้องที่ที่น้องมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน น้องใช้เวลา 2-3 วัน วิ่งวนไปมาระหว่างสถานกงสุลและสถานทูต จนสามีต้องขอใช้สิทธิ์พลเมืองอเมริกัน ขอพบและพูดคุยกับ  จนท.อเมริกันเท่านั้น เรื่องจึงคลี่คลายลง โดยที่แต่แรกก็ไม่ได้มีปมที่แก้ไข หรือ ทำอะไรไม่ได้ แต่เป็นเรืองของการโยนไป-มา .. เท่านั้นค่ะ ด่านสุดท้าย คือ  ได้ จนท.ที่อำเภอช่วยให้เรื่องราวขมวดจบลงด้วยดี และสามารถดำเนินเอกสารที่ต้องการได้โดยเรียบร้อย เข้าใจสภาพและสถานการณ์ที่พี่หวานเจอทุกนาทีเลยทีเดียวหละค่ะ จากคุณ : Panissar เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 55 19:06:09

ความคิดเห็นที่ 48 สวัสดีค่ะ น้องปลา(Panissar) ดีใจจริงที่เห็นข้อความ..คิดถึงนะคะ หายไปนานเลยเชียว..สบายดีนะคะ? พี่ทราบดีว่า..งานเอกสารข้ามประเทศมันช่างยุ่งยาก เพราะเพิ่งผ่านการทำมาเจ็ดชุดแต่ทั้งหมดนั่นมอบอำนาจมาให้น้องสาวทำให้หมด..ตอนนั้นไม่ได้เร่งรีบอะไร เพราะเสร็จเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น.. แต่เมื่อเอกสารทั้งหมดนั่นได้ใช้ในงานที่ฝรั่งเศสไปแล้ว..ทีนี้พี่ต้องมาเปลี่ยนที่อเมริกาให้มันตรงกันด้วย...พอดีไปเมืองไทยก็เลยทำให้เสร็จเสียทีเดียว บัตรประจำตัวประชาชนนั้นราบรื่นมาก เพราะในแต่ละอำเภอนั้นเขาได้มีการบริหารระบบดีมาก...มีแต่เสียงสรรเสริญ หรือระบบของกองหนังสือเดินทาง..ใครๆก็บอกว่านำสมัยและฉับไว..คิวผ่านเร็วมาก เพื่อนบางคนบอกว่าแทบไม่ทันมีเวลาขอไปห้องน้ำเลย.. พี่ไม่ได้หวังให้ทุกอย่างจะต้องสะดวกสบาย เพราะถือว่าเสียเงินแล้ว..จะต้องได้อย่างนั้น อย่างนี้ดังใจ...แต่พี่อยากเห็นมาตรการที่เป็นกิจจะลักษณะ.. รัดกุม..และรู้จักประเมินค่าในการทำงาน..ถ้าเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอต่อการทำงาน..ก็ต้องมีการเพิ่มตำแหน่ง หรือ จัดระบบใหม่ที่สอดคล้องกับภาวะการเป็นอยู่ของประชาชน คิดดูซิคะ...ว่ามันแน่นขนาดไหน..พี่ไปถึงเมื่อแปดโมงครึ่ง...ได้บัตรคิวหมายเลขใกล้ร้อยเข้าไปแล้ว..ไม่นับสภาพที่แออัด เด็กเล็กร้องกระจองอแง(ก็เอาแกไปทรมานอย่างนั้น) ที่นั่งก็จำกัด..เพราะช่วงสายๆผู้คนก็เริ่มยืนออกันเป็นกลุ่มๆ นี่ละค่ะ...พี่เลยมาเขียนทิ้งเอาไว้..เผื่อว่าใครมาอ่านจะได้เตรียมตัวไปให้พร้อม อีกทั้ง..อาจประหยัดสตังค์ไปได้โขอยู่... ขอให้น้องและครอบครัวมีแต่ความสุขค่ะ.. พี่หวาน จากคุณ : WIWANDA เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 15:27:00

ความคิดเห็นที่ 49 ไม่อธิบายและไม่ขยายความครับ เชิญวิพากษ์วิจารณ์ข้อความของผมตามสะดวก 555 เบื่อเมื่อไรก็กลับไปอ่านข้อความของคุณ wiwanda ต่อ ส่วนที่คิดว่า เจ๊ wiwanda เป็นใครมาจากไหนมาแกล้งเขียนใส่ร้าย จนท หรือหน่วยงานนี้หรือไม่ ก็ค่อยกลับไปอ่านข้อความผมใหม่ รีบๆนะครับ เพราะกำลังจะย้ายไปเป็นเจ้าหน้าที่ขับรถรัฐบาลซิมบับเวแล้ว จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 16:22:36