ความคิดเห็นที่ 1 โห เรียกเยอะจัง ทีหลังแม่น่าจะบอกลูกก่อนเลยนะว่า ถ้าไม่รวยอย่าคิดมาจีบลูกฉัน จากคุณ : Freedom of Life เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 14:41:53

ความคิดเห็นที่ 2 เราแต่งงานที่ต่างประเทศค่ะ ทำตามธรรมเนียมทีประเทศนั้นเลย ไม่ได้มีสินสอดอะไรด้วย มีแค่แหวนสองวงที่ต้องสวมให้กัน พ่อแม่เราก็ไม่เห็นว่าอะไร แล้วเราก็จบปริญญาโทเหมือนกัน เราไม่ค่อยแคร์คนที่ชอบคิดว่าแต่งงานกับสามีต่างชาติแล้วต้องจัดงานใหญ่ๆ เพือให้พ่อแม่มีหน้ามีตา ซึ่งครอบครัวเราไม่ได้สนใจตรงนั้น สิ่งที่สำคัญคือให้ลูกมีความสุข ครอบครัวทางโน้นรักลูกของตัวเอง ใช้ชีวิตคู่ให้มีความสุขแค่นั้นก็พอแล้วค่ะ งานแต่งและงานจัดเลี้ยงของเรา เชิญแค่คนที่สนิทๆกันมางานเท่านั้น เพราะอยากให้เป็นงานที่มีแต่คนที่เรารักและสนิทจริงๆ จัดงานแบบเป็นกันเอง  ตอนทำพิธี ช่วงกล่าวคำปฎิณานตน ซึ้งมาก คนที่มาร่วมงานบางคนกลั้นน้ำตาไม่อยู่ร้องไห้โฮเลยก็มี  และตอนงานเลี้ยงทุกคนก็สนุกกันมากๆ หลังเสร็จงานมีแต่คนชมว่าจัดงานได้ดีมาก ทุกคนสนุกกันมากเลย เราแค่อยากให้มองอีกมุมหนึ่งว่า งานแต่งงานของเราเองควรจัดในแบบที่เป็นตัวเอง ให้เหมาะสมกับตัวเอง ไม่ใช่ห่วงเรื่องหน้าตา หรือแคร์เรื่องคนรอบข้างมากเกินไปน่ะค่ะ ยังไงก็จะแต่งงานแล้ว ขอให้ตกลงกันได้ไวๆ อย่าลืมว่า คุณกำลังจะเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลกในวันแต่งงานของคุณแล้วนะคะ โชคดี มีความสุขมากๆนะคะ จากคุณ : nuumama เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 14:42:04

ความคิดเห็นที่ 3 อย่าว่าแต่หนึ่งล้านเลยค่ะ หนึ่งบาท ดิฉันก็ไม่ได้ เพราะสามีจน อิอิ เดี๋ยวนี้เมืองไทยเค้าแต่งงานสินสอดเป็นล้านกันเลยเหรอคะ คิดว่าแฟนคุณคงไม่ให้แน่นอน ฟังแล้วมันเยอะเกินไป เหมือนขายลูกกินจริงๆนะเนี่ย ที่คุณบอก เอาหนึ่งล้านมาวางก่อน หลังจากนั้นจะให้พ่อแม่เท่าไหร่ก็ว่ากัน จริงๆเนี่ยเค้าไม่ได้ให้ลูกกับสามีมาทำทุนเหรอคะ งานที่เมืองไทยเขาก็ออกให้ งานที่สิงคโปร์เขาก็รับผิดชอบ แค่นี้ก็คงจะเยอะแล้วล่ะค่ะ ถ้าเป็นดิฉันก็คงไม่เอาสักสตางค์ ถ้ารักกันจริง ก็เลี้ยงฉันให้ดีแล้วกัน อย่าให้ลำบาก เงินสินสอดมันไม่มีความหมายเลย ดิฉันเป็นประเภท ไม่ค่อยฟังใครค่ะ ไม่ได้แต่งงานให้ใครได้หน้า เลยทำได้ตามใจอยาก จากคุณ : PoomPim..TMB เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 14:45:18

ความคิดเห็นที่ 4 เรื่องต่างวัฒนธรรมและธรรมเนียมสินสอดดิฉันเข้าใจ แต่เรื่องการเรียกเงินเป็นล้านบาทเนี่ย ดิฉันไม่เข้าใจค่ะ ขอสินสอดเป็นล้านนี่คือเจ้าบ่าวต้องเป็นมหาเศรษฐีระดับประเทศเลยนะคะ (ในความคิดของคนที่ไม่รวยอย่างดิฉันอ้ะนะ) คนรอบข้างคุณเค้าได้กันเป็นล้านจริงๆหรือคะ? เค้าไปหาเจ้าบ่าวรวยขนาดนั้นมาจากไหนคะ? ของดิฉันจบสูงกว่าปริญญาโทอีกค่ะพ่อแม่ทำงานเป็นข้าราชการซีสูงมากๆ แรกๆก็อยากเรียกสินสอดเยอะๆ แต่เมื่อเห็นว่าเจ้าบ่าวไม่ใช่เศรษฐีมาจากไหนเราก็ขอไปไม่เท่าไรและพอเสร็จงานบ่าวสาวก็ได้เงินสินสอดคืน ...แต่มันก็อาจเป็นไปได้ว่าสังคมรอบข้างของคุณอวดร่ำอวดรวยกันมากเลยทำให้คุณหวั่นไหว ยังไงก็อยากให้มองไปทางอื่นบ้าง บ้านอื่นๆคู่อื่นๆที่เป็นคนธรรมดาๆไม่จนไม่รวย ดิฉันมั่นใจค่ะว่าส่วนใหญ่ไม่มีบ้านไหนสินสอดเป็นล้านแบบนั้นหรอก ครึ่งล้านก็อาจไม่ค่อยมีด้วยซ้ำ (หรือถ้ายอมไม่ได้จริงๆคุณก็ให้แฟนเขียนลงในเช็คแล้ววางบนพานสินสอดสิคะ ใส่ไปเลยร้อยล้านบาทก็ได้ ดิฉันเคยเห็นฝรั่งแต่งงานแล้วให้สินสอดแบบนี้แหละ ก็ไม่รู้ว่าเช็คนั้นเอาไปขึ้นเงินได้หรือเปล่า หุ หุ) จากคุณ : อ่าวโตเกียว เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 14:47:23 A:125.203.118.71 X: TicketID:299625

ความคิดเห็นที่ 5 สรุปแต่งเพราะความรักหรือหน้าตา จากคุณ : ดีใจที่เกิดเป็นคนไทย เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 14:47:49

ความคิดเห็นที่ 6 ขอบคุณมากค่ะที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นและให้กำลังใจ เราอยากจะบอกว่าพ่อแม่เราก็ไม่ได้เป็นคนเห็นแก่เงินนะคะ เขาไม่เคยสอนให้เรายึดติดกับเรื่องของเงินเลย แต่คงเป็นเพราะเรื่องสังคมรอบข้างจริงๆ ที่เขาได้สินสอดกันเป็นล้านหมด ครอบครัวเราก็เลยคิดมากไปด้วย และแน่นอนว่าเงินที่ได้มาค่าสินสอดพ่อแม่ก็ต้องให้เรากับเขาคืนมาทำทุนตั้งต้นชีวิตครอบครัวใหม่อยู่แล้วค่ะ จากคุณ : mimi_ZooZoo_Family เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 14:55:54

ความคิดเห็นที่ 7 งั้นก็ให้แฟนเขียนเช็คให้สิคะ เอาแบบแค่เช็คอ่ะแต่ขึ้นเงินไม่ได้ หรือไม่ก็ทองคำใส่พาน แบบขอยืมมา เช่าเครื่องเพชรมาวางประดับก็ได้ค่ะ ในเมื่อแม่คุณต้องการแค่หน้าตา ไม่ได้คิดจะเอาตัวเงินจริงๆ จากคุณ : น้องจุ่น เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 15:08:16

ความคิดเห็นที่ 8 ชอบ คห.2 ของ คุณ : nuumama มากเลยครับ งานเรียบง่ายเเต่เต็มไปด้วยความสุข Happy ทั้งเจ้าบ่าวเจ้าสาวเเละเเขกร่วมงาน... ถ้าได้เเต่งงานผมคงจัดเหมือน คห. 2   ^^ ปล.ตอบ. จขกท.  ผมเคยไปเป็นเพื่อนของเพื่อนของผมคนนึง เขาไปขอสาวเเต่งงานทางพ่อเเม่ฝ่ายหญิง ทีเเรกเขากลัว ค่อนข้างซีเรียส เพราะพ่อเเม่ฝ่ายหญิงรับราชการมีหน้ามีตาทางสังคมทีเดียว พอคุยไปมา สรุปได้ใจความคือ พ่อเเม่ฝ่ายหญิงยกลูกสาวให้ เเละไม่เรียกร้องอะไร นอกจากเน้นไปที่เพื่อนผมไปว่า "คุณต้องรักลูกสาวของเค้าเเละมั่นคงในรักไม่ว่าวันข้างหน้าจะเป็นอะไรก็ขอให้มั่นคงซื่อสัตย์กับลูกสาวเค้า"  นอกนั้นเขาไม่ขออะไรเลย อ่อ ยกเว้นเเต่แหวนเเต่งงานที่สองคนจะเเลกกันครับ ผมได้ฟังยังซึ้งไปเลยครับ :P   สำหรับ จขกท. ผมว่าลองคุยกับเเม่ของ จขกท. อีกครั้ง เผื่อจะเปลี่ยนใจพยายามใช้เหตุผล ขนาด เเฟน จขกท. รับจัดงานเเต่งทั้งที่ไทยเเละสิงคโปร์อีก ผมว่าเเค่นี้ก็เยอะเเล้ว ลองคิดดูถ้าเเฟน จขกท. เขายอมยกสินสอดล้านนึงเเต่เขากลับไม่สบายใจ ผมว่ามันดูเหมือนไม่ Happy เลยครับ ยังไงลองคุยกันดีๆนะครับ จะได้ลงเอยด้วยดีทั้งสองฝ่าย จากคุณ : เสี้ยวขาวฯ เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 16:02:16

ความคิดเห็นที่ 9 จากคห. 6  ก็ไม่น่าจะมีปัญหา  คุณก็คุยกับพ่อแม่กับแฟนซิคะ ว่าให้เป็นล้านตามที่เรียก แล้วจะคืนให้  ในเมื่อเขาก็มีเงินให้อยู่แล้ว  และก็ยังจะได้คืน มันก็น่าจะ win-win  เพราะพ่อแม่แฟนคุณก็ไม่ได้เสียเงินเยอะเป็นล้าน พ่อแม่คุณก็ไม่เสียหน้า   ปล. อิฉันลูกตาสียายมาจนๆ เองค่ะ เลยไม่ต้องมีหน้าตา สบายไปอย่าง หอบผ้าตามหนุ่มมา แม่ไม่ได้สินสอดสักบาทเหมือนกัน  แต่ชีวิตมีความสุขดี สามีดูแลดีมาก ดีเท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะปกป้องผู้หญิงที่รักได้ ที่เขียนข้างบนนี่ไม่ได้ประชดนะคะ แอบรำพันเล็กน้อย ชีวิตสังคมเมืองไทย ยังคงเวียนว่ายกับสังคม กับหน้าตา  บ่อยครั้งเราก็ว่าเราโชคดีไม่มีอะไรมากดดัน เพราะเราไม่มีหน้าตา อยากทำอะไรก็ตามใจเรา ไม่แคร์สื่อค่ะ จากคุณ : ก๋าสะลองเงิน เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 16:09:28

ความคิดเห็นที่ 10 ของเราก็ไม่มีสินก็สอดได้ค่ะ ว้าย..น่าเกลียด พูดอะไรออกไป เราก็จบป.โท จากตปท. สามีมาจากยุโรป พอไหวไหมคะ พ่อแม่ญาติพี่น้องเพื่อนฝูงเราก็มีทั้งหน้าทั้งตา มีครบ พิธีเราไม่ได้ใหญ่โตแค่กินกันถึงเช้า ไม่ไล่ไม่กลับ แขกน้อย จะได้ไม่ต้องแย่งอาหารกัน ประเภทแขกกินไม่อิ่มต้องไปกินข้าวต้มต่อเราไม่เอาค่ะ เราเน้นอาหารเครื่องดื่มชั้นดีที่ไม่ได้กินกันบ่อยๆ เพราะเราคิดเองว่าถ้าแต่งใหญ่ๆ เลิกกันมันอายเค้า แต่งเล็กๆ นี่แหละ เลิกกันก็จะได้เงียบๆ กันไป รู้กันในหมู่ญาติ ถ้าจะเอาสินสอดจริงๆ ละก็ ชีวิตจิตใจทั้งชีวิตของเรามีค่ามากกว่าเงินทองทุกสกุลทั้งโลกมารวมกันซะอีก กว่าพ่อแม่จะเลี้ยงมาโตจนมานั่งตอบกระทู้แบบนี้ได้ พ่อแม่เราก็ไม่ได้ทำบัญชีไว้ซะด้วย คิดได้ดังนี้บวกกับตกเลขเลยตีค่าเราไม่ถูกค่ะ พิธีแต่งงานมันแค่เผาหลอกค่ะคุณ เผาจริงคือชีวิตหลังแต่ง แต่งแล้วมีเรื่องให้ใช้เงินอีกเยอะ มีเงินก็เก็บหอมรอมริบเถอะ เชื่อเรา เข้าเรื่อง ถ้าแม่คุณมาแบบนี้ คุณมีเงินพอช่วยแฟนไหมล่ะคะ เราเห็นคนไทยหลายๆคนถ้าไม่มีเงินเค้ายืมเงินคนรู้จักมาก่อน เอามาวางแผ่ ๆ ให้ถ่ายรูป ประเด็นมีแค่นี้แหละค่ะ หลังงานก็ไม่มีใครพูดถึงแล้ว ต้องนัดกับแม่ผู้หญิงก่อนนะคะว่าอย่านับ ทำเป็นพิธีเฉยๆ ไม่มีใครรู้หรอกค่ะว่าตั้งๆ อยู่นั้นกี่บาท สมัยนี้เราเห็นเจ้าสาวหาเงินสินสอดแต่งตัวเองเยอะไปนะคะ ไม่งั้นก็ไม่ได้แต่งซะที จากคุณ : ##TUKTA## เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 16:12:33

ความคิดเห็นที่ 11 ถ้ากลัวเสีย หน้า ก็ เอาเงินตัวเองวางก็ได้นิ (แต่แม่เราบอกว่าอย่างน้อยต้องเรียก 1 ล้าน เพื่อเอามาแสดงในพิธีตอนเช้า หลังจากนั้นเขาจะให้พ่อแม่เราจริงๆเท่าไหร่ค่อยว่ากัน) ถ้าผมเป็น พ่อผู้ชาย บอก อาตี๋ หาเมียใหม่ดีกว่า ที่เมืองจีน มีผู้หญิงมากมาย ให้ เลือก จากคุณ : alpha_sss เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 16:12:55

ความคิดเห็นที่ 12 โชคดีจริงๆ ที่ไม่ได้จบโท  และแม่ไม่ได้ ทำงานใหญ่โต      ไม่งั้น ฝรั่งที่บ้านคงไม่ได้อิชั้นทำเมีย...... ทั้งๆที่อิชั้น อยากได้เค้าทำผัวใจจะขาด     กร้ากกกก แก้ไขเมื่อ 17 เม.ย. 55 16:16:01 จากคุณ : pippo's sweet heart เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 16:13:48

ความคิดเห็นที่ 13 เงินเป็นปัญหาจริงๆ หญิงไทยเวลาจะแต่งงานกับชายต่างชาติ ไหนจะค่าสินสอด ไหนจะค่าส่งเสียเลี้ยงดูพ่อแม่รายเดือน ตอนคบกันก็น่าจะพูดคุยกันให้เป็นที่เข้าใจและยอมรับกันได้เสียก่อนเนอะ   ไม่ใช่รักปักใจแล้วก็มาโอดครวญกันทีหลังแบบนี้ อ่อ...เราไม่มีปัญหาเรื่องแบบนี้นะ  เพราะตอนคบกัน ต่างฝ่ายต่างก็เรียนรู้วัฒธรรมความเป็นอยู่ของกันและกันจนเป็นที่เข้าใจแล้ว จากคุณ : .. (successfully) เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 16:14:13

ความคิดเห็นที่ 14 แม่เราไม่ได้เรียกสินสอด แต่ มีข้อแม้ ต้องรักเราคนเดียวและอยู่กับเราตลอดไป แม่เราขอเท่านี้จริงๆ มันมากมายกว่าค่าสินสอดอีกนะคะ จากคุณ : มันเป็นส่วนผสมในใจ เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 17:00:53

ความคิดเห็นที่ 15 งานดิฉัน ตอนแรกพ่อก็จะขอเงินค่าสินสอดมาโชว์ในงานแต่งเยอะค่ะ เพราะญาติเพิ่งแต่ง เจ้าบ่าวก็โชว์เงินล้านในงานแต่ง แต่พออธิบายธรรมเนียมบ้านเขา และสถานะทางการเงิน พ่อก็เข้าใจค่ะ อย่าไปคิดแทนพ่อแม่สิคะ ว่าท่านจะไม่เข้าใจ สุดท้ายงานแต่งดิฉันก็ไม่ได้มีสินสอดใดใดทั้งสิ้น พ่อแม่ก็มีความสุขดีอยู่ แค่ลูกเขยยอมทำตามธรรมเนียมต่างๆ ไม่เกี่ยงงอน เรื่องนี้ก็ต้องเห็นใจกันทั้งสองฝ่าย เพราะบ้านเค้าก็ไม่มีธรรมเนียมค่าสินสอด ถ้าเค้าจะยึดตามธรรมเนียมบ้านเค้ามั่ง แบบที่เจ้าสาวเป็นฝ่ายออกเงินค่าจัดงานแต่งทั้งหมด เจ้าบ่าวออกแต่ค่าแหวน ดิฉันก็คงไม่ยอมเช่นกัน ลำพังเรียนจบเอกจะหาคนมาจีบก็ยากเต็มที่ ถ้าพ่อจะขอค่าสินสอดเป็นล้าน คงจะไม่ได้แต่งแล้วหละชีวิตนี้ คนรู้จักเยอะแยะ เค้าก็ไม่ได้มาสุขมาทุกข์ร่วมกับเรา อย่าได้แคร์ค่ะ จากคุณ : โตช้าแก่เร็ว เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 20:10:32

ความคิดเห็นที่ 16 เงินล้านในกรุงเทพ พศ นี้ จะดูเยอะก็เยอะ จะดูว่าไม่มากก็ได้ ขึ้นอยู่กับสังคมและสิ่งแวดล้อมค่ะ ผู้หญิงบางคนทำงานเงินเดือนหมื่นปลายๆ หรือแสนกว่าแล้ว บางคนรวมค่าโบนัส ต่างๆ เงินล้านถือว่าไม่สูงเกินเอื้อม มองอีกด้าน เงินล้านนี่ สมัยนี้ซื้อรถแบบครอบครัวขนาดกลางๆ ยังต้องเพิ่มเงินอีกเลย ไม่พอ จะหาคอนโดแบบน่ารักๆ ไม่ต้องในเมืองมากก็ยังยาก จะเอาลูกเข้าโรงเรียนเอกชน จ่ายแปะเจี๊ย อาจจะได้สองคน อาจจะเป็นมุมมองของแม่เจ้าของ กระทู้ ********* ที่ออฟฟิสเราหลากหลายค่ะ มีตั้งแต่สินสอดหลักหมื่นยันหลักหลายๆ ล้าน แต่ละคู่ก็ทำตามฐานะของตัวเองค่ะ ไม่มีกฏตายตัว ส่วนตัว แนะนำว่าพยายามคุยกันและหาทางออกที่แฟร์กับทั้งสองฝ่าย จากคุณ : ++ เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 21:21:23 A:88.77.200.16 X: TicketID:324043

ความคิดเห็นที่ 17 ดิฉันแต่งงานสองแบบ ไทยและฝรั่ง ไม่มีสินสอดค่ะ มีแต่แหวนหมั้นกับแหวนแต่งงาน และเจ้าบ่าวและครอบครัวไม่มีฐานะด้วยแหละ คิดเสียว่าไม่ได้ใช้ชีวิตร่วมกับคนที่ได้สินสอดเป็นล้าน ไม่ควรแคร์ใคร แคร์แต่คนในครอบครัวที่เราต้องเจอเขาทุกวันจะดีกว่า โดยเฉพาะพ่อแม่สามีเพราะเราต้องไปเป็นสะใภ้เขา ขืนเอาเงินเป็นล้าน เดี๋ยวก็มีเรื่องกินแหนงแคลงใจกันตั้งแต่เนิ่นๆ เข้าบ้านเขาแล้วจะเกิดปัญหาภายหลัง แม่ผัวไม่ยอมรับลูกสะใภ้ ทีนี้แหละ หน้าใหญ่หน้าโตที่ได้จากการชื่นชมของสังคมรอบข้าง มาช่วยแก้ปัญหาให้เราไม่ได้นะ จากคุณ : yinnerella เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 21:31:52

ความคิดเห็นที่ 18 เราก็คนไทยนี่แหละ แต่ถ้าผู้หญิงที่ไหนเรียกสินสอดเรา แม้แต่บาทเดียว เราไม่แต่งงานด้วยหรอก เพราะคิดว่า "ดูถูกกันชัดๆ" เรามองประเพณีสินสอดแบบนี้นะ มันเป็น "ค่าเสียหาย" ที่ผู้ชายไม่เอาไหนเรื่อง sex ทำให้ผู้หญิงเจ็บ ผู้ชายก็เลยต้อง "จ่ายค่าเสียหาย" ^ ตีความ นั่นคือผู้ชายไทยสมัยก่อนไม่ประสีประสาเรื่อง sex จริงๆ เพราะไม่มีสื่อดีๆให้เรียนรู้ ผู้ชายสมัยใหม่ที่รอบรู้เรื่อง sex มากพอที่จะให้ความสุขทางเพศกับผู้หญิงได้ ไม่ควรลดค่าตัวเองโดยการจ่าย "ค่าเสียหายให้ผู้หญิง" เพราะเขาไม่ได้ทำให้ผู้หญิงเสียหาย แต่ "ทั้ง 2 ฝ่ายมีความสุขร่วมกัน" จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 22:43:41

ความคิดเห็นที่ 19 โห...เรียกเยอะมาก ที่บ้านเราลูกสาวแต่งงานกะคนไทยหรือต่างชาตื แม่ก็แค่บอกว่าค่าสินสอดแล้วแต่จะให้ไม่เคยกำหนด หลังแต่งงานแม่ก็ยกให้เป็นเงินขวัญถุงกับลูกหมด งานแต่งเราเองที่เมืองไทยก็ง่ายๆ ง่ายมาก เหมือนเป็นเลี้ยงกันในครอบครัว, ญาติสนิท, อาจารย์ที่ปรึกษาและเพื่อนสนิทเท่านั้น เรากะแฟนยังไม่ได้ใส่ชุดเจ้าบ่าว-เจ้าสาวด้วย เลี้ยงในร้านอาหารเหมือนทานข้าวด้วยกัน ไม่ต้องมีพานขันหมากอะไร เราเงินเดือนพอๆกะสามีด้วยซ้ำ แค่กินอยู่ด้วยกันได้มีค่ามากกว่าเงินหนึ่งล้านซะอีก ครอบครัวเราง่ายๆกันอยู่แล้วค่ะ ไม่ชอบอวดหน้าอะไร ถึงพ่อจะทำงานบริษัทใหญ่, ตำแหน่งสูง คนรู้จักเยอะ แต่พ่อเสียไปแล้ว เรากะแฟนก็ไปทำบุญให้พ่อด้วยกัน ญาติจะทำงานราชการ ตำแหน่งซีสูงๆหลายคน เป็นรศ.ก็มี แต่เค้าก็ไม่เห็นถามเรื่องสินสอดเลยด้วยว่าแม่เราได้เท่าไหร่? เค้าและแม่ของเราแค่อยากมั่นใจว่าอยู่ด้วยกันได้, รักกันดูแลกัน, ถือไม้เท้ายอดทอง กระบองยอดเพชร ไม่ทำร้ายกัน เหล่านี้นั้นสำคัญกว่าเงินค่ะ เพราะเป็นงานแต่งของเรา ชีวิตคู่ของเรา ไม่ใช่ของใครค่ะ แก้ไขเมื่อ 17 เม.ย. 55 23:34:00 จากคุณ : Gwan เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 23:30:44

ความคิดเห็นที่ 20 เจ้าของกระทู้กลุ้มใจมากแล้ว ถ้าเล่าเรื่องตัวเองว่าไม่มีสินสอดไม่มีแม้กระทั่งแหวน คงจะช่วยแก้ปัญหาอะไรไม่ได้ เพราะครอบครัวเราไม่เหมือนกัน พ่อแม่ดิฉันใจดีและไม่ไช่คนที่ยึดติดกับหน้าตา ขอให้มีคนรับเลี้ยงลูกสาวก็พอใจแล้ว ไม่ขอมาก แนะนำว่าให้ทางแม่เจ้าของกระทู้กับพ่อแม่คุยกัยอย่างเปิดใจเลยค่ะ ว่าทางฝ่ายคุณแม่ต้องการ ได้หน้า ไม่อยากเสียหน้า จะเป็นไปได้ไหมที่จะนำเงินมาโชว์ก่อนแล้วค่อยคืนไปเมื่อเสร็จงาน น่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด แต่ถ้าคิดว่าจะขอฝ่ายชายมากกว่านี้ทั้งๆที่เขาออกให้ทุกอย่างแล้ว สินสอดก็จะเอาแยะๆ ดิฉันว่ามันเกินไปหน่อย กระทู้นี้เป็นตัวอย่างที่ดีในการใช้ชีวิตในสังคมแบบแคร์คนอื่น จะทำอะไรจะต้องคิดว่าคนอื่นจะคิดอย่างไรกับเรา ชาตินี้จะไม่มีวันมีความสุขเลยถ้าคิดว่าจะต้องทำอะไรให้ดีกว่า แยะกว่า มากกว่า หรือเท่ากับคนอื่น มันไม่มีวันจบสิ้นแน่ๆ คุณคงลำบากใจมากเพราะในฐานะลูกก็อยากให้พ่อแม่สบายใจ ส่วนแม่คุณก็อยากให้ลูกมีหน้าตาอ่ะนะ พูดยากจริงๆ จากคุณ : Gisele เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 23:54:40

ความคิดเห็นที่ 21 จาก คห 18 อ่านแล้วรู้สึกว่า ผช นี่อะไรๆก็ sex รึเปล่านิ ตอบ จขกท แต่ถ้าผญเรียกสินสอด สำหรับเราดูไม่ดีอ่ะค่ะ เหมือนเห็นแก่เงิน จิงๆเรื่องแบบนี้ ให้ผู้ใหญ่เขาตกลงกันจะดูดีกว่า แต่ก่อนอื่นคงต้องให้ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายเข้าใจวัฒนธรมของแต่ละฝ่ายให้ดีอ่ะค่ะ บ้านเรา เรื่องหน้าตาทางสังคม มันก็อยู่คู่กับคนไทยมานาน บางคนก็มองว่าสำคัญ บางคนก็มองว่าไม่สำคัญ ต่างคนต่างความคิดกัน ไม่มีใครถูกผิดค่ะ ยังไงที่สำคัญที่สุดมันก็คือ ใช้ชีวิตคู่ร่วมกันไปได้โดยไม่ลำบาก เอาตัวรอดได้ ดูแลกันและกันมากกว่า จากคุณ : hayashihana เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 55 00:20:50

ความคิดเห็นที่ 22 ใช้เงินเก็บตัวเองค่ะ ของเราสามีจั่วหัวมาตั้งแต่คบกันแล้วว่า เค้ารู้ว่าคนไทยมีเรื่องของสินสอดตอนแต่งงาน ถ้าเราต้องแต่งงานกันเขาจะไม่ให้นะ ตอนนั้นเราก็อืมๆ ไม่ให้ก็ไม่ให้ ทีนี้พอตกลงว่าจะแต่ง พ่อแม่เราก็เรียกสินสอดตามธรรมเนียม เราก็ขอนอกรอบกับที่บ้าน อธิบายชักแม่น้ำไปว่าการใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ค่าใช้จ่ายทุกอย่างสามีเป็นคนรับผิดชอบ ทั้งค่าอยู่ ค่ากิน ค่าเรียน เขาต้องจ่ายให้เราจนกว่าเราจะตั้งตัวได้ ดังนั้นในเมื่อเราจัดงานแต่งเพื่อพ่อและแม่ รวมทั้งพ่อแม่ก็ตั้งใจจะยกสินสอดเป็นของขวัญให้เราอยู่แล้ว ก็ขอใช้เงินเราเป็นสินสอดก็แล้วกัน เรามีอยู่เท่านี้ๆนะ ทองหยองมีเท่านี้ พอใจหรือเปล่า ถ้าไม่พอก็คงต้องเอามาโปะให้เราแหละ เพราะเราก็เต็มที่แล้ว พ่อแม่ก็โอเค เป็นอันว่าจบอย่างสวยงาม เราพยายามเป็นกลางมากที่สุด ไม่หักกับใคร เพราะเรารักทุกคนทั้งพ่อแม่และสามี งานแต่งเรา ครอบครัวเรา เรารับผิดชอบเป็นสิ่งที่สมควร อยากให้คิดไว้เสมอว่า อย่าเริ่มต้นครอบครัวด้วยปัญหา จากคุณ : ลักษณ์ (Gladness) เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 55 00:43:08

ความคิดเห็นที่ 23 "ส่วนทางแม่เราก็คงจะไม่ยอมแน่ (เราคิดเอาเอง) เพราะแม่เราเป็นผู้ใหญ่ ทำงานเป็นหัวหน้าเขา พ่อเองก็มีคนรู้จักเยอะแยะ ลูกๆของเพื่อนพ่อแม่เราก็ได้สินสอดมากกว่า 1 ล้านทั้งนั้น....พี่สาวเราเองก็ได้ 1.5 ล้าน  อีกทั้งแม่บอกว่าเราจบตั้งปริญญาโทด้วย ยังไงก็ต้องทำอะไรให้เป็นหน้าเป็นตาแก่ครอบครัวหน่อย" สงสารผู้ชายฮิ... "ถ้าแม่เขารู้ว่าจะเอาตัง 1 ล้าน แม่ต้องโวยวายแน่ๆ อีกอย่างคือ ค่าจัดงานทุกอย่างทั้งที่ไทยและสิงคโปร์เขาจะรับผิดชอบจ่ายเองทั้งหมด" ของไทย ฝ่ายหญิงจัดนิ แล้วงี้ทำไมยอมละคับ ที่จะไม่จัดเอง.. แปลกฮิ จากคุณ : Dearz เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 55 02:27:08

ความคิดเห็นที่ 24 อาจจะออกเงินร่วมกัน ให้ครบตามที่พ่อแม่ร้องขอ เราคิดว่าพ่อแม่มีเหตุผล และถ้าเราเป็นพ่อแม่คน เราก็อาจจะทำอย่างนี้ก้อได้ ถ้าแฟนไม่เข้าใจก็บอกไปว่าพ่อแม่จะคืนให้หลังจากแต่งงาน ทำให้ท่านดีใจดีกว่าเสียใจเพราะว่าเรามีพ่อแม่คนเดียว ไม่รู้ว่าจะอยู่กับเราได้นานแค่ไหน   ถ้าคนรักกันจริงก็จะพยายามแก้ปัญหา แต่ถ้ายังยืนยันนอนยันไม่ทำตาม และพ่อแม่ก็ไม่ยอม ก็คงจะต้องทำใจหละค่ะ พ่อแม่ ถึงอย่างไรก็รักและเป็นที่พักพิงของเราตนวันตาย แต่แฟนหรือสามี ถ้าเลิกกันก็เป็นคนอื่น ถ้าโชคร้ายก็เป็นศัตรู สำหรับตัวดิฉันดีใจที่ประณีประนอมเรื่องสินสอดได้ ไม่ทำให้พ่อแม่เสียใจ ไม่ทำให้สามีเห็นว่าเราเห็นแก่เงิน ซึ่งมันมีผลระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นเงินส่งเสียพ่อแม่ เงินช่วยเหลือฉุกเฉินต่างๆ ถ้านับรวมกันแล้วก็มากกว่าที่พ่อแม่อยากได้เป็นสินสอดเสียอีก   ยอมรับว่าช่วงนั้นเครียดเหมือนกัน แต่ดิฉันแก้ปัญหาโดยไม่จัดงาน เงินทีแม่เรียกนั้นก็หารสอง พบกันครึ่งทาง  พ่อแม่ก็ดีท่านคืนมาบางส่วนเพื่อจะได้เป็นค่าเดินทาง ขอเอาใจช่วยค่ะ จากคุณ : Cutie_May เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 55 02:29:47

ความคิดเห็นที่ 25 วัตถุนิยม จากคุณ : SKYWOLF เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 55 05:24:42

ความคิดเห็นที่ 26 I have a doctor degree, I got nothing for "sinsord" but I got the best (for me) Samee in the world :) จากคุณ : The house wife can't type Thai (Fresita) เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 55 06:20:59

ความคิดเห็นที่ 27 ถ้าคุณแม่กลัวเสียหน้าก็เอาเงินมาวางในพิธี แล้วก็เก็บไปก็ได้นิค่ะ ง่ายมากๆ ต่างชาติเค้าไม่เข้าใจประเพณีก็อธิบายกันยาว แต่เรื่องจำนวนเงินถ้าคิดไปไม่มีใครมากำหนด ว่าเท่าไรหรือว่าไม่ให้เกียรติคิดกันไปเองแท้ๆ จากคุณ : pixp เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 55 07:03:27

ความคิดเห็นที่ 28 แต่ก่อนการเรียกสินสอด เป็นกุศโลบาย(การทดสอบ) ของผู้เป็นพ่อแม่ เพี่อให้แน่ใจว่า ผช สามารถเลี้ยงดูบุตรสาวตนเอง ซึ่งก็คือภรรยาในอนาคต แต่หลังๆ มันก็เปลี่ยนไปตามสภาพ สถานะ ....เจ้าของกระทู้น่าจะเข้าใจเจตนาของคุณพ่อคุณแม่  ได้พูดคุยกันจริงจังหรือยัง.....การสื่อสารสำคัญที่สุด เปิดใจพูดคุยกันเลยดีกว่า ทั้งสองฝ่าย ตอนที่พี่สาวแต่งงาน ก็มีการเรียกสินสอด แต่พี่เขยก็หามาจนได้  แม่กะพ่อ คืนให้ พร้อมทบให้ตามจำนวนที่ฝ่ายชายหามา ให้เป็นสินสมรส ....พี่เขยผมตกใจ/ดีใจมาก ส่วนงานแต่ง พ่อกะแม่ผมบอกว่าจะจัดก็จัด ไม่จัดก็ไม่เป็นไร...แต่ต้องมีโต๊ะจีน สำหรับสองครอบครัว จะได้รู้จักกันมากขึ้น .....เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้...อาจต้องอธิบายเยอะ แต่เชื่อเถอะ ความรัก(ไม่ว่าจะเป็นของพ่อแม่ หรือ แฟน ) จะชนะอุปสรรค และเป็นเจ้าสาวที่มีความสุข....บททดสอบเล็กก่อนการมีชีวิตคู่.... จากคุณ : SST Chai เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 55 11:40:20

ความคิดเห็นที่ 29 ต่างชาติส่วนใหญ่ที่เค้าดูถูกคนไทย ก็เพราะคนไทยส่วนใหญ่เห็นแก่เงินนี่แหละ จากคุณ : dason22 เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 55 12:33:19

ความคิดเห็นที่ 30 เห็นด้วยกับคห. 19 ค่ะ "พิธีแต่งงานมันแค่เผาหลอกค่ะคุณ เผาจริงคือชีวิตหลังแต่ง แต่งแล้วมีเรื่องให้ใช้เงินอีกเยอะ มีเงินก็เก็บหอมรอมริบเถอะ เชื่อเรา" ดิฉันไม่เชื่อว่าการมีสินสอดจะเป็นหลักประกันว่าผู้ชายจะสามารถดูแลภรรยาได้ สมัยนี้เรื่องสินสอดหรือพิธีแต่งงานใหญ่ ๆ โต ๆ เป็นเพียงการแสดงความมีหน้ามีตาให้คนอื่นเห็นเท่านั้น ตอนแต่งงานครอบครัวดิฉันไม่ได้เรียกสินสอดใด ๆ และไม่ได้จัดพิธีอะไรเลยทั้งที่เมืองไทยและต่างประเทศ มีเพียงไปจดทะเบียนสมรส ไหว้ญาติผู้ใหญ่และรับประทานอาหารร่วมกันเท่านั้น ถึงดิฉันจะไม่ได้จบป.เอก แต่พ่อแม่ก็จบป. โทจากต่างประเทศ พูดได้สามภาษาทั้งคู่ และมีหน้าที่การงานดี พ่อแม่ไม่ได้พูดเรื่องสินสอดเลยค่ะ ไม่ได้ว่าอะไรด้วยว่าทำไมดิฉันไม่จัดพิธี ญาติ ๆ หรือเพื่อนพ่อแม่ก็ไม่ได้สนใจเรื่องพิธีหรือสินสอด (เขาอาจนินทากันลับหลังดิฉันก็ได้ แต่ดิฉันไม่สนใจและไม่ใส่ใจ) ตอนนี้แต่งงานมาหลายปีแล้วมีความสุขดีค่ะ เงินทองดิฉันสามารถหาเองได้ ไม่จำเป็นต้องพึ่งสามี และสมัยนี้ไม่เหมือนสมัยก่อน ถ้าผู้หญิงมีสติปัญญาและแรงกายแรงใจ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็สามารถหาเงินเลี้ยงตัวเองได้ แต่ถ้าใครอยากเป็นแม่บ้านดูแลสามีและลูก หรือมีภาระต้องดูแลครอบครัวที่เมืองไทย ก็ควรตกลงกับฝ่ายชายก่อนแต่งงานว่าเขาจะสามารถช่วยเหลือส่วนนี้ได้หรือไม่ ดิฉันไม่เห็นด้วยกับความคิดที่ว่าสินสอดคือค่าน้ำนมที่พ่อแม่เลี้ยงฝ่ายหญิงมา พ่อแม่ฝ่ายชายเองก็เลี้ยงลูกมาเหมือนกัน ถ้าผู้ชายเป็นคนดี ฝ่ายหญิงควรขอบคุณพ่อแม่ฝ่ายชายด้วยซ้ำที่เลี้ยงดูลูกชายจนโตขึ้นมาได้ ซึ่งก็คงใช้เงินไปไม่น้อยเช่นกัน จากคุณ : Sonnenschein เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 55 14:59:15

ความคิดเห็นที่ 31 คุณก็ยืมพ่อแม่เลยสิคะ รวมกับเงินคุณและเงินแฟนด้วย ให้ครบล้าน ไหน ๆ พ่อแม่ก็แค่อยากรักษาหน้าตานี่ พอเสร็จพิธี ก็เอาแยกย้ายคืนกันไป หรือไม่ก็เอาแบงค์ปลอม มาไว้ด้านใต้ ๆ กองเงินก็ได้ แบบในหนังอะค่ะ คุณอยู่ต่างจังหวัดใช่ไหมคะ (เดาเอา) ชาวบ้านไม่รู้หรอก ยิ่งถ้าแต่งแล้วคุณไปอยู่ต่างประเทศนะ เขาไม่รู้หรอก ถ้าชาวบ้านถามพ่อแม่ ก็บอกว่าคืนให้ลูกไปตั้งตัวแล้ว ไม่ได้เอาจริง ๆ หรืออาจจะแบ่งให้ตามสมควร จากคุณ : Freedom of Life เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 55 16:59:04

ความคิดเห็นที่ 32 บ้านเรามีเชื้อสายจีนนะคะ ต้นตละกูลเราทำงานในวังนะคะ รู้จักคนใหย่คนโต ญาติพี่น้องเรามีหน้ามีตาทางสังคม ใครๆ รู้จัก พ่อเราก็เหมือนกัน แม่เราก็ในระดับหนึ่งค่ะ  พี่สาวเราจบป.โทจากเมกา พี่สาวเราก็แต่งกับคนต่างชาติค่ะ จัดงานแบบไทยแท้ ตั้งแต่มาแห่ขันหมากขอ ให้ขนมแต่งงานฝ่ายเจ้าสาว เอาพวกต้นไม้ พวกต้นกลัวยต้นอะไรแบบนั้นไปปลูกในบ้านเรา เงินค่าสินสอดฝ่ายเราไม่เรียกสักบาทค่ะ ฉะนั้นเลยมีแค่แหวน เท่านั้นค่ะ  นอกจากนั้นก็จะมาถึงรับขวัญเจ้าบ่าวเจ้าสาว ก็แล้วแต่ญาติพี่น้องจะให้บ่าวสาวค่ะ เราว่าเราเป็นพี่คงรวยอะ ทั้งสร้อยทองเป็นสิบๆ บาท เงินคนละสามหมื่นสีหมื่น ญาติเรามีเป็นสิบกว่าคน นอกจากบ้านเราจะไม่เอาสินสอดแล้ว บ้านเรายังให้ข้าวหอมมะลิสองกระสอบแก่ฝ่ายเจ้าบ่าวด้วย เพราะพี่สาวเรากินเก่งมากค่ะ ส่วนงานฝ่ายเจ้าบ่าวเป็นคนออกทุกสิ่งทุกอย่างค่ะ ทั้งที่จะไปฉลองที่บ้านเกิดเจ้าบ่าวด้วย ที่ฝ่ายเราไม่เรียกร้องเนี่ย จริงๆ เราไม่แคร์สายตาใคร เพราะตอนที่ทำฑีธีในตอนเช้าเนี่ยก็เรียกแต่ญาติๆ มาค่ะ ส่วนพวกหัวหน้าพวกตำแหน่งสูงทั้งหลายเชิญตอนเย็นค่ะ ตอนจัดเลี้ยงอย่างเดียวค่ะ อันนี้ก็บอกเขาว่าเน้นอาหารอร่อย ของดีๆ ปริมาณเยอะ แค่นี้โอเค เพราะตามประเพณีไทย เขาก็แค่เชิญญาติมา แล้วอาจจะมีผู้ใหญ่ที่นับถือมากๆ มาเป็นประธาน คนรู้เรื่องประเพณีทุกขั้นทุกตอนเป็นคนกำกับ เพื่อไม่ให้มีสิ่งผิดพลาดค่ะ เราไม่คิดว่าการเรียกสินสอดเยอะแยะมากกว่า จะถือเป็นหน้าเป็นตาอะไรเลยค่ะ ก็แค่คนเอาไปพูดว่า โหยฝรั่งมันรวยขอให้ตั้งล้านหนึ่ง อะไรก็นว่าไป  แต่ความเป็นจริง เราต้องคิดถึงใจเขาใจเรา เพราะเมื่อแต่งงานไป ตัวเราที่เป็นผู้หญิงต้องเข้าไปอยู่ในบ้านเขา ถ้ายังไม่ทันจะอยู่ก็มีอคติมันก็แย่แล้วแหละค่ะ   อีกอย่างเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องที่เด็กๆ รักกัน ทุกอย่างมันมาจากความรัก แต่งกันแต่งด้วยความรัก ไม่ใช่ด้วยเงินด้วยทอง เราว่าที่คุณบอกว่าแม่คุณไม่ยอม ถ้าเกิดว่าคุณยินยัน คุณมีเหตุมีผล คุณพูดคุณคุย ไม่ได้ไหลไปตามเขา เราว่ายังไงเรื่องนี้มันก็ต้องมีจุดที่ตกลงกันได้ค่ะ พอคุยกันเรียบร้อยก็ค่อยพาผู้ใหญ่มาเจอกันค่ะ ไม่อย่างงั้นจะเป็นกรณีพี่ชายเรา ที่ทางฝ่ายหญิงขอมาล้านหนึ่ง แต่ทางเราบอกว่าไม่ให้ค่ะ และบอกพี่ชายว่างั้นก็ไปเก็บเงินแต่งกันเองแล้วกัน เพราะทางเรามีบ้านมีทุกอย่างให้พร้อมค่ะ ถ้าเข้ามาเป็นสะไภ้ก็ไม่ต้องทำอะไร และเราก็ปล่อยลอยเลยค่ะ จนสุดท้ายฝ่ายนั้นเขาก็ยอมตกลงสินสอดที่2แสน และขอค่าซองทั้งหมด ผลก็คือญาติและครอครัวเรามีอคติกับฝ่ายหญิงมากค่ะ เกิดมาไม่เคยพบไม่เคยเจอ จะขอล้านหนึ่ง เยอะไปหรือเปล่า อย่างที่คนอื่นๆ ว่าค่ะ ทุกอย่างเริ่มต้นหลังแต่งค่ะ ดูอยากคนที่เรารู้จัก แต่งงานด้วยสินสอด5ล้าน สุดท้ายก็หย่ากัน สุดท้ายก็เป็นขี้ปากเขาอยู่ดี ของแบบมันอยู่ที่ตัวคุณและแฟนคุณค่ะ งานแต่งมันก็แค่เป็นพิธีเท่านั้นแหละค่ะ **ขอให้คุณโชคดีนะคะ ให้เรื่องทุกอย่างราบรื่นลงตัวในเร็ววันค่ะ ให้ทั้งสองฝ่ายต่างสมยอมเข้าใจกันทั้งคู่นะคะ คุณแต่งไปแล้วขอให้มีความสุขตลอดไปนะค่ะ แก้ไขเมื่อ 18 เม.ย. 55 17:35:42 จากคุณ : ~kutsuku~ เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 55 17:24:23

ความคิดเห็นที่ 33 ถ้าเราจะแต่งงาน เราคงบอกพ่อกับแม่ แล้วก็จัดงานเลี้ยงเล็กๆ มีพี่น้องเพื่อนสนิทไม่เกิน 50 ค่ะ เรื่องสินสอด ขอตอบแทนพ่อกับแม่นะคะ เพราะตอนนี้เรายังไม่แต่ง  พ่อแม่เราคงไม่เรียกค่ะ พ่อเคยเกริ่นๆว่าให้เลือกสามีให้ดี อย่าแต่งแล้วเลิก ขอให้สามีเราเป็นคนดี ให้เราอยู่ด้วยแล้วมีความสุข แล้วเราต้องมีอาชีพ มีรายได้หลังแต่งงานเราตั้งใจจะเลี้ยงดูพ่อแม่ต่อไป ดังนั้นสินสอดคู่เราไม่มีพ่อแม่ค่ะ จากคุณ : winter_peace เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 55 18:03:19

ความคิดเห็นที่ 34 เราว่าเงินล้านนึงสำหรับชาวสิงคโปร์ที่ฐานะธรรมดาก็ไม่ได้เยอะแยะมากมายจนไม่มีจะให้หรอกนะคะ แต่ที่เขาไม่ให้ก็เพราะมันฟังดูไร้สาระมากกว่า จากคุณ : ##TUKTA## เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 55 18:32:57

ความคิดเห็นที่ 35 เอาข้อมูลมาเเชร์ของคนใกล้ตัวที่แต่งงานกับฝรั่ง  ก็ไม่มีสินสอดนะ  อาจจะเพราะครอบครัวฝ่ายหญิงสาวไทยฐานะดีรวยกว่าครอบครัวฝรั่งฝ่ายชายด้วย ผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงเห็นว่ารักกันจริง รักกันมานานตั้งแต่ตอนฝ่ายหญิงเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน แล้วทั้งคู่แต่งกันตอนที่อายุไม่มากเพิ่งเริ่มทำงาน ยังไม่มีเงินเก็บมากขนาดนั้น   ถึงได้สินสอดมาก็คงจะคืนให้ลูกๆไว้ตั้งตัวอยู่ดี จากคุณ : nannicha เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 55 00:39:10

ความคิดเห็นที่ 36 เราเคยมีเพื่อนรุ่นน้องคนหนึ่ง ยอมเสียสละแต่งงานกับชาวต่างชาติ เพื่อยกระัดับฐานะตัวเองและอยากให้พ่อแม่มีหน้ามีตาที่ลูกสาวมีสามีรวย แต่งกันไปสองปีแล้ว ลูกสาวยังคร่ำครวญหารักแท้แลคนรักเก่าที่จนอยู่เลย สรุปแล้วสินสอดเยอะๆไม่ได้ช่วยให้จิตใจมีความสุขสักนิด เฮ้อ! ขอโทษนะคะไม่รู้ว่าเรื่องที่เล่าจะช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นหรือเปล่า จากคุณ : ดอกผีเสื้อ เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 55 11:25:20

ความคิดเห็นที่ 37 บอกตรงๆว่า เอาเงินมาวางแล้วคืนให้บ่าวสาวก็จบแล้ว ยกเว้นว่าจะเล่นแง่เล่นเชิงจะกั๊กไว้ไม่บอกจนกว่าจะถึงวันแล้วค่อนคืนหรือไม่คืนนั่นแหละ ทางฝ่ายผู้ชายเค้าถึงกลัว จากคุณ : NAN_KUNG เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 55 14:18:13

ความคิดเห็นที่ 38 ถ้าบ้านไหนมั่นใจว่าไม่ได้อยากจะเอาหน้า อยากอวดรวย แค่อยากจะดูว่าผู้ชายจะมีปัญญาเลี้ยงลูกส่วตัวให้สุขสบายดีหรือเปล่า ต่อไปแนะนำให้ใช้ระบบแสดงบัญชีทรัพย์สินแบบนักการเมืองเลย ดูกันเองลับๆระหว่างพ่อแม่ผู้หญิง กับตัวฝ่ายชาย แบบนี้ง่ายดี ไม่ต้องเอาเงินเอาทองมาใส่พานเพื่อโชว์แขกเหรื่อเป็นการเอาหน้า แก้ไขเมื่อ 19 เม.ย. 55 14:23:12 จากคุณ : เทเลทับขี้ เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 55 14:22:43

ความคิดเห็นที่ 39 แม่เราบอกว่าขอให้รับปากว่าจะดูแลเราอย่างสุขสบายไปทั้งชีวิตก็พอ สินสอดไม่เอา อิอิ รักแม่จัง แต่แฟนก็ให้แหละค่ะเค้าก็มีเพื่อนคนไทยเยอะ ปล.แฟนเราเป็นคนญี่ปุ่น จากคุณ : Misscosmoworld เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 55 09:50:00