ในแต่ละวันจะมีนักท่องเที่ยวและคนต่างชาติต้องประสบเคราะห์ร้ายถูกหลอก
ถูกลักทรัพย์ หรือถูกฉกชิงวิ่งราวทรัพย์สิน
นักท่องเที่ยวชาวไทยก็ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพพวกนี้มานับไม่ถ้วน
ล่าสุดเมื่อเร็วๆ นี้ นักการทูตสาวไทยที่ประจำอยู่ที่กรุงบรัสเซลส์
ประเทศเบลเยียม ขณะกำลังขับรถกลับบ้านแล้วติดไฟแดง
อยู่ที่แยกแห่งหนึ่ง คนร้ายสองคนขับขี่จักรยานยนต์มาประกบด้านข้าง
แล้วใช้ของแข็งทุกกระจกรถและฉกกระเป๋าถือ จากนั้นหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว
นักการทูตไทยรายนี้ นอกจากจะสูญเงินและทรัพย์สินต่างๆ
รวมทั้งเอกสารสำคัญที่อยู่ในกระเป๋าแล้ว
ยังต้องเสียสตางค์ไปซ่อมกระจกรถยนต์ที่แตกละเอียดอีกด้วย
เหตุการณ์ดังกล่าว ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดกับเจ้าหน้าที่หรือข้าราชการไทย
ที่ประจำอยู่ที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม ที่ผ่านมาเกิดเหตุการณ์ลักวิ่งชิง
ปล้น บุกรุกทำลายทรัพย์สินนับครั้งไม่ถ้วน
ข้าราชการของสถานทูตไทย "โดน" กันมาเกือบทุกคน
โดยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552 จนถึงปัจจุบัน เกิดเหตุการณ์กับเจ้าหน้าที่ไทยถึง 7 ครั้ง
แม้แต่ทำเนียบเอกอัครราชทูต ก็ยังเคยถูกคนร้ายบุกรุกเข้ามาขโมยทรัพย์สิน
ถึงห้องนอนของท่านทูตเลยทีเดียว จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า
ฝ่ายกงสุลของสถานทูตไทยที่เบลเยียมจะต้องได้รับการร้องเรียนจาก
นักท่องเที่ยวชาวไทยที่ถูกโจรกรรมทรัพย์สิน หรือถูกฉกชิงวิ่งราวทรัพย์
จนเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้ว
บรัสเซลส์ เมืองหลวงของเบลเยียมเป็นเมืองที่มีผู้อพยพจาก
แอฟริกาเหนือและยุโรปตะวันออกเข้ามาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก
คนเหล่านี้ส่วนใหญ่ไม่มีงานทำเป็นหลักแหล่ง
อาศัยเลี้ยงชีพโดยการประกอบอาชญากรรม
ซึ่งเป้าหมายของมิจฉาชีพพวกนี้จะเป็นใครไปไม่ได้
นอกจากคนมีสตางค์ คนต่างชาติ
อาชญากรรมในเบลเยียมนับวันจะรุนแรงขึ้น
ทางการของเบลเยียมเองก็อ้างว่าไม่มีกำลังบุคลากรเพียงพอ
ที่จะจัดการกับปัญหานี้
คนไทยที่จะเดินทางไปยุโรป โดยเฉพาะเมืองใหญ่ๆ อย่างบรัสเซลส์
ขอให้ระมัดระวังตัวเองและทรัพย์สินของท่านให้ดี
แต่ถ้าเกิดเหตุขึ้นมาก็ติดต่อขอคำแนะนำจากสถานทูตไทยได้
แต่อย่าหวังว่าจะได้ทรัพย์สินคืน เพราะอย่างที่ได้กล่าวแล้ว
แม้แต่นักการทูตและสถานทูตเองก็ยังไม่รอด
ที่มา : สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงบรัสเซลส์
: กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ
กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ