Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ไปสอบ TOEFL มาแล้วค่า ผ่านแล้ววว ติดต่อทีมงาน

จขกท. ซุ่มอยู่ในห้องนี้มาหลายเดือนหาข้อมูลเรียนต่อ แล้วก็เรื่องการสอบ หาๆ ค้นๆ จากคลังกระทู้เก่า

จนในที่สุดก็มีคะแนนเป็นของตัวเองซะที ผ่านแล้วค่าาา
ได้คะแนนเท่านี้
overall : 89
reading : 26
listening : 26
speaking : 15
writing : 22

ถึงคะแนนจะผ่านแบบฉิวเฉียดแต่ก็ดีจายยย อิอิ เมื่อเทียบกับตอนแรกเนี่ย ประมาณสามเดือนที่แล้ว ภาษาอังกฤษไม่ได้เรื่องอย่างแรงค่ะ ขนาดเจ้านายทักว่า How are you doing? เรายังสตันไปหลายวินาที คิดอยู่นานแปลว่าไรวะ โดนเพื่อนร่วมงานด่าว่ากากด้วยล่ะ T_T

เลยอยากมาแชร์ material ที่เราใช้ เผื่อจะมีประโยชน์อะไรกับคนที่กำลังเตรียมตัวสอบอยู่บ้างนะคะ
แบบว่าขนาด จขกท. โง่ๆ อังกฤษยังทำได้ ทุกคนก็ทำได้เหมือนกัน อิอิ

1. เริ่มแรกเลยเราอ่านหนังสือทวนแกรมม่าก่อนเลยอ่ะค่ะ ไม่รู้คนอื่นเป็นกันไหมนะ เมื่อก่อนเราท่องเทนส์ได้ครบทั้ง 12 เทนส์ แต่ไม่เคยใช้ทำอะไรเลย จะมีประโยชน์แค่ประมาณทำข้อสอบมหาลัยส่วนที่วัดแกรมม่าร์อ่ะ
แต่ถ้าอ่านเอาเนื้อเรื่องจริงๆ เหมือนๆ จะรู้เรื่องแต่ก็รู้ไม่จริงอ่ะ ตัดช๊อยส์อะไรก็ไม่ได้ ไม่รู้อันไหนประธานอันไหนกรรมตัวจริงกันแน่

เราอ่านจากสรุป แกรมม่า 25 ข้อของฟาสอิงลิชที่ซีรอกซ์มาจากเพื่อนอ่ะค่ะ
(บางคนอาจจะว่าสูตรนี้มันใช้ไม่ได้เสมอไปหรอก มันก็จริงนะ แต่สำหรับสอบระดับโทเฟลเราว่ามันช่วยได้มากๆ แล้วก็สำหรับเด็กโง่อังกฤษอย่างเราที่ไม่รู้จะเริ่มตรงไหนอ่ะ)
*รู้แกรมม่าจะช่วยให้เราทำข้อสอบพาร์ท reading ได้นะคะ *

2. พาร์ท reading กับ listening เราฝึกจาก barron กับ cambridge ค่ะ หนังสือก็ไม่ได้ซื้อหรอก โหลดบิทที่เป็นโปรแกรมซีดีรอมเอา

สำหรับ reading ของแคมบริดจ์ จะยากกว่า barron เนื้อหาจะยากกว่า ยาวกว่า แล้วรู้สึกว่าจะตัดช้อยส์ยากกว่าด้วย
ส่วน barron บางข้อจะยากเท่าของจริง บางข้อก็ง่ายกว่า เพราะงั้นแนะนำทำให้หมดทั้งสองสำนักเลยค่ะ ของจริงเหมือน เอาแคมบริดจ์ + barron หารสองอ่ะ

เวลาทำผิดข้อไหนก็ต้องจับจุดให้ได้ว่ามันผิดเพราะอะไร แล้วข้อที่ถูกมันถูกแบบเราต้องไม่มีข้อโต้แย้งเลยนะ

แล้วก็สำคัญมากๆ ฝึกจับเวลาด้วย เพราะเรารู้สึกว่าที่โทเฟลมันยากๆ เนี่ย มันยากเพราะเวลามันจำกัดด้วยนะ สาเหตุหลักๆ อ่ะ
คือสมมติบางทีไม่รู้ศัพท์ แต่แม่นแกรมม่า ก็ช่วยได้เยอะเหมือนกันในการจะเดาคำตอบว่าควรจะเป็นอะไร แต่เวลาในการคิดก็จะเยอะตามไปด้วยไง
อย่างเราตอนซ้อมอยู่บ้านก็ทำเกินมา 2- 5 นาทีทุกทีเลยอ่ะ ได้ประมาณ 27 อัพ ทุกครั้ง แต่ของจริงเราโกงเวลาไม่ได้ T_T

ปล. อันนี้ก็สำคัญค่ะ passage ของ reading ไม่ต้องอ่านหมดนะ อ่านหมดไม่ทันแน่ๆ
อ่านแต่ย่อหน้าแรก+ ประโยคแรกของย่อหน้าที่ 2,3,4... จากนั้นค่อยๆไล่ ไปตามแต่ละคำถามเลยค่ะ + ย่อหน้าสุดท้าย

ข้อที่ถามประมาณว่า แนวโน้มของเรื่องนี้จะเป็นยังไง หรือว่า คนเขียนเรื่องนี้มีความคิดยังไงส่วนใหญ่คำตอบจะเป็นย่อหน้าสุดท้าย
ส่วนข้อสุดท้ายที่เค้าจะถาม main idea ส่วนใหญ่ก็จะเอามาจากทอปิคของแต่ละย่อหน้าอ่ะ พวกข้อที่ถูกแต่เป็นแค่ เหตุผลสนับสนุนหรือตัวอย่างต้องตัดออกนะ

3. part listening อันนี้ก็พยายามฟังเยอะๆๆ + ลองทำ ของ barron และ เคมบริดจ์เหมือนกันค่ะ
cambridge - ฟังง่าย แต่ตัดช้อยส์ยาก สำหรับเรานะ ฟังรู้เรื่องแต่บางทีลังเลไม่รู้จะตอบข้อไหนดีอ่ะ มักจะเหลือข้อที่คิดว่าจะถูกสองข้อทู๊กกที
barron - พูดเร็วมากกกก แรกๆ จดแทบไม่ทัน เร็วกว่าข้อสอบจริง แต่ตัดช็อยส์ง่าย อ่านคำถามปุ๊บตอบได้เกือบทันที ไม่ต้องคิดมากเหมือนของเคมบริดจ์
ข้อสอบจริง - speed คนพูด เท่าเคมบริดจ์ ,การตัดช้อยส์ ไม่ยากเท่าเคมบริดจ์แต่ก็ไม่ง่ายเท่าแบร์รอนอ่ะ งงไหม? เพราะงั้น ฝึกทั้งสองให้หมดก็ดีค่ะ

พาร์ท speaking ได้ 15 คงไม่มีอะไรแนะนำค่ะ แหะๆๆ รู้แค่ว่า พูดชัดๆ ช่วยได้เยอะมากกก คือเราอ่ะตอนสอบนั่งข้างผู้ชายคนนึงที่เป็นคนสิงคโปร์มั้ง
คนนี้พูดดังมากก แบบไม่มีมารยาทเลยอ่า พอพูดเสร็จแต่ละข้อก็ยกกำปั้นขึ้นมาร้องว่าเย้สสส !! (อิอิเวร -"-) ปกติเราก็กลัวพาร์ทนี้สุดๆ แล้วนะ มาเจอแบบนี้อีก เลวร้ายมาก
บางข้อเราเงียบไปเลย สามวิ แล้วจากนั้นก็เริ่มพูดตามเค้า แบบไม่รู้ตัวเองพูดอะไรไปบ้างอ่ะทั้งที่ฟังออกหมด ฟอหม่งฟอแหมดการพูดที่เตรียมมาก็ลืมโม้ดเลย T_T คือคิดว่าคะแนนคงออกมาก เป็นเลขตัวเดียวแน่ๆ ตอบไปน้อยมากก
แต่ได้มา 15 ก็โชคช่วยมากแล้ว คิดว่า ออกเสียงชัดๆ น่าจะมีส่วนนะ

พาร์ท writing ก็ไม่กล้าแนะนำเหมือนกันค่ะ แหะๆ คงแนะนำได้แค่ว่าฝึกเขียนเยอะๆ แล้วก็ดูเทมเพลต กับไอเดีย ของแบบฝึกหัดเยอะๆ ค่ะ

ส่วนเรื่องคำศัพท์ก็พยายามท่องๆ ไป เดี๋ยวมันก็จำได้เอง เราก็ท่องคำศัพท์จากข้อสอบอ่ะค่ะ ก่อนหน้านี้ศัพท์เรารู้น้อยมากกก

สุดท้ายยย เหมือนเป็นนามธรรม ทำได้ยากแต่สำคัญจริงๆ
ต้องมีสมาธิและใจค่ะ เชื่อว่าเราทำได้ก็ต้องทำได้ คือรู้ว่าสอบครั้งนึงก็ห้าพันกว่า ไม่ให้เครียดยังไงไหว

แต่อย่าเอาความเฟลจาก reading มากวนสมาธิตอนสอบ listening ไม่งั้นทุกอย่างจะรวนหมด

ถ้ายิ่งเครียดยิ่งกังวล มันจะทำให้เรานึกถึงแต่ข้อที่เรากลับไปแก้อะไรไม่ได้แล้ว ข้อที่กำลังทำอยู่ก็ตอบผิดๆ ถูกๆ จากนั้นก็จะกลายเป็นวงจรอุบาทว์กันเลยทีเดียวค่ะ

ปล. หวังว่าจะเป็นประโยชน์ให้กับบางคนได้เน้อ

จากคุณ : peen
เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 55 00:34:48 A:58.8.17.34 X: TicketID:357775




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com