ความคิดเห็นที่ 1 ติดต่อ ร.พ. แจ้งเป็นผู้ไม่มีรายได้หรือรายได้น้อย ขอยกเว้นค่ารักษาค่ะ มีพี่ที่รู้จักเคยผ่าตัดมดลูกที่อเมริกา มีประกันนะ แต่ค่ารักษาประกันออกให้สองหมื่นห้าพันเหรียญ และให้ออกเองหมื่นเจ็ดพันเหรียญ เนื่องจากโรคที่แกเป็นมันเรื้อรังมาจากเมืองไทย ประกันเลยจ่ายให้เท่านั้น แกก็ไปปรึกษามหาวิทยาลัย เค้าเลยไปทำเรื่องเป็นผู้มีรายได้น้อยจาก ร.พ. พร้อมยื่นเอกสารทางการเงินของแกไป ใช้เวลานิดหนึ่ง ลำบากเดินเอกสารอีกนิด แกก็ได้รับการยกเว้นนะ กรณีคุณเป็นนักเรียนน่าจะได้รับความช่วยเหลือนะ รายได้นักศึกษาสองประเทศนี้ก็ไม่ได้ต่างกันมาก จากคุณ : Auntie DEE เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 55 22:51:47

ความคิดเห็นที่ 2 แล้วคุณมีประกันสุขภาพที่ญี่ปุ่นนอกเหนือจากประกันเดินทางหรือเปล่าคะ  น่าจะเอามาจ่ายตรงนี้ได้เหมือนกัน ค่ารักษาโหดจริงๆเลย จากคุณ : pixp เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 02:43:35

ความคิดเห็นที่ 3 ลองโทรไปปรึกษา อย่าง ความเห็นที่ 1 คะ หรือไม่ก็ต่อรองราคาขอลดอันนี้เป็นไปได้แน่นอน และขอจ่ายแบบผ่อนจ่ายเป็นรายเดือน หรือรายปี ก็ได้ แบบครั้งละน้อย ๆ เพราะเรายังไม่มีรายได้ อันนี้ต้องคุยคะ เราจะไม่หนีหนี้ แต่จะค่อย ๆ จ่าย เราก็เคยเจอครั้งที่ยังไม่มีประกัน มีเหตุที่จะต้องเข้าห้องฉุกเฉิน บิลมา ก็ ราคาค่อนข้างสูง ก็โทรไปต่อรองลด และก็จ่ายไปเพราะ กลัวมีปัญหากับ กรีนการ์ด แต่มีพี่ที่อาศัยที่บอสตัน มานาน เมื่อ 20 ปี แล้ว เธอก็มีเหตุที่ต้องเข้า รพ โดยที่ยังไม่มีประกัน บิลแจ้งมาก็สาหัส เธอขอ ผ่อนจ่าย เป็นรายปีเพราะยังเป็น นศ ยังไม่มีรายได้ จ่ายบ้าง หากไม่มีก็แจ้งไปว่า ขอผลัดไป บิลมาแต่หลัง ๆ ไม่มีบิลมา เลย เพราะ อาจจะมีการเช็คว่าเธอยังไม่มีรายได้ สรุปเธอก็ไม่ได้จ่ายเลย ทุกวันนี้ก็เป็น ซิติเซนต์แล้ว (เรื่องนี้ถือเป็นการ เล่าสู่กันฟังนะคะ) เพราะนานมากแล้ว อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ สรุปควรปรึกษา ทาง รพ ก่อนคะ ยังงัยก็สู้ ๆ นะคะ จากคุณ : luv old man เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 06:59:07 A:24.91.43.14 X: TicketID:349680

ความคิดเห็นที่ 4 ครับ อย่าเพิ่งตกใจ คงต่อรองได้บ้าง อเมริกาเขาเล่นกันแรงๆ วันก่อนผมสั่งอุปกรณืบางอย่างเกี่ยวกับสุขภาพ ประกันจ่าย เห็นราคาแล้วตกใจ $400.00+ ถ้าซื้อเองจากที่อื่นเช่นอีเบย์ $27.00 บวกค่าส่ง เหลือเชื่อ จากคุณ : อิสวาสุ เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 07:47:32 A:98.231.188.19 X: TicketID:105627

ความคิดเห็นที่ 5 ปัญหาของคุณอยู่ที่เจ้าหน้า AIU นะคะที่ให้ข้อมูลคุณผิดพลาด  ไม่ใช่โรงพยาบาลที่ให้การรักษาคุณ โรงพยาบาลก็มีต้นทุนในการให้การรักษาคุณ ทั้งในรูปแบบของค่าจ้างหมอที่ให้การรักษา พยาบาลและ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง   ค่าเครื่องมือส่องกล้อง จิปาถะ ถ้าคุณจ่ายทีเดียวทั้งก้อนไม่ไหว  ขอร้องว่าให้ติดต่อโรงพยาบาลเพื่อขอการลดหย่อน หรือขอทำเรื่องจ่ายเป็นรายเดือนเถอะนะคะ ถ้ามีคนพยายามหลีกเลี่ยงจ่ายค่ารักษาพยาบาลมากๆเข้า  โรงพยาบาลก็ต้องหาทางออก หารายได้โดยการคิดค่ารักษาแพงๆ เพื่อมาเฉลี่ยให้กับผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาแล้วไม่ยอมจ่ายเงิน  หรือผ่อนค่ารักษาพยาบาลเป็นรายเดือน  ในขณะที่ต้องแบกรับค่าจ้างบุคลากรทางการแพทย์ และค่าใช้จ่ายอื่นๆ   จะจ่ายเงินเดือนหมอ หรือพยาบาลถูกๆก็ไม่ไหว  เพราะต้นทุนทางการศึกษาของบุคลากรเหล่านี้ก็สูงลิบ (ทั้งค่าเล่าเรียน ค่าตำรา ระยะเวลาที่เล่าเรียน) เมื่อคิดค่ารักษาแพง   ก็ส่งผลให้ค่าประกันสุขภาพรายเดือนแพงขึ้น แพงขึ้น  เป็นลูกโซ่ไม่มีที่สิ้นสุด จริงอยู่ที่ว่าโรงพยาบาลปฏิเสธให้การรักษาพยาบาลไม่ได้ ถ้าคนไข้จะเป็นจะตายอยู่ตรงหน้า   แต่ถ้าหากว่ามีเหตุกาณ์แบบนี้บ่อยๆ  อีกหน่อยการรับคนไข้ที่เป็นนักท่องเที่ยวคงจะมีกฎออกมาเข้มงวดมากขึ้น  เช่นต้องรูดบัตรเครดิตไว้ก่อนเป็นจำนวนเท่าไหร่ว่าไป  เหมือนกับทนายความเรียกค่าว่าความไว้ก่อน (คดีลูกความจะแพ้หรือชนะไปว่ากันทีหลัง ขอเงินทนายก่อน)     หรือไม่ก็แค่บรรเทาหรือชะลออาการให้เดินทางออกนอกประเทศไปรักษาที่อื่นที่ไม่ใช่โรงพยาบาลในอเมริกา จากคุณ : MCCGO เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 10:44:01

ความคิดเห็นที่ 6 จขกท บอกว่า  หากเรายอมจ่ายเงินไป  อาจจะต้องหยิบยืมเพื่อนก่อน ก็ขอให้จ่ายเขาไป อย่าไปโกงเขา จ่ายไปทีละน้อยก็ได้ รีบจ่ายไปก่อน เขาไม่ว่าอะไรหรอก อย่ารอให้เขาส่งไปที่ Collection Agency จะทำให้เรื่องยุ่งยากมากขึ้น ทางที่ดี ก็เขีบนจดหมายไปต่อรองกับเขาด้วย ก็ยิ่งดี อย่าไปโทษ AIU เขา ถ้า จขกท ไม่มีทางเลือก ที่จะไปที่อื่น โรงพยาบาลที่เขาแนะนำ อาจจะถูกกว่าที่อื่น ก็ได้ เพราะเรื่องแบบนี้ ยากมาก ที่จะรู้ว่า ค่าใช้จ่ายเท่าไร เมื่อไม่กี่วันมานี้ ก็มีข่าว จากรายงานการวิเคราะห์ ค่าใช้จ่าย การผ่าตัดไส้ติ่งอักเสบ ในแคลิฟอร์เนีย มี $1,500 to $180,000, with an average of $33,000. ต่างกันเป็น ๑๐๐ เท่า เลย จากคุณ : ธนิตา เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 13:16:56

ความคิดเห็นที่ 7 ขอบพระคุณคำตอบจากทุกท่านคะ พอดีตอบในมือถือขออนุญาตเขียนสั้นๆ ก่อนนะคะ ตอนนี้กำลังพยายามกดดัน AIU ให้จ่ายให้ค่ะ เพราะว่า เราโทรไปถามก่อนไปโรงพยาบาลแล้วว่า ประกันครอบคลุมไหม เค้าบอกว่า ไม่เป็นไร เราก็ไปรพ. อย่างอุ่นใจ เราไม่โทษโรงพยาบาลเลยนะคะ เพราะเค้าดูแลเราดีมาก และค่าใช้จ่ายก็ไม่ได้เกินวงเงินสามล้านที่บริษัทประกันกล่าว แต่เราตกใจมากที่อยู่ดีๆ เค้ามากลับคำบอกว่า ประกันจ่ายให้ไม่ได้ งั้นเราจะโทรไปถามเค้าทำไมล่ะค่ะ? ทางบริษัทขอโทษเรื่องที่เค้าเข้าใจผิดคิดว่า ประกันครอบคลุมกรณีเราด้วย เมื่อวานนี้อาจช็อคมากเขียนภาษาไทยไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่เห็นหลายท่านเข้าใจว่าสิงห์ฯ จะไม่จ่าย จ่ายแน่นอนค่ะ  เพราะไม่อยากเอาวีซ่าไปเสี่ยง แต่แค่รู้สึกว่า ทำไมบริษัทประกันที่สัญญาว่าจะจ่ายทั้งหมดแล้วมากลับคำว่าไม่จ่ายเอาซะดื้อๆ บอกแค่ว่าโอปอเรอเตอร์พูดผิด ขอโทษด้วยค่ะ แล้วเราก็ทำอะไรไม่ได้เลยล่ะค่ะ ยังงั้นเราจะโทรไปปรึกษาคอลล์เซนเตอร์เพื่ออะไร ถ้าข้อมูลที่ให้มามันผิด จากคุณ : สิงห์ใต้เงาจันทร์ (ise...) เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 14:40:40

ความคิดเห็นที่ 8 ท่านที่มีหลังไมค์ สิงห์ฯ ตอบคำถามไปทางหลังไมค์แล้วนะคะ (คำตอบคล้ายๆ กับที่เพิ่มเติมไปด้านบนจึงขอละไม่เขียนอีกรอบที่นี่นะคะ) ส่วนท่านที่ไม่มีหลังไมค์ขอตอบตรงนี้เลยนะคะ คุณ  luv old man ส่งอีเมลล์ไปแล้วค่ะ แต่ยังไม่ตอบเลย คิดว่าอาจจะต้องโทรไปแต่บิลจะถึงดิวแล้ว อาจจะต้องจ่ายผ่านบัตรเครดิตแล้วมาผ่อนเอาที่ญี่ปุ่นค่ะ คุณ อิสวาสุ ราคาต่างกันอย่างนั้นเลยเหรอคะ >< เคยได้ยินเพื่อนที่อเมริกาพูดเหมือนกัน แต่ละประเทศมีปัญหาของตัวเองจริงๆ ญี่ปุ่นก็ไปหาหมอตอนกลางคืน (เหมือนสิงห์ฯ ) ปิดทุกแผนกยกเว้นฉุกเฉินไม่มีเครื่องมือ เจอก้างก็เอาออกไม่ได้ แต่มีประกันสุขภาพ 70/30 ขอบพระคุณทุกท่านที่มาแสดงความคิดเห็น และต้องกราบขออภัยที่เมื่อวานนี้สับสนไปหน่อยจนเขียนภาษาไทยให้ทุกท่านเข้าใจว่า โกรธโรงพยาบาลไป ย้ำอีกครั้งนะคะ ไม่ได้โกรธโรงพยาบาลที่อเมริกาเลย แต่โกรธ AIU ที่บอกว่า กรณีนี้จ่ายให้ได้แต่มากลับคำทีหลังคะ จากคุณ : สิงห์ใต้เงาจันทร์ (ise...) เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 16:53:45

ความคิดเห็นที่ 9 มาให้ความคิดเห็นเมื่อเรื่องวายไปแล้ว เรื่องนี้เห็นใจมาก ๆ ค่ะ ที่เกิดจากความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่คอลเซ็นเตอร์ ถ้าทางบริษัทปัดความรับผิดชอบ  มีอีกทางที่จะแนะนำคือ  ให้คุณฟ้องร้องเขากลับค่ะ จริง ๆ แล้ว ไม่ได้อยากค้าความ  แต่เป็นหนทางเดียวที่จะบังคับให้เขา รับผิดชอบต่อการกระทำของเขา   ปัญหาคือ  คุณจะต้องไปเสียเงินค่าฟ้องร้องอีก   ส่วนจะคุ้มหรือไม่ก็ควรประเมินด้วยนะคะ จากคุณ : บีพี เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 19:51:56

ความคิดเห็นที่ 10 ทราบว่าคุณสิงห์เขียนอีเมลล์ไปแล้ว แต่เค้ายังไม่ตอบกลับมา เอางี้นะคะ  ถ้าอยากให้พี่ช่วยส่งเป็นแฟกซ์ เข้าไปกระตุ้นอีกทีก็ส่งเมลล์มาให้พี่นะคะ  และถ้าจะให้พี่โทรตามให้  หรือจะให้ช่วยคุยกับเจ้าหน้าที่ให้  ก็ให้รายละเอียดพี่มาด้วยแล้วกันนะคะ  พอดีพี่อยู่ไม่ไกลจากบอสตันหน่ะค่ะ   พี่ส่งอีเมลล์ให้ที่หลังไมค์แล้วกันนะคะ จากคุณ : MCCGO เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 19:57:40

ความคิดเห็นที่ 11 เล่าประสบการณ์ตรง ปกติบิลที่เรียกเก็บคนไข้ที่มีประกัน ก็เป็นราคานึง แต่บริษัทอินชัวรันท์จ่ายน้อยกว่า เจอกับตัวเองสามครั้ง ราคาต่างกันประมาณครี่งนึง ส่วนตัวไม่แนะนำให้จ่าย แต่ให้เขียนจมหมายเป็นทางการแจ้งรพ ว่าอยู่ในระหว่างการดำเนินการติดต่อกับบริษัทประกันเรื่องค่ารักษา ทำอย่างเดียวกันเรื่องจมเป็นทางการถึงบริษัทประกัน หากฟ้อง ก็ฟ้องไป เขาไม่ทำหรอกคะ เพราะบริษัทประกันแจ้งคุณผิดเอง จะโบ้ยให้รับผิดชอบไม่ได้หรอก คุณเป็นนักเรียนไม่มีรายได้ เรื่องจะไปหยิบยืมคนอื่นมาจ่าย อย่าทำเลยคะ  คุณคงเครียดแต่ไม่ต้องเครียดหรอกคะ ค่อยๆคิด คิดเสียว่าเงินยังไม่ได้ออกนอกกระเป๋าคุณสักหน่อย ถ้าเป็นหนี้ก้อนโตจะเครียดมากกว่านี้อีกคะ  เรื่องวีซ่าตอนมีปัญหาก็แจ้งเขาได้ ตอนนี้ก็เก็บevidence ทุกอย่างกันเหนียวไว้ เคยมีแขกสูงอายุมาป่วยที่บ้านดิฉัน เป็นลม มีบิลมาเก็บ ชื่อสามีดิฉันด้วย เพราะส่งรพ ต้องเอาที่อยู่ ให้เขา ค่ารักษาอยู่ ER นั้น รพ administerเอง แต่ค่ารถพยาบาล เป็นอีกของบริษัท ค่าER เขาส่งไปให้ผู้ป่วยโดยตรงที่ยุโรป บิลแรก เป็นสองเท่า เขายังไม่ได้จ่าย เพราะมีประกันที่ครอบคลุมร้อยเปอร์เซนต์ บริษัทประกันจะรับผิดชอบหมด แต่ระหว่างที่พวกเขาตกลงราคากัน..ไม่น่าเชื่อใช่ไหมค่ะ.. เขาส่งบิลมาที่บ้านเราด้วย ส่วนค่ารถพยาบาลส่งมาชื่อสามีเราเลย เพราะบริษัทประกันก็ต่อรองกันเรื่องราคาเหมือนกัน อันนี้ส่งมาทุกสามเดือนทำเอาดิฉันอารมณ์เสียมาก เกือบสองพันเหร๊ยญ มีจม จาก debt collector มาสองปี ย้ายมาบ้านใหม่ก็ตามมาอีก บริษัทประกันจ่ายแล้ว ก็ยังส่งมาอีก ต้องโทรไปจัดการอีกสามรอบในระยะเวลาหกเดือน สามีดิฉันเซ็ง อยากจ่ายตัดรำคาญ แต่ดิฉันยืนกรานเหนียวแน่น ว่าไม่จ่าย คนป่วยก็ไม่ใช่เรา มีเก็บเงินใส่ชื่อเรา ก็ไม่ถูกอยู่แล้ว harass กันชัดๆ เราเองก็เห็นว่าการจ่ายจริงสุดท้ายคือ เกือบพันเหรียญ ส่วนค่า ER หลายหมื่นเหรียญเพราะอยู่ ICU สองวัน มีหมอเฉพาะทางประมาณห้าคน กรณีที่สามก็เจอค่าหมอทางเดินหายใจ แผนกบิลส่งบิลผิดและส่งซำ่ แถมกลายเป็นลูกสองคนเป็นคนไข้ทั้งคู่ ทั้งๆที่วันนั้นหาคนเดียว จริงๆถ้าไม่โทรไปบอกบริษัทประกัน เขาก็จ่ายอยู่ดี แต่เห็นว่าไม่ถูกต้อง ก็เลยโทรไปแจ้งบริษัทประกันเองว่า เข้าใจว่าส่งบิลซำ้ แถมกลายเป็นเก็บสองคนด้วย 800 เหรียญ คนละสี่ร้อย บริษัทประกันฉุนมาก ไปลุย ทางคลีนิคโทรมาเคลียร์ทันทีว่าทางเราไม่ได้มีหนี้ เป็นความผิดพลาดแล้วก็ได้เห็นว่าทางบริษัทประกันจ่ายไปแล้วเมื่อหกเดือนก่อน เป็นราคาสองร้อยเหรียญ สำหรับคนไข้ที่หาในวันนี้น แล้วนี่คือบิลย้อนไปเป็นปีสองปี แถมจะลืมไปแล้วด้วยซำ้ เพื่อนบ้านที่เป็นหมอฟันก็บอกถ้าคนไข้จ่ายเองก็ลดให้ ของเขาลดสี่สิบเปอร์เซนต์ จนมากๆก็ทำให้ฟรีได้ แต่พยามเลี่ยง เพื่อนอีกคนนีงไม่มีประกัน เธอต่อราคาคุยกับหมอที่หาโดยตรง ผ่าตัดหัวใจลูก หมอก็ลดให้ พ่อเพื่อนลูกเป็นศัลยแพทย์บอกว่าเจอบ่อยคนงานก่อสร้างฮิสแปนิค บาดเจ็บ สอบถามไปมักได้ความ นายจ้างชื่อนายโจ ไม่ทราบนามสกุล ไม่ทราบบริษัทพอบาดเจ็บ นายจ้างก็ขับไปทิ้งไว้หน้ารพ ไว้ให้รักษาเป็นประจำ รพ ก็รักษาให้ไปบ่นกระปอดกระแปดไปด้วย สรุปว่าถ้าเราไม่มีตังค์ เขาช่วยได้เขาก็ช่วย เพราะรู้ว่าเราก็ไม่รู้จะเอาที่ไหนไปจ่ายจริงๆ เล่าให้ฟังได้เท่านี้ละค่ะ โชคดีนะคะ จากคุณ : Uwa เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 55 09:05:03

ความคิดเห็นที่ 12 คุณ บีพี ค่ะ ขอบพระคุณสำหรับคำตอบค่ะ ตอนนี้กำลังปรึกษากับเจ้าหน้าที่ร้องเรียนฝ่ายประกันภัยของญี่ปุ่น กับ เพื่อนชาวออสเตรเลียก็ช่วยเจรจากับทางอเมริกาอีกแรงนึงค่ะ คิดว่าคงไปถึงขั้นฟ้องร้องไม่ไหว เพราะค่าใช้จ่ายคงแพงมากค่ะ คุณ MCCGO ค่ะ ขอบพระคุณมากๆ ค่ะ วันนี้รพ. เพิ่งส่งเมลล์ตอบกลับมาดีใจมากเลยค่ะ ตอนนี้ตอบกลับไปแล้ว ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ตอบไปที่หลังไมค์นะคะ คุณ Uwa ค่ะ ขอบพระคุณมากๆ เลยสำหรับประสบการณ์ค่ะ เพิ่งเคยได้ยินปัญหาแบบนี้ของอเมริกาค่ะ นึกว่ามีแต่ญี่ปุ่นที่มีปัญหาเรื่องการแพทย์ ของญี่ปุ่นเป็นอีกแบบหนึ่งค่ะ คือ ตอนดึกกับวันเสาร์อาทิตย์ เปิดแต่แผนกฉุกเฉิน เครื่องมือไม่ครบ หมอไม่อยู่ เตียงไม่มี (อันนี้กำลังพูดถึงรพ.กลางกรุงโตเกียวไม่ใช่ต่างจังหวัดนะคะ ต่างจังหวัดอาจหนักกว่านี้) โรงพยาบาลที่เปิดมีแต่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัย โรงพยาบาลทั่วไปปิดตอนทุ่มสองทุ่ม เมื่อสองปีที่แล้ว มีคนท้องใกล้คลอดแต่เด็กไม่กลับหัว รพ. ตามริมขอบโตเกียว 8 รพ. ปฏิเสธไม่รับ เพราะไม่มีหมอบ้าง ไม่มีเตียงบ้าง จนแม่และลูกเสียชีวิตทั้งคู่ เป็นข่าวใหญ่ไปเลย คราวสิงห์ฯ ก็เหมือนกัน รพ. ที่ญี่ปุ่นหาก้างเจอแล้วค่ะ แต่เป็นตอนกลางคืน หมอมีเครื่องมือไม่มีกี่ชิ้น วางยาชาก็ไม่ได้...ก็เลยเอาออกไปได้ เพราะอาเจียนออกมาหมดทั้งสามครั้งหลังโดนสอดกล้องเข้าไปจนเลือดกำเดาไหล   แต่ที่ญี่ปุ่นก็มีข้อดีคือ ทุกคนจ่าย 30 เปอร์เซนต์จากทั้งหมดค่ะ เพราะถือว่าทุกคนอยู่ภายในประกันของรัฐบาล (เฉพาะคนที่จ่ายรายปี) สิงห์ฯ เองถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากยืมเงินหรือกู้เงินค่ะ ตอนนี้กำลังให้เพื่อนช่วยเจรจากับที่อเมริกาและส่วนสิงห์ฯ ก็โทรไปแจ้งกับคุ้มครองผู้บริโภคสายประกันภัยของญี่ปุ่นเพื่อให้ช่วยกดดันอีกแรงค่ะ อัพเดทล่าสุด คือ บริษัทประกันยอมโทรมาขอพิจารณาเรื่องของสิงห์ฯ อีกรอบ  รพ. ติดต่อกลับมาแล้ว และตอนนี้แจ้งให้รพ. ส่งใบแจ้งหนี้ไปที่ประกันภัยโดยตรงแล้วค่ะ แต่จะจ่ายไม่จ่ายต้องสู้เจรจาต่อไป เหนื่อยและหมดแรงมากค่ะ แต่ก็จะสู้ต่อไป ขอบพระคุณทุกท่านนะคะ สิงห์ใต้เงาจันทร์ จากคุณ : สิงห์ใต้เงาจันทร์ (ise...) เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 01:05:11

ความคิดเห็นที่ 13 จขกท เขียนเพิ่มเติมในกระทู้ว่า... ตกลงว่า เราผิดค่ะ ถ้ามองตามกรมธรรม์เราอาจจะตีความผิดไปเอง แต่คนที่ยืนยันว่าเราตีความไม่ผิดก็คือ AIU ที่อเมริกา ..... จขกท คงไม่มีอะไรเป็นหลักฐานพยานยืนยันว่าเขาตีความผิด เพราะมีแค่โทรไปคอลล์เซนเตอร์แค่นั้น ซึ่งแต่ละฝ่ายก็มีโอกาสเข้าใจผิดกันได้ ทำไมไม่สอบถาม ที่ ญป เพราะจากที่เขียนบอกมา เหตุเกิด ก่อนเดินทางไม่ถึงแปดชั่วโมง ไปรพ. ที่ญี่ปุ่น ก็ไปแล้ว เพราะเรื่องกรมธรรม์นั้นรายละเอียดแตกต่างกันได้ คนธรรมดาอย่างเราซื้อประกันการเดินทางระหว่างประเทศ ก็เข้าใจว่าครอบคลุมเริ่มตั้งแต่ออกจากบ้าน ไม่ใช่ว่าเพราะกินข้าวก้างติดคอก่อน ๗ ชม แล้วถ้า จขกท ไม่แน่ใจ ก็ควรถามหาระดับที่สูงกว่า บอกหมายเลขกรมธรรม์ไป ให้เขายีนยันนะ ไม่ควรคิดว่า หมือนโดนบริษัทประกันหลอก) เขาช่วยให้ จขกท พ้นจากความทุกข์ทรมาน ไม่มีโรคแทรกซ้อน เป็นเราก็นับว่าบุญแล้ว แต่เราก็สนับสนุน ให้ จขกท ต่อสู้ร้องเรียนต่อรอง โดยที่เราไม่คิดว่าเขา ขอให้โชคดีนะ จากคุณ : ธนิตา เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 10:17:18

ความคิดเห็นที่ 14 ผมไม่เข้าใจว่าประกันการเดินทางที่จขกท.ซื้อ ไม่ได้ครอบคลุมทั่วโลกเหรอครับ จากคุณ : Down2Earth เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 16:42:47

ความคิดเห็นที่ 15 คุณ ธนิตา คะ สิงห์ฯ ซื้อประกันของบริษัทนี้เพราะเป็นหนึ่งในสองบริษัทที่รับประกันสำหรับคนที่ป่วยมาก่อนแล้วหรือเป็นโรคประจำตัว เพราะสิงห์ฯ มีโรคเมเนียร์อยู่ค่ะ ดังนั้นถึงวงเงินประกันจะแพงกว่าที่อื่นก็ยอมจ่ายค่ะ สาเหตุที่ไม่ได้ถามก่อนเดินทาง เพราะว่า สิงห์ฯ ก็คิดว่าก้างมันจะหลุดไปเองเหมือนกัน ไม่คิดว่าจะยาวตลอดไฟลท์จึงไม่ได้ถามที่ญี่ปุ่นจะเรียกว่าพลาดก็ได้ค่ะ แต่ก่อนออกจากญี่ปุ่นเดินไปที่เคานเตอร์ถามเค้าว่า ถ้ามีปัญหาอะไรที่นู่นต้องทำยังไง เคาน์เตอร์ตอบว่าให้โทรไปเบอร์นี้ที่อเมริกา  และสิงห์ก็คุยกับจนท. คนญี่ปุ่นที่นู่นตามเบอร์ที่เค้าให้มาในสมุด เรื่องกรมธรรม์ เวลาติดต่อสิงห์ต้องแจงหมายเลขกรมธรรม์ก่อนอยู่แล้วค่ะ ตอนนั้นฝั่งนู้น บอกไม่มีปัญหาสิงห์ฯ ก็ไม่เห็นว่าต้องขอคุยกับผู้จัดการด้วยเหตุใด ถามเค้าว่านี่ถือเป็นโรคที่เป็นมาก่อนไหม เค้าบอกว่าใช่ แต่มาบอกทีหลังว่าไม่ใช่มันเป็น"อุบัติเหตุ"ที่เกิดก่อนมาไม่นับเป็น"โรค" ตอนแรกสิงห์ฯ ชมประกันเอไอยูไปทุกเวบ บอกนร.ที่มาเรียนพิเศษภาษาไทยทุกคนเวลาไปไทยให้ซื้อของที่นี่ บริการดี ติดต่อได้ บอกสถานที่ให้ด้วย แล้วผลที่ออกมาก็คือ อย่างที่เห็น ไม่ได้อะไรนอกจากคำขอโทษ แล้วคุณธนิตาจะบอกว่าสิงห์ฯ ไม่ควรคิดว่าถูกหลอกหรือคะ จะว่าไม่ใช่หลอกก็ได้ค่ะ แค่กลับคำเฉย ๆ แต่ผลนั้นมันต่างกันมากเลยนะคะ ใช่ค่ะ สิงห์ฯ ควรจะต้องขอบคุณที่แนะนำรพ. ดีๆ ให้ แต่สิงห์ฯ คิดว่าในฐานะบริษัทประกันระดับโลกนี่ไม่ใช่การทำงานที่เป็นมืออาชีพเลยแม้แต่น้อย เพราะ ประกัน คนซื้อเพราะต้องการปรึกษาในยามฉุกเฉิน เป็นที่พึ่งยามยาก ไม่มีอะไรขึ้นก็เหมือนซื้อความอุ่นใจ พอเกิดเหตุ ตกน้ำที่พึ่งโยนไม้มาให้เกาะให้ลอยคอเข้าฝั่งได้ ถามว่า เท่าไหร่ เค้าบอกว่าเป็นบริการฟรีเพราะเราเป็นลูกค้า พอมาถึงฝั่ง กำลังยินดีที่รอดตาย เค้าก็บอกว่า ตอนนั้นพูดผิด จริงๆ แล้วราคาสามแสน เชิญจ่ายด้วย เพื่อนประเภทนี้ควรฝากชีวิตไว้กับเค้าอีกหรือคะ??? ขอบพระคุณสำหรับความคิดเห็นคะ จากคุณ : สิงห์ใต้เงาจันทร์ (ise...) เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 21:42:26

ความคิดเห็นที่ 16 คุณ Down2Earth เป็นประกันที่ซื้อที่ญี่ปุ่นค่ะ ก็เลยประกันทุกอย่างวะหว่างการเดินทางและของสิงห์ฯ ซื้อแบบพิเศษคือรวมโรคประจำตัวที่เคยไปตรวจมาก่อนแล้วด้วยจึงเป็นสาเหตุให่้สิงห์ฯ เข้าใจว่าน่าจะไม่เป็นไร แต่ก็หวั่นใจอยู่ดี เลยโทรไปถามเพื่อความแน่ใจ พอทราบว่าไม่เป็นไรก็เลยไปรพ.  คะ จากคุณ : สิงห์ใต้เงาจันทร์ (ise...) เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 21:50:17

ความคิดเห็นที่ 17 มารอลุ้น จากคุณ : pixp เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 55 10:08:12

ความคิดเห็นที่ 18 ที่คิดว่า บริษัท เขา ไม่ได้หลอก จขกท ก็เพราะ ตามที่ จขกท บอกอีกใน ความคิดเห็นที่ 15 ว่า เพราะเป็นหนึ่งในสองบริษัทที่รับประกันสำหรับคนที่ป่วยมาก่อนแล้วหรือเป็นโรคประจำตัว ซึ่งก็หมายความว่า ตอนที่ จขกท สมัครกับเขาไปตอนนั้น เคยป่วยอะไรมาก่อนแล้ว หรือมีโรคประจำคัวอะไรอยู่ เขาก็รับประกันให้ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นหลังจากออกเดินทางออกจากบ้าน จนถึง กลับบ้าน แต่ตอนที่ จขกท สมัครนั้น ก้างก็ยังไม่ได้ติดคอ แถมมาติดคอก่อนออกเดินทางเสียอีก และไป รพ โดยยอมเสียประกันสุขภาพ 70/30 มาแล้ว แล้วจะให้เขาจ่ายค่าเสียหายได้อย่างไร และถ้าคิดว่าเขาครอบคลุม ทำไม จขกท ไม่ใช้ตั้งแต่แรกใน ญป ล่ะ ถ้าตอนนั้นพอก้างติดคอแล้ว จขกท คิดว่าไม่เป็นอะไรมาก ไม่ได้ไปหาหมอ จนพอมาเมกาแล้วเป็นมากทนไม่ไหว แล้วทางบริษัทแนะนำให้ไปห้องฉุกเฉิน ก็ยังพอฟังได้บ้าง ถึงเวลาบริษัท เขาก็พิจารณาสืบถามหาความจริง ว่าอยู่ในกรมธรรม์สัญญา ว่า จะครอบคลุมหรือเปล่า ก็ดีแล้ว ที่ จขกท บอกเขาไปตรงๆว่าเกิดอย่างไร ขอให้โชคดี แล้วตังกระทู้ใหม่บอกผลด้วยนะ จากคุณ : ธนิตา เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 01:05:13

ความคิดเห็นที่ 19 กรณีแบบนี้น่าสนใจจริงๆ หากเราปวดท้องก่อนเดินทางแต่คิดว่าปวดนิดหน่อย ไม่เป็นไร แต่กลับกลายเป็นต้องผ่าไส้ติ่งระหว่างเดินทางในอเมริกานี่จะต้องออกเงินเองไหมเนี่ย ถ้าประกันไม่ครอบคลุมexisting condition ใครทำเรื่องประกันอยู่ ใครมีความรู้ด้านนี้มาช่วยกันหน่อยคะ จากคุณ : Uwa เขียนเมื่อ : 17 พ.ค. 55 10:41:19

ความคิดเห็นที่ 20 คุณ pixp คะ ยังลุ้นอยู่เหมือนกันค่ะ ไม่รู้จะเป็นอย่างไร คุณ ธนิตา คะ ในใบสมัครให้เขียนว่ามีโรคประจำตัวค่ะ แต่ไม่ได้ให้เขียนว่าเป็นโรคอะไร อีกอย่างสาเหตุที่ไม่เคลมประกันตอนที่ป่วยที่ญี่ปุ่น เพราะเข้าใจว่า ประกันนี้ใช้ได้ระหว่างเดินทางเท่านั้น แม้ว่าจะครอบคลุมถึงโรคประจำตัวก็ตามค่ะ กรณีหลังที่คุณธนิตาพูดถึง ถ้าก้างปักที่ญี่ปุ่น แล้วพนักงานบอกพลาดก็คงเจอกรณีเดียวกันคือไม่ยอมให้ผ่านเหมือนกันค่ะ ขอบคุณคุณธนิตาที่ให้แง่มุมที่สิงห์ฯ คิดไม่ถึง เวลาไปคุยกับบริษัทจะได้คิดทันว่าควรทำอย่างไรต่อไป ไว้จะมาตั้งกระทู้ต่างหาก แจ้งผลค่ะ คุณ Uwa ค่ะ หากปวดท้องนิดหน่อยก่อนเดินทาง เวลาไปหาหมอ เพื่อนอเมริกาบอกว่า "ต่อให้ยูปวดมาแล้วสิบวัน จงบอกหมอไปว่า เพิ่งปวดเมื่อเช้านี้ แต่ปวดมาก" ไม่อย่างนั้นประกันจะหาเรื่องไม่จ่ายจนได้คะ อันนี้ประสบการณ์จากเพื่อนเพิ่งมารับรู้ก็ตอนหลังนี่แหละค่ะ ต่อไปไม่ว่าอะไรจะเกิดขึั้นก็คง "เพิ่งเป็นเมื่อเช้า (ตอนมาถึงต่างประเทศแล้ว) ค่ะ" แก้ไขเมื่อ 18 พ.ค. 55 01:16:54 จากคุณ : สิงห์ใต้เงาจันทร์ (ise...) เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 55 01:16:10