ความคิดเห็นที่ 1 สงสารน้องบีนะคะ ความที่น้องบีหวังดี เห็นว่าพี่รัตน์เป็นคนไทยด้วยกัน ตกทุกข์ได้ยาก เลยอยากจะช่วยเหลือ เวรแท้ๆเลย ขออย่าให้เป็นเรื่องจริงเลยเทอด. สาาาาาาาาาธุ จากคุณ : ฝรั่งน้อยจอมพลัง (ฝรั่งน้อยจอมพลัง) เขียนเมื่อ : 20 พ.ค. 55 20:11:37

ความคิดเห็นที่ 2 ฝ่ายสามีน้องบีเพ้อไปฝ่ายเดียว หรือพี่รัตน์มีใจด้วยคะ... จากคุณ : คุณนายเหรียญบาท เขียนเมื่อ : 20 พ.ค. 55 22:38:55

ความคิดเห็นที่ 3 คนทุกชาติก้อมีทั้งดีไม่ดีปนกัน แต่ระวังพวกเดียวกันให้มากก้อดี บางทีแสบกว่าต่างชาติแยะเพราะไว้ใจไม่ระแวง จากคุณ : Nine Cats เขียนเมื่อ : 20 พ.ค. 55 23:10:53

ความคิดเห็นที่ 4 อ่านแล้วพอเดาออกเลยค่ะ ... เหมือนเคยอ่านเหตุการณ์คล้ายๆกันนี้ ในพันทิพย์ แต่เป็นเพื่อนกับเพื่อนตัวเองเอง .. อ่านแล้วเศร้า ... จากคุณ : I-am-Friday เขียนเมื่อ : 20 พ.ค. 55 23:33:04

ความคิดเห็นที่ 5 คห 2 คุณนายเหรียญบาท ฝ่ายสามีน้องบีเพ้อไปฝ่ายเดียว หรือพี่รัตน์มีใจด้วยคะ... ........................ เราก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ ว่าลับหลังน้องบีพี่รัตน์เค้าส่งสัญญาณอะไรหรือป่าว หรือว่าสามีน้องบีเพ้อไปเอง แต่คาดว่าเค้าน่าจะยังไม่มีอะไรลึกซึ้งต่อกันค่ะ คือที่มาที่ไปของพี่รัตน์ค่อนข้าง งงๆ น่ะค่ะ ทำให้เราและเพื่อนๆไม่ไว้ใจ มีแต่น้องบีเท่านั้นที่ไว้ใจเป็นเดือดเป็นร้อนแทน จากคุณ : LiLLa_JoY เขียนเมื่อ : 20 พ.ค. 55 23:43:24

ความคิดเห็นที่ 6 ถ้าแค่ 4 วันแล้ว สามีมาเพ้ออยากหย่าพร้อมกับบอกรัก ผู้หญิงแปลกหน้า ดิฉันคงอัญเชิญใส่พานให้เป็นแน่ แต่ที่แน่ๆ ต้องระวังทั้งคนแปลกหน้าและ สามีตัวเอง ในคราวต่อไป จากคุณ : พิพพ์ เขียนเมื่อ : 20 พ.ค. 55 23:53:28

ความคิดเห็นที่ 7 เรื่องทำนองนี้เป็นปัญหาคลาสิคมาก อยู่ต่างแดนขนาดคนคุ้นหน้ากันยังกลายพันธุ์ได้เลย นับประสาอะไรกับคนแปลกหน้า เดี๋ยวนี้เราค่อนข้างระแวงและแล้งน้ำใจไปแล้ว เพราะทำคุณใครไม่ขึ้น นอกจากความดีไม่ปรากฎแล้วยังมีกระดูกแขวนคออีก บางคนได้คิืบจะเอาศอก ได้ศอกจะเอาวา เห็นเรามีน้ำใจเข้าหน่อยก็เหมาว่าเรามีหน้าที่ต้องช่วยเหลือเขาทุกเรื่อง พวกที่อ้างเชื้อชาติเผ่าพันธุ์เดียวกันนี่ยิ่งน่ากลัวอยู่ห่างไว้เป็นดี จากคุณ : ห้าร้อยโยชน์ เขียนเมื่อ : 20 พ.ค. 55 23:55:28 A:90.224.230.93 X: TicketID:159141

ความคิดเห็นที่ 8 คาดเดาเอานะว่า... พี่รัตน์เคยมีอดีตเป็นผู้หญิงที่เจนโลกย์ ที่ผู้ชายพอมองออกและด้วยความที่ใช้ชีวิตในอมเริกาเป็นสังคมที่แคบ เมือ่เจอผู้หญิงไทยนอกเหนือไปจากภรรยาของตัวเอง เลยเกิดอาการเตลิด เดาๆๆๆๆสุ่มๆๆๆ จากคุณ : JidNince เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 00:03:35

ความคิดเห็นที่ 9 ความคิดเห็นที่ 6 [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน ถ้าแค่ 4 วันแล้ว สามีมาเพ้ออยากหย่าพร้อมกับบอกรัก ผู้หญิงแปลกหน้า ดิฉันคงอัญเชิญใส่พานให้เป็นแน่ แต่ที่แน่ๆ ต้องระวังทั้งคนแปลกหน้าและ สามีตัวเอง ในคราวต่อไป จากคุณ : พิพพ์ [Bloggang] เห็นด้วยมากๆเลยครับ หญิงก็ร้าย ชายก็เลว รีบๆไปด้วยกันเลยยิ่งดี จากคุณ : BenzSiam เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 00:18:38

ความคิดเห็นที่ 10 จขกท ไว้เราจะมาเล่ารายละเอียดนะคะ ถ้ามีใครสงสัย ความคิดเห็นที่ 6 [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน ถ้าแค่ 4 วันแล้ว สามีมาเพ้ออยากหย่าพร้อมกับบอกรัก ผู้หญิงแปลกหน้า ดิฉันคงอัญเชิญใส่พานให้เป็นแน่ แต่ที่แน่ๆ ต้องระวังทั้งคนแปลกหน้าและ สามีตัวเอง ในคราวต่อไป จากคุณ : พิพพ์ [Bloggang] เห็นด้วยมากๆเลยครับ หญิงก็ร้าย ชายก็เลว รีบๆไปด้วยกันเลยยิ่งดี จากคุณ : BenzSiam   เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 00:18:38   ถูกใจ : Jennifer Lowclass ....................................... พูดง่ายแต่ทำยากค่ะ น้องบียังไม่มีงานทำ แถมลูกสาวยังเล็กนักยังไม่ถึงขวบเลยค่ะ อีกอย่างสามีน้องบีก็ดีมาตลอด ถึงไม่ได้ดีมากมายแต่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นไปได้ถึงเพียงนี้ ตอนนี้น้องบีกับสามีคงมีเรื่องคุยกันเยอะเลยทีเดียว เล่นเอาบ้านแทบแตกเลยค่ะคราวนี้ จากคุณ : LiLLa_JoY เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 00:46:39

ความคิดเห็นที่ 11 เอางูเห่าเข้าบ้านแท้ๆเลย เล่าแถมให้ฟัง เรื่องคนแปลกหน้านี่แหละ เจ้านี้เจอที่สนามบินเหมือนกัน เป็นชายหนุ่มหน้าตาดีเข้ามาตีสนิทคุยด้วย เราก็ไม่ว่าไร คุยมาดีๆก็คุยกันไป หนุ่มคุยฟุ้งว่าเดินทางบ่อยไปมาหลายประเทศ เราเห็นของพะรุงพะรังที่ท่านหอบแล้วออกจะเป็นห่วงว่าเขาให้เอาขึ้นเครื่องได้แค่สองชิ้นแล้วจะทำไง ถ้าเดินทางบ่อยน่าจะรู้ แต่ไม่ได้พูดอะไร ตอนเดินเข้าเครื่องหนุ่มวิ่งมาถามว่าเห็นพี่มีลูกไม่มีของจะเอาขึ้นเครื่องผมขอฝากของให้ลูกพี่ถือให้หน่อยได้ไหม นี่ผมไม่รู้จริงๆนะว่าเขาไม่ให้ของเกินสองชิ้น เรานึกในใจว่ากฏนี้เขาไม่ได้ออกมาเมื่อวาน อย่ามาทำเนียน บอกไปว่าจะให้ถือถุงขนมนั่นก็ได้ค่ะ คิดค่าถือถุงละร้อยตามราคาที่เขาจะ charge คุณที่ gate หนุ่มหล่อนั่นตอนนี้หน้าง้ำ เดินหนี เจอกับเราอีกทีตอนเครื่องลงเขาก็ไม่พูดด้วยสักคำ แหม..ทีก่อนหน้านี้คุยได้เป็นต่อยหอยนะ มานึกทีหลังว่าก่อนที่เขาจะเข้ามาคุยด้วยนี่คงมองดูแล้วละสิว่าเราอาจเป็นเหยื่อเขาได้ ว่าจะถามว่าโดนไปกี่ร้อยก็ว่าอย่าดีกว่า คนอย่างนี้ได้เจอกันอย่างแป๊บๆ จบกันไปอย่างรวดเร็วได้ถือว่าเป็น blessing in life จากคุณ : PatPDX เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 00:47:16

ความคิดเห็นที่ 12 พี่รัตน์เป็นคนอย่างไรก็ไม่ทราบเเน่ เพราะเท่าที่เล่ามาก็ยังไม่เห็นมีพฤติกรรมร้ายเเรงอะไรที่ระบุได้ว่าเป็นคนเลว? ตรงที่ว่าพี่รัตน์ปิดๆบังๆเรื่องราว อันนี้ก็น่าคิดอยู่ ว่าเราช่วยเขาไว้เเท้ๆ ทำไมยังมาทำงุบๆงิบๆเรื่องที่มาที่ไปของตัวเอง เเต่ลองมองอีกด้าน เป็นไปได้ไหมว่าพี่รัตน์ไม่อยากบอกเพราะถึงเราจะช่วยเขาไว้ เเต่เขาก็ยังถือว่าเป็นคนอื่น ไม่กล้าไว้ใจเราอยู่ดี? คคห ส่วนตัว ตามข้อมูลเท่าที่เล่ามา เรายังไม่อยากชี้ชัดว่าพี่รัตน์เป็นคนเเบบไหน ดีหรือเลว มีเจตนาทำลายครอบครัวน้องเขาหรือไม่ เเต่ที่เเน่ๆ สามีของน้องนี่ เอาไว้ไม่ได้ มีผู้หญิงเเปลกหน้ามาอาศัยร่วมชายคาเเค่ 4 วัน ย้ำ "เเค่ 4 วัน" ไม่ใช่เป็นเดือนๆปีๆ ก็ถึงกับหลงรักเขา ชื่นชมว่าดีอย่างนั้น น่ารักอย่างนี้ ขนาดขอหย่าเมียที่มีลูกเต้าด้วยกัน ผัวอย่างนี้จะเก็บไว้ให้เป็นหนามยอกใจหรือ? จากคุณ : Jennifer Lowclass เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 00:54:44

ความคิดเห็นที่ 13 ไม่ควรพาใครมาอยู่บ้านด้วยในทุกกรณี ยิ่งคนแปลกหน้ายิ่งไม่ควร หลายปีก่อนเคยให้เพื่อนมาอยู่ด้วยสองสามวัน เค้าลำบากจริงๆไม่มีที่อยู่ สามีไม่พอใจมาก แต่เราก็ยังไม่เชื่อพามาจนได้เพราะสงสารเพื่อน พอเพื่อนออกจากบ้านไปสามีบอกเลยว่าต่อไปนี้ถ้าพาใครมาค้างอีกเราได้ทะเลาะกันแน่ๆ เค้าให้เหตุผลที่น่าฟังว่า 1. เค้าไม่สามารถทำตัวตามสบายได้ จะนั่งจะนอน ใส่กางเกงใน ขาสั้น ในบ้านตัวเองไม่ได้ จะทำอะไรก็เกร็งไปหมด มีคนอื่นมาอยู่ด้วย ไม่เป็นส่วนตัว 2. ต้องระวังคำพูดและระวังตัวเป็นพิเศษ ถ้าพูดอะไรไม่ระวัง หรือทำอะไรที่สามารถทำให้เพื่อนเข้าใจผิดนิดเดียว อาจมีเรื่องได้ เช่นเป็นมิตรมากเกินไป เพื่อนอาจหาว่าจะไปจีบเขา หรือสนใจเขา และจะนำไปโพนทะนาว่าสามีเจ้าชู้ใส่ กลัวดิฉันเสียชื่อและต้องขายหน้า สามีบอกว่าสามวันที่เพื่อนมาอยู่ด้วยเป็นช่วงที่ทรมานที่สุดเลย อึดอัด เขาต้องระวังตัวจนเกร็งไปหมด  เค้ากลัวผู้หญิงไทย ทำได้จะไม่เข้าใกล้และไม่คุยด้วยเลยเพราะบางคนแค่จับมือเชคแฮนก็หาว่าลวนลาม ชวนคุยก็หาว่่าจีบ ดิฉันฟังแล้วขำ เออนี่ก็บ้ากลัวไร้สาระเกิน แต่ก็สงสาร และสัญญาว่าจะไม่พาใครมาอีก กฏเหล็กดิฉันในการใช้ชีวิตคือ ไม่พาใครมาอยู่ที่บ้านในทุกกรณี ไม่ให้ใครยืมเงินทั้งสิ้น ไม่ว่าจะรันทดแค่ไหนแม่แต่พ่อแม่เขาเสียชีวิตหรือลูกป่วยใกล้ตายดิฉันก็ไม่ให้ยืมเงิน ถือว่าไม่ไช่ความรับผิดชอบของเรา ให้ยืมแล้วไม่คืนก็ทะเลาะกันอีก เสียเงิน เจ็บใจ สู้ไม่ให้ดีกว่า ไม่ต้องมาผิดใจกันทีหลัง  ควรหาที่อยู่ฉุกเฉินให้หรือติดต่อหน่วยงานของรัฐ พาใครมาสุ่มสี่สุ่มห้า ถ้าไม่ฉกสามีเราก็อาจเป็นโจร หรือสายโจร อยู่ๆไปแล้วมายกเค้าบ้านเราหรือฆ่าเราตายทั้งบ้านจะว่าอย่างไร จากคุณ : Gisele เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 01:06:56

ความคิดเห็นที่ 14 คุณ จขกท เคสของน้องบี เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของสาวเอเซีย (ไม่เฉพาะสาวไทย) ที่เเต่งงานมาเมืองนอกเเล้วตกเป็นเบี้ยล่างสามี ชีวิตมีเเต่ดูเเลลูกผัวงกๆให้ทุกคนอยู่สุขสบาย ตัวเองไม่มีโอกาสทำงานหาเงินเก็บออมไว้ใช้ส่วนตัว บางคนเพราะภาษาอังกฤษไม่เเข็งเเรง บางคนเพราะมีลูกเล็กๆไล่ๆกัน กี่ปีๆผ่านไปก็ได้เเต่เลี้ยงลูก คนนู้นเข้าโรงเรียนเเล้ว ไอ้คนนี้ยังเตาะเเตะ ไม่พ้นอกเสียที สามีที่ดีก็ดีไป เเต่บางคน เเรกๆมาก็ ไอรักเมียอย่างนั้นอย่างนี้ พอเห็นเมียเลี้ยงลูกอยู่บ้านหน้ามันนานๆปีไป ความรักเมียเริ่มหดหาย ไปเห็นสาวเอเซียอื่นเเต่งหน้าเเต่งตาจิ้มลิ้มหน่อย ก็ไปหลงรักเขาเเล้วมาดูถูกเมียตัวเอง ว่าเป็นอีเเก่หน้ามันอยู่บ้าน ไม่มีความน่ารักหลงเหลือ น้องบีคงต้องถามใจตัวเองเเล้วว่า สามีเจอผู้หญิงอื่นเเค่ 4 วันยังหลงรักเขาเพ้อเจ้อขนาดขอหย่าเมียที่มีลูก (ยังเล็ก) ด้วยกัน เเล้วอนาคตข้างหน้านี่มันจะเป็นอย่างไร หากมันมีเข้ามาเรื่อยๆ becomes a pattern น้องจะทำอย่างไรกับชีวิตครอบครัวเเละอนาคตตัวเอง เริ่มคิดไว้เสียตั้งเเต่ตอนนี้ก็ดี จะได้มี "เเผนสอง" สำรองไว้ยามยาก เริ่มเก็บเงินทองไว้เป็นของตัวเองบ้าง เผื่อยามฉุกเฉิน ขอให้น้องบีโชคดีค่ะ จากคุณ : Jennifer Lowclass เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 01:09:41

ความคิดเห็นที่ 15 ความคิดเห็นที่ 11 จากคุณ : PatPDX  เอางูเห่าเข้าบ้านแท้ๆเลย มีความเป็นไปได้ที่ผู้หญิง และสามีเพื่อนจขกท. อ่านไต๋กันออก แบบทำนอง "ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่" เหตุการใกล้เคียงเคยเกิดขึ้นกับอดีตน้องสะไภ้ มันหลายๆปีมาแล้ว น้องชายกับน้องสะไภ้ (วัยเดียวกับดิฉัน)... เขาทะเลาะกัน และน้องสะไภ้ซื้อตั๋วบินไปเยอรมนีเพื่อพักชั่วคราว หนึ่งเดือน ซึ่งตอนนั้นดิฉันอาศัยอยู่ในเยอรมนี... น้องสะไภ้บินมาคนเดียวแบบว่างอนน้องชาย ช่วงเธอพักอยู่กับดิฉัน ไม่มีอะไรเกิดขึ้น... จนกระทั่งวันหนึ่งเพื่อนชายคนเยอรมันแวะมาที่บ้านดิฉันเพื่อมาขอใช้พื้นที่สวนกางเต๊นท์ที่เปียกฝนกางทิ้งไว้ให้แห้ง ดิฉันแค่แนะนำน้องสะไภ้กับคนรู้จักเยอรมันแค่เป็นพิธีว่านี่คือน้องสะไภ้... น้องสะไภ้พูดภาษาอังกฤษได้นิดหน่อยแบบงูๆปลาๆ และพูดเยอรมันไม่ได้ ก็แค่ยิ้มทักทายกัน ก็แค่นั้น วันต่อมาคนรู้จักเยอรมันโทรมาหาดิฉันเพื่อฝากถามว่าน้องสะไภ้จะชวนไปเดินเที่ยวในเมืองกับเขาไหมตอนกลางวัน ..น้องสะไภ้ตอบรับว่าไป เขาขับรถมารับ... แต่เธอเล่นกลับมาดึกมาจนดิฉันกับสามีเป็นห่วง น้องสะไภ้บอวก่าคนรู้จักชวนไปเที่ยวทะเลสาปวตอนกลางวัน ของวันต่อมา... เขาจะไป ก็โอเค มันอิสระของเขา คนรู้จักมารับ ไปทะเลสาปกันตอนกลางวัน... ดิฉันคิดว่าน้องสะไภ้คงจะกลับมาบ้านประมาณสองทุ่ม ก็รอกัน... ไม่มีโทรศัพท์บอกว่าจะกลับมาตอนไหน ก็เป็นห่วง... รอจนห้าทุ่ม จึงโทรไปหาคนรู้จักว่าน้องสะไภ้อยู่ที่ไหน... คนรู้จักตอบว่า.. น้องสะไภ้อาบน้ำอยู่ในห้องน้ำ... เหวออออ !!! จากไปเที่ยวทะเลสาปกัน ดันไปอาบน้ำที่บ้านคนรู้จัก ปกติช่วงนั้นน้องชายโทรจากไทยมาหาภรรยาเขาทุกวัน เพื่อจะง้อด้วย แต่น้องสะไภ้ไม่อยู่บ้านคืนนั้น... อดีตน้องสะไภ้ไวไฟมากค่ะ แค่แนะนำให้รู้จักกันผิวเผิน แต่เขาสองคนมองตากันก็รู้กัน โดยไม่ต้องใช้ภาษาสื่อสาร... ภายในสองสามวันพัฒนาก้าวไปไกล จากคุณ : JidNince เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 01:32:13

ความคิดเห็นที่ 16 เอาเท่าที่เล่ามาวิเคราะห์ได้คร่าวๆว่า คุณคนนั้นอาจจะทำดีกับสามีของน้องบีเช่นช่วยเหลือบริการทำอาหารให้ ตอบแทนเพราะเห็นว่ามาอาศัยบ้านเขาอยู่ก็ได้ นิสัยคนไทยยิ้มเป็นหน้าต่างและผูกมิตรกับคนอื่นง่ายอยู่แล้ว ส่วนสามีน้องบีอาจจะคิดเกินเลยไปคนเดียวหรือปล่าวและติดใจที่จู่ๆก็มีคนมาบริการเอาใจ น้องบีอาจจะไม่มีเวลาดูแลสามีเท่าที่ควรเพราะเอาเวลาไปดูแลลูกที่ยังเล็กๆอยู่ ถ้าเขาคิดไม่ซื่อจริงๆก็คงไม่ไปง่ายๆอย่างนี้มั้ง คงกระโจนขึ้นเตียงกับสามีน้องบีไปแล้ว แหมไม่ปล่อยให้สามีน้องเขามาเพ้อละเมอหาตอนที่เธอออกบ้านไปแล้วหรอกมั้ง จากคุณ : Rinta เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 02:51:44

ความคิดเห็นที่ 17 คิดเหมือน คคห. 16 ครับ   ตั้งแต่ที่อ่านว่าสามีพูดตอนเมา   เรื่องที่"พี่รัตน์"ตอบแบบปิดบัง อาจเป็นเพราะว่าเป็นเรื่องส่วนตัวหรือในครอบครัวที่ไม่ต้องการเล่า(อาจจะยาวหรือซับซ้อน)   เลยตอบแบบเลี่ยงๆไป  ดูเหมือนกับต้องการมาแบบเซอร์ไพ๊รซ์ถึงไม่ต้องการโทรติดต่อ"ญาติ"คนที่ว่า จากคุณ : Techie เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 03:13:59

ความคิดเห็นที่ 18 หัวใจหมดกรุ ตอนท่านสุดท้ายคือ คุณ Gisele จากคุณ : JidNince เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 03:22:19

ความคิดเห็นที่ 19 เรา จขกท เองค่ะ มาเล่าต่อเรื่องที่เราสงสัยเกี่ยวกับพี่รัตน์ พี่รัตน์เล่าว่าญาติชวนมาทำงานด้วยที่นี่ คือญาติเค้าทำอาหารไทยขาย ทำเองที่บ้านแต่ลูกค้าสั่งได้ทางเน็ต ขอเรียกญาติพี่รัตน์ว่าคุณเอ แล้วกันนะคะ พี่รัตน์เล่าว่านอกจากคุณเอชวนมาทำงานด้วย และยังให้ช่วยดูแลลูกๆของคุณเอด้วย แล้วคุณเอทำการติดต่อหาแฟนไว้ให้เป็นชายสูงอายุวัย62 ที่ฐานะดี แต่มีเหตุทำให้เข้าใจผิดกัน เนื่องจากสามีคุณเอมาหลงรักพี่รัตน์ คุณเอและครอบครัวเดินทางกลับไทยเพื่อแต่งงานกันหลังจากใช้ชีวิตคู่กันมาร่วมสิบปี และในระหว่างที่อยู่ที่เมืองไทยพี่รัตน์มีโอกาสไปพักอยู่ด้วยหนึ่งอาทิตย์ ซึ่งพี่รัตน์เล่าว่า เธอเองก็ไม่ได้ทำอะไรก็แค่ช่วยทำงานบ้านนิดๆหน่อยๆ แต่สามีคุณเอมาหลงรักเธอเอง ตอนเธอกลับ คุณเอสังเกตเห็นสามีนั่งเหม่อเลยถามว่าเธอคิดอะไรกับญาติฉันใช่ไหม สามีก็ยอมรับว่าใช่ พี่รัตน์ยังเล่าให้พวกเราฟังว่า ได้คุยกับคุณเอแล้ว คุณเอก็เข้าใจว่าไม่ใช่ความผิดของเธอ และยังเล่าอีกว่า สามีคุณเอบอกเธอว่าจะไม่แนะนำให้รู้จักกับชายสูงอายุแล้วเพราะว่านายคนนั้นไม่เหมาะกับผู้หญิงดีๆอย่างเธอ แต่สิ่งที่เราไม่เข้าใจคือ เธอเล่าว่าที่เธอถูกลอยแพอย่างนี้เพราะว่าสามีคุณเอไม่อยากให้เธอมารู้จักกับชายวัย 62 ที่จะแนะนำให้ และเธอคิดว่าสามีคุณเออาจจะตั้งใจมาหย่ากับคุณเอที่นี่ และตั้งใจจะกลับมารับเธอที่เมืองไทย   งงไหมคะ ก่อนที่ครอบครัวคุณเอจะบินกลับได้พักอยู่ที่โรงแรมในกรุงเทพ ซึ่งเธอโทรหาและถามว่าอยู่โรงแรมไหน คุณเอก็บอกว่าไม่รู้ว่าโรงแรมอยู่ที่ไหน และไม่บอกว่าโรงแรมชื่ออะไร พี่รัตน์ถามว่าจะบินไฟท์ไหน และฝากซื้อตั๋วเครื่องบินเพื่อจะได้บินไปพร้อมกัน ฝ่ายสามีคุณเอไม่บอกไฟท์และไม่ซื้อตั๋วเครื่องบินให้ แค่บอกว่าจะบินไฟท์ 12 พค เวลาเที่ยงคืน  ซึ่งพี่รัตน์เข้าใจว่าที่เค้าไม่ซื้อตั๋วให้เพราะไม่อยากให้เธอไป อยากให้เธออยู่รอที่เมืองไทย รอเค้าหย่าเมียก่อน เราสงสัยเพราะเหตุใดพี่รัตน์จึงมั่นใจได้ถึงเพียงนี้ ว่าสามีคุณเอหลงเธอหัวปักหัวปำขนาดจะหย่ากับคุณเอซึ่งเพิ่งบินมาแต่งงานที่เมืองไทย และเธอเองก็บอกว่าเธอไม่ได้สนิทกับสามีญาติแบบเกินเลย แก้ไขเมื่อ 21 พ.ค. 55 04:39:48 จากคุณ : LiLLa_JoY เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 04:02:01

ความคิดเห็นที่ 20 เล่าต่อค่ะ เธอเลยตัดสินใจซื้อตั๋วการบินไทย ซึ่งเธอคิดว่าเป็นไฟท์เดียวที่ออกช่วงเที่ยงคืน แล้วไปรอที่สนามบิน เมื่อเธอมาถึงสนามบินเธอพยายามติดต่อทั้งคุณเอ และสามีคุณเอ แต่ไม่มีใครรับสาย จนขึ้นเครื่อง เธอก็ไม่ได้เจอญาติของเธอและสามี เธอจึงรู้ว่าเมื่อมาถึงที่นี่เธอโดยลอยแพแน่นอน ตอนเธอผ่าน ตม. เธอจึงเดินตามน้องนีและคนไทยอีกคนออกมาเพื่อขอความช่วยเหลือ และทุกอย่างก็เป็นอย่างที่เล่ามา อีกทั้งตอนหลังเรา พยายามช่วยให้ติดต่อคุณเอ โดยโทรไปขอเบอร์คุณเอหรือสามีคุณเอกับน้องสาวคุณเอที่อังกฤษ แต่น้องสาวคุณเอบอกว่า ไม่มีเบอร์พี่เขย และเบอร์พี่สาวก็เป็นเบอร์ที่พี่รัตน์บอกเราแต่โทรแล้วบอกว่าเบอร์นี้มีมีอยู่จริง อีกทั้งโทรกลับเมืองไทยหาครอบครัวคุณเอเพื่อขอที่อยู่ หรือเบอร์โทรบ้าน แต่ทางบ้านคุณเอที่เมืองไทยไม่มีใครให้ความช่วยเหลือ บอกเพียงว่าไม่รู้ ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้เพราะคุณเอกับครอบครัวที่เมืองไทยมีการส่งของหากัน และติดต่อกันมาตลอด ตรงนี้เองที่พี่รัตน์ก็ยอมรับว่าทุกคนโกหกว่าไม่รู้ เพราะไม่อยากให้เธอได้ที่อยู่ของคุณเอ เพราะเหตุใดคนที่เป็นญาติกันถึงไม่ช่วยเหลือ ทั้งๆที่รู้ว่าพี่รัตน์ตัวคนเดียวอยู่ในประเทศที่ไม่เคยมาและเป็นประเทศที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก น้องสาวคุณเอซึ่งอยู่อังกฤษยังแนะนำเธอด้วยว่า ให้อาศัยอยู่บ้านน้องบีไปก่อน หรือไม่ก็หาแฟนที่นี่ซะเลย ฟังดูง่ายดีไหมคะ ไม่มีใครอยากช่วยเหลือเธอเลย แต่เธอก็ชิล ชิล ค่ะ ไม่ทุกช์ไม่ร้อน เพราะเวลาเราไปหาน้องบี สามวันด้วยกันที่เราได้เจอเธอ มีแต่พวกเราพยายามช่วยหาเบอร์สถานทูต เสริชหาชื่อญาติเธอทางเน็ต มีแต่พวกเราเท่านั้นที่กระตือรืนล้น ส่วนเธอเองไม่อะไรทั้งนั้น เดี๋ยวมาเล่าต่อค่ะ จากคุณ : LiLLa_JoY เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 04:22:01

ความคิดเห็นที่ 21 ติดต่อสถานทูตหรือองค์กรช่วยเหลือสตรีเลยค่ะ ไม่ต้องดิ้นรนทำอะไรให้เขาอีกเพราะญาติก็ไม่ใช่ เท่าที่ผ่านมาน่าจะได้รับความเดือดร้อนกันพอสมควรแล้ว จากคุณ : ม้าอารีย์มักโดนเขี่ยทิ้ง เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 05:13:46 A:90.224.230.93 X: TicketID:159141

ความคิดเห็นที่ 22 เรื่องแบบนี้ต่างคนต่างความคิด ผมไม่สรุปอะไรทั้งสิน ไม่สรุปว่าผู้หญิงร้ายผู้ชายเลว ไม่สรุปว่าเป็นการพางูเห่าเข้าบ้านด้วย ไม่เชื่อว่าครอบครัวที่อยู่เป็นปกติสุขแค่มีคนแปลกหน้ามาอาศัยเพียงสี่วันจะเปลี่ยนแปลงผู้ชายได้ขนาดนั้น ดีไม่ดีผู้ชายต้องการให้มาในแบบนี้นก็ได้ ใครจะไปรู้ จากคุณ : อิสวาสุ เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 05:20:41 A:98.231.188.19 X: TicketID:105627

ความคิดเห็นที่ 23 เรื่องเล่านี้ตัวละครเยอะมากและมีต่อหลายภาค อย่างไรก็ตามขอบคุณๆ เจเาของกระทู้ที่นำมาเล่าเพื่อเอาไว้ให้ คนไทยในต่างแดนด้วยกันได้มีความระมัดระวังในการคบคนหรือช่วยเหลือคน นอกนั้นความคิดเห็นคล้ายๆกับท่านความคิดเห็น 22 ข้างบนคือเข้ามาอ่านแต่ไม่ขอร่วมสรุปหรือ แสดงความคิดเห็นอะไรมากมาย โดยส่วนตัวแล้วปกติไม่ไว้ใจคนง่ายๆไม่ว่าจะดูน่าเชื่อถือแค่ไหนหรือพยายามทำตัวให้น่าไว้ใจแค่ไหน เพราะคนเราจะคบกันได้สนิทใจต้องดูกันนานๆ ยิ่งถ้าเจอประเภทที่เข้ามาตีสนิทตามที่แปลกๆ อย่างมากจะคุยด้วยตามมารยาทแล้วตัดบท หรือถ้าเจอพวกที่เพิ่งจะเริ่มๆคุยกันหรือเพิ่งเริ่มจะทำความรู้จักกัน แล้วบอกว่าอยากเป็นเพื่อนสนิทที่สามารถไว้ใจปรึกษากันได้ทุกอย่างแบบนี้หน่ะยิ่งควรระวังให้มาก ที่ผ่านมายังไม่เคยเจอใครหลอกเพราะมีเซ้นส์ในเรื่องของการดูคนอยู่พอตัวมีประสบการณ์ในการเจอคนมาทั้งตนไทยคนต่างชาติทั้งจากงานและจากการเดินทางไปในที่ต่างๆได้เจอคนหลากหลายอยู่ตลอดเวลา นอกเสียจากว่าจะเต็มใจให้เขาหลอกเต็มใจให้เขาใช้ หลายๆครั้งถ้าถือว่าทำแล้วได้ทำบุญกับเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ก็ช่วยๆกันไป หลายๆครั้งก็เต็มใจให้เขาหลอกแต่เป็นการสับขาหลอกแบบระวังตัว เพราะแค่อยากจะเล่นไปตามบทบาท อยากจะดูว่าจะมาไม้ไหนจะมาทำเจ้าเล่ห์กับเราอย่างไรเท่านั้นแลหะ เมื่อเรารู้แล้วจะแถอย่างไรแค่นั้นแหละ วิธีนี้เราได้เรียนรู้คนได้ทดสอบสัญชาติญาณของเราเองด้วย หรือเจอใครมาทำหงิมๆทำโง่ๆเซ่อๆโก๊ะๆใส่โดยที่เรารู้ว่าเขาไม่ได้โง่ ไม่ได้เซ่อ อันนี้ก็ต้องระวังให้มากๆ หรือเจอพวกที่ปกติมีความคิดดีหัวสมองแล่นปรื๊ดแต่เวลาคุยกับเราไม่แสดงความคิดเห็นอะไรออกมาเลย คนพวกนี้จริงๆแล้วเขามีความคิด้ห็นที่ขัดแย้งกับเราแต่ไม่ต้องการให้เรากลียดเขานั่นเองหรือบางที คิดอีกอย่างพูดอีกอย่างเพื่อตามน้ำหลอกให้เราตายใจเพื่อเอาใจหรือเพื่อผลประโยชน์อะไรก็แล้วแต่ แบบนี้ก็ต้องระวังให้ดี สุภาษิต "เอ็นดูเขา เอ็นเราขาด" ไม่เคยล้าสมัย ยังใช้ได้เสมอ ท่องจำไว้ แล้วจะดีเอง จากคุณ : Been there, done that! เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 05:52:02 A:203.117.117.133 X: TicketID:357481

ความคิดเห็นที่ 24 เล่าต่อนะคะ หลังจากที่เกิดเรื่อง น้องบีได้โทรปรึกษาเรากับเพื่อน น้องบีตัดสินใจบอกพี่รัตน์ไปว่าคงช่วยต่อไม่ได้แล้ว ถ้าพี่รัตน์ติดต่อญาติไม่ได้จริงๆคงต้องพาไปสถานีตำรวจให้ตำรวจช่วย ในที่สุดพี่รัตน์ก็ติดต่อคนรู้จักที่เคยอยู่หมู่บ้านเดียวกันมารับที่บ้านน้องบี (ไม่ใช่คุณเอ ) คนๆนั้นถามพี่รัตน์ว่ามาทำไม ให้บอกมาตรงๆอย่าโกหก พี่รัตน์เล่าให้คนๆนั้นฟังว่า คุณเอเข้าใจว่าเธอมีอะไรกับสามีคุณเอ ซึ่งไม่ตรงกับที่เธอเล่าให้เราฟังว่าคุณเอเข้าใจว่าเธอกับสามีไม่ได้มีอะไรกัน และก็รับพี่รัตน์ไปด้วยในวันนั้นเลย เรากับเพื่อนยังคิดเลยว่า ถ้าสามีคุณเอมาหลงรักพี่รัตน์อย่างไรก็ตามพี่รัตน์ก็ไม่ควรมาที่นี่ เพราะจะทำให้ครอบครัวเค้าแตกแยกมีปัญหากันได้  แต่เธอก็มาทั้งๆที่คุณเอเข้าใจว่าเธอเล่นชู้กับสามี สำหรับน้องบี เราก็หวังว่าจะเข็ดกับการนำคนแปลกหน้าเข้าบ้าน ยังดีที่ยังไม่มีอะไรเลยเถิดไม่งั้นเรื่องคงไม่จบแบบนี้ เราก็เล่าเป็นอุทาหรนะคะ สำหรับเพื่อนๆไกลบ้าน เพราะเป็นเรื่องจริงที่เกิดกับคนใกล้ตัวเราและเราอยู่ในเหตุการณ์ด้วย จะช่วยเหลือใคร ก็ขอให้อยู่ในหลักของความปลอดภัยเนอะ คำว่าเอ็นดูเขา เอ็นเราขาดยังใช้ได้เสมอ ยังไม่ล้าสมัยเหมือนที่ คห 23 ว่านั่นแหละค่ะ ที่เราเล่ามาไม่ได้ต้องการตัดสินว่าใครผิดใครถูกแต่เล่าเพื่อให้คิดรอบคอบก่อนช่วยเหลือคนแปลกหน้า หรือคนรู้จักก็ตาม เพราะเรามักเจอกระทู้ขอพักพิง ขอความช่วยเหลือในห้องไกลบ้านเราบ่อยๆ ยังไงก็ใช้วิจารณญาณนะคะ จากคุณ : LiLLa_JoY เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 06:51:33

ความคิดเห็นที่ 25 พี่รัตน์กับสามีคุณบีอาจจะรู้จักกันมาก่อนหน้านานแล้ว (ทางอินเตอร์เน็ท) เสร็จแล้วนัดแนะกันมาหรือเปล่าคะ มาอยู่ได้สี่วันถึงกับรักเค้าเลยเนี่ยะ เป็นไปไม่ได้เลยนะ ปล ดิฉัน อ่านนิยาย ดูหนังมากไปหน่อยเลย สันนิษฐานไว้เช่นนั้น 555 แก้ไขเมื่อ 21 พ.ค. 55 07:47:36 จากคุณ : yinnerella เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 07:45:34

ความคิดเห็นที่ 26 ขอบคุณท่านเจ้าของกระทู้ที่กรุณากลับมาเล่าจนจบเอาไว้ให้คนไทยไกลบ้านเป็นกรณีศึกษา ขออนุญาตตรวจทานเพิ่มเติมบางย่อหน้าของความคิดเห็นที่ 23 เพื่อความสละสลวย_ อันที่จริงจะพิมพ์ว่า "หลายๆครั้งก็เต็มใจให้เขาหลอกแต่เป็นการสับขาหลอกแบบระวังตัว เพราะแค่อยากจะเล่นไปตามบทบาท อยากจะดูว่าจะมาไม้ไหนจะมาทำเจ้าเล่ห์กับเราอย่างไรเท่านั้นแหละ และเมื่อเรารู้แล้วพิสูจน์จนพอแล้วก็บอกให้ทราบว่าเรารู้แล้ว ก็ดูต่อไปว่าอีกฝ่ายจะทำอย่างไรต่อไป หลายครั้งอาจจะพูดความจริงเปิดใจ แต่หลายๆครั้งหลายกรณ๊เคยเจอประเภททีว่าจะแถ ถูๆไถๆไปแบบข้างๆคูๆ บางไม่แถอย่างเดียวแต่พยายามทวิสต์สร้างสถานะการณ์ให้พลิกกลับ พยายามทำให้ตัวเองดูเหมือนเป็นผู้ถูกกระทำก็มี วิธีสับขาหลอกแกล้งโง่บ้างนี้ทำให้เราได้เรียนรู้คนได้ทดสอบสัญชาติญาณของ ตัวเราเองด้วยนะท่าน และทำให้ได้เรียนรู้ว่าคนเรานี้มีอยู่หลายประเภทจริงๆ และบางครั้ง บุคคลที่ทำตัวให้ดูน่าเชื่อถือไม่มีพิษมีภัย ดูเหมือนรู้น้อยไม่มีพิษสงใดๆนั่นแหละ หรือคนที่พยายามแสดงให้ดูเหมือนกับว่าเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดหรือน่าไว้ใจที่สุดนั่นแหละ แต่จริงๆแล้วคือคนที่ต้องระวังให้มากที่สุด" //มาร่วมแชร์ประสบการณ์จากทั้งจากที่ประสบเองและจากที่คนรอบข้างมาประสบกันมา เอามาเล่าสู่กันฟัง เสริมสร้างความระแวดระวังเพื่อนมนุษย์ด้วยกันนะท่าน จากคุณ : Been there, done that! เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 15:34:00 A:58.8.214.72 X: TicketID:357481

ความคิดเห็นที่ 27 Is this real life ??? พี่รัตน์ว่าแปลกแล้ว น้องบีแปลกกว่าค่ะ ให้คนเพิ่งเคยเจอกันที่สนามบินมาอยู่บ้านด้วย ต้องพาไปเข้าคอร์ส stranger danger กะเด็กอนุบาล จากคุณ : เขียนบน iPad (Chocolate Junkie) เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 17:00:56

ความคิดเห็นที่ 28 เคยเจอตัวจริงของหลายล็อคอินในพันทิป ขอบอกว่า "น่ากลัว" กว่าพี่รัตน์หลายเท่า เพราะพวกนั้นดีแต่พิมพ์โชว์ออฟความเห็นตามกระทู้ แต่ในทางปฏิบัติกลับทำไม่ได้อย่างที่คุย มีนิสัยที่แย่ๆตรงกันข้ามกับภาพพจน์ที่พยายามสร้างตามกระทู้ คนเหล่านี้แรกๆก็เป็นคนแปลกหน้าเหมือนกัน แต่พวกเค้าก็พยายามตีสนิทและพยายามจะทำตัวสนิทสนมโดยอ้าง "เรามีอะไรเหมือนๆกันหรือจริตตรงกัน" แต่แล้วเค้าคิดไปเองคนเดียว ที่เค้าพยายามบอกอย่างนั้นแบบย้ำคิดย้ำทำบ่อยๆก็เพราะ..... พวกเค้าอยากเปลี่ยนสถานะจากคนแปลกหน้ามาเป็นคนสนิทง่ายๆแค่นั้นเอง คนแปลกหน้าที่ไหนๆก็น่ากลัวทั้งนั้น รวมทั้งคนในพันทิปนี่ด้วย ยิ่งในกระทู้นี้มีบางคนน่ากลัวยิ่งกว่างูพิษซะอีก บางครั้งแค่การพิมพ์ออกความเห็นให้ถูกใจคนอ่าน มันก็ไม่ได้หมายความว่ามันเป็นเรื่องจริงทั้งหมดนะท่านนะ คนเรามันต้องลองสัมผัสตัวจริงกันก่อนมันถึงจะรู้นะท่าน ว่าจริงๆแล้วคนพวกนี้จะแหลหรือจะหลอกหรือจะล่อให้ท่านหลง 555555555..... ยังไงก็ต้องขอบใจท่านเจ้าของกระทู้ที่มาเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง จึงทำให้ข้าพเจ้าต้องออกมาเสริมทัพเรื่อง "คนแปลกหน้า" แต่ว่าเป็นคนใกล้ๆนี่เอง ระวังกันไว้ด้วยนะท่าน เตือนท่านแล้ว :))) จากคุณ : โชคดี เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 22:35:03 A:217.44.11.238 X: TicketID:360298