ความคิดเห็นที่ 1 จำไม่ลืม และชอบโม้ให้คนอื่นฟัง หลายปีก่อน กำลังกินข้าวเย็นที่ Interlaken จู่ๆพนักงานร้านอาหาร ตรงเข้ามาบอกว่า มีคนฝากเงินมาให้ งงเล็กน้อย ได้ความว่า ร้านค้าที่ผมซื้อของที่ Lucerne ให้นำเงินทีผมซื้อสินค้า แล้วทางร้านคิดผิด มาคืน ก่อนหน้านั้นผมซื้อของที่ Lucerne โดยใช้เงินหลายสกุล คงคิดผิดพลาดได้ง่าย แต่ออกจากร้านมา โดยไม่ติดใจอะไร ระยะทางระหว่างสองเมืองนี้ประมาณ 57 กม. สุดท้ายได้รับเงินที่ผิดพลาดคืน คนต่างจังหวัด ตัวดำหัวหยิกอย่างผม จากทางใต้ประเทศไทย ไม่อยากจะเชื่อ จากคุณ : newcomer (gpvtu2009) เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 11:25:22

ความคิดเห็นที่ 2 ตำรวจเจอได้บ่อยมาก ขับรถวนไป วนมา เวลาจับโจร ก็ดักทางนั้น ทางนี้ หนี้พ้นที่ไหน เรื่องประชากรก็มีหลากหลาย ศรีลังกา ยูโก จะเยอะหน่อย ประเทศน่าอยู่มากๆๆๆๆๆ มีความเป็นระเบียบมากๆๆๆๆๆ ถึงจะไม่มีกฎเรื่องการทิ้งขยะ จะทิ้งที่ไหนก็ได้ตามใจชอบ แต่เมืองเค้าก็สะอาดอยู่ดี รถโดยสาร มีตุ้ให้จ่าย ใครจะไม่จ่ายก็ได้ แต่โดนตรวจขึ้นมา อ้วกแตกแน่ๆ 55บรรยกาศก็ดี มีสวนสาธารณะเยอะดี มีโอกาสได้ไปอยู่ ไปทำงานจะดีมากๆ - ไปหาแม่ที่ซูริคมา - จากคุณ : Svenfast เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 11:41:38

ความคิดเห็นที่ 3 ซ้ำค่ะ ขอลบอันหนึ่งออก แก้ไขเมื่อ 21 พ.ค. 55 12:24:12 จากคุณ : PoomPim..TMB เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 12:22:44

ความคิดเห็นที่ 4 สวิทในมุมมองของดิฉัน เป็นประเทศที่น่าอยู่ ประเทศพัฒนา จิตใจคนก็พัฒนาตาม ผู้คนมีน้ำใจ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ใช้ชีวิตสะมะถะ(ในความคิดตัวเอง) ไม่ฟุ้งเฟื้อฟุ่มเฟือย อาจจะมีบ้างแต่ไม่มาก คือถ้าให้ยกตัวอย่างก็คงจะเอาแค่ที่เห็นนะ ไม่ได้มองไปมุมกว้างมาก เพราะไม่ได้อาศัยอยู่ที่นั่น ไปมาแค่ 5 คร้ง ครั้งละ 1 เดือน บ้านแม่สามี เค้าแยกขยะทุกอย่าง เท่าที่จะทำได้ ขยะอาหาร(ให้เหลือน้อยที่สุด) ขวดแก้ว ขวดพลาสติค กระป๋อง กระดาษ ทุกอย่างจะแยกกันหมด แล้วทิ้งแยะที่กัน ขยะอาหาร ก็เอาไปใส่ในคอมโพส(ถังเก็บเศษอาหารในสวนไว้ทำปุ๋ย) รวมๆแล้วแทบไม่มีขยะเหลือไว้ล้นโลกเลย เพราะทุกอย่างรีไซเคิลหมด บ้านพี่สาวสามี มีรถใช้คันเดียว เก่ามากกกกกกกกกก ซื้อมานานหลายสิบปี สามี และลุกๆ นั่งรถไฟไปทำงาน เดินกลับบ้านจากสถานีรถไฟ ประมาณ 10 นาที พี่สาวสามีเดินไปทำงาน หรือปั่นจักรยานไป รถนี่จะใช้เวลาไปหาแม่ หรือไปธุระไกลๆ หรือไปเที่ยว ซึ่งปีหนึ่งใช้ไม่เกิน 2000 กิโล ที่บ้านไม่มีโทรทัศน์ ไม่เคยมี ไม่เคยดู ฟังแต่วิทยุ แต่มีเน็ตนะ เค้าชอบปลูกผักเวลาหน้าร้อน ถ้ามีผักผลไม้อะไร ก็จะเอาไปแบ่งเพื่อนบ้าน แล้วเพื่อนบ้านก็จะเอาอาหารมาส่ง ขนมบ้าง อะไรบ้าง จากผลิตภัณท์จากสวนพี่สาวสามี ปล บ้านนี้เค้ามีฐานะ ถือว่าดีทีเดียวค่ะ สามีเป็นวิศกร ภรรยาขายของในร้านเหมือนโอท๊อปอ่ะ เค้าเรียกแฟร์เทรด ลูกๆก็ทำงานกันดีทั้งคู่ เคยเข้าไปในร้านอาหารแล้วมันเต็ม แต่มีอยู่โต๊ะหนึ่งมีที่ว่างสองที่ เด็กที่ร้านบอกเต็มแล้ว คนที่นั่งทานในร้าน บอก มาๆมานั่งกับพวกเรา น่ารักกันมาก ตอนไปเที่ยวเซอแมท เรานั่งรถไปขึ้นไปชมวิวกัน พอลงมา สามีลืมแว่นกันแดดเอาไว้บนที่นั่ง เดินมาถึงโรงแรมถึงนึกได้ เดินกลับไปถามที่สำนักงานรถไฟ(คิดว่าคงไม่ได้คืนเพราะคนเยอะมาก) เจ้าหน้าที่บอก มีคนเก็บไว้ให้ คือจากที่ได้สัมผัสมาอย่างผิวเผิน ก็ทำให้ได้รู้ว่า ประเทศที่น่าอยู่ ก็เพราะมีประชากรที่มีคุณภาพและมีจิตใจดีเป็นพื้นฐาน มีอีกเยอะที่อยากเล่าแต่นึกไม่ค่อยออก ขนาดแพะยังยิ้มเลย เพราะกินดีอยู่ดี มีความสุข ก๊ากกกกกกกกกก แก้ไขเมื่อ 21 พ.ค. 55 12:26:37 จากคุณ : PoomPim..TMB เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 12:23:05

ความคิดเห็นที่ 5 คคห. ส่วนตัวคิดว่า คนที่นี่รักษาสิทธิของตัวเอง โดยที่ไม่ก้าวก่ายสิทธิของผู้อื่น และส่วนมากเคารพกฎหมาย เพราะทุกคนอยู่ใต้กฎหมาย ไม่มีข้อยกเว้นน่ะค่ะ ซึ่งในประเทศอื่นๆอีกหลายประเทศ ก็คงเหมือนกัน แต่เนื่องจากประเทศสวิตฯเป็นประเทศเล็กๆ เลยทำให้รัฐบาลควบคุมทุกอย่างได้ง่ายขึ้น เรื่องคนต่างชาติ ในช่วงหลังมานี้ ตั้งแต่สวิตฯลงนามใน Agreement เรื่อง Free Movement of Persons ทำให้จำนวนคนต่างชาติ (จาก EU) เข้ามาทำงาน / หางานทำ ในประเทศนี้มากขึ้น แต่คนมาอยู่แบบผิดกฎหมาย (จากประเทศที่ 3 - นอก EU) จะมีน้อย เพราะรัฐบาลพยายามควบคุมทุกอย่าง จะทำอะไรต้องแสดงหลักฐาน ตย.ง่ายๆ เช่น  จะเช่าบ้านระยะยาว ต้องแสดง Residence permit หรือแค่จะซื้อ SIM prepaid ก็ต้องแสดง ID ไม่ว่าจะทำความผิดอะไร ข้อมูลทุกอย่าง ส่วนมากก็จะลิงค์กันหมด มีคนต่างชาติเคยโดนปรับ เพราะขึ้นรถไฟโดยไม่มีตั๋วที่ถูกต้อง (ด้วยความไม่ทราบ) แต่โดนตรวจเจอ 2 ครั้ง ตอนไปขอต่อ permit ที่ immigration เค้าก็มีข้อมูลนี้ค่ะ และความรักษ์โลกของคนสวิส ทำให้ประเทศนี้น่าอยู่ค่ะ (แค่จะแยกกระป๋องทิ้ง ก็ต้องลอกฉลากที่เป็นกระดาษทิ้งก่อนนะคะ) หากลองค้นดู จะพบว่าประเทศสวิตฯ อยู่ในอันดับต้นๆ (ถ้าไม่อันดับแรก) ของการ Recycling (โดยเทียบกับอัตราส่วนของประชากร) มีพลังงาน (ไฟฟ้า) แบบ green (คือเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมกว่าน่ะค่ะ อธิบายไม่ถูก) ซึ่งราคาแพงกว่าปรกติ แต่คนสวิสส่วนมากก็นิยมใช้ค่ะ และที่นี่ ความปลอดภัยค่อนข้างสูง มี CCTV เยอะมาก (เมื่อเทียบกับจำนวนประชากร) แต่ไม่ว่าที่ไหนก็มีอาชญากรรมล่ะนะคะ ตัวเองเคยโดนขโมยกระเป๋าถือครั้งแรกก็ที่นี่ค่ะ ส่วนเรื่องความมีระเบียบวินัยนั้น คิดว่าไม่เท่าคนญี่ปุ่นค่ะ ตอนเห็นคนญี่ปุ่น รอเข้าแถวซื้อของอย่างเป็นระเบียบและอดทน ในช่วงวิกฤติสึนามิ เพื่อนคนสวิสหลายคน บอกว่า ถ้าเป็นที่สวิตฯ ไม่มีทางเป็นแบบนั้นแน่ๆค่ะ... (^_^) จากคุณ : Miss_Behaving เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 14:39:14

ความคิดเห็นที่ 6 เพิ่มอีกนิดค่ะ ที่นี่จะไม่มีแบบ highway patrol นะคะ จะมีแต่กล้อง ไม่ว่าจะตรวจจับความเร็ว หรือผ่าไฟแดง ฯลฯ ซึ่งค่าปรับจะแพงมาก (ค่าปรับ บวกกับค่าธรรมเนียมอื่นๆ) ทำให้คนไม่ค่อยฝ่าฝืนไปโดยปริยาย (เห็นเค้าว่า เพื่อความปลอดภัย หรือเพื่อหาเงินเข้ารัฐ ก็ไม่ทราบค่ะ อิอิ) จากคุณ : Miss_Behaving เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 14:50:43

ความคิดเห็นที่ 7 ครั้งหนึ่ง ครอบครัวผมมีเวลามากที่ Lucerne จึงว่าจ้างให้เเท็กซี่ ขับตระเวนดูเมือง จุดประสงค์เพียง ทำอะไรสักอย่างเพื่อฆ่าเวลา คนขับเเท็กซี่ปฏิเสธ บอกว่า เมืองเล็กนิดเดียว เดินดูเอาก็พอ ทั้งๆที่เราตั้งใจจะจ่ายค่าบริการ ไม่ว่าเขาจะพาเรา วนรอบเมืองสักกี่รอบก็ยอม แก้ไขเมื่อ 21 พ.ค. 55 17:23:48 จากคุณ : newcomer (gpvtu2009) เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 17:20:49

ความคิดเห็นที่ 8 เคยไปยืนดูอะไรใกล้ๆ ทางม้าลาย รถทุกคันหยุดหมด ต้องยกมือขอโทษว่าไม่ได้ข้าม ห้องน้ำสะอาดมาก เจ้าของบ้านจะตกใจมากถ้าเกิดห้องน้ำตัวเองไม่สะอาด ไม่เห็นคนที่เหยียดคนเอเชียเลย ผิดกับพวกอังกฤษ จากคุณ : Dad เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 17:23:03 A:203.149.12.206 X: TicketID:360244

ความคิดเห็นที่ 9 รถทุกคันจะหยุดให้ รถเมล์ ไปก่อนเสมอ ผิดกับพี่ไทย รถเมล์เป็นที่รำคาญสำหรับคนขับรถ จากคุณ : Dad เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 17:24:06 A:203.149.12.206 X: TicketID:360244

ความคิดเห็นที่ 10 ฮา #8 จากคุณ : ของเล่นใหม่ เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 19:10:48

ความคิดเห็นที่ 11 อยากชักไปเรียนแล้วสิคราบ จากคุณ : tstevy1a เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 19:41:40

ความคิดเห็นที่ 12 has two locations: in downtown Lucerne  and in Le Bouveret on the shores of Lake Geneva แล้วสถานที่ตั้งของอันนี้ เป็นยังไงบ้างครับพี่ๆ จากคุณ : tstevy1a เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 21:08:40

ความคิดเห็นที่ 13 เราแค่ไปเที่ยวนะ เคยเจอเรื่องไปยืนใกล้ๆทางม้าลายเหมือนกันค่ะ ไปยืนเก้กังๆ (รอเพื่อน) รถหยุดกันหมด เลยตัดสินใจเดินข้ามไปก่อน แล้วก็เดินไปหาที่ซุ่มมองเพื่อนซักพัก พอเห็นเพื่อน ก็เดินข้ามกลับมาใหม่ จากคุณ : BlueBonnet เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 00:28:37

ความคิดเห็นที่ 14 คห.5 "เรื่องคนต่างชาติ ในช่วงหลังมานี้ ตั้งแต่สวิตฯลงนามใน Agreement เรื่อง Free Movement of Persons ทำให้จำนวนคนต่างชาติ (จาก EU) เข้ามาทำงาน / หางานทำ ในประเทศนี้มากขึ้น" >> เพราะขาดแคลนแรงงานคับ ประเทศจะพัฒนาไม่ทันประเทศอื่นที่มีประชาการมากกว่า เรื่องแบบนี้ หลายประเทศที่ยุโรปก็เป็น ------------------------------------- ส่วนตัว.. ก็ปกติคับ ในสายตาผม ถ้าเทียบกับไทยก็ต่างกันเยอะ แต่ของเราก็มีดีไปอีกอย่าง ของเขาก็มีดีไปอีกอย่าง อันนี้แล้วแต่ใครจะชอบแบบไหน แต่ถ้าเทียบกันแล้วของกินที่สวิตแพง... แต่ประชาการเขาก็เงินดีกว่าประเทศเพื่อนบ้านข้างๆ ถ้าจำไม่ผิด เคยมีการลงคะแนนกัน เพื่อให้จำกัด การสร้างสุเหร่า รึต่อต่านการสร้างรึไงเนี้ยละคับ... ผิดกะไทย เรื่องแบบนี้ไม่เคยมี... จากคุณ : Dearz เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 02:07:05

ความคิดเห็นที่ 15 ที่เห็นชัด ๆ ก็เป็นพวกการจัดการกับขยะค่ะ เมืองที่เราเคยอยู่ จะมีวันเก็บขยะที่ทางอำเภอจะกำหนดไว้เลย ถุงขยะก็ต้องซื้อตามขนาดที่กำหนด และต้องไปซื้อสติ๊กเกอร์แปะไว้ที่ถุง เวลาเอาถุงนี้ไปวางไว้หน้าบ้าน ถ้ารถมาเก็บแล้ว ถุงขยะไม่มีสติ๊กเกอร์ เขาก็จะไม่เก็บไป ราคาสติ๊กเกอร์ แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับถุงขยะว่า ความจุเท่าไหร่ - น้ำมันทอดอาหารที่ไม่ใช้แล้ว ห้ามเทลงอ่างล้างจานไปตามท่อระบายน้ำ แต่เราจะกรอกใส่ขวดไว้ แล้วเอาไปทิ้ง ในที่ ๆ ทางเทศบาลจัดไว้ให้ - หนังสือพิมพ์ เศษใบไม้ กิ่งไม้ ที่ตัดจากสวนของบ้านเรา จะมีวันที่ทางเทศบาลจะมาจัดเก็บให้ที่หน้าบ้านเช่นกัน ต้องรวมรวมให้เรียบร้อย เอาเชือกมัดให้ดี พร้อมขน -เสื้อผ้าเก่าที่ไม่ใช้ จะมีถุงพลาสติกเฉพาะ แจกเป็นระยะ ๆ เขาจะมาใส่ไว้ให้ที่ตู้ไปรษณีย์ ที่หน้าถุง จะเขียนไว้เลยว่า จะมาเก็บวันไหน เราก็เอาไปวางไว้หน้าบ้าน เสื้อผ้าที่บริจาค คนสวิสจะทำความสะอาด ซ่อมแซมเรียบร้อย ไม่ได้เอาเสือ้ผ้าเน่า ๆ ใส่ไปถุง -วันทิ้งเฟอร์นิเจอร์เก่า ๆ ก็มีเช่นกัน ส่วนใหญ่ เขาจะจัดเก็บเดือนละหน -ขวดเปล่า จะมีถังขยะ วางตามจุดต่าง ๆ ในตำบลที่อยู่ โดยจะแยกเป็นขวดแก้วใส ขวดแก้วสีน้ำตาลหรือเขียว และกระป๋องไว้ทิ้งพวกอาหารกระป๋อง ซื่งกระป๋องนี้ จะลอกฉลากกระดาษออก แล้ว ล้างกระป๋องให้สะอาดก่อนนำไปหย่อนลงถัง -ถ้ามีหมา จูงหมาไปอึ นอกบ้าน เขาจะมีบ่อทรายไว้ให้หมาอึเป็นระยะ ๆ และจะมีถุงไว้ให้เจ้าของหมาเก็บอึหมาไปทิ้งถัง ถังอึหมานี่ก็จะมีทั่ว ๆ ไปเช่นกัน อ้อ มีหมานี่ ต้องเสียภาษีหมาทุกปีนะคะ มีทีวี ก็คิดภาษีค่ะ ซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิดนี่ เขาจะบวกค่ากำจัดมันทิ้งเวลามันเก่าแล้วไว้ในราคาขายเลย ที่เขียนมาเนี่ย ตัวอย่างแค่น้ำจิ้มค่ะ จากคุณ : คุณนายตุ้มศรี เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 17:09:41

ความคิดเห็นที่ 16 สวิส ก็ดีตรงที่เป็น halbdirekte Demokratie ผู้คนมีสิทธิ์ออกเสียงเปลี่ยน หรือให้ข้อกม.ผ่านได้ ไม่ได้เลือกแต่กลุ่มคนไปบริหารประเทศอย่างเดียว อย่างหลายประเทศที่เป็น indirekt กรณีมัสยิด ที่เขามองว่าสวิสเป็นประเทศเล็ก มีมัสยิดถึง 5 จุดแล้ว ไม่จำเป็นต้องสร้างเพิ่ม แต่คนบางส่วนก็โยงไปเรื่องกีดกันศาสนา เรื่องความเท่าเทียมกันที่เห็นเขียนอยู่เกลื่อน ที่นั่นหมายถึงเท่าเทียมกันทางกม. ไม่แบ่งชั้นวรรณะ เชื้อชาติ รวย จน ต้องได้รับความยุติธรรมเท่ากัน กม.มีผลบังคับใช้กับทุกคนนั้นแหละ ที่เห็นมาเค้าก็ปฏิบัติได้จริงอยู่นะ เรื่องงานเขาก็เนียบจริงแหละ บางที่เรามองว่ามันเล็กน้อย แต่สำหรับเขามันไม่ได้   (ผิดพลาดประการใดก็ขออภัยด้วย) จากคุณ : menalina เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 18:23:01

ความคิดเห็นที่ 17 เหมือนอย่างคห.หลายๆท่านข้างบนนะคะ และเนื่องจากประเทศสวิสเป็น(โรควิตกก่อนเวลาอันควร)ประเทศที่คำนึงถึงทรัพยากรธรรมชาติอย่างมากถึงได้มีการจัดระเบียบต่างๆนานาเพื่อรักษาความสมดุลย์อันนี้ไว้ มองดูดีๆก็เหมือนกับวงจรลูกโซ่ หากว่าทำอะไรสักอย่างก็จะมีผลไปอีกเป็นทอดๆ คห.6 ขอเพิ่มอีกนิดค่ะ ค่าปรับขึ้นอยู่กับระดับความเร็ว (หากว่าตร.เห็นว่าคนที่ถูกปรับ ขับรถแพง ฮ่าๆๆ มักจะเพิ่มค่าปรับอีกค่ะ) คห. 14 เรื่องการต่อต้านสร้างสุเหร่า เป็นเรื่องการเมืองล้วนๆค่ะ เนื่องมาจากว่า พรรคการเมือง ขวาจัด (SVP = หรือเรียกกันอย่างล้อๆว่า S 'il vous plaît ) ไม่ต้องการให้ชาวมุสลิมสร้างMinarett และริเริ่มให้ออกเป็นกฎหมายรัฐธรรมนูญ ถึงได้มีการเลือกตั้ง ผลที่ออกมาคือประชาชนเห็นด้วยกับพรรคนี้ ดังนั้นสุเหร่าสร้างได้แต่ไม่ให้มี Minarett นับว่าเป็นการช็อคชาวโลกพอสมควร เพราะว่าคนส่วนมากจะเห็นว่าคนสวิสไม่แคร์เรื่องต่างศาสนามากมาย แต่คิดว่าน่าจะเป็นเพราะการอนุรักษ์นิยมเท่านั้นเอง มีเรื่องตลกมากแทรกให้อ่าน เมื่อปีสองปีก่อน สส.ลูกพรรคขวาจัดนี้เองต้องการขายที่ดิน และประกาศว่า จะตกลงทำสัญญาขายที่ดินสำหรับเพื่อสร้างบ้าน ห้ามสร้างสุเหร่า ต่อมามีคนมาติดต่อซื้อที่ดินเพื่อสร้างบ้าน แต่ไม่ได้สร้าง(ที่จริงคนซื้อคือนายหน้ามาซื้อที่ดินแทนชาวมุสลิมรายหนึ่ง) และขายให้ที่ดินให้อีกทอดให้ชาวมุสลิม เพื่อสร้างสุเหร่า ทำเอาสส.ลูกพรรคคนนี้ขายหน้าโดนล้อเป็นที่สนุกสนาน เอาผิดกับผู้ซื้อรายแรกไม่ได้ เพราะว่าผู้ซื้อรายนั้นแค่เปลี่ยนใจไม่อยากสร้างบ้าน และมีสิทธิ์ในการขายให้ผู้อื่นได้ ปีที่แล้วเกิดเรื่องบนที่ดินผืนนี้อีกจนได้ คือมีคนเอาลูกหมูที่ชำแหละแล้วมา ทิ้งไว้ที่นั้น ตำรวจมาพิสูจน์ และปิดคดี โดยอ้างว่า คือลูกหมูนั้นมีรอยนิ้วมือมากมาย ทั้งจากรอยมือของเจ้าหน้าที่เองด้วย จึงไม่สามารถพิสูจน์หลักฐานได้แน่นอน และปิดคดีโดยพลัน ที่จริงแล้วตำรวจเองสามารถทำได้ โดยการค้นบ้านผู้ต้องสงสัย แต่ว่าไม่มีใครอยากตามคดีมากกว่า เมื่อสัมภาษณ์ชาวมุสลิมว่ารู้สึกอย่างไร ว่า มีลูกหมูเปื้อนเลือดบนที่ดินนั้น เขาได้ตอบว่ารู้สึกเฉยๆ เพราะว่ากว่าจะสร้างสุเหร่าก็ต้องถมที่ รื้อหน้าดินอีกมากมาย หากคิดมาก คงไม่มีโอกาสสร้างสุเหร่าบนผืนดินชาวยุโรป เรื่องระเบียบและละเลยระเบียบยังมีอีกนะคะ เดี๋ยวว่างจะมาตอบใหม่ค่ะ จากคุณ : Top Of The Hill เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 19:07:58 A:95.174.238.123 X: TicketID:268053

ความคิดเห็นที่ 18 LIKE ครับ คุณ Top Of The Hill จากคุณ : ของเล่นใหม่ เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 22:10:07

ความคิดเห็นที่ 19 คห. 17 นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ประเทศที่พัฒนา ก็ใช่ว่าจิตใจคนจะพัฒนาตาม ---------- แถมที่เยอรมันก็เป็นคับ ที่ koeln (Cologne) ต่อต้านกันเขาไป... แก้ไขเมื่อ 22 พ.ค. 55 23:51:09 แก้ไขเมื่อ 22 พ.ค. 55 23:48:38 จากคุณ : Dearz เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 23:48:24

ความคิดเห็นที่ 20 ขอประทานโทษค่ะ มาช้าหน่อย ว่าด้วยเรื่องระเบียบและการละเลยต่อเลยนะคะ ห้ามพูดโทรศัพท์ขณะขับรถ แต่ ปีที่ผ่านมา แค่รัฐเล็กๆรัฐหนึ่ง ตร.จับผู้ที่พูดโทรศัพท์ขณะขับรถได้ 67 ราย ตร.ยิ้มแป้นค่ะ ว่าได้เงินเข้ารัฐเพิ่มขึ้น แต่ข่าวก็บอกว่าการดักจับนั้นยากหน่อย เพราะว่า ไม่ได้เห็นกับตาง่ายเท่ากับการจับพวกขับรถเร็ว หรือ พวกที่ใช้รถที่มีไม่สมรรถภาพบนทางด่วน ตำรวจรณรงค์ให้ใช้หมวกกันน็อคในการขี่จักรยาน เด็กๆชั้นประถมจะต้องสอบขี่จักรยานโดยการฝึกจากครูและตำรวจ แต่ที่เห็นกันเป็นปกติ คือผู้ที่ขี่จักรยาน ทั้งเด็กโต และผู้ใหญ่ ไม่นิยมสวมหมวก เรื่องสุนัข ผู้ที่เป็นเจ้าของ ต้องมีสายจูงสำหรับสุนัขของตนเวลาออกนอกบ้าน ในทางปฎิบัติ จะเห็นว่าผู้คนปล่อยปละละเลยมาก พอมีคนเตือนก็จะแก้ตัวบอกว่า โทษๆ ผูกสายไม่ทัน เป็นข่าวมาแทบทุกปี ที่เจ้าของหมาพันธ์ดุต่างๆ ปล่อยหมาเป็นอิสระ แล้วเด็กมั่ง ผู้ใหญ่มั่ง แม้่แต่หมาก็ถูกกัด ปีที่ผ่านมาหมากระโจนงับหน้าเด็กทารกที่แม่เข็นพาเดินเล่นอยู่ ทำเอาเด็กตาเกือบบอด แต่ละปีมีข่าวเกี่ยวกับหมาพันธ์ดุต่างๆที่กัดคน ทำเอารัฐบาลกำลังพิจารณาว่า จะออกกฎห้ามเลี้ยงหมาพันธ์ที่เป็นอันตรายหรือไม่ แต่ยังไม่มีข่าวคืบหน้า เพราะว่ามีคนคัดค้านเช่นกัน เรื่องมูลสุนัข นี่เป็นเรื่องอิดหนาระอาใจแก่ผู้ที่ต้องใช้ถนนเดิน เจ้าของหมาหลายรายมักจะพาหมาตนไปถ่ายตามท้องถนน ทำเอาประชาชนร้องเรียนว่าต้องเหยียบขี้หมาประจำ และอยากให้มีการใช้ดีเอนเอกับสุนัข เพื่อจะได้เอาโทษกับเจ้าของ แต่ก็ไม่มีอะไรคืบหน้าเกี่ยวกับกรณีนี้ เรืองตลกอีกเรื่องหนึ่งคือ ดิฉันเดินผ่านบ้านเพื่อนที่อยู่ติดกับสถานีตำรวจ เป็นระยะเวลากว่าสิบปี หน้าบ้านคนนี้จะมีขี้หมาทุกวัน ย้ำ ทุกวันค่ะ เราก็เลยถามว่าไม่คิดจะจัดการกับเจ้าของหมาหรือ พอถึงหน้าบ้านเธอ ผู้สัญจรไปมาต้องระเห็จไปเดินบนถนนทุกที อันตรายด้วย เพื่อนเล่าให้ฟังว่า ทุกวันเวลาตีห้าเจ้าของพาหมาสามตัวมาอึที่ตรงนี้ทุกวัน และท่าทางเจ้าของเป็นคนก้าวร้าวพอสมควร เพื่อนจึงตักเตือนด้วยความสุภาพ แต่ก็ไม่ได้ผล ต่อมาถึงขั้นฟ้องร้องกับตำรวจๆ บอกว่า เรื่องนิดๆหน่อยๆ (ฮ่าๆ แต่เวลานานสิบปี) ละเลยในการปฎิบัติหน้าที่ ทั้งๆที่หมาก็เคยไปทำสกปรกหน้าสถานีด้วยซ้ำ เพื่อนเล่าให้ฟังว่า วันไหนอารมณ์ดี ก็จะรอเจ้าของหมา แล้วยื่นแว่นตาให้พร้อมกับบอกว่า ให้ใส่ เผื่อจะได้มองเห็นว่า เอาหมามาขี้ตรงหน้าบ้านฉันอีกแล้ว เราฟังแล้วก็ฮาไปด้วย ขอต่อเรื่องขยะในคห.หน้านะคะ จากคุณ : Top Of The Hill เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 17:09:14 A:95.174.238.123 X: TicketID:268053

ความคิดเห็นที่ 21 เรื่องขยะ ตามเมืองใหญ่ๆที่มีนักท่องเที่ยวอยู่ เทศบาลจะให้ความสำคัญมาก เพราะเป็นหน้าเป็นตาของสวิสเลยทีเดียว การทำความสะอาดมีทุกวัน บางครั้งจะเห็นสองรอบด้วยซ้ำ หันมาดูถนนตามบ้านเมืองเล็กๆ ที่เทศบาลยังควบคุมไหว และเจ้าของบ้านส่วนมากจะปฎิบัติตาม หากหันไปดูตามถนนเล็กๆระหว่างเมือง จะเห็นว่าตามท้องทุ่งนาข้างทางจะมีขยะ โฟมใส่อาหาร ขวดเบียร์ น้ำดื่ม ถุงกระดาษ ถุงพลาสติค เรี่ยร่ายตามทาง ยิ่งเช้าวันเสาร์ อาทิตย์ หรือวันหยุด จะพบได้บ่อย ส่วนมากมาจากวัยรุ่นที่เที่ยวกลางคืนแล้วโยนอาหารข้างทาง สองสามปีก่อน ร้านแฮมเบอร์เกอร์ของแม็ค จะให้เจ้าหน้าที่ขับรถเก็บขยะ เพราะตำรวจแจ้งว่าขยะส่วนมากจะเป็นของงร้านนั้น หากว่าเคยนั่งรถไฟไปตามชนบท หรือรถไฟสาย เจนีวา บาเซิ่ล จะเห็นว่าช่วงน้ำลดตามริมแม่น้ำ จะมีถุงพลาสติคหลากสี ห้อยติดค้างตามกิ่งไม้ ขวดน้ำ กระป๋องเบียร์ เศษอาหารตกตะกอนอยู่ริมตลิ่ง หรือแต่แม่น้ำไรน์แถวๆบาเซิ่ล ทางการต้องมากวาดริมตลิ่งประจำ บนภูเขาและในป่า ทางการจะจัดกองหินไว้เป็นที่ปิ้งอาหารตามสถานที่สาธารณะ เพื่อให้ประชาชนพักและปิ้งอาหารได้ ส่วนมากจะเห็นเศษขวดน้ำดื่มทิ้งไว้เช่นกัน มีเรื่องตลก คือ กลุ่มลูกเสือแห่งชาติได้จัดแคมป์บนภูเขาสองสามปีก่อน เด็กที่เข้าร่วม จะมีอายุระหว่าง 12-16 ปี หมดเวลา ขยะที่เจ้าหน้าที่เจอ คือถุงยางอนามัย นับร้อย เกลื่อนแคมป์ งานนี้เด็กสนุก ผู้ใหญ่มีเฮ ได้รู้ว่าวัยรุ่น คือวัยรุ่นที่อยากเรียนรู้ธรรมชาติของมนุษย์ นี่เป็นข้อเตือนใจให้ผู้ที่จัดทำแคมป์ครั้งต่อๆไปต้องคุมเข้ม ไม่อย่างนั้น แคมป์ลูกเสือ จะกลายเป็นการปล่อยเสือให้รักสนุก ระเบียบการจอดรถ ไปคห.หน้าค่ะ จากคุณ : Top Of The Hill เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 17:40:24 A:95.174.238.123 X: TicketID:268053

ความคิดเห็นที่ 22 เรื่องการจอดรถในที่สาธารณะก็มีกฎ เหมือนทั่วๆไป ต้องจ่ายเงินค่าจอด แน่นอนตามสถานที่ที่คนนิยม ค่าจอดรถจะแพง ดังนั้นผู้คนบางประเภทก็นิยมเบี้ยวไม่จ่ายค่าจอดรถ จับได้ก็โดนปรับ เชื่อไหมว่า สวิสเองก็มีสองมาตารฐาน เช่น ผู้นำสวิสคนก่อนที่ลาออกไปแล้ว ชื่อ มอริทซ์ ไปจอดซื้อขนมปังหน้าร้านแล้วไม่ยอมหยอดสตางค์ ตร.มาพอดี กำลังจะเขียนใบสั่ง เจอท่านเข้า แล้วท่านอ้างว่า แหมไม่รู้นี่ว่าแคจอดซื้อขนมปังไม่กี่นาที ต้องหยอดสตางค์ด้วย ทำเอาตำรวจทำตาปริบๆ ไม่กล้าเขียนใบสั่ง ที่เป็นข่าวทางหน้านสพ. เพราะว่าปาปารัซซี่อยู่แถวนั้นพอดี หากเป็นพลเมืองธรรมดาน่ะหรือจะรอดจากใบสั่ง เรื่องอ้างข้างๆคูๆของนักการเมืองพวกนี้มีอีกเยอะ แต่พวกที่ยังอยู่ในระเบียบก็ยังมีอีกเช่นกัน ตามงานศพคนดังทั้งเล็กและใหญ่หลายแหล่ จะเห็นผู้ที่ไปร่วมงานจอดรถกันแน่น บ้างก็ถือโอกาสจอดรถตรงที่ห้ามจอด ละเลยกฎกันทั่วหน้า และอ้างว่าที่จอดรถไม่พอ ซึ่งเป็นความจริง เพราะทางการสวิสต้องการให้ผู้คนลดการใช้รถ เพื่อลดมลภาวะ แต่ก็ไม่ค่อยจะได้ผลเท่าไหร่ในความเป็นจริง งานใหญ่ๆอย่างนี้ ตำรวจมักจะอะลุ้มอล่วย และมาช่วยอำนวยความสะดวก แม้แต่งานนิทรรศการต่างๆ หรือว่างานฟาสหนาคที่แสนจะนิยม ช่วงเทศกาลนี้ บางแห่งที่ห้ามและเข้มงวดก็จะไม่มีการฝ่าฝืน แต่ถนนช่วงที่ไม่ห้าม ก็จะจอดกันสะเปะสะปะกันทีเดียว ขอจบการเล่าสู่กันฟังเกี่ยวกับการทำตามและการละเลยระเบียบ เท่านี้นะคะ เพราะจะว่ากันไปก็มีอีกมาก ยิ่งหากไปตามรัฐที่พูดภาษาฝรั่งเศส ภาคที่พูดเยอรมัน และภาคอื่นๆจะเห็นความแตกต่างอีกมากมาย และที่ยกตัวอย่างมานี่ เป็นชาวสวิสแท้ๆที่ไม่ทำตามกฎที่ตั้งไว้ ทุกแห่งที่มีคนอยู่ร่วมกัน โดยต่างเผ่าพันธ์และเชื้อชาติ ย่อมมีกฎไว้ให้ทำตามเพื่อความสงบเรียบร้อย และก็มีผู้ฝ่าฝืนเช่นกัน บางครั้งเมื่อจับได้ ก็จะกล่าวโทษว่าเป็นพวกเธอ ไม่ใช่พวกชั้น เป็นของปกติค่ะ ทุกที่มีดีมีเลวปะปนกันไป แต่ส่วนใหญ่แล้วประเทศนี้ก็จะอยู่ได้ดีทั้งทางสังคม เศรษฐกิจ และการพัฒนาในด้านอื่น เพราะว่า ผู้นำและคนในชาติมีความคิดร่วมกันที่จะทำเพื่อส่วนรวม และเพื่อประเทศมากกว่าจะคำนึงถึงส่วนตนและพวกพ้อง จากคุณ : Top Of The Hill เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 18:19:32 A:95.174.238.123 X: TicketID:268053

ความคิดเห็นที่ 23 ขอบคุณมากครับ คุณ Top Of The Hill ได้เห็นเพิ่มอีกหลายแง่มุมเลย จากคุณ : ของเล่นใหม่ เขียนเมื่อ : 25 พ.ค. 55 10:24:03