ความคิดเห็นที่ 1 เพราะเราเห็นฝารั่งเป็นพระเจ้า เรามี 5 ราคา เจแปนแพงสุด รองมาก้อฝารั่งที่ไม่รู้เรื่อง ฟันได้ก้อฟันแต่ดันไม่รู้ว่าโดนฟันไปแล้ว เพราะเราต้องการเงิน แทกซี่เลยแย่งกันรับฝารั่ง คนไทยต่อคิวขึ้นแทกซี่ที่สุวรรณภูมิ แทกซี่ยังแย่งฝารั่งกัน-จะไม่ให้ปลื้มได้งัย จากคุณ : Nine Cats เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 55 22:32:52

ความคิดเห็นที่ 2 เพราะฝรั่ง -รวย จากคุณ : เสือย้อมแมว เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 55 22:35:21

ความคิดเห็นที่ 3 1. คนไทยเป็นคนใจดีโดยพื้นฐานดั้งเดิม เนื่องด้วยโครงสร้างทางสังคมเป็นแบบ วัฒธรรมชนเผ่า วัฒนธรรมระบบอุปถัมภ์ และ สังคมเกษตรกรรม ซึ่งสังคมเหล่านี้จะอยู่ได้ก็ต้องมีการช่วยเหลือเกื้อกูลกัน 2. ศาสนาประจำชาติคือศาสนาพุทธ คนพุทธที่ดีๆ (โดยที่ไม่จำเป็นต้องเคร่งศาสนา ไม่จำเป็นต้องงมงาย) มักมีจิตใจชอบช่วยเหลือผู้อื่น คนคริสต์ คนมุสลิมที่ดีๆ ก็ชอบช่วยเหลือผู้อื่น 3. "มีเงินนับเป็นน้อง มีทองนับเป็นพี่" คนไทยส่วนใหญ่โตมากับวัฒนะธรรมของระบบแบ่งชนชั้นวรรณะที่สีผิวพรรณ ที่ฐานะ ที่การศึกษา ฝรั่งจากประเทศร่ำรวย คนญี่ปุ่น หรือคนชาติใดก็แล้วแต่ที่มีเงินกว่าคนไทย จะได้รับการต้อนรับที่ดี เสมอ เพื่อ.... 3.1 คอนเน็คชั่นในภายภาคหน้า ทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว 3.2 การได้พูดคุยกับคนต่างชาติ หรือไปไหนกับคนต่างชาติ หรือได้ต้อนรับคนต่างชาติ ทำให้ได้แสดงความสามารถทางด้านภาษาต่างประเทศต่อหน้าเพื่อนร่วมชาติคนอื่นๆ ได้ยืด เพิ่มสถานะทางสังคมได้ (สำหรับคนบางกลุ่ม) 3.3 อาจจะฟลุ๊ค หรืออาจะมีบุพเพสันนิวาสมาแต่ชาติปางก่อนจริงๆ ทำให้ได้เจอเนื้อคู่หรือผู้อุถัมภ์ 4. หากทำงานร้านอาหาร ทำงานโรงแรม หลายๆ แผนกถ้าเอาใจฝรั่ง คนญี่ปุ่น คนตะวันออกกลาง ที่กระเป๋าหนักดีๆ จะได้ทิปดี (ทั้งๆ ที่บางคนหากไม่มีใจรักงานบริการจริงๆ หรืออาจจะไม่ชอบแขกคนนั้นๆ แต่ก็ฝืนทำ ลับหลังนินทาแขก_แต่ถ้าทำตามหน้าที่และทำแบบจริงใจก็ดี และคนที่ทำแบบจริงใจก็มี) ข้อนี้หมายถึง ในเคสของงานด้านการบริการ 5. วัฒนธรรมอันดีงามอีกอย่างของคนไทยที่ปลูกฝังกันมา และคนส่วนใหญ่มีติดตัวและทำโดยอัตโนมัติ คือการเคารพผู้ใหญ่ การดูแลเทคแคร์ผู้ที่อาวุโสกว่า ทำให้คนต่างชาติติดใจและชื่นชมในการบริการจากพนักงาน ด้านบริการ หรือจากเพื่อนคนไทยที่อายุน้อยกว่า 6. การทักทายของคนไทยคือการไหว้พร้อมกล่าวคำว่าสวัสดี เป็นการไหว้ทักทายที่สวยงาม คนอินเดียก็ไหว้ คนศรีลังกาก็ไหว้ คนลาวก็ไหว้ คนกัมพูชาก็ไหว้กันเป็น แต่เขาทำได้ไม่นุ่มนวล ไม่อ่อนช้อย เหมือนกะบคนไทยทำ 7. ภาษาของเรามีคะขา มีเสียงสูงต่ำ ยิ่งถ้าได้ฟังภาษาไทยเพราะๆ แล้ว ถุงคนต่างชาติเขาจะไม่เข้าใจความหมาย แต่กิริยาและน้ำเสียงสามารถบอกได้ว่าภาษาไทยเป็นภาษาที่สุภาพนุ่มนวล 8. คนไทยรักสนุก ขี้เล่น ยิ้มแย้มแจ่มใส หลายๆ คนชอบแหย่ฝรั่ง แหย่ญี่ปุ่น พวกเราคนไทยหัวเราะง่าย ยิ้มง่าย 9. คนไทยช่างกิน กินกันได้ตลอดทั้งวันทั้งคืน กินเป็นมื้อๆ แล้วยังกินจุบกินจิบกินของกรุบกริบอีก กินแล้วมีความสุข ต่างชาติเขามาเที่ยวบ้านเราก็มีความสุข ไปกินอาหารโต้รุ่ง ไปกินอาหารพื้นบ้านต่างจังหวัด การมีอาหารหลากหลายจากทุกภาคทุกท้องถิ่นทำให้เกิดความรื่นรมย์ ตื่นตาตื่นใจแก่คนต่างชาติ มีเรื่องให้พูดคุยกัน อาหารของพวกเรา ทั้งสวย ทั้งอร่อย ถึงเครื่องถึงรส ใส่สมุนไพรเยอะมาก ขนมไทยต่างๆ ก็น่ารักที่สุดโดยเฉพาะลูกชุบ คนต่างชาติเห็นแล้วฮือฮา 10. คนไทยเป็นมนุษย์ที่มีสไตล์ ทั้งเรื่องการกินอยู่ การแต่งตัว การพูดจา ไหนจะมีวัด วัง มีประเพณีหลากหลาย ลักษณะการเคลื่อนไหวของคนไทยก็ไม่เหมือนคนชาติอื่น 11. อากาศร้อนก็มีส่วน ทำให้คนชอบอยู่นอกบ้าน หรืออกไปทำกิจกรรมข้างนอก ไม่เคร่งเครียด ไม่ต้องรีบเดินเข้าอาคารบ้านเรือน เฉี่อยชาไม่รีบร้อนทำอะไรไปเรื่อยๆ คนไทยส่วนใหญ่รีแล็กซ์ และดูเหมือน ไม่ซีเรียส //ขออภัยท่านเจ้าของกระทู้ที่พิมพ์ยาวมาก และบางข้ออาจจะเหมือนไม่เกี่ยวกับความเป็นมิตรของคนไทย และไม่เกี่ยวกับว่าอะไรทำให้คนต่างชาติเขาคิดว่าพวกเราเป็นมิตรมากที่สุด แต่จริงๆ แล้วเราว่ามันเกี่ยวนะ บางประเทศหน่ะ ไปแล้วสนุก แต่บางครั้งเขาก็ขาดบางสิ่งบางอย่างที่พวกเรามี ทำให้ผู้คนขาดเสน่ห์ไป หรือบางเมืองหน่ะสวยมาก ยิ่งใหญ่มาก แต่ประเทศร่ำรวยสังคมทุนนิยมหน่ะ โดยเฉพาะเมืองใหญ่ๆ ระดับโลก ผู้คนต่างก็มาจากทุกสารทิศ เข้าไปทำงานกอบโกยเงินทองหรือต้องอยู่กันอย่างเอาตัวรอด หรือไปตายเอาดาบหน้า เพราะฉนั้นนำ้จิตน้ำใจแบบชาวบ้าน แบบวัฒนธรรมชนเผ่า หรือวัฒนธรรมแบบเกษตรกรรมมันจะหายไป พร้อมกับความเจริญหรือการขยายตัวของเมือง ประเทศที่ส่วนใหญ่ผู้คนยังยากจนเป็นประเทศกำลังพัฒนาหน่ะ หรือประเทศที่มีวัฒนธรรมชนเผ่าหลากหลาย ส่วนใหญ่แล้วคนจะบริสุทธิ์จะ pure กว่าคนที่อยู่ในประเทศสังคมทุนนิยม หรือสังคมบริโภคนิยม แต่ปรเทศที่เจริญแล้วที่ขอเว้นไว้ประเทศนึงคือญี่ปุ่น ประเทศมหัศจรรย์ เราไปในฐานะนักท่องเที่ยว แต่ละครั้งคิดว่าคนญี่ปุ่นมีน้ำใจกับนักท่องเที่ยวมาก บางครั้งมากกว่าคนไทยทั่วๆ ไปเสียอีก และส่วนใหญ่ เต็มใจช่วยเหลือนักท่องเที่ยวโดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทนหรือไม่มีผลประโยชน์อื่นแอบแฝงด้วย อ้อ_ และคิดออกอีกอย่าง สิ่งที่ทำให้คนไทยเป็นมิตรกับนักท่องเที่ยวมาก และชอบช่วยเหลือนักท่องเที่ยว เพราะคนไทย ไม่ชอบเสียหน้า และต้องทำให้ดีที่สุดเพื่อที่เขาจะได้คิดว่าเราเป็นคนดี //ร่วมแสดงความคิดเห็นส่วนตัว จากคุณ : Been there, done that! เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 55 23:13:12 A:218.186.10.230 X: TicketID:357481

ความคิดเห็นที่ 4 เพราะคนไทยติดนิสัยชอบยิ้มเวลาฟังอะไรไม่รู้เรื่อง ผมก็เป็น จากคุณ : BonaPart เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 55 23:35:44

ความคิดเห็นที่ 5 จากข้อ 3 ที่บอกว่าคนไทย แบ่งชนชั้นกันที่สีผิว ก็ขอให้ลองนึกตามว่า ถ้ามีนักท่องเที่ยวต้องการความช่วยเหลือ หรือ มีแขกของโรงแรมหรู หรือร้านอาหารดีๆแพงๆ อยากจะได้รับบริการที่ดี ทายว่าคนชาติไหน จะได้รับความช่วยเหลือและได้รับความเคารพนบนอบจากคนไทยมากที่สุดคนไทยอยากโอ๋ที่สุด อยากมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือมากที่สุด ระหว่างคนกลุ่มเหล่านี้ 1. ฝรั่งผิวขาว ผมทอง ตาสีฟ้า ตัวสูงใหญ่ ชาวสแกนดิเนเวีย ชาวอังกฤษ ชาวฝรั่งเศส ชาวออสเตรเลีย 2. คนเชียด้วยกันยังแยกได้อีกว่า เป็น_ 2.1 คนญี่ปุ่นผิวขาวแต่งตัวดีๆ ดูมีอันจะกิน 2.2 คนจีนใต้หวัน จีนฮ่องกง จีนสิงคโปร์ คนเกาหลี 2.3 คนจีนแผ่นดินใหญ่ 2.4 คนอินเดีย คนศรีลังกา ผิวดำคล้ำ หน้าเข้ม 2.5 คนในกลุ่มอาเซี่ยนด้วยกัน 3. คนแขกขาวตะวันออกกลาง หรือคนจากประเทศทางแถบอาฟริกาเหนือ เช่น ตูนิเซีย อัลจีเรีย คนโมร็อคโค 4. คนผิวดำผิวสีจากประเทศทางแถบอาฟริกา 5. นอกนั้นก็คนจากแถบละตินอเมริกา จากแถบหมู่เกาะทะเลใต้แถบโพลีนีเชีย แถบแคริบเบี้ยน //ขอแบ่งกลุ่มคร่าวๆ แบบไม่ลงรายละเอียดลึก เพราะคนไทยส่วนใหญ่ที่ไม่คุ้นเคยกับต่างชาติ มักจะแยกไม่ออก ว่าฝรั่งคนไหนเป็นคนชาติอะไร อาศัยอยู่ในประเทศของตัวเองหรือนอกประเทศ หรือคนหน้าแขก แต่้ป็นแขกศรีลังกา แขกอินเดียจากส่วนไหนของประเทศวรรณะไหน หรือคนไทยบางคนแยกคนเกาหลีกับญี่ปุ่นไม่ออก แยกคนสิงคโปร์กับฮ่องกง ใต้หวัน จีนแผ่นดินใหญ่ไม่ออก และแยกคนอาเซี่ยนด้วยกันไม่ออก แต่จะแยกจากสีผิว และรูปลักษณ์ภายนอกโดยคร่าวๆมองแบบผิวเผินเอาไว้ก่อน แล้วเชื่อไหมหล่ะ ว่าคนไทยส่วนใหญ่อยากจะเลือกเป็นมิตรกับฝรั่งผิวขาว และ คนญี่ปุ่นมากกว่า เพราะผิวขาวสะอาด ดูรวย ที่สำคัญมาจากประเทศร่ำรวย จากคุณ : Been there, done that! เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 55 23:37:26 A:218.186.10.230 X: TicketID:357481

ความคิดเห็นที่ 6 เห็นด้วยกับความคิดเห็น 1, 2, 4 สั้นๆ แต่ชัดเจนได้ใจความดี ขำความคิดเห็นที่ 4 และอยากบอกว่าคนต่างชาติที่เขารู้จักคนไทยเป็นอย่างดี รู้จักการแสดงออกทางสีหน้าท่าทางของคนไทย เขารู้นะคุณ คห. 4 ว่ายิ้มของคนไทยแบบไหนมีความหมายว่าอย่างไรบ้างหน่ะจ่ะ หรือคนที่ไม่รู้จักคนไทยดีและมาจากประเทศที่ผู้คนค่อนข้างซีเรียสและอนุรักษ์นิยม หรือผ่านความยากลำบากมามาก ผ่านสงครามมามาก เขาจะไม่ค่อยยิ้มกัน และถึงจะยิ้มก็ยิ้มไม่สวยเหมือนคนไทยยิ้ม เช่น คนสิงคโปร์ คนรัสเซีย คนเวียตนาม เป็นต้น เขาจะ งง ว่ายิ้มอะไรกันนักหนา โดยเฉพาะคนรัสเซียหน้าจะเรียบเฉย หน้าตายมาก ส่วนคนสิงคโปร์ส่วนใหญ่จะหน้าบึ้ง หรือไม่ก็หน้าตาออกแนวเนิร์ดๆ คนเวียตนามก็หน้าตาจริงจังไม่ขี้เล่นเพราะชอบทำมาหากินและศึกษาเล่าเรียน จากคุณ : Been there, done that! เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 55 23:45:19 A:218.186.10.230 X: TicketID:357481

ความคิดเห็นที่ 7 อยากให้กิฟ คุณ Been there, done that! จากคุณ : swedishNO.1 เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 55 23:50:03

ความคิดเห็นที่ 8 เคยอ่านบทความเกี่ยวกับประเทศไทยและคนไทยหลายๆบทความ เขาเขียนคล้ายๆกันว่า... คนไทย nice และคนไทยจะยิ้มให้ก็ต่อเมื่อคนอื่น(ชาวต่างชาติ)ยิ้มให้ก่อน... จากคุณ : BlackmagicW เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 55 00:33:19

ความคิดเห็นที่ 9 เยอรมัน นี่นะหยาบคาย????? จากคุณ : blackbillaz เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 55 02:45:07

ความคิดเห็นที่ 10 คุยต่อ_สหราชอาณาจักรที่ติดอันดับหยาบคาย คิดว่านักท่องเที่ยวคงไปเจอชาวต่างชาติที่อยู่อาศัยที่ทำงานอยู่ ในอังกฤษมากกว่า หลักๆ นักท่องเที่ยวก็มักจะไปเที่ยวลอนดอน ไปกิน ไปดื่ม ไปดูละคร ไปดูกีฬา ไปช้อปปิ้ง ในย่านท่องเที่ยวของลอนดอนพนักงานตามห้างร้านภัตตาคารต่างๆ หาคนอังกฤษแท้ๆ ยาก เพราะคนต่างชาติ จากประเทศในกลุ่มอียู จากเอเชีย จากประเทศกลุ่มอดีตอาณานิคม เข้าไปทำงานกันมาก โดยปกติแล้วคนอังกฤษอาจจะขี้อาย ปากจัด ชอบพูดจากตลกร้ายเสียดสี ตลกแบบที่ต้องเอาไปแปลก่อนถึงจะนึกได้ ว่าตลกหรือถึงจะนึกขึ้นได้ว่าโดนเขาเหน็บเข้าให้แล้ว แต่โดยทั่วๆไปคนอังกฤษที่ได้รับการอบรมมาดีจะเป็นคนมีมารยาท ถึงผู้หญิงที่นั่นจะขี้นินทาขี้อิจฉา แต่ก็ขี้อิจฉาแบบที่คนไทยสามารถดูออกได้ง่ายเพราะไม่เนียนไม่เหมือนคนเอเชียทำ แต่โดยทั่วๆไปแล้วคนอังกฤษแท้ๆ (ที่หมายถึงฝรั่ง ที่เกิดที่นั่นและอยู่กันมาหลายชั่วอายุคน) โดยเฉพาะคนที่อยู่ตามเมืองเล็กๆ อยู่ตามฟาร์มต่างๆ คนในชนบท หรือคนมณฑลไกลๆ จะมีน้ำใจ ฝรั่งเศสคนส่วนใหญ่คงตัดสินจากปารีส เพราะคนปารีสมากมายเย่อหยิ่ง ไม่ค่อยบริการไม่สนใจ ไม่อยากพูดภาษาอังกฤษ หรือพูดได้แต่ไม่ยอมพูด แต่คนดีๆในปารีสก็มีแต่น้อย พวกบริกรในปารีสส่วนใหญ่ดุและหยาบคายโดยเฉพาะตามย่าน ท่องเที่ยว แต่นอกๆ ปารีสออกไปโดยเฉพาะแถบทางใต้คนก็เป็นมิตรดี เป็นชาวบ้าน และส่วนใหญ่แล้ว คนฝรั่งเศสที่ไม่ใช่คนปารีสจะมีน้ำใจกว่า ส่วนตัวแล้วไม่ชอบคนสเปนเย่อหยิ่ง แบ่งชั้นวรรณะ หยาบคาย จากประสบการณ์ส่วนตัวอาจจะยังโชคไม่ดี ยังไม่เคยเจอ คนสเปนนิสัยดีๆเลย คนโปรตุเกสโอเค ด้วยความที่ประเทศเล็ก ประเทศยากจน เท่าที่เคยพบมีปะปนกันไป บางคนก็เย่อหยิ่ง บางคนก็ได้รับการอบรมมาดี แต่ความเห็นส่วนตัวคือคนสเปนและโปรตุเกสค่อนข้างเป็นทางการ ไม่รีแล็กซ์ ไม่ทำตัวตามสบาย แต่ชอบคนโปรตุเกสอย่างนึง คนโปรตุเกสชอบคนไทย และ มักจะทราบเกี่ยวกับความสัมพันธ์ อันยาวนานของทั้งสองประเทศ และทราบว่าขนมไทยมากมายมีต้นกำเนิดมาจากขนมของเขา ใครที่อยู่โปรตุเกส ช่วยรบกวนบอกเราด้วยว่า คนโปรตุเกสชอบกินมะขามหวานจากเมืองไทยเหรอ ตอนไปเห็นวางขายตามร้านเยอะมาก ไม่น่าจะเอาไว้ขายคนไทยที่อยู่ในโปรตุเกสอย่างเดียว เพราะคนไทยที่นั่น มีไม่มาก แต่เคยเห็นมะขามหวานวางขายในกรุงลิสบอนเยอะเหลือเกิน เท่าที่เคยเจอมาในประเทศเขาเอง เราไม่คิดว่าคนรัสเซีย คนตุรกี Rude นะ คนรัสเซียเราว่าออกแนวซื่อๆ น่าสงสารด้วยซ้ำไป แต่เขาจะนิ่งมากๆ หน้าตาไร้ความรู้สึกมากๆ อันนี้กระมังที่ทำให้นีกท่องเที่ยวคิดว่าเขาหยาบคาย คนตุรกีเท่าที่เจอก็เป็นมิตรดี แต่ก็ต้องระวัง เพราะเป็นเมืองของพ่อค้า คุยกับคนที่นั่นสนุก เขาไม่ทำร้าย ไม่มีอันตราย แต่ต้องรู้จักคุยรู้จักลูกล่อลูกชนและรู้จักการปฏิเสธ และผู้ชายที่นั่นหน้าตาดี แต่กรุ้มกริ่ม ถ้าเป็นผู้หญิงต้องระวัง ถ้าสาวโสดจะไปเที่ยวคนเดียวให้หาแหวนใส่นิ้วนางข้างซ้ายไปด้วย ใครจะมาเกี้ยวพาลวนลามให้บอกไปเลยว่ามีสามีแล้วแล้วเขาจะไม่มายุ่งด้วย ในลิสต์ข้างบนเห็นด้วยสองประเทศที่ว่า Rude คือฝรั่งเศสกับสเปน นอกนั้นเฉยๆ แม้แต่จีนแผ่นดินใหญ่ ไม่คิดว่าเขา Rude แต่เป็นที่กิริยาท่าทางและภาษาของเขามากกว่า และคนส่วนใหญ่ไม่พูดภาษาอังกฤษ ส่วนพวกที่ Rude คือพวกคนเมืองทำงานดีๆหรือพวกลูกคนมีเงินเย่อหยิ่ง ส่วนลูกจ้างตามร้านขายของ คนตามตลาดน่าสงสารมากกว่า เพราะเขาทำงานหนัก รายได้น้อย และคนจนตามเมืองใหญ่ๆ ของจีน มักจะอพยพมาจากเขตยากจนในมณฑลจนๆ คนโปแลนด์เท่าที่เจอมาก็นิสัยดี ออกแนวซื่อๆ ทำงานหนัก เจียมตัว คนเยอรมันก็ทื่อๆ ไปเยอรมันไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่นัก เคยเจอพวกเหยียดผิว และเคยเจอคนติดยา เดินตามตอนไปเดินเที่ยวคนเดียวในเมืองๆ หนึ่ง แต่ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร เพราะระวังตัวอยู่และเดินเข้าโรงแรม ที่ใกล้ที่สุด แจ้งพนักงานต้อนรับ เขาก็ให้อยู่ในล้อบบี้และช่วยดูให้ว่าคนติดยาไปแล้วถึงออกเดินต่อไป คนฟิลิปปินส์ไม่แปลกใจที่ติดโผคนของประเทศที่เป็นมิตรกัยนักท่องเที่ยว เพราะการต้อนรับนักท่องเที่ยว และงานทางด้านการบริการคนปินอย ทำได้ดีมาก และเขามีเสน่ห์มีพรสวรรค์ทางด้านงานบริการ และงาน เอนเตอร์เทนมากๆ นิสัยรักสนุก ร่าเริง ชอบร้องรำทำเพลง พูดภาษาอังกฤษเก่ง (แต่มักจะติดสำเนียงปินอย) แต่เขามาแนวฝรั่ง ไม่ใช่แนวเอเชียอ่อนหวานละเมียดละมัยแบบคนไทย ส่วนประเทศและคนของประเทศที่เป็นมิตรกับนักท่องเที่ยว ที่ประหลาดใจมากที่ไม่ติดโผคือ ญี่ปุ่น จากคุณ : Been there, done that! เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 55 03:42:59 A:218.186.10.230 X: TicketID:357481

ความคิดเห็นที่ 11 ท่านเจ้าของกระทู้ไม่ต้องมาให้กีบเรา เราไม่อยากได้ แค่อยากมาแชร์ความคิดเห็นเท่านั้น แล้วท่านเจ้าของกระทู้หล่ะมีความคิดเห็นอย่างไรกับกระทู้ที่ตนเองตั้งถามผู้อื่น กรุณาแชร์ด้วย จากคุณ : Been there, done that! เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 55 03:44:42 A:218.186.10.230 X: TicketID:357481

ความคิดเห็นที่ 12 มีคำเก่าๆของไทย "ใครมาถึงเรือนชานต้องต้อนรับให้ดีเลิศ ให้เพลินเพลิดกายากว่าจะกลับ" ............ ขอคารวะคุณ : Been there, done that! แสดงว่านอกจาก Been there, done that!แล้วยังเป็นคนที่ช่างสังเกตมาก ผมไม่แย้งอะไรสักอย่างในหลายๆประเทศที่พูดถึง และเพิ่งทราบถึงลักษณะของคนอังกฤษด้วย และผมขอเพิ่มเติมเกี่ยวกับคนอังกฤษอีกนิดหนึ่งว่า คนอังกฤษค่อนข้างมัธยัสถ์มากๆ ช่างเก็บช่างสะสมถี่ถ้วน และเป็นแบบนี้มานานแล้ว ผมค่อนข้างอคติกับคนอังกฤษตั้งแต่ตมถามผมเกินกว่าเหตุตอนเข้าเมือง คนอาฟริกาดำหาได้ยากที่จะไม่หลอกลวง เขาถือเป็นธรรมเนียมของคนฉลาด ยกเว้นพวกเอธิโอเปียที่เป็นผู้เป็นคนกว่าเพื่อน ผมรู้จักคนอาฟริกาที่อเมริกามากมาย ใครคบพึงระวัง กรุณาพูดถึงคนเกาหลีให้ฟังหน่อยซิครับ จากคุณ : อิสวาสุ เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 55 04:24:06 A:98.231.188.19 X: TicketID:105627

ความคิดเห็นที่ 13 เห็นบัตรเข้ามาตอบ คุณอิสวาสุ แล้วดีใจ  ชอบเวลาแกมาตอบ ได้ความรู้ดีค่ะ จากคุณ : เมืองโบราณ เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 55 10:57:19

ความคิดเห็นที่ 14 ฝรั่งชอบคนไทยเพราะ 1. มารยาทดี เคารพผู้ใหญ่ นิสัยดี บริการดี (รวมประเทศ ลาว เขมร ด้วยครับ) 2.คนไทยไม่ชอบถามประวัติ อายุ เรื่องส่วนตัวของเขา คนไทยชอบตอบคำถามมากกว่า จากคุณ : greeram (greeram) เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 55 11:02:35

ความคิดเห็นที่ 15 ขอขอบพระคุณท่านคห.12 คุณอิสวาสุ_และขออนุญาตคุณสวีเดนเบอร์ 1 เจ้าของกระทู้เข้ามาสนทนากับท่าน'วาสุ ท่าน'วาสุจะกรุณาแชร์ได้ไหมว่า ต.ม. อังกฤษนั้นเขาซักถามท่านเกินเหตุอย่างไร_ส่วนตัวเราเห็นว่า ต.ม. อังกฤษนั้น เป็นมิตรกับนักท่องเที่ยว ทำงานตามหน้าที่ คำถามแต่ละคำถามที่เขาถามนั้นถึงจะเป็นคำถามง่ายๆ ให้คนเดินทาง ตอบกลับง่ายๆ เช่นมากี่วัน มาทำอะไร จะกลับเมื่อไหร่ พักที่ไหน มีคนรู้จักอยู่ที่อังกฤษไหม มาเรียนอะไร เรีบนนานแค่ไหน คำถามง่ายๆเหล่านี้ที่ให้ตอบง่ายๆ แต่ ต.ม. อังกฤษจะสังเกตสีหน้า ท่าทาง น้ำเสียง ของผู้ตอบ อย่างละเอียดถี่ถ้วน ถ้า ต.ม. หน้าเคาน์เตอร์ ถามนานเกินไป หรือพลิกดูพาสปอร์ตนานผิดปกติ ซุปเปอร์ไวเซอร์ ที่อยู่ในห้องดูจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิดจะเดินออกมาสมทบทันที หรือหากมีอะไรผิดปกติ ต.ม. อังกฤษ ที่หน้าเคาน์เตอร์จะโทรไปเรียก ต.ม. อื่นมาเสริมทันที_หากท่านตอบคำถามด้วยความมั่นใจ หากเขาไร้ข้อกังขาใดๆ ในตัวท่าน เขาก็แสตมป์ให้เข้าประเทศได้ง่ายๆ และ กล่าวต้อนรับเข้าประเทศเขา_ข้าพเจ้าตอบจากประสบการณ์ใน การเข้าประเทศอังกฤษหลายสิบครั้งจากหลายด่านที่สนามบินและทางรถไฟยูโรสตาร์_ส่วนใหญ่แล้วผู้โดยสารที่จะทำให้ ต.ม.อังกฤษสงสัย และซักถามมากเป็นพิเศษคือคนเอเชียทั่วๆ ไปจากจีนแผ่นดินใหญ่และประเทศในเอเชียตะวัน ออกเฉียงใต้ และถ้าาหากว่าพูดภาษาอังกฤษไม่คล่องเลยแต่เดินทางคนเดียวจะถูกเพ่งเล็งเป็นพิเศษ เรื่องคนดำคนสีผิวจากอาฟริกา เห็นด้วยกับท่าน'วาสุ ว่าหายากที่จะไม่หลอก ในกรุงเทพฯมีคนเหล่านี้เยอะมาก มักจะอาศัยอยู่ตามย่านบางรัก ประตูน้ำใกล้ตึกใบหยก สุขุมวิท และหัวหมาก_ส่วนใหญ่ชอบบอกว่า เป็นนักฟุตบอลมาค้าแข้ง (งานหลักค้าแข้ง งานรองค้าอย่างอื่น) คนดำจากอาฟริกาในเมืองไทยบางคนเกิดที่เมืองไทย อยู่เมืองไทยมาตั้งแต่เกิด ไปโรงเรียนไทย และพูดไทยได้เหมือนคนไทย 100% เคยเห็นกับตาตนเองว่า มีแม่ชาวอาฟริกันตัวโตๆ แต่งตัวแบบหญิงชาวอฟริกันคือใส่ชุดแส็คหลวมๆแบบมูมู่มีผ้าโพกผม กำลังจูงลูกมือหนึ่ง อีกมือหนึ่งหิ้วกระเป๋านักเรียนแบบของนักเรียนไทยให้ลูก ยืนรอรถเมล์อยู่ที่ป้ายรถเมล์ในกรุงเทพฯ เด็กอาฟริกันคนนั้นอายุคงราวๆสัก 6-7 ขวบ แต่ที่น่าสนใจคือเด็กใส่เครื่องแบบนักเรียนประถมของไทย กางเกงขาสั้นสีกากี_เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจ ว่าทาง ต.ม. ไทยปล่อยให้คนพวกนี้เข้ามาใช้ชีวิตแบบคนไทย ในประเทศไทยได้อย่างไรกัน เราไม่ชอบมีอคติกับคนดำคนผิวสี ส่วนใหญ่เราจะคุยด้วย และสามารถแยกแยะออกว่าเขาเป็นคนดำจากประเทศยากจน ในอาฟริกา หรือเป็นคนดำที่มีการศึกษาสูง ทำงานดีๆ หรือทำงานในระดับผู้บริหาร คนไหนเป็นคนดำจากอังกฤษ อเมริกา ฝรั่งเศส เท่าที่เคยพบคนดำจากอาฟริกา ส่วนตัวคิดว่าคนเคนย่า ค่อนข้างมีวัฒนธรรมกว่าคนดำอื่นๆของ ประเทศในแถบนั้น โดยเฉพาะคนเคนย่าที่มีการศึกษาและมาจากเผ่าคิคูยูซึ่งเป็นคนวรรณะสูงของที่นั่น ส่วนคนเอธิโอเปียเราไม่เคยรู้จัก จึงจะขอให้ท่าน'วาสุช่วยแชร์ว่าเพราะเหตุใดท่านจึงคิดว่าคนเอธิโอเปียเป็นผู้เป็นคนที่สุด ทีนี้มาถึงเกาหลีที่ท่านขอมา จะขอกล่าวถึงเกาหลีใต้เท่านั้น และขอแบ่งเป็นคนเกาหลีใต้ 3 พวกเท่าที่เคยประสบมา 1. คนเกาหลีใต้จากอเมริกา เกิดศึกษาเติบโตที่อเมริกามีสัญชาติอเมริกัน เคยทำงานกับคนเกาหลีใต้ที่เป็นอเมริกัน เขาเหมือนฝรั่งอเมริกันที่มีการศึกษาทั่วๆไป แต่ก็เล่าให้เราฟังว่าพ่อแม่ก็เข้มงวดแบบชาวเอเชีย คือโตมาทั้งแบบ เกาหลีและอเมริกัน คนที่เราเจอทำงานเก่ง เอาจริงเอาจัง เป็นคนมีคุณภาพและมีทั้งความเป็นตะวันตกตะวันออก อยู่ในคนๆเดียวกัน 2. คนเกาหลีใต้ที่ประเทศเกาหลีใต้ เราแค่ผ่านไปกินไปเที่ยวไปเดินเล่นที่เมืองหลวงของเขาในระยะเวลาไม่กี่วัน ก็เห็นว่าคนเมืองของเขาแต่งตัวกันทันสมัยมาก แต่งตัวเหมือนฝรั่งที่ทันสมัยช่างแต่งตัวที่อาศัยอยู่ตามเมืองหลักๆของโลก ส่วนคนจนก็จนทำงานขายของกินข้างถนน วัยรุ่นที่นั่นและคนในวัยทำงานค่อนข้างวัตถุนิยม เวลาหนุ่มวัยรุ่นที่นั่นจะไปหา สาวหรือไปเจอแฟนจะเห็นว่าเขาถือกระเข้าแบบกระเช้าของขวัญปีใหม่ที่เมืองไทย ข้างในจำไม่ได้แล้วว่ามีอะไรบ้าง แต่ที่แน่ๆ เห็นว่ามีตุ๊กตาหมีด้วย แต่ก็เคยเห็นหลายปีมาแล้ว จึงไม่ทราบว่าในปัจจุบันนี้ยังมีอยู่อีกหรือเปล่า กำลังจะกลับไปเกาหลีใต้อีกเร็วๆนี้จะไปสังเกตอีก 3. คนเกาหลีใต้ในประเทศไทย ซึ่งเข้ามาอาศัยอยู่มาทำงานอยู่ในประเทศไทยมากมาย คนที่เคยเจอหลายๆคนอยู่เมืองไทยมาเป็นสิบๆ ปี หรือหลายสิบปีขึ้นไป สามารถฟัง พูด อ่าน เขียน ภาษาไทยได้ เหมือนคนไทย และทำงานให้กับชุมชนเกาหลีใต้ในประเทศไทยในด้านต่างๆ หรือบางคนก็เป็นพวกนักเรียนโรงเรียนอินเตอร์ ทั้งนี้คนเกาหลีใต้ในข้อ 2 และ 3 มักจะยกย่องคนที่พูดภาษาอังกฤษได้และพูดเก่ง คือคล้ายๆกับว่า ถ้าเจอกันธรรมดาเขาอาจจะไม่สนใจคุณ แต่ถ้าหากคุณพูดภาษาอังกฤษได้เขาจะเพิ่มค่าให้คุณมากขึ้นไปอีก หรือคนเกาหลีใต้ที่พูดภาษาอังกฤษได้หรือเคยไปเรียนเมืองนอกมาก่อน ก็จะมีสถานะสูงกว่าคนที่ไม่เคยหรือ พูดไม่ได้ และอีกสิ่งที่สังเกตเกี่ยวกับคนเกาหลีใต้คือ ผู้หญิงส่วนใหญ่ขี้อิจฉามากๆ โดยเฉพาะเรื่องแต่งหน้า แต่งตัว และเขามักจะชอบใช้ของตามแฟชั่นเหมือนๆกัน ส่วนผู้ชายเกาหลีใต้เคร่งเครียด ดุ ตึงมาก ไม่มีหย่อน นับถือระบบอาวุโสมากๆ ผู้ชายเกาหลีใต้ค่อนข้างเกรี้ยวกราด (ส่วนน้อยที่อารมณ์ดีๆก็มี แต่ส่วนใหญ่จะเกรี้ยวกราด หน้าตาเคร่งขรึมมาก) คนเกาหลีของแท้ไม่ว่าหญิงหรือชาย หน้าตาจะต้องคล้ายก้อนเต้าหู้ขาว มู่ตู้ หัวโตๆ ถ้าหน้าเรียว จมูกแหลมสวย หน้ารูปไข่ได้รูป ขอให้สันนิษฐานไว้ก่อนได้เลยว่าได้ผ่านการโมดิฟายภายใต้มีดหรือเข็มของหมอศัลยกรรมมาแล้ว ผู้หญิงเกาหลีใต้ส่วนใหญ่ชอบลงรองพื้นที่หน้าหนาๆสีออกเหลืองๆ และทาปากให้เด่น //แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับท่านอิสวาสุ จากคุณ : Been there, done that! เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 55 11:08:21 A:218.186.10.230 X: TicketID:357481

ความคิดเห็นที่ 16 _ก้อนเต้าหู้ขาวที่เปรียบถึงคนเกาหลีหน้าตาเกาหลีแท้ๆ ที่ยังไม่ผ่านการโมดิฟายจากหมอศัลยกรรมหน่ะนะท่าน ขอให้นึกถึงก้อนเต้าหู้ขาวแบบเต้าหู้สดก้อนแข็งๆ ที่เวลาจะซื้อจากตลาดสดแม่ค้าเขาจะแช่น้ำเอาไว้ ตัดวางบนใบตอง ไม่ใช่เต้าหู้ไข่ไม่ใช่เต้าหู้ขาวแบบหลอดๆ ไม่ใช่เต้าหู้อ่อนนะ แต่เป็นเต้าหู้แข็ง ที่ภาษาฮกเกี้ยนเขาเรียกว่า "เต้า กัว" แต่ถ้าเกาหลีที่ผ่านการโมดิฟายแล้วและชอบพอกรองพื้น (Liquid Foundation) หนาๆ โทนสีออกเหลืองๆ อันนี้ขอให้จินตนาการได้เลยว่า้ป็นเต้าหู้อ่อน และสีจะเหลืองๆ นวลๆ คล้ายเต้าหู้ไข่ จากคุณ : Been there, done that! เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 55 11:44:26 A:218.186.10.230 X: TicketID:357481

ความคิดเห็นที่ 17 ก่อนอื่น ผมไม่มีอคติกับคนผิวดำโดยทั่วไปหรือเพราะสีผิวนะครับ ผมอยู่อเมริกาเป็นส่วนใหญ่การติดต่ิอกับคนผิวดำถือเป็นปกติ คนดำที่คนทั่วไปมักจะกลัวและรังเกียจมักจะเป็นพวกที่เราไม่ค่อยได้ใกล้ชิดเสียมากกว่า ไม่มีการศึกษาและจนจึงอาจจะทำให้เดือดร้อนได้ ส่วนคนอาฟริกาในอเมริกาที่ผมรู้จักแม้จะมีการศึกษาส่วนใหญ่แล้วคิดแต่จะหลอกลวงเพราะเขาถือว่าการได้มาแบบนั้นเป็นเรื่องของคนฉลาด ผมถูกคนอาฟริกาเบี้ยวมาหลายหนแล้วแต่ไม่มากเงิน สำหรับตมอังกฤษนั้นนานมาแล้ว ผมจำแน่นอนไม่ได้เลยมีอคตืมาตลอด อีกอย่างหนึ่งอาจจะเป็นเพราะผมรู้สึกไม่แคร์ก็ได้ ผมว่าคนอังกฤษขี้เหนียวทิปผมไปอังกฤษจึงให้ทิปน้อยกว่าให้ที่อเมริกา เล่าให้ฟังความรู้สึกจริงๆซึ่งอาจจะไม่ค่อยสวยหรือยุติธรรมนัก คนเกาหลีที่คุณสังเกตผมเห็นด้วยมากเหมือนกัน คำว่า"ผู้ชายเป็นช้างเท้าหน้า"(male chauvinist?)ใช้ได้ดีมากในเกาหลี อีกอย่างเขาจะลงทุนและเอาใจใส่มากเกี่ยวกับการศึกษาของลูกและผลที่ตามมามักจะเห็นได้ชัด จากคุณ : อิสวาสุ เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 55 15:05:02 A:98.231.188.19 X: TicketID:105627

ความคิดเห็นที่ 18 ขอขอบคุณท่านอิสวาสุที่กรุณากลับมาแชร์ความคิดเห็น และรับทราบความคิดเห็นของท่านเกี่ยวกับคนดำคนผิวสี เราเห็นด้วยกับท่านอย่างมากที่บอกว่าการได้มาด้วยเล่ห์กลหรือความหลอกลวงสำหรับคนบางชาติแล้วนั้น เขาถือว่าฉลาด คนดำหลายๆคนเป็นแบบนั้นจริงๆ คนตุรกีบางคน คนอินเดียบางคน คนจีนบางคน คนอินโดนีเซียบางคน ฝรั่งบางคนก็เป็นแบบที่ว่านั้น ที่เคยประสบมาเอง ส่วนใหญ่เราจะทันเขาเพราะเราเป็นคนไทย แต่จะไม่กระโตกกระตากพยายามมองเขาด้วยความเมตตาก่อน แต่จะหม่เพลี่ยงพล้ำ ไม่เปิดโอกาสให้เขาหลอก เพราะปกติไม่ได้ทำการค้ากับคนพวกนี้ แค่ไปเจอตามสถานที่ท่องเที่ยว เจอที่ประเทศเขา หรือเจอที่เมืองไทย ส่วนใหญ่จะชอบดูทริคของเขา ดูพฤติกรรมของเขาแล้วเอาไว้เรียนรู้ เหมือนทริคเล่ห์กลการขายพรหมของแขกตุรกี ในอิสตันบูลที่เคยเล่าให้ท่านฟังในกระทู้หนึ่ง ท่านบอกว่าคนอังกฤษขี้เหนียว เห็นด้วย แต่ไม่ใช่คนอังกฤษทุกคนจะขี้เหนียวไปซะหมด หลายๆคนเขาชอบที่จะรู้จัก ใช้เงินให้คุ้ม คนอังกฤษที่มีเงินรวยๆ แล้วขี้เหนียวมากๆมีจริงคนพวกนี้ไม่แบ่งให้คนอื่นและชอบเอาเปรียบด้วย อันนี้จากประสบการณ์ที่เจอมาเอง และคนอังกฤษหลายๆคนเก็บเงินเก่ง ซึ่งส่วนใหญ่เงินของคนอังกฤษมักจะหมดไปกับการ ซื้ออสังหาริมทรัพย์ การตกแต่งอสังหาริมทรัพย์ และการซื้อแพ็คเกจทัวร์ท่องเที่ยวหรือซื้อแพ็คเกจเที่ยวเรือสำราญ หรือเอาเงินไปซื้อหุ้น ลงทุนผ่านที่ปรึกษาทางด้านการเงิน คนอังกฤษหน่ะท่านหลักๆ ไม่มีอะไรมากหรอก เช่นคุยเรื่องดินฟ้าอากาศอันนี้จะเป็นส่วนสำคัญของการสนทนาประโยคแรกๆ ชอบคุยเรื่องอสังหาริมทรัพย์ เรื่องการตกแต่งบ้าน คุยเรื่องการไปเที่ยวสเปน ตุรกี กรีก อเมริกา หรือมาเอเชีย ไปออสเตรเลีย ไปแถบแคริบเบี้ยน หรือแถบอาฟริกา ชีวิตโดยทั่วๆ ไปก็จะเป็นเรื่องลูก เรื่องตกแต่งสวนดอกไม้หน้าบ้าน หลังบ้าน เรื่องการทำสวนครัว เรื่องการใช้เวลาในโรงเก็บรถหน้าบ้าน_อันนี้หมายถึงครอบครัวชนชั้นแรงงานและคนชั้นกลาง ทั่วๆ ไป เรื่องนักท่องเที่ยวไปอังกฤษแล้วเจอคนหยาบคาย อันนี้เราขอยืนยันว่าจริง โดยเฉพาะที่ลอนดอนและที่สนามบินต่างๆ ในลอนดอน แต่จากประสบการณ์คนพวกนั้นไม่ใช่คนอังกฤษหน่ะท่าน แต่เป็นคนต่างชาติจากกลุ่มประเทศต่างๆ ดังที่กล่าวมาแล้วในความคิดเห็นของตนเองอันที่ 10 ปัญหาอีกอย่างหนึ่งที่พบจากประสบการณ์ของนักท่องเที่ยวอย่างเราเวลาไปลอนดอน หรือเวลาที่ไปใช้บริการ ตามร้านค้าที่สนามบินต่างๆ ในลอนดอนคือ ผู้คนตามร้านขายของ ร้านอาหาร ร้านทำผม บางคนสื่อสารภาษาอังกฤษแทบจะไม่ได้เลย และบางคนหยาบคายกับนักท่องเที่ยวมากๆ อ้อท่าน แล้วที่บอกว่าคนอังกฤษเก็บเงินเก่งหน่ะ คือหลายๆคนเขาจะมีความสามารถทางด้านการเงินการธนาคาร ทางด้านการลงทุนให้เงินงอกเงย ทั้งในด้านการทำงานและการบริหารเงินส่วนตัว แต่คนอังกฤษที่ใช้เงินเกินตัว และไม่มีเงินเก็บเงินลงทุนเลยก็มีมาก หลายๆ คนเป็นหนี้ธนาคาร หนี้หลักๆของคนอังกฤษคือการผ่อนบ้าน แล้วที่ว่าคนอังกฤษนิยมเที่ยวต่างประเทศ เพราะในประเทศอังกฤษผู้คนนิยมกันแพร่หลายมาก กับการซื้อแพ็คเกจทัวร์ แพ็คเกจพวกนี้ ท่านสามารถจองข้ามกันหลายๆ เดือนหรือข้ามปีได้ หรือสามารถผ่อนล่วงหน้าหลายๆ เดือนได้ และแพ็คเกจทัวร์ในอังกฤษนั้นเขาขายกันถูกมากๆ ถูกอย่างไม่น่าเชื่อ เช่น ท่านสามารถ ไปเที่ยวเมืองดูไบ พักโรงแรม 5 ดาวได้ 3 คืน ราคารวมตั๋วเครื่องบินไป-กลับระหว่างอังกฤษ-ดูไบ ประมาณ 580 ปอนด์ (ประมาณ 29,000 บาท หรือ 970 ยูเอสดอลล่าร์ หรือ 725 ยูโร) หรือ ถ้าอยากจะไปช้อปปิ้งที่นิวยอร์คก่อนคริสต์มาส ราคาค่าโรงแรมระดับ 3 ดาวรวมค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับ อยู่ที่ราวๆ 300 ปอนด์เท่านั้น (15,000 บาท หรือ 500 ยูเอสดอลล่าร์ หรือ 375 ยูโร) ท่านไม่ต้องเป็นคนมีอันจะกินก็สามารถเดินทางได้เรื่อยๆ ทำงานเก็บเงิน หรือใช้เครดิตการ์ดจ่ายก่อนผ่อนทีหลังก็ได้ ถ้าท่านอยากจะดูว่าถูกจริงๆ และถูกแค่ไหน ขอให้เข้าไปในกูเกิ้ล พิมพ์ว่า cheap package tour from uk หรือ cheap holiday from uk ดูก็ได้ หรือตามหนังสือพิมพ์ ในอังกฤษโดยเฉพาะหน้าโฆษนาจะมีอยู่วันหนึ่งหรือสองวันต่อสัปดาห์ จะมีลงโฆษนาแพ็คเกจพวกนี้เยอะมากๆ และเป็นที่นิยมมากในอังกฤษ และทัวร์พวกนี้ หลายๆอันไม่ใช่ไปแบบกรุ๊บ คือไปเองเดินทางเองส่วนตัว แต่ซื้อแพ็คเกจเอง และถ้าเที่ยวในช่วงโลวซีซั่นของประเทศปลายทาง จะยิ่งคุ้มค่ามากๆ เรื่องการศึกษาเท่าที่เห็นครอบครัวเอเชียในประเทศฝรั่งประเทศพัฒนาแล้ว เขาให้ความสำคัญกับการศึกษามากๆ ไม่ใช่แต่เฉพาะคนเกาหลีโพ้นทะเล แต่รวมไปถึงคนอินเดีย จีน ไทย เวียตนาม ฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่นด้วย //มาแชร์กับท่านอิสวาสุกับสิ่งที่ได้ไปพบเห็นและสังเกตจากการเดินทางไปประเทศอื่นและการพบปะคนที่อาศัยอยู่ที่นั่น จากคุณ : Been there, done that! เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 55 16:00:42 A:218.186.10.230 X: TicketID:357481

ความคิดเห็นที่ 19 อ้อ....แล้วชีวิตของคนอังกฤษอีกอย่างหนึ่งที่สำคัญ คือจะผูกพันกับสัตว์เลี้ยงมาก เช่นสุนัข หรือแมว และจะมีกิจกรรมที่สำคัญคือพาสุนัขออกไปเดินเล่น หรือถ้าไม่มีสุนัขให้พาไปเดิน ก็ต้องออกไปเดินเล่นชมนกชมไม้ ย่อยอาหาร เดินออกกำลังกาย จากคุณ : Been there, done that! เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 55 16:03:59 A:218.186.10.230 X: TicketID:357481

ความคิดเห็นที่ 20 อ่านที่คุณ  Been there, done that!  พูดคนเกาหลีกับเต้าหู้ ขำจริงๆ จากคุณ : เมืองโบราณ เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 55 17:19:56

ความคิดเห็นที่ 21 อ่านของคุณ Been there, done that! อย่างเพลิดเพลิน  เคยเจอคนอังกฤษที่สุดแสนจะตระหนี่คนดัชที่แสนจะขี้เหนียว เราเป็นลูกน้องเขาออกไปข้างนอกเรื่องงานถึงเวลาทานข้าวต้องจ่ายใครจ่ายมันนะไม่เคยเลี้ยง เอาหนังแผ่นมาให้ยืมดูวันถัดมาก็ทวงคืน เวลาไม่พอใจชอบสบถ ทำงานอยู่ด้วยไม่นานเพราะหยาบคายและประหยัดไปเสียทุกอย่าง เราคิดว่าคนไทยมีความเป็นมิตร ยิ้มไว้ก่อน อ่อนน้อม ช่างเอาอกเอาใจ และก็คำว่าไม่เป็นไร เดือนที่แล้วได้มีโอกาสต้อนรับลูกค้าโรตารี่ผัวเมียชาวอเมริกันและญี่ปุ่น 8 วัน เขาชอบมากเวลาพาเขาไปเดินตลาดนัดดูวิถีชีวิตชาวบ้าน โดยเฉพาะเวลาเห็นพวกผลไม้ต่างๆ เงาะ มังคุด มะม่วง  บ้านเขาไม่มีอย่างนี้ ถึงมีก็แพงมาก  แม่บ้านที่บริษัทปอกผลไม้เสริฟ น้ำดื่ม กาแฟ และขาดไม่ได้คือข้าวเหนียวมะม่วง วันที่เขากลับเขากล่าวอำลาขอบคุณด้วยน้ำตาที่ดูแลเขาอย่างดี โดยเฉพาะแม่บ้านที่ดูแลเขาเหมือนเจ้าหญิง "ฉันไปมาหลายประเทศ ไม่เคยได้รับการต้อนรับอบอุ่นแบบนี้ ฉันต้องกลับมาหาพวกคุณและเมืองไทยอีก"   เขาเคยไปทำงานที่สิงค์โปร์ ฮ่องกง มาเลย์ คนที่นั่นเย็นชาไม่เป็นมิตรเหมือนคนบ้านเรา ส่วนพวกชั้นก็ดีแต่คอมเพลนแล้วก็mean (อันนี้เขาพูดจริงๆนะ) ก็ดีนะไม่ได้ว่าแต่คนอื่นยังเหน็บแนมประเทศตัวเองด้วย จากคุณ : ThaiSilk เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 55 22:28:05

ความคิดเห็นที่ 22 ขอขอบคุณคุณ ThaiSilk รู้สึกยินดีที่คุณอ่านอย่างเพลิดเพลิน และที่คุณเขียนมาข้างบนนั้น เราเห็นด้วยอย่างมากๆ ทุกประการ (ยกเว้นเรื่องที่ไปทำงานข้างนอกแล้วต่างคนต่างจ่าย_แบบนี้เพิ่งเคยได้ยิน เพราะปกติแล้วคนต่างชาติ ที่ทำงานบริษัทในเมืองไทยมักจะมีงบประมาณในการจับจ่ายในเรื่องพวกนี้อยู่แล้วและมักจะมีเครดิตการ์ดที่บริษัท ทำเอาไว้ให้ เป็นงบประมาณดเานเอ็นเตอร์เทนลูกค้าและลูกน้องเวลาออกไปทำงานข้างนอก แล้วหนังแผ่นให้ยืมวันเดียว ทวงคืน อันนี้เกินไปนะ) ที่เราเห็นด้วยกับคุณเพราะไม่ใช่ว่าต้องตอบแทนที่คุณชอบอ่านของเรา แต่เราเห็นด้วยจริงๆ โดยเฉพาะในเรื่อง ของการไปเดินตลาดท้องถิ่น แล้วไปเจอผลไม้เมืองร้อนของบ้านเราหน่ะ มันเป็นอะไรที่สุดยอดของที่สุดในการรับประทาน ผลไม้แล้วนะคุณ โดยเฉพาะในช่วงกลางมาจนถึงปลายหน้าร้อนมาจนต้นหน้าฝนแบบตอนนี้หน่ะ อย่าว่าแต่ต่างชาติ จะชื่นชมตื่นตาตื่นใจเลย คนไทบอย่างเราก็ตื่นตาตื่นใจ เพราะมันแสดงถึงความอุดมสมยชบูรณ์ของพืชพรรณ และดินที่ดี และนี่ว่าขนาดว่าพื้นที่ๆเป็นเรือกสวนไร่นาของเมืองไทยได้หายไปเป็นบ้านจัดสรรค์ เป็นคอนโด เป็นโรงงานอุสาหกรรม ก็เยอะแล้ว เรายังมีกันเยอะขนาดนี้เลย และมีพอส่งออกไปทั่วโลกด้วย โดยเฉพาะในเดือนพฤษภาคมตลอดทั้งเดือน ถ้าไปเดินตลาด อ.ต.ก. หรือแผนกขายผลไม้ตามห้าง จะเห็นผลไม้ เมืองร้อนละลานตาหลากสีไปหมด สีม่วงมังคุด สีเขียวมะม่วงดิบ สีเหลืองมะม่วงสุก สีเหลืองทุเรียน สีกากีลองกอง สีแดงเงาะ สีแดงลิ้นจี่ สีเหลืองสับปะรด สีเหลืองขนุน สีขุ่นๆ ส้มโอ สีแดงแตงโม เห็นแล้วแทบคลั่งแหน่ะคุณ วันๆกินแต่ผลไม้ ทำอย่างกับพรุ่งนี้โลกจะแตกแล้วไม่มีให้กินอีก (จริงๆนะไม่ได้แกล้งเล่าให้โอเว่อร์ เป็นแบบนี้จริงๆ เพราะไม่ค่อยได้อยู่ประจำ) ประเทศอื่นๆ หน่ะ ถ้าจะหาผลไม้เมืองร้อนแบบเมืองไทยกิน มีเหมือนกันแต่มันไม่อร่อยเหมือนของเมืองไทย เวียตนามก็นำเข้าผลไม้จากไทยเยอะถือเป็นของดีมีราคา ถ้ามีโอกาสไปเวียตนามเช่นที่เมืองโฮจิมินห์ ให้ไปดูได้ ที่ถนนหลังตลาดเบ็นถั่นมาร์เก็ตตรงที่นักท่องเที่ยวชอบไปซื้อของกัน จะมีผลไม้จากเมืองไทยไปขายเยอะ ทุเรียนอินโด ทุเรียนมาเลย์หน่ะ ไม่อร่อยเลย แล้วยิ่งถ้าเจอแบบที่คนสิงคโปร์กับคนมาเลย์ชอบกินคือต้องเละๆ เกือบจะเน่า แถมมีกลิ่นเหม็นเขียว แต่เขาชอบกินกันแบบนั้นจริงๆ มะม่วงฟิลิปปินส์ก็พอรับประทานได้แต่ไม่อร่อยเหมือน มะม่วงไทย ประเทศลาวไปทีไรเจอแต่กล้วยน้ำว้าเป็นหลัก ฮ่าๆๆ เรื่องแม่บ้านประจำตามออฟฟิสตามบริษัทหน่ะคุณ ThaiSilk มีของไทยเท่านั้นแหละที่จะเอาใจและบริการ แขกกันขนาดนี้ และแม่บ้านประจำบริษัทยังปอกผลไม้ เสิร์ฟน้ำชา กาแฟ น้ำผลไม้ และออกไปซื้อของให้ได้ด้วย มีแต่ที่เมืองไทยที่เดียวเท่านั้น ที่ประเทศอื่นหน่ะก็เดินไปชงกาแฟชงชาเองสิ ล้างถ้วยล้างแก้วเอง ออกไปซื้อของเอง เพราะไม่ใช่หน้าที่ของเขา และไม่มีใจรักในงานบริการ พวกคนต่างชาติที่มาทำงานตามบริษัทหน่วยงานต่างๆ ในเมืองไทยหน่ะเขาติดใจกันทั้งนั้น พอย้ายไปประเทศอื่นหรือย้ายกลับบ้านก็เริ่มไม่ชิน เพราะติดใจการบริการ ความสะดวกสบายจากเมืองไทย ถ้าสนใจเราอยากให้คุณเข้าไปอ่านกระทู้นี้นะ เราเข้าไปช่วยแสดงความคิดเห็นเอาไว้ เป็นกระทู้เกี่ยวกับ คนไทยช่วยเหลือชาวต่างชาตินักท่องเที่ยวในเมืองไทย เราไม่ได้เอามาโปรโมทอะไรนะ เพราะเราเข้ามาตอบสนุกๆ แต่ขออนุญาตคุณสวีเดินเบอร์ 1 เจ้าของกระทู้เอากระทู้ข้างล่างนี้มาแชร์ด้วย เพราะเกี่ยวกับเรื่องที่คุยในกระทู้ของคุณ สวีเดนเบอร์ 1 พอดีเลย ว่าแต่คุณเจ้าของกระทู้หายไปไหนเนี่ย ไม่เห็นกลับมาเลย อ้อ แล้วขออนุญาตคุยกับคุณเมืองโบราณด้วย_จริงๆ นะคุณโบ เราเห็นหน้าคนเกาหลีโดยทั่วๆ ไปที่เป็นหน้าจริงๆ แบบเกาหลีของแท้ที่ยังไม่ผ่านการทำศัลยกรรม(ซึ่งเป็นที่นิยมมากในเกาหลีอย่างที่รู้ๆ กัน) เราเห็นหน้าเหลี่ยมๆแบนๆ หัวโตๆ ขาวๆ แล้วเรานึกถึงก้อนเต้าหู้สดแบบแข็งที่เรียกว่า เต้ากัว จริงๆ เพราะก้อนเต้าหู้แบบนั้นจะแบนๆ ขาวๆ เหลี่ยมๆ ส่วนเกาหลีที่ไปเหลาหน้ามาจนเรียวจมูกโด่งแหลม และทาร้องพื้นผิดเบอร์พอกหนาๆ และชอบใช้รองพื้น สีออกโทนเหลือง เปรียบได้กับเต้าหู้ไข่ เพราะเต้าหูไข่เป็นหลอดยาวๆ สีเหลืองนวลๆ ถ้าคุณอยู่เมืองไทยแล้วอยากเห็นผู้หญิงเกาหลีทารองพื้นผิดเบอร์ เวลาเดินมาหน้าจะลอยมาก่อนแต่ไกล สีผิวตรงคอกับหน้าจะเป็นคนละโทนสี มักจะทาปากสีแดงๆเลือดนก ทาหนาๆ เขียนคิ้วหรือสักคิ้วถาวร แล้วชอบใส่เสื้อโปโลยี่ห้อเบอร์เบอร์รี่ลายสก็อตสีครีมของอังกฤษหน่ะ แล้วใส่หมวกแบบหมวกตีกอล์ฟที่มีปีก หมวกหน้าและไม่มีตรงกลางตรงกลางกระหม่อมของหมวกโล่งๆนะ แล้วใส่กางเกงสี่ส่วน ไปดักดูได้เลยแถวโคเรียนทาวน์ หรือ ลิตเติ้ล โคเรีย ตรงปากซอยสุขุมวิท ที่ 14 หรือไปตรงห้างโรบินสันสุขุมวิท ซอยที่ 19 (อยู่เยื้องซอย 14) ไปแถวๆ ร้านแม็คโดนั่ลด์ที่โรบินสัน บริเวณนั้นคนเกาหลีในประเทศไทยเยอะมาก ก่อนออกมาดูคนเกาหลีให้เข้าไปในซุปเปอร์มาร์เก็ตที่ใต้ห้างโรบินสันก่อน ไปดูเต้ากัว และเต้าหู้ไข่ ให้ติดตา แล้วค่อยออกมาดูคนเกาหลี http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E12164351/E12164351.html จากคุณ : Been there, done that! เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 00:40:56 A:218.186.10.230 X: TicketID:357481

ความคิดเห็นที่ 23 คุณ : Been there, done that! ต้องยอมรับว่าคุณเป็นคนช่างสังเกตสุดยอดจริง เหมือนตาที่ผมเห็นและเป็นอย่างนั้นจริงๆตรงกับที่ผมเจอมา ผมอดหัวเราะอันนี้ไม่ได้ครับ "เหมือนทริคเล่ห์กลการขายพรหมของแขกตุรกี" จากคุณ : อิสวาสุ เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 02:09:34 A:98.231.188.19 X: TicketID:105627

ความคิดเห็นที่ 24 ท่าน'วาสุมาบอกใบ้หรือเปล่าท่านว่าเราสะกดคำว่าพรมผิดไป จากคุณ : Been there, done that! เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 08:07:32 A:218.186.10.230 X: TicketID:357481

ความคิดเห็นที่ 25 ไม่ได้บอกใบ้และไม่เห็นว่าผิดจนกระทั่งคุณบอกนี่แหละครับ จากคุณ : อิสวาสุ เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 12:59:28 A:98.231.188.19 X: TicketID:105627

ความคิดเห็นที่ 26 ทัศนคติของคนต่างชาติมองการทำงานของคนไทย เราคว้าตัวฝรั่งมาทั้งหมด 12 คน ซึ่งแต่ละคนโชกโชนกับการทำงานในแวดวงคนไทยไม่ต่ำกว่า 10 ปี เมื่อถามว่าพวกเค้ามีความเห็นอย่างไรกับการทำงานแบบไทยๆ เราก็ได้คำตอบว่า: 1. ทัศนคติต่อการเปลี่ยนแปลง คนไทยมักจะยึดติดกับความเคยชินแบบเดิมๆ เคยทำมาอย่างไรก็จะทำอยู่อย่างนั้น ไม่ค่อยมีความคิดที่จะเปลี่ยนแปลง และถ้าฝรั่งเอาวิธีใหม่ๆ เข้ามาทำให้พวกเขาต้องทำอะไรที่ต่างไปจากเดิม ก็จะถูกมองว่าเป็นการสร้างความรำคาญให้พวกเขา มักจะไม่ค่อยได้รับความร่วมืออย่างเต็มที่หรือไม่ก็ถึงกับถูกต่อต้านก็มี - เจฟฟรีย์ บาร์น 2. การโต้แย้ง เมื่อมีการเจรจา คนไทยจะไม่กล้าโต้แย้งทั้งๆ ที่ตัวเองกำลังเสียเปรียบ ส่วนใหญ่มักจะปล่อยให้อีกฝ่ายเป็นคนคุมเกม บางคนบอกว่ามีนิสัยอย่างนี้เรียกว่า " ขี้เกรงใจ " แต่สำหรับฝรั่งแล้ว นิสัยนี้จะทำให้คนไทยไม่ก้าวหน้าเท่าที่ควร - ทานากะ โรบิน (จูเนียร์) ฟูจฮาระ 3. ไม่พูดสิ่งที่ควรพูด เอกลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของคนไทยคือ มักจะไม่ค่อยกล้าบอกความคิดของตัวเองออกมาทั้งๆ ที่คนไทยก็มีความคิดดีไม่ไม่แพ้ฝรั่งเลย แต่มักจะเก็บความสามารถไว้ ไม่บอกออกมาให้เจ้านนายได้รู้ และจะไม่กล้าตั้งคำถาม บางทีฝรั่งก็คิดว่าคนไทยรู้แล้วเลยไม่บอกเพราะเห็นว่าไม่ถามอะไร ทำให้ทำงานกันไปคนละเป้าหมาย หรือทำงานไม่สำเร็จ เพราะคนที่รับคำสั่งไม่รู้ว่าถูกสั่งให้ทำอะไร - ไมเคิล วิดฟิล์ค 4. ความรับผิดชอบ 1. ฝรั่งมองว่าคนไทยเรามักทำไม่ค่อยกำหนดระยะเวลาในการทำงานไว้ล่วงหน้า ทั้งๆทีงานบางชิ้นต้องทำให้เสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนดยิ่งงานไหนให้เวลาในการทำงานนาน ก็จะยิ่งทิ้งไว้ทำตอนใกล้ๆ จะถึงกำหนดส่ง เลยทำงานออกมาแบบรีบๆ ไม่ได้ผลงานดีเท่าที่ควร 2. ไม่ค่อยยอมผูกพันและรับผิดชอบเป็นลายลักษณ์อักษร ถ้าให้เซ็นชื่อรับผิดชอบงานที่ทำคนไทยจะกลัวขึ้นมาทันที เหมือนกับกลัวจะทำไม่ได้ หรือกลัวจะถูกหลอก - สเตฟานี จอห์นสัน 5. วิธีแก้ไขปัญหา คนไทยไม่ค่อยมีแผนการรองรับเวลาเกิดปัญหา แต่จะรอให้เกิดก่อนแล้วค่อยหาทางแก้ไปแบบเฉพาะหน้า หลายคั้งที่ฝรั่งพบว่าคนไทยไม่รู้จะแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างไรต้องรอให้เจ้านายสั่ง ลงมาก่อนแล้วค่อยทำตามถ้านายเจ้านายไม่อยู่ทุกคนก็จะประสาทเสียไปหมด - ดร.มาเรีย โรเซนเบิร์ก 6. บอกแต่ข่าวดีคนไทยมีความเคยชินในการแจ้งข่าวที่แปลกมาก คือ 1. จะไม่กล้าบอกผู้บังคับบัญชาชาวต่างชาติเมื่อเกิดปัญหาขึ้น จนกระทั่งบานปลายไปเกินแก้ไขได้จึงค่อยเข้ามาปรึกษา 2. จะเลือกบอกแต่สิ่งที่คิดว่าเจ้านายจะชอบ เช่น บอกแต่ข่าวดีๆ แทนที่จะเล่าไปตามความจริงหรือถ้าหากเจ้านายถามว่า จะทำงานเสร็จทันเวลาๆไหม ก็จะบอกว่าทัน (เพราะรู้ว่านายอยากได้ยินแบบนี้) แต่ก็ไม่เคยทำทันตามเวลาที่รับปากเลย - โจนาธาน ธอมพ์สัน 7. คำว่า " ไม่เป็นไร " เป็นคำพูดที่ติดปากคนไทยทุกคน ทำให้เวลามีปัญหาก็จะไม่มีใครรับผิดชอบ และจะไม่ค่อยหาตัวคนทำผิดด้วยเพราะเกรงใจกัน แต่จะใช้คำว่า " ไม่เป็นไร " มาแก้ปัญญหาแทน - เจนิส อิกนาโรห์ 8. ทักษะในการทำงาน 1. ไม่สามารถทำงานร่วมกันเป็นทีมได้ ถ้าทำงานเป็นทีมมักมีปัญหาเรื่องการกินแรงกันบางคนขยันแต่บางคนไม่ทำอะไรเลย บางทีก็มีการขัดแย้งกันเองในทีม หรือเกี่ยงงานกันจนผลงานไม่คืบหน้า 2. ไม่ค่อยมีทักษะในการทำงาน แม้จะผ่านการศึกษาในระดับสูงมาแล้ว และไม่ค่อยใช้ความพยายามอย่างเต็มทีเพื่อให้ได้ผลงานที่ดีที่สุด 3. พนักงานชาวไทยที่รู้จัก ส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้สึกกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้เรื่องร าวความเคลื่อนไหวของโลกเท่าไรนัก แล้ไม่ค่อยชอบหาความรู้เพิ่มเติมแม้จะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับงานก็ตาม - เดวิด กิลเบิร์ก 9. ความซื่อสัตย์ พนักงานคนไทยควรจะมีความซื่อสัตย์และตรงไปตรงมามากกว่านี้ หลายครั้งที่ชอบโกหกในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่น มาสาย ขาดงานโดยอ้างว่าป่วย ออกไปข้างนอกในเวลางาน - เฮเบิร์ก โอ ลิสส์ 10. ระบบพวกพ้อง คนไทยมักจะนำเพื่อนฝูงมาเกี่ยวข้องกับธุรกิจเสมอ ผมไม่เคยชอบวิธีนี้เลย ตัวอย่างเช่น การจัดซื้อข้าวของภายในสำนักงาน พวกเขามักจะแนะนำเพื่อนๆ มาก่อนโดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ที่บริษัทควรจะได้รับ นี่เป็นประสบการณ์จริงที่ประสบมา การให้ความช่วยเหลือเพื่อนไม่ใช่เรื่องแปลก แต่การที่ไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของบริษัทเลยเป็นอะไรที่แย่มาก และเมื่อพบว่าเพื่อนพนักงานด้วยกันทุจริต คนไทยก็จะช่วยกันปกป้อง และทำให้ไม่รู้ไม่เห็นจนกว่าผู้บริหารจะตรวจสอบได้เอง - มาร์ค โอเนล ฮิวจ์ 11. แยกไม่ออกระหว่างเรื่องงาน และเรื่องส่วนตัว คนไทยมักจะไม่รู้ว่าอะไรว่าอะไรคือเรื่องงาน และอะไรที่เรียกว่าเรื่องส่วนตัว พวกเขาชอบเอาทั้งสองอย่างนี้มาปนกันจนทำให้ระบบการทำงานเสียไปหมด ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่อย่างหนึ่งขององค์กร 1. ชอบสอดรู้สอดเห็น โดยเฉพาะเรื่องส่วนตัวของเพื่อนร่วมงาน 2. มักจะคุยกันเรื่องส่วนตัวที่ไม่เกี่ยวกับงานมากเกินไป บางครั้งทำให้บานปลายและนำไปสู่ข่าวลือ และการนินทากันภายในสำนักงาน 3. มักจะลาออกจากบริษัทโดยไม่ยอมแจ้งล่วงหน้าตามข้อตกลง แต่กลับคาดหวังว่าจะได้รับผลประโยชน์เต็มที 4. ไม่ยอมรับความผิดชอบที่มีมากขึ้นในช่วงวิกฤติ 5. ต้องการเงินมากขึ้นแต่กลับไม่ค่อยสร้างคุณค่างานอะไรเพิ่มขึ้นเลย - วิลเลี่ยม แมคคินสัน 12. นับถือระบบอาวุโส คนไทยให้เกียรติคนที่อายุมากกว่ามากเกินไป จนไม่กล้าทำอะไรที่เรียกว่าเป็นการข้ามหน้าข้ามตา บางครั้งคนที่อายุน้อยกว่าอาจจะมีความคิดความสามารถมากกว่า แต่ก็ไม่กล้าแสดงออกเพราะเกรงใจคนที่อายุมาก เป็นการทำลายโอกาสของตัวเอง และโอกาสของบริษัท (เครดิต) จากคนไทยที่ Wilmette, Chicago, IL 60091 จากคุณ : คนรักประเทศ (คนรักประเทศ) เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 01:50:55

ความคิดเห็นที่ 27 แล้วเจ้าฝรั่ง 12 คนนี้เป็นใครมาจากไหน ถึงได้อาจหาญมา Judge โดยใช้คำว่า "คนไทย"  คนไทยมีกว่า 65 ล้านคน นายฝรั่ง 12 คนนี้แต่ละคนทำงานหรือเคยทำงานร่วมกับ "คนไทย" มาแล้วกี่คน ? จากคุณ : Rapier เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 09:10:17

ความคิดเห็นที่ 28 อ่านแล้วเพลิดเพลินดีครับ เห็นด้วยว่าประเทศไทยไม่ควรปล่อยให้คนดำเข้ามาอยู่ประเทศไทยแบบผิดกฎหมาย เพราะพวกนี้จะเป็นปัญหาสังคมในอนาคต...ขอย้ำ..ขอย้ำ ฝากบอกผู้มีอำนาจดูแลโดยด่วน คนผิวขาวไปนำพวกนี้ออกมาจากในที่ ที่พวกเขาควรอยู่ กรรมก็เลยสนองกรรม เพราะพวกนี้ก็สร้างปัญหาให้รัฐบาล ของพวกชนผิวขาวนั่นแหล่ะครับ จากคุณ : Year to 2000 (YTOK) เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 55 09:42:49