|
พอจะมีเวลาว่างเข้ามาพิมพ์ต่อแล้ว_ถึงคุณหวางเหวิดเจ้าของกระทู้ เราไม่ทราบว่าคุณมีความรู้พื้นฐานทางด้านการดูแล ผิวหน้าผิวตัวแค่ไหนนะ แต่อ่านจากกระทู้และที่คุณเขียนขออนุมานเอาว่า พอจะทราบแต่ยังไม่ค่อยสันทัด ยังมึนๆอยู่ ยังจับทิผศทางไม่ค่อยถูก
โดยปกติแล้วการดูแลผิวหน้ามี 4 ขั้นตอนพื้นฐาน ไม่ว่าคุณจะไปอ่านเจอจากนิตยสารแฟชั่นนิตยสารผู้หญิงเล่มไหนในโลกนี้ หรืออ่านเจอจากที่ไหนๆ ก็แล้วแต่ ภาษาไหนก็แล้วแต่ หรือแม้แต่การแนะนำจากพนักงานที่เคาน์เตอร์ไม่ว่าจะยี่ห้อไหนก็ตาม ข้อมูลทุกแหล่ง จะต้องตรงกันมาแต่ไหนแต่ไร เพราะหัวใจสำคัญมีอยู่ 4 ขั้นตอน คือ
1. Cleanse การชำระล้างทำความสะอาด หรือการ Cleasing โดยการใช้ Cleanser ทำความสะอาดใบหน้า เพื่อชำระล้างความมันสิ่งสกปรก เพื่อขจัดฝุ่นละออง เปิดรูขุมขนเอาสิ่งอุดตันออก และคลีนเซ่อร์หลายๆ ตัวในสมัยนี้สามารถล้างเครื่องสำอางบนใบหน้าได้ไปในตัวด้วย เนื้อของคลีนเซ่อร์มีหลายรูปแบบ แล้วแต่สภาพผิว สภาพอากาศ เช่นแบบเจลใสๆ แบบครีม แบบน้ำนมเหลวๆ แบบมูส แบบโฟม
ขั้นตอนถัดมาคือ ข้อ 2. Tones เป็นการทำความสะอาดเพื่อความแน่ใจว่าได้ล้างสิ่งสกปรกหมดแล้วจริงๆ สามารถขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกได้นิดหน่อย และช่วยปิดรูขุมขนหลังจากที่เราใช้ขั้นตอนที่ 1 ช่วยเปิดเพื่อล้างแล้ว ขั้นตอนที่สองการ Toning โดยใช้ Toner นี้ ขอให้ใช้แบบที่อ่อนโยนต่อผิว และปราศจาก Lกอฮอร์ (ตั้งใจพิมพ์ผิดนะ ตรงนี้ เพราะเห็นบางห้องเขาพิมพ์แบบนี้กัน เพื่อที่จะไม่ให้ความคิดเห็นที่พิมพ์มาหายไป เพราะอาจจะเป็นคำต้องห้าม) ถ้าจะให้แน่ใจควรใช้สำหรับที่ใช้กับผิวบอบบาง Sensitive Skin หรือถ้าผิวแห้งมาก หรือใช้แล้วรู้สึกว่าสะอาดจนเกินไป จนหน้าตึง ไม่ต้องใช้ก็ได้ ขั้นตอนนี้อาจจะข้ามไปได้ แต่ถ้าไม่แพ้ ไม่รำคาญ หน้าไม่ตึงมาก ก็ควรใช้เพื่อปิดรูขุมขน
ส่วนข้อ 3. Nourish อันนี้คือการบำรุงอย่างแท้จริงเพราะการ Nourishing คือการให้อาหารเสริมแก่ผิวหน้า และ รอบดวงตา โดยผ่านทางครีมบำรุงต่างๆ ที่มาในรูปแบบต่างกัน เช่น ครีมเนื้อหนาหนัก ครีมเนื้อเบาบาง เจลใส หรือเนื้อแบบโลชั่น
ข้อ 4. Exfoliate คือการขัดผลัดเปลี่ยนเซลล์ผิว เหมือนที่เวลาปูลอกคราบ หรือการลอกเปลือกลอกใยบางๆ เช่นใยบัว ขอเปรียบแบบนี้ให้เข้าใจง่าย ขั้นตอน Exfoliating นี้ไม่ต้องทำทุกวัน แต่ควรทำ 3-4 วันครั้ง หรือสัปดาห์ละครั้ง หรือทุกๆ 10 วัน ไม่ผิดกติกาใดๆ คือการขจัดเซลล์ที่ตายแล้วออกอย่างล้ำลึก เพื่อที่ผิวจะได้ผลัดใบ ให้ดูกระจ่างขึ้น เกลี้ยงเกลาขึ้น โดยมีหลายวิธีเช่น การพอกหน้าแล้วลอกออกมาเป็นหน้ากาก หรือลอกออกมาเป็นแผ่นใสๆ เหมือนยางลาเท็กซ์ หรือขัดเบาๆ ด้วยมือหรือด้วยแปรงขัดหน้าโดยใช้ผลิตภัณฑ์ประเภทที่มีเม็ดๆ แบบที่คนไทย เรียกว่าครีมเนื้อทรายเอามาขัด หรือพอกหน้าแล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น
ส่วนผิวตัวก็ ล้างคืออาบน้ำ แล้วทาโลชั่นเนื้อบางในหน้าร้อน หรือทาโลชั่นเนื้อหนาหนักหรือครีมในหน้าหนาว แล้วทุกๆ สัปดาห์ หรือทุก 10 วันตอนทำขั้นตอน 4 Exfoliating ให้หน้า ก็ขัดตัวไปด้วยเลย คนไทยเราก็รู้จักการขัดตัวขัดหน้ามาแต่โบราณ ด้วยการใช้ขมิ้น มะขาม มะนาว ของในครัว หรือเดี๋ยวนี้ บางคนก็ใช้กากกาแฟบดหยาบขัด หรือเอากากกาแฟบดหยาบมาผสมกับอย่างอื่นขัดตัว
แต่งหน้าไม่ต้องแต่งมากถ้าปกติไม่เคยแต่ง แต่งแค่พองามพอเสริมบุคลิกพอแล้ว แค่กันคิ้วปัดคิ้วให้ได้รูป แล้วอาจจะเอาดินสอเขียนเอาแปรงปัดให้ดูธรรมชาติ หรือใช้ฝุ่นเขียนคิ้วแบบ Compact แล้วเอาแปรงปัดๆ เอา
ตาก็แค่ปัดอายแชโด้วสีอ่อนๆ พอให้มีวิ้งๆ เล็กน้อยปัดบางๆ แกเมปัดพอเรื่อๆ ธรรมชาติเหมือนออกไปตากแดด โดนแดดมา แค่เป็นแบบ Sun Kiss พอ แล้วก็ทาปาก แป้งก็ทาบางๆ รองพื้นอย่าไปพอกหนา แล้วก็ทาแป้ง ชนิดใช้หลังแต่งหน้าเช่นแป้งไฮไลท์ของเกอร์แลงก์ ตามที่แนะนำไว้ใน คห. 2 ข้างบนพอแล้ว แป้งตัวนี้ที่บอกว่าใช้มา 20 กว่าปีไม่เคยเปลี่ยนใจเพราะมันดีจริงๆ และเป็นแป้งไฮไลท์รุ่นแรกๆ ในวงการเครื่องสำอาง ซึ่งภายหลังหลายๆ ยี่ห้อได้ทำเลียนแบบ และส่วนตัวผลิตภัณฑ์นี้ของเกอร์แลงก์เองก็ได้แตกตัวในไลน์ของตัวเอง ไปอีกหลายเฉด แต่แนะนำให้ใช้แบบดั้งเดิมออริจินั่ล คือแบบสีรุ้ง จะใช้แบบเม็ด หรือ แบบ Compact ก็ได้ แป้งตัวนี้ใช้กับแปรงปัดหน้าเท่านั้น
แป้งตัวนี้ราคาสูง แต่คุ้มค่า และไม่ควรใช้นานเกินสองปี แบบเม็ดเดี๋ยวนี้ทำตลับเล็กๆ แต่ก็ยังแพงอยู่ แบบ Compact ที่มากับตลับยิ่งแพงใหญ่ แนะนำว่าถ้าอยากลองใช้จริงๆ ขอให้ซื้อแค่รีฟิล Refill ของมัน ไม่ต้องซื้อตลับ จะประหยีดไปได้หลายสิบปอนด์เลย หรือให้ซื้อเวลาเดินทาง เพราะในดิวตี้ฟรีตามสนามบิน มักจะมีแพ็คเกจเล็กๆ ขายหรือให้คอยดูตามดิวตี้ฟรีบนเครื่องบิน ซึ่งมักจะมีแพ็คเกจไม่เหมือนที่ขายตามห้าง
นอกนั้นมีคำแนะนำ คือนอกจากของถูกๆ ตามร้าน Boots ก็แนะนำสินค้าของ เดอะ บอดี้ ช้อป และเราไม่ทราบว่าที่อังกฤษมี อีฟ โรเช่ ของฝรั่งเผศขายไหม ไม่ทราบจริงๆ ไม่เคยสังเกต เพราะปกติ จะซื้อที่เมืองไทยหรือฝรั่งเศส แต่มีผลิตภัณฑ์อีกยี่ห้อของอังกฤษที่เราชอบมากจะแนะนำ ชื่อยี่ห้อ Cowshed ปกติเราไปร้านนี้ที่ลอนดอน แถวๆย่านอ็อกซ์ฟอร์ดเซอร์คัส ร้านจะอยู่ตรงข้ามร้านเครื่องสำอาง MAC พอดี ตรงย่านช้อปปิ้งคาร์นาบี้สตรีท มันจะเป็นตรอกซอกเล็กๆ หาไม่ง่ายแต่ก็หาไม่ยาก ร้านจะอยู่ไม่ไกล จาก M&S และร้าน Gap ร้านใหญ่ๆ แถวๆ นั้นหน่ะ ชื่อถนนอะไรจำไม่ได้ แต่เดินไปถูก
สินค้าของร้านนี้น่าใช้ คุณภาพดี ราคาแนวเดียวกับเดอะ บอดี้ ช้อป คือเป็นราคาที่คนธรรมดาเอื้อมถึง ใช้แล้วไม่ต้องกลัวว่าจะกระเป๋าสตางค์ฉีกหรือรั่ว (เงินไหลหายออกไปหมด ) ลองไปดูสกินแคร์ของเขา และเขามีแบบหลอดเล็กๆ ขวดเล็กๆ สำหรับผู้เริ่มทดลองใช้ เราติดใจเจลอาบน้ำ และ บอดี้โลขั่นของยี่ห้อนี้มาก ไปลอนดอนที หอบกลับมาใช้ที่เอเชียด้วยทีละหลายๆ กลิ่น กลิ่นของเขานุ่มนวลชวนรีแล็กซ์มากๆ
และร้านนี้มีสปานวดหน้า นวดตัว ทำเล็บด้วย และรับจัดปาร์ตี้ให้สาวๆ พาเพื่อนไปทำสปาด้วย ปิดร้านจัดได้เลย เราเคยแต่ไปลองนวด เพราะอยากจะเปรียบเทียบกับเมืองไทย และสปาของประเทศอื่นๆ ที่เคยไปใช้บริการมา ราคาแพงถ้าเทียบกับเอเชีย แต่ไม่แพงนักสำหรับอังกฤษ และพนักงานมืออาชีพ เราแค่อยากไปลอง ไม่ได้ใช้บริการ ทุกวัน เพราะยังไม่มีทุนทรัพย์ขนาดนั้น แค่อยากลองเป็นประสบการณ์เท่านั้นเอง เรื่องนวดสปา เรื่องทำเล็บ ขัดตัว ขัดหน้า เราชอบทำที่เมือวไทย เพราะถูกมากๆ และสะอาด ตกแต่งดี บริการดี ดีกว่าหลายๆ ประเทศที่เคยไปลองมา เพราะนอกจากจะแพงกว่าเมืองไทย แต่คุณภาพและการบริการเทียบของไทยไม่ได้
หรือถ้ากลับมาเมืองไทยให้มาลองใช้ของไทยบ้าง เช่นยี่ห้อ เอิบ, หาญ, ธานน์, ดิวาน่า, ปัญปุรี, อัญญา ดาหรุ, การ์มาร์ กาเหม็ด และยี่ห้อ สบายอารมณ์ ยี่ห้อหลังสุดนี้มีวางขายในร้านบู๊ทส์ ผลิตภัณฑ์ของเขาจะมีกลิ่น ผลไม้ดอกไม้ไทยๆ หอม คุณภาพดี เช่นกลิ่นมะยม มะเฟือง มะลิ มะขาม ใบเตย
คุยมากมายหวังว่าจะช่วยคุณหวางเหวิดให้เข้าใจได้มากขึ้น แค่แนะแนวกว้างๆ ส่วนรายละเอียดของผลิตภัณฑ์ กรุณาปรึกษาพนักงานขายของแต่ละยี่ห้อเอง จะพยายามไม่เข้ามาอีกเพราะจริงๆ ค่อนข้างยุ่งเป็นพักๆ และไม่ค่อยได้อยู่กับที่สักเท่าไหร่นัก ต้องออกเดินสายเวลาเดินทางอาจจะได้มาอ่านบ้างแต่จะไม่ค่อยมีเวลา มาพิมพ์ตอบ_
จากคุณ |
:
Been there, done that!
|
เขียนเมื่อ |
:
2 มิ.ย. 55 15:53:57
A:218.186.10.230 X: TicketID:357481
|
|
|
|
|