ความคิดเห็นที่ 1 รายได้ ความมั่นคง การยอมรับจากสังคม >>>> หมอฟันสิคะ !!! จากคุณ : St_jing เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 55 23:18:40

ความคิดเห็นที่ 2 เราว่าถ้าคุณไม่ได้ต่อเฉพาะทาง  ทำ ร.พ. บวก คลีนิค เงินเดือนก็ประมาณ 2 แสน   ส่วนสจ๊วตของสายกินบิน Top 5  ต้องเป็นสายการบิน ตปท.แน่ๆ  แต่ประเทศอะไรล่ะ ถ้าเป็นของพวก  UAE  เงินเดือนก็ประมาณเดียวกันเกือบ 2 แสน ถ้าเอาทัศนคติของคนต่างประเทศ ล่ะก็    ทันตแพทย์จะมีความสำคัญมากกว่าค่ะ เป็นที่ยอมรับในสังคม  ความมั่นคงก็ต้องดีกว่าแน่นอน   คุณเป็นสจ๊วตได้สักกี่ปี   แก่เต็มที่ก็ 55 แล้ว แต่ถ้าเป็นทันตแพทย์ ยิ่งคุณไปเรียนต่อเฉพาะทางด้วย  กลับมาก็อย่างน้อย 5 แสนบาท ทำงานไม่ต้องถึง 55 ปีหรอก  ระหว่างนั้นซื้ออหังสา  เล่นหุ้น  เปิดคลีนิคจ้างหมอมาทำแทน   สบายกว่าสจ๊วตเยอะ   แล้วอย่าลืม สจ๊วต ตปท.ได้เงินเป็นเงิน ตปท.  การอาศัยก็ต้องอาศัยอยู่ ตปท.ที่ค่าครองชีพสูง  คุณจะเหลือเงินเก็ยซักเท่าไร ปล..ความเห็นส่วนตัวล้วนๆ จากแวดวงญาติ แก้ไขเมื่อ 01 มิ.ย. 55 23:35:48 จากคุณ : nice_piggyy เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 55 23:35:20

ความคิดเห็นที่ 3 เอาอาชีพที่คุณอยากเป็นอ่ะ ไม่ต้องไปทำตามความคาดหวังพ่อแม่ หรือเลือกที่สังคมยอมรับ คุณชอบอาชีพไหนก็ไปทางนั้น จากคุณ : ellenism เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 55 23:49:41

ความคิดเห็นที่ 4 ^ ^ เอาจริงๆ มันก็ควรเป็นอย่างนั้นครับ เลือกในสิ่งที่อยากเป็น แต่ในทางปฏิบัติมันยากนะ ด้วยหลายๆปัจจัย ผมถึงถามความเห็นส่วนตัวล้วนๆ ว่าอะไรที่คนส่วนมากอยากเป็นมากกว่ากันครับ จากคุณ : Chloe O'Brian เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 00:02:25

ความคิดเห็นที่ 5 ขอสนับสนุนหมอฟันเช่นกัน  และถ้าจะไปเรียนต่อที่ NYU ถามไปได้ครับ (หมายถึงสถานที่) จากคุณ : hollywop เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 00:09:11

ความคิดเห็นที่ 6 ไม่ใช่ว่านะครับ มันเทียบกันได้เหรอครับ จากคุณ : ฉันมันตัวเปล่า เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 00:59:52

ความคิดเห็นที่ 7 ไม่โหวตละ คนละเรื่องเลย จากคุณ : อิสวาสุ เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 01:17:16 A:98.231.188.19 X: TicketID:105627

ความคิดเห็นที่ 8 ถ้าตัวเองเป็นพ่อแม่ ก็คงอยากให้ลูกเรียนต่อนะคะ แต่ถ้าตัวเองเป็นเด็ก ก็คงเลือกเป็นสจ็วตเพื่อที่จะเที่ยวก่อนสักสองสามปี พอหมดสัญญาก็ค่อยกลับไปเรียนต่อค่ะ....... (โลภไปไหมเนี่ย) ปล. ว่าแต่ทำไมมีแต่คนอยากเรียนทันตะที่เมกานะคะ ในความคิดของเรา หมอฟันที่เมืองไทยดีที่สุดแล้ว หมอเมกามือก็หนัก แถมไม่ละเอียดอีกด้วย จากคุณ : i love tofu เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 01:23:09

ความคิดเห็นที่ 9 ถ้าคิดว่าไม่ลืมความรู้ประสบการณ์และทักษะที่เรียนมาก็หาประสพการณืใหม่ๆให้กับตัวเองก็ได้ครับ แต่ผมคิดว่าคนรุ่นใหม่ไปไกลกว่าคนรุ่นเก่ามาก ถึงจะแค่ปีสองปีอาจจะตามไม่ทันรุ่นน้องเพราะประสพการณืการทำงานหายไปและเทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามาแทน มีความสามารถเฉพาะทางแล้วเอามาใช้ให้เป็นประโยชน์ดีกว่าครับ นั่งเครื่องบินเที่ยวสบายๆดีกว่า อีกอย่างทำงานบนเครื่อง ผู้โดยสารเขาไม่แคร์หรอกว่าพนักงานจบอะไรมาเพราะต้องทำงานเหมือนกันหมด แค่เขาได้ในสิ่งที่เขาต้องการก็พอแล้ว คนเป็นร้อยบนเครื่องต่างพ่อต่างแม่กัน เจอคนแบบงี่เง่าเห็นพนักงานเป็น( ^o^ )หรือคนรับใช้ก็อาจทำให้ท้อได้ครับ เป็นหมอฟันเจ้านายตัวเองดีกว่า  ถ้าเป็นหมอและนักบินในเวลาเดียวกันแบบลูกคุณกรรณิการ์ ธรรมเกษรก็ไปอีกอย่างขอเวรได้ง่ายกว่าเยอะ จากคุณ : pittnrk เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 03:09:16

ความคิดเห็นที่ 10 เห็นคำถามแล้สกลุ้ม คนสมัยนี้ จากคุณ : ก เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 03:17:48 A:98.196.117.81 X: TicketID:000072

ความคิดเห็นที่ 11 เป็นสจ๊วต เรื่องความเคารพนับถือของคนเขามีให้ไม่มากเท่ากับหมอหรอก ลองคิดดู เองละกัน ระหว่างที่คุณนั่งเก้าอี้ทำฟันคุณมีความคิดเห็นยังไงเกี่ยวกับหมอฟัน กับถ้านั่งเก้าอี้เครื่องบินคุณคิดยังไงกับคนที่เอาน้ำเอาอาหารมาเสิร์ฟให้คุณ เข้าใจว่าถ้า จขกท ใจอยากทำงานสจ๊วต เพราะรักงานบริการ แต่ผู้รับบริการสักกี่คนที่จะมีปฎิกิริยาที่ดีต่อคุณจากจำนวนผู้โดยสารทั้งหมด เราว่าคงไม่ดีเท่าปฎิกิริของคนไข้ที่ไว้ใจคุณหมอหรอก เพราะอย่างน้อยหมอก็รู้จักคนไข้ คนไข้ก็รู้จักหมอ แต่บนเครื่องบินเป็น ผดส กับลูกเรือซึ่งชั่วชีวิตอาจเจอกันแค่ครั้งเดียวเท่านั้น จึงไม่จำเป็นต้องรักษาน้ำใจกัน  ถ้าในเรื่องของความมีภาษีเหนือกว่า หมอฟันมีให้เยอะกว่าแน่นอน แต่เรื่องความมีอิสระเสรี สจ๊วตมีให้คุณมากกว่า มี union คุ้มครอง หมอฟันทำพลาดก็โดนฟ้องนะ  แล้วคิดเผื่อด้วย ถ้าเบื่อเป็นหมอฟันแล้ว จะเลิก ไปทำอะไรได้บ้าง และ ถ้าเบื่ออาชีพสจ๊วตแล้ว จะไปทำอะไรได้บ้าง จากคุณ : yinnerella เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 03:18:43

ความคิดเห็นที่ 12 ถ้าเป็นลูกเรา หลานเรา น้องเรา เราอยากให้เลือกทันตแพทย์นะค่ะ จากคุณ : Jake & Toby เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 04:28:26

ความคิดเห็นที่ 13 ถ้าเป็นญาติพี่น้องผม จะแนะให้เป็นทันตเเพทย์ แล้วมีเมียเป็นสจ๊วต เห้ย! แอร์ ครับ 555 แก้ไขเมื่อ 02 มิ.ย. 55 06:49:07 จากคุณ : ai_boat เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 06:47:16

ความคิดเห็นที่ 14 เป็นผม ถ้าเรียนเก่ง จะเรียนให้จบหมอฟันก่อน หลังจากนั้น ค่อยสมัครเป็นสจ๊วต ครับ อารมณ์ประมาณว่า ว่างจากบิน ก็มาทำหมอฟันโรงพยาบาลเอกชนสักสองสามวันต่อสัปดาห์ อ่ะ จากคุณ : อู๋ไวไฟ เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 10:18:22

ความคิดเห็นที่ 15 โหวตไม่ได้น่ะค่ะ  เพราะการทำงานข้ามสายแบบนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ  ใจของคนเรียน เราเป็นคนชอบเที่ยว  คงจะเลือกเป็นสจ้วตก่อน เที่ยวให้พอใจ แล้วกลับมาเรียนค่ะ เพราะเป็นการเที่ยวแบบไม่เสียค่าตั๋วเครื่องบินและที่พักเลย  ถ้าจะนับเป็นเงินจริงๆ ก็ประหยัดไปได้เดือนละหลายแสนบาท คุ้มมากๆแล้ว สำหรับเรา แต่มันคือการหยุดชีวิตความเป็นหมอฟันของคุณไว้เลย ในช่วงที่เป็นสจ้วต แต่ถ้าเอาเงินเป็นที่ตั้ง ก็น่าจะเรียนต่อค่ะ ผู้ใหญ่ๆหลายคนอย่างให้ลูกเรียนให้สูง ทำงานให้สูงที่สุด ตั้งแต่อายุยังน้อย ซึ่งก็ดี แต่เราคิดว่า ถ้าเรายังไม่รู้จุดหมายที่เราอยากไป จะให้เรารีบวิ่งไป  ต้องหลงทางแน่ๆ (ตอนนี้เครียดพอดูค่ะ กำลังเลือกว่าจะทำอะไร จะเรียนอะไรต่อไป เจอหน้าใครทุกคนก็เร่งๆ รีบๆเรียน รีบๆสอบ คือ จะรีบไปไหนอ่ะ  อารมณ์เหมือนจะให้ขับรถ 180 km/hr  แต่ฝนตก, ถนนมืด และ หาซอยเข้าบ้านไม่เจอ  TT^TT  เคยพลาดมาแล้ว เคยพลาดในสิ่งที่อยากทำที่สุดมาแล้ว เพราะความรีบกลัวเสียเวลานี่แหละ) ปล. ต้องเข้าใจว่างานสจ้วตต้องรองรับความต้องการ และอารมณ์ของลูกค้ามากๆนะคะ  เพราะหลายๆคนยิ่งคิดว่าสจ้วต คือ '( ^o^ )บนเครื่องบิน'  มันน่าจะต่างจากความคิดที่คนไข้มีต่อหมอฟันโดยสิ้นเชิง จากคุณ : fm@co เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 10:53:46

ความคิดเห็นที่ 16 มีเพื่อนเป็นทั้งหมออายุรกรรมและหมอฟัน ตอนเรียนจบหลายคนเลือกไปสอบเป็นนักบินการบินไทย ไม่มีใครอยากเป็นสจ๊วต เป็นนักบินได้เที่ยว มีอิสระเหมือนๆกัน แต่...ความก้าวหน้าทางอาชีพและการยอมรับทางสังคมนั้น... การเป็น"นักบิน" มีศักยภาพเหนือกว่า "สจ๊วต" ในทุกด้านและทุกๆสายการบินในโลก หากมีสมองดีขนาดจบทันตแพทย์และอยากทำงานท่องโลกทางอากาศ ก็ควรจะไปสอบเป็นนักบินดีกว่ามาเลือกงานง่ายๆแบบสจ๊วต เพราะการเป็นนักบินไม่มีทางตันในอนาคต เป็นแรงงานที่ต้องการในตลาดการบิน แต่สำหรับสจ๊วตตำแหน่งสูงสุดคืออินไฟลท์เมเนจเจอร์เท่านั้น เกษียณไปก็ไม่มีสกิลอื่นใดไปต่อยอดได้ หากไม่ชอบเป็นนักบิน...ก็เป็นหมอฟันดีกว่า อย่าเลือกเป็นเลยสจ๊วต....หนทางมันสั้นและตันง่าย จากคุณ : นักเดิน เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 12:53:08 A:217.44.11.238 X: TicketID:170424

ความคิดเห็นที่ 17 เมื่อสองสามวันก่อน เพื่อนของเราซึ่งเป็นเพอร์เซอร์อยู่การบินไทยเพิ่งโพสต์รูปแอร์โฮสเตสรุ่นหลานใน Facebook แอร์คนนั้นเธอมีคำนำหน้าชื่อว่าแพทย์หญิงค่ะ เข้าใจว่าคงเพิ่งเริ่มทำงาน หน้าตาน่ารักเชียว เราก็อยากรู้เหมือนกันว่าเธอมาเป็นแอร์เพื่อหาประสบการณ์สักสองสามปี แล้วก็กลับไปเป็นแพทย์ตามที่ร่ำเรียนมา หรือว่าจะเป็นแอร์ไปตลอดชีวิต จากคุณ : Bon Voyage (Bon Voyage) เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 15:55:05

ความคิดเห็นที่ 18 ที่เมืองไทยนะครับ เคยเห็นหมอฟัน ไปเอาดีทางกฏหมาย เพราะมีปริญญาด้านนิติศาสตร์อีกใบ ปัจจุบันเป็นคณบดีนิติศาสตร์ มหาลัยรัฐ ไปเอาดีทางธุรกิจการโรงแรม  เพราะเป็นธุรกิจเดิมของครอบครัว ไปเป็นผู้จัดการโรงงานผลิตยา เป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาล เป็นอธิการบดีมหาวิทยาลัย ยังไม่เคยเห็นใคร เปลี่ยนไปเป็นอย่างที่คุณว่า อาจเป็นทางเลือกใหม่นะ จากคุณ : newcomer (gpvtu2009) เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 18:47:46

ความคิดเห็นที่ 19 ผมจบเนติฯเลือกที่ทำนาอยู่ ตจว. มันอยู่ที่คุณอยากทำอะไรแล้วมีความสุขมากกว่า จากคุณ : เลือกทำแล้วมีความสุข เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 20:51:39 A:115.67.0.3 X: TicketID:293245

ความคิดเห็นที่ 20 ทุกอย่างอยู่ที่คุณค่ะ หากชอบงานประดิดประดอย งานปราณีต ที่บางครั้งต้องออกแรงหน่อยๆ เป็นหมอฟันดีกว่า หากรักที่จะพบปะผู้คน ได้ไปหลายแห่ง รักงานบริการ เป็นสจวร์ตดีกว่า หากจะให้เปรียบเทียบ ในสายตาของคนนอก เป็นหมอฟันมีคนมาขอรับบริการจากคุณ แต่งานบนเครื่องบิน คุณต้องไปบริการคนอื่น อายุงานสั้นกว่าเป็นหมอฟัน มองดูการเก็บออม หมอฟันจะได้เงินงามมากกว่า ในอนาคตหมอฟันจะมีรายได้มากมาย เพราะคนจะจัดฟัน ดัดฟันเพิ่มขึ้น ใครๆก็อยากมียิ้มสวยๆ แบบยิ้มสยามค่ะ คนสวิสที่รู้จักจบหมออายุรกรรม และจบบริหารธุรกิจและรักที่จะเป็นนักบิน เดี๋ยวนีัได้ขับเครื่องบินส่วนตัวไปทำงานสมใจอยาก โหชีวิต ช่างโชคดี ทำได้ดังใจปรารถนา ทำให้คิดได้ว่า ทุกอย่างอยู่ที่ตัวเราเอง และไม่มีอะไรยากเกินไป หากตั้งใจ มีโอกาสและรักที่จะทำ จากคุณ : Top Of The Hill เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 21:35:26 A:95.174.238.123 X: TicketID:268053

ความคิดเห็นที่ 21 เพื่อนของเพื่อนผม (เพื่อนเป็นแอร์การบินไทย) ส่วนเพื่อนของแอร์(น่าจะเป็นหัวหน้า ตอนบินเพราะเป็นกัปตัน) จบหมอ ไปต่อเฉพาะทางที่อเมริกา ปัจจุบันเป็นนักบิน และก็ยังทำงานหมอด้วยในวันที่ไม่ได้บิน คือเขารักทั้ง 2 อาชีพ อย่าเป็นเลยครับสจวต อย่างคุณน่าจะเป็นนักบินไปเลย ไปเรียนต่อก่อน กลับมาเป็นหมอฟัน ค่อยไปเรียนขับเครื่องบินครับ แล้วสมัครการบินไทย รับรองโปร์ไฟล์แบบนี้ได้แน่ๆ โชคดีครับ จากคุณ : Year to 2000 (YTOK) เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 02:40:12

ความคิดเห็นที่ 22 ก็เป็นสจ๊วต ซัก 3-4 ปี แล้วก็ค่อยเรียนต่อสิคะ แต่ก็ต้องดูด้วยนะ เพราะว่า ถ้าเรียนต่อเฉพาะทาง เขาจะต้องดูว่ามีประสบการณ์ทำงานที่เกี่ยวเนื่องกันด้วย จากคุณ : Freedom of Life เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 14:55:45

ความคิดเห็นที่ 23 สจ๊วตสายการบิน Top 5 ยังไงก็ไม่ถึง 2 แสนค่ะ มากสุดก็แค่เฉียดๆ ซึ่งไม่ได้ทุกเดือน แค่เฉพาะเดือนที่บินหนักจริงๆ ถ้าอยากเป็นสจ๊วต เพราะอยากเที่ยว แนะนำสมัครเป็นนักบินดีกว่านะคะ จากคุณ : John&Savannah เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 13:37:29

ความคิดเห็นที่ 24 เป็นผม ผมเสียดายความรู้ทีเรียนหมอฟันมานะครับ สจ๊วตแม้เงินเดือนอาจจะดูเยอะ แต่รายได้ค่าสังคมฟุ้งเฟ้อก็เยอะตามไปด้วย ไม่ได้ว่าอาชีพสจ๊วตนะครับ จากคุณ : fuente เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 55 08:49:43

ความคิดเห็นที่ 25 หมอฟัน100%คะ จากคุณ : Rabbitzy (rabbitzyjan) เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 55 09:22:04

ความคิดเห็นที่ 26 เข้ามาให้กำลังใจคนอาชีพเดียวกันค่ะ เข้าใจว่าเป็นหมอฟันมันมีความน่าเบื่ออยู่อย่างหนึ่งคืองานค่อนข้างซ้ำ อยู่ในห้องแคบ ไม่ค่อยได้พบปะผู้คน แถมยังมีความเครียดสูง.... ถ้าเทียบกับการเป็นสจ๊วตนะคะก็คนละเรื่องเลย แต่ถามถึงความมั่นคง การยอมรับนับถือ ความภาคภูมิใจของคนในครอบครัวก็ต้องบอกว่าอาชีพเราน่าจะมีภาษีดีกว่านิดนึง ดิฉันไม่เชียร์อันไหนเป็นพิเศษหรอกค่ะ ชีวิตเป็นของคุณ คุณตัดสินใจเลย ชอบอะไร อยากลองทำอะไร ก็เลือกและทำเลยค่ะ... ปล.จากความเห็นบนๆ เพื่อนสมัยประถมของดิฉันเองค่ะ ที่เธอจบแพทย์ เกียรตินิยมอันดับหนึ่งเหรียญทองจากมหาวิทยาลัยแพทย์อันดับต้น ทำงานใช้ทุนได้หนึ่งปีก็ลาออกมาสมัครเป็นแอร์สายการบินแห่งชาติ... แต่ดิฉันเห็นในเฟสบุคเธอ วันว่างที่ไม่ได้ไปบิน เธอก็รับอยู่เวรอยู่นะคะ คือรักทั้งสองงาน ทำทั้งสองงาน... ชีวิตดูแฮปปี้น่าอิจฉามากค่ะ จากคุณ : firstmolar เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 55 02:17:00

ความคิดเห็นที่ 27 เป็นนักบินไม่ดีกว่าหรือคะน้อง ถ้าจะเดินทางนั้น ความสามารถน้องน่าจะเป็นนักบินได้ รายได้ถ้าได้อยู่ UAEอาจจะมากกว่าทันตแพทย์อีกนะคะ จากคุณ : ~*Angellique*~ เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 55 16:06:32