|
ขออนุญาตคุณ amd_home เจ้าของกระทู้มาแชร์ประสบการณ์ส่วนตัวด้วยนะคะ
ต้องขอออกตัวก่อนว่าดิฉันเป็นคนไทยที่เมืองไทย แต่ได้มีโอกาสไปเห็นเอเชี่ยนซุปเปอร์มาร์เก็ต ในย่านไชน่าทาวน์ หรือย่านคนเอเชีย มาแล้วในหลายเมือง หลายประเทศ หลายทวีปทั่วโลก รวมทั้งในหลายเมืองในประเทศอังกฤษ ประเทศที่คุณ จขกท.อาศัยอยู่และถามมา โดยเฉพาะในย่านโซโห หรืออย่างออสเตรเลีย ก็เคยไปเห็นมาแล้วหลายเมือง หรือในยุโรปแผ่นดินใหญ่ หรือในละตินอเมริกา หรือแม้แต่ในประเทศญี่ปุ่น หรือแม้แต่ตึกที่เรียกว่าโกลเด้นไมล์ ที่ถือว่าเป็นไทยทาวน์ของสิงคโปร์
ดิฉันเคยไปอาศัยอยู่นอกประเทศไทยมาแล้วในหลายสถานะไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเรียน เรื่องการทำงาน และเรื่องส่วนตัว และทุกวันนี้ถึงแม้จะอยู่เมืองไทยแต่ก็มีโอกาสได้เดินทางไปเปิดหูเปิดตายัง ประเทศต่างๆ เดินทางออกนอกประเทศไทยอย่างสม่ำเสมอใสปัจจุบันนี้เดินทางปีละ 30 ทริป จึงหวังว่าคุณ จขกท.จะไม่ว่าอะไรที่คนไทยจากเมืองไทยอย่างดิฉันจะขอเข้ามาแชร์ด้วย
เรื่องสำคัญหลักๆ เลยนะคะ ที่ดิฉันไปเห็นมา คือเรื่องของคุณภาพที่ไม่ค่อยจะได้มาตรฐานค่ะ เครื่องปรุงต่างๆ และของแห้ง ที่บริษัทนำเข้าไปจากไทยนำไปขาย ส่วนใหญ่ไม่ใช่สินค้าในระดับพรีเมี่ยม เป็นสินค้าเกรดรองๆ ซึ่งเหมือนกับว่าสักแต่ว่ามีเอาไปวางขาย โดยไม่คำนึงถึงคุณภาพค่ะ
ไม่ใช่แต่เครื่องปรุงเท่านั้น แต่คุณภาพของเครื่องครัวไทยๆ ยกตัวอย่างเช่น หม้อหุงข้าวไฟฟ้า กะทะ ซึ้งนึ่งอาหาร หม้อลวกก๋วยเตี๋ยว หม้อหยนโล้ว เขียง ครก สาก สิ่งเหล่านี้ คุณภาพไม่ใช่เกรดเอ ไม่ใช่สินค้าที่ดีค่ะ
ที่ดิฉันเข้ามาพูดเรื่องคุณภาพก็เพราะว่าของใช้ต่างๆ ถ้าจะซื้อกันแล้วควรซื้อที่ดีๆ สามารถใช้ได้นานๆ มีความทนทานค่ะ ส่วนของกินถ้านำของดีๆ เกรดดีๆ ไปขาย ปรุงอาหารออกมาแล้วทำให้รสชาด อร่อยกว่า มีประโยชน์ต่อร่่างกายมากกว่า ทำให้อาหารไทยเข้มข้นถึงรสมากกว่า และทำให้รสชาด เพี้ยนน้อยกว่าค่ะ
ส่วนตัวแล้วดิฉันโชคดีที่ว่าไม่เคยต้องอาศัยอยู่นอกประเทศไทยนานเกิน 2 เดือน ยกเว้นตอนไปเรียน ที่อยู่เป็นปีๆ เพราะฉนั้นดิฉันมีโอกาสที่จะเดินทางมาซื้อข้าวของเครื่องใช้ ผลไม้ ผัก ขนม ของขบเคี้ยว และเครื่องปรุงต่างๆ ข้าวสาร ข้าวเหนียว จากเมืองไทย ดิฉันกลับมาซื้อหาด้วยตนเองเลือกเอาแต่ของดีๆ ไป เอากลับไปยังประเทศปลายทางได้ด้วย
บางประเทศดิฉันเอาไปด้วยแม้กระทั่งกระดาษชำระในห้องน้ำ กระดาษทิชชู สก็อตไบร์ ฝอยขัดหม้อ ครก- สาก กะทะ อะไรก็แล้วแต่ขนไปด้วยหมดทั้งครัวเรือนค่ะ ของกินประเภท หมูแผ่น หมูหยอง ปลากระป๋อง หมูสวรรค์ น้ำพริกต่างๆจากร้านดังๆในกรุงเทพฯ แม้แต่ไข่เค็มไชยาแบบที่ยังไม่ได้ต้มยังไม่ได้ทอด
มะขามหวานอบแห้งแกะเมล็ด ทุเรียนทอด ลูกบัวอบปรุงรส กระเจี๊ยบ(okra, lady finger) สีเขียวๆ อบแห้ง
อันนี้ไม่ได้อวดแต่ต้องบอกเอาไว้ก่อน ขออนุญาตอธิบายก่อน เพราะเดี๋ยววจะ งงว่าดิฉันยอมเสียค่าปรับ ระวางน้ำหนักเกินเป็นเงินแพงๆ ให้กับสายการบินเพื่อของพวกนี้ด้วยเหรอเพราะไม่ใช่ถูกๆ และของพวกนั้น หนักมาก ดิฉันส่วนใหญ่แล้วจะเดินทางชั้นธุรกิจถ้าเดินทางไกลๆ ข้ามทวีป ทั่วๆ ไปคือนั่งชั้นประหยัด แต่ไม่ว่าจะใช้บริการสายการบินชั้นไหน ดิฉันได้สิทธิของสมาชิกกลุ่มสายการบินที่บินกันประจำ (สิทธิของ Frequent Flyer) จะได้น้ำหนักเกินมาอีก 20 กิโลฟรีๆ ค่ะ
อันนี้ดิฉันไม่ได้ขนแต่ของตัวเองคนเดียว บางครั้งเพื่อนต่างชาติที่เคยอยู่เมืองไทยฝากซื้อก็มี หรือคนไทยในต่างแดนที่ไม่ค่อยได้มีโอกาสเดินทางกลับบ้านบ่อยๆ ดิฉันก็ช่วยเป็นธุระจัดหาใช้เวลา ไปซื้อข้าวของท่่เขาโหยหาจากเมืองไทยบ้านเกิด และไม่สามารถหาซื้อได้ในต่างแดน
โดยที่ทุกๆ ครั้งดิฉันจะออกเงินให้ก่อนล่วงหน้าบ้างครั้งเป็นเรือนหลายร้อยปอนด์ เป็นร้อยๆดอลล่าร์ เป็นร้อยๆ ยูโรก็เคยมาแล้วค่ะ (อันนี้ดิฉันไม่กลัวคนมาโกงหรือมาชักดาบนะคะ เพราะคนเรา ถ้าจะชักดาบกัน เขาชักได้แค่ครั้งเดียวค่ะ บางครั้งดิฉันชอบใช้เงินและใช้น้ำใจเพื่อซื้อประสบการณ์ชีวิต เพื่อใช้เป็นวิธีในการศึกษาคนด้วยค่ะ ดิฉันชอบสังเกตและชอบเรียนรู้ แต่ที่ผ่านๆ มาดิฉันยังไม่เคยโดน ใครชักดาบไม่เคยตึกติกเรื่องเงินๆทองๆค่ะ)
เวลาจัดของให้ใครดิฉันจะแพ็คอย่างดที่สุด เอาไปส่งให้ถึงประเทศปลายทาง โดยที่ไม่เคยคิดค่าจ้างค่าขน ไม่เคยเอากำไรแม้แต่ บาทเดียวก็มีมาแล้วค่ะ บ่อยด้วย แต่สุดท้ายแล้วเนื้อไม่ ได้กินหนังไม่ได้รองนั่งเลยค่ะ แถมน้ำใจ ที่มีกลับมาให้ก็เป็นไปอย่างไม่จริงใจ แถมยังไว้ใจไม่ได้อีกด้วยค่ะ
ฮ่าๆ แต่อย่าคิดว่าดิฉันจะเข็ดนะคะ เพราะดิฉันชอบมองโลกในแง่ดี และดูคนเป็นคนๆ ไปค่ะ ปัจจุบันนี้ ดิฉันก็ยังซื้อของใช้ ของกิน เอามาฝากคนไทยในต่างแดนที่ดิฉันรู้จักเสมอๆ หนังสือหนังหาดีๆ นิตยสารดีๆ ดิฉันก็ขนหมดค่ะ เวลาไม่อยู่เมืองไทยจะมีคนจัดหาเอาไว้ให้ค่ะ ผูกปิ่นโตเอาไว้กับร้าน หนังสือต่างๆ ของที่อ่านประจำเขาจะเก็บเอาไว้ให้ ส่วนของที่ออกใหม่ๆ ถ้าดิฉันทราบข่าวเพราะ เช็คตลอด ดิฉันก็แค่โทรไปจองเอาไว้ค่ะ
หรือซื้อของให้คนต่างชาติที่เคยอยู่เมืองไทยก็ยังทำอยู่เสมอค่ะ บางคนให้โจทย์มายากๆ เช่นให้หา แผ่นซีดีหนังเก่าๆ เพลงเก่าๆ อิฉันก็ไปดั้นด้นหามาให้เขาค่ะ บางคนอยากสูบกรองทิพย์เพราะชอบ ตั้งแต่สมัยอยู่เมืองไทย ดิฉันก็จัดให้ค่ะ เพราะถือว่าคนเราเพื่อนมนุษย์มีอะไรที่ช่วยกันได้ก็ช่วยๆ กันไปค่ะ
หวังว่าที่ดิฉันเข้ามาแชร์ และมาเม้าท์สัพเพเหระในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อกระทู้นี้ จะเป็นข้อมูล ที่มีประโยชน์กับคุณ จขกท. ได้บ้างค่ะ
สรุปว่าหัวใจสำคัญขอให้คำนึงถึงคุณภาพของสินค้าค่ะ แต่เท่าที่เห็นมา สินค้าจากเอเชีย ในสามประเทศนี้ไม่เงือกเลยค่ะ ที่ใช้ได้ คือ ออสเตรเลียโดยเฉพาะซิดนี่ย์อุดมสมบูรณ์มากในเรื่อง ของอาหารไทยและวัตถุดิบจากเมืองไทย, อังกฤษ ไม่เลวเลยค่ะ มีของเยอะ หลากหลาย และ สวิทเซอร์แลนด์ค่ะ
สิงคโปร์ก็โอเค แต่สินค้าส่วนใหญ่จะเน้นขายพี่ๆ พวกแรงงานไทยอ่าค่ะ จะเป็นสินค้าที่ออกแนวๆ ประมาณเหมือนไปช้อปปิ้งตามร้านต่างจังหวัดไกลๆ ไม่ใช่สินค้าแบบที่ขายตามซุปเปอร์มาร์เก็ตใน กรุงเทพฯ หรือ หัวเมืองใหญ่ๆ หรือเมืองท่องเที่ยวที่มีต่างชาติอยู่กันเยอะๆ
จากคุณ |
:
Been there, done that!
|
เขียนเมื่อ |
:
17 มิ.ย. 55 20:38:40
A:202.156.9.10 X: TicketID:357481
|
|
|
|
|