|
ก่อนอื่นขอติงว่าคุณ newcomer มีทัศนคติต่อคนเรียนเอกในเชิงลบมากเกินไปค่ะ คนแบบที่คุณว่ามีไหมมีค่ะ แต่ตนเองเชื่อว่ามีหลายคนเรียนเอกแต่ไม่ไดได้ถูกจัดเข้าอยู่ในกลุ่มที่คุณตั้งขึ้นมาเอง คิดเอง และเข้าใจไปเองค่ะ
ขอมาเล่าประสบการณ์ของตนเองให้เจ้าของกระทู้ค่ะ ตนเองจบตรีและโทในไทย ช่วงระหว่างเรียนโทถูกอาจารย์หัวหน้าภาคมาทาบทามให้เป้นอาจารย์แต่ตนเองได้ปฏิเสธไปเพราะตนเองนั้นอยากใช้ชีวิตและได้ประสบการณ์ในโรงงานอุตสาหกรรมให้มากกว่าเดิม
เนื่องจากว่าสมัยจบตรีแล้วทำงานใหม่ๆเจ้านายคนแรกบอกว่าคนในวงการศึกษากับคนในวงการอุตสาหกรรมมีหลักคิดเรื่องการบริหารแตกต่างกัน คนในวงการศึกษามีแนวความคิดด้านการจัดการ มีมุมมองด้านบริหารต่างจากคนทำธุรกิจ ตอนนั้นจึงตั้งใจไว้ว่าจะเรียนรู้ประสบการณ์การบริหารก่อนแล้วค่อยเปลี่ยนตนเองเข้ามาอยูู่ในแวดวงวิชาการเพราะอยากเป็นนักวิชาการที่มีความสามารถทางด้านบริหารที่ดี และในขณะเรียนโทก็ทำเกรดให้อยู่ในเกณฑ์ที่ใช้สมัครทุนได้เพื่อใช้ในการต่อยอดทางการศึกษาและเพิ่มโอกาสในการได้ทุนได้ในอนาคต
เมื่อทำงานได้ระยะหนึ่งคิดว่าพร้อมแล้วและเรียนรู้งานมาพอควร พร้อมกับการการที่จะออกไปตามความฝันตามความตั้งใจของตนเอง เจ้านายที่ทำงานด้วยทราบมาตลอดว่าตนเองต้องการเรียนเอก แกเสนอให้เรียนในไทยพร้อมจะช่วยจ่ายค่าเล่าเรียนให้จนจบ แต่ตนเองต้องการไปต่างประเทศเพราะต้องการได้ประสบการณ์อีกแบบและคิดว่ามันท้าทาย รวมทั้งสาขาที่ตนสนใจขณะนั้นยังไม่มีการเรียนการสอนในไทย เจ้านายเห็นว่าไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความตั้งใจได้ จึงมาช่วยสนับสนุนเป็นคนติวภาษาอังกฤษให้ทุกวันวันละ 1 ชั่วโมง และอนุญาตให้ไปเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มวันเสาร์ไม่ต้องมาทำงาน เพราะตนเองทักษะการฟังและพูดแย่มากๆ
เมื่อทุกอย่างค่อนข้างพร้อม ลาออกจากงาน ออกเดินทางพร้อมวิทยานิพนธ์ที่ทำในไทยแต่เขียนเป็นภาษาอังกฤษ ไม่ได้ใช้เงินที่บ้านแม้แต่บาทเดียว มาเรียนภาษาเพิ่มเติมและพบปัญหาเงินมีไม่พอกับสาขาที่ตนเองต้องการเรียนเอก ตอนนั้นเกือบถอดใจเรียนโททางบริหาร แต่ชะตาชีวิตค่อนข้างโชคดีมีพี่นักเรียนทุนรัฐบาลไทยแนะนำให้รู้จัก Professor ท่านหนึ่ง แกถามว่าจะเรียนโทอีกทำไม ได้โทมาแล้ว จบมาจากมหาวิทยาลัยดี เกรดก็ดี เรียนเอกไปเลย ตอนนั้นก้ได้แต่อ้ำอึ้งเพราะพูดก็ยังไม่เก่ง แถมมีล่ามช่วยแปลให้อีกต่างหากเพราะการฟังถึงแม้จะดีกว่าเดิมมาก แต่ก็ยังไม่ดีพอควร กลับมานั่งคิดจะเอายังไงดี แต่ถามตนเองแล้วตนเองต้องการเรียนเอกมากๆ ตัดสินใจไปพบ professor อีกครั้งบอกแกว่าจะเรียนเอกและบอกสาขาที่สนใจไป แกจึงพาไปพบ Professor ของสาขานั้น แล้วกก็ปล่อยให้ลุยเอง professor สาขาใจดีมากๆ เป็นคนที่ดีมากๆ แกช่วยจัดการให้ทุกอย่างหลังจากดู CV และ เอาวิทยานิพนธ์ไปดู ตอนนั้นบอก Professor ไปตรงๆว่าเงินมีไม่พอเรียน แต่จะมีทุนทางไทยเปิดขึ้น จะบินกลับไปลองสอบ หลังจากนั้นกลับไทยไปสอบทุนพลาดค่ะ สอบไม่ได้ แจ้งผลให้ Professor ทราบ แกบอกว่าขอเวลา 2- 3 อาทิตย์ แกจะเอาเรื่องเข้าที่ประชุม อาทิตย์ที่ 3 ได้รับ email ที่ไม่เคยลืมเนื้อหาใน email ว่า
"We have decided that we would pay your tuition fees. However, we will not be able to pay for 'living expenses'. Are you still interested in studying at ......? We would like very much to have you"
แค่นี้ก็น้ำตาคลอแล้วค่ะ รีบบอกข่าวถึงคนใกล้ตัวที่ให้กำลังใจและดูแล บอกพ่อกับแม่ บอกเจ้านาย และรีบส่ง email ตอบกลับ Professor นั่งคือจุดเริ่มต้นของการเรียนเอกค่ะ เนื่องจากได้ทุนแต่ค่าเทอมก็เรียนไปทำงานไป โดยเป็นคนเก็บขยะและทำความสะอาดเก็บทุกวันจันทร์ถึงศุกร์หลังเลิกเรียน งานหนักไหม สำหรับตนเองหนักมากค่ะ ผุ้ชายบางคนทำไม่ได้ไปทำแป๊ปเดียวแล้วลาออกก็มี เก็บไปได้พักใหญ่เขียนงานวิจัยไปด้วย จนกระทั่ง paper ที่จะส่งตีพิมพ์ หลังจากเรียนไปได้ 3 เดือนแรก Professor เรียกไปคุยถามว่าตอนนี้ทำงานพิเศษเลิกกี่โมงก็บอกไปว่าเสร็จประมาณ 5 ทุ่ม ถึงเที่ยงคืน Professor บอกว่า
"You have a long day"
สองวันต่อมา Professor เรียกไปคุยบอกว่ามีเงินเข้ามาและจะจัดสรรเป็นทุนค่ากินอยู่ให้นอกเหนือจากค่าเทอมที่ต้องจ่าย ตอนนั้นน้ำตาคลอเลย กล่าวขอบคุณกับ Professor และแจ้งลาออกจากงานเก็บขยะและทำความสะอาด แต่เจ้านายที่เก็บขยะบอกให้ช่วยสักพักก็ช่วยไปต่ออีกพักหนึ่งแล้วเอาเวลามาทุ่มเรื่องเรียนเต็มที่ จนจบการศึกษารักและเคารพ Professor ท่านนี้มาก ปัจจุบันแกก้ยังคอยให้ความช่วยเหลือให้คำแนะนำทั้งๆที่เรียนจบมาแล้ว
พยายามเล่าอย่างย่อๆแต่ก็ยาวจนได้ จริงๆเคยเขียนตอบไว้บ้างเวลามีคนมาถาม หวังว่าเรื่องราวของตนเองจะเป็นกำลังใจให้ จขกท ค่ะ ตนเองเชื่อเสมอว่าหากเรามีความตั้งใจและมุ่งมั่นกับมันสิ่งที่หวังไม่น่าไกลเกินเอื้อมค่ะ
แก้ไขเมื่อ 17 มิ.ย. 55 19:45:59
จากคุณ |
:
jinjung
|
เขียนเมื่อ |
:
17 มิ.ย. 55 19:42:55
|
|
|
|
|