ความคิดเห็นที่ 1 เราก็เคยเป็นคนนึงที่เข้ามาขอความช่วยเหลือในห้องนี้แล้วก็ได้คุณ Lawanwadee ช่วยเหลือให้คำแนะนำ จนบัดนี้หย่าร้างมาสองปีแล้ว สบายใจกว่าเยอะ ไม่ต้องกลัวสามีอารมณ์ร้าย ครั้งสุดท้ายทะเลาะกันรุนแรงมากจนตำรวจมาจับเค้าเข้าคุกไปนอนคืนนึง วันรุ่งขึ้่นศาลสั่งว่าห้ามเข้าใกล้เราและลูกจนกว่าจะขึ้นศาลตัดสินคดีความ แต่ด้วยความใจอ่อนบวกกับลูกถามหาว่าพ่อไปไหนเราก็เลยไม่เอาเรื่องแล้วตัดสินใจหย่าขาด ย้ายข้ามรัฐหนีเลยจบปัญหาค่ะ แต่ตอนนี้บางครั้งก็โมโหตัวเองที่ไม่เอาเรื่องในตอนนั้น นิสัยคนเรานี่แก้ยากจริงๆ ถ้าไม่ติดว่ามีลูกไม่อยากจะต้องมายุ่งเกี่ยวกันอีกเลยชีวิตนี้ แก้ไขเมื่อ 02 ก.ค. 55 14:55:20 จากคุณ : OtteR เขียนเมื่อ : 2 ก.ค. 55 14:52:30

ความคิดเห็นที่ 2 สู้ตามกฏหมาย  อย่าใจอ่อน  สาวไทยใจอ่อนขี้สงสาร ปัญหาจะไม่จบสิ้น จากคุณ : คุณนายแดนไกล เขียนเมื่อ : 2 ก.ค. 55 17:53:07

ความคิดเห็นที่ 3 แล้วถ้าตบหน้า 1 ครั้ง  ถือเป็นการทำร้ายร่างกายไหมคะ หรือว่าจ่ายค่าปรับ  500บาท  จบแบบพี่ไทย จากคุณ : ผึ้งเก่ง เขียนเมื่อ : 2 ก.ค. 55 19:16:01

ความคิดเห็นที่ 4 ขอบคุณมากค่ะ (เนื้อหา)ดีมากๆเลยค่ะ จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : 2 ก.ค. 55 20:12:32

ความคิดเห็นที่ 5 กฎหมายอเมริกาแน่นดีจัง คุ้มครองฝ่ายที่ถูกกระทำเต็มที่เลย แต่ของไทยนี่ตำรวจยังไม่ค่อยจะรับแจ้งความเลย ชอบบอกเป็นเรื่องผัวๆเมียๆกลับไปเคลียร์กันเองที่บ้าน บางกรณีผู้หญิงถูกทำร้ายข้างถนน พอมีคนจะไปช่วย ผู้ชายก็ตะโกนว่าเรื่อผัวเมีย อย่ามายุ่ง คนจะช่วยก็ลังเล... น่าเบื่อนะไอ้คำว่าเรื่องผัวๆเมียๆ ทำให้มีสิทธิทำร้ายร่างกายกันได้อย่างเต็มที่รึไง สงสารผู้หญิงในประเทศไทยหลายๆคนที่ตกป็นกระสอบทราย ให้สามีซ้อมทุกวัน โดยที่กฎหมายมีส่วนปกป้องน้อยมากนะ....... จากคุณ : save the last dance for me เขียนเมื่อ : 2 ก.ค. 55 22:25:44

ความคิดเห็นที่ 6 ....เห็นด้วยกับคุณ save the last dance for me ทุกประการคะ ทุกวันนี้ดิฉันคิดอย่างคุณเด๊ะเลยคะ กฏหมายเมกาแน่นจริงๆ ผิดก็ว่าไปตามผิด ชัดเจนและรวดเร็ว ล่าสุดมีคนรู้จัก ลูกชายเขาเป็นเด็กค่อนข้างดื้อ คือพ่อแม่ก็เต็มที่กับเขาแล้ว แต่เขาเอาแต่ใจมาก วันนั้นพ่อคงทนไม่ไหว พอลูกโวยวายปั๊บ พ่อแค่เดินเงื้อมือ ลูกมือถืงโทรศัพท์เตรียมกดแล้วนะ คือถ้ากด 911 ปุ๊บ เรื่องยาวเลย กฏหมายคุ้มครองเด็กแรงสุดๆ สามีเราชอบบอกว่าเราต้องเลี้ยงลุกให้ดี ถ้าเราเลี้ยงไม่ดี คนที่จะเลี้ยงแล้วปรับนิสัยลูกคือตำรวจ เราเลยทำอะไรตามสเต็ปของกฏหมายของเขาเปี๊ยะมาก  อย่างกฏหมายที่เมกา ห้ามพ่อแม่ให้ลูกอายุต่ำกว่า 14 อยู่บ้านโดยลำพัง ลูกเรา 12 เราจะออกไปวิ่งหน้าบ้านยังไม่ได้เลย หรือถ้านั่งรถแล้วลูกไม่ได้คาดเข็มขัด แล้วตำรวจเจอ ตำรวจเอาลูกไปเลย ไปไว้ทีศูนย์ พ่อแม่อยากได้ลูกคืนก็ฟ้องศาล บางทีทั้งปรับ ทั้งติดคุก หรือบางทีศาลบอกว่าพ่อแม่ไม่มีคุณสมบัติที่ดีพอ เขาก็ไม่ปล่อยลูกให้มา เด็กบางคนอยู่ยาวเลย จนกว่าพ่อแม่จะไปเข้าห้องเรียนเลิกยา เลิกเหล้า แล้วผ่านตรวจสอบแล้วเขาถึงปล่อยเด็กมาจริงๆ ขนาดหมาที่เมกานะ เด็กผู้หญิงเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว คงเป็นวัยรุ่น ไม่ดูแลหมา หมาอดตาย เด็กโดนจำคุก 6 เดือนแนะ เสียเครดิตเรื่องสัตว์เลี้ยงด้วย เราชอบอยู่ที่นี่นะ เพราะว่าถ้าเรารักษากฏหมาย กฏหมายก็รักษาชีวิตและทรัพย์สินของเรา รู้สึกปลอดภัยดี จากคุณ : angelomm เขียนเมื่อ : 2 ก.ค. 55 23:06:49

ความคิดเห็นที่ 7 แรงไปป่าว ถีบที่ท้องเลย เล่นแรงไปหน่อย จขกทสู้เลยคะ จากคุณ : annaraquetsexy เขียนเมื่อ : 2 ก.ค. 55 23:51:10

ความคิดเห็นที่ 8 ขอบคุณสำหรับกระทู้ดีๆ และความรู้นะคะ จากคุณ : CutieAngel เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 55 05:09:32

ความคิดเห็นที่ 9 จากข้อ 3 3.  ถ้าคุณกลัวว่าเขาออกมาแล้วจะทำร้ายร่างกายคุณ หรือกลัวว่าจะมีรายการเอาคืน ไม่ต้องกลับไปอย่ที่บ้านนั้น ไปอยู่กับเพื่อน (ไม่ใช่เพื่อนผู้ชาย เดี๋ยวสามีจะหาเหตุว่าคุณคบชู้ เรื่องจะบานปลาย แถมเข้าทางเขาอีก)  หรือไปอยู่บ้านพักฉุกเฉินเสียชั่วคราว ถ้าไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน ให้ติดต่อโรงพักค่ะ คุณสามารถขอคำสั่งศาล ห้ามสามีเข้าใกล้ ห้ามติดต่อคุณ ฯลฯ หรือที่เรียกว่า restraining order ได้ โดยเอาบันทึกตำรวจ กับคำให้การของพยาน (ถ้ามี) ไปยื่นที่ศาลในท้องที่ๆ คุณอยู่  กรอกฟอร์มแล้วยื่นให้เสมียนศาล จากนั้นจะได้รับใบนัดว่าให้ไปให้ปากคำในศาลวันไหน โดยมากไม่เกิน 48 ชั่วโมง  ถึงเวลาคุณก็ไปศาลตามนั้น   หากเขาพยายามติดต่อคุณ พยายามตามไปทุกหนทุกแห่ง เช่นที่ทำงาน คุณโทรแจ้งตำรวจที่เบอร์โรงพักได้เลยนะคะ เพราะการฝ่าฝืน restraining order คือการฝ่าฝืนคำสั่งศาล เขาจะได้กลับไปนอนกรงอีกครั้งนึง ขออนุญาตนำข้อ 3 มาเป็นข้อคิดให้กับผู้บังคับใช้กฎหมายบ้านเราบ้าง กรณีสามีเก่าตามราวี ยิงยกบ้าน 5 ศพ ที่นครปฐม http://www.pantip.com/cafe/social/topic/U12263021/U12263021.html ผู้หญิงโดนข่มขู่หลายครั้งจนไปแจ้งความไว้ที่โรงพัก ตำรวจไทยไม่รับแจ้งความ แต่บอกว่ามีอะไรก็ให้มาหา ผมชี้ช่องให้ญาติผู้ตายแจ้งความเอาเรื่องกับ ตำรวจ แต่ก็เงียบๆไปตามไสตล์ไทยๆครับ เหตุผล ไม่อยากเป็นเรื่องเป็นความ เฮ้ออออ จากคุณ : มือเก่า เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 55 05:33:56

ความคิดเห็นที่ 10 เยี่ยมเลยครับ กระทู้ดี ๆ มีสาระแบบนี้ จากคุณ : ผัดไทยกุ้งสด เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 55 08:13:02

ความคิดเห็นที่ 11 คห.7 คะ จขกท.ไม่ได้เป็นผู้ถูกทำร้ายนะคะ คุณ Lawanwadee เธอคอยช่วยเหลือคนไทย โดยเฉพาะสาวไทยที่มีปัญหา เลยยก case มาเล่าสู่กันฟัง จะได้เป็นประโยชน์กับคนอื่นๆค่ะ  :D อีกอย่าง แนะนำให้หลบเลี่ยงค่ะ แล้วโทรแจ้งความ อย่าไปสู้ เพราะจะเป็นโอกาสให้เค้าแจ้งความได้เหมือนกัน ประมาณว่าใครชิงโทรแจ้งความก่อนได้เปรียบอ่ะค่ะ สาวไทยเราถ้าไม่รู้ตรงนี้ แล้วไปสู้กับเค้า เกิดเค้าโทรแจ้งตำรวจก่อน จะกลายเป็นเราโดนข้อหา Domestic Violence ไปซะอีกนะคะ แก้ไขเมื่อ 03 ก.ค. 55 08:38:00 จากคุณ : BlueBonnet เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 55 08:36:10

ความคิดเห็นที่ 12 ถ้าสมมุติว่าไม่เคยถูกทำร้ายร่างกายค่ะ แต่ถูกทำร้ายทางจิตใจมากกว่า   ทะเลาะกันทีไร ตำรวจต้องมาแยกออกทุกที แต่ไม่มีใครได้ไปนอนลุกกรงสักคนค่ะ ในกรณีอย่างนี้เราจะเอาเหตุผลไหนฟ้องหย่าดีคะ? จากคุณ : vanessa-eva เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 55 12:18:25

ความคิดเห็นที่ 13 เป็นประโยชน์มากๆ เลยครับ ช่วยโหวตให้คุณผู้หญิงได้อ่านกันเยอะๆ จากคุณ : NORITA...BOY เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 55 14:35:03

ความคิดเห็นที่ 14 โหวตๆๆๆๆค่ะ จากคุณ : aorp เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 55 16:33:03

ความคิดเห็นที่ 15 โหวตให้ค่ะ จากคุณ : แพนด้าเอง เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 55 20:49:27

ความคิดเห็นที่ 16 คห 12 เขาเรียกว่า emotional abuse เป็นเหตุแห่งการหย่าร้างเหมือนกัน จากคุณ : ก เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 55 23:49:22 A:98.196.117.81 X: TicketID:000072

ความคิดเห็นที่ 17 เยี่ยมมากครับกระทู้นี่ โหวตให้อีกคนครับ ส่วน emotional abuse เนี่ย มันพิสูจน์กันยากเพราะไม่มีหลักฐานเหมือน physical abuse นะ ผมว่าถ้าอยากได้หลักฐานคงต้องแอบถ่ายคลิปเอาไว้ คือคงจะเกิดบ่อยจนเราพอจะคาดได้ว่า มันจะต้องเกิดอีกตอนนั้นตอนนี้ ก็แอบตั้งกล้องไว้เลย ศาลจะได้เห็นว่าคุณถูก abuse ยังไงบ้าง ยิ่งมีเยอะยิ่งดี แต่คงต้องแอบซ่อนให้ดี เพราะถ้าถูกจับได้ อาจจะกลายไปเป็นทำร้ายทางร่างกายได้ ก็คิดตามประสาชาวบ้านนะครับ หรือว่าเราไม่ควรทำอะไรแบบนั้น เพราะมันเสี่ยงเกินไป จากคุณ : LeePablo773 เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 55 03:45:52

ความคิดเห็นที่ 18 โหวตให้ค่ะ     และอยากให้คนที่ถูกสามีทำร้ายรู้ว่า  คุณไม่ได้อยู่ "เมืองไทย" ที่ตำรวจส่วนใหญ่ที่คุณเคยเจอจะเป็นได้แค่โจรในเครื่องแบบ     ตำรวจในต่าง ประเทศ(หลายประเทศ) คือผู้พิทักษ์สันติราษฎร์       หากคุณเป็นผู้ถูกกระทำ คุณสามารถขอความช่วยเหลือจากคำที่เรียกว่า "ตำรวจ" ได้เลยค่ะ   ชอบการสรุปปิดท้ายของจขกท. เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด  คนรักกันต้องไม่ทำร้ายกัน หากรักกันจริงต้องให้เขารู้ว่าสิ่งที่เขาทำเป็นสิ่งผิด     เข้าคุกนอนซังเตไป แต่ เชื่อว่าผู้หญิงไทยที่เป็นภรรยาคงสงสาร      ถ้าสงสารก็ไปเยี่ยมให้รู้ว่าเราห่วง แต่ก็ต้องให้เขารู้ตัวเองด้วยว่าเขาผิด (ผิดก็คือผิด)  รักก็ต้องใช้สติด้วยค่ะ จากคุณ : usneoides เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 55 10:36:47

ความคิดเห็นที่ 19 ยกตัวอย่างในกรณีของบีมนะคะ   สามี เจ้าชู้ ทั้งจับได้บ้าง ไม่ได้บ้าง สุดท้ายก็ลงเอยด้วยการทะเลาะ  และมารู้ทีหลังอีกว่า เขาได้แต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น ก่อนเรา 4 เดือน และจดทะเบียนกับ ผญ คนนั้น โดยที่เราไม่รู้ระแคะระคายมาก่อน  จากนั้นเขาทำเรื่องหย่ากับ ผญ  คนนั้น  โดยที่ฝ่ายชายไปฟ้องศาลว่า ขอหย่าจาก ผญ เพราะเป็นการแต่งงานแค่ช่วยเหลือฝ่ายหญิงขอวีซ่า เพื่อทำงานที่ญี่ปุ่น   ( บีมถือวีซ่านักเรียน ค่ะ )   ในขณะที่เขาก็ทำพิธีแต่งงานตามประเพณีกับบีมไปเหมือนกัน  ฝ่ายญาติเขารับรู้ว่าแต่งงานกับบีม  แต่เขาไม่รู้ว่าลูกชายของเขาได้แต่งงานกับ ผญ ฟิลิปปินส์  จากการที่เขาฟ้องหย่า ฝ่ายหญิงไม่มีสิทธ์เรียกร้องอะไรเลย แต่ฝ่ายชายได้จ่ายเงินค่าชดเชยให้จำนวนหนึ่งไม่มาก และ ก็ไม่น้อย   กว่าบีมจะรู้ก็หลังจากที่เขาหย่ากันได้ประมาณ ปีกว่าๆ  จะความมาแตกตอนเจ้าหน้าที่ให้เซนต์เอกสารยื่นขอวีซ่าแต่งงานให้บีม  เพราะมันมีเอกสารแผ่นหนึ่งให้ตอบว่า ผ่านการแต่งงานมากี่ครั้ง วัน เดือน ปี     และหลังจากที่รู้ความจริงรุ้สึกว่าเสียใจ และรับไม่ได้ ที่ตัวเองต้องเจอกับเหตุการณ์แบบนี้  หลังจากนั้นมาเขาก็มีผู้หญิงคนอื่นมากมาย มีทั้งรูป และ ข้อความ ที่เขาส่งหากัน เคยทะเลาะกันจนบ้านแตก ข้าวของกระจัดกระจาย จนตำรวจมาที่บ้านหลายครั้ง ตอนนั้นยังไม่เก่งภาษา และอีกอย่างตำรวจที่ญี่ปุ่นที่มาบ้าน พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ สื่อสารกันไม่รู้เรื่อง ไม่รู้จะบอกเขาว่ายังไง แต่ฝ่ายชายกับใส่ความเราว่า เรานอกใจเขา  ก็เลยได้แต่ปล่อยเลยตามเลย     อยากมาเก็บความรู้ไว้ เพื่อจะได้ใช้วันข้างหน้าค่ะ  สามีบีม ตอนไม่ทะเลาะไม่โกรธเขาก็ถือว่าดี แต่ถ้าเขาโกรธหรือทะเลาะ เขาจะโมโหร้าย ทำลายข้าวของ เสียงดัง ไม่มีเหตุผล   ถ้าบีมเป็นคนเถียง หรือ โต้ตอบกลับ บีมก็คิดว่า ปานนี้คงโดนทำร้ายร่างกายไปแล้วเหมือนกันค่ะ แต่ส่วนมากทะเลาะ บีมจะเฉยๆ นิ่งๆ ไม่ตอบโต้ ยืนฟังจนกว่าเค้าจะบ่น จะด่า เราจบ ปล่อยให้เขาพูดจนเหนื่อย แล้วเขาก็จะหยุด แต่ถ้ามันเกิดปล่อย  จนล่าสุด ตำรวจมาบ้าน เขาเตือนว่า ถ้ามีอีกรอบ เขาจะจับแยก เพราะกลัวว่าลุกจะมีปัญหา ตอนนี้ก็ได้แต่ทำใจไปก่อนค่ะ    ขอบคุณทุกๆคนที่เขามาให้ความรู้ทางกฎหมายเรื่องของครอบครัวนะคะ จากคุณ : vanessa-eva เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 55 16:10:07

ความคิดเห็นที่ 20 ชอบกฎหมายที่เมืองนอกจัง คุ้มครองแน่นหนา เมื่อไหร่เมืองไืทยจะได้สักครึ่งน่ะ จากคุณ : รู้น่ะว่าแอบชอบ เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 55 14:37:37

ความคิดเห็นที่ 21 มีเคสคล้าย ๆ กันที่อังกฤษค่ะ พอดีตอนนั้นไปทำงานเป็นล่ามในศาลให้ผู้หญิงไทยคนนึง สามีกับลูกติดของสามีซึ่งเป็นผู้ชายวัยรุ่น พากัน sexual abuse ลูกสาวของเค้า (ไม่ได้ข่มขืน แต่ก็ทำอะไรไม่ดี) ซึ่งลูกสาวก็เป็นลูกของหญิงคนนั้นกับสามีเอง ไม่ใช่ลูกติดจากเมืองไทย หญิงไทยเล่าให้ฟังว่าเรื่องเกิดมาได้กว่าสิบปีแล้ว แต่เค้าอดทนเพราะคิดว่าสักวันนึงสามีจะเลิกทำ แต่ก็ไม่เลิก ตอนนี้สามีเค้าอายุได้ 80 กว่าแล้ว เคยแจ้งความแล้วก็กลับคำหลายทีเพราะสงสารสามี แต่คราวนี้ยอมไม่ได้จริง ๆ เพราะลูกสาวเค้าเริ่มมีปัญหาทางจิต เล่าไปร้องไห้ไป น่าสงสารมาก ศาลตัดสินออก non-molestation order ห้ามไม่ให้ทั้งฝ่ายสามีและลูกติดของสามีเค้ามาเข้าใกล้ลูกสาวอีก เท่าที่รู้ตอนนั้นคือหญิงไทยกับลูกสาวหนีออกมาอยู่ safe house แล้ว ส่วนเรื่องอื่น ๆ จะจบยังไงก็ไม่อาจทราบได้ เพราะเราไปช่วยแปลแค่ครั้งเดียว ที่จริงเรื่องยาวกว่านี้ค่ะ แต่ไม่สามารถเล่าให้ฟังได้ ตำรวจที่นี่เอาจริงค่ะ เราเคยเดินไปทำงานครั้งนึงแล้วเจอโรคจิตระหว่างทาง โทรไปหาตำรวจ ๆ มาหาถึงที่ทำงานเพื่อตามเรื่องต่อเลย จากคุณ : 9-to-5er เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 55 21:03:44

ความคิดเห็นที่ 22 โหวตเลยคะ เราเป็นคนนึงที่มีปมมาตั้งแต่เด็ก โดนพ่อตีเหมือนไม่ใช่ลูกตัวเอง เหตุผลเพราะฟังข้างบ้านมา เคยแม้กระทั่งเอาไม่แขวนเสื้อฟาดกลางหน้าเป็นรอยบาก เอาไม้กวาดตีจนหัก เอาสายรัดยางยืดแขวนคอ เห็นพ่อตีแม่อยู่ 2 ครั้ง ฝังใจมาก พอมาเจอสามีคนนี้ก่อนแต่งงานเล่าให้เขาฟังหมดเลยว่าเจออะไรมาบ้าง ถ้าแต่งกันไปแล้วคิดจะตีเราทำร้ายเราก็อย่าแต่งกันเลย เพราะเรารับไม่ได้ กลัวตัวเองจะทำอะไรแบบชั่ววูบลงไป ยิ่งอยู่ต่างบ้านต่างเมือง ความเครียดมันเกิดได้ง่าย ๆ โชคดีที่สามีคนนี้ดีมาก ๆ ทำให้เราลืมปมที่เคยมีไป เป็นกำลังใจให้ผู้หญิงทุกคนปกป้องสิทธิตัวเองนะคะ จากคุณ : เด็กหลังส้วม เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 55 04:02:02

ความคิดเห็นที่ 23 อยากเห็นตำรวจไทยเอาจริง เอาจังกับเรื่องนี้มาก ๆ (คงได้แค่ฝัน) คุณบีม คห.19 อดทนเก่งจังเลยค่ะ  ระวังตัวด้วยนะคะถ้าสามีโมโหร้ายและเจ้าชู้ขนาดนี้  ลองหาทางขยับขยายดูมั้ยคะ  เป็น Single Mom ก็ไม่แปลกนะเดี๋ยวนี้  สู้ ๆ ค่ะ จากคุณ : Jasmineinlove เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 55 10:43:27

ความคิดเห็นที่ 24 จริงๆแล้วเราว่าตำรวจไทยหลายท่านก็อยากจะเอาจริงเหมือนกันแหละค่ะ แต่คดี สามี ภรรยา แบบนี้มีที่ไทยมีให้เห็นบ่อยว่าฝ่ายภรรยาไม่เอาจริง ใจอ่อน สุดท้ายมาร้องห่มร้องให้ขอร้องให้ปล่อยตัวสามี แต่ตำรวจช่วยอะไรไม่ได้เพราะส่งฟ้องไปแล้ว สุดท้ายก็มาด่าตำรวจ โทษตำรวจว่าทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ ทำครอบครัวแตกแยกไปโน่น แต่ก็มีกรณีที่ตำรวจไม่ช่วยเพราะตัวตำรวจเองก็พอๆกัน เลยเห็นเป็นเรื่องธรรมดาซะงั้น จากคุณ : LiLLa_JoY เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 55 04:31:19

ความคิดเห็นที่ 25 สู้ๆ จากคุณ : ทุกอย่างล้วนคือศิลปะ เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 55 09:53:52

ความคิดเห็นที่ 26 คุณ vanessa-eva คิดว่าคงได้ภาษาญี่ปุ่นคล่องแล้ว แต่ถ้ามีปัญหาอะไรส่งหลังไมค์มาได้นะคะ ยินดีช่วยปรึกษาเรื่องภาษาญี่ปุ่นค่ะ อ่านแล้วอยากให้กฎหมายไทยบังคับใช้ได้จริง ให้ความสำคัญกับเรื่องสิทธิมนุษยชน รวมถึงสัตว์ด้วยจังค่ะ จากคุณ : kitten in the kitchen เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 55 12:05:27