|
กลับมาทำความรู้จักเมืองบอสตันกันสักนิดก่อนดีกว่าครับ (เอาแบบจากส่วนตัว ไม่มีแหล่งข้อมูลเลยนะครับ ขี้เกียจหาอ้างอิง 555+)
ทั้งนี้ทั้งนั้น กระพ้มเองก็เพิ่งมาอยู่ได้ 3 สัปดาห์ มิใช่กูรูสักเท่าไร อาจจะมีข้อมูลที่คลาดเคลื่อนจริงเท็จประการใด ก็ขอให้พี่ๆน้องๆแก้ไขด้วยนะครับ ฮ่าๆๆ
เมืองบอสตันตั้งอยู่ในรัฐแมสซาชูเสส ด้านตะวันออกเฉียงเหนือของนิวยอร์คขึ้นมาสัก สามร้อยห้าสิบกิโลเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อได้ว่าเมืองแห่งการศึกษามากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก มหาลัยที่ดังๆที่น่าจะรู้จักก็ Havard, MIT ที่นี่มีแทบทุกสาขาที่อยากจะเรียน พี่เอเค้าบอกว่า ขนาดปริญญาเอกด้านการพับกระดาษยังมีเลย 555+
ซึ่งรัฐแมส (ตามที่เค้าเรียกย่อกัน) อยู่เขตที่เรียกกันว่า New England ความหมายก็คือตรงๆตัวนั่นแหละครับ คือเป็นเขตที่ถูกบุกเบิก (หรือรุกรานผู้อื่น?) เมื่อราวๆ 400 ปีก่อน ซึ่งมีอยู่ทั้งหมด 6 รัฐรวมกัน รายละเอียดก็ตามนี้นะครับ http://en.wikipedia.org/wiki/New_England
ที่เล่าๆมานี่ก็ไม่ได้อยากจะเป็นนักประวัติศาสตร์อะไรมากมายแค่จะบอกที่มาของการประกาศอิสรภาพประเทศอเมริกา ก็เริ่มมาจากเมืองบอสตันนี่ละครับ เช่นว่า จุดแรกๆที่เกิดการก่อปฏิวัติกับประเทศแม่ คือประเทศอังกฤษก็อยู่ไม่ไกลกับที่ผมนั่งพิมพ์อยู่นี่สักเท่าไร เรียกว่าแถวนี้หลุมศพเพียบ 555+ (ประวัติที่มาที่ไปกรุณาพึ่งอากู๋ต่อนะครับ)
กลับมาสู่การใช้ชีวิตความเป็นอยู่ที่เมืองนี้ดีกว่า....เมืองนี้อยู่ง่ายครับ ยิ่งเฉพาะผู้ชายที่ไม่สนใจการแต่งตัวอะไรมากอย่างผม คือ..ช่วงที่มาเป็นช่วงฤดูร้อน..คุณจะใส่เสื้อยืด+กางเกงขาสั้น ลากรองเท้าแตะ, เสื้อกล้ามกระทิงแดง+กางเกงนอนขึ้นรถไฟฟ้าก็ได้ อาจจะมีคนมองนิดนึง แล้วก็ผ่านๆไป เป็นปกติมากๆครับ สำหรับเมืองที่มีแต่วัยมหาลัย ซึ่งเค้าไม่ได้ให้ความสำคัญกับกระเป๋าแบรนด์เนมจากฝรั่งเศสกันสะเลย สาบานได้ ผมอยู่มา 3 สัปดาห์ จะเห็นผู้หญิงคล้องกระเป๋าลุยซี่ ก็มีแต่คนเอเชียเท่านั้นละครับ (อาจจะเห็นคนเมกาคล้องอยู่สักสองคนได้ ฮ่าๆๆ)
ฉะนั้นถ้าคุณจะซื้อกระเป๋าที่ว่ามาอยู่เมืองนี้.....เอาเงินมาจ่ายค่าข้าวดีกว่าครับ ค่ากินอยู่สำคัญกว่าเยอะ (เยอะจริงๆ) เช่นว่าอาหารตามร้านทั่วไปก็อยู่ราวๆสัก 7-10 บาท (คนไทยที่นี้เรียกบาททับศัพท์แทนดอลล่าครับ) ค่าที่พักเอาใกล้ๆรถไฟฟ้าหน่อยต่อเดือนก็สัก 600-800 บาท คูณไปสิครับ กระเป๋าใบนึงอาจจะต่อชีวิตเราได้สักเดือนครึ่งเลยน่ะ
ว่ากันต่อมาถึงเรื่องของการเอาเงินเข้าสู่บัญชีธนาคาร ตั้งกะวันแรกผมก็แลกเงินมากจำนวนหนึ่งซึ่งแลกมาด้วยทำงานที่เมืองไทยร่วมๆ สี่-ห้าปี (เอาเข้าจริงๆ เพิ่งเก็บได้สองปีหลังนี่ละครับ) อย่างที่บอก......เรามาด้วยความมั่นใจเรื่องการฟังของตัวเองอย่างที่สุด....พี่เอถามว่า จะเปิดบัญชีเองไม๊ เค้าจะให้ทำเอง....ผมบอก...สบายใจได้เฮีย...ดูแลตัวเองได้ จากนั้นก็เข้าไปธนาคาร ตอนแรกพี่เอก็เข้าไปเป็นเพื่อนนั่งรอเรียกคิวอยู่นานสองนาน จนพี่เอต้องไปดูแลร้านก่อน รอไม่ได้ให้ผมจัดการธุรกรรมด้วยตัวเอง ก็ถามย้ำอีกรอบว่า..."ได้แน่นะ"..."ชัวร์" หล่อมากกรู......อีกสักพัก...จนท เรียกโอเค เดินไปที่โต๊ะ
จนท .....ไฮ..ฮาว อาร์ ยู....
ผม ...โอเค....ฮาว อาร์ ยู.....
จนท .....open new account?
ผม.....Yeab
จนท !!@£$%^&*()_+| (รู้แต่ว่านี่คือคำอธิบายเท่านั้น)
ผม...........................................โอเก่
ในใจคิด (คะแนนโทอิกกรู แม่ ม ระดับอนุบาลชัดๆ)
คือจะบอกว่าด้วยความว่าเมืองนี้ระดับการศึกษาสูง ฉะนั้นคนทุกคนเวลาสนทนาด้วยเค้าจะเข้าใจว่าเราเป็น นศ. ที่มาเรียนระดับปริญญาแล้ว เค้าจะใส่คำที่แบบว่าคุยคนละภาษากับที่ได้เรียนๆมาเลย
ออกจากธนาคารมา....ทุกอย่างเหมือนถูกรีเซทสมองและความมั่นใจสะใหม่
ไอ่ที่ กูด มอร์นิ่ง ฮาวอาร์ยู
แอม ฟายน์ แต๊งกิ๊วแอนด์ยู
ด้วยความเคารพ กรุณาเดินไปบอก รมต ,ผู้มีอำนาจหรืออาจาร์ยที่เมืองไทยทุกท่านที่สอนประโยคนี้อยู่ กราบเท้าท่านแล้วช่วยบอกทีเถอะ ปีนี้มัน 2012 แล้วกรุณาเปิดอากู๋ (เป็นอย่างน้อย) แล้วเปลี่ยนตำราเรียนซะใหม่ ก่อนจะมีเด็กไทยต้องหอบเงินออกมาให้ชาวต่างชาติอย่างผมอีกนักเลย......
เอ่ออออ.....ขออภัย...มาเข้าเรื่องการเมืองสะงั้น......จะว่าไป ตอนต่อไปว่าถึงเรื่องเด็กไทยที่อยู่ที่นี่กันดีกว่า ขออนุญาตลาไปนอนก่อนครับ (เนียนเลย 5555+)
จากคุณ |
:
ไอ้แก่น้อย
|
เขียนเมื่อ |
:
วันอาสาฬหบูชา 55 12:04:29
|
|
|
|
|