Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ดอารี่.....เรื่องเล่าจากประเทศอเมริกา.....ของไอ้แก่น้อย ภาคที่ 3{แตกประเด็นจาก H12470660} ติดต่อทีมงาน

จากกระทู้เดิมครับ

กลับมาต่อตอนที่ 7

เล่าตอนที่ฝึกร้านอาหารดีกว่าครับ

ด้วยความที่เมืองนี้เป็นเมืองนักศึกษาฉะนั้นช่วงที่ร้านอาหารจะขายได้ดีๆก็ต้องอาศัยกำลังซื้อจาก นศ. นี่ละครับ....ช่วงที่เค้าปิดเทอมกันก็ประมาณ มิย-สค (หรือก็อาจจะมีเรียนซัมเมอร์แล้วแต่บาง มหาลัย) เรียกได้ว่าช่วงนี้เป็นช่วงร้านอาหารคนจะใช้บริการน้อยครับ ซึ่งรายได้จากเด็กเสิร์ฟส่วนมากก็จะได้จากทิปลูกค้าเป็นหลักอยู่แล้ว...ช่วงสองสามเดือนนี้เค้าจึงรับพนักงานแค่ 1-3 คนเท่านั้น (ก็แล้วแต่ขนาดร้านอ่ะนะครับ)  
ซึ่งผมเองได้มาฝึกช่วงที่ลูกค้าน้อยเลยได้ฝึกพูดคุยทำความคุ้นเคยเวลาเข้าไปทักทายมากหน่อย แรกๆก็ประหม่าเหมือนกัน ทำไปสักสองวันก็เริ่มชินกับการพูดคุยทักทาย รับออร์เดอร์ ตอบโต้ได้เรื่อยๆ....แต่อย่างว่าน้อยร้านนักที่จะเปิดโอกาสให้คนไม่เป็นงานเลยได้เข้ามาฝึกงาน....ส่วนมากก็จะเป็นร้านที่อยู่นอกเมืองหน่อย เพราะลูกค้าไม่เยอะ ซึงที่ร้านในเมืองเค้าไม่รับฝึกงานก็เพราะว่า ที่นี่ร้านอาหารค่อนข่างจะมีระบบสูง คือหน้าที่ชัดเจน ถ้ามีคนทำงานผิดพลาด....เช่นรับหรือส่งออร์เดอร์ผิด แค่นี้ก็วุ่ยวายแล้วครับ เพราะถ้าลูกค้ามาเป็นกลุ่ม บางกลุ่มเค้าก็จะรอให้อาหารมาครบถึงจะทานกัน ซึ่งออร์เดอร์ผิดที ก็ต่อคิวทำอาหารใหม่ครับ .......ก็อีกหลายนาทีหรือถ้าจะลัดคิว ก็พร้อมที่จะโดนพ่อครัว,แม่ครัวด่าสักหน่อย เดิมทีงานเค้าก็เยอะอยู่แล้วอย่าพยายามหางานให้คนอื่นๆเพิ่มจะดีที่สุด ใจเขาใจเราครับ.....จริงๆหน้างานของเด็กเสิร์๋ฟก็จะใช้ความเคยชิน ความจำและก็ไหวพริบครับ อย่างที่บอกไว้ในตอนที่ 2 บางทีเราเป็นลูกค้าก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรก็เวลาทานอาหารมากนัก แต่สำหรับการบริการพวกนี้ก็คือรายได้ของเรานั้นละครับ เพราะอย่างที่บอกเด็กเสิร์ฟบางร้านไม่มีเงินเดือนอยู่ได้เพราะทิป ถึงแม้ว่าที่อเมริกาทิปมาตรฐานจะอยู่ประมาณ 15-20% แต่ก็ลูกค้าก็ย่อมมีทั้งคนมีเงินและไม่มีเงิน ยิ่งโดยเฉพาะ นศ.และคนเอเชียก็จะทิปน้อยกว่านั้นอีก 10-15% บางครั้งไม่ให้เลยก็มี.....ก็ชินแล้วละครับ...ผมก็ไม่ได้ซีเรียสมาก แต่บางคนเค้าต้องใช้เงินเหล่านี้เลี้ยงปากเลี้ยงท้อง...บางคนส่งกลับบ้าน...บางคนส่งเรียนตัวเอง.....บางคนสะสมทุนกลับเมืองไทย....บางคนเก็บเงินซื้อของ....บางคนเก็บเงินเที่ยว มีมากมายหลายเหตุผลสุดที่จะบรรยายครับ

ว่ากันถึงเรื่องคนไทยในบอสตันมั่งดีกว่าครับ.....เวลาเจอใครได้มีเวลาพูดคุยถามสารทุกข์ สุกดิบ...ผมก็มักจะมีคำถามประจำตัวเฃ่น มากี่ปีแล้ว จะอยู่อีกกี่ปี ไม่คิดถึงเมืองไทยเหรอ  คือส่วนตัวไม่ชอบที่จะอยากรู้เรื่องส่วนตัวหรอกครับ แต่เราถามเพื่อ ให้ตัวเองสามารถตั้งเป้าหมายได้ชัดเจนมากขึ้น ว่าเราจะอยู่ที่นี่นานเท่าไร อยู่ไปทำไม เก็บเงินไปเพื่ออะไร แล้วจะกลับไปทำอะไรต่อ....ซึ่งก่อนมาผมก็กำหนดไว้ 3 เป้าหมายอยู่แล้ว (กรณีที่ไม่เจอช่องทางเพิ่มขึ้น) ซึ่งคำตอบที่ได้รับส่วนใหญ่คือ

ตอนแรกว่าจะมาปีเดียว เรียน เก็บเงิน กลับเมืองไทย อยู่ไปอยู่มารู้ตัวอีกที 4 ปี 7 ปี 8 ปี แล้วตอนนี้ก็เริ่มอยากกลับเมืองไทย แต่กลับไปไม่รู้จะทำอะไรต่อ เพราะสังคมมันก็ขาดกันไปหมดแล้ว และที่สำคัญระบบสังคมไทยไม่เหมือนที่นี่เลย ทั้งชีวิตความเป็นอยู่ วิธีคิด การยอมรับ กฏหมาย ความเท่าเทียม...

ก่อนจะพูดถึงประโยคชุดหลังเนี่ย...ขอเอาเรื่องส่วนตัวย่อๆหน่อยครับ ผมทำงานบริษัทมาก่อนประมาณ 4 ปีครึ่ง...เรียกว่าระบบสังคมแบบไทยจ๋าอ่ะครับ ระบบญาติผู้ใหญ่ ลูกนาย พี่คนนั้น น้องคนนี้.....ผมเบื่อระบบพวกนี้สุดๆครับ..ที่อยู่ได้ถึงสีปีกว่าเพราะคำว่าประสบการณ์เท่านั้นเลย (คงไม่เล่าว่าทำอะไรมาครับ เพราะคงจะผิดวัตถุประสงค์ไปหน่อย)

ตอนทำงานก็ต้องบอกว่าต่อต้านเรื่องพวกนี้มากๆ การเอาหน้าหรืออะไรก็ตามแล้วแต่จะเรียกขาน...ผมก็เลยออกมาไขคำตอบระดับชาติว่า "เป็นที่โลกหรือเป็นที่ประเทศเรา??"

เหมือนจะแรงไปป่ะครับ.......แต่ถ้ามาถามคำถามแบบผมคนแถวนี้หรือคนในห้องไกลบ้าน ผมเชื่อว่า หลายๆคนจะมีความคิดคล้ายๆกันครับ ไม่ใช่ทุกคนไม่รักบ้านเกิด.....แต่บางทีประเทศเราเหมือนไม้แก่ที่ดัดยาก.....มันเกินจะแก้ไขในหลายๆเรื่อง...ซึ่งก็ต้องบอกได้แต่ว่าทำใจและยอมรับ

สิ่งที่เป็นได้มากที่สุดไม่ใช่บอกให้คนอื่นทำ แต่ต้องเริ่มตั้งแต่ปรับทัศนคติตัวเองและครอบครัวใหม่ก่อนจะบอกคนรอบข้างได้

การเดินทางก็เหมือนเราออกจากบ้าน ออกจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ ออกจากการหาคำตอบผ่าน Google ถ้าเดินทางมากก็เห็นอะไรมาก แล้วเราจะรู้สึกตัวเองตัวเล็กนิดเดียวบนโลกใบนี้.....ถ้ามีใครถามผมว่า อยากมาเรียน อยากใช้ชีวิต ผมจะบอกให้รีบออกมาก่อนจะไม่มีโอกาส แต่การออกมาต้องพร้อมกายและใจ ต้องพร้อมที่จะไม่เป็นภาระคนอื่น.....ชีวิตเกิดมาทีเดียว ทำอะไรให้เต็มที รับรองจะไม่เสียดายเวลาที่เสียไปครับ.......


....เอ่อ เหมือนจะจบ....ยังครับ แค่อินไปหน่อย.....เดี๋ยวจะมาเล่าต่อเรื่องไปนิวยอร์คให้ฟังครับ ^^

แก้ไขเมื่อ 08 ส.ค. 55 10:34:15

 
 

จากคุณ : ไอ้แก่น้อย
เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 55 10:25:41




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com