สวัสดีค่ะ คุณยังไม่ได้กำหนดเมืองและสถาบัน รวมทั้งเป้าหมาย เพราะฉะนั้น ดิฉันจะตอบให้อย่างกว้างๆ เพื่อให้พิจารณาทางเลือกนะคะ
และทางเลือก ไม่ใช่เรื่องว่าจะอยู่ที่เมืองไหน ระหว่างฝั่งเวสต์กับฝั่งอีสต์
ทางเลือกของนักศึกษา คือ คุณต้องการเรียนภาษา เพื่อจะทำงานอะไร คุณได้วางเส้นทางอนาคตไว้พอสังเขปอย่างไร จะเรียนเพื่อต่อปริญญาโท หรือว่า จะเรียนเพื่อหาประสบการณ์ในการอยู่สหรัฐฯ สักระยะหนึ่งในชีวิต
มีนักเรียนภาษามากมาย มาขอข้อมูล เฉพาะเมือง พี่ๆก็เข้ามาตอบทุกวัน แต่ก็ตั้งกันทุกวัน นี่ดิฉันก็เพิ่งตอบให้อีกคน อยากรู้ว่า ครึ่งปี แสนพอไหม Housing/Tuition แต่น้องคนนั้นให้หักค่าที่พักกับค่าเล่าเรียน ก็จะเหลือแค่ Utilities Food Transportation Travel Entertainment Books/Supplies Medical Insurance and others
H12476843 Estimated Living Expenses for students in CA.(Pacific)
ตอบ ตั้งใจจะมาเรียนภาษาในแคลิฟอร์เนีย แน่แล้ว ให้เริ่มที่หาสถาบัน ปัจจุบันนี้ การสอนภาษาให้นักเรียนนานาชาติ มีเครือข่ายอย่างอลังการ
ค่าครองชีพของหนูๆน้องๆ ขึ้นกับปัจจัยองค์ประกอบหลายอย่าง ดังนี้ค่ะ
(ไม่นับรวมค่าเทอม หรือที่พักแล้ว)
๑. ย่านที่อยู่อาศัย ในแคมปัส หรืออยู่กับโฮสท์ มีคาเฟทีเรียในตึกไหม
๒. การคมนาคม ถ้าอยู่นอกพื้นที่ ต้องมีค่าใช้จ่ายการเดินทางไปกลับค่ะ
๓. ค่าใช้จ่ายจิปาถะ น้ำ ไฟฟ้า เน็ท โฟนบิล อุปกรณ์ต่างๆที่มีต้นสังกัด ฯ
๔. ค่าอาหาร เครื่องอุปโภคบริโภค ขึ้นกับไลฟ์สไตล์และความคุ้นเคย
การหาแหล่งขายที่ซื้อมาปริมาณมาก คุณภาพมาตรฐาน ราคาถูกกว่า
๕. ค่าเอ็นเทอร์เทนเม้นต์ มาเรียนภาษา ต้องออกไปศึกษาวัฒนธรรม ต้องมีมนุษยสัมพันธ์ไปปาร์ตี้ ชมภาพยนตร์ ไปพิพิธภัณฑ์ ทัศนศึกษาฯ
๖. ค่าหนังสือ ตำรา นสพ. นิตยสาร สิ่งที่จะเกื้อกูลในการเพิ่มทักษะภาษา
สรุปก็คือ ในการใช้ชีวิตของหนู ไม่ได้มีอยู่แค่ในห้องเรียนแล้วกลับที่พัก ฉะนั้น จะต้องเผื่อเงินไว้มากหน่อย ทำประกันค่ารักษาพยาบาลกับสถาบัน
ถ้าถามว่า ค่าใช้จ่ายแสนบาทพอไหมสำหรับเรียนครึ่งปี ลองคำนวณดูค่ะ ตอนมาตั้งต้น จะต้องทุ่มซื้อสิ่งที่จำเป็นมากหน่อย ต่อจากนั้นแบ่งให้พอ
คุณจะเหลือเดือนละเท่าไหร่ หมื่นหก คร่าวๆ ใช้วันละ ห้าร้อยหกร้อยบาท คิดแล้วไม่ถึงยี่สิบดอลล่าร์ต่อวัน คุณอยู่ได้ไหม เลือกทานอาหารอะไร และมีเวลาที่จะประกอบอาหารเอง เพื่อประหยัดมากน้อยแค่ไหนต่อวัน
ต้องมาทดลองดูทำเล หาร้านรวงแหล่งช้อปปิ้ง ให้อยู่ในเขตใกล้ที่เรียน เพราะฉะนั้นอะไรก็ขึ้นอยู่กับโรงเรียนค่ะ ถ้าสถาบันดีถึงดีมาก มีระบบเมือง ที่พร้อมทุกด้าน มีงานอดิเรก หรือมีทริปให้นักศึกษาออกไปภาคสนาม
อันนี้ ก็จะเพิ่มค่าใช้จ่ายนะคะ ในการไปไหนมาไหน ก็ต้องมีเสื้อผ้าเพิ่มมา และไหนจะสิ่งต่างๆ ที่ไม่ใช่แค่สบู่แชมพูอีกนะคะ ไม่มีอะไรได้ฟรีที่นี่ค่ะ
ข้าวสารอาหารแห้ง ไข่ นม ไก่หมู ขนมปังแพงทุกอย่าง ราคาภาษีก็ด้วย
ในความรู้สึกดิฉัน คิดว่า คุณน่าจะมีทุนสำรอง อย่างน้อยใช้วันละ ๕๐ ดอล นั่นก็คือ มากกว่าที่คุณคิดไว้ สองเท่าครึ่ง หรืออาจถึง ๓ เท่า จะเหมาะกว่า
สามแสนค่ะ สำหรับเมืองฝั่งแปซิฟิคอย่างซานดิเอโก้ ซึ่งไม่ไกลแอลเอ และมีแหล่งเที่ยวหาความรู้อย่างชนิดว่า ๖ เดือน ไปไม่ซ้ำกันได้ทุกวัน
ต่อขึ้นมาทางแคลิเหนือ ซานฟรานฯ จะได้พบสิ่งอันเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง
แต่สมมุติว่าผู้ปกครองจะมีจำกัดแค่แสน ถามว่าอยู่ได้ไหม ก็ได้ล่ะค่ะหนู เพียงแต่ว่า ถ้ามีทุนมากกว่านั้น ก็จะส่งเสริมการศึกษาได้ดีกว่า ถ้าคุณซื้อ หนังสือมาได้ ๕ เล่มเพื่อการศึกษา ก็ย่อมจะมีทางกว้างกว่าซื้อได้ ๒ เล่ม
เอาใจช่วยนะคะ ขอให้สมความปรารถนา ถ้ามาจริงๆ ตั้งใจเรียนนะคะ
จะกำกับไว้นิดหนึ่งว่า ไม่นานมานี้ รัฐบาลเพิ่งประกาศเรื่องปัญหาแรงงาน ฉะนั้น พยายามเรียนอย่างเดียวให้ได้ครบตามที่สถาบันเขาจัดคอร์สให้ค่ะ เคยเห็นว่าบางแห่ง เขาจัดให้นักศึกษาฝึกโครงการที่ได้ออกพื้นที่เป็นกลุ่ม อยู่กับฝรั่งและอย่าเบนเข็มออกนอกทิศทาง ถ้าเรียนเก่ง คุณสมัครต่อโท จะมีอนาคตที่ดียิ่งๆขึ้นไป ในประเด็นนี้ ผู้ที่ออกทุนทรัพย์จะได้ปลื้มใจค่ะ ...................................
ในประเด็นของคุณ อาจต้องการข้อมูลเรื่องเมืองเพิ่ม ให้เข้าไปอ่านเรื่องเที่ยวซานฟรานฯ ดูด้วยนะคะ จะมีภาพด้วย H12406528
http://www.pantip.com/cafe/klaibann/topic/H12406528/H12406528.html
H12420067 http://www.pantip.com/cafe/klaibann/topic/H12420067/H12420067.html
ชีวิต การเดินทางท่องเที่ยว จะต่างจากการมาเรียนหนังสือ
และการเรียนภาษา ที่จะได้ผลต่อไปในอนาคต ไม่ใช่มาตามค่านิยมค่ะ
คุณต้องมีเป้าหมายที่แน่ชัด ในกรณีที่อยากจะให้ได้ความรู้ครบวงจร
Stanford University คอร์สที่จะให้ประโยชน์สูงสุด มีชื่อเรียกว่า
American Language & Culture for Foreign Gratuate Students
แต่คุณสมบัติที่จะเข้าเรียน ต้องเป็นนักเรียนนานาชาติ ที่ต้องการต่อโท เขาจัดคอร์สนี้ ให้ทุกคนที่ได้รับแล้วว่าจะเป็นนักเรียนระดับมหาบัณฑิต ไม่ใช่สมัครเรียนภาษาทั่วไป สมัยก่อนหรือสมัยนี้ก็ตาม การเรียนภาษา จะมีหลายเกรด แต่คนไทยพวกเอเจนซี่ ทำให้นักเรียนเข้าใจว่าการเรียน ภาษา คือมา ๖ เดือน แล้วก็กลับไป ได้ความรู้ไปทำงานได้ ซึ่งไม่จริง
การเรียนภาษาสำหรับผู้ที่วางอนาคตในการใช้ชีวิตในต่างประเทศ จะต้องเข้าไปในสถาบันที่ให้พื้นฐานโครงสร้างทางภาษา และทักษะสูงมาก
ประกอบกับการเรียนรู้การค้นคว้างานวิจัย และแนวทางใช้ห้องสมุดกับสื่อ อเมริกาได้เปิดคอร์สนี้มานานกว่า ๓ ทศวรรษแล้ว และประยุกต์มากขึ้น
ในคอร์สที่ว่านี้เท่านั้น จึงจะเรียกว่า เป็นนักเรียนภาษาตัวจริงของสหรัฐฯ และจะมีพื้นฐานมาตรฐาน สามารถเรียนต่อก็ได้ ทำงานก็ได้สาขาแปล สาขาล่าม หรือเปิดทราเวลเอเจ้นท์ของตัวเอง เปิดร้านธุรกิจของตนเอง ดิฉันมีประสบการณ์ทั้งหมดนี้โดยตรง ยืนยันได้ว่า เป็นการเรียนภาษาจริง
สูงกว่าระดับที่เป็นโปรแกรมอ่านพูดฟังเขียน ในเลเวลทั่วไปที่เอเจนซี่จัด
เพราะคอร์สของมหาวิทยาลัย จะนำนักศึกษาปริญญาโท เข้าสู่วัฒนธรรม ให้ทราบว่าการใช้ชีวิตอเมริกันนั้นเป็นอย่างไร ทำงานในแคมพัสอย่างไร คุณจะมีเพื่อนนานาชาติ ที่มีแผนการอนาคตที่ดี และมีอาจารย์ดุษฎีบัณฑิต
มีกลุ่มที่ปรึกษาของสถาบัน และอินเตอร์เนชั่นแนลคอมมิวนิตี้ส่งเสริม ร่วมกับเพื่อนๆหรือติวเตอร์ชาวอเมริกัน มีโอกาสสูงมากในการปรับสังคม
นี่คือสิ่งที่ดิฉันอยากจะเขียนให้ละเอียดค่ะ เพราะเห็นกระทู้ข้างล่างๆนั้น มีการถกประเด็น ให้รู้ไว้ก่อนมาอเมริกา อย่ามองโลกสวยเพราะไม่ได้วิชา มาแล้วเสียเงินไม่คุ้ม ไม่ได้ประสบการณ์ที่ต้องการ เรียนอยู่ไทยดีกว่า
ความคิดเหล่านั้น เป็นเพราะน้องๆวางเส้นทางศึกษาไม่ถูกทิศทางแต่แรก
คนไทยโปรโมทเอเจนซี่เป็นธุรกิจ แต่หาทราบไม่ว่า บรรดาเอเจ้นท์อาจ ไม่เคยมาเรียนเมืองนอกด้วยซ้ำ อันนั้นเป็นธุรกิจจัดการแง่ข้อมูลสถาบัน
ซึ่งจริงๆแล้ว การเข้ามาเรียนในตัวมหาวิทยาลัย จะได้ประโยชน์กว่าการ สมัครไปตามสถาบันที่เอเจนท์รู้จัก วิธีการหาเงินทางธุรกิจนั้นไม่ผิดค่ะ แต่ว่าคนที่ไปผ่านขั้นตอนแบบนั้น หรือต่อให้สมัครมากันเองออนไลน์ ก็ยังไม่ใช่ทิศทางการเรียนภาษาที่ถูกต้อง ยิ่งในสมัยหลังเอาวีซ่านร.ภาษา ออกมาเพื่อบังหน้า มาสู่การทำงานในร้านไทย แล้วโดดวีซ่ากันเป็นว่าเล่น
ถ้าเป็นเช่นนั้น การใช้สื่ออีเลคทรอนิค เพื่อการหาข้อมูลไม่มีประโยชน์ อะไรนอกจากเป็นทางให้คนนำข้อมูลจากผู้ตอบ ไปใช้พลิกแพลงเท่านั้น
มะลิตูม ขอให้คุณเลือกทิศทางชีวิตก่อน ส่วนจะไปเรียนเมืองไหนก็ได้ค่ะ อันนั้นอยู่ที่ว่า คุณชอบลักษณะเมืองแบบไหน อยากจะโลดแล่นตื่นเต้น ก็ไปเมืองศูนย์กลางซิวิไลเซชั่น อยากจะอยู่กับธรรมชาติและเทคโนโลยี่ ผสมผสานกับอารยธรรมหลากหลาย ก็มาทางฝั่งแปซิฟิค ไม่ใช่เรื่องใหญ่
ประเด็นอยู่ที่ คุณจะเรียนภาษาให้เป็นผู้รู้ในวัฒนธรรมอย่างคนอเมริกัน และต่อไป หาทางพัฒนาชีวิตให้ดีด้วยภาษา มีความคิดอ่านอย่างสากลได้ เพราะเรียนมาทางการอ่านการเขียน นี่ใช้ยกระดับชีวิตได้ในระยะยาวมาก
การเรียนระบบการทำงานในห้องสมุด คุณจะเป็นนักค้นคว้าที่ดีในอนาคต และแทบไม่ต้องตั้งคำถามกับใคร คุณหาคำตอบได้เองและรู้แหล่งอ้างอิง
ที่จะเน้นย้ำ คือการสอนของมหาวิทยาลัยระดับโลกนั้น ไม่ใช่แค่เรื่องให้ คนเรียนได้รู้วิธีออกสำเนียงฝรั่ง แล้วไปคุยว่าพูดได้เหมือนผู้ประกาศข่าว
แต่ว่ารากฐานทางภาษา ร่วมกับการศึกษาวัฒนธรรมอเมริกันนั้นสำคัญกว่า คุณอาจพูดหรือเขียนไม่ตรงไปบ้าง โบรคไปนิดหน่อย แต่ในการซึมซับ การศึกษาการเขียนให้มีประสิทธิภาพ ในแต่ละจุดประสงค์ คุณจะทำได้ดี
เช่นการนำความรู้ภาษามาอ่านต่อวิชาทางกฎหมาย ทางจิตวิทยา ทางการ ให้ความช่วยเหลือด้านสังคมสงเคราะห์ สิ่งเหล่านี้ คุณอ่านได้เองทั้งหมด ไม่ว่าจะยากแค่ไหน ทำให้เป็นผลดีกับตนเอง และช่วยเหลือคนอื่นได้อีก
จะต่อยอดทางไหนก็ได้ เพราะฉะนั้น การลงทุนที่จะเรียนภาษานั้นสำคัญ ตรงที่การเลือกแพลนเส้นทางอนาคตให้เหมาะกับบุคลิก ความถนัดด้วย เด็กๆที่มาตามค่านิยม ได้ภาษาในห้องเรียน หรือได้เพื่อนไทยมากมาย ได้ทำงานค่าทิป เอากลับไปคุยได้มาอเมริกา รู้เรื่องโน่นนี่แต่พอนานไป
เขาเหล่านั้น จดจำอเมริกาได้แค่ว่า เป็นห้องเรียนที่เคยคุยกับคนต่างชาติ จำได้แต่ความเปิ่นเป๋อของชาตินั้นนี้ รวมทั้งสิ่งไม่ดีที่อาจเจอในร้านไทย
ต่างกันอย่างมาก จากประสบการณ์ของคนที่วางทางให้ยาวไกล และไป ให้ถึงจุดที่เขาสอนภาษาให้นำไปใช้ได้ตลอดทั้งชีวิต รวมทั้งการเปลี่ยน วิธีคิดหลายๆอย่าง ให้หันมาพึ่งพาตนเอง ก่อนเป็นอันดับแรก ไม่รอใคร
ความเป็นผู้นำตนเอง ลีดเด้อร์ชิป ความเชื่อมั่นในการแสดงออกต่างๆ นั่นคือความสำเร็จของการเรียนระดับลึกทั้งภาษาและวัฒนธรรมอเมริกัน ไปพร้อมกับความพยายามที่จะปรับตนเอง ให้ได้ต่อยอดไปจนกว่าพอใจค่ะ
ขอให้โชคดี และเริ่มหาทางชีวิตของคุณ ด้วยการค้นข้อมูลของ สถาบันที่คุณคิดว่าคุณมีทุนและคุณสมบัติที่จะไปเรียนได้อย่างคุ้มค่าที่สุด
New york ค่าครองชีพสูงกว่า San Francisco แต่ไม่เสมอไป เพราะว่า การเรียนภาษาจากสถาบันที่มีรูปแบบเดียวกัน ในยุคนี้ต่างกันไม่กี่พันดอล
กรณีที่คุณก็ยังไม่ได้คิดว่าจะทำงานอะไร จะเรียนไปก่อนแล้วค่อยคิดนั้น เวลาที่คุณสมัครกับยู หรือเวลาที่พรีเซ้นท์งานในห้อง คุณจะดูไม่มั่นใจค่ะ
ป้องกันปัญหาว่าจะมาแล้วโดนต่างชาติข่มเอา แม้กระทั่งชาติเพื่อนบ้าน คือการเตรียมตัวมาก่อน ให้คิดเสมอว่าคุณคือตัวแทนจากประเทศไทย แล้วคุณจะได้เพื่อนที่ดี คนอื่นเขาก็เลือกเราเหมือนกันค่ะ ถ้าเรามีอะไรดี
สมัยก่อนนั้น คนที่จะมา มีความต้องการแน่วแน่ มีอนาคตวางไว้ชัดเจน จะสร้างภาพไว้ดี ทำให้หลายสถาบันเริ่มหันมารับเด็กไทยมามากขึ้นด้วย แต่ว่าการรวมตัวของนักเรียนไทย ที่เกาะกลุ่มกัน ลดโอกาสคบหาฝรั่งไป ไม่ได้เข้าระบบนานาชาติ คุณก็ลดทอนประสิทธิภาพในการเรียนไปด้วย
จากที่บรรยายมาตามนี้ เชื่อว่า จะทำให้คนที่อยากมาเรียนภาษามองลึก กว่าอยากจะรู้แค่ครองชีพ หรือไปเมืองไหนดี ได้บ้างนะคะ จบแค่นี้ค่ะ
Welcome to USA in the near future
จากคุณ |
:
Idealist USA
|
เขียนเมื่อ |
:
วันแม่แห่งชาติ 55 19:20:26
A:75.36.137.253 X: TicketID:367737
|
|
|
|