|
พี่ตอบในฐานะที่เป็นเหมือนน้องนะคะ 55+ พี่เคยเป็น Audit ใน Big4 มาก่อนเหมือนกัน เกรดพอๆกับน้อง แต่เป็นม.รัฐบาล พี่ทำมาสามปีครึ่ง เพิ่งจะลาออกมาเมื่อต้นปีนี้ พี่ว่าอย่างน้อยน้องก็ดีที่มีเป้าหมายชัดเจนว่าจะสอบใน 3-4 ปีข้างหน้า พี่คิดว่าถ้าตั้งใจทันแน่ๆค่ะ ทั้ง TOEFL + GMAT
พี่คิดว่าน้องคงตั้งใจเอา CPA แน่ๆใช่ไหมค่ะ เพราะว่าตอนพี่ทำงาน พี่เริ่มสอบหลังจากอยู่มา 1ปีครึ่ง เพราะตอนแรกกลัวจะอยู่ไม่รอด 55+ ถ้ามั่นใจพี่แนะนำว่าวิชาไหนสอบได้ให้สอบไปก่อนเลย ไม่ต้องรอ เช่น บัญชี ที่ไม่ต้องเก็บชั่วโมงก็สามารถสอบได้เลย >> อันนี้เห็นรุ่นน้องของพี่บอกมา เพราะว่าตอนพี่สอบยังไม่มีกฎสภาบังคับเรื่องนี้ค่ะ เพราะว่ายิ่งเป็นเด็กเวลาจะยิ่งมีเยอะ โตขึ้นเท่าไหร่ เวลาของตัวเองน้อยลงเท่านั้น
สำหรับ TOEFL พี่ว่า 100+ ไม่ยากเท่าไหร่ ถ้าน้องค่อยๆฝึกไปเรื่อยๆ อย่างเช่น การฟังข่าวภาษาอังกฤษทุกวัน หรือ อ่านบทความตามหนังสือพิมพ์วันละบทความ ค่อยๆเก็บความรู้สะสมไปเรื่อยๆ พี่ว่าคะแนนน่าจะได้ไม่ยากเกินมือน้อง พี่ยืนยันว่า TOEFL ไม่จำเป็นต้องเรียนพิเศษเลย อันนี้พูดจริงๆ เพราะประสบการณ์จากที่พี่เรียนมา พี่พบแล้วว่าไม่ได้ช่วยอะไร สุดท้ายก็ต้องขึ้นอยู่กับตัวเองว่าขยันฝึกแค่ไหน เพราะฉะนั้นไม่ต้องไปเสียเงินเรียนแพงๆนะคะ TOEIC ง่ายกว่า TOEFL ค่ะ คิดว่าคงบอกไม่ได้ว่าได้ TOEIC เยอะแล้ว TOEFL จะถึง 100 เลยหรือเปล่า ลองเอาหนังสือ TOEFL มาอ่านแล้วฝึกก่อนดีกว่าค่ะ
ส่วน GMAT พี่แนะนำให้อ่านบทความของสองท่านนี้นะคะ http://topicstock.pantip.com/klaibann/topicstock/2011/12/H11432238/H11432238.html และ http://topicstock.pantip.com/klaibann/topicstock/2012/02/H11669955/H11669955.html ถ้าอยากรู้เพิ่มเติม GMAT Club เป็นคำตอบที่ดีมากค่ะ มีหลายๆอย่างให้อ่าน ทุกอย่างของ GMAT หาอ่านได้ที่นี่ ไม่น้อยเลยทีเดียว
คะแนน GMAT ไม่ใช่ทุกอย่างในการสมัครเรียน MBA นะคะ ยังมีอีกหลายอย่างที่ทางมหาลัย เค้าพิจารณาคะ
เอาจริงๆนอกจากคะแนน GMAT จะสูงแล้วเป็นส่วนหนึ่งในการพิจารณา แต่ยิ่งกว่านั้นคือการเขียน SOP, Essay ให้ดึงดูดใจกรรมการ ให้กรรมการอ่านแล้วรู้สึกอยากรับเราอ่ะค่ะ >> อันนี้พี่ก็ว่ายาก ไม่รู้จะเขียนยังไง น้องลองค้นๆตัวอย่าง SOP ดูนะคะ
ส่วน Letter of recommendation ก็มีผลค่ะ ถ้าจะเข้ามหาวิทยาลัยดังมากๆ คนที่เขียนให้เรา นอกจากจะตำแหน่งใหญ่แล้ว ก็ต้องเขียนดันเราเว่อร์ๆเหมือนกันค่ะ ถ้าน้องสนิทกับพาร์ทเนอร์มาก ตอนเข้าไปทำงาน ก็จะดี ^^ แต่ส่วนใหญ่เราพาร์ทเนอร์จะรู้จักเราก็ตอนเราเป็น incharge แล้วเค้าเข้ามาคลุกคลีกับเรา เนื่องจากส่วนใหญ่พาร์ทเนอร์จะติดต่อกับแค่เมเนเจอร์โดยตรงค่ะ ไม่ค่อยมาถึงเราหรอก ถ้าคิดว่าพาร์ทเนอร์ดูจะไปไม่ถึง ก็หาระดับ Senior manager ที่สนิทๆเข้าไว้ค่ะ พี่ว่าคนเขียนควรจะเป็นคนที่รู้จักเราเป็นอย่างดีและพร้อมที่จะช่วยเราเขียนค่ะ เค้าจะเขียนให้เราเต็มที่จริงๆ
พี่ว่าProfileน้องไม่ได้แย่นะคะ แล้วถ้าได้ GMAT+TOEFL ตามที่คาดหวังเนี่ย รวมถึง SOP/Essay/Recommend ดีๆ ก็น่าจะได้มหาวิทยาลัยดังๆอยู่
ส่วนเรื่องขอทุน อันนี้พี่ไม่รู้ว่าน้องหมายถึงว่าจะขอทุนจากมหาวิทยาลัยหรือว่าขอทุนบริษัทไปเรียน แต่พี่คิดว่าน่าจะหมายถึงมหาวิทยาลัยมากกว่า เพราะว่าบริษัทไม่มีทุนให้เรียนอยู่แล้วอ่ะค่ะ ในส่วนมหาวิทยาลัยต้องเข้าไปดูว่าเค้ามีแจกหรือเปล่า แต่เข้าใจว่าถ้า top5 ไม่น่าจะมีแจกทุน MBA เพราะว่าเป็นคอร์สหาเงินเข้ามหาวิทยาลัย 55+
MSc Finance กับ Financial Engineering ก็ GMAT ค่ะ เห็นน้องที่รู้จักบอกมา แต่ถ้าจะเอาชัวร์ๆลองไปค้นตามมหาวิทยาลัยแต่ละที่ดูนะคะ
ป.ล.พี่แนะนำได้แค่นี้นะคะ แต่ถ้าอยากรู้อะไรลองถามมาได้นะคะ ถ้าตอบได้จะตอบให้ค่ะ พี่จะสมัครปีนี้เหมือนกัน แต่ว่า GMAT ก็ยังไม่ค่อยดีเลย พี่ตกม้าตายที่พาร์ท Verbal ทุกรอบ >///<
ถ้าเกิดวางเป้าหมายไว้ขนาดนี้ อย่าถอยนะคะ สามปีทำได้แน่ๆ ถ้าเกิดฝึกฝนทุกวันไปเรื่อยๆ โชคดีนะคะ
จากคุณ |
:
Seasons of LovE
|
เขียนเมื่อ |
:
19 ส.ค. 55 21:36:27
|
|
|
|
|