|
จริงๆแล้วเรื่องแนวนี้ผมเคยตอบไปแล้วครั้งนึง แต่กระทู้รู้สึกจะไม่อยู่แล้ว เลยก๊อบมาให้ไม่ได้แล้ว ยังไงผมตอบอีกทีแล้วกันครับ
การทำปริญญาเอกที่เยอรมันมีหลักๆ 2 แบบครับ คือ แบบที่ได้เงินเดือนปกติจากทางมหาวิทยาลัย และแบบที่ได้ทุน เอาเป็นว่า ผมพูดถึงแบบแรกก่อนแล้วกันนะครับ
การศึกษาต่อปริญญาเอกในเยอรมันนั้น จะต่างกับหลายๆที่ เช่น ใน us คือ จะไม่มีคอร์สเรียน (ตอนนี้ยังไม่มี แต่มีแนวโน้มว่า ต่อไปอาจจะเป็นระบบเดียวกับที่ us นะครับ) และคำว่า แม้จะใช้คำว่า "เรียนต่อระดับปริญญาเอกนั้น" แท้จริงแล้วจะไม่มีการเรียนแล้ว เพราะเยอรมันถือว่า การเรียนต่อถึงระดับปริญญาโทนั้น คือ "การศึกษา" ขั้นสูงสุดแล้ว การทำปริญญาเอกที่เยอรมันนั้น ว่าง่ายๆ คือ การทำงาน หรือการทำวิจัย ภาษาเยอรมันจะเรียกว่า Wissenschaftlicher Mitarbeiter (Wimi)ซึ่งผู้เป็น WiMi นี้ปกติแล้วจะได้สัญญาจำกัดเวลา เช่น 3 ปี เป็นต้น แล้วก็ต่อไปเรื่อยๆจนจบ ระยะเวลาเฉลี่ยนในการทำ Phd ของเยอรมัน คือ 5-6 ปี ก็ต่อกันอีกสัญญาว่าง่ายๆครับ ซึ่ง Wimi จะได้เงินเดือนจากทางมหาลัย เพราะถือว่าเป็นผู้ทำงาน เนื่องจากจะต้องมีส่วนร่วมในการเรียนการสอนในมหาลัยด้วย ว่าง่ายๆว่าเป็น Employee หรือ officer ของมหาลัยน่ะครับ เงินเดือนแต่ละรัฐจะมีกำหนดไว้ตาม TV-L 13 หรือ TV-H ในรัฐ Hessen ว่าง่ายๆว่า เป็นข้าราชการชั่วคราวนั่นล่ะครับ เงินเดือนที่ได้ก็สามารถเช็คได้ในเนตเลยครับ เพราะไม่ได้เป็นความลับอะไร แต่ละรัฐก็จะไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับว่าทำเอกที่ไหน และด้วยเหตุที่มหาวิทยาลัยหรือรัฐจะต้องเป็นผู้จ่ายเงินเดือนนั้น เค้าก็ถึงใช้คนทำเอกในการเรียนการสอนด้วย ซึ่งตรงนี้จะแตกต่างกับคนได้ทุน (ซึ่งผมขออธิบายทีหลัง) ปกติการเลือกนักเรียนทำเอกนั้น ขึ้นอยู่กับ Professor ล้วนๆครับ บางคนที่เป็นคนดี ใจกว้างให้โอกาสคน ก็จะดูเกรดแต่ไม่ใช่เป็นตัวตัดสิน ปกติแล้วการทำเอกในเยอรมัน เกรดควรจะต้องดีกว่า 2,5 ครับ (ผมไม่แน่ใจว่า เทียบกับเกรดไทยได้เท่าไหร่ อันนี้คงต้องหาข้อมูลเอกครับ) และแม้แต่ 2,5 ก็มี % ว่าจะได้ทำเอกต่ำ ตีกันง่ายๆเอาซัก 1,0-2,0 แล้วกันครับถึงมีโอกาสจริงๆ Professor บางคนอยากจะได้เด็กที่จบแบบ 1,0 เท่านั้น บางคนก็มองว่าไม่จำเป็นแค่ 2,0 แต่ถ้าถูกชะตาเพราะดูท่าทางมี Potential เค้าก็จะ Offer โอกาสตรงนี้ให้ โดยทั่วๆไปทุกมหาลัยในเยอรมันมักจะ prefer เด็กจบโทของตัวเองก่อนแน่นอนอยู่แล้วครับ เพราะถือว่าเห็นกันมา รู้ว่าความสามารถมีไม่มีแค่ไหน แต่ก็ใช่ว่าคนจากข้างนอกจะไม่มีโอกาสเลย แต่อันนี้อยู่ที่วิจารณญาณของ Professor ล้วนๆจริงๆครับ แต่โดยส่วนใหญ่ถ้ามาจากประเทศอื่นโดยเฉพาะประเทศกำลังพัฒนาแบบไทยเรา คุณภาพด้านเรียนการศึกษา ก็แตกต่างจากที่นี่พอสมควร ประสบการณ์ต่างๆหรือ Paper ที่คุณทำก็น่าจะช่วยตรงนี้ได้มากขึ้น แต่ก็ไม่เสมอไปครับ แถม Wimi ทำงานหนักไม่น้อยครับ ไหนจะงานวิจัยตัวเอง ไหนจะต้องรับผิดชอบสอนหรือช่วยสอนเด็กอีก หลายๆมหาลัยก็จะให้ดูแลเด็กทำ Thesis จบด้วย ก็จะมีเวลาทำงานตัวเองไม่มากครับ จะแตกต่างกับเด็กที่ได้ทุน
คราวนี้ผมจะมาที่เรื่องทุน ทุนเองก็สามารถหาได้จากแหล่งที่แตกต่างกัน มีแยกหลักๆก็ คือ ทุนจากมหาวิทยาลัย (ทุนนะครับ ไม่ใช่เงินเดือน) เช่น Uni Hamburg, Uni Kassel ,TU Chemnitz หรือทุนจาก foundation ต่างๆ เช่น Deutsche Forschungsgemeinschaft , DAAD ,die Bundesstiftung Umwelt etc. สามรถเช็คได้ว่ามีทุนอะไรในขณะนี้ที่ available บ้างที่
http://www.e-fellows.net/extranet/stipendien-datenbank
ซึ่งแบบทุนแบบนี้ก็ว่าง่ายๆ คือ คุณไม่ขึ้นอยู่กับมหาลัย เพราะมีเงินเดือนมาอยู่แล้ว ก็จะหา Professor เป็น Doktorvater / Adviser ได้ง่ายกว่า เพราะเค้าถือว่า เค้าไม่ต้องให้เงินเดือนคุณ ให้ที่ทำแลป เป็นที่ปรึกษาในการทำเอก แต่ไม่ใช่ Employee ของมหาลัย โดยปกติก็ไม่ต้องมีส่วนร่วมในการสอน ทำแต่งานของตัวเองไปนั่นล่ะครับ ว่าง่ายๆ ถ้าหาทุนตรงนี้ได้ ก็จะหาที่ทำเอกได้ง่ายขึ้นมากทีเดียว
คราวนี้มากรณีสุดท้าย คือ กรณีที่ไม่ได้ทำกับมหาลัย แต่ทำกับ Institute ต่างๆ เช่น Fraunhofer Institute, Leibniz Institute อันนี้ก็จะไปอีกเรื่องหนึ่ง ตาม Institute พวกนี้ปกติเค้าจะให้คุณเลือกสัญญาได้ว่า จะเป็นสัญญาแบบรับทุน (ซึ่งไม่ต้องเสียภาษี แต่ก็ไม่ได้จ่ายเงินบำนาญ หรือที่เรียกว่า Rente ในภาษาเยอรมันต่างๆ) หรือสัญญาแบบทำงานที่ต้องเสียภาษี ซึ่งมีข้อดีข้อเสียไม่เหมือนกัน ขอไม่พูดถึงนะครับ เพราะนอกกระทู้ แต่สำหรับ Institute พวกนี้ ผู้ทำเอกไม่ต้องมีส่วนร่วมในการสอนทั้งสิ้น ทำแต่งานวิจัย แต่ก็เลือกเด็กมากเลยล่ะครับ เพราะใครๆก็อยากเข้า สมัครทีเป็น 10-20 คน ทีเดียว ขนาดประวัติผ่านก็ยังต้องไปแข่งขันสัมภาษณ์อีกครับ
แก้ไขเมื่อ 30 ส.ค. 55 00:59:25
จากคุณ |
:
Prudence
|
เขียนเมื่อ |
:
30 ส.ค. 55 00:15:33
|
|
|
|
|