 |
ถ้ายังทำตัวเป็น คนไทย ก็ไร้ค่า
เดี๋ยวนี้มีทั้งโปรแกรม Work and Travel และ Work and Study เยอะแยะจนผมก็งงไปหมดแล้ว แต่โดยรวม ค่านิยมในการตัดสินใจไปต่างประเทศของคนไทยส่วนใหญ่ อันดับหนึ่งเลยคืออยากได้ภาษา อันดับสองคือคนเบื่อชีวิตในเมืองไทยครับ เซ็งๆ อยู่ ไหนลองไปใช้ชีวิตที่เมืองนอกหน่อยซิว่ามันจะเป็นยังไง ถือว่าได้เรียนภาษาไปด้วย แล้วก็ได้ทำงานเก็บตังค์ไปด้วย ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว
แต่จากที่ผมเคยเห็นมาตั้งแต่เรียนอยู่ที่นู่นและกลับมาเมืองไทย คนไทยในเมืองนอกจะแบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ กลุ่มแรก คนที่อยากได้ภาษาจริงๆ ก็เลยเอาตัวเองเข้าไปในสภาวะแวดล้อมของภาษา กับอีกกลุ่มหนึ่ง คนที่ไปอยู่เป็นปีๆ แล้วยังไม่ได้ภาษาเลยก็มี ซึ่งมีเยอะมาก ทั้งๆ ที่มีทั้งภาษาและฝรั่งอยู่ตรงหน้าเขาเต็มไปหมด แต่ถ้าเขาไม่มีความมุ่งมั่นตั้งใจจริง มันก็จบ คริส ไรท์ หรือคนทั่วไปรู้จักในนาม คริส ดีลิเวอรี่ ครูสอนภาษาอังกฤษแนวสาระปนฮา วิเคราะห์ให้ฟังจากประสบการณ์ คนไทยจำนวนไม่น้อยเชื่อว่า แค่ได้พาตัวเองไปซึมซับภาษาอังกฤษจากต้นตำรับก็จะพัฒนาขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจารย์คริสก็ยอมรับว่าเป็นความจริง เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่ามันคือวิธีเรียนภาษาที่ได้ผลมากที่สุด แต่สุดท้ายถ้ายังทำตัวเป็นคนไทย มีไลฟ์สไตล์ไม่แตกต่างจากตอนอยู่เมืองไทย แค่ย้ายที่จาก คนไทยในเมืองไทย ไปเป็น คนไทยในเมืองนอก ถึงจะข้ามน้ำข้ามทะเลไปไกลจากเดิมแค่ไหน สุดท้ายก็ไม่มีประโยชน์อยู่ดี ผมเดินทางไปทำทอล์กโชว์ ไปสอนภาษามาหลายที่ ไปเจอเด็กตามต่างจังหวัด บางคนพูดภาษาอังกฤษเก่งกว่าคนไปอยู่เมืองนอกมาหลายปีด้วยซ้ำ กรุงเทพฯ ก็ไม่เคยมา เพราะเขามีความมุ่งมั่น ขยันฝึกฝน แต่คนไทยหลายคน ไปเรียนภาษาที่สถาบันถึงที่นู่นก็จริง สุดท้ายพอไปถึงก็พาตัวเองไปอยู่ใน Comfort Zone โซนสะดวกสบายสำหรับคนไทยในเมืองนอก คบแต่กับเพื่อนไทย ทำงานร้านอาหารไทย อยู่บ้านพักกับคนไทย แทนที่เวลาว่างจะเอาเวลามากดดันตัวเองให้ฝึกภาษา ดูข่าวดูซีรีส์ฝรั่ง ก็ดันมาดูละครไทยย้อนหลังผ่านยูทิวบ์ เล่นเฟซบุ๊กก็แชตแต่ภาษาไทยกับเพื่อนคนไทยอีก แล้วมันจะได้ภาษาได้ยังไง ผมเคยไปเข้าห้องน้ำในแชร์เฮาส์ของนักเรียนไทย เห็นเลยว่าทุกบ้านจะมีนิตยสารและการ์ตูนไทยอยู่ในนั้น แทนที่จะเป็นแมกกาซีนฝรั่ง ถ้าเป็นแบบนี้ ต่อให้ไปประเทศอะไร แต่ถ้าคุณไม่เปลี่ยนความคิด มุมมอง วิถีชีวิตของตัวเอง มันก็ไม่ได้ผลหรอก การฝึกภาษาอังกฤษให้สำเร็จ คุณต้องมีพลังงาน 3 อย่างนี้อย่างแรงกล้าในตัวคือ 1. Thrill ความกระตือรือร้นอยากเรียนรู้มัน 2. Will ความมุ่งมั่นว่า จะ ทำไปเรื่อยๆ ไม่หยุดจนกว่าจะเห็นความเปลี่ยนแปลง และข้อ 3.Drill หมายถึงการเจาะ การฝึกปฏิบัติ
นี่คือเหตุผลที่คนไทยส่วนหนึ่งพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ เพราะเรียนมาแล้วไม่ได้ใช้ เราชอบคิดว่าจะได้ใช้ภาษาอังกฤษก็ต่อเมื่อมีฝรั่งมาคุยด้วย, เวลาไปต่างประเทศ, เอาไปใช้เรียนหรือสอบ แล้วก็ใช้ในเวลางานแค่นั้น แต่หารู้ไม่ว่าเหตุการณ์ทั้ง 4 นี้มันไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ เพราะฉะนั้นเราต้องฝึกฝนก่อนลงสนามจริงครับ แต่ถ้าไปลงสนามถึงเมืองนอกเมืองนาแล้ว แต่ไม่มี 3 พลังงานนี้อยู่ในตัวเลย สุดท้ายภาษาอังกฤษคุณก็จะย่ำอยู่กับที่เหมือนเดิมนั่นแหละ
โกยเงินต่างแดน ไม่รุ่งแต่ร่วง
ส่วนคนที่หวังจะไป ขุดทอง ในต่างแดนนั้น มน-ชุติมน วิจิตรทฤษฎี สมาชิกวง Room39 ผู้เคยตกระกำลำบากในอเมริกา ทำงานหามรุ่งหามค่ำแลกเงินที่นั่นมาก่อน ขอเตือนเอาไว้ว่าให้เลิกหวังไปได้เลยเพราะ
ค่าตอบแทนเขาสูงก็จริง เพราะค่าเงินเขาสูงค่ะ แต่ค่าครองชีพก็สูงมากเหมือนกัน ตอนที่ไปก็เป็นทั้งเด็กเสิร์ฟ แล้วก็ร้องเพลงในร้านอาหารตั้งแต่ 3 ทุ่มถึงตี 2 สลับกับขายของกิฟต์ชอปที่ฮอลลีวูด รายได้คิดเป็นเงินไทยก็ตกประมาณสามหมื่นบาทต่อเดือน ดูเหมือนเยอะเนอะ แต่จริงๆ ไม่เยอะหรอกค่ะ แค่จ่ายค่าบ้านเช่าก็แทบจะไม่เหลือแล้ว แถมตอนนั้นเศรษฐกิจบ้านเขาไม่ดีด้วย ต้องแย่งงานกัน เขาก็กันที่ไว้ให้คนของเขาก่อน จากที่ตั้งใจไว้ว่าจะทำงานเก็บเงินไว้เรียนต่อโทที่นั่น แต่ทำมา 3 ปีก็ยังเก็บตังค์เรียนไม่ได้เลย ตอนนั้นกะจะกลับไทยแล้ว โชคดีที่มาดังจากการเล่นดนตรีกับเพื่อนๆ วง Room39 ในยูทิวบ์เสียก่อน เพราะงั้น ถ้าใครจะไปเพราะอยากมีเงินเยอะๆ ไปแล้วหวังรวย ต้องบอกว่าจริงๆ แล้วมันทำไม่ได้หรอกค่ะ อย่าไปคาดหวังเรื่องนี้เลย ถ้าจะไปต่างประเทศ อยากให้ไปเพราะอยากเรียนรู้ อยากเก็บประสบการณ์ใหม่ๆ ที่หาในไทยไม่ได้ดีกว่า เพราะคนที่จะโกยเงินได้เป็นกอบเป็นกำในต่างประเทศขนาดนั้น ต้องเป็น Specialist ด้านใดด้านหนึ่งไปเลย ต้องทำในสิ่งที่คนอื่นทำไม่ได้ เขาถึงจะยอมทุ่มเงินจ่าย
แต่จะทำอย่างนั้นได้ คุณต้องมีใบ Social Work Permit อนุญาตให้ทำงานได้ถูกต้องตามกฎหมายที่นั่น หรือไม่งั้นก็ต้องเป็นคนเก่งจริงๆ จนเจ้านายรัก ยอมขอ Green Card ให้ ก็จะได้สิทธิเท่ากับคนที่นู่นเลยค่ะ แต่มันก็ยากมาก ตั้งแต่อยู่มาก็ไม่เห็นว่ามีใครทำได้เท่าไหร่ เพราะภาษาเราก็อ่อนกว่าเจ้าของภาษาอยู่แล้ว หรือถ้าจะเน้นเก็บเงินให้ได้เยอะๆ จริงๆ ก็ต้องทำงานอย่างเดียวแล้วไม่สุงสิงกับใครเลย ก็อาจจะได้ค่ะ แต่สำหรับนักร้องสาวเสียงสวยคนนี้แล้ว ทรัพย์สินใดๆ ยังไม่สำคัญเท่ากับประสบการณ์ที่เธอได้รับกลับมา จากเคยสับสนในเส้นทางฝันจนต้องลาออกจากตำแหน่งเซลบริษัทซูมิโตโม ประเทศญี่ปุ่น จนมาค้นพบตัวเองในสหรัฐอเมริกาโดยไม่ได้คาดหวังเอาไว้แม้แต่นิดเดียว
มันทำให้เรากล้าร้องเพลงต่อหน้าคนอื่น ทั้งๆ ที่ตอนอยู่ไทยไม่เคยกล้าทำ ได้เจอเพื่อนๆ กลุ่มใหม่ ทำอะไรที่ไม่เคยทำ เปิดโลกใหม่ๆ ที่สำคัญทำให้รู้ตัวว่าเรารักอะไรและอยากจะทำอะไร แค่ได้ลองเปลี่ยนสถานที่ พบเจอผู้คน และได้ค้นพบตัวเอง แค่นี้ก็คุ้มแล้วค่ะ ไม่จำเป็นต้องตีเรื่องความคุ้มเป็นจำนวนเงินเลย
ที่มา :
http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9550000126968
จากคุณ |
:
Siam Shinsengumi
|
เขียนเมื่อ |
:
17 ต.ค. 55 09:19:25
A:209.141.35.164 X: TicketID:360979
|
|
|
|
 |