Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
บทเรียนจาก “เอ๋-พัชรา แวงวรรณ” โศกนาฏกรรมคนไทยในต่างแดน ติดต่อทีมงาน

ในที่สุด ผลการชันสูตรพลิกศพก็ยืนยันออกมาชัดเจนแล้วว่า “เอ๋-พัชรา แวงวรรณ” อดีตนักร้องสาวน้ำเสียงแหบเสน่ห์แห่งวง “โอเวชั่น” จบชีวิตลงด้วยการ “ฆ่าตัวตาย” ด้วยวิธีแขวนคอกับขื่อโรงรถของบ้านพัก เมืองริเวอร์ไซด์ ลอสแองเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา

การสูญเสียในครั้งนี้นอกจากจะเป็นโศกนาฏกรรมอันน่าเศร้าแล้ว ยังสะท้อนให้เห็นชีวิตคนไทยในต่างแดนว่าไม่ได้มีแค่มุมสนุกสนาน สวยงาม และน่าอิจฉาอย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่อีกด้าน กลับเต็มไปด้วยความเหงาและความเครียดสะสม จนอาจเป็นเหตุให้คิดสั้นกันได้ง่ายๆ โดยเฉพาะรายที่ต้องต่อสู้เพียงลำพัง

เห็นทีว่า “นักขุดทอง” ที่หวังจะไปโกยทรัพย์-เก็บประสบการณ์ในต่างประเทศ ต้องคิดทบทวนกันให้ดีๆ อีกหลายๆ รอบ ก่อนตัดสินใจตีตั๋วข้ามน้ำข้ามทะเลไปเสียแล้ว




เมืองนอก... แหล่งสะสมความเครียด
ถึงแม้ว่าทางครอบครัวจะไม่เชื่อหูว่าลูกสาว “ผดุงศรี แวงวรรณ” หรือที่แฟนเพลงรู้จักในนาม “เอ๋-พัชรา แวงวรรณ” นั้นเสียชีวิตด้วยการคิดสั้น คาดว่าน่าจะเป็นการฆาตกรรมอำพรางเสียมากกว่า แต่เมื่อผลการชันสูตรพลิกศพครั้งที่สองแสดงผลออกมาว่าเป็นการฆ่าตัวตายและมีหลักฐานยืนยันแน่ชัดพร้อมให้เดินทางไปพิสูจน์ ความสงสัยเรื่องเดิมจึงหมดไป กลายเป็นคำถามข้อใหม่เกิดขึ้นในใจว่า เหตุใดคนที่บุคคลรอบข้างยืนยันเป็นเสียงเดียวว่าเข้มแข็งจึงตัดสินใจจบชีวิตลงด้วยวิธีเช่นนี้?


"ปกติผมมีลูกชาย 3 คน ลูกสาวคนเล็ก 1 คน คือเอ๋-พัชรา ตอนที่สูญเสียพี่ชายทั้งสองคนไปจากอุบัติเหตุ ก่อนหน้านั้น เอ๋ก็เป็นคนที่ตั้งสติและปลอบโยนทุกคน จึงไม่น่าเป็นไปได้ที่เขาจะเป็นคนคิดสั้นถึงกับแก้ปัญหาอะไรไม่ได้และจะมาคิดฆ่าตัวตายแบบนี้ เพราะถ้ามีปัญหาอะไรก็ต้องเล่าให้ฟัง แต่เท่าที่ติดต่อกันมาตลอด เขาไม่เคยบอกเลยว่าชีวิตมีปัญหาอะไร มีแต่บอกว่าทุกอย่างราบรื่นดี” โกศล แวงวรรณ ผู้เป็นพ่อ เผยความรู้สึกด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ แทบไม่เชื่อว่าข้อมูลล่าสุดที่ได้รับคือความจริง
เนื่องจากลูกสาวเพิ่งโทร.มาขอให้ญาติๆ ส่งหลักฐานเกี่ยวกับการศึกษาไปให้ เพื่อดำเนินการเรื่องเรียนต่อพยาบาลที่ดร็อปไว้ให้จบ และมักจะยืนยันซ้ำๆ ทุกครั้งที่ติดต่อมาด้วยคำพูดที่ว่า “จะเรียนต่อให้จบ ตอนนี้ได้สัญชาติอเมริกันแล้ว ต่อไปจะพาครอบครัวไปอยู่ด้วย จะไม่ต้องลำบากกันอีกแล้ว”

แต่เมื่อพิจารณาจากคำให้การของ “โซล มิเรอร์” อเมริกันผิวสีวัย 80 ปี ผู้เป็นเจ้าของบ้านที่เอ๋พักอาศัยอยู่ประจำเมืองริเวอร์ไซด์แล้ว อาจเป็นไปได้ว่าผู้ตายตัดสินใจลาโลกเพราะทนแบกรับภาระอันหนักอึ้งต่อไปอีกไม่ไหวแล้ว จากเดิมต้องเป็นเสาหลักของครอบครัว รับสอนหนังสือและดูแลคนชราในอเมริกา และส่งเงินให้ครอบครัวใช้เดือนละ 2-3 หมื่นบาทอย่างสม่ำเสมอตลอดระยะเวลากว่า 20 ปี แต่ระยะหลังๆ มานี้เธอตกงานที่ทำอยู่ทั้ง 3 แห่ง ทั้งยังต้องพักการเรียนวิชาพยาบาลเอาไว้ชั่วคราวด้วย



ชีวิตแสนลำเค็ญของ “เด็กนอก”
อย่างไรก็ตาม การสูญเสียในครั้งนี้คงไม่มีคำตอบที่แน่ชัดว่าแท้จริงแล้ว เสี้ยววินาทีที่เอ๋-พัชรา ปลิดชีพตัวเองนั้น เธอมีความคิด-ความเครียดเรื่องใดวนเวียนอยู่ในหัวกันแน่ แต่อย่างน้อย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ช่วยสะท้อนค่านิยมที่มีมายาวนานในสังคมไทยเกี่ยวกับ “การโกอินเตอร์เพื่อแสวงหาชีวิตที่ดีกว่า” บางคนอาจจะไปเพื่อสานต่อความฝันของตัวเอง บางคนไปเพราะเป็นความหวังของครอบครัว และนี่ก็คืออีกหนึ่งตัวอย่างที่สะท้อนเอาไว้ในเว็บบอร์ดยอดนิยมอย่างพันทิป ซึ่งเป็นความคิดเห็นที่มีคนมอบคะแนนถูกใจ-แสดงความเห็นด้วยจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว


“เพื่อนพี่สาว (ลูกป้า) ไปเป็นผู้ช่วยกุ๊กร้านอาหารไทยที่ยุโรป แกส่งเงินมาให้แม่ใช้หนี้ทุกเดือน เดือนละ 2-3 หมื่น จนใช้หนี้หมดครบแสน พอหมดหนี้ก็ส่งเงินให้แม่ซื้อที่ แต่แม่เอาไปเล่นหวยเล่นไพ่หมดจนเป็นหนี้ใหม่อีก 2 แสนกว่า พี่แกก็ไม่รู้ ต่อมาพี่คนนี้เขาพบรักกับแฟนฝรั่ง ไม่ได้ร่ำรวยอะไร เป็นข้าราชการ แต่แม่ก็ไปคุยโม้ว่าลูกรวยได้สามีฝรั่ง กระหน่ำเล่นหวย ชวนเพื่อนมากินเหล้าเมาทุกวัน พี่แกอยู่ที่นู่นก็ทำงานช่วยกันกับสามี กะว่าเกษียณแล้วจะมาอยู่เมืองไทย พอวันหนึ่งพี่แกกลับมาเยี่ยมบ้าน พอรู้เรื่องเข้า ร้องไห้โฮเลย บอกแม่หนูไม่ได้รวยนะ หนูทำงานหนักมาก แฟนหนูก็ไม่ได้รวยอะไร หนูส่งเงินมาแม่เอาไปไหนหมด


ตอนหลังพี่คนนี้ใช้หนี้เสร็จแกก็บินกลับไปแล้วไม่กลับมาอีกเลยหลายปี แต่ยังส่งเงินมาให้แม่เดือนละหมื่น นอกนั้นก็เก็บเงินปลูกบ้านที่ไทยทีละนิด แล้วก็บินกลับมาซื้อที่ด้วยตัวเอง ไม่ยอมให้เงินผ่านมือแม่แล้ว แม่แกก็เที่ยวด่าลูกประจาณลูกว่าทิ้งขว้างแม่ แต่คนอื่นไม่รู้หรอกว่าที่แกด่าก็เพราะลูกไม่ส่งเงินให้ผลาญแล้ว ผมเห็นมาหลายคนแล้วคนที่ไปอยู่เมืองนอกแล้วส่งเงินกลับบ้าน เวลากลับบ้านก็ทำเป็นร่าเริง สนุกสนาน ไม่มีปัญหาอะไร ทั้งๆ ที่ความจริงอยู่ที่นู่น ทำงานหนักมาก เหนื่อยแทบตาย แต่เวลาโทร.กลับบ้านก็หลอกแม่ตลอดว่าสบายดี ชีวิตโอเค เรื่องอย่างนี้ คนไทยหลายคนก็รู้อยู่ว่ามันมีอยู่จริงๆ เยอะมาก นี่แค่ยกตัวอย่างคนที่รู้จักเท่านั้นเอง”


ฐาปนี แสงศรี คืออีกหนึ่งตัวอย่างของคนไทยที่เคยเหยียบบนผืนดินประเทศมหาอำนาจ ตั้งใจจะไปโกยเงิน-เก็บประสบการณ์ในต่างแดนช่วงปิดเทอมมหาวิทยาลัย แต่กลับกลายเป็นฝันร้ายที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต ถึงแม้จะเป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้ตระหนักได้ว่า ชีวิตอีกฝั่งหนึ่งของโลกในฐานะคนต่างแดน ไม่ได้สวยหรูและสนุกอย่างที่เคยคิดไว้แม้แต่นิดเดียว


“ตอนแรกที่เลือก กรอกไปว่าอยากทำงานในรีสอร์ตค่ะ เพราะคิดว่าน่าจะสนุกดี แถมเขาระบุว่ามีตำแหน่งงานที่หลากหลายซึ่งต้องไปสัมภาษณ์ที่นู่น ก็เลยตกลงไป ปรากฏว่าไปถึงเลือกอะไรไม่ได้เลย เขาก็จัดให้เราไปเป็นแม่บ้านคอยดูแลทำความสะอาดเลย ซึ่งเป็นงานที่หนักมากและต้องอยู่กับสารเคมีเยอะมาก แต่เราก็ทำไปเพราะไม่คิดว่าจะเป็นอะไร สักพักเพื่อนคนไทยเริ่มป่วย หลังจากนั้นเราก็เริ่มแสบมือ ปวดมือมาก ขึ้นผื่นแดงแพ้ไปหมดเลย มารู้ทีหลังว่าเป็นเพราะน้ำยาที่เขาให้เราใช้ ก็เลยขอเปลี่ยนไปทำตำแหน่งอื่น เป็นเด็กเสิร์ฟ เป็นคนดูแลสระว่ายน้ำ อะไรก็ได้ แต่เขาไม่ให้ บอกว่าตำแหน่งไหนก็ต้องโดนน้ำยาเหมือนกัน ซึ่งมันไม่จริงเลย


ถามว่าขอถุงมือได้ไหม เขาก็ไม่ให้ ถามว่าจะไปหาหมอที่ไหน เขาก็ไม่สนใจ ก็เลยคิดว่ามันไม่มีเหตุผลที่ต้องมาทำในที่ที่ไม่ใส่ใจเรื่องสุขภาพของเราขนาดนี้แล้วล่ะ ถ้าทนทำต่อไปอีกจนครบสามเดือน กลับไทยคงได้ตัดมือทิ้งแน่ๆ เราเลยตัดสินใจพาเพื่อนออกมาจากที่นั่น หางานเองไปเรื่อย โชคดีที่ได้เจอคนไทยใจดีช่วยหางานให้ ทำให้อยู่ที่อเมริกาต่อได้จนครบกำหนดวีซ่า ไม่ต้องกลับเมืองไทยก่อนกำหนดให้ขาดทุน
ประสบการณ์ครั้งนั้นทำให้รู้เลยว่าจะไปทำงานบ้านเขา เราต้องมีไหวพริบ ต้องเอาตัวรอด ช่วยเหลือตัวเองให้ได้ ถ้าเป็นคนอื่นที่มาเจออย่างเรา อาจจะไปหาหมอ ทายารักษามือ แล้วก็ยอมก้มหน้าทำงานตามที่เขาบอกไป แต่เราก็มั่นใจว่าเราเป็นนักศึกษาไทย ไม่ใช่กลุ่มคนสิ้นไร้ไม้ตอก ต้องไปเป็นวัวเป็นควายให้ฝรั่งเอาเปรียบค่ะ”

จากคุณ : Siam Shinsengumi
เขียนเมื่อ : 17 ต.ค. 55 09:18:07 A:209.141.35.164 X: TicketID:360979




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com