|
เอาแบบนี้ดีก่า ^O^
จริงๆเราก็ไม่เคยไปอยู่หลายๆปี แต่เราไปทำงานช่วง Summer บ่อย ที่อเมริกา
นับร้านก่อนนะ 1. สวนสนุก 2. Retail Shop (ขายของที่ระลึก) 2.5 Photo Booth (ขายรูป+ถ่ายรูป) อันนี้นึกได้มาเพิ่มทีหลัง เลยตั้งว่าข้อ 2.5 นะ อิอิ ^^ 3. Food and Beverage (Cafe) 4. Buffet (Restaurant) 5. Hotel 6. Chocolate Shop 7. Hotel & Casio (ทำในคาสิโน)
เราผ่านงานแบบ รับจ้างติดดิน ที่อเมริกา มาหลายงาน หลายร้าน อิอิ ^^
เราพอจะอธิบายได้คร่าวๆ ดังต่อไปนี้
1. หากคุณเรียนจบ ปริญญาตรี ที่เมืองไทย ทำงานมีเงินเดือนมากกว่า 15,000 บาทขึ้นไป อย่าไปทำงานรับจ้างที่อเมริกาเลย --' ทำงานเมืองไทยดีกว่า
แต่ถ้าคุณ
2. ทำงานรับจ้างเมืองไทย รายได้ไม่ถึง 9,000 บาท แนะนำให้ไปอเมริกาดีกว่า (เพราะที่อเมริกา ทำงานรับจ้างมีรายได้เฉลี่ยแบบไม่รวม OT ประมาณ $1,600 USD หรือประมาณ 45,000 บาท)
แต่.. $1,600 USD เนี่ย เราทำงานกับฝรั่งไง >< ถ้าทำกับร้านอาหารไทย ก็จะน้อยลงอีก แต่ที่ได้มากๆจะเป็นพวก Server คนทำ serve ทำร้านไทยหรือฝรั่งก็ได้เยอะ ><
---
ต่อมา มาดูข้อดี และ ข้อเสีย
### เอาข้อดีก่อนละกันนะ ^O^ ###
อเมริกา: สะดวก สบาย คุณจะไม่มีวันที่ "ไม่มีเงิน"
เราอธิบายง่ายๆนะ คุณไปซื้อ Computer Notebook ที่อเมริกา เครื่องละ $800 USD ในขณะที่คุณทำงานได้เงินเดือนะ $1,600 USD (ค่าคอมฯ ราคาแค่ครึ่งเดียวของเงินเดือน ><)
แต่.. งานรับจ้างที่เมืองไทย สมมติคุณได้เดือนละ 10,000 บาท คุณคิดว่า คอมฯที่เมืองไทย เครื่องละเท่าไหร่ ??? เครื่องละ 20,000 บาท คุณต้องทำงาน 2 เดือนที่เมืองไทย และไม่มีเงินเหลือเลย >< เพื่อที่จะซื้อคอมฯ 1 เครื่อง (เพราะฉะนั้น อย่าสงสัยว่า ทำไมเด็กอเมริกามี ipod ทุกคนเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ปัจจุบัน เด็กอเมริกัน มี ipad ใช้ทุกคน)
เราไปเล่นสวนสนุกนะ พวกเด็กเมกัน เวลาจะขึ้นเครื่องเล่น เขาวางมือถือวางกล้องดิจิตอลไว้กับพื้นเลย ไม่กลัวหายเลย แล้วมันก็ไม่มีใครขโมยของกันด้วย >< แปลกมะ?? o.O มันมูลค่าน้อยมากเกินกว่าจะมาขโมยของกัน บวกกับประเทศเขาฝังจิตสำนึกให้คนไม่ลักขโมยของกัน(แต่มันก็มีบ้างล่ะนะโจรขโมย แต่เราว่าน้อยมาก แต่บางเมืองก็เยอะ แต่หลายๆเมืองแทบไม่มีโจรขโมย)
เวลาไปขึ้นรถเมล์น่ะ ใครไม่มีเงิน หรือบอกว่าทำตั๋วรถหาย คนขับเขาจะเรียกขึ้นรถฟรีเลย >< (ค่ารถ 1 เที่ยวราคา $1 USD ถ้าไปกลับก็ประมาณ $2 หรือถ้าตลอดทั้งวัน All Day ก็ประมาณ $3 แล้วแต่เมืองนะ เราก็จำราคาไม่ค่อยได้ละ --')
คือ เงินมันจำนวนน้อยมาก >< เขาไม่ค่อยงก ไม่ค่อยถือสากัน >< ถ้ามีก็จ่าย ถ้าไม่มีก็บอกเขา เขาให้ขึ้นฟรี (แต่ส่วนใหญ่ เขาจะจ่ายกัน ยกเว้นบางคนที่ไม่มีเงินจริงๆ แบบไปซื้อของจนเงินหมดไม่มีติดกระเป๋าเลย ><)
เราว่า เขาไม่ค่อยขี้โกงกัน ><
แล้วอาหารที่อเมริกาก็ถูกมาก (ถ้าซื้อมาทำกินเอง)
ยกตัวอย่างนะ: ไปกินร้านอาหาร ได้กุ้ง 5 ตัว ราคา $10 USD แต่ถ้าเราไปซื้อกุ้งจาก Walmart ขนาดเท่ากันแหละ ถุงละ $10 เหมือนกัน เราสามารถเอากุ้งถุงละ $10 มาทำเป็นอาหารจานนั้น ได้ไม่ต่ำกว่า 20 จาน! (นี่เรื่องจริง)
นี่เป็นเหตุผลที่ว่า.. ทำไมร้านอาหารฝรั่งชอบเอาของกินทิ้งขยะ ทั้งๆที่มันยังดีอยู่ (เราเคยเล่าไปหลายๆกระทู้นะ ที่เขาเอามือไปแตะๆไก่ทอด เหมือนไก่ KFC อ่ะ แต่อร่อยกว่า พอเขาว่ามันไม่ร้อนแล้ว เขาเททิ้งทั้งขยะหมดเลย ><) เรากับเพื่อนนี่ เสียดายมว๊ากกกกกก!!! >,<
เราเป็นคนชอบกินนะ เป็นคนอ้วน อิอิ ^O^ ไปทำงานร้านฝรั่งนี่ เราใจแทบขาด ใจแทบขาดจริงๆ ><
ตอนทำ Cafe นี่ไม่เท่าไหร่ เขาทิ้งแค่ไก่ทอดกับมันฝรั่งทอด (ของพวกนี้ เขาจะมีถาดความร้อนเป็นน้ำร้อนใส่ถาดรองก้นอีกทีด้วยนะ เพื่อให้มันร้อนตลอดเวลา) เราจับดูเราว่ามันก็อุ่นอยู่ แต่ฝรั่งเขาบอก มันไม่ร้อนแล้ว เขาเททิ้งขยะหมดเลย O.O
แต่ที่เราแบบ.. ใจแทบขาดจริงๆคือตอนไปทำ Buffet เป็นอาหารทะเลด้วย คิดดูนะ กุ้ง หอย(หอยแมลงภู่ยักษ์อ่ะ) ปลาหมึก แล้วก็กุ้ง ที่เขาเรียกกุ้งอลาสก้าหรือปูอลาสก้านี่แหละ
เชื่อมะ?? Buffet มันแบ่งเป็นภาคเช้ากับภาคบ่าย.. พอหมดภาคเช้า(ตอนบ่ายโมง) เขาเทของที่บาร์ทิ้งหมดเลย !!! O.O
เรานี่.. ใจแทบขาด!!! O.O มันเป็นของดีๆ สดๆนะ ขอบอก >< แต่พวกฝรั่งเขาจะแบบ Customer First ลูกค้าคือพระเจ้า เราต้องมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูกค้า แล้วเขาจะไม่เอาของตอนเช้ามาขายตอนบ่าย เขาเททิ้งหมดเลย!! ><
แล้วที่เขาทำแบบนั้นได้.. ก็เพราะ อย่างที่บอกแหละ >< ต้นทุนในการทำร้านอาหาร มันถูกมาก!! >< (เขาถือว่า มันเป็นค่ากุ๊ก เป็นกุ๊กที่อเมริกาต้องมีใบรับรองด้วย ไม่ใช่จะเป็นก็เป็นได้ง่ายๆแบบเมืองไทยนะ ><)
ที่อเมริกานะ เราจะบอก ถ้าคุณสั่งอาหาร แล้วเขายกมาเสิร์ฟ ถ้าคุณบอกว่า คุณไม่ได้สั่งอันนี้!!!
เชื่อไหม ??? ถ้าเป็นเมืองไทยอาจมีการโวยวายระหว่างเด็กเสิร์ฟกับลูกค้า แต่ที่อเมริกาจะไม่มีเลย ><
อเมริกา เขาจะเน้นเรื่อง Serve the best Service มากๆ!! ถ้าลูกค้าบอกว่า ไม่ได้สั่งอันนี้ ก็คือ ไม่ได้สั่งอันนี้ ให้เอากลับไปเปลี่ยน(ไม่ต้องไปวอแวถามลูกค้าให้มากความ) ประมาณว่า "ลูกค้าคือ พระเจ้า ^O^"
แต่ก็อย่างที่บอก ต้นทุนมันถูกมาก! ทำยังไงก็ได้กำไรอยู่ดี ><
---
เมื่อก่อนตอนไปอเมริกาใหม่ๆ เราก็ไม่รู้ เราไปทำร้านถ่ายรูป ขายรูป ลูกค้าบอกไม่ได้สั่งอันนี้ แต่เราจำได้ว่าเขาสั่ง เราก็ไปยืนเถียงกับเขาตั้งนาน!!
ตอนสุดท้าย Supervisor เรา ถามลูกค้าว่าสั่งอันไหน พอลูกค้าบอกเขาก็ไป print รูปมาให้เลย --'
นั่นแหละ เป็นประสบการณ์ครั้งแรก ในการทำงานที่เมริกา (หลังจากนั้น เราไปทำร้านอาหาร และเป็นฝ่ายเปลี่ยนไปเป็นลูกค้าบ้าง เราถึงได้รู้ว่า ลูกค้าคือพระเจ้า 5555555+ ^O^ สั่งอะไรแล้ว ถ้าบอกว่าไม่ได้สั่ง ก็คือ ไม่ได้สั่ง คำพูดลูกค้าเป็นสิทธิ์ขาด อิอิ ^^)
ซื้อของที่อเมริกานะ เปลี่ยนได้ภายใน 30 วัน ถ้าไม่พอใจ หรือซื้อรองเท้าไปใส่ไม่ได้(ไม่ถูก size) เก็บใบเสร็จไว้ กลับไปเปลี่ยนได้เลย ที่ห้าง ตามร้าน อิอิ ^O^
ตอนเราไปทำร้าน Retail Shop ขายของที่ระลึก.. โห.. อันนั้นก็เป็นครั้งแรกเหมือนกัน (ร้านนี้ทำก่อนที่จะไปทำร้านอาหาร) เรานี่งงมากกกกกกกก!! >< เขาเอาพวงกุญแจที่มันร่วงหล่นพื้น แล้วก็พวกขนมที่มันตกพื้น(อยู่ในหอนะ) แล้วก็พวกตุ๊กตาแขนเปียกน้ำนิดหน่อยแต่ยังสะอาดอยู่
เชื่อมะ ?? ถ้าเป็นเมืองไทย คงเอามาทำความสะอาดแล้วก็ขายต่อ เพราะมันไม่ได้สกปรก มันแค่ "ตกพื้น" มีฝุ่นนิดหน่อย แต่ไม่มีรอยดำ ไม่มีรอยถลอกอะไร ><
เขาขายอัน $5 USD นะ >< (พวงกุญแจ) ตุ๊กตาขายอันละ 10 กว่าๆ
เชื่อมะ ??? เขาเอาทิ้งถังขยะหมดเลย!! O.O
เรานี่งงมากๆ.. เราถามเขาแบบ ย้ำๆว่า "นี่ ทิ้ง.. ขยะ หรอ ?? o.O" เขาก็ยืนยันย้ำๆว่า "YES"
อันนั้นเป็นครั้งแรกที่ไปทำงานที่นั่น แต่พอต่อๆมา ก็มาทำร้านอื่นๆ ก็เริ่มชิน --' ชินกับความฟุ่มเฟือยของคนอเมริกัน
มีครั้งหนึ่ง ไปทำร้านขายช็อคโกแล็ต
ก็อย่างที่รู้ๆกันว่า ที่เมืองไทยเนี่ย ช็อคโกแล็ตมันแพงเนอะ ^^ แล้วส่วนตัว เราก็เป็นคนชอบกินช็อคโกแล็ตอยู่แล้ว
เขาให้เราไปเทรนงาน ไปดูเพื่อนฝรั่งคนหนึ่ง มันเอา Apple ไป dip ในช็อคโกแล็ตเหลวร้อนๆอ่ะ (แบบว่า.. จะทำ apple เคลือบช็อคโกแล็ตอ่ะ ><)
เชื่อมะ??
มันต้องเอาชามเล็กๆมาใส่ช็อคโกแล็ตให้มีความสูงเหนือลูก apple มันถึงจะ dip ได้ครอบคลุมทั้งลูก ใช่ป่าว ???
เขาก็ทำๆให้เราดู
พอเขา dip จนครบทุกลูกแล้ว apple หมดแล้ว..
พี่น้องเอ๋ย!! มันเหลือช็อคโกแล็ตอยู่ถ้วยใหญ่ๆนั่น เยอะมากกกกกกกก!!! เราก็ไม่เคยทำร้านช็อคโกแล็ตมาก่อน เรารู้แค่ว่า พวกร้านอาหารกับร้านขายของที่ระลึก ขายรูป ร้านพวกนี้ เทของกินทิ้งหมด แต่เราไม่แน่ใจว่า.. ร้านช็อคโกแล็ตจะเทไหม??
ปรากฏ.. ยืนลุ้นอยู่สักพัก แม่นางฝรั่งคนนั้น ก็ถือถ้วยช็อคโกแล็ตใบใหญ่ๆนั้น ไปที่ "อ่างล้างจาน" แล้วก็ "เททิ้งหมดเลยยยยยยย!! O.O"
เง้อๆๆๆๆๆๆ T-T
เพื่อนๆเชื่อไหม เราเป็นคนอ้วนอ่ะ เราเป็นคนชอบกินอ่ะ >< แล้วให้เรามาทำร้านของกิน แล้วเห็นพวกฝรั่งทำแบบนี้ อะไรๆก็เททิ้งหมด เรานี่ แทบขาดใจ --'
สุดท้าย เราก็ได้ตำแหน่งนั้น เราได้ทำตำแหน่ง dip apple พอทำครบทุกลูก เราก็ต้องเอา ช็อคโกแล็ตที่เหลือ ไปเททิ้งกับมือเราเลย T-T (ตอนยืนดูเขาทำก็ว่าใจแทบขาดแล้วนะ แต่พอมาทำเองนี่แบบ โคตรรรรรรร ใจจะขาดอ่ะ T-T)
คิดถึงน้องๆเด็กๆแถวบ้าน ไม่มีเงินซื้อขนม ไปซื้อช็อคโกแล็ตลูกบอลก็ใส่น้ำตาลกับไขมันเยอะๆ แต่ช็อคโกแล็ตที่เราเททิ้งเนี่ย ของแท้ เป็น Milk Chocolate 100% เลยอ่ะ โคตรอร่อย >< เสียดายแบบสุดๆอ่ะ --'
เออ.. ถังขยะที่อเมริกาก็สะอาดนะ จะบอกให้ ทุกๆที่ๆเราไปทำงาน หรือแม้แต่ถังขยะสาธารณะ เขาจะมีถุงดำรองตลอด
ถังขยะที่อเมริกา เหมือนมีไว้ "ทิ้งของที่ไม่เอาแล้ว" แต่มันไม่สกปรก
เราจะชอบนึกถึง ขอทานที่เมืองไทย นึกถึงคนยากจนที่เมืองไทย บางคนนะ ไม่มีเงินจะซื้อข้าวกินด้วยซ้ำ >< แล้วดูที่อเมริกาสิ่ --' ฟุ่มเฟือยแบบสุดๆๆๆๆไปเลยอ่ะ --'
เราว่าเขาพวกคนเร่ร่อนที่เมืองไทยมาหาเก็บขยะที่อเมริกากินนี่ ได้แต่ของดีๆกินอ่ะ สะอาดด้วย >< น้ำประปาที่อเมริกาก็สะอาด ที่นี่เขาไม่ซื้อน้ำกิน เขากินน้ำประปากัน แล้วหัวก๊อกมีน้ำร้อนน้ำเย็นพร้อมเลย >< ทุกที่เลย แม้แต่ก๊อกสาธารณะก็เป็นแบบนี้ >< (ต่างจากเมืองไทยไหม?? ที่หัวก๊อกแบบนี้จะมีแค่ในโรงแรมหรูๆ)
รู้ไหม พวกฝรั่งเวลาทำเหรียญตก มันไม่ก้มเก็บแหละ >< ถ้าคุณไปเล่นสวนสนุก คุณจะเห็นเศษเหรียญตามพื้น เยอะมากกกกกกกกกกกก!!
สมมติ มันจะควักเงินในกระเป๋ามาจ่ายค่าอะไรสักอย่าง แล้วมันเผลอทำเหรียญหล่น มันก็ปล่อยเลย (เพราะเหรียญฝรั่ง ไม่ถึง 1 dollar มันเป็นเหรียญ 5 cent, 10 cent, 25 cent ประมาณนี้แหละ)
---
แต่ฝรั่งจะมีข้อดีอยู่ ที่เราชอบมากๆๆๆๆๆๆๆๆก็คือ (เล่าแต่ข้อเสียละ ขอเล่าข้อดีบ้างนะ ^O^)
พวกฝรั่งเขาจะ ใจดีมากๆ และอัธยาศัยดีมากๆ ^_^
สมมตินะ คุณขึ้นไปบนรถเมล์เนี่ย Driver จะชอบ Entertain ผู้โดยสารตลอดเลย 5555+ ^O^
แล้วเขาจะชอบทักทายกันนะ แบบคนแปลกหน้านี่แหละ
เวลาเจอกัน เขาจะทักทายกัน morning! ^^, afternoon!^^ เขาจะไม่ค่อยหน้าบึ้งใส่กันเหมือนเมืองไทย ^_^ (อย่างเมืองไทยเรา เราจะทักทายเฉพาะคนรู้จัก คนในที่ทำงานใช่ป่าว?? ^O^ แต่ฝรั่งเนี่ย เขาจะทักทายแม้กระทั่ง คนแปลกหน้า!)
อย่างเวลาคุณไปทำงานเนี่ย คุณไม่รู้จักคนที่เดินผ่านคุณหรอก แต่เห็นใส่ชุดพนักงานที่ทำงานเดียวกัน(แต่ไม่รู้จักกัน คนละแผนก ไม่เคยคุยกันเลย) แต่พอเดินผ่านกัน เขาก็จะทักทายกัน morning!, afternoon! ^_^
อย่างเวลาขึ้นรถเมล์ คนที่ขึ้นไปบนรถเมล์เนี่ย เขาจะทักทาย driver ทุกคนเลย.. morning!, afternoon! ^_^ แล้วก็จะมีการพูดแซว และสนทนานิดๆหน่อยๆ (เหมือนในหนังฝรั่งเลยอ่ะ ^_^)
คือ.. หนังไทย ละครไทย กับชีวิตจริงๆของคนไทย จะไม่เหมือนกันใช่ป่าว??? แต่หนังฝรั่ง ละครฝรั่ง กับชีวิตจริงๆของฝรั่ง เราว่าเหมือนในหนังเลย >< อัธยาศัยดีเว่อร์ๆๆๆๆๆๆๆ ^O^
มีครั้งหนึ่ง เราไปเที่ยวทะเลสาปกับเพื่อนๆและพี่คนไทยที่อยู่ที่นั่น แล้วมันก็รถคันหนึ่งขับผ่านมา (ตอนนั้นเราพึ่งไปอเมริกาใหม่ๆ เราเลยยังไม่รู้นิสัยคนที่นี่)
พี่คนไทยบอกว่า "เนี่ยๆ เชื่อไหม?? เดี๋ยวรถคันนั้น เขาจะขับมาหาเรา และจะมาถ่ายรูปให้เรา ^^" (ลืมบอกว่า พวกเรากำลังถ่ายรูปกันอยู่ ^_^)
ตอนที่พี่คนไทยบอก เราก็ยังงงๆนะ ว่าเขาจะทำอย่างนั้นทำไม ??? >.<
สักพัก เขาก็ขับรถมาทางเราจริงๆด้วย แล้วก็มาจอดใกล้ๆพวกเรา แล้วก็เปิดประตูรถลงมา บอกว่า เขาจะถ่ายรูปให้ ^_^ (เพราะตอนถ่ายกันเอง พวกเราต้องสลับกันถ่ายไง เพราะงั้นมันจะมีคนใดคนหนึ่งที่จะไม่ได้อยู่ในรูป)
พอเราเห็นเขาทำแบบนั้น เรานี่ อึ้งเลย!! O.O!! ไม่เคยเห็น!! เราเชื่อเลยว่า ที่เมืองไทยจะไม่มีเหตุการณ์แบบนี้แน่ๆ ที่คนขับรถผ่านมาแล้วจะลงมาถ่ายรูปให้เรา ^O^
แต่พอเราไปอเมริกาบ่อยๆ เราเจอเหตุการณ์แบบนี้บ่อยๆจนชินนะ ^_^ เช่น.. เราไปต่อแถวกำลังจะจ่ายค่าสินค้าที่ห้าง คนข้างหลังเราเขาคงเห็นเราเป็นเด็กแหละ เขาก็เลยบอกเราว่า ให้เอาบัตรส่วนลดของเขาไปจ่าย ^_^ ตอนแรกเราก็งงๆ พอใช้บัตรเขา เราก็ได้รับส่วนลดจริงๆ เราก็ Thank you very much เขาไป ^^
มีอีกนะ..
เคยไหม ที่คุณแบบ.. เดินๆอยู่คุณกเกิดหกล้มกลางถนนอ่ะ ??? (ตรงทางม้าลาย)
เชื่อไหม ?? เราเคยสะดุดล้มตรงทางม้าลาย (มันยังขึ้นไฟตัวคนขาวๆให้ข้ามอยู่นะ) แล้วแบบ มีคนรีบวิ่งมาช่วยเราเลยอ่ะ >< เขารีบมาพยุงแล้วถามเลย Are you ok??
หรือบางที เราเดินๆอยู่ เราหอบหนังสือแล้วเราทำตกอ่ะ คนที่เขากำลังจะเดินสวนเรา เขาก็ช่วยเราเก็บเลย! ^O^
อีกอย่างที่เราสังเกตได้นะ..
ฝรั่งมีหัวใจ Dance ในสายเลือดทุกคนเลย!!!
เราเคยไปทำงานสวนสนุก เขาเปิดเพลง Hip Hop เป็นงานเลี้ยงพนักงานอ่ะ ><
ตอนแรก เราไม่ลุกนะ เราเต้นไม่เป็น เราอาย ^^
แต่.. เชื่อมะ ?????
ไม่มีใคร นั่งเลย สักคน!!! --'
ทีแรก เราว่าเราเต้นไม่เป็นนะ เราอาย..
แต่พอเราไม่ลุกเต้นนี่สิ่ >< น่าอายยิ่งกว่าอีก!!! >o<
คือ ฝรั่งเนี่ย ไม่ว่าจะรุ่นไหนนะ รุ่นเล็กหรือรุ่นใหญ่ เขาเหมือนมีความเป็นเด็กอยู่ตลอดเวลา รักสนุกตลอดเวลา ชอบเต้น ชอบเพลง dance!!
เด็กๆเขาจะกล้าแสดงออกมาก เด็กบางคนนี่ เต้นเท้าไฟเลย!! >< แล้วพวกผู้ใหญ่ก็จะไปมุงดู เต้นเก่งมากกกกก!! ^O^
หลังๆมา เราเหมือนกับ เราไม่อยากเป็นแกะดำของคนที่นี่ เราก็เลยต้องลุกเต้นไปตามจังหวะกับเขาด้วย!! (จริงๆนะ ไม่ได้โม้ มันไม่มีใครนั่งเลยสักคน!! --' ไม่ว่าจะหัวหงอกหรือหัวดำ)
แล้วฝรั่งเนี่ย.. เขาจะมีความรักใน "รัฐ" ที่เขาอยู่ มาก!! (จริงๆอาจจะเป็นแค่บางรัฐก็ได้นะ >< เพราะเราก็เคยไปแค่ไม่กี่รัฐ พวก Texas, California, Nevada, Georgia, New York, Connecticut)
อเมริกามี 52 รัฐ เราเคยไปไม่ถึง 10 รัฐอ่ะ ><
แต่เวลาเราไปรัฐไหน เราจะชอบเห็นเขาใส่เสื้อรูปรัฐเขา ใส่เสื้อทีมฟุตบอลของรัฐเขา ใส่เสื้อสัญลักษณ์ของรัฐเขา
เชื่อไหม??? ถ้าคุณไปอยู่ Texas คุณจะเห็นฝรั่งใส่หมวก Cowboy Cowgirl เยอะมากกกกกก!! เหมือนออกมาจากในหนังเลย!! >o<
เราไปอยู่จนเราคิดว่า เราอยู่ประเทศ Texas เราลืมไปเลยว่าเรามาประเทศ United State of America ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ ^O^
ไปอเมริกาสนุกมากนะ ^_^
ได้เห็น เรียนรู้ วัฒนธรรม ที่แตกต่างจากบ้านเรา "โดยสิ้นเชิง"
ที่นั่น จะสะดวกสบายมาก Heater(เครื่องทำให้อากาศร้อน เวลาถึงหน้าหนาว) และ Cooler(ก็คือ แอร์ ให้ความเย็นแบบบ้านเรานี่แหละ) บ้านทุกหลังในอเมริกา จะมี Heater และ Cooler ทุกหลัง!! ไม่ว่าคุณจะทำงานรับจ้างหรือทำงานบริษัท คุณจะไม่หนาว ไม่ร้อน
ก๊อกน้ำ ไม่ต้องพูดเลย เพราะแม้แต่ก๊อกน้ำสาธารณะ ก็ยังมีทั้งน้ำร้อนและน้ำเย็น ไม่ว่าคุณจะทำงานรับจ้างหรืองานบริษัท คุณก็จะ ไม่หนาว ไม่ร้อน ^_^
ไม่ว่าคุณจะทำงานรับจ้าง หรืองานบริษัท คุณจะมี Computer ใช้ ไม่ต้องผ่อนรายเดือน มี ipad ใช้ไม่ต้องผ่อนรายเดือน
ไม่ว่าคุณจะทำงานรับจ้างหรืองานบริษัท คุณจะมีรถเก๋งสวยๆขับ (รถที่อเมริกา ราคาถูกกว่าเมืองไทยประมาณ 1-2 แสนบาท ในขณะที่รายได้คนอเมริกัน เยอะกว่าคนไทย!!) คิดดูสิ่ ว่าอะไรๆ มันสวนทางกันขนาดไหน อิอิ ^_^
ตอนเราไปทำงานที่นั่น เด็กๆมัธยมของอเมริกา ก็มีรถขับกันทุกคน! >< เขาให้ทำใบขับขี่ได้ตั้งแต่อายุ 16 (แล้วแต่รัฐ แต่ส่วนใหญ่จะอยู่ที่อายุ 16 ปี) เพราะประเทศนี้ แผ่นดินเขากว้างใหญ่ บางรัฐบ้านเมืองอยู่ห่างๆกัน ร้านค้าอยู่ห่างๆกัน ไม่สะดวกที่จะนั่งรถเมล์ เขาก็จะไม่ทำรถเมล์หลายสาย จะทำไม่กี่สาย นอกจากจะเป็นพวกเมืองเล็กๆ เป็นดาวทาวน์ เขาจะถึงจะทำรถเมล์หลายๆสาย ถ้าพวกเมืองที่กว้างๆ บ้านอยู่ห่างๆกัน และไม่ใช่ Downtown เด็กๆจะขับรถไปเรียน ขับไปทำงาน part-time ทุกคนเลย!! ใครให้แม่มารับนี่ ถือว่าลูกแหง่!!(ล้อเล่นนะ อิอิ ^^)
มีอะไรอีก.. นึกไม่ออกแล้ว เอาเท่านี้ก่อนนะ ^O^
แก้ไขเมื่อ 22 ต.ค. 55 16:13:21
แก้ไขเมื่อ 22 ต.ค. 55 15:59:58
จากคุณ |
:
Gretchen
|
เขียนเมื่อ |
:
22 ต.ค. 55 15:41:47
|
|
|
|
|