ความคิดเห็นที่ 1 โดยส่วนตัวเราคิดว่าเมืองไทยมีห้องสมุด  หรือสถานที่  วิธีการที่จะได้อ่านหนังสือไม่้น้อยนะคะ แต่คนไทยไม่ทำเองต่างหาก จากคุณ : TinkElena เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 01:15:08

ความคิดเห็นที่ 2 ไม่จริงหรอกค่ะ ที่ประเทศสวิสมีห้องสมุดดีๆใกล้ๆบ้านมากมายให้ศึกษาค้นคว้า แต่เด็กๆที่บ้านไม่ได้รักการอ่านเท่าไหร่ ก็จะอ่านแค่หนังสือเรียนที่จำเป็น พรุ่งนี้จะสอบวิชาใหนก็จะอ่านแค่วิชานั้น ลูกชายเรียนเก่งแต่ก็ไม่เห็นอ่านหนังสือเลย นอกจากจะสอบพรุ่งนี้เย็นนี้จึงต้องอ่าน ลูกสาวเรียนอ่อนแต่ก็อ่านหนังสือแค่ที่จำเป็นเท่านั้น เด็กๆคนอื่นก็เหมือนกัน ทั้งห้องราวๆ23-25คน จะมีแค่คนสองคนที่เป็นหนอนหนังสือ จากคุณ : Willkommen เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 01:41:32

ความคิดเห็นที่ 3 ผมอยู่เมืองที่มีห้องสมุดไม่สวยนะ...แต่มีหนังสือเยอะ หนังสือใหม่ ๆ มาเรื่อย ๆ ถ้าหนังสือเขาเริ่มเยอะ ก็จะเอามาปล่อยขาย ประมาณว่า เอาใส่ถุงกลับบ้าน กี่เล่มก็ได้คิดเงินค่าหนังสือแค่ ร้อยกว่าบาท ที่นี่มีแรงจูงใจให้คนอ่านหนังสือ โดยให้ยืมหนังสือฟรีครับ แค่พิสูจน์ให้ได้ว่าอาศัยอยู่นี่จริง เขาก็ให้บัตรห้องสมุดมา อาจจะไม่แฟร์กับเมืองไทยเท่าไร แต่ถ้าต้องเปรียบเทียบ ผมเคยเข้าห้องสมุดประชาชน ของไทยตอนเด็ก ๆ (นานอยู่ครับ) หนังสือจะมีให้เลือกน้อยกว่ามาก และจะมีกระเทยเฒ่าสิงอยู่ คอยรอจับ จุด จุด จุด ของเด็ก จำได้ว่านั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่เข้าห้องสมุดประชาชนในไทย ผมคิดว่าคนไทยจะอ่านหนังสือมากขึ้นนะครับ ถ้ามีการส่งเสริมให้การอ่านหรือการหามาให้อ่านง่ายขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ จากคุณ : เอาชื่อรัยอ่ะ เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 01:43:05

ความคิดเห็นที่ 4 เราว่าเรื่องรักการอ่านหรือไม่รักการอ่านเนี่ย ขึ้นอยู่กับตัวบุคคลล้วนๆ เลยนะคะ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับฐานะ เชื้อชาติ ศาสนา ความพร้อมในด้านอื่นๆ เลย คนที่รักการอ่านเนี่ย ยังไงๆ เขาก็ต้องขวนขวายหาอ่านให้ได้วันยังค่ำค่ะ เราเป็นคนไทยที่เกิดเมืองไทยโตเมืองไทย และ 1. โตมากับห้องสมุด คือ เข้าไปอ่าน เข้าไปแอบนอน เข้าไปแอบกินขนม ตามห้องสมุดต่างๆ นะคะ ไม่ว่าจะห้องสมุดโรงเรียน ห้องสมุดมหาวิทยาลัย หรือ ห้องสมุดประชาชน 2. โตมากับร้านขายหนังสือ คือ ไปเลือกชม เลือกหา เลือกซื้อ หรือยืนพลิกๆ อ่าน เรามักจะทำงานพิเศษมาตั้งแต่เด็กๆ โดยเฉพาะช่วงปิดเทอม เพื่อที่จะได้มีเงินไปซื้อหนังสือเยอะๆ หลายๆ เล่ม 3. โตมากับร้านหนังสือเช่า คือ เราชอบไปเช่าหนังสือมาอ่านด้วย 4. เราชอบซื้อหนังสือเป็นของขวัญให้คนอื่นๆ เสมอนะ เราอยากแบ่งให้เขาอ่าน อยากให้คนอื่นๆอ่านแล้วได้ความรู้เพิ่มเติม ได้รับความเพลิดเพลิน และ อ่านแล้วมีความสุข เหมือนที่เราได้รับจากการอ่านหนังสือ ______________________________ ห้องสมุดเมืองนอกเคยเข้าไม่กี่แห่งนะ เช่นที่อังกฤษ ที่ออสเตรเลีย ที่สิงคโปร์ เราชอบห้องสมุดที่อังกฤษนะ แต่ห้องสมุดแห่งชาติสิงคโปร์หน่ะเริ่ดมาก โดยเฉพาะในเรื่องของสถานที่ ที่เมืองไทยหน่ะ มีห้องสมุดดีๆ หลายแห่งนะคะ แต่คนไทยไม่ค่อยรู้จัก เพราะไม่ค่อยสนใจ และ คนที่จะไปห้องสมุดเหล่านี้ คือคนที่สนใจจริงๆ ค่ะ เราชอบหอสมุดแห่งชาติไทยนะ ขลังดีค่ะ ตอนเด็กๆ ต้องไปบ่อย ไปค้นคว้าเพื่อทำรายงาน และมีห้องสมุดของมหาวิทยาลัยหนึ่ง ใจดีมากๆ เราไปอ่่านหนังสือบ่อยๆ ตอนโตแล้ว เวลาไปเดินห้างในเมืองไทย หรือ ห้างที่ไหนๆ ก็แล้วแต่ ชอบมองหาร้านหนังสือด้วยค่ะ เราชอบร้านหนังสือที่เมืองไทย ที่อังกฤษ ที่สิงคโปร์ และ ที่ออสเตรเลีย เดือนๆ นึงเราหมดกับค่าหนังสือเยอะมาก ขนาดอ่านในเน็ทแล้วบ้างก็ตาม หรือมีให้เราหยิบฟรีๆ จากตามสนามบิน หรือ จากบนเครื่องแล้วก็ตาม _วันไหนที่ไม่ได้อ่านหนังสือจะรู้สึกเหมือนว่า ชีวิตขาดอะไรไป และ ถ้าช่วงไหนยุ่งๆ ไม่มีเวลาอ่านหนังสือเลย เราชอบคิดวิตกจริตจินตนาการไปเองว่า เรากำลังจะโง่ลง โง่ลง ไปเรื่อยๆ และ สมองกำลังจะฝ่อลง หดลง (คิดแบบนี้จริงๆ ค่ะ ไม่ได้อำนะคะ) ______________________________ พฤติกรรมการอ่านหนังสือของคนต่างชาติเหรอ เพื่อนเรามีหลายชาตินะ ทั้งคนเอเชีย ทั้งคนฝรั่ง สังเกตดูก็แล้วแต่อุปนิสัยในการอ่านล้วนๆ ของแต่ละบุคคลนะคะ คนฝรั่ง คนเอเชีย ที่ไม่ค่อยอ่านหนังสือก็มีค่ะ หรือพวกหนอนหนังสือก็มี และจะอ่านแนวไหนก็แล้วแต่บุคคลค่ะ คนไทยเยอะแยะก็อ่านหนังสือนะคะ แต่จะมีบางกลุ่มที่ไม่อ่านอะไรที่เป็นประโยชน์ค่ะ ขึ้นอยู่กับความชอบในการอ่านล้วนๆ ค่ะ หรือ บางครั้งคนที่ยังอ่านหนังสือไม่ได้ หรือ อ่านไม่คล่องก็มีนะคะ เพราะฉนั้นเขาก็ไม่อ่านค่ะ และ อย่าลืมว่า ในหลายๆ ท้องถิ่นของไทย ยังยึดถือสังคมเกษตรกรรมอย่างเหนียวแน่น ยึดถือสังคมแบบอนุรักษ์นิยม คนไทยบางกลุ่ม ชอบให้มีคนบอกแล้วจึงจะทำตาม เพราะฉนั้นเขาจะไม่อ่านให้เสียเวลา แต่จะชินกับการฟังประกาศที่เป็นเสียงมากกว่า เคยชินกับการมีผู้นำ แล้วตนเองเป็นผู้ตาม โดยการทำตามเสียงเชิญชวน หรือเสียงออกคำสั่ง โดยที่ไม่ต้องอ่าน จนเกิดความเคยชินว่าไม่ต้องอ่าน และคนไทยมักจะไม่ชอบอ่านแผนที่ด้วยค่ะ แต่จะเคยชินกับการที่จะต้องมีคนบอกทิศทางให้ คนไทยไม่ชอบอ่านป้าย ไม่ชอบอ่านประกาศ หรือ เมื่ออ่านแล้วก็ยังต้องถามอีกเพื่อความแน่ใจ ขอติดไว้แค่ตรงนี้ก่อนนะคะ แล้วว่างๆ จะมาพิมพ์ต่อคุยต่อค่ะ จากคุณ : Been there, done that! เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 02:24:59 A:202.156.9.10 X: TicketID:357481

ความคิดเห็นที่ 5 เป็นสมาชิกห้องสมุดของ County ค่ะ สามารถสั่งจองหนังสือได้ทางเว็บไซด์  ตามรายการหนังสือที่ห้องสมุดทั้งในเมืองและในแคว้นหรือรัฐ  แล้วเมื่อหนังสือมาถึงห้องสมุด  ก็ไปรับค่ะ การเป็นสมาชิก ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น  เพราะรวมอยู่ในภาษีที่เสียในแต่ละเดือนค่ะ   ห้องสมุดในเมืองที่ดิฉันอยู่ไม่ได้สวยงามอะไร  แต่การบริการถือว่าดีมาก ๆ  ที่นี่ส่งเสริมการอ่าน  แต่ละปีจะมีงบประมาณทั้งในการจัดนิทรรศการ กิจกรรม โดยเฉพาะมุมเด็ก  ที่มีกิจกรรมมากมาย  ส่งเสริมให้พ่อแม่พาเด็กมาห้องสมุด และให้เด็กรักการอ่าน  มีหนังสือตัวอักษรตัวใหญ่ ๆ ให้คนแก่หรือคนที่ตาไม่ดีอ่าน  มีเทป มีซีดี สำหรับผุ้ที่มองไม่เห็นแต่สามารถฟังได้  ทั้งยังมีหนังสืออักษรเบรลล์อีกด้วย ห้องสมุดสวยที่นี่ที่ดิฉันไปคือ National Library ค่ะ  แต่ว่าก็จะสวยแบบโบราณ ทั้งสถาปัตยกรรมและการตกแต่ง  หนังสือเก่า ฯลฯ น่าตื่นตาตื่นใจมาก ไปแล้วไม่อยากกลับเลย   คงจะตอบอะไรไม่ได้มากในแง่สถาปัตยกรรมและการตกแต่ง  แต่สำหรับตนเองแล้วไปห้องสมุดบ่อยมากค่ะ   ก็คงขึ้นอยู่กับตัวบุคคลมากกว่า  ว่ารัก ชอบ การอ่านหรือไม่ ส่วนตอนอยู่เมืองไทย  ไม่ได้ไปห้องสมุดเลยนะคะ  ซื้อเอาทั้งทางเว็บไซด์และที่ร้าน  เพื่อนร่วมงานชาวต่างชาติก็ไม่เคยเห็นว่าใครไปห้องสมุดบ้านเราเลยค่ะ  ส่วนมากก็เห็นซื้อหนังสือกันเป็นส่วนใหญ่ หวังว่าคงพอช่วยได้บ้างนะคะ จากคุณ : Amber n the Gang เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 04:57:13

ความคิดเห็นที่ 6 พี่ๆที่เป็นคนไทย ได้เข้าห้องสมุดดีๆ สวยๆ ที่เมืองนอกบ่อยมั้ยครับ//บ่อย ที่นี่หนังสือดี มีให้โหลดทุกอย่าง ออดิโอ้ บุค, นิยายแบบออดิโอ้ บุค, เพลง, นิทานเด็ก +ซีดีเพลงเด็ก ตามเทศกาล(เก๋มาก) มีระบบระหว่างห้องสมุดในเค้าตี้ให้แชร์ หนังสือ ซีดี ออดิโอ้บุค ทุกอย่างกันได้ แค่ลงชื่อไว้ เค้ามีรถตู้เวียนตามห้องสมุด 14 แห่ง แลกเปลี่ยนหนังสือกัน ตามที่ลูกค้าขอ(รีเควส) ไม่เสียค่าใช้จ่าย สะดวกมาก นั่นหมายความว่า เราสามารถเข้าถึงทรัพยากรณ์ได้จากห้องสมุด 14 แห่ง โดยใช้ฐานห้องสมุดโลคอล 1 แห่ง นับว่าดีมากๆ มีให้โหลดเข้านุคด้วย แล้วหนังสือใหม่ก็เยอะ หนังสือ มีคุณภาพมาก ไม่ใช่หนังสือขยะ หนังสือและทุกอย่างที่ซื้อเข้สห้องสมุด ใช้ได้คุ้มค่า น่าอ่าน มีคุณภาพ ห้องสมุดมีคนใช้เยอะมากต่อวัน แม้จะดูเล็กๆ เพิ่ม เราเป็นวาลันเทียที่ห้องสมุดนะคะ//พฤติกรรมการอ่านที่เมืองนอก//ที่นี่มีมหาลัย 1 ที่ คอลเลจ 1 ที่ ไฮสคูล 1 -3 ที่   ระดับต่ำกว่าไฮสคูล ประถม มัธยม อย่างละ 2 - 3 ที่   พวกนี้เป็นตัว define หนังสือและสื่ออื่นๆ ที่จะเลือกเข้าห้องสมุดอะค่ะ ทำให้ หนังสือและสื่อต่างๆ ที่เลือก/คัดเข้าห้องสมุด ค่อนข้างเป็นแนววิชาการ ใช้ได้จริง ให้เด็กเอาไปอ้างอิงได้ มีห้องหนังสือเด็กโตและเด็กเล็ก มีกิจกรรมส่งเสริมการอ่าน เช่น สอนใช้สไกป์ สอนดาวน์โหลด วันอ่านนิทานให้เด็กฟัง(ประมาณทุ่มนึง สัปดาห์ละ กี่วันไม่รู้) มีดีวีดี/หนัง ทั้งบันเทิง/สารคดี/ความรู้/ท่องเที่ยว/สอนโยคะ/ชีวประวัติ ให้คนเลือกยืม แบบ คนที่นี่/สมาชิก จะรู้จักหน้าที่ของตัวเองอะค่ะ ถ้าไม่ไหวจริงๆ หาไม่เจอ ก็จะถาม จนท  แบบที่นี่ใช้คนไม่มาก ยูเซอร์ส์ค่อนข้างมีระเบียบ ทำอะไรด้วยตัวเองเป็น ยืม-คืน เอง, หาเอง, อะไรพวกนี้อะค่ะ จนท มีน้อยมาก แต่ เอาอยู่อะค่ะ ดูแลทั่วถึง   คนเข้าใช้ - นอกจากนักเรียน, ก็พ่อแม่ผู้ปกครองพาเด็กมา, นักเรียนที่สูงกว่า ป ตรี(พวก ป โท ป เอก), อาจารย์ทุกระดับชั้น, อาร์ทติสท์(มี รร ดนตรี รร อาร์ท ในเมืองด้วย), คนวัยทำงานมาหลังเลิกงาน มาหาหนังดู, อะไรแบบนี้อะค่ะ คนจะยืมหนังเยอะ เพราะฟรี, และชอบยืมหนังสือใหม่กันมาก, บางทีก็ยืมซีดีไปดาวน์โหลดเก็บไว้ พวกซีดีร่วมสมัย เดวิด, นิกกี้, อลิเซีย, เคธี่ ไปจนของเก่าและดนตรีคลาสสิค, และยืมหนังสือเด็กอะค่ะ ไปอ่านให้ลูกฟัง ก็เยอะ แก้ไขเมื่อ 03 พ.ย. 55 05:57:26 จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 05:41:21

ความคิดเห็นที่ 7 เด็กๆที่เมกานี่จะถูกปลูกฝังให้มีนิสัยรักการอ่านตั้งแต่เล็ก ห้องสมุดของแต่ละ รร นี่จะอลังฯมาก หนังสือมากมาย บรรยากาศดีน่านั่ง  ห้องเรียนของแต่ละชั้นก็มีส่วนที่เป็นมุมหนังสือของตัวเองอีกต่างหาก อันนี้ว่าด้วยระดับ รร นะคะ ห้องสมุดของเมืองก็มีอีก บาง city มีหลายแห่ง ข้างในไม่ใช่ว่าจะมีแต่หนังสือ แต่มีหนังให้ยืมดูได้ด้วย ห้องสมุดที่เมืองไทยนี่เท่าที่นึกออก ก็เห็นมีที่ รร, มหาลัย กับที่หอสมุดแห่งชาติ ร้านหนังสือเมืองไทยก็เป็นอีกที่ๆได้อาศัยอ่านได้บ้าง แต่เนื่องจากเขาเป็นร้านค้า ที่ทางที่จะนั่งอ่านก็ไม่สะดวกหนึ่ง สอง ของเขามีไว้ขาย หนังสือเขาก็ไม่อยากให้ช้ำมือคน เลยต้องห่อมิดชิด อ่านไม่ได้อีก ถ้าไม่ลืม อาทิตย์หน้าจะถ่ายรูปห้องสมุด รร ประถมแห่งหนึ่งมาให้ดู จากคุณ : PatPDX เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 06:05:47

ความคิดเห็นที่ 8 ห้องสมุดท้องถิ่นในนิวยอร์ค "ไม่ได้เน้นสวย" ไมจำเป็นต้องมีการออกแบบตกแต่งภายในมากมายอะไร... เพียงให้มีพื้นที่อาณาเขตพอเพียง... มีทั้งผู้ใหญ่และเด็กไปห้องสมุดกันเยอะ ไม่จำเป็นต้องออกแบบชวนให้อยากเข้า.. ปกติคนเข้าไปอ่านหนังสือ ทำการบ้านกันอยู่แล้ว มีเฉพาะบางห้องสมุดใหญ่ๆเท่านั้น ที่ออกแบบเพื่อรองรับหนังสือและจำนวนคนได้ เป็นพื้นที่โล่งๆ และมีชั้นวางหนังสือตั้งเป็นแถวๆ ที่นั่งให้คนอ่าน และโซนคอมพิวเตอร์ ก็แค่นั้น ทำไมเมืองไทยถึงต้องเน้นออกแบบ เอาให้มีห้องสมุดมากขึ้นในแต่ละพื้นที่จะดีกว่า ... แทนการต้องเดินทางไปไกลเพื่อไปห้องสมุด แบบนั้นดิฉันไม่ไปดีกว่า อยู่บ้านเล่นอินเทอเนทค้นคว้าจากอินเทอเนทก็ได้ สบายกว่าเยอะ ลูกๆดิฉันชอบอ่านหนังสือ โดยเฉพาะสมัยเป็นนรักเรียนประถม มัธยม อ่านเยอะมาก จนมีปัญหาไม่มีที่เก็บที่ดิฉันทิ้งไปเยอะ และให้คนอื่นไปด้วย แก้ไขเมื่อ 03 พ.ย. 55 06:25:57 จากคุณ : JidNince เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 06:24:30

ความคิดเห็นที่ 9 อยู่เมล์เบิร์นนะคะ ถ้านอกจากห้องสมุดมหาวิทยาลัยซึ่งต้องใช้อยู่แล้ว ก็เข้าห้องสมุดประชาชนแถวบ้านค่ะ เป็นห้องสมุดเล็กๆ ธรรมดาไม่ได้สวยอะไร ใครก็สามารถทำบัตรสมาชิกแล้วยืมได้ฟรี (ต้องแสดงหลักฐานที่อยู่) อย่างในเขตเทศบาลที่อยู่นี่มีห้องสมุดประชาชนสามแห่ง (ในรัศมีไม่เกินห้าหกกิโล) ไปทีไรก็เห็นคนเยอะทุกครั้งนะคะ แล้วห้องสมุดก็จัดกิจกรรมบ่อยด้วย ทั้งให้นักเขียนมาเปิดตัวหนังสือ จัดกิจกรรมอ่านหนังสือกับเด็กๆ ปีนึงก็จะมีโละหนังสือขายถูกๆ สามครั้ง (ปกอ่อนเล่มละ 50 เซนต์ ปกแข็ง 1 เหรียญ) ส่วน State Library ของรัฐนี่สวยค่ะ คนก็ไปใช้เยอะทั้งนักศึกษาและคนทั่วไป หลายคนก็ไปใช้สถานที่เพื่อนั่งทำงาน/อ่านหนังสือของตัวเองเฉยๆค่ะ ที่ National Library เป็นแบบ modern ไม่จัดว่าสวย คนก็เยอะตลอดเหมือนกัน แล้วก็มีบริการช่วยเหลือการสืบหาประวัติครอบครัวว่าต้นตระกูลที่ย้ายมาออสเตรเลียคนแรกนี่เป็นใคร มีหนังสือพิมพ์เก่าๆให้ค้นย้อนหลังไปได้หลายสิบปี ทั้งหมดนี่มีอินเตอร์เนทให้ใช้ฟรีด้วยนะคะ คนที่นี่ก็อ่านหนังสือกันเยอะด้วยล่ะค่ะ ขึ้นรถเมล์/รถราง/รถไฟก็จะเห็นคนนั่งอ่านหนังสือหรือ ebook reader กันอยู่เยอะ ส่วนห้องสมุดของไทย ถ้าเป็นตามมหาวิทยาลัยก็จะจำกัดบริการสำหรับคนภายนอก คือต้องจ่ายเงินเข้าและใช้อินเตอร์เนทไม่ได้ บางส่วนนี่กลายเป็นที่นักศึกษาเข้าไปอาศัยห้องแอร์เฉยๆ แล้วก็คุยกันเสียงดังมากกก เคยเจอห้องสมุดคณะนึง เป็นห้องขนาดเล็ก เจ้าหน้าที่ก็ไม่รู้จะทำยังไงเพราะเตือนแล้วนักศึกษาก็ไม่ฟัง ได้แต่กดกริ่งสัญญาณเสียงดังแบบตอนปิดห้องสมุดเป็นครั้งคราว แต่ก็เงียบได้ไม่เกินสองนาทีค่ะ :-( จากคุณ : สลิน เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 06:45:17 A:120.144.55.142 X: TicketID:261115

ความคิดเห็นที่ 10 ห้องสมุดที่นี่เปิดถึง 6 โมงเย็น บางวันก็เปิดถึง 2 ทุ่มแถมเปิดวันเสาร์อีก ทำให้คนที่เลิกจากงานแวะเข้าห้องสมุดได้  หรือวันเสาร์ก็เป็นวันครอบครัว ไปห้องสมุดกัน  และข้างห้องสมุดเป็นสวนสาธารณะมีเครื่องเล่นให้เด็กๆ เล่น หนังสือใหม่ๆ ก็มีตลอด  เคยไปเป็นอาสาสมัครที่ห้องสมุดไปช่วยเขาซ่อมหนังสือ ถ้าหนังสือมีรอยขีดเขียนและแก้ไขไม่ได้ก็ต้องทิ้ง  หรือบางหน้าฉีกขาดหายไปก็ ต้องทิ้งเช่นกัน  ถ้าเป็นหนังสือที่คนนิยมเขาก็จะสั่งมาแทนที่ ห้องสมุดของเมืองไทยส่วนใหญ่จะปิด 5 โมงเย็นบางที่ก็ปิดเสาร์-อาทิตย์อีก ก็ต้องรอปิดเทอมนู่นเด็กถึงจะไปกันได้   และหนังสือก็ไม่ค่อยใหม่ทันเหตุการณ์เลย จากคุณ : ตกตะกอน เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 06:58:19

ความคิดเห็นที่ 11 เด็กสมัยนี้ไม่อ่านหนังสือ (นอกจากหนังสือเรียนที่จำเป็น) เพราะเค้ามีอุปกรณ์อื่นๆอีกมากมายที่มาดึงความสนใจไปจากหนังสือ และก็เล่นเกมส์กันจนติดง่อมแงม เวลาไม่เล่นเกมส์ก็ก้มหน้าก้มตาส่ง message กันจนไม่ลืมหูลืมตา ยังจะทีวีอีก แล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปอ่านหนังสือ พวกผู้ใหญ่ก็ตั้งหน้าตั้งตาทำมาหากิน ไหนยังจะดูแลครอบครัวอีก เวลาว่างที่จะมานั่งอ่านหนังสือ คงไม่ต้องพูดถึง แล้วสมัยนี้ คนที่ชอบอ่านหนังสือก็ใช้ ebook reader, ipad ในการอ่านทั้งนั้น ซื้อหนังสือออนไลน์ หรือบางทีก็ใช้ยืมหนังสือจากห้องสมุดทางออนไลน์ด้วย อันนี้ผมไม่เคยใช้ แต่ได้ยินมาว่ายืมหนังสือผ่านทางเน็ตได้ แต่ถึงกระนั้น ห้องสมุดในอเมริกาเนี่ย มีที่ใหญ่ๆเยอะมาก แบบว่าทั้งตึกห้าหกชั้นเลย แล้วก็เพื่อให้ทันกับยุคสมัย ตอนนี้ยืมหนัง DVD, music CD ได้อีกด้วย จากคุณ : LeePablo773 เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 08:41:09

ความคิดเห็นที่ 12 อยากให้มาเห็นห้องสมุดที่ Cerritos  พวกเด็ก ๆ หลาน ๆ รบเร้าให้พาไปห้องสมุดเองค่ะ  ช่วงที่เป็นห้องสมุดเด็ก อย่างน่าใช้สุด ๆ หนังสือใหม่  มีสารพัดเกมส์ให้เล่น  มีพี่เลี้ยงให้คำแนะนำ  มีเล่าเรื่อง  อ่านนิทาน  โอ้ย สนุกที่สุดเลยค่ะ http://www.google.com/search?q=cerritos+library&hl=th&prmd=imvnsl&source=lnms&tbm=isch&sa=X&ei=0niUUL-5GajLigLl1YD4Bg&ved=0CAoQ_AUoAQ&biw=1033&bih=743 เป็นที่โปรดสุด ๆ ของอิฉันกับผองเพื่อน  คอมพ์พิวเตอร์มีให้ใช้ฟรีเป็นร้อยเครื่องเลยค่ะ จากคุณ : gift is a present เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 08:56:21

ความคิดเห็นที่ 13 มันอยู่ที่งบประมาณด้วยค่ะ  เพราะที่อเมริกาทุกบ้านต้องจ่ายProperties tax(ภาษีบ้าน) จะจ่ายเป็นรายเดือนหรือรายปีก็แล้วแต่ข้อตกลง แล้วทางเขตก็จะนำไปไปพัฒนาห้องสมุดประจำเขต โรงเรียน สนามเด็กเล่น สวนสาธารณะ  อย่างเช่นบ้านเราอยู่ในCHicago จ่ายภาษีบ้านปีละ $6000 ค่ะ  แต่ที่เมืองไทยไม่ต้องจ่ายภาษีตัวนี้ ทางราชการเลยไม่มีเงินไปสนับสนุน+พัฒนาสิ่งต่างๆภายในเขต จากคุณ : piggymom เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 09:47:35

ความคิดเห็นที่ 14 เราว่ามันน่าจะเป็นที่พฤติกรรมของแต่ละคนแต่ละกลุ่มด้วยละคะ เราเรียนอยู่ที่ไทยนี่ละคะ ตอนประถมทุกคนจะชอบเข้าห้องสมุดกันมากก พอเพื่อนเข้าเราก็เข้า เที่ยงๆก็ไปนั่งอ่านหนังสือกัน แต่พอโตขึ้นหน่อยเพื่อนๆไม่มีใครชวนกันไปส่วนใหญ่ก็เลยไม่มีใครไป ห้องสมุดโรงเรียนส่วนใหญ่ก็จะมีเด็กๆเข้าไปเยอะกว่า พอโตขึ้นหน่อยก็ไปเข้าห้องสมุดมหาลัย ซึ่งเราว่าห้องสมุดของเราสวยมากนะคะ ดูหรู ดูเก๋ใช่เล่น แต่ว่ามีคนเข้าไปแค่สิบกว่าคน บางคนก็เข้าไปหลับ หาหนังสืออ่านจิงๆก็มีบ้าง บางครั้งเราก็ไปหอสมุดแห่งชาติ ที่นั่นก็มีคนค่อนข้างเยอะนะ ดูเหมือนจะเป็นแบบขาประจำมานั่งอ่านกันนะคะ มันอยู่ที่การปลูกฝังด้วยละมั๊งคะ อย่างเราก็ชอบหนังสือนะ สะสมอยู่เพราะซักวันอยากมีห้องสมุด(5555ความฝันวัยเด็ก) แล้วเราว่าที่เราชอบอ่านคงเป็นเพราะตอนเด็กๆตื่นเช้ามาก็เห็นคุณพ่อนั่งอ่านหนังสือพิมเป็นภาพที่ต้องเห็นทุกวัน คุณแม่ก็อ่านและสะสมหนังสือ แล้วก็ให้ของขวัญในแต่ละโอกาสเป็นพวกนิยาย วรรณกรรม หนังสือภาพ มันคงเป็นการปลูกฝังด้วยละคะ ถ้าถามว่าห้องสมุดยังไงที่ดูสวย เชิญชวนให้เข้าไปอ่าน มันก็คงเป็นห้องสมุดแบบในเรื่อง Beauty and the Beast ห้องสมุดใหญ่ๆสวยๆที่อสูรมอบให้กับเบล มันเป็นภาพติดตาของเรากับเพื่อยที่ชอบอ่านหนังสือด้วยกันหลายๆคนคะ5555 ห้องสมุดในฝันเลยละคะ จากคุณ : PoongieDragonia เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 09:47:43

ความคิดเห็นที่ 15 ญี่ปุ่นมีห้องสมุดกลางประจำเมือง มีห้องสมุดประจำเขตที่อยู่อาศัยด้วย สวยไม่สวยไม่รู้เพราะไม่เคยไปดูประเทศอื่นมีหนังสือให้อ่านเยอะ ภาษาไทยก็มีให้ยืมอ่าน คนญี่ปุ่นชอบเข้าห้องสมุด ยิ่งช่วงนี้เศรษฐกิจตกสะเก็ดคนใช้ห้องสมุดเยอะขึ้นกว่าเก่าค่ะ เข้าไปดูหนัง ฟังเพลง อ่านหนังสือ เข้าไปนั่งหลับ เเต่บ้านเราไม่ค่อยชอบไปห้องสมุดนะ เเฮ่ๆ แก้ไขเมื่อ 03 พ.ย. 55 09:51:59 จากคุณ : Hana* เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 09:50:38

ความคิดเห็นที่ 16 รู้จักและเคยไปใช้บริการ ห้องสมุดต่างประเทศไม่มาก ที่เห็นในต่างประเทศมาบ้าง ถ้ามองจากภายนอก ทำเลที่ตั้ง ความสวยงามของอาคารก็งั้นๆ อาจซ่อนตัวอยู่ในตึกเก่าๆ ที่ไหนสักแห่งของเมืองใหญ่ แต่ยอมรับว่า เมื่อเข้าไป มีบรรากาศความเป็นห้องสมุดจริง การจัดหนังสือ และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง ความพร้อมและความเป็นมืออาชีพ ของเจ้าหน้าที่และมารยาทของผู้ใช้บริการ ทำให้อยากนั่งลงอ่าน และใช้เวลาที่นั้น ว่าไป ห้องสมุดส่วนใหญ่ จะมีมุมหนึ่งที่ให้ผู้อ่าน สามารถมองออกไปแล้วเจอสิ่งสวยงาม เพื่อผ่อนคลายหรือพักสายตา พบว่า ห้องสมุด National Agricultural Library Beltsville, Maryland ในสายตาผม เป็นอีกแห่ง ที่มีความเป็นห้องสมุด อย่างสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าในแง่ ทำเลที่ตั้ง ความพร้อม สภาพอาคาร โดยเฉพาะความสวยงาม ของภูมิทัศน์รอบๆ เมื่อมองออกมาจากภายในห้องสมุด สวยงามเป็นธรรมชาติมาก ปัจจุบันได้ข่าวว่า ยังมีบริการรถตู้ฟรี จากหน้ากระทรวงเกษตร หรือ USDA ในดีชี ให้บริการเป็นประจำ เพื่อเดินทางไป National Agricultural Library Beltsville, Maryland ท่านเรียนสถาปัตย์ คงซึมชับ และเข้าใจดีกว่าผม ว่า ปัจจัยที่กล่าวมา มีผลต่อพฤติกรรมการอ่าน และจำนวนผู้มาใช้บริการห้องสมุดอย่างไร หรือไม่ ครับ แก้ไขเมื่อ 03 พ.ย. 55 11:28:23 แก้ไขเมื่อ 03 พ.ย. 55 10:30:09 จากคุณ : newcomer (gpvtu2009) เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 09:59:18

ความคิดเห็นที่ 17 เป็นสมาชิกห้องสมุดตรง81st. Jackson Height ในQueens NYค่ะ ความที่เป็นคนชอบอ่านหนังสือ ต้องอ่านหนังสือก่อนนอนทุกวัน การได้ไปห้องสมุดที่นี่เนี่ย สุดยอดมาก ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการทำบัตร ยืมนิตยสารได้เป็น10เล่ม(คืนใน1อาทิตย์)  มีdvdหนัง การ์ตูน สารคดี มีหนังสือ ให้ยืมมากมาย มีfree wifi มีcomputerให้ใช้ มีการอบรม การสอน ต่างๆ เด็กๆและผู้คนที่นี่ เท่าที่เห็นเข้าห้องสมุดกันเยอะค่ะ จริงๆแล้วรร แนะนำให้เด็กอ่านหนังสืออย่างน้อยครึ่งชมทุกวันที่บ้านค่ะ แต่ คุณลูกชายไม่เคยอ่านเลย เขาบอกเขาอ่านแล้วที่รร ชวนไปห้องสมุดก็ไม่ไป จะหาเรื่องราวอะไรก็เปิดnetเอา พูดไปแล้ว netเนี่ยก็เหมือนห้องสมุดนะคะ ส่วนนิสัยรักการอ่านนั้น ดิฉันว่าขึ้นอยู่กับคนๆนั้นมากกว่า ที่บ้านดิฉันมีหนังสือแทบจะทุกที่ อ่านให้ลูกเห็นทุกวัน ลูกยังไม่ทำตามเลยค่ะ สำหรับดิฉัน พ่อแม่ชอบอ่านหนังสือ ตอนเด็กๆถ้าไปไหนๆดิฉันจะต้องมีหนังสือติดมือ และจะต้องได้ซื้อหนังสือกลับบ้าน อย่างว่าล่ะค่ะ สมัยนู้น ไม่มีเกมส์ ไม่มี Ipad Iphone แหล่งShopก็ไม่เก๋ เหมือนสมัยนี้ จากคุณ : pajulito เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 10:24:16

ความคิดเห็นที่ 18 อย่าเอาคนไทยไปเทียบกับเกาหลีหรือญี่ปุ่นเลยครับถ้าเกี่ยวกับการอ่าน คุณ : newcomer (gpvtu2009) ใช่ครับผมเคยไปมาแล้วห้องสมุดแห่งนั้น คงไม่มีห้องสมุดที่เกี่ยวกับการเกษตรที่ไหนในโลกที่จะมีหนังสือมากกว่านี้แล้วครับ จากคุณ : อิสวาสุ เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 10:27:17 A:115.67.7.234 X: TicketID:105627

ความคิดเห็นที่ 19 สมัยที่ยังอยู่เมืองไทยตอนเป็นนักเรียน ก็จะไปหอสมุกแห่งชาติเพราะชอบอ่านหนังสือเก่า ดูโฆษณาเก่า และรูปวาดต่างๆ และอีกที่คือห้องสมุดเยาวชนในสวนลุม  สมัยนั้นไม่มีหนังสือมากนัก แต่ด้วยความไม่มีเงินซื้อเลยอาศัยเข้าไปอ่านจากแหล่งพวกนี้  โตขึ้นมาสะสมหนังสือพวกสารคดี และเนชั่นเนล จีโอกราฟิก ไทย ชอบพวกนี้มากสะสมเป็นจำนวนหลายลัง ตอนย้ายมาอยู่ที่อเมริกาตัดสินใจจะบริจาคให้ห้องสมุด บางที่ก็ต้องมีหลักการอะไรหยุมหยิม เลยลองติดต่อกับมูลนิธิกระจกเงา เขายินดีมารับที่บ้านเลย เราเลยให้เครื่องกดน้ำตู้แบบที่ใช้ในร้านสะดวกซื้อ เพื่อเขาจะออกงานอะไร  ตัวผมชอบอ่านหนังสือสารคดี ที่นี่สมัครสมาชิก NG ปีละเพียง $15 ถูกกว่าซื้อตามแผงมาก  ลูกสาวกลับไม่ค่อยชอบอ่านหนังสือ มีแค่บางช่วงที่หยิบพวก fiction ของที่นี่มาอ่านบ้าง พยายามพาไปห้องสมุดของทีนี่ ผมชอบตรงที่ทำบัตรครั้งเดียวใช้ได้ทั่วทั้งนิวยอร์ค หนังสือยืมได้ 2-3 อาทิยต์ ยืมทีกัน 10-20 เล่มได้  บางทีก็พาลูกสาวไปที่ร้านขายหนังสือ BARN & NOBLE ที่ Union Squre จะมีหนังสือใหม่ๆตลอดและอ่านได้ฟรี ไม่มีใครมาคอยเอาไม้ปัดขนไก่ปัดไล่  นั่งอ่านกันบนพื้นที่ว่างก็ไม่มีใครว่า มีพนักงานคอยเก็บตลอด หนังสือบางเล่มเท่านั้นที่ถูกห่อพลาสติกแต่น้อยมาก หากเป็นเมืองไทย ห้ามแกะอ่าน หากแกะก็โดนบังคับให้ซื้อ   ตอนมาที่นี่ใหม่ๆเมื่อปี 2010 ลูกทั้งสองอ่านหนังสือระดับ  B และ C ตอนนี้ คนโต อยู่ เกรด 6 อ่านหนังสือระดับ Z คนเล็กอ่านระดับ R ผมไม่รู้ว่าเขาแบ่งอย่างไร แต่ทางโรงเรียนจะสนับสนุนให้เด็กรักการอ่าน ทุกห้องเรียนจะมีหนังสือแยกเป็นระดับ A - Z เพราะความสามารถในการอ่านและเข้าใจของเด็กไม่เท่ากัน ลูกบอกในแต่ละเดือนจะมีการทดสอบให้อ่านและจะถาม เขาจะสอนว่าอ่านแล้วเข้าใจอะไร ใครเป็นตัวหลัก เนื้อเรื่องเป็นอย่างไร ตอนต้น ตอนกลาง ตอนจบเป็นอย่างไร แรคิดอย่างไร  ถานเป็นเราจะทำอย่างนั้นในเรื่องที่อ่าน หรือทำอย่างไร แต่ช่วงนี้ เริ่มไม่ค่อยอ่าน สนใจฟังเพลงและดูสวยๆงามๆแบบวัยรุ่นเด็กจาก ไอพอด ผมพยายามจำกัดเวลาในการใช้งานอยู่ อย่างไรก็ตาม ผมเข้าใจว่า โรงเรียนสอนให้เด็กที่จะรักการอ่านและใช้ความคิด เด็กอเมริกันเองบางคนก็อ่านไม่ได้ หรืออ่านได้ไม่ขาด  เช่น เด็กที่มาจากครอบครัว Hispanic หรือ จีน ผมเองเวลาอ่านอะไรต้องมีดิกชั่นนารีคอยช่วย  อีกอย่างที่ผมชอบ จนท ใน ห้องสมุด เขาเองก็ช่วยเหลือและสนับสนุนคนที่นี่ให้อ่าน ไม่ว่า ผู้ใหญ่ หรือเด็ก  หาหนังสือให้ หน่วยงานในเมืองไทยเองไม่ค่อยสนับสนุนให้เด็กรักการอ่าน  สังคมเองบางทีก็แข่งขันที่จะเสนออย่างอื่นให้กับเด็ก ที่สำคัญ พ่อ แม่เองหากสนับสนุน ให้เด็กรักการอ่าน คงจะดีมากกว่านี้มั้งครับ  พูดแล้วเดี๋ยวคงต้องหาทางดึงลูกกลับมารักการอ่านอีกครั้ง จากคุณ : chotwattana09 เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 10:57:19

ความคิดเห็นที่ 20 i love to read too, which most of my thai friends don't but then being a law student and now a lawyer we read for a living so i can say we already read a lot for academic purpose alone than most people i love going to the library only to focus on my study ka so i so much hate libraries with children the rest of the time reading for leisure i buy books and often read in coffee places doesnt mean i dont read จากคุณ : PuppyPower เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 11:15:26

ความคิดเห็นที่ 21 ขอบคุณพี่ๆทุกคนมากครับ ไม่คิดว่าจะมาตอบกันเยอะอย่างนี้ ต้นเหตุของคำถามของผมมาจากบทความชิ้นนี้ http://prachatai.com/journal/2011/08/36630 โดยสรุปก็คือ อ.นิธิพูดว่า สังคมไทยเดิมนั้นไม่ใช้ตัวอักษร วรรณกรรมของไทยจึงเพิ่งเกิดมาในสมัยหลังๆ มานี้เอง และมีจำนวนเทียบไม่ได้เลยกับวรรณกรรมมุขปาฐะ (วรรณกรรมที่เล่าด้วยปาก ไม่ได้จดบันทึก) คนไทยจึง “อ่าน” ผ่านการ “ฟัง” และส่งต่อความรู้โดยอาศัย “ความจำ” ถ้าดูตั้งแต่แต่สมัยต้นรัตนโกสินทร์ ก็จะพบว่ามีเอกสารราชการน้อยมาก คือส่วนกลางแทบไม่ส่งหนังสือถึงหัวเมืองเลยในปีหนึ่งๆ บางเมืองส่งเพียงฉบับหรือสองฉบับเท่านั้น วรรณกรรมไทย แม้ว่าจะเขียนเป็นตัวหนังสือ แต่วิธีเสพวรรณกรรมของคนโบราณไม่ได้เสพโดยการอ่าน แต่เขาเสพโดยการฟัง เช่นประเพณีของเจ้านายสมัยโบราณ มีคนขับเสภากล่อมพระบรรทม ที่น่าสังเกตอีกอย่างคือ เราติดต่อกับจีนมาไม่รู้กี่ศตวรรษแล้ว แต่นำเอาเครื่องพิมพ์มาจากฝรั่งมาใช้ในสมัยถึงรัชกาลที่ 4 แต่ก่อนหน้านี้ เราไม่เคยลอกเลียนเอาเทคโนโลยีการพิมพ์ของจีนมาใช้เลย แต่ถ้าเราเป็นชาตินักอ่านจริง อย่างไรเราก็หนีไม่พ้นเอาเทคโนโลยีการพิมพ์ของจีนมาใช้ เมื่อเทียบกับญี่ปุ่นที่รับเอาเทคโนโลยีการพิมพ์ของจีนมาใช้ก่อนที่จะมีระบบ การพิมพ์แบบฝรั่ง ยิ่งหาข้อมูลก็ยิ่งเจออะไรน่าตกใจหลายๆอย่างครับ หนังสือพิมพ์ฉบับแรกในไทย The Bangkok Recorder ก็พึ่งมีเมื่อไม่ถึง 200 ปีที่ผ่านมา ออกเป็นรายปักษ์ มีแค่ 4 หน้า แถมอยู่ได้ไม่ถึง 2 ปีก็เจ๊ง ห้องสมุดประชาชนที่มีผู้ใช้บริการมากที่สุดในกรุงเทพ คือห้องสมุดสวนลุม เป็นอาคารเล็กๆ เนื้อที่ไม่ถึง 1000 ตรม ด้วยซ้ำ ถ้าอยากได้ห้องสมุดใหญ่ๆ ต้องไปห้องสมุดแห่งชาติ หรือห้องสมุดตามมหาลัยเท่านั้น ประกอบกับที่พี่ๆหลายคนเล่ามาบอกว่าขึ้นกับคน แต่บางคนก็บอกว่าห้องสมุดเมืองนอกมันสวยกว่าจริงๆ ของไทยไม่น่าใช้เท่าไหร่ ผมชักจะเริ่มเชื่อแล้วว่าน่าจะขึ้นอยู่กับคนไทยมากกว่า แต่ห้องสมุดที่สวยๆ มีการจัดการดีๆ ก็ยังมีผลครับ จากคุณ : meangu เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 12:25:08

ความคิดเห็นที่ 22 ห้อวสมุดเมืองนอกนั้นอาจจะสวยอยู่ครับ แต่ที่สำคัญ เขามีหนังสือให้อ่าน ถ้าไม่มีเขาก็ไปยืมจากห้อวสมุดอื่นมาให้โดยที่เราไม่ต้องเสียอะไรเลย อย่าส่งช้าอย่างเดียว ลองดูซิครับว่าหนังสือบนแผงบ้านเราเป็นหนังสือประเภทไหน จังค์เป็นส่วนใหญ่ ในเวปไซท์ก็เช่นเดียวกัน สังเกตดีๆ จากคุณ : อิสวาสุ เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 12:53:35 A:115.67.101.16 X: TicketID:105627

ความคิดเห็นที่ 23 เห็นด้วยกับบทความที่จขกท.เอามาแปะคะ 5555 ตอนเราเรียนอยู่ม.ปลายจะมีอาจารย์ท่านนึงท่านสอนประวัติศาสตร์คะ ท่านบอกว่าคนไทยมีวัฒนธรรม และวิทยาการที่หลากหลาย แต่ขาดการจดบันทึก ทำให้ความเข้าใจและการนำไปพัฒนาต่อนั้นเกิดขึ้นยาก เวลาอาจารย์สอนก็จะให้เด็กจดตามอย่างเดียวเลยคะ ท่านจะพูดๆๆบรรยายเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และสังคม แลเวให้กระดาษเด็กมา เด็กทุกคนก็จะจดๆๆเป็นโน้ตตามแบบของตัวเอง แล้วในหลายๆครั้งก็จะมีการนัั่งวิเคราะนู้นนี่กัน เราว่าการเขียนอยู่คู่กับการอ่าน ในความคิดเราก็คือ คนที่ชอบเขียนส่วนใหญาก็จะชอบอ่าน คนที่ชอบอ่านก็น่าจะชอบเขียน ถ้าไม่ชอบอ่านก็ไม่น่าจะชอบเขียน ถ้าไม่ชอบเขียนก็อาจทำให้ไม่ชอบอ่านก็ได้นะคะ จากคุณ : PoongieDragonia เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 14:29:47

ความคิดเห็นที่ 24 no... i'm one of those who don't like to go to the library ( only went there while i was in school.) the things are i like to buy not borrow and i like to read in my own personal place. so library is not really for me. and... i don't go to bookstores either (well... sometimes i do but rarely) i don't know what to buy or where to look for. BUT you know what my bigger problem is? my bigger problem is "reading" i don't know if anyone has this problem or not... i love to read (i think) but i don't know HOW to read. HOW HOW HOW? i think i should borrow books from someone who knows HOW to read or i should ask someone to teach me HOW to read. i have read that some people when they read they think and they take notes (and i'm like... take notes? take notes about what?) so they gain more from what they've read. BUT i'm just a sponge... จากคุณ : O เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 14:45:38 A:108.3.179.79 X: TicketID:071236

ความคิดเห็นที่ 25 โหวต จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 18:17:48

ความคิดเห็นที่ 26 เข้าแต่ห้องสมุดของมหาลัยที่ญี่ปุ่นนี่ แต่ไม่ชอบนั่งอ่านในห้องสมุดค่ะ บรรยากาศอึดอัด ชอบยืมแล้วก็มานั่งอ่านที่หอมากกว่า ห้องสมุดมหาลัยที่นี้หนังสือเยอะมาก มีทุกภาษาที่สำคัญ มีการแยกเป็นแผนก โดยเฉพาะว่าเป็นห้องสมุดของหน่วยไหน ระบบการค้นหาข้อมูลง่าย สะดวก คือทุกอย่างจะอยู่ใน database ของเขาหมดเลยค่ะ เราว่าอาจจะเป็นเพราะว่า ในต่างประเทศนั้นการอ่านคือง่านอดิเรก คือ leisure อย่างนึง หนังสือเลยมีหลากหลายว่า มีหลายแนวให้เลือก แต่บ้านเรา ถ้าพูดว่า "อ่านหนังสือ" ก็จะไปผูกกับการเรียน ไปผูกกับความฉลาด ต้องเป็นอะไรที่มีสาระ จริงจัง เท่านั้น มีค่านิยมแบบนี้คงไม่ค่อยมีใครอยากจะอ่านหนังสือกันเท่าไหร่ค่ะ ส่วนเรื่องคนต่างชาติเข้าห้องสมุดบ้านเรา บางที่ค่อนข้างจำกัดเกินไปค่ะ ขนาดหอสมุดแห่งชาติยังไม่ให้คนต่างชาติเป็นสมาชิกเลย และก่อนหน้านี้เราสมัครเว๊บของหน่วยงานไทยที่เป็น database ของวิทยานิพนธ์ในประเทศไทย.. เจอข้อความนี้เข้าไป แล้วให้เลือก "เนื้อเพลงชาติไทย" ในการสมัคร... ซึ้งเลย........... นี่ขนาดเป็นหน่วยงานที่ดูต้องวิชาการนะ... ถ้าต่างชาติเขาทำแบบนี้กับนักเรียนไทยที่ไปเรียนเมืองนอกบ้าง..จะว่าไงดี.. แก้ไขเมื่อ 03 พ.ย. 55 19:37:58 แก้ไขเมื่อ 03 พ.ย. 55 19:22:55 จากคุณ : Govinda Gopala เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 19:22:32

ความคิดเห็นที่ 27 (ซ้ำค่ะ) แก้ไขเมื่อ 03 พ.ย. 55 19:29:33 จากคุณ : Govinda Gopala เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 19:28:55

ความคิดเห็นที่ 28 ไปเจอข้อความแบบนี้ในเว๊บค้นหาวิทยานิพนธ์ของบ้านเรา.. คือถ้ามีวิสัยทัศน์กับงานวิจัยหรือความรู้แบบนี้ นี่แย่นะคะ มันกระทบไปถึงตัวห้องสมุดหรือฐานข้อมูลจริงๆ เลยเราว่านะ บางทีการดึงดูดให้คนเข้า อาจจะไม่แค่เรื่องตึกสวยไม่สวย อย่างเดียวก็ได้ แต่น่าจะเป็นปัญหาที่เรามองว่าห้องสมุดเป็นแหล่งความรู้ หรือเป็นแค่ที่เก็บหนังสืออย่างเดียวค่ะ :( แก้ไขเมื่อ 03 พ.ย. 55 19:34:11 จากคุณ : Govinda Gopala เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 19:30:45

ความคิดเห็นที่ 29 ลืมเล่าให้ฟังไปเรื่องหนึ่งว่า เรารู้จักครอบครัวไทยหัวโบราณครอบครัวหนึ่ง เป็นครอบครัวฐานะดี แต่ขี้เหนียว ครอบครัวนี้ส่งเสริมให้ลูกหลานอ่านแต่ตำราเรียน แต่ไม่ให้อ่านหนังสืออื่นๆ เลย บอกว่าไม่จำเป็น และ เห็นว่า การอ่านหนังสือเพื่อความบันเทิง และ เพื่อความรู้รอบตัว เป็นการเสียเวลา และ การที่นำเงินไปซื้อหนังสือที่นอกเหนือ จากตำราเรียนมาอ่าน จะทำให้เงินไปจมอยู่กับหนังสือ โดยที่ไม่ได้ประโยชน์เลย คนไทยบางครอบครัวมีทัศนะคติที่แปลกๆ แบบนี้เองค่ะ _____________________________ ในประเทศที่กำลังพัฒนาหลายๆ ประเทศ ดิฉันพบว่ามีคนมากมายไม่ชอบอ่านหนังสือเช่นกันค่ะ แต่เขาจะเคยชิน กับการฟัง และ การประกาศทางเสียงมากกว่า หรือ การที่จะต้องมีคนมาบอกให้ทำอะไร แล้วเขาจะทำตามเสียงที่ได้ยิน ขอยกตัวอย่างง่ายๆ เลยนะคะ อย่างการใช้ออโต้ เกท ของ ต.ม. ไทยที่สนามบินสุวรรณภูมิเนี่ย จนป่านนี้ยังต้องมีเจ้าหน้าที่มาคอยยืนบอกให้คนทำตาม เหมือนสอนเด็กเล็กๆ อ่าน ก.ไก่ ข.ไข่ อยู่เลยค่ะ ถ้าเจ้าหน้าที่ไม่บอกหลายๆ คนจะไม่กล้าเข้าออโต้เกท ทั้งๆ ที่ที่จริงแล้วที่ออโต้เกท ในแต่ละขั้นตอนจะมีภาษาไทยเขียนกำกับไว้แล้ว ว่าต้องทำอะไรบ้างค่ะ เป็นภาษาไทยง่ายๆ สั้นๆ เช่นว่า ขั้นตอนแรกให้สอดหนังสือเดินทางหน้าที่มีรูปถ่ายเข้าไป ส่วนขั้นตอนที่สองจะมีเขียนว่า ให้แปะนิ้วชี้ลงไป พร้อมมองกล้องไปด้วย แค่นั้นแหละค่ะ แต่คนส่วนใหญ่ไม่สนใจที่จะอ่านเลย แต่จะต้องรอให้พนักงานบอกเสมอ (ส่วนหนึ่งมาจากที่ว่า คนไทยบางส่วนมักจะกลัวอะไรที่ไม่เข้าเรื่องและไม่มีเหตุผล แต่จะต้องกลัวเอาไว้ก่อน ถ้าเกี่ยวกับราชการ กลัวแบบฝังหัวด้วย) ส่วนออโต้เกท ที่ประเทศอื่นๆ จะไม่มีเจ้าหน้าที่มายืนคอยบอกค่ะ แต่คนเขาจะทำตามคำสั่งสั้นๆ ที่มีเขียนบอกไว้ หรือ ตามคำสั่งสั้นๆ ที่ขึ้นที่หน้าจอเองค่ะ จากคุณ : Been there, done that! เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 02:19:03 A:202.156.9.10 X: TicketID:357481

ความคิดเห็นที่ 30 บทความที่คุณ จขกท. เอามาแปะน่าสนใจค่ะ และ เห็นคล้ายๆ กับที่ดิฉันแสดงความคิดเห็นเอาไว้แล้ว ใน คห. ที่ 4 ข้างบนนะคะ ว่าคนไทยเคยชินที่จะฟังมากกว่าอ่านค่ะ และ ไม่ชอบอ่านแผนที่ แต่จะใช้วิธีฟังจากการที่ให้คนมาบอกทิศทาง และไม่ชอบอ่านประกาศใดๆ แต่จะชอบฟังประกาศ เช่นประกาศกระจายเสียงตามหมู่บ้าน หรือ ประกาศจากดีเจ ตามเสียงตามสายในมหาวิทยาลัย หรือ พวก รปภ. ตามห้างที่เมืองไทย ชอบพูดออกไมโครโฟน หรือ โทรโข่งค่ะ โดยเฉพาะเวลาที่จัดรถโบกรถ เพราะคนไทยชินกับเสียงค่ะ การเรียนการสอนแบบไทยๆ ก็มักจะถูกสอนให้ฟังค่ะ ห้องสมุดเมืองไทย ถ้าจะทำให้สวยขึ้น ดิฉันว่า ไม่มีผลที่จะทำให้คนอ่านหนังสือมากขึ้นค่ะ หรือ อาจจะมีผลแค่นิดเดียว เรื่องการรักการอ่านหรือไม่เป็นเรื่องความสนใจส่วนบุคคลล้วนๆ ค่ะ และ อีกส่วนหนึ่งครอบครัวต้องส่งเสริมด้วย ค่านิยมหลายๆ อย่างในเมืองไทยไม่เอื้ออำนวยให้การอ่านถือถือเป็นเรื่องสำคัญ หรือ ฐานะทางเศรษฐกิจก็เป็นตัวแปรสำคัญ อีกอย่างหนึ่งที่ทำให้คนไม่อ่านหนังสือค่ะ หรือ อยากอ่านแต่ไม่มีกำลังพอที่จะซื้อค่ะ จากคุณ : Been there, done that! เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 02:27:57 A:202.156.9.10 X: TicketID:357481

ความคิดเห็นที่ 31 โอ้ เห็นที่คุณ Govinda Gopala ยกมาแล้วอึ้งมาก (เราสมัครฐานข้อมูลนี้เมื่อหลายปีที่แล้ว จำไม่ได้ว่ามีแบบนี้ด้วย) นี่ก็สะท้อนทัศนคติของคนไทยเลยนะคะเนี่ย "ผลงานของคนไทยให้คนไทยใช้งานเท่านั้น" ทั้งๆที่นี่เป็นสถาบันที่ทำงานด้านการศึกษา และเป็นหน่วยงานที่กำหนดการประเมินคุณภาพอาจารย์มหาวิทยาลัยด้วยมาตรฐานสากล จากคุณ : สลิน เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 05:58:17 A:60.230.99.148 X: TicketID:261115

ความคิดเห็นที่ 32 อย่าเอาห้องสมุดในกรุงเทพเป็นมาตรฐานประเทศไทยเลย ห้องสมุดในกรุงเทพถึงจะปิดเร็ว หนังสือน้อย บรรยากาศไม่น่านั่งอ่าน ยืมไปอ่านที่บ้านไม่ได้ แต่ก็ยังดีกว่าต่างจังหวัดเยอะ การอ่านหนังสือมีความสำคัญกับการพัฒนาประเทศอย่างมาก ลองคิดดูคนไทยส่วนใหญทำอาจชีพเกษตรกรรมแต่มีหนังสือเกี่ยวกับการเกษตร(ทั้งคนไทยเขียนและแปล)เยอะแค่ไหน เมื่อไม่มีองค์ความรู้ก็ไม่สามารถพัฒนาอะไรใหม่ได้คนไทยในชนบทเป็นคนขยันนะไม่ใช่คนขี้เกียจเลย หนังสือที่เขาเข้าถึงได้มากที่สุดก็คือหนังสือพิมพ์เท่านั้น เรามัวแต่ไปวัดว่าคนไทยอ่านหนังสือเท่านั้นเท่านี้แต่ไม่เคยตั้งคำถามว่าเรามีหนังสือที่เขาต้องการอ่านหรือเปล่า ที่สำคัญเกิดมาเป็นฝรั่งใช้ภาษาอังกฤษนี่มีต้นทุนกว่าคนไทย เพราะองค์ความรู้ต่างๆเป็นภาษาอังกฤษคนอยากอ่านอยากรู้อะไรก็หาอ่านได้ทั้งนั้น นี่เป็นสิ่งสำคัญเลยที่ทำให้พฤติกรรมการอ่านคนไทยกับฝรั่งแตกต่างกัน หรือในประเทศที่ไม่ใช้ภาษาอังกฤษอย่างญี่ปุ่น ก็ทราบว่ามีการแปลตำราต่างประเทศเยอะพอสมควร เมื่อคนมีต้นทุนความรู้ให้อ่านเพียงพอก็ส่งผลต่อพฤติกรรมการอ่านและการพัฒนาประเทศอย่างก้าวกระโดดเลยทีเดียว จากคุณ : ไซโคลน เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 07:26:10

ความคิดเห็นที่ 33 ขออนุญาตนอกประเด็น การให้ความรู้ หรือให้เกษตรกรส่วนใหญ่ของประเทศ ย้ำ "เกษตรกรส่วนใหญ่" ของประเทศเรียนรู้ หรือได้รับความรู้ที่จำเป็นในการประกอบอาชีพทำไร่ทำนา สื่อที่จะถ่ายทอดความรู้ไปสู่เกษตรกร ต้องใช้วิธีการที่ต่างจากการถ่ายทอดความรู้ สู่กลุ่มเป้าหมายอื่น เช่น อาจารย์ นักศึกษา ไม่ใช่ในรูปแบบหนังสือ ตำรา รายงานการวิจัย ที่คนทั่วไปใช้ หรือจากตำราในห้องสมุด ซึ่งเนื้อหาเหมาะกับกลุ่มคนอีกระดับความรู้หนึ่ง จำเป็นต้องแปลงและปรับใหม่ จึงจะเหมาะสมกับ "เกษตรกรส่วนใหญ่" วิธีการถ่ายทอดความรู้ หรือเทคโนโลยีสู่เกษตรกร ไม่ว่าในประเทศที่พัฒนาแล้วหรือกำลังพัฒนา นิยมทำกันในแบบที่ไม่เป็นทางการ หรือ แบบ Non Formal Education บ้านเราเรียกว่า การส่งเสริมการเกษตร หรือ Agricultural Extension สื่อที่ใช้อย่างได้ผล ไม่ใช่หนังสือหรือรายงานการวิจัย แต่เป็น เพื่อนบ้าน การสาธิต การฝึกอบรม หรือโรงเรียนเกษตรกร การดูงาน และสถานที่ใช้ถ่ายทอดความรู้อย่างไม่เป็นทางการอย่างได้ผล เช่น งานบุญต่างๆ งานบวช งานศพ ตลาดนัดในท้องถิ่น การประชุมหมู่บ้าน การบรรจุเนื้อหาการเกษตรในตำรา หรือหนังสือทั่วไป หรือ เทคโนโลยีสารสนเทศ ส่วนใหญ่จะเป็นประโยชน์กับนักวิชาการ และนักศึกษา มากกว่าเกษตรกรโดยตรง สรุป "เกษตรกรส่วนใหญ่" ไม่ขาดองค์ความรู้การผลิต เช่น การเตรียมดิน การใช้พันธุ์ การบำรุงรักษา การเก็บเกี่ยว แต่ขาดความรู้การจำหน่ายผลผลิต หรือการตลาดครับ แก้ไขเมื่อ 04 พ.ย. 55 09:07:42 จากคุณ : newcomer (gpvtu2009) เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 08:45:28

ความคิดเห็นที่ 34 ห้องสมุดเด็กที่ขอนแก่น http://www.gotoknow.org/blogs/posts/56852 เพิ่มอีกแห่งค่ะ http://www.kkict.org/~kkeducate/promot/3-52/rachada/index.html เด็กๆชอบนะคะ เสาร์-อาทิตย์มีกิจกรรมด้วยค่ะ ของเมืองนอก ที่อังกฤษไปเพราะต้องหาข้อมูล พฤติกรรม..ก็เจอคล้ายๆไทย คือมีแอบคุย มีมาเป็นคู่ ล่าสุดไปที่ห้องสมุดมหาวิทยาลัยโอทาโก นิวซีแลนด์ ชอบมากค่ะ แก้ไขเมื่อ 05 พ.ย. 55 17:31:42 แก้ไขเมื่อ 05 พ.ย. 55 17:14:59 จากคุณ : . (ลิมมานนท์) เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 55 17:08:13

ความคิดเห็นที่ 35 ถ่ายรูปห้องสมุด รร ประถมที่เมกามาให้ดู รร ที่นี่ไม่ว่าที่ไหนหน้าตาก็ออกมาคล้ายๆกันอย่างนี้ อันนี้บอกได้จากประสพการงาน รร มา 18 ปี ที่เมกาค่ะ This is general area เด็กๆพอ check out book แล้วถ้ามีเวลาก็จะได้นั่งอ่านหนังสือตัวเองบริเวณนี้ จากคุณ : PatPDX เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 12:10:43

ความคิดเห็นที่ 36 อีกมุม.. จากคุณ : PatPDX เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 12:12:20

ความคิดเห็นที่ 37 มุมนี้ครูจะอ่านหนังสือที่เลือกไว้แล้วให้เด็กฟัง จากคุณ : PatPDX เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 12:14:11

ความคิดเห็นที่ 38 หลังจากที่อ่านแล้วก็จะมีเวลาให้เด็กออกไปเลือกหาหนังสือที่ตัวเองชอบเอากลับไปอ่านที่บ้าน ได้อะไรแล้วก็มา check out book ที่นี่ ดิฉันมีอีกมุมที่ไม่ได้ถ่ายมาให้ดู ส่วนนั้นคือ computer area ที่เด็กๆสามารถ check ดูได้ว่า book ที่ตัวเองต้องการมีอยู่หรือไม่ ส่วนนี้ยังเป็นที่ๆเด็กได้ test ความสามารถในการอ่านของตนเองด้วย (อันนี้สำหรับเด็กโต) คืออ่านหนังสืออะไรไปแล้วต้องมา test อ่านเอาเรื่องอีกที อันนี้เป็น on going ทั้งปีค่ะ จากคุณ : PatPDX เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 12:22:56

ความคิดเห็นที่ 39 ความคิดเห็นที่ 38 ภาพมาแล้ว ชัดทุกรูป นึกว่าคุณ PatPDX ลืมเสียแล้ว ผมจะหัดลงรูปบ้าง ห้องสมุด ดูสะอาดมีระเบียบ เสียดายไม่มีภาพเด็กๆกำลังใช้ห้องสมุด จากคุณ : newcomer (gpvtu2009) เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 15:39:55

ความคิดเห็นที่ 40 ถ่ายรูปเด็กๆไม่ได้ค่ะ เพราะเด็กบางคนจะห้ามไม่ให้มีการถ่ายรูปออกสื่อ(แบบเห็นหน้าน่ะค่ะ) ทีนี้เราไม่รู้ว่าใครเป็นใคร รร ก็จะตัดปัญหานี้ไปเลย คือห้ามถ่าย นี่ก็ต้องรอตอน รร เลิกแล้ว คุณบรรณารักษ์ก็ออกตัวอย่างเขินๆว่าห้องอาจจะไม่น่าดูนัก ในขณะที่เราว่าเรียบร้อยจะตายไป จากคุณ : PatPDX เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 55 08:00:35

ความคิดเห็นที่ 41 ความคิดเห็นที่ 40 รับทราบครับ ปัจจุบันอะไรที่ไหน ดูมันเหมือนๆกันไปหมด จำแนกแทบไม่ออก ของใครที่ไหน อาคารบ้านช่อง ห้องทำงาน โรงเรียน ห้องสมุด ฯลฯ จริงไหมครับ จากคุณ : newcomer (gpvtu2009) เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 55 19:28:38

ความคิดเห็นที่ 42 ห้องสมุดน่ารักจังครับ ^^ จากคุณ : meangu เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 55 20:32:33