ความคิดเห็นที่ 1 มหาวิทยาลัยห้องแถวในอเมริกา ก็มีเยอะแยะ มหาวิทยาลัยอังกฤษที่หากินกับนักศึกษาเอเชีย ขายชื่อเสียงเอาแต่คนที่หลงไหลกับคำว่า "อังกฤษ" เข้าเยอะแยะก็มีถมไป เพื่อดิฉันที่ได้เหรียญทองจากมหาวิทยาลัยเก่าแก่คุณภาพอันดับหนึ่งของเมืองไทยยังบ่นว่า มหาวิทยาลัย..ืชื่อสองพยางค์ในอังกฤษที่คนนิยมเรียนบริหาร เศรษฐศาสตร์ ตอนนี้เอาแต่เงิน คนไม่ค่อยคัดเท่าไหร่ ไม่ต่างอะไรกับเรียน กศน ดิฉันว่า หน่วยงาน สถาบัน บริษัท ดีๆ เค้าคงไม่ดูแค่ว่าจบมาจากประเทศไหน มหาวิทยาลัยอะไรแล้วคว้าเอาเลย อย่างหน่วยงานของ กต ญี่ปุ่นที่เคยสัมผัสมา โตได ก็ตกสัมภาษณ์แพ้มหาลัยโนเนม มาก็หลายครั้งแล้วนะคะ สรุป นานาจิตตังค่า จากคุณ : มายุมิ - [ 31 ส.ค. 46 14:59:07 ]

ความคิดเห็นที่ 2 คนญี่ปุ่นยังเดินทางมาเรียนในอเมริกาตรึมไปหมด โดยเฉพาะเมืองใหญ่นิวยอร์คนี่ เยอะมากจริงๆ พวกชอบมาเรียนศิลป์ สมัยนี้มีแต่เด็กญี่ปุ่นมากกว่าสมัยตอนเราเรียน ค่าเรียนก็ใช่ว่าถูกๆนะ แต่ไม่ค่อยเห็นฝรั่งเดินทางไปเรียนในญี่ปุ่นเท่าไร จากคุณ : เดินเล่นเช้าตรู่ - [ 31 ส.ค. 46 18:37:47 A:162.83.132.152 X: ]

ความคิดเห็นที่ 3 #2 แน่ใจหรือ เคยมาดูที่ญี่ปุ่นด้วยตาตนเองหรือยัง เด็กญี่ปุ่นที่ไปเรียนเมืองฝรั่ง เหตุผลหลักคือต้องการภาษา คนญี่ปุ่นที่ไป เพราะเห็นว่าเขามีเงิน ไม่เชื่อลองเทียบค่าเงินเยน กับค่าครองชีพสิ เคยเห็นฝรั่งผมทองพูดญี่ปุ่นชัดเปรียะ คล่องปร๋อไหม เราเคยเห็นนะ ตอนอยู่เมืองไทย เป็นฝรั่งที่ทำงานในบริษัทญี่ปุ่นในอเมริกา แล้วบินมาเมืองไทย เพราะบริษัทส่งมาให้ดูแล booth ฝรั่งบางคนยังต้องเรียนภาษาญี่ปุ่นเลย เพราะว่าอยากมาญี่ปุ่น เมื่อไหร่จะมีคนชาติอื่นตั้งใจเรียนภาษาไทย เพื่อจะมาเมืองไทยหนอ มีแต่คนต่างชาติมาเมืองไทยเพราะบริษัทต่างชาติส่งให้มาคุมคนไทย หรือไม่ก็เป็นฝรั่งขี้นกไปซะฉิบ จากคุณ : canossa (Canossa) - [ 31 ส.ค. 46 18:58:13 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ในฐานะที่เรียนจบญี่ปุ่นแล้วมาทำงานที่เมืองไทย... จบอเมริกา, จบยุโรป หรือ จบญี่ปุ่น เครดิตไม่ต่างกันนะคะ โอกาสในการทำงานมีเท่ากัน อาจแตกต่างกันบ้าง ตามประเภทและความพิเศษของงาน เผลอๆ ถ้าเทียบกับมาตรฐานไทยกับเมืองนอกแล้ว การศึกษาในไทยบางสถาบัน ก็ดูเข้มข้นและเข้มงวดกว่าในญี่ปุ่นหรือบางประเทศอีกนะคะ แต่ที่แน่ๆ คนรุ่นเก่าๆ ที่เคยเจอ ก็อาจมีการแบ่งเกรด ฉันจบเมกา ฉันจบอังกฤษ เธอจบญี่ปุ่น ภาษาอังกฤษเธออ่อน สู้พวกชั้นไม่ได้หรอก จนตั้งเป็นพรรคเป็นพวกในหน่วยงานเดียวกัน ก็ยังมีเลยนะ ซึ่งก็ไม่เข้าใจว่า จะตัดสินความสามารถกับสิ่งนั้นกันไปทำไมนะ จากคุณ : Tai-Sarunya - [ 31 ส.ค. 46 22:58:43 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เบอร์ 2 คะ ถ้าจะเอาประเด็น คนญี่ปุ่นไปเรียนยังไปเรียนอเมริกา มาเป็นข้ออ้างว่า อเมริกา เครดิตดีกว่า ก็นับว่า คุณมองอะไรได้ตื้นมาก การจบอเมริกาในสายตาคนญี่ปุ่น ก็คือ การไปเอาภาษาและการมีภาษาที่ดีกว่า(บ้าง) เท่านั้น เพราะหลายมหาวิทยาลัยในอเมริกา คุณภาพแย่กว่าญี่ปุ่น เข้าง่ายกว่า จบง่ายกว่า ไม่ต้องเครียดแทบฆ่าตัวตาย พูดไปก็จะหาว่ายกตัว แต่ก็ขอออกตัวก่อนว่านี่แค่ ตัวอย่าง คือ เพื่อนดิฉันที่ไปเรียน John Hopkins . ฺBoston ก็ยังลงทุนโทรศัพท์ข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกมาหาดิฉัน ที่เป็นคนเรียนจบญี่ปุ่น เพื่อปรึกษาวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาเอก อยู่เสมอจนรับปริญญา แถมรายหลังได้ทุน กพ อเมริกาเข้าบอสตันด้วยนะคะ แต่ต้องให้เพื่อนที่เรียนอยู่เยอรมันตรวจพรูฟ ภาษาอังกฤษของวิทยานิพนธ์ตัวเองให้ หลายคนที่ดิฉันได้รู้จัก ที่ญี่ปุ่น ท่านเหล่านั้นเลือกมาเรียนญี่ปุ่นเพราะอยากได้แนวคิดตะวันออก และอยากได้ภาษาใหม่แก่ตัวเอง เนื่องจากภาษาอังกฤษเค้าไประดับสูงมาก (ดีกว่า native ด้วยซ้ำ) การมาเรียนญี่ปุ่น จึงเป็นความท้าทายที่ท่านเหล่านั้นอยากลอง อาจจะเป็นว่า ทุกวันนี้ ทุน มอนฯ แจกมากไป คนเลยมากันมากจนทำให้คุณภาพเด็กที่เคยเข้มค่อยๆ จางลง คุณก็เลยเอาไปอ้างได้ว่า คนจบมาไม่เห็นเก่งเลย แต่เหนือสิ่งอื่นใด ดิฉันคิดว่าคุณควรเลิกกังวลกับเครดิตของประเทศและมหาวิทยาลัย เพราะชื่อมหาวิทยาลัย กับชื่อประเทศก็แค่ชุบตัวคุณให้ได้ในไม่กี่ไมครอน เดี๋ยวก็ลอก ลองพิจารณาดูใหม่ว่า เรียนที่ไหน ญี่ปุ่น อเมริกา อังกฤษจะทำให้คุณดึงความเป็นตัวคุณออกมาได้มากกว่ากันจะดีกว่าไหม หรือคิดอีกทีว่า เรียนที่ไหน ญี่ปุ่น อเมริกา เยอรมันจะเติมเต็มความต้องการของคุณให้ได้มากกว่ากัน อย่างนั้นคงดีกว่า แล้วคุณจะได้โอกาสทำตัวเองให้มีคุณภาพ สร้างเครดิตให้ตัวเอง ซึ่งมันน่าภูมิใจกว่าการอ้างชื่อมหาวิทยาลัยแล้วยืด เบ่ง ติดท้ายรถว่า ยูนั้น ยูนี้ พี่ชายดิฉันติด สติกเกอร์ท้ายรถว่า Idongraduatedfrom University ค่ะ สะใจดี จากคุณ : มายุมิ - [ 1 ก.ย. 46 03:01:56 ]

ความคิดเห็นที่ 6 "เพราะชื่อมหาวิทยาลัย กับชื่อประเทศก็แค่ชุบตัวคุณให้ได้ในไม่กี่ ไมครอน เดี๋ยวก็ลอก" ... คิดออกมาได้ไงจ๊ะ อิอิอิ ... จากคุณ : นายชนะศูนย์หนึ่ง - [ 1 ก.ย. 46 08:46:33 ]

ความคิดเห็นที่ 7 "เพราะชื่อมหาวิทยาลัย กับชื่อประเทศก็แค่ชุบตัวคุณให้ได้ในไม่กี่ ไมครอน เดี๋ยวก็ลอก" ... อ่าน ประโยคนี้ แล้ว อึ้งไปเลย เห็นภาพ เลย :) จากคุณ : zenine - [ 1 ก.ย. 46 09:31:37 ]

ความคิดเห็นที่ 8 "เพราะชื่อมหาวิทยาลัย กับชื่อประเทศก็แค่ชุบตัวคุณให้ได้ในไม่กี่ไมครอน เดี๋ยวก็ลอก" I also like this phrase. จากคุณ : fudge-a-mania - [ 1 ก.ย. 46 11:24:21 ]

ความคิดเห็นที่ 9 อืม มาประทับใจด้วย ก็จริงนะที่ว่า แต่ถ้าไม่มีให้อะไรมาชุบไว้ให้ลอกเลยไม่ยิ่งแย่เหรอ จากคุณ : Lagrange - [ 1 ก.ย. 46 16:10:06 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ถ้าเรื่องวิชา อเมริกา กับ อังกฤษน่าจะแข็งกว่านะ เพราะญี่ปุ่นวิชาเรียนไม่ค่อยเข้ม โทเอกบางที่วิชาเรียนไม่มีเลยก็ว่าได้ จากคุณ : Lagrange - [ 1 ก.ย. 46 16:12:33 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เล่าให้ฟังบ้าง ครับ ผมเจอกะตัวเองเรื่อยๆ เพราะมีเด็กๆ นศ.ที่อยู่อังกฤษ บ้าง เมกาบ้าง มาขอให้ช่วย" ตรวจแกรมม่าร์ " "ตรวจความเรียบร้อยด้านวิชาการ" ของวิทยานิพนธ์ ที่เขาแปล ดัดแปลงนิดหน่อยจากของจุฬา ธรรมศาสตร์เรียบร้อยละนะ เป็นภาษาอังกฤษ เอาไปส่งเป็นของตัวเพื่อให้ได้ ดีกรีโท เอก กลับมา ( เขาแปลแล้วแต่กลัวนักแปลแปลศัพท์วิชาการไม่ถูก ฮะ โดยเฉพาะศัพท์econ วิศวะ) ราคาที่เขาเสนอมาเรื่องที่"ขอร้องให้ช่วย"นั้น ฟังแล้วอาจตาถลน ใครๆก็คงสนเพราะห้าหกหลัก ที่บ้านมีเงินน่ะ! แต่เชื่อมั๊ยฮะ ไม่ได้เข้าใจอะไรเลยด้านวิชาการ ทำ thesis ไม่เป็น ภาษาก็ฟังได้พูดไหว แต่ศัพท์ ไวยกรณ์ม.3ที่ควรรู้ยังไม่กระดิก รุ่นน้องผมจบ มาจากเมกา ไม่ต้องว่าเรื่องวิชาการ ภาษายังไม่ได้ เจ้าตัวเล่าเองว่าสอบทีก็ให้เวอร์ซาเช่/ หลุยส์ฯลฯ อาจารย์ ข้อสอบอ.ก็ให้translator แปลได้ โห! เลยรู้ว่าสินบนนี่เมืองนอกมันก็ทำเหมือนบ้านเรา(นี่ขนาดไม่ใช่ มหาลัยห้องแถวนะฮะ) ที่อังกฤษที่ใช่ย่อย แทบทุกคนที่เจอมาเล่าเสียงเดียวกันว่า มหาลัย เป็นธุรกิจ เพราะmoney consume สุดๆ เอ่อ วิชาการที่ว่าแน่นๆ ผมสงสัยมากว่าแน่นยังไง เพราะประเทศนี้ ถ้ามีเงิน จบโทได้ในหนึ่งปี เอกหลักสูตรสามปี ถ้ามีเงินอ.ช่วยจบได้ในสองปีถึงสองปีครึ่ง ตย. เช่นดารานางแบบรุ่นพี่ผมที่สวยมากแต่งงานกะตำรวจไฮโซ จบโทในหนึ่งปีฮะ เจ๋งออก! ผมว่าอยู่ที่ตัวนะครับ คุณค่าในตัวเองเรา เลือกที่เรียนได้ แต่ไม่ได้หมายความว่า สถานที่บอกความรู้ ความสามารถเรา สรุป ว่า ที่เขามาจ้างข้างบนน่ะ ไม่ได้ทำให้ฮะ เพราะความรู้สึกว่ามันไม่ดี เลยจนต่อไป คริคริ “ความชั่วนั้น ไม่ทำเลยจะดีกว่า” (พุทธวจนะ) โอมัน.....แฟนพันธ์แท้ มายุมิ(ลับๆมานานละฮะ) จากคุณ : Ohman ฮัล ลัล ลา (Ohman ฮัล ลัล ลา) - [ 1 ก.ย. 46 17:03:34 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ปัจฉิมลิขิต สรุปให้เจ้าของกระทู้และคคห.10 ฟังว่า การไปเรียนต่างประเทศมา แล้วบอกว่า เรียนประเทศนี้แล้วดีอย่างนั้น อย่างนี้ เด็กที่ปั๊มตราว่า" Made in..(country)." แล้วบอกคุณภาพดี อันนี้ผมคนนึงไม่เชื่อฮะ เหตุผลคือข้างบน ไม่ใช่ประเทศไม่ดี แต่งานละเอียดอย่างนี้ต้องดูเป็นอันๆ ผมยังเคยเจอนักวิชาการไทย ตอกฝรั่งจนหน้าหงาย(ด้านวิชาการ) เดี๋ยวนี้ไม่ดูกันหรอกฮะว่าจบจากไหน แวด-วงผม ไม่นับถือเปลือกหรอกว่าจบตรีโทเอกที่ไหนมา ถ้าอยากรู้นี่ เอาชื่อไปsearchหาในเนทเลยว่ามี puplished paper อะไร เจ๋งแค่ไหนบ้าง โอมัน...มาแจมมายุมิ จากคุณ : Ohman ฮัล ลัล ลา - [ 1 ก.ย. 46 19:49:51 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ขอบพระคุณทุกท่านค่ะ โดยเฉพาะคุณหมอ Ohman ฮัล ลัล ลา แหม ถ้ารู้ว่าเสียงดี มีหัวคะแนนให้อย่างงี้ สมัยหน้า ถ้าดิฉันลงสมัคร อบต ก็ช่วยเมตตาสินค้า OTOP บ้านดิฉันหน่อยนะค้า กะจะกลับไปทำไวน์วาซาบิแข่งกับไวน์กระชายดำ...ค่า จากคุณ : มายุมิ - [ 2 ก.ย. 46 13:28:54 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เจอกระทู้นี้แล้ว ทำให้ต้องเข้ามาอ่านเลยครับ ผมตอนแรกจะมาเรียนที่นี่ (เมื่อ 7 ปีที่แล้ว) ก็คิดเรื่องนี้เหมือนกันนะครับ ว่าจะต่อที่ไหนดีเมกา หรือว่า ญี่ปุ่น ยอมรับว่าถ้าตอนนั้นได้ทุน king ผมคงไป เมกา แน่ๆครับ แต่เผอิญไม่ได้เลยต้องมาที่นี่ แต่ผมก็รู้สึกว่าผมพอใจกับการเรียนที่นี่ ถึงแม้จะไม่รู้ว่าถ้าผมเรียนที่ เมกา เข้ามหาลัยที่ผมตั้งใจไว้ ผมจะเก่งกว่านี้หรือรู้มากกว่านี้รึป่าว แต่ตอนนี้ที่ผมรู้แน่ๆก็คือว่า เราจะเก่งไม่เก่ง จะมีคนต้องการตัวเรามากน้อยเพียงใด มันก็อยู่ที่ตัวเราจริงๆเลยน่ะครับ (จากประสบการณ์การทำงานมาอย่างโชกโชน ฮิๆๆ) การจะอยู่รอดในสังคม หรือจะมีคนชื่นชมในความสามารถของเรา สุดท้ายมันก็ขึ้นกับความสามารถที่เรามีจริงๆ ไม่ได้ขึ้นกับอะไรเลยจริงๆนะครับ ถ้าเราเก่งจริง มีความสามารถจริงที่ไม่ใช่ใครๆก็ทำได้ ก็ไม่ต้องกลัวหรอกครับ จบที่ไหนมาก็คงไม่สำคัญ (ผมเชื่อของผมอย่างนี้นะครับ) ผมตอนนี้ไม่ได้คำนึงถึงเรื่องพวกนั้นเลย รู้แต่ว่าตอนนี้ผมยังมีสิ่งที่ไม่รู้อีกมากในสาขาที่ผมเรียน ความสามารถผมก็ยังด้อยนัก ผมยังต้องเรียนรู้อะไรอีกมาก เพื่อที่ผมจะได้เป็นคนที่รู้"จริง" และมีความสามารถ"จริง" บอกแบบนี้เหมือนช่วยอะไรไม่ได้รึป่าวก็ไม่รู้นะครับ แต่ว่าตอนนี้ตัวเองต้องการทำอะไร สนใจด้านไหน ก็ลุยไปให้สุดๆเลยครับ ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง ถ้าเราตั้งใจทำจริงๆ ความตั้งใจนั้นจะส่งผลดีให้กับเราเองแหละครับ ( ผมเชื่อของผมอย่างนี้นะครับ เพราะมีบ่อยครั้งที่รู้สึกท้อ แต่ก็มักจะเอาคำนี้มาให้กำลังใจตัวเองเสมอ ) จากคุณ : teru - [ 3 ก.ย. 46 13:38:10 A:43.244.37.40 X: ]

ความคิดเห็นที่ 15 จบที่ไหนๆก็เหมือนกัน...นะแหละ...แต่...วันนี้คุณทำตัวให้เป็นประโยชน์ ต่อครอบครัว...สังคม...ประเทศชาติแล้วหรือยัง จากคุณ : pea (peacyber) - [ 3 ก.ย. 46 16:50:47 ]

ความคิดเห็นที่ 16 I never clicked into this webboard before and my curiosity made me check out this Kratu. I totally agree with มายุมิ for her matured and neutral opinion, very positive way for explaining things of this sort. "เพราะชื่อมหาวิทยาลัย กับชื่อประเทศก็แค่ชุบตัวคุณให้ได้ในไม่กี่ไมครอน เดี๋ยวก็ลอก" This reflects that lots of Thai people only care about superficial things. What in your brain is more important. "เรียนที่ไหน ญี่ปุ่น อเมริกา อังกฤษจะทำให้คุณดึงความเป็นตัวคุณออกมาได้มากกว่ากันจะดีกว่าไหม" is the very right-on conclusion. I have spent a year in Japan as a research student, and now doing my Ph.D in US. I learned from both culture and I think it's what you want to harvest, and what you got out of it, that's what matter. จากคุณ : Gallus (Gallus) - [ 3 ก.ย. 46 22:53:14 ]