ความคิดเห็นที่ 1 เราเข้าใจเลยหว่ะ เค้าเห็นด้วย.. ใครจะว่าไงไม่รู้ แต่เรา VOTE สุดตัว จากคุณ : DA - [ 7 ต.ค. 46 01:43:42 A:203.170.148.242 X: ]

ความคิดเห็นที่ 2 อืมมม ในข้อความของคุณคนตั้งกระทู้ มีการพาดพิงถึงเด็กพานิชย์ และแม่ค้าขายข้าวแกงด้วย ถ้าไม่มีข้อความพวกนี้ ผมจะเห็นด้วยอยู่นะครับ แต่คุณก็เขียนข้อความในเชิงดูหมิ่นกับคน 2 ประเภท คือ เด็กพานิชย์กับแม่ค้าข้าวแกงในตลาด แล้วคุณจะไปต่างอะไรกับคนพวกนั้นหนอ ตัดข้อความพาดพิงนี้ออก กระทุ้คุณก็ยังให้ความหมายที่ชัดเจนนะครับ จากคุณ : Underdog - [ 7 ต.ค. 46 02:02:31 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ขออนุญาตเบี่ยงประเด็น ขอเข้ามาสนับสนุนคุณ Underdog จากคุณ : เป็ดยิ้ม - เด็กพาณิชย์ - [ 7 ต.ค. 46 06:25:03 A:68.227.193.227 X: ]

ความคิดเห็นที่ 4 เด็กพาณิชย์กับแม่ค้าปากตลาดนิสัยดีจะตาย มีน้ำใจ พูดเพราะด้วย อย่าเอามาเปรียบกับพวกเจ้าหน้าที่ สถานทูตเลยค่ะ คุณขา......คนละชั้นกัน จากคุณ : HuGGie - [ 7 ต.ค. 46 08:53:14 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ต้องขอโทษด้วยนะคะที่ดิฉันพาดพิงถึงอาชีพนี้โดยไม่ได้ตั้งใจ แต่ที่ดิฉันพูดคือหมายถึงว่า ดิฉันกำลังนึกถึงสมัยก่อนตอนที่ดิฉันรับประทานอาหารกลางวันที่โรงเรียน เวลานักเรียนมาก ลูกค้ามาก ต่อแถวยาวๆ มักจะวุ่นวายและเร่งรีบ ดิฉันจึงมักจะโดนแม่ค้าโวยวายใส่น่ะค่ะ เพราะบางทีเวลาสั่งข้าวแกง ดิฉันก้อชี้ไปพร้อมพูดว่าจะเอาแกงไก่ราดข้าวกับวุ้นเส้น แต่แม่ค้าดันตักแกงลูกชิ้นใส่ไข่ดาวมาให้ พอบอกแม่ค้าว่าเค้าตักผิด ดิฉันไม่ได้สั่งแบบนี้ เลยโดนด่าอ่ะค่ะ (พอจะนึกภาพตามออกมั๊ยคะคุณ Underdog คุณเป็ดยิ้ม) ดิฉันเพียงแต่นึกถึงอารมณ์ขณะนั้นตอนที่ถูกเจ้าหน้าที่กงศุลสัมภาษณ์ ไม่ได้คิดจะดูหมิ่นแม่ค้านะคะ แต่ดิฉันเคยโดนแม่ค้าด่ามาจริงๆตอนยืนต่อคิวซื้อข้าวแกง และพอดีว่าช่องสัมภาษณ์วีซ่าดันมาเหมือนช่องต่อคิวขายอาหารพอดีน่ะค่ะ ภาพเด็กๆในสมัยนั้นเลยลอยออกมา ไม่ได้ว่าแม่ค้าผู้ใจดีนะคะ ดิฉันก้อรักแม่ค้าค่ะ เคยได้รับของแถมบ่อยๆ แต่ที่พูดคือแม่ค้าที่เคยด่าดิฉันน่ะค่ะ ต้องขอโทษด้วยที่ทำให้เข้าใจผิดไปกันใหญ่ จากคุณ : คนไทยคนหนึ่ง - [ 7 ต.ค. 46 10:35:43 A:202.133.188.88 X: ]

ความคิดเห็นที่ 6 ประเด็นเจ้าหน้าที่สถานทูตฯ นี้ได้ถูกนำมาพูดคุยกันในนี้ ไม่รู้กี่รอบแต่กี่รอบ ตราบใดที่คุณยังต้องการวีซ่าอเมริกา ก้อคงหนีไม่พ้นเจ้าหน้าที่พวกนี้แหละค่ะ อย่าไปคาดหวังเลยว่าจะได้รับการปรนนิบัติพัดวีแบบดีๆ เพราะเป็นคนไทยเหมือนกัน ยิ่งเป็นคนไทยเหมือนกัน ยิ่งต้องถูกเพ่งเล็ง จากหัวหน้าที่เป็นชาวต่างชาติ ใครไม่เคยทำงานองค์กรเหล่านี้ คงไม่เข้าใจหรอกว่าข้างในมันเป็นอย่างไร ทั้งกดดัน ทั้งสารพัดจริงๆ ค่ะ แต่ยังไงก้อตาม ดิฉันเห็นว่าคนไทยไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก้อตาม ควรจะระลึกถึงความเป็นคนไทย(ในส่วนดี) ให้มากเข้าไว้ จะได้ไม่มีใครมาดูถูก จากคุณ : 2nd Ave. - [ 7 ต.ค. 46 11:00:18 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ผมไปติดต่อที่สถานกงสุลไทย พบแต่คนน่ารัก ครับ จากคุณ : ธนิตา - [ 7 ต.ค. 46 14:13:53 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เราเคยเล่าเรื่องที่อ่านในห้องไกลบ้านให้แม่ฟังบ่อยๆ เกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ไทยในสถานทูต แม่เราบอกว่า เค้าเป็นพวกขี้อิจฉา เห็นใครได้ดีกว่าไม่ได้ เลยไม่ค่อยยอมให้วีซ่าแก่พวกเรา จากคุณ : ใบปอ - [ 7 ต.ค. 46 14:57:42 A:203.148.252.236 X:210.203.182.29 ]

ความคิดเห็นที่ 9 จริงๆแล้วเราก็กลัวเวลาไปติดต่อกับสถานฑูต เพราะอ่านเยอะเกี่ยวกับเรื่องว่าเจ้าหน้าที่ไทยบางคนพูดจาไม่สุภาพ จากวันนั้ถึงวันนี้ก็ประมาณ 12-15 ครั้งที่ไปติดต่อ ก็เข้าใจถึงระบบงานของเขา ถ้าคุณสังเกตดูดีๆ พวกเขามีกันไม่กี่คนที่ทำงานตรงนั้น ด้านหน้ามีประมาณ 5-6 คน ด้านในอีกเท่าไหร่ไม่ทราบเพราะไม่เคยมองเข้าไป คุณลองคิดดู ว่าพวกเขาต้องบริการคน80-100 คน ภายใน 1วัน พวกเขาเหนื่อยนะ เราว่า และต้องรอบคอบมากๆ เรื่องเอกสารน่าปวดหัวนะ สุดท้ายเราว่า เวลาคุณไปติดต่อ เริ่มต้นที่ดีได้จากตัวเราเอง 1 แต่งตัวให้เรียบร้อย ผู้หญิงใส่กระโปรงได้ยิ่งดี แขนกุดอย่าใส่ ยีนส์นี่ขอเลย ไม่ใส่ซักวันหนึ่ง 2. ตั้งสติ ให้ดี ตอบให้ตรงคำถามเพราะเขามีเวลาไม่มาก ถ้าคุณรอนานก็ถามได้ แต่อย่าใช้อารมณ์ ถามแบบสุภาพที่สุดเพื่อเป็นการให้เกีรติเขา อย่าทำตัวงี่เง่าเอาแต่ใจตัวเองเหมือนอยู่บ้าน ถ้าคุณเตรียมตัวเองพร้อมอย่างนี้แล้ว ก็เดินเข้าไปอย่างมั่นใจได้แล้ว ตอนนี้เราได้ วีซ่าแล้วแบบimmigrant เลยพูดได้ว่า ป้าที่ใครๆว่าดุนั้น ไม่จริงเลย เจอมาแล้ว เพียงแต่แกจะพูดสั้นๆไม่พูดมาก คุณต้องฟังแกให้ดี คืออย่าทำให้พวกเขาเสียเวลา นั้นคือคุณต้องเตรียมตัวมาให้ดี ตอนรับวีซ่า พี่คนผมยาวๆดำ บอกเราคำเดียวว่าอีก 3 วันให้มารับวีซ่า หลังจากที่นั่งรอ 3 ชม. แล้วเดินไปถามเขาว่าเราจะได้รับคำตอบภายในวันนี้หรือไม่เนื่องจากเวลาเกือบจะ16.00 แล้ว เขาก็บอกว่าให้รอก่อนไม่ทราบเรื่องแน่วันนี้ แทนที่จะถามว่าทำไมถึงนานจัง จากคุณ : เปิดใจเอาใจเขามาใส่ใจเรา - [ 8 ต.ค. 46 11:41:03 A:202.28.82.27 X:172.16.16.135 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เอ แต่ประสบการณ์ของเราที่เจอมาดีมากๆ เลยนะ ทุกคนก็ OK เห็นด้วยกับคุณเปิดใจ ถ้าสังเกตนะ ไม่ได้ว่า VISA พวก K มีผู้หญิงบาร์มาขอมาก พวกนี้บางทีก็แต่งตัวไม่เรียบร้อย พูดจาไม่รู้เรื่อง จะว่าเขาอิจฉาไหม อันนี้ไม่ทราบ เขาอาจรู้สึกไม่ดีกับคนบางส่วนนะ แต่เข้าใจว่าเขาทำงานบริการก็ต้องอดทนมาก แต่งงานเขาเท่าที่เห็น น่าเหนื่อยแทนนะ จากคุณ : Care - [ 8 ต.ค. 46 18:34:12 A:24.118.149.93 X: ]

ความคิดเห็นที่ 11 ดิฉันไม่ใช่ผู้หญิงบาร์และไม่มีลักษณะเป็นผู้หญิงบาร์ ดิฉันแต่งตัวเรียบร้อย และหน้าตาสะอาดสะอ้าน ดิฉันผิวขาว มีเชื้อสายจีน และมีฐานะร่ำรวย ดิฉันเตรียมเอกสารไปครบ ไม่มีเอกสารใดที่เป็นสำเนา ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาไทย แต่เจ้าหน้าที่ที่ดูเอกสารดิฉัน ชี้ไปที่ชื่อที่ปรากฏบนเอกสารของดิฉันแล้วกล่าวหาว่าบุคคลนี้ไม่ได้มีตัวตนอยู่จริง ตลกไหมคะ ?? ดิฉันสมควรจะโมโหหรือเปล่า?? แล้วเจ้าหน่าที่คนนี้ยังมาชี้หน้าด่าหาว่าดิฉันโกหกอีก ดิฉันไม่ทราบว่าเจ้าหน้าที่คนนั้นต้องการเอกสารอะไรอีก เพราะทุกอย่างที่ให้ไปเป็นเอกสารราชการและไม่ใช่สำเนา ถ้าเจอคุณแบบดิฉันจะทำอย่างไร??? ขอถามหน่อย??? จากคุณ : คนไทยคนหนึ่ง - [ 8 ต.ค. 46 18:54:40 A:203.118.74.135 X: ]

ความคิดเห็นที่ 12 เจ้าหน้าที่ยังบอกกับดิฉันอีกว่า "อย่านึกว่ามีเงินแล้วจะขอได้ง่ายๆ" ดิแันอยากจะบอกว่า ใช่ค่ะ ดิฉันมีเงินและขอไม่ได้ง่ายๆจริงๆ แต่ดิฉันสามารถปิดปากเจ้าหน้าที่ผู้หญิงคนนั้นได้ง่ายๆโดยที่เสียเงินไม่กี่บาท ดิฉันอยากให้เจ้าหน้าที่มีมารยาทในการพูดจาให้มากกว่านี้ ส่วนเรื่องเอกสารที่เตรียมไป ถ้าเอกสารที่เตรียมมามีครบถ้วนและสามารถตรวจสอบได้ก็ควรจะตรวจสอบ หรือกระทำการใดๆที่ควรจะทำ ไม่ใช่มาชี้หน้าด่าดิฉันแล้วกล่าวหาว่าดิฉันพูดโกหก จากคุณ : คนไทยคนหนึ่ง - [ 8 ต.ค. 46 19:02:51 A:203.118.74.135 X: ]

ความคิดเห็นที่ 14 เหอๆ คุณข้างบนขาใจเย็นๆ ^^" จากคุณ : ความรักสีส้ม - [ 9 ต.ค. 46 01:24:48 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เข้าใจความรู้สึกเจ้าของกระทู้ดี ไม่เคยขอวีซ่า แต่เคยเจอกับองค์กรอื่นๆ โมโห ค่ะ เราเคยทำพาร์ทไทม์ที่หนักๆเหมือนกันนะ เรียนด้วยทำงานด้วย เหนื่อยแต่เราไม่เคยบ่นลูกค้าหรือทำหน้าบึ้งเลย จากคุณ : a little fish - [ 9 ต.ค. 46 04:46:18 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ขอวีซ่ามีการใช้เส้นสายด้วยเหรอครับ เพิ่งทราบนะครับนี่ คุณ ... - จากคุณ : pinokio - [ 9 ต.ค. 46 05:59:47 ]

ความคิดเห็นที่ 17 อ่านของคุณคคห ๑๓ แล้ว ตลก ผู้หญิงคนนี้นะ อะไรจะขนาดนั้น ถ้าลูกตาสีตาสามาขอวีซ่า แยกเขี้ยวใส่ น่าสมเพชคนประเภทนี้นะที่การงานดี การศึกษาสูงแต่........ จากคุณ : ผู้หญิงยิงเรือ - [ 9 ต.ค. 46 08:52:53 ]

ความคิดเห็นที่ 18 เคยเจอเหมือนกันค่ะ แต่ที่อังกฤษ กลางกรุงลอนดอนเลยค่ะ พอดีตอนนั้นไปศึกษาปโทอยู่ แล้วทำพาสปอร์ตหาย ก็เลยไปแจ้งความ และแจ้งสถานฑูตไว้ พบเจ้าหน้าที่หญิง อายุประมาณ 30-35 ปี พอ แจ้งเสร็จ เขาก็ทำกระฟัดกระเฟียด ไม่พออกพอใจ ประมาณว่าถ้าเดินเรื่องให้เรา ค่าธรรมเนียมก็น้อยนิด ไม่อยากทำ อยากทำเรื่องอื่นมากกว่า เขาไม่เล็งเห็นความเดือดร้อนของเราเลย พอดีโขคดี ที่รุ่นพี่ที่เรียนด้วยกันท่านหนึ่ง รู้จักกับกงสุลที่นั่น ก็เลย ได้อ้างชื่อพอกล้อมแกล้ม ... พอได้ยินชื่อเท่านั้นล่ะค่ะ สีหน้า น้ำเสียงนี่หน้ามือ เป็นหลังมือเลยค่ะ ไม่ต้องรบกวนโทรเข้าหากงสุลเลยด้วยซ้ำ เรื่องราวก็ได้รับการบริการอย่างดี เชื่อไหมล่ะคะ นี่น่ะ น้ำใจคนไทย ในสถานกงสุล ที่ดีๆ ใหญ่ๆ ก็มี แต่ที่แย่ๆ ตำแหน่งเล็กๆ น่ะมีเยอะกว่า จากคุณ : นุ่มนิ่ม - [ 9 ต.ค. 46 12:12:17 A:210.86.206.51 X: ]

ความคิดเห็นที่ 19 ทำไมความเห็นที่ 13 โดนลบอ่ะ จากคุณ : คนอ่าน - [ 10 ต.ค. 46 00:06:05 A:138.88.0.122 X: ]

ความคิดเห็นที่ 20 แล้ว..ที่กล่าวหาว่าเป็นเด็กพาณิชย์ล่ะค๊ะ ไม่เห็นคุณจะแก้ข้องกล่าวหาของคุณเลย แล้วการที่เด็กพาณิชย์เรียนต่อปอตรีปอโทเนี่ย มันเป็นความผิดตรงไหนหรือค๊ะ ด้อยกว่าคนที่เรียนจบสายวิทย์สายศิลป์ตรงไหนกัน คุณใช้อารมณ์มากเกินไปหรือเปล่า เปรียบเทียบก็น่าจะเลือกใช้คำที่ดีกว่านี้ ดิฉันว่าคุณคงไม่ได้จบพาณิชย์แน่ แต่..เชื่อใหมว่าถ้าเป็นคนที่จบจากพาณิชย์ เวลาเขาจะใช้ถ้อยคำพาดพิงถึงบุคคลหรือสิ่งใด เขาจะใช้สติและความคิดมากกว่าคุณค่ะ คุณใช้ชื่อว่าคนไทยคนหนึ่งเพื่อ.. กล่าวถึงความประพฤติของคนบางคนที่แสดงกิริยาไม่ดี แต่..คุณกลับใช่ความเป็นคนไทยแบ่งชนชั้นคนไทยด้วยกันเอง..สมควรหรือคะ ที่จะใช้ชื่อว่าคนไทย จากคุณ : จบพาณิชย์ - [ 10 ต.ค. 46 01:39:55 A:64.136.27.46 X:67.243.186.236, 127.0.0.1 ]

ความคิดเห็นที่ 21 เป็นอีกคนที่เข้าใจความรู้สึกเจ้าของกระทู้ ฝ่านทะเบียนที่มหาลัยพูดจาแย่มาก ไปติดต่อทำหน้าแบบไม่อยากทำให้ เหมือนไปสร้างภาระให้เขา ทั้งๆที่เงินเดือนเขา ก็เอามาจากค่าเทอมเราแท้ จากคุณ : pim - [ 10 ต.ค. 46 01:47:32 A:203.113.45.198 X: ]

ความคิดเห็นที่ 22 แค่หัวใจของการบริการ ยังบริการกันไม่เป็น คงเป็นเพราะ เค้าไม่ใช่หนุ่มหรือสาวบริการนั่นเอง ว่ามะ????? จากคุณ : ~amily~ - [ 10 ต.ค. 46 12:06:46 ]

ความคิดเห็นที่ 23 แล้วเรื่องการแต่งตัวมันเกี่ยวอะไร ถ้าอย่างนี้ก็เท่ากับ ยอมรับให้เค้าพิจารณาเราที่การแต่งตัวหรือ กางเกงยีนส์น่ะ เครื่องแบบของคนอเมริกันอยู่แล้ว ใครมีหน้าที่ทำอะไร ก็ทำไปให้ดีที่สุดแค่นั้นแหละ จิตสำนึกแค่เนี้ย ว่ากันง่าย ๆ นี่รวมไปถึงงานบริการทั้งหมดเลยนะ ไม่ว่าใครจะว่าการบินไทย ที่ว่าการเขต กรมการขนส่งทำใบขับขี่ เรามาเรียนหนังสือที่นี่ ยังมาทำงานเป็นคนเสิร์ฟเลย ถึงอยากบอกว่า มันอยู่ที่ความสำนึกน่ะ ว่าตัวเองทำอะไรอยู่ จากคุณ : Genuine XXX - [ 10 ต.ค. 46 12:35:09 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ความคิดเห็นที่ 7 ผมไปติดต่อที่สถานกงสุลไทย พบแต่คนน่ารัก ครับ จากคุณ : ธนิตา - [ 7 ต.ค. 46 14:13:53 ] ทำไมเราไปเจอแต่พวกชอบ ตะคอกคน เห็นชาวบ้านหน่อยก็๋ ด่า ๆๆ พูดจาก มะนาวไม่มีน้ำ.. ยอมรับว่าทำงานกันเร็วจริง แต่มันจะรีบเกินไปหรือเปล่าคุณ เรายังคิดเ้ลย ว่า ตรูจ่ายภาษีให้เค้าทำงานกันอย่างนี้หรอ..เงินเดือนคุณมาจากภาษีเรานี่หน่า... จากคุณ : เรื่องง่ายๆของรถถุง - [ 10 ต.ค. 46 12:41:34 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ไม่เคยทำอ่ะ ไม่เคยไปนอก เคยไปแต่บ้านนอก T_T จากที่อ่านดูทัศนะคติของคุณในแง่ลบเยอะมากนะ ใจเย็นๆ แล้วค่อยมาตั้งกระทู้เถอะ เข้าใจว่าอารมณ์ไม่ดีที่เจอแบบนี้ แต่ .... " ดิฉันอยากจะทราบว่า เจ้าหน้าที่พวกนี้ส่วนใหญ่การศึกษาเป็นอย่างไรคะ เป็นเด็กโรงเรียนพานิชย์มาก่อน แล้วต่อด้วยตรี โท เอก หรืออย่างไร " " ดิฉันไม่ใช่ผู้หญิงบาร์และไม่มีลักษณะเป็นผู้หญิงบาร์ ดิฉันแต่งตัวเรียบร้อย และหน้าตาสะอาดสะอ้าน ดิฉันผิวขาว มีเชื้อสายจีน และมีฐานะร่ำรวย " " เจ้าหน้าที่ยังบอกกับดิฉันอีกว่า "อย่านึกว่ามีเงินแล้วจะขอได้ง่ายๆ" ดิแันอยากจะบอกว่า ใช่ค่ะ ดิฉันมีเงินและขอไม่ได้ง่ายๆจริงๆ แต่ดิฉันสามารถปิดปากเจ้าหน้าที่ผู้หญิงคนนั้นได้ง่ายๆโดยที่เสียเงินไม่กี่บาท " อ่านดูแล้วรู้สึกว่าคุณเป็นคนที่ดูถูกคนอื่นนะ ใจเย็น ๆ ก่อนดีกว่า เราก็เคยเจอพวกชอบด่าว่าลูกค้าแบบนี้เหมือนกัน แก้ไขคำพูดคุณนิดนะ จะดูดีกว่านี้เยอะเลย จากคุณ : @PooH@ - [ 10 ต.ค. 46 12:51:51 ]

ความคิดเห็นที่ 26 โอ๊ยยยยย นังเจ้าหน้าที่สถานทุตผู้หญิงพวกนั้นจะมีปัญญาอะไรไปดูถูกคนอื่นเค้า เงินเดือนอย่างมากก้อแค่ 4-5 หมื่น จะมีปัญญาอะไรไปดูถูกคนอื่นเค้าได้ เพียงแต่ตอนนี้คนที่ขอวีซ่าทุกคนต้องเข้าสัมภาษณ์กับเจ้าหน้าที่สถานทูต ดังนั้นพวกลุกเศรษฐีลูกเจ้าพ่อก็ต้องเข้าสัมภาษณ์ด้วย แต่นังเจ้าหน้าที่พวกนั้นทำมาเป็นปากดี ทำมาเป้นเอะ - อะ โวยวาย โดยที่ไม่รู้ตัวว่ากำลังคุยกับใคร ระวังเหอะ ทำให้โมโหมากๆระวังจะตายไม่รู้ตัว ละอีกอย่างถ้าพวกนั้นมันปากตลาดมาก็ตลาดกลับไปเลย ถ้าใครคิดว่าเอกสารของตัวเองแน่จริงก้ออย่าไปกลัวพวกมัน กะอีแค่พนักงานกิ๊กก๊อกจะไปยอมให้มันด่าทำไม จากคุณ : ว่ามะ - [ 10 ต.ค. 46 16:26:54 A:203.144.143.250 X:203.118.97.215 ]

ความคิดเห็นที่ 27 คุณเด็กพานิชย์คะ ยอมรับเถอะค่ะว่าสังคมไทยเป็นสังคมแบ่งชนชั้น และดิฉันก็ยอมรับค่ะว่าใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผลในการเขียน ดิฉันอยากให้คุณเด็กพานิชย์เจอเหลือเกินค่ะ ลองไปขอวีซ่าดูนะคะ แล้วดิฉันก็ภาวนาให้คุณเจอพนักงานอย่างที่ดิฉันเจอค่ะ ไม่อยากให้คุณเจอพนักงานดีดีค่ะ เพราะคุณจะไม่ทราบว่าดิฉันและคนอื่นๆรู้สึกอย่างไร แล้วมาเล่าด้วยอารมณ์ให้ดิฉันฟังด้วยนะคะ ดิฉันไม่อยากอ่านเหตุผลค่ะเพราะทราบดีอยู่แล้ว อยากรู้ถึงอารมณ์มากกว่าค่ะว่าจะรู้สึกอย่างไร คุณคงพลาดโอกาสที่จะได้อ่านของคุณ คห.13 นะคะ น่าเสียดายค่ะ ที่โดนลบไปแล้ว จากคุณ : คนไทยคนหนึ่ง - [ 10 ต.ค. 46 16:48:23 A:203.118.82.84 X: ]

ความคิดเห็นที่ 28 คุณ คห.25 คะ ถ้าคุณเจอแบบนี้ล่ะคะ "ดิฉันเตรียมเอกสารไปครบ ไม่มีเอกสารใดที่เป็นสำเนา ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาไทย แต่เจ้าหน้าที่ที่ดูเอกสารดิฉัน ชี้ไปที่ชื่อที่ปรากฏบนเอกสารของดิฉันแล้วกล่าวหาว่าบุคคลนี้ไม่ได้มีตัวตนอยู่จริง ตลกไหมคะ ?? ดิฉันสมควรจะโมโหหรือเปล่า?? แล้วเจ้าหน่าที่คนนี้ยังมาชี้หน้าด่าหาว่าดิฉันโกหกอีก ดิฉันไม่ทราบว่าเจ้าหน้าที่คนนั้นต้องการเอกสารอะไรอีก เพราะทุกอย่างที่ให้ไปเป็นเอกสารราชการและไม่ใช่สำเนา ถ้าเจอคุณแบบดิฉันจะทำอย่างไร??? ขอถามหน่อย???" ... ขอถามกลับบ้างค่ะ คุณจะทำอย่างไรคะ ถ้าพนักงานคนนั้นไม่เชื่อในเอกสารราชการ?? จากคุณ : คนไทยคนหนึ่ง - [ 10 ต.ค. 46 16:53:26 A:203.118.82.84 X: ]

ความคิดเห็นที่ 29 มีอีกอย่างนึงที่ดิฉันลืมบอกคุณเด็กพานิชย์ไป เพราะการแบ่งชนชั้นของสังคมไทยนี่แหละค่ะ จึงทำให้ดิฉันได้วีซ่ามา ดิฉันไม่ขอพูดมากแล้วกันค่ะ จากคุณ : คนไทยคนหนึ่ง - [ 10 ต.ค. 46 17:12:52 A:203.118.82.84 X: ]

ความคิดเห็นที่ 30 ผมเข้าใจประเด็นเจ้าของกระทู้นะ และก็เข้าใจความรู้สึกของคนอ่านในประเด็นที่เจ้าของกระทู้ใช้อารมณ์ด้วยอ่ะนะ ยังไงก็ตามเหอะ ผมก็ไม่ค่อยชอบคนที่ทำงานตามสถานที่ราชการที่ต้องให้บริการประชาชนซักเท่าไหร่หรอก หาดียาก ถ้าราชการมีการทดสอบservice mindนะ สงสัยคงจะออกไปมากกว่าสามในสี่เลยอ่ะ จากคุณ : ไม่อยากด่ามาก เด๋วผมก็ไปติดต่อ - [ 10 ต.ค. 46 18:09:27 A:203.121.162.132 X:unknown ]

ความคิดเห็นที่ 31 สถานทูตอเมริกาน่ากัวมากๆ แค่โทรไปถามก้อโดนตะคอกแล้วอ่ะ เห่ายังกะหมาเลย ยิ่งข้างในไม่ต้องพูดถึง ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ถ้าพวกนั้นมันออกมางับแขนเราได้คงโดนงับไปแล้ว อึ๋ยส์ๆ ดีนะที่พวกมันโดนขังอยู่ในคอกง่ะ จากคุณ : เคยเป็นมาก่อนเลยเข้าใจ - [ 10 ต.ค. 46 19:15:43 A:202.133.187.118 X: ]

ความคิดเห็นที่ 32 คห. 13 เค้าเขียนว่าอะไรเหรอ อยากอ่านอ่ะ หรือใครรู้ช่วยเล่าให้ฟังหน่อย มันร้ายแรงมากเลยเหรอถึงขนาดโดนลบเนี่ย จากคุณ : เคยเป็นมาก่อนเลยเข้าใจ - [ 10 ต.ค. 46 19:18:52 A:202.133.187.118 X: ]

ความคิดเห็นที่ 33 เด็กพาณิชย์ เป็นที่รู้กันว่าขี้เกียจเรียน หรือเรียนไม่เก่ง หรือไม่ก็พ่อแม่เป็นจีนอยากให้ค้าขาย สมัยก่อนเด็กพาณิชย์นี่แหละตัวขายเหมือนเด็กมหาลัยทีขายมาซ้อกระเป๋า คุณคงจำได้สำหรับเด็กดรุณกับเด็กตรงแถวประตูน้ำ ที่เขาพูดว่าทำตัวเป็นเด็กพาณิชย์ หมายถึงการศึกษาที่ทำให้ไม่ค่อยคิดมาก ออกมาก็เป็นออเปอร์เรเตอร์ สวยทั้งวันไม่ช้อปก็หาตังเข้าใจ๋หากเคยเรียนพาณิชย์ต้องรู้ซิ เขาไม่ได้ดูถูกยกชั้นหรอก ทำตัวให้เขาดูถูกเอง จากคุณ : เคยเป็นเด็กพาณิชย์ - [ 11 ต.ค. 46 01:30:32 A:203.113.35.6 X: ]

ความคิดเห็นที่ 34 เข้าใจค่ะว่ามันน่าโมโห แถมน่าเจ็บใจที่ต้องไปถูกว่าต่อหน้าคนอื่น ทั้งๆที่คุณเองสามารถตอกกลับแบบสมน้ำสมเนื้อได้ โดนเหมือนกันค่ะ ทางโทรศัทพ์ จนท.กงสุลไทยที่แอลเอค่ะ ไม่ได้ถามชื่อไว้ เธอตอบคำถามเรื่องหนังสือเดินทางค่ะ เธอตอบคำถามแบบกวน กระแทกใส่ อารมณ์เสีย แบบอยากให้วางๆไปซะที ดิฉันเข้าใจค่ะว่าคนแบบนี้มีทุกที่ ไม่ว่าราชการ เอกชน แล้วยิ่งคนแบบนี้ต้องมาทำหน้าที่ที่ต้องบริการคนเยอะๆ แล้วคนที่มารับบริการก็มีหลายประเภท คนแบบนี้ก็ยิ่งหงุดหงิดง่ายค่ะ เลยอาศัยหน้าที่การงานบังหน้าเอาอารมณ์ส่วนตัวผสมบริการ แย่แต่เป็นเรื่องจริง ทุกที่ละค่ะ เสนอทางแก้นะคะ ถามชื่อจนท.คนนั้นไว้ค่ะ แล้วไปแจ้งรายงานกับเจ้านายชั้นสูงขึ้นไป ทำนองนี้น่ะค่ะ บ่นกันไปก็ยิ่งทำให้อารมณ์เสียเปล่าๆค่ะ มาช่วยกันส่งเสียงให้ทางผู้ให้บริการรู้ว่าผู้ให้รับบริการคิดอย่างไรกันดีกว่า ดีมั้ยคะ จากคุณ : BOONDOCK - [ 11 ต.ค. 46 03:23:41 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ขอนอกเรื่องหน่อยครับ ผมเคยไปอเมริกามา10กว่ารอบทั้งไปเที่ยวและไปเรียนแต่ไม่เคยไปเหยียบสถานฑูตเลยก็เลยไม่รู้ว่ามันเป็นอย่างไร(ที่บ้านทำการค้ากับอเมริกา)แต่ถ้าต้องโดนดูถูกจากเจ้าหน้าที่คนไทยที่สถานฑูตอย่างนี้ก็ไม่ไหวเหมือนกัน อยากลองดูซิว่าทำงานเสร็จแล้วเจ้าหน้าที่พวกนี้จะกลับไปกินข้าวแกงหรือไปกินแฮมเบอร์เกอร์นึกว่าตัวเองเป็นฝรั่งหรือเปล่า อย่างนี้จะเรียกว่าพวกกล้วยก็ได้นะ จากคุณ : J - [ 11 ต.ค. 46 08:32:58 A:203.149.34.34 X: ]

ความคิดเห็นที่ 36 เชื่อว่าน่าจะมีคนเขียนจดหมายไปร้องเรียนหลายรอบแล้วแน่นอน แต่เรื่องคงเงียบจบไปเพราะเจ้าหน้าที่ผู้ใหญ่ไม่ได้มาควบคุมเอง เจ้าหน้าที่ต้องโดนดักตีหัวหน้าสถานทูตซะก่อนน่ะ ถึงจะรู้สึกว่าทำตัวกันยังไง อยากให้เจอของจริงเข้าซักวัน ถ้าไปทางสว่างแล้วมันไม่เวิร์คใช้อำนาจมืดซะเลย สะใจ!! เขียนจดหมายไปบ่นก้อเท่านั้นแหละค่ะ จดหมายพวกนั้นทำให้คนเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมไม่ได้หรอก แต่เชื่อว่าถ้าเจ้าหน้าที่คนไหนโดนดักตีหัวรับรองได้ว่าพวกนั้นมันต้องสยองขนแน่ และเชื่อว่าพวกนั้นคงจะพูดจาดีขึ้น จากคุณ : ไม่เชื่อก้อลองดู - [ 11 ต.ค. 46 11:55:57 A:202.133.152.231 X: ]

ความคิดเห็นที่ 37 อิตาลีครับ สุดยอด จากคุณ : s (sh123) - [ 11 ต.ค. 46 15:35:03 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ออสเตรเลีย มั้ง น่าจะห่วยกว่าสถานทูตเมกา พวกนี้คงนึกว่าตัวเองเป็นเทดา ฮ่า ฮ่าๆๆๆ ปล่อยมันไปเถอะอีกไม่กีปีก็เข้าไปอยู่อีกโลกหนึ่งแล้ว จากคุณ : เรฟูจี - [ 11 ต.ค. 46 16:19:25 A:203.209.20.174 X: ]

ความคิดเห็นที่ 39 เอกสารราชการตัวจริงเอาไปยื่นแล้วเค้ายังสงสัยอีกเนี่ยนะ โหหห เจอมุขเจ้าหน้าที่สถานทูตแบบนี้คงหมดปัญญาเหมือนกัน เค้าแกล้งหาเรื่องคุณหรือเปล่า???? สมควรแล้วที่โมโห จากคุณ : ผ่านมาเฉยๆ - [ 11 ต.ค. 46 16:42:46 A:203.118.82.162 X: ]

ความคิดเห็นที่ 40 พอดีไปอ่านเจอมา สยองดีจังค่ะ และแล้วมันก็จะเป็นอีกเรื่องที่ทุกคนลืม.....วีซ่าสถานฑูตอเมริกา หวัดดีค่ะเพื่อนๆ เราได้รับมอบหมายให้ไปทำงานที่อเมริกา 1สัปดาห์ โดยที่ต้องไปขอวีซ่าเป็นครั้งแรกก็รู้อยู่แล้วแหละว่าต้องโดนสัมภาษณ์อ่วมแน่ๆ แต่แล้วก็มีเหตุการณ์เกิดขึ้น เรื่องมันเป็นดังนี้ เราไปยื่นวีซ่าด้วยตัวเอง ปกติถ้าเป็นการเชิญไปทำงานต่างประเทศ ทางคนที่เป็นสปอนเซอร์เขาจะเป็นคนเดินเรื่องวีซ่าให้ แต่พอสถานฑูตอเมริกาเปลี่ยนกฎ เขาเลยบอกให้พวกเราลำบากไปทำเองกันหน่อยนะ เพราะฉะนั้นเราถือเป็นเคสแรกๆของบริษัทที่ต้องไปทำเอง ยอมรับว่าไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่ก็โดนไล่กลับไปเขียนเอกสารใหม่ ถ่ายรูปใหม่บ้าง... วันสัมภาษณ์ เราก็โดนซักมากๆ คนสัมภาษณ์ถามเราว่าทำไมมีเงินแค่นี้ ให้เอาสมุดบัญชีมายืนยันอีก (เรามีแค่ 7 หมื่นกว่า จะให้เยอะหลักแสนคงไม่ไหว เป็นพนักงานเงินเดือนน้อย) แต่เราก็ยืนยันว่าเราไปทำงาน มีจดหมายเชิญจากบริษัทของทางอเมริกาว่าเราจะอยู่ในความรับผิดชอบของใคร ยังไง ใครออกค่าใช้จ่ายให้ เราจะไปอยู่โรงแรมไหน ในที่สุดก็ได้วีซ่า 3 เดือน มาแบบหวุดหวิด ยังค่ะ เรื่องยังไม่จบ..... ตอนเข้าไปรับวีซ่า เขาประกาศชื่อเราให้ไปช่องจ่ายเงิน เคาท์เตอร์ 13 แล้วมันก็เริ่มขึ้น.... เราไม่รู้ว่ามันเป็นค่าธรรมเนียมอะไร ก็เลยถามเจ้าหน้าที่ไปอย่างงี้ค่ะ Q: เอ่อ ขอโทษนะคะไม่ทราบว่าเป็นค่าธรรมเนียมอะไรเหรอคะ A: ค่าวีซ่า Q: คนละอย่างกับ 4300 บาทที่จ่ายไปแล้วเหรอคะ? A: ใช่ เอ๊ะคุณไม่รู้เลยเหรอว่าอาชีพอย่างคุณเนี่ย เวลาจะเข้าประเทศนี้มันต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม อะไรกันทำงานภาษาอะไร จะไปหรือเปล่าเนี่ย จะไปยังไม่รู้เรื่องอีก เอ๊ คุณนี่เป็นคนยังไงกัน... Q: (งง-ช็อค) เอ่อ ไม่ใช่หรอกค่ะ ไม่ทราบจริงๆ และมันต้องเป็นค่าใช้จ่ายที่ต้องไปเบิกกับสปอนเซอร์ซึ่งเราต้อง clarify ให้เขาฟัง ไม่ได้มีปัญหาอะไรเลยค่ะเรื่องจ่ายเงินเนี่ย A: คุณก็เอาหน้าคุณกลับไปถามที่ออฟฟิสนะว่าอาชีพเนี่ย มันต้องจ่ายค่าวีซ่าพิเศษด้วย ถ้าออฟฟิสคุณยังไม่เข้าใจ ก้อเลิกทำงานไปให้หมด จะมาขอเอกสารเขายังไม่รู้เรื่องอีก แย่จริงๆ.... --- แล้วจะเอาไม๊ วีซ่าน่ะ เอาก็จ่ายเงินมา---- (พร้อมทั้งถือวีซ่าเรา แกว่งไปแกว่งมาในมือ เหมือนข้า เหนือกว่าเจ้าแน่ๆ) เราก็หน้าชามาก จ่ายเงินไป เขาโยนบิลกลับมาบอกว่า เอาไอ้เนี่ยกลับไปให้ดู ใครๆเขาก็รู้ว่ามันเป็นค่าอะไร ถ้าไม่รู้ก้อเลิกประกอบอาชีพนี้ได้...... เราเดินออกจากสถานฑูต มองมึนๆ งงๆไปหมด มือถือก้อไม่มีฝากไว้ข้างนอกก็ต้องรีบๆไปเอา พอได้มือถือก็รีบโทรหาเพื่อน เอ๊ะนี่มันด่าชั้นทำไมอะแก? ทุกคนงงมาก ว่าไอ้ 15 เหรียญที่เราจ่ายเพิ่มคือค่าอะไร เรายังไม่ได้คำตอบ จนในที่สุดเราได้มีโอกาสคุยกับผู้ใหญ่ในสถานฑูต ท่านบอกว่า ใช่ อาชีพอย่างเราจะเข้าประเทศอเมริกา เราจำเป็นต้องเสีย extre fee ตรงนี้ ....แต่เราก็ไม่ได้เล่าให้ท่านฟังว่าเราเจอเจ้าหน้าที่เก็บเงิน ช่อง 13 ผู้ชายตัวอ้วนๆ ผมไม่ค่อยมี วันนั้นคุณใส่เสื้อเชิ้ตสีเลือดหมู ตะโกนด่าเรา ตำหนิเราในเคาท์เตอร์นั้น พรุ่งนี้เราจะเดินทางแล้ว เหตุการณ์ผ่านไป 4 วันเราเริ่มสงบลงพอที่จะมาเล่าเรื่องให้เพื่อนๆฟังได้ วันแรกๆนี่ฉุนขาด เพื่อนๆช่วยกันบอกว่าลืมไปซะ เดี๋ยวแกจะได้ไปดูความทันสมัยของมหานครนิวยอร์คแล้ว.... แต่เราคิดในใจ ถ้ามันเป็นอย่างงี้ ถ้าคนในสถานกงศุล เป็นแบบนี้ทำไมคนไทยยังจะต้องง้อมัน เข้าประเทศมันทำไม ขนาดคนไทยด้วยกันเอง ยังดูถูกคนไทยขนาดนี้ จะไปคราวหน้า คงคิดหน่อยว่าเรา "พร้อม" จะเจอกับคนที่สถานกงศุลที่มีความ "หยาบคาย" มากเท่านี้ได้อีกหรือเปล่า คนในสถานกงศุล น่าจะปรับปรุงพฤติกรรมเสียใหม่ เราเข้าใจดีว่ากฎใหม่มันทำให้พวกเขาต้องทำงานหนักขึ้น แต่เขาต้องตระหนักดีว่าหน่วยงานที่ตัวเองสังกัด มีหน้าที่ให้บริการ เพราะฉะนั้น เขาควรจะมี service mind มากกว่านี้ไม่งั้นก็ไม่ควรมาทำ เราเคยทำงานสถานฑูต ต้องเจอแขกรับแขกมากหน้า หลายตา หลายอาชีพ เป็นงานบริการ เราเองก็ยังไม่เคยปฏิบัติกับเขาเลวร้ายขนาดนี้ รู้สึกแย่มากๆกับการทำงาน และมารยาทของเจ้าหน้าที่สถานกงศุลอเมริกาค่ะ จากคุณ : jelly_fish - [ 13 ก.ย. 46 14:21:14 ] จากคุณ : ผ่านมาหลายทีแล้ว - [ 11 ต.ค. 46 17:24:02 A:203.118.82.162 X: ]

ความคิดเห็นที่ 42 เราคือคนไทยในต่างแดน...หน้าตาไม่อยากบอกว่า ไทย จีน เพราะถึงอย่างไรเราก็ถือไทยพาสปอรต เราเจอเจ้าหน้าที่มาทุกระดับประทับใจ ไม่ว่าไทย ฝรั่ง และ เอเชียน อื่นๆ ในความคิดของเรา เจ้าหน้าที่ (ทุกที่) เหมือนกันหมด (น้อยมากจะดี) ยิ่งคุณถือไทยพาสปอรต และที่สำคัญเป็นหญิงไทย ไปที่ไหนก็ปฎิบัติต่อคุณเหมือนกันไม่ว่าหน้าตาคุณมันจะบอกว่ายี่ห้ออะไรก็แล้วแต่ เพราะยิ่งสถานฑูตต่างชาตินี่ขึ้นบัญชีไว้เลย ผู้หญิงจากประเทศไหนต้องตรวจมากๆ เรื่องคล้ายกันนี้ (เพื่อนเราที่ไปด้วยกัน)เจอที่สนามบินดอนเมืองนี่เอง เมื่อปี 1999 ที่ไหนมีคนดี ที่นั้นก็มีคนเลว (สัจธรรม) ฉะนั้นเกิดเป็นหญิงไทยต้องทำใจไว้เถอะ เพราะคนเค้าตราหน้าเอาไว้แล้ว ถ้าคุณไม่เชื่อก็ลองไปถามข้อมูลจากสถานฑูตไทยในต่างประเทศดู สุดท้าย จะทำอย่างไรให้ภาพหญิงไทยในสายตาชาวโลก(และคนไทยด้วย) มองกันในแง่ดี จากคุณ : คิด - [ 12 ต.ค. 46 04:09:43 A:81.132.96.19 X: ]

ความคิดเห็นที่ 43 แล้วผู้หญิงคนไทย ในสายตาชาวต่างชาติเป็นอย่างไรหรือคะ ดิฉันไม่ทราบค่ะ เพราะชาวต่างชาติที่ดิฉันเจอทุกคนก็มองคนไทยดีนี่คะ แต่ที่ดิฉันโมโห ก็เพราะว่า นอกจากเจ้าหน้าที่จะจับผิดเอกสารตัวจริงของดิฉันแล้ว เจ้าหน้าที่ผู้หญิงคนนั้นก็ยังไม่กล้าตัดสินใจในเอกสารของดิฉันอีก ดิฉันไม่ทราบนะคะว่าจะแกล้งกันหรือเปล่า ทำเป็นไม่เชื่อในเอกสารของดิฉันแต่แล้วก็ "ไม่กล้าตัดสินใจ" ดิฉันอยากจะบอกว่า ในเมื่อเจ้าหน้าที่คนนั้น ไม่มีดุลพินิจพอที่จะตรวจเอกสารดิฉัน แล้วจะมาดูเอกสารดิฉันทำไม แบบนี้ไปทำงานอย่างอื่นไม่ดีกว่าหรือ พวกรับ-ส่งเอกสารน่าจะเหมาะกับเธอคนนั้นมากกว่า จากคุณ : คนไทยคนหนึ่ง - [ 12 ต.ค. 46 11:52:53 A:203.118.81.71 X: ]

ความคิดเห็นที่ 44 เหอๆ มีชี้หน้าด้วย คนเดียวกันหรือเปล่า ::ขอความเป็นธรรมได้ไหมคะ วีซ่าอเมริกา ขอความกรุณาแนะนำด้วยค่ะ เรื่องว่า ดิฉันไปขอวีซ่าท่องเที่ยวที่สถานทูตอเมริกากับสามีมาค่ะ ปกติเราทั้งคู่มักจะไปท่องเที่ยวต่างประเทศกันบ่อยอยู่แล้ว เรียกว่าแทบจะรอบโลกได้ แต่ยังไม่เคยไปอเมริกาเลย เผอิญญาติผู้ใหญ่ของเราท่านจะไปเยี่ยมลูกชายที่กำลังศึกษาอยู่ที่อเมริกา ท่านเลยชวนเราทั้งสองไปเที่ยวด้วยกัน ดิฉันกับสามี มีกิจการที่เมืองไทยเรียกได้ว่าหลายแห่ง ทั้งโรงงาน ร้านค้า มีหลายสาขา เงินหมุนเวียนเรียกได้ว่ามีมากพอสมควร แล้วเราไม่เคยโดนปฏิเสธวีซ่าจากที่ไหนมาก่อน ตอนที่ไปขอวีซ่าที่สถานฑูตอเมริกา เราก็ได้ยื่นเอกสารถูกต้องตามระเบียบการทุกอย่าง ทั้งใบทะเบียนการค้า สมุดบัญชี แสดงถึงกิจการที่ทำอยู่ในเมืองไทย และอื่น ๆ รวมทั้งใบเกิดของลูกสาวอายุ 2 ขวบ ที่ต้องฝากคุณแม่เลี้ยงในขณะที่เราไปเที่ยว ตอนยื่นก็ยื่นไปหนึ่งวัน อีกวันก็นัดสัมภาษณ์ ซึ่งเราทั้งสองก็ไม่ได้คิดอะไร พอวันรุ่งขึ้นเราทั้งสองมาตามนัด โดนสัมภาษณ์ โดยเจ้าหน้าที่ที่เป็นผู้หญิง คนไทย พอถึงนั่งลง เธอก็เริ่มใส่อารมณ์ พูดว่าเราทั้งสองว่าเอกสารที่ทำมามีลักษณะจงใจทำ เพื่อหลบหนีเข้าประเทศ เงินที่อยู่ในบัญชีมาจากไหนตั้งเยอะ พอดิฉันอธิบาย เขาก็หาว่าดิฉันพูดกวน เธอก็เริ่มชี้หน้าและบอกว่า ต้องรู้จักให้เกียรติ และเคารพฉันนะ รู้ไหมว่าการตัดสินอยู่ที่ฉันคนเดียว และต่าง ๆ นา ๆ จนถึงขั้นที่เราทั้งสองไม่ไหวแล้ว ก็เลยขอกลับดีกว่า (ต้องขอบอกว่าดิฉันกับสามีพูดจาสุภาพค่ะ และพยายามนิ่งที่สุด ) วินาทีนี้ไม่คิดว่าจะไปเหยียบที่สถานฑูตอเมริกาอีกเลย และไม่คิดง้อที่จะไปอเมริกาด้วย ตอนออกมาเจ้าหน้าที่คนนั้นก็เขียนกาหัวเอกสารว่า " เราทั้งสอง จงใจหลบหนีเข้าประเทศ และไม่คิดจะกลับมาอีก " พอเราทั้งสองตั้งสติได้ก็กลับมาคิดว่า เอ ทำไมเราต้องยอมเสียเงินค่าขอวีซ่า เกือบหมื่นบาท มาคอยแต่เช้า แล้วต้องมาฟังเจ้าหน้าที่ผู้หญิงคนนี้ ทั้งด่า กล่าวหา และว่าเราอย่างเสียหายอย่างนี้ด้วย ถ้าคิดจะตรวจสอบ หรือต้องการเอกสารอะไรเพิ่มเติม ก็น่าจะบอกหรือพูดจาให้เป็นสุภาพชนกันก็ได้ เดิมสามีดิฉันคิดว่าฝรั่งเท่านั้นที่จะดูถูกคนไทย แต่ไม่เคยคิดเลยว่าคนไทยด้วยกันแท้ ๆ จะดูถูกกันเองได้มากขนาดนี้ เรื่องนี้เราทั้งคู่ไม่คิดจะกลับไปขอ วีซ่าอเมริกาอีกแล้ว แต่มาคิดว่าจะร้องเรียนเพื่อขอความเป็นธรรมกับการถูกกล่าวอย่างเลื่อนลอยได้ไหม กลับการที่ต้องโดนดูถูก ประณามขนาดนี้ เราทั้งคู่ทำมาหากินสุจริตทุกอย่าง พร้อมที่จะให้มีการตรวจสอบและไม่คิดว่าต้องมีอะไรปิดบัง คิดหาทนายความฟ้องร้อง หรือไม่ก็ต้องการที่จะ ร้องเรียนถึงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมถึงเจ้าหน้าที่หญิงคนนี้ ใครพอจะทราบบ้างคะว่าเราทั้งสองจะทำอย่างไรได้บ้างเพื่อขอความเป็นธรรม และไม่อยากให้ใคร ต้องมาเจอกับเหตุการณ์อย่างที่เราทั้งสองได้เจอมา มีทนายความแนะนำหรือ ขอคำแนะนำอื่นด้วยค่ะ ขอบพระคุณมากค่ะ จากคุณ : gear (neochoo) - [ 9 มิ.ย. 46 23:18:34 ] จากคุณ : ... - [ 12 ต.ค. 46 17:24:20 A:203.118.92.79 X: ]

ความคิดเห็นที่ 45 เอาไงดีพวกเรานับวันชักหนักข้อ เรากำลังอยากให้แม่มาเยี่ยมเราที่นิวยอร์คอยู่พอดี แม่เราเป็นข้าราชการเกษีรณแล้วด้วย จะรอดมะ จากคุณ : ลูกแม่พลอย - [ 12 ต.ค. 46 23:40:54 A:165.247.28.160 X: ]

ความคิดเห็นที่ 46 ความคิดเห็นที่ 40, ความคิดเห็นที่ 44 : Please send your comment indetails to: visasbkk@state.gov It maybe helpful. จากคุณ : Uma'Ahmed - [ 13 ต.ค. 46 02:18:58 A:67.170.139.244 X: ]

ความคิดเห็นที่ 47 ช่วยกันร้องเรียนไปที่คุณทักษิณก็ได้นะคะ ที่นี่ค่ะ http://www.rakang.thaigov.go.th/epost.asp จากคุณ : BOONDOCK - [ 13 ต.ค. 46 04:20:49 ]

ความคิดเห็นที่ 48 1. คนไทยที่ทำงานที่สถานทูตอเมริกาในไทย ได้รับเงินเดือนเป็นเงินดอลล่าร์ 2. คนไทยเห่อ-ยกย่อง อเมริกาเป็นส่วนใหญ่ รวมทั่นทักสินด้วยคนนะอย่าลืม 3. ทำงานที่นั่นมันโก้ ดูเป็นอินเตอร์ จริงๆแล้ว ประเทศอเมริกา ถือคติที่ว่า ลูกค้าเป็นหนึ่งเสมอ แต่ว่า ในสถานทูตอเมริกาในเมืองไทย พนักงานถือคติที่ว่า ลูกค้าเป็นแค่ อ้าย E กระจอกๆ ที่อยากไปอเมริกา เราอยู่นิวยอร์ค 10 ปี พนักงานข้าราชการหรือเอกชน บริการลูกค้าดีมาก จากคุณ : บู้ช - [ 14 ต.ค. 46 05:37:24 A:172.152.44.95 X: ]

ความคิดเห็นที่ 49 พนักงานมันคิดไปเองมั้งว่าทำงานในสถานทูตน่ะมันโก้ หลังจากที่เข้าไปดูในสถานทูตแล้ว เหอๆ ทั้งแคบ ทั้งสกปรก เสียงก็ดังยังกะตลาด แหวะ จากคุณ : me - [ 14 ต.ค. 46 12:35:40 A:202.133.141.58 X: ]

ความคิดเห็นที่ 50 เป็นพนักงานในสถานทูตกับพนักงาน 7-11 มันต่างกันยังไง ออกจะ sameๆ จากคุณ : ไปดูเองนะ ค่อยๆอ่าน - [ 14 ต.ค. 46 19:13:11 A:203.144.143.250 X:203.118.97.179 ]

ความคิดเห็นที่ 51 when i worked in a thai consulate, i was very nice. and im thai ;) จากคุณ : passer-by - [ 14 ต.ค. 46 22:50:36 A:220.240.64.182 X: ]

ความคิดเห็นที่ 52 เราเป็นคนหนึ่งที่โดนปฏิเสธวีซ่า แบบท่องเที่ยว คือ ไปขอกับแม่เรา เพื่อ ไปเยี่ยมพี่สาวที่เรียนที่ ดีซี,ไปเที่ยว แล้วก็อยากจะไปดูที่เรียน ต้องบอกก่อนว่าเราเพิ่งจบไม่มีงานทำ เรารู้มันเป็นส่วนหนึ่งที่ไม่ได้วีซ่า แต่ตอนไปขอ แม่เรามีหลักฐานครบถ้วน(ชุดเดียวที่พี่สาวเราขอวีซ่าเป็นหลักฐานของแม่) พอไปถึง รอนานประมาณ 1 ชั่วโมง ก็โดนเรียกเข้าช่อง 8 เจอผู้หญิงมีอายุประมาณ 40 กว่า ใส่แว่น เรากับแม่ก็ยิ้มให้ แบบว่าเรากับแม่แต่งตัวดีมากๆ น้ำเสียงที่ถามเราตะคอกมากๆ ถาม... ไปทำไม ตอบ..(แม่) ไปเยี่ยมลูกสาวกับไปเที่ยว ตอบ (เรา) เรา ไปเยี่ยมพี่สาว ไปเที่ยว แล้วก็จะไปดูที่เรียน ถาม.... ไปนานมั้ย ตอบ (เรากะ แม่) คาดว่าจะ 3 อาทิตย์ เริ่มมองเอกสาร ...นี่อะไร (ที่เค้าดูเป็น จม.เชิญจากพี่สาวรับรองโดย มหาวิทยาลัยที่โน้น แล้วก็มี transcipt แนบ) เราตอบ....จดหมายเชิญจากพี่สาวคะ ถาม... ชื่ออะไร แม่ตอบ ...........(ตอบชื่อทั้ง นามสกุล) มองอย่างผ่านๆ ถาม....ใครคือ .(ชื่อพี่สาวเรา) ก็แม่เราชอบไปแล้ว ยังตั้งคำถามกวนๆอีก น้ำเสียงหาเรื่องมาก ทั้งเรากับแม่ยังใจเย็น กดดูในคอม ดูประวัติพี่สาวแล้วพูดว่า "ลูกสาวคุณไปแค่ปีกว่าๆ จะพาไปเที่ยวที่ไหนได้ คงไม่รู้จักที่ไหนหรอก ทำไมไปตั้งสามอาทิตย์" เรากะแม่รู้สึกแปลกๆ แล้วก็ถามแม่เกี่ยวกับหลักฐาน ถามแบบโง่ๆ กวน หาเรื่อง แม่เราก็ทน ตอบดีมากๆ พอมาถึงเรา เค้าเปิดดู พาสปอร์ตเรา ผ่านๆ แล้วพูด " ไปญี่ปุ่นมาด้วยเหรอ" สีหน้าโกรธๆ (เรางงวะ) เราตอบ... ใช่คะ ถาม...ไปทำไมมาคะ เราตอบ...ไปเที่ยว พอดี เพิ่งเรียนจบเลยไปคะ ถาม..ไปนานมั้ย เราตอบ..ไป 15 วัน ถาม...ไปทัวร์ เหรอ เราตอบ ....ไปคนเดียวคะ ถาม...ไปพักที่ไหน เราตอบ ....ไปพักบ้านเพื่อน ถาม.....อ้อ ไปอยู่กับแฟนมาเหรอ เรา.... (งง) เปล่าคะ เพื่อน จริงๆ ถาม....แฟนทำงานอะไร ตอบ.....เพื่อนคะ ทำงาน บริษัท....... (เค้าถามต่อ จำไม่ได้แต่รู้ว่า พยายามยัดเยียดเราว่า ไปญี่ปุ่น ไปอยู่กะแฟนเป็นญี่ปุ่นแล้วก็ไปนอนบ้านแฟน เล่นเราเอางงเป็นไก่ตาแตก) ดูหลักฐานเราต่อ (ใบรับรองการศึกษา จาก ม.เกษตร ) แต่กวาดสายตาแล้วก็ส่งคืน ถาม...จบอะไรมา ตอบ...จบ food science จาก มหา..(ยังตอบไม่เสร็จ) ถามแทรก....จะเรียนอะไร ราตอบ...จะไปเรียน ป.โท เกี่ยวกับ การ (ยังตอบไม่เสร็จ พูดแทรก) น้ำเสียงยังตะคอกคงเส้นคงวา ขยับแว่นเล็กน้อย แล้วพูดว่า " อยากโกหกได้มั้ย" เรางงมากอะไรวะ หลักฐานก็ไม่ดู ตอบก็ไม่ยอมฟังเลย เสียงก็ตะคอกๆ ถากถาง เราหันถามแม่เรา " ไปเที่ยวคิดว่าจะใช้จ่ายเท่าไร" แม่รา ... คิดว่า 3แสน ถาม...3 แสนเหรอ 3 แสนเหรอ 3 แสนเหรอ (ถามแบบไม่เชื่อ) เราคิดในใจดูเงินในบัญชีสิวะมีเท่าไร มันก็หลายล้านอยู้ ทำไมไม่ดูวะ พูดอะไรอีกมาก แต่พูดเสียง{^_^}มากๆ แล้วพูดว่า " ลูกสาวคุณไม่ได้วีซ่า (มันยิ้ม) ส่วนคุณเราจะให้คะ(หมายถึงแม่) " แม่เรา... คือว่าอยากไปกับลูกสาวคะ ถ้าได้คนเดียวก็ไม่อยากไป ถาม...."คุณไม่อยากได้วีซ่าเหรอ" เสียงดุๆ บ่าย 2 มารับวีซ่า ส่วนลูกสาวคุณ ไว้อีก 2ปี หรือ 5 ปี ให้มาขอใหม่ เผื่อจะได้ (แล้วยิ้มเยาะเย้ยแม่เราด้วย) เราเงียบแม่อึ้ง แล้วพูดดังมากๆ ว่า "เชิญ" อึ้งๆๆๆๆๆๆๆ แค้นๆๆๆๆๆๆๆ อะไรวะ ทำไมต้องดูถูกกันด้วย ลืมบอก ก่อนหน้าเรามีผู้หญิง2คน ลักษณะคล้ายเมียเช่า (คือเราได้ยินเค้า2คนคุยกันก่อนสัมภาษณ์ เลยได้ใจความว่า ขายตัวอยู่อ่ะ) จากคุณ : neen/neennara@hotmail.com - [ 15 ต.ค. 46 01:19:13 A:210.86.208.50 X: ]

ความคิดเห็นที่ 54 โห สถานทูตอเมริกา ทั้งโหด เลว ไม่มีดี ยังงี้เลยหรอ!! ดีใจแทนตัวเองจัง ที่ไม่ได้มีความอยากจะไปเหยียบที่นั้นเลย จากคุณ : J_CooL - [ 15 ต.ค. 46 06:45:15 ]

ความคิดเห็นที่ 55 สถานฑูตอเมริกา ไม่ได้ โหด เลว ไปหมดทุกคนหรอกคะ บางคนเขาก็น่ารักนะคะ ไปติดต่อ 3 ครั้งเจอแต่คนพูดจาดีคะ มีปัญหาเรื่อง SEVIS โทรไปถามหลายครั้ง ก็ให้คำตอบดีไม่มีอารมณ์เสีย จองตั๋วเครื่องบินไม่ถูก ก็โทรถามได้ เพียงแต่คนที่เจอคนดีๆ ไม่ค่อยเขียนบอก เลยทำให้สถานฑูตน่ากลัวไปเลย จากคุณ : superone - [ 15 ต.ค. 46 07:01:59 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ผมว่าใครจะไปขอวีซ่า เตรียมเครื่องอัดเสียงเล็กๆเข้าไป ถ้าเจอเหตุการณ์แบบนี้จะได้เอามาประจานทางทีวีได้ แต่ไม่รู้เค้าจะยอมให้เอาเข้าไปรึเปล่านะ ผมว่าที่พวกนี้ลอยหน้าลอยตาอยู่ได้ ก็เพราะว่าเรื่องมันไม่ได้ถึงเจ้านายจริงๆ คนรับจม.ร้องเรียนก็คงเป็นพวกเดียวกัน แล้วพวกเราก็ได้แต่บ่นให้คนใกล้ตัวฟัง ทำอะไรไม่ได้ ผมโชคดีที่ไม่เคยมีปัญหาในการขอวีซ่าเลย แต่อ่านเรื่องของพวกคุณแล้วปวดหัวแทน จากคุณ : ม้าหงอย - [ 15 ต.ค. 46 07:04:18 ]

ความคิดเห็นที่ 57 แปลกน้ะ เพื่อนผมเพิ่งขอ VISA เมื่อปลายเดือนที่แล้ว เล่าให้ฟังว่า ได้สัมภาษณ์กับเจ้าหน้าที่ชาว USA พูดจาดี เป็นมิตรด้วย ขนาดเพื่อนผมตอบแบบไม่ได้ตั้งใจมากนัก ก็ยังได้ VISA เลย ผมว่าโดยมาตรฐานแล้วเขาจะไม่หยาบคายกับผู้มาของ VISA หรอกเพราะไม่มีประโยชน์อะไรเลย เว้นแต่ว่าเป็นปัญหาโดยส่วนตัวของเจ้าหน้าที่สตรีชราชาวไทยผู้นั้น ซึ่งคงเป็นปัญหาทางสุขภาพจิต สุขภาพกาย สภาพรอบตัว ปัญหาทางบ้าน ฯลฯ ผมเคยไป USA UK ออสเตรเลีย ผมไม่เคยรู้สึกถึงการโดนเหยียดหยามจากใครต่อใครเลยจะมีบ้างก็ที่เราเป็นฝ่ายผิดระเบียบเอง ซึ่งก็ได้รับการเตือนอย่างปกติทั่วไป ตอนผมไปออสเตรเลีย เจ้าหน้าที่ ตม. ที่น่ารักมากๆ เป็นลุงสูงอายุ เขาถามผมว่าจะไปพักที่ไหน ระหว่างเขาตรวจเอกสาร เขายังเล่าให้ฟังถึงเมืองที่ผมจะไปพัก น้ำเสียงเป็นมิตรมาก ในขณะที่ทั้งขาเข้าและขาออกจากประเทศไทย ตม. ของประเทศไทย พูดและแสดงกริยาบางอย่างที่ทำให้ผม ไม่อยากมองหน้า ไม่อยากได้ยินเสียง ไม่อยากสื่อสารด้วย ทำไมครับ ทำไม ทั้งที่เขากับผมใช้ภาษาเดียวกัน มีสายเลือดร่วมเผ่าพันธุ์กัน .. ใครเหยียดเรา มันแค้นไม่เท่าคนไทยเหยียดกันเองครับ จากคุณ : นกรู้ - [ 15 ต.ค. 46 07:05:02 A:203.192.40.163 X: ]

ความคิดเห็นที่ 58 เป็นประเทศเดียว(ตอนนี้) ที่ตั้งใจไว้เลยว่า จะไม่ไปแน่นอน พบเห็นคนสถานทูตเมกาบ่อย เพราะที่ทำงานอยู่ใกล้กัน ไม่เข้าใจว่าเจ้าหน้าที่คนไทยทำไมต้องเชิดนัก ทำตัวยังกะ ว่าตัวเองเกิดในตระกูลสูง ยิ่งบางคนที่ได้สามีฝรั่งในนั้น ยิ่งโม้แหลก สำหรับเรื่องเจ้าหน้าที่ขอวีซ่า เคยไปยื่นเรื่องให้แม่เราไปเยี่ยมญาติ ก็ไม่เจออะไรที่ร้ายๆ ตอนแม่ไปสัมภาษณ์ ได้เจ้าหน้าที่ฝรั่งที่พูดไทยได้ ใจดีมากๆ สัมภาษณ์อยู่ไม่เกิน 15 นาที ก็ได้วีซ่าแล้ว แล้วทำไมเจ้าหน้าที่คนไทยถึงไม่ใจดีกะคนชาติเดียวกันมั่งหนอ จากคุณ : Guga - [ 15 ต.ค. 46 12:25:07 ]

ความคิดเห็นที่ 59 เฉพาะกับผู้หญิงหรือเปล่าครับ ผมเคยไปขอ VISA USA (ท่องเที่ยว), UK (ท่องเที่ยว), JAPAN (business), Australia (ท่องเที่ยว,เรียน,อยู่อาศัย) มา ไม่เคยมีปัญหาเลยสักครั้งครับ เจ้าหน้าที่ก็ทำตามหน้าที่ดีปกตินะครับ หรือเราไปคาดหวังอะไรจากผู้ให้บริการมากเกินไปหรือเปล่าครับ จากคุณ : Okey Dokey - [ 15 ต.ค. 46 16:32:31 ]

ความคิดเห็นที่ 60 My friend got bachelor degree with 1st honor from Chulalongkorn U.. He worked in US ambassy in BKK for 3 months, then he quit job. He didn't tell me and our friends about the reason why he quit job. I think there're lots unusual in US ambassy in BKK จากคุณ : Hello - [ 16 ต.ค. 46 02:33:49 A:146.245.185.201 X: ]

ความคิดเห็นที่ 61 ^ ^ ^ โอ้โหห ได้ตั้งเกียรตินิยมอันดับ 1 จากจุฬาแล้วไปทำงานที่สถานทูตทำไมคะเนี่ย คนในสถานทูตเป็นสถานที่ผู้มีการศึกษาแต่สติปัญญาไม่ปรกติ หมายถึงมีแต่ IQ แต่ไม่มี EQ อ่ะ จากคุณ : - -" - [ 16 ต.ค. 46 11:45:14 A:203.144.143.250 X:203.118.100.16 ]

ความคิดเห็นที่ 62 http://www.usa.or.th/embassy/amb-t.htm - ลองไปร้องทุกข์กับกระทรวงการต่างประเทศที่กรุงเทพ www.mfa.go.th เล่าไปให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้น กับใครเมื่อไร เพราะว่าก.ต่างประเทศเป็นกระทรวงเดียวที่มีสิทธิจัดการกับทางสถานทูตได้ แต่มันก็ขึ้นอยู่กับว่า ทางนั้นจะยัดใต้โต๊ะกันหรือเปล่า เท่าที่อ่านมาเข้าใจว่า แต่ละคนที่สัมภาษณ์กับผู้หญิงใส่แว่นตา ช่อง 8 จะถูกปฏิเสธวีซ่ากันทั้งนั้น ไม่เคยมีใครได้วีซ่าจากผู้หญิงคนนี้สักคน อาจเป็นเพราะว่า... มีเจ้าหน้าที่หลายคนได้ตรวจเอกสารของผู้ยื่นคำร้องขอวีซ่า และถ้าพบว่าผู้ใดเอกสารไม่ครบหรือมีปัญหา เจ้าหน้าที่คนนั้นๆ ก็นำไปให้ผู้หญิงคนใส่แว่นตาตรวจสอบมั้ง ถ้าตรวจสอบแล้วไม่มีอะไร ผู้หญิงคนใส่แว่นก็คงมอบหมายให้เจ้าหน้าที่คนอื่นดูแลและออกวีซ่าให้ แต่ถ้าไม่ผ่าน she ก็จัดการซะเอง เข้าใจว่า ผู้หญิงไทยไปขายบริการที่อเมริกากันเยอะมาก แต่จะมาในรูปแบบต่างๆกัน แล้วทางผู้ใหญ่ของสถานทูตคงจะดุ she เพราะว่า she อาจมีตำแหน่งสูงกว่าคนไทยในนั้น พอถูกเจ้านายฝรั่งดุ-ด่า she ก็เลยต้องเข้มสุดฤทธิ์ ดังนั้น she ก็เลยฟันธงไปว่าคนที่เอกสารไม่เรียบร้อย-ตุกติก ก็คือต้องการไปขายบริการ แล้ว she ก็ต้องใช้ภาษาต่ำๆสื่อสาร เพราะว่า she กำลังเข้าใจว่า พูดอยู่กับหญิงบริการที่กำลังขอวีซ่า แล้วที่ถูกปฏิเสธนี่ ถ้าจะขอวีซ่าใหม่ต้องรออีก 5-10 ปีเชียวหรือนี่ อะไรมันจะน่าเกลี่ยดแบบนั้น ตอนเราไปขอวีซ่า เมื่อ 10 กว่าปีแล้ว เราโดน 2 คน ในวันเดียวกัน ตอนแรกตอนไปเอาบัตรคิว ถูกผู้หญิงมีอายุที่ดูแลเรื่องบัตรคิว ดุเรา แต่จำไม่ได้ ลืมแล้ว ตอนนั้นโกรธสุดฤทธิ์ อีกครั้งตอนยื่นเอกสาร ผู้หญิงมีอายุต้อนรับเรา แต่ไม่รู้ว่าอะไรไม่ครบ พอถามดีๆ เค้าก็ตอบว่า ไม่ทราบคุณไปตรวจดูเอง ตอนนั้นเราอายุเพิ่ง 19 ปีเอง หน้าเด็กด้วย ตอนนั้นก็เลยไม่แน่ใจว่าจะผ่านหรือเปล่า ที่บ้านตัดสินใจจ้างทนาย เพราะว่าปัญหานามสกุลพ่อ-แม่ จ่ายไปให้ทนายแสนกว่าบาทเพื่อยื่นเรื่องที่สถานทูตอย่างเดียวเท่านั้น รอเพียง 1 อาทิตย์ ทุกอย่างเรียบร้อย นอนอยู่บ้านเฉยๆ ทนายก็โทรมาบอกว่า ให้ไปรับวีซ่าได้ พอเราได้วีซ่า เราก็ถามพ่อ-แม่ ว่าทำไมมันรวดเร็วขนาดนั้น ก็ได้คำตอบว่า ที่นั้นกินใต้โต๊ะกันเป็นว่าเล่น แต่คนที่กินเป็นฝรั่ง คนไทยกินที่เหลือจากฝรั่ง อาจเป็นเพราะกินจากที่เหลือมั้ง คนไทยแต่ละคนก็เลย ทำตัวไม่เป็นผู้เป็นคน จริงๆอยากแนะนำว่าให้หาทนายดีกว่า จ่ายไปเถอะ ยังดีกว่าให้พวกนั้นกากบาทหัวแดงบนเอกสารของเรา มันเหมือนกับว่าพวกนั้นฟันธงว่าไปขายบริการ ตอนนี้เราเป็นซิติเซ่นแล้วจ้า เพราะทนายนี่แหล่ะ แต่ยังไงก็อยากบอกว่าระวังทนายปลอมด้วยนะ เราอยู่นิวยอร์ค คนจีนบางคนมาแบบผิดกม. แต่ไปหาทนายก็ถูกกม. แล้วเป็นซิติเซ่นเลยอ่ะ เชิญร้องทุกข์ได้ http://www.nhrc.or.th/about_t_133.html http://www.rakang.thaigov.go.th/epost.asp http://www.friendthai.com/story/storyboard.asp http://www.police.go.th/complaint.htm จากคุณ : 1 - [ 16 ต.ค. 46 20:38:30 A:172.128.183.160 X: ]

ความคิดเห็นที่ 63 ช่อง 8 น่ะ แม่เราได้วีซ่า แต่เราไม่ได้ เราว่า she คนนี้ เก็บกดอ่ะ พูดจาหมาไม่ไม่รับประทาน จากคุณ : Neen - [ 16 ต.ค. 46 23:53:12 A:203.144.143.250 X:202.133.143.139 ]

ความคิดเห็นที่ 64 อีกอย่าง she น่ะ เพิ่งดูเอกสารสดๆร้อนๆ คนได้ก็มี แต่ไม่มาก แม่เราได้ ไม่เกี่ยวหรอกเรื่องเอกสารมีปัญหา เกี่ยวที่ว่า เค้ามีอคติ จากคุณ : Neen - [ 16 ต.ค. 46 23:56:14 A:203.144.143.250 X:202.133.143.139 ]

ความคิดเห็นที่ 65 i was one of them ka k. hello!! amazing huh! จากคุณ : 2nd Ave. - [ 17 ต.ค. 46 10:42:23 ]

ความคิดเห็นที่ 66 im sorry but thats not an excuse. even if you believe the person applying for the visa wants to go to america to work as an illegal sex worker, they STILL HAVE NO RIGHT TO BE RUDE. it is still a customer service (believe it or not) job. ps. last time i applied for a visa to the states was when i was 15, so i cant remember what happened. but ive been around and many many embassy/consulate staff (of many countries) in thailand and they are just plain rude. so nowadays when i ring a diplomatic mission, i speak in english. theyre much nicer for some reason. จากคุณ : cc - [ 18 ต.ค. 46 05:23:30 A:220.240.70.52 X: ]

ความคิดเห็นที่ 67 เพิ่งมานั่งอ่านอะนะ อ่านแล้วก็โมโหก่อนเลยที่คุณอ้างถึง "เด็กพาณิชย์" กับ "แม่ค้า" แต่พออ่านมาเรื่อยๆ ก็มาแก้ตัวแก้ต่างกันไป อาการของเราก็บรรเทาลงไป เราพอสรุปคร่าวๆ ได้ว่า คุณ"คนไทยคนหนึ่ง" คงเป็นลูกคุณหนูฐานะดีมั่กมาก มีแต่คนเอาใจ ไม่มีเรื่องทุกข์ใจเลย (เป็นบุญของคุณนะ)เลยไม่เคยเจอกับวาจาเช่นนี้ ซึ่งจริงๆ แล้วในสังคมมันมีจริงๆ นะคุณ แล้วก็ได้วีซ่ามาอย่างที่บอกว่าประเทศมีการแบ่งชนชั้นวรรณะ (ใช้เส้น(อำนาจ)ปะ เราไม่มีหรอกแค่อยากรู้) คุณคงไม่เคยเจออะไรที่หยาบคายขนาดนี้ อย่างเช่น รพ ของรัฐ มหาลัยเปิดแห่งนึง หรือสถานที่ใดก็แล้วแต่ ลองไปสัมผัสดูนะ จะได้ลดอารมณ์ลงได้บ้าง อย่าเอาแต่ใจ ไม่ดีหรอก มนุษย์ควรจะปรับตัวเข้าหากัน ใครมีสติกว่าก็มีความสุขกว่า --------------------- คราวนี้มาว่าของเรื่องการออกวีซ่า จริงๆ แล้วป้าแกคงตั้งใจให้คนไทยรักชาติกันมากๆ เลยพูดอะไรออกมาแรงๆ ให้คนที่ไปขอวีซ่ารู้สึกว่าไม่อยากไปประเทศอเมริกาไง แล้วก็ปากต่อปากไปเรื่อยๆ นี่เป็นกลอุบายทางอ้อมของแกเลยที่ทำให้เราชาวไทยรักศักดิ์ศรีไง แกฉลาดนะจะว่าแกไม่มีการศึกษา ขาดความอบอุ่นไม่ได้หรอก ปล. ไม่ได้เป็นอะไรกับป้าแกเลยสักนิด แต่เป็นเด็กพาณิชย์คนนึง อิอิ จากคุณ : SSL - [ 18 ต.ค. 46 10:07:45 A:172.128.6.56 X: ]

ความคิดเห็นที่ 68 ร้องทุกกับหน่วยงานของไทยไม่ได้นะคะ ไม่เกี่ยวกัน ต้องร้องเรียนโดยตรงกับสถานทูต สถานทูตอเมริกาขึ้นต่อรัฐบาลอเมริกันค่ะ แม้แต่ที่ดินสำนักงานก็ยังถือว่าเป็นแผ่นดินของสหรัฐอเมริกา หน่วยงานไทยไม่มีสิทธิก้าวก่่าย จากคุณ : yinnerella - [ 18 ต.ค. 46 22:48:44 ]

ความคิดเห็นที่ 69 แนะว่า - จ้างทนายทำเรื่องขอวีซ่า - ขอวีซ่าเข้าแคนาดาก่อน พอไปแคนนาดาก็ขอวีซ่าเข้าอเมริกา จะง่ายกว่า จากคุณ : 1 - [ 19 ต.ค. 46 04:56:06 A:172.159.70.5 X: ]

ความคิดเห็นที่ 70 มาช้าไปหรือเปล่าเนี่ย สถานทูตสวิสด้วยพูดไม่มีหางเสียงแถมมีการต่อว่าด้วย ดิฉันเลยโมโหเพราะหน้าที่การงานดิฉํนก็ดีและสุภาพกับเธอมาตลอด พยายามใจเย็นแต่ห้ามไม่อยู่ดิฉันเลยเสียงแข็งกลับไปบ้างเพื่อนที่ไปกับดิฉันคงทนไม่ไหวเธอเลยพูดดังๆว่า" ทำไมเธอพูดจาเสียงแข็งแบบนั้นก็ไม่รู้" จนฝรั่งที่ยื่นอยู่ข้างๆดิฉันหันมายิ้มและพยักหน้า เค้าฟังภาษาไทยไม่รู้เรื่องแต่คงฟังจากนำเสียงเค้าคงเข้าใจดิฉัน หลังจากนั้นเธออ่อนลงทันที เจ้าหน้าที่ที่เป็นคนสวิสทุกคนสุภาพมาก แต่ที่เป็นคนไทยนี่สิกลับไม่สุภาพเลย จากคุณ : ขอบใจ - [ 29 ต.ค. 46 04:58:39 A:194.230.235.152 X: ]