ความคิดเห็นที่ 1
ถกญี่ปุ่นแล้วเหลียวมองไทย ผ่านงานเฉลิมฉลอง 400 ปี เอโดะ หนังสือพิมพ์มติชน รายวัน (สกู๊ป-สารคดี ประชาชื่น) วันพุธที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2546 หน้า 17
ญี่ปุ่นได้รับการยอมรับว่าเป็น บิ๊กเอเชีย โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยีที่ยังคงความเป็นชาตินิยมได้อย่างเข้มข้น เพราะเหตุใด?
งานเฉลิมฉลอง 400 ปีเอโดะในโตเกียววันนี้ คือคำตอบ
คำถามยอดนิยมที่คนโดยมากมักสงสัยคือ ทำไมญี่ปุ่นจึงสามารถคงความเป็นชาตินิยมไว้ได้ ขณะที่อีกด้านหนึ่งก็ครองความเป็นผู้นำทางด้านเทคโนโลยีระดับแถวหน้า
มาโกโตะ ทาเกอุจิ ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์เอโดะ-โตเกียว อธิบายให้ฟังว่าในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นจะพบว่าญี่ปุ่นต้องเผชิญกับกระแสวัฒนธรรมจากโลกภายนอกเข้ามา 2 ช่วงใหญ่ๆ คือ ตั้งแต่ในศตวรรษที่ 8 เมื่อครั้งที่วัฒนธรรมจีนเข้ามา เราจึงเห็นความเป็นจีนที่แทรกอยู่ในวิถีชิวิตของชาวญี่ปุ่นเช่น รูปแบบทางสถาปัตยกรรม อย่างอาคารบ้านเรือนในจังหวัดรอบนอก โดยเฉพาะที่เกียวโต จะผสมผสานความเป็นจีน หรือ แม้แต่นครเกียวโตก็จำลองแบบมาจากนครฉางอัน เมืองหลวงของจีนในสมัยราชวงศ์ถัง
รวมทั้งรูปแบบของอักษรญ่ปุ่นในปัจจุบันก็มาจากการปรับประยุกต์จากอักษรจีน วัฒนธรรมจากโลกภายนอกรุกเข้ามาอีกครั้งเมื่อญี่ปุ่นเปิดประเทศรับเทคโนโลยีจากตะวันตก กระนั้นญี่ปุ่นยังคงความเป็นตัวเองอยู่ได้จนปัจจุบัน
นั่นเป็นเพราะแก่นภายในนั้นยังคงความเป็นจิตวิญญาณของคนญี่ปุ่นและเป็นเหตุผลที่ทำให้ญี่ปุ่นยังดูเหมือนคงความเป็นชาตินิยมไว้อย่างเหนียวแน่น
วันนี้ที่โตเกียวกำลังมีงาน เฉลิมฉลอง 400 ปี เอโดะ คณะสื่อมวลชนจาก 5 ประเทศ ประกอบด้วย อินโดนีเซีย อินเดีย ตุรกี บราซิล และไทย ที่ได้รับทุนสนับสนุนจากสถานเอกอัครราชฑูตญี่ปุ่นและศูนย์ผู้สือข่วต่างประเทศ ประเทศญี่ปุ่น ตามโครงการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมของศูนย์ผู้สื่อข่าวต่างประเทศ (Journalist Fellowship Program) ต่างเดินทางมาเรียนรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ร่วมกันในต่างแดน ที่ซึ่งมีภาษาญี่ปุ่นเป็นภาษาแม่และภาษารอง
บรรดาสถานที่สาธารณะต่างๆ อาทิ รถไฟใต้ดิน ร้านค้า แม้กระทั่งในรายการทีวีแทบหาภาษาอังกฤษไมได้
เมื่อก่อนเคยเข้าใจว่าเป็นเพราะความเป็นชาตินิยมของคนญี่ปุ่น ที่กระทั่งในเรื่องของภาษาที่ไม่ยอมใช้ภาษาอื่นนอกจากภาษาของตนเอง เพิ่งมาทราบเหตุผลแท้จริงอันเนื่องมาจากระบบการศึกษาของญี่ปุ่น ที่เริ่มต้นสอนภาษาอังกฤษในชั้นมัธยมต้น และมีเป็นจำนวนมากที่พอถึงชั้นมัธยมปลายก็หันไปเอาดีทางด้านการทำงานแทน คนญี่ปุ่นจึงใช้ภาษาอังกฤษไม่แข็งแรง ต่างจากคนไทยที่แม้จะเริ่มเรียน เอ บี ซี มาตั้งแต่ระดับอนุบาลด้วยซ้ำ ภาษาอังกฤษก็ยังคงอ่อนแอเป็นส่วนใหญ่
ตามท้องถนน โดยเฉพาะสองข้างทางในเขตดาวน์ทาวน์ต่างประดับด้วยช่อซากุระประดิษฐ์ และช่อเมเปิลประดิษฐ์ ไม้ดอกไม้ประดับสัญลักษณ์แห่งฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบได้ร่วงที่แสนโรแมนติกของญี่ปุ่น
โดยเฉพาะที่วัดเซ็นโซจิ ในเขตอาซากุสะ กลางกรุงโตเกียว กำลังมีงานใหญ่
อาซากุสะเมื่ออดีต ตั้งแต่กลางศตวรรษที่ 18 จนถึงสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นศูนย์กลางแห่งสรรพสิ่งอันสุนทรีย์ในโตเกียว คล้ายดังชิบุยะ กินซ่า รปปงงิ และชินจูกุที่ปราศจากแสงสี จวบจนวันนี้อาซากุสะยังคงเป็นแหล่งความสุขของคนในท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวที่มักมากราบไหว้พระ รับประทานอาหารอาหารรสเลิศ แล้วถือโอกาสจับจ่ายของที่ระลึกไปฝากกัน
ด้านหน้าวัดนอกจากจะมีคนจำนวนมากหยุดโพสท่าถ่ายรูปกับโคมใบใหญ่ที่แขวนอยู่ตรงประตูวัด ยังมีเด็กหนุ่มแต่งกายย้อนยุคคอยให้บริการรถลากเที่ยวรอบวัด ด้วยสนนราคา 1,000 เยน
อดนึกถึงวัดบ้านเราไม่ได้ อย่าง วัดไร่ขิง วัดหลวงพ่อโสธร ฯลฯ ทั้งๆ ที่เต็มไปด้วยร้านค้าเหมือนกัน แต่ให้ความต่างในความรู้สึก นั่นเพราะการออกแบบรูปแบบร้านที่สวยงามจนกระทั่งกลืนไปกับบรรยากาศของการท่องเที่ยวร้านค้าเองก็ขายสินค้าได้ขณะเดียวกันก็ดึงดูดผู้คนเข้ามาเที่ยวที่วัดแห่งนี้
ลุผ่านประตูวัด ต้องตะลึงเพราะเต็มไปด้วยฝูงชน ร้านค้าสองข้างทางเชื่อมกันด้วยหลังคาโค้งเป็นรูปโดม นอกจากร้านค้าด้านหน้าที่ขายขนม ของที่ระลึกต่างๆ นานา ไม่ว่าจะเป็นโปสการ์ด พวงกุญแจ ผ้าเช็ดหน้า เสื้อยืด ชุดกิโมโน ฯลฯ ลึกเข้าไปด้านในมุมหนึ่งจำลองแบบบ้าน ร้านรวงในสมัยเมื่อ 400 ปีก่อนมาให้คนทั่วไปได้สัมผัส แต่ละบูธมีสินค้าให้เลือกใช้บริการไม่ต่างจากรอบนอก
ทั้งยังมีการละเล่นให้ใช้บริการพอเพลินๆ เช่น ร้านยิงธนูโบราณ ประลองความแม่นยำด้วยลูกธนู 5 ดอก 300 เยน ถ้ายิงเข้าเป้าจะได้ยินเสียงร้อง ฮาตาริ
ส่วนใครที่หิว ทางขวามือ เป็นเขตของร้านอาหาร-ภัตตาคาร มีสารพัดอาหารให้เลือก แน่นอน กับบรรยากาศการตกแต่งร้านที่ไม่ใครก็ใครอดหยุดชื่นชมมิได้
จะว่าวัดเซ็นโซจิ เป็นพระเอกของงานเฉลิมฉลอง 400 ปีเอโดะ คงไม่ผิด
ปัจจุบันญี่ปุ่นมีจำนวนประชากรราว 120 ล้านคน
เราได้เห็นสิ่งที่โดยสารมากับโลกตะวันตกมากมาย อาทิ การแต่งตัวของวัยรุ่นในปัจจุบันที่ก้าวล้ำนำสมัยไม่แพ้แฟชั่นในปารีส ได้เห็นพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่อิสระ เช่น ความอิสระในการมีเพศสัมพันธ์ การใช้จ่ายที่ฟุ้งเฟ้อ เช่น การเสพติดเกม (ปาจิงโกะ)
ที่น่าหวาดหวั่นคือ การได้เห็นวัยรุ่นญี่ปุ่นจำนวนมากเข้าร้านเกม ที่มีมากกว่าสล็อต แมชชีน เกมตู้ธรรมดา ฯลฯ แต่เหมือนกับมินิ กาสิโน
จากคุณ :
Tai-Sarunya
- [
13 พ.ย. 46 15:06:59
]
|
|
|