ความคิดเห็นที่ 10
ข้างล่างเป็นข้อมูลแถมที่ต่ายหาอ่านเจอในนิตยสารชีวจิตนะคะ หวังว่าคงถูกอกถูกใจพี่ปานและคุณๆ ที่รักสุขภาพค่ะ
      
เบต้าแคโรทีนดีจริงหรือ?
มีคนเถียงกันมากเหลือเกินว่า เบต้าแคโรทีนซึ่งเป็นวิตะมิน A ชนิดหนึ่งนั้นมีประโยชน์แก้โรคต่างๆ ได้จริงหรือ นายแพทย์เด็กซ์เตอร์ มอริส และ แพทย์หญิงโจแอนน์ แมนสัน แห่งมหาวิทยาลัยแพทย์นอร์ธแคโรไลนา ได้ศึกษาเรื่องเบต้าแคโรทีนเกี่ยวกับอาการป่วยเนื่องมาจากเส้นโลหิตในสมองแตกและโรคหัวใจ แพทย์ทั้งสองลงความเห็นว่า โรคทั้งสองอย่างมีส่วนเกี่ยวข้องกับอาหาร ผัก ผลไม้ซึ่งมีสารแคโรตินอยด์ (carotenoid) อยู่ด้วย
วิตะมินเบต้าแคโรทีนจะผลิตได้จากสารแคโรตินอยด์ในผักและผลไม้ จากการศึกษาผู้ที่กินแครอทเป็นประจำได้ตัวเลขออกมาเป็นว่า จำนวนคนไข้เส้นเลือดในสมองแตกนั้น ในอัตราของประชากรต่อแสนคน สำหรับผู้ที่กินแครอทหนึ่งหัว หรือน้อยกว่าหนึ่งหัวต่อเดือน จะมีผู้ป่วยมีอาการเส้นโลหิตแตกในสมองถึง 27 คน
แต่ผู้ที่กินแครอทเป็นประจำ 20 หัว หรือมากกว่า 20 หัวต่อเดือน จะมีอาการเส้นโลหิตในสมองแตกเพียง 8.6 คนเท่านั้น (อัตราต่อแสนคน)
ในขณะเดียวกันก็ได้แจกแจงผักและผลไม้ที่มีแคโรตินอยด์ไว้ดังนี้ น้ำมะเขือเทศ (1 กระป๋อง) มีแคโรตินอยด์ 23,546 ไมโครกรัม ผักเคล (คล้ายคะน้า) มีแคโรตินอยด์ 22,610 ไมโครกรัม ผักโขม มีแคโรตินอยด์ 12,848 ไมโครกรัม มันเทศ มีแคโรตินอยด์ 15,848 ไมโครกรัม แครอท มีแคโรตินอยด์ 11,696 ไมโครกรัม ฟักทอง มีแคโรตินอยด์ 10,710 ไมโครกรัม เพราะฉะนั้นถ้าอยากได้เบต้าแคโรทีนจากธรรมชาติก็ลองกินอาหารเหล่านี้ทุกวัน (วันละอย่างก็พอแล้ว ไม่ใช่กินทุกอย่างทุกวัน)
ที่มา: นิตยสารชีวจิต ฉบับที่ 115, 16 กรกฎาคม 2546
ปล. 1. สำหรับตัวเลขต่างๆ ที่บอกว่าทานแครอทวันละกี่หัวนั้น ไม่ต้องไปซีเรียสนะคะเพราะแค่เป็นตัวเลขที่ได้จากการคำนวณทางทฤษฎี แต่ในทางปฏิบัติเราจะทานได้ขนาดนั้นรึเปล่าก็ไม่รู้ ไม่ใช่กระต่ายหนิ ที่ต้องมานั่งทานแครอทได้ทุกวัน
2. สำหรับแครอทแนะนำให้ทานก็ต่อเมื่อผ่านความร้อนมาแล้วเท่านั้นนะคะ เพราะเบต้าแคโรทีนในแครอทดิบจะไม่ถูกดูดซึมในร่างกายคนเราค่ะ
3. อันนี้สำคัญที่สุดเลย คือแนะนำให้รับประทานผักและผลไม้ทุกอย่างแบบสดๆ ค่ะ เพราะหากคั้นเป็นน้ำแล้วคุณค่าทางอาหารที่มีประโยชน์จริงๆ คงจะสูญเสียไปไม่รู้เท่าไหร่
     
ขอบคุณพี่ปานนะคะที่ถามมา เป็นโอกาสให้ต่ายได้ซ้อมปากก่อนจะสอนจริงวันพุธกับศุกร์ที่จะถึงนี้ด้วยค่ะ มีสอนเรื่องวัยทองเสียด้วย
คุณชนะสงสัยอยากจะทานน้ำเต้าหู้มาก ลองทำทานเองก็คงไม่ยากนะคะ แค่เอาถั่วเหลืองมานึ่งแล้วบดหรือโม่ แล้วก็คั้นน้ำ + กรองด้วยผ้าขาวบาง นำไปต้มฆ่าเชื้อก็ทานได้แล้วค่ะ ทำขายกับปาท่องโก๋หน้าหอก็ดีนะ ทำขายตอนหน้าหนาวนี้แหล่ะ รับรองขายดีเป็นเศรษฐี หนักได้เลยแหล่ะ
จากคุณ :
Tai-Sarunya
- [
17 พ.ย. 46 15:42:20
]
|
|
|