ความคิดเห็นที่ 2
ปกติเจ้ากระปุกฝาแดงนี่เค้าใส่มันกุ้งขายกัน แต่คุณแม่ผมอัดพุงปลาปากพนังมาให้แน่นปึ๊ก พันเทปมาหลายชั้นมาก คงเกรงว่ากลิ่นจะรั่วไหล ผมไม่ทราบว่าบ้านอื่นเค้าทำแกงพุงปลากันอย่างไร เท่าที่เห็นในกรุงเทพฯใส่ผักกันเขียวอื๋อ ทั้งถั่วฝักยาว หน่อไม้ต้ม หัวมัน และน้ำแกงใสแจ๋ว ต่างจากที่คุณแม่ผมทำมาก คุณแม่จะเริ่มจากเลือกพุงปลาจากเจ้าประจำที่รู้ใจกัน มักจะผสมระหว่างพุงปลาช่อนกับปลาทู เครื่องแกงของคุณแม่ประกอบไปด้วย พริกขี้หนูสดไม่ต่ำกว่าหนึ่งขีด ตะไคร้สามต้น กระเทียมสิบกลีบ ขมิ้นราวสองท่อนเล็ก ๆ เกลือหนึ่งส่วนสามช้อนโต๊ะ เอามาปั่นหรือตำให้เข้ากันละเอียดดี หลังจากนั้นคุณแม่ก็เตรียมย่าง ปลาแล้วแกะเอาแต่เนื้อเตรียมไว้ กุ้งสดแกะเอามาสับให้ละเอียดอีกหนึ่งถ้วย ส่วนพุงปลาหรือไตปลาคุณแม่ตักมาสองช้อนโต๊ะแล้วต้มกับน้ำราวหนึ่งในสี่ลิตรจากนั้นก็กรองเยื่อกากออกด้วยกระชอนกับผ้าขาวบาง น้ำไตปลาที่กรองได้คุณแม่ใส่หม้อตั้งไฟ และละลายเครื่องแกงลงไป ปล่อยให้เดือดพักใหญ่ เติมเนื้อกุ้งสับ และเนื้อปลาย่างแกะ รอให้เดือดอีกครั้งแล้วยกลงโรยหน้าด้วยใบมะกรูดฉีก แกงพุงปลาบ้านผมไม่ใส่กะทิ ไม่เติมผัก ไม่มีลูกหัวครก หรือยาร่วง หรือที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่าเม็ดมะม่วงหิมพานต์ เพราะถ้าใ่ส่สิ่งเหล่านี้ลงไปจะทำให้แกงพุงปลาเสียรส คือเปรี้ยวเร็วเก็บไว้ไม่ได้นาน อีกอย่างคนใต้ทานแกงแนมกับผักสดพื้นบ้านมากมายอยู่แล้ว จึงไม่ต้องใส่ผักลงไปในแกงให้ เสียวิตะมินด้วยความร้อน แต่วันนี้ผมจะพลิกแพลงเครื่องปรุงคุณแม่สักหน่อย โดยใส่ลูกเกาลัดลงไปด้วย เพราะผมชอบทานมาก
หมายเหตุ คุณพวงร้อยครับ น้ำบูดูทำจากปลาสดสับเป็นชิ้น ๆ แล้วหมักเกลือครับ กรรมวิธีในการหมักและปริมาณเกลือ ที่ใช้แตกต่างกันตามวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์ แต่ที่เราทานกับข้าวยำแล้วออกรสหวานเพราะเค้าปรุงรสด้วยน้ำตาลปีบ ตะไคร้ มะกรูด ข่า หอมแดง ขมิ้นเวลาแกงคนใต้ไม่ใช้ขมิ้นผงครับ เขาว่ากันว่ากลิ่นมันผิดกัน จะใช้ขมิ้นสดปอกเปลือกออก หั่นเป็นแว่น ๆ แล้วตำให้ละเอียดหรือจะปั่นแบบแม่บ้านสมัยใหม่ก็ได้ครับ แถมการปรุงน้ำบูดูเป็นน้ำราดข้าวยำให้คุณแม่พี่ลิงครับ อาหารที่ขึ้นชื่อของชาวใต้ จนดูเหมือนจะกลายเป็นสัญลักษณ์อาหารปักษ์ใต้อีกเมนูหนึ่ง จะอร่อยหรือไม่อร่อยขึ้นอยู่กับน้ำบูดูเป็นสำคัญ น้ำบูดูมีรสเค็ม เวลาจะนำมาใส่ข้าวยำ ต้องเอาน้ำบูดูมาปรุงรสก่อน จะออกรสหวานเล็กน้อยแล้วแต่ความชอบ เครื่องปรุง ข้าวสวย 1/2 ถ้วย กุ้งแห้งป่น 3 ช้อนโต๊ะ มะพร้าวหั่นฝอยคั่วจนเหลืองกรอบ 3 ช้อนโต๊ะ พริกขี้หนูคั่วป่น 2 ช้อนโต๊ะ ผัก ถั่วงอกเด็ดหาง , ตะไคร้หั่นฝอย , ใบมะกรูดอ่อนหั่นฝอย , มะม่วงดิบหั่นเส้นเล็ก , ถั่วฟักยาวหั่นฝอย , มะนาว เครื่องปรุงน้ำบูดู น้ำบูดู 3 ช้อนโต๊ะ น้ำ 1 1/2 ถ้วย ปลาอินทรีเค็ม 1 ชิ้น น้ำตาลปีบ 1 ถ้วย ตะไคร้หั่นท่อนสั้น 1 ต้นใบ มะกรูดฉีก 3 ใบ, ข่ายาว 1 นิ้วทุบพอแตก , หอมแดงบุบพอแตก
ทำน้ำบูดูโดยการต้มปลาอินทรีเค็มจนเปื่อย แกะเอาแต่เนื้อใส่หม้อ เติมน้ำบูดู น้ำ แล้วตั้งไฟ
ใส่หอมแดงทุบ ตะไคร้ ข่า ใบมะกรูดฉีก น้ำตาลปีบ ต้มต่อจนน้ำบูดูข้น ชิมให้มีรสเค็มนำหวานตาม จัดเสิร์ฟโดย ตักข้าวใส่จาน ใส่มะพร้าวคั่ว กุ้งแห้งป่น และผักทั้งหมดใส่อย่างละน้อย พอคลุกรวมกันแล้วจะมากขึ้น ราดน้ำบูดู ปรุงรส ด้วยมะนาว เคล้าให้เข้ากันดีรับประทานได้
แก้ไขเมื่อ 09 ม.ค. 47 01:41:07
แก้ไขเมื่อ 08 ม.ค. 47 06:22:02
แก้ไขเมื่อ 08 ม.ค. 47 06:15:25
แก้ไขเมื่อ 08 ม.ค. 47 06:12:25
แก้ไขเมื่อ 08 ม.ค. 47 06:11:16
จากคุณ :
วรวรัญชน์
- [
8 ม.ค. 47 05:55:01
]
|
|
|