ความคิดเห็นที่ 1 .......จนพอเราคลอดลูกได้ประมาณ2อาทิตย์ น้าส้มเลยอยากมาเยี่ยม เราเองไม่ปฎิเสธอยากมาก็มาซิ.. น้าส้มถามว่าอยากกินอะไรหรือเปล่า เดี๋ยวน้าทำไปให้ เราเองหลงดีใจ เอ๊ะน้าแกใจดีอะไรว่ะจะทำอาหารมาให้เรากินด้วย....น้าส้มทำอาหารมาให้หลายอย่างหลังจากทานอาหารเสร็จแล้ว น้าส้มเลยพูดว่า เนี่ยนะถ้าน้าไม่ทำอาหารมาให้เราคงไม่มีปัญญาทำกินหรอก. โห....เรานึกว่าหูเราเพี้ยนนะเนี่ย.เราเลยบอกไปว่าไม่ใช่ไม่มีปัญญาหรอกน้า แต่ไม่มีเวลามากกว่า น้าส้มเลยบอกว่า ก็นั่นแหละไม่มีปัญญาทำนั่นแหละ...ไม่มีปัญญากับไม่มีเวลา มันคนละอันเลยนะ. แหม.....น้าส้มทำกับข้าวเก่งๆแบบนี้น่าจะทำมาให้เพื่อนๆห้องแม่บ้านดูดีกว่าว่าม่ะ.....เวงกรรมของเราจริงๆเจอคนแบบนี้เข้า...........น้าส้ม ได้เป็นคนสอนทำอาหารไทยในแถวๆที่เราอยู่อ่ะ แต่เนื่องจากสังขารไม่อำนวยน้าส้มเลยต้องเดินทางไปพบแพทย์อยู่บ่อยๆ.การสอนทำอาหารเลยต้องหยุดไป แต่ก็ยังมาพูดให้เราฟังอีกว่า...ดูซิน้าไม่ไปสอนทำอาหารก็ไม่มีหมาตัวไหนไปเป็นคนสอนเลย.. พูดประมาณว่าน้าส้มเนี่ยนะเก่งงงมากในเรื่องการทำอาหารไทย...(โถ เก่งแบบนี้ทำไม ไม่เปิดร้านอาหารไทยไปซะเลยเล่า จะได้ไม่ต้องไปเสียเวลาสอนชาวบ้านเค้า) และแล้วเราน้าส้มก็เข้ามายุ่งเรื่องของเราอีกจนได้.คอยถามเราตลอดว่า เมื่อไหร่จะไปเมกา ล่ะ ได้ผัวเป็นคนเมกาแต่ไม่เคยไปเมกาเนี่ยเล่าให้ใครฟังเด๋วเค้าจะหัวเราะเอาน๊า (หวังดีกับเราอีกตามเคย....เจือกนั่นแหละ)เราเลยบอกว่ายังไม่พร้อมที่จะไปค่ะลูกยังเล็กอยู่. ....น้าส้มเลยบอกว่า ลองไปดูบ้างซิไปดูว่าบ้านเมืองเค้าเป็นยังไง.เฮ้อ น้าส้มหวังดีกับเราจริงๆช่ายม่ะ และอีกอย่างบ้านน้าส้มเนี่ยจะมีการมิทติ้งบ่อยมาก ส่วนคนที่ไปก็จะเป็นเมียฝรั่งทั้งหลายแหล่ที่อยู่แถวๆนี้นี่แหละ..เราเคยไปเหมือนกัน(หลวมตัวไปนั่นแหละ)แต่การพูดคุยหนีไม่พ้นเรื่องนินทาคนโน้นคนนี้ให้ฟัง และการอวดรวยแต่งองค์ทรงเครื่องทองหยองใส่ไปอวดกัน. เจอแบบนี้ครั้งต่อไป น้าส้มโทรมาชวนเราไปอีกเราบอกว่าไม่ว่างค่ะ ต้องเลี้ยงลูก.. หลังจากนั้นน้าส้มเลยไม่โทรมาอีกเลย.แกคงจะเอาเราไปนินทาอีกตามเคยว่าไม่ยอมเข้ากลุ่มไม่คบค้ากับใคร.. และเรื่องนินทาคนอื่น น้าส้ม จะเล่าให้ผัวแกฟังและผัวน้าส้มก็จะเอามาเล่าให้สามีเราฟังอีกและสามีก็มาเล่าให้เราฟังอีก. โอ้ยยยยยย......ไม่อยากฟังเลยค่ะ เรื่อง กอสซิบคนอื่นเนี่ย.เมื่อเร็วๆนี้ สามีเรานัดกับสามีน้าส้มว่าจะไปที่ร้านขายของไทยแห่งหนึ่ง แต่น้าส้มเคยไปมาแล้วรอบหนึ่งแต่จำทางไม่ได้ ทีนี้สามีเราเลยต้องเป็นคนนำทางไป. เราเองนึกว่าผัวน้าส้มจะขับรถไปเองที่ไหนได้นั่งคันเดียวไปกับเรา เบาะหลังของรถสามีเราก็มี เบบี้ ซีทอ่ะนะ ให้ลูกเรานั่งส่วนเบาะหน้า ผัวน้าส้มนั่งไป เราเลยต้องนั่งเบียดกับน้าส้มเบาะหลัง แย่จังเลยค่ะ.....อยากหนีไปให้พ้นคนแบบนี้จังเลยค่ะ พยายามไม่ไปข้องแวะด้วยแต่ก็หนีไม่พ้น...เพราะว่าสามีทำงานร่วมกันกับสามีน้าส้ม.... ....ขอบคุณแม่บ้านทุกท่านค่ะที่ทนอ่านจนจบ... ใครมีอะไรจะชี้แนะยินดีรับฟังอย่างเต็มใจค่ะ.... จากคุณ : แม่ลูกหนึ่ง - [ 5 เม.ย. 47 15:55:43 A:218.145.25.119 X: ]

ความคิดเห็นที่ 2 เฮ้อออออออ......ออ มาช่วยถอนหายใจค่ะ จากคุณ : บัวชมพู๊ชมพู - [ 5 เม.ย. 47 20:49:14 ]

ความคิดเห็นที่ 3 คุณแม่ลูกหนึ่งคะ ตกลงคุณ ไม่ใด้อยู่ที่เมกาหรอแล้วคุณอยู่ที่ไหนคะ เพื่อนรว่มงานหรือหัวหน้างาน ถ้าเลี่ยงไม่ใด้จริงๆ เราก็ พยายามถนอมคำพูดเราไว้ แบบถามคำตอบคำคะ เขาก็ จะเบื่อเราไปเอง คือ ถ้าเขาจะนินทาเรา ต่อไห้เรานั่งเฉยๆเขาก็ นินทาใด้คะ เช่น ดูซิ ทำดัจริต แหม ทำเป็นนั่งวางมาดซะ นี่เจอมาแล้ว คะ ทั้งๆที่ไม่รู้จักจะไห้เราไปทักอย่างไรเล่า จากคุณ : ชมพู่สีชมพู (ชมพู่สีชมพู) - [ 5 เม.ย. 47 20:53:07 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ส่วนความเห็นของดิฉัน นะคะ คือ ตอนที่มาอยู่ญี่ปุ่นใหม่ ๆ ไม่มีเพื่อนคนไทย ก็เลยหลงไปคบรุ่นพี่คนไทยคนนึงที่มาอยู่ก่อน เค้าก็เป็นทั้งประโยชน์และโทษในเวลาเดียวกันน่ะแหละค่ะ.. แต่การใช้ชีวิตในต่างประเทศโดยเฉพาะช่วงที่มีลูกอ่อน เหนื่อยล้า, หงุดหวิดง่าย, ถือสาคำพูดคนเอามาก ๆ ขี้น้อยใจง่าย, เคืองง่าย ไม่ทราบว่า ฮอร์โมน มีส่วนด้วยรึเปล่า หรือ พักผ่อนไม่พอ..(เดี๋ยวนี้ พอย้อนกลับไปคิด ก็ รู้สึกอาย ว่า ตัวเอง บ้ำๆบอๆ ไประยะนึงน่ะ) ชีวิตใหม่ในต่างแดน ควรจะมีพรรคพวกคนไทย ไว้ชี้แนะ เช่น เรื่องการเลี้ยงลูก ข่าวสารต่าง ๆ ที่ยังไม่ออกมาเป็นทางการ แต่ได้รู้ไว้เตรียมพร้อมก่อน ซึ่ง มันต้องแลกกับ ความเป็นส่วนตัวพอสมควร.... ไง ๆ ก็ น่าจะอดทน มองในมุมอื่น ๆ ไว้มั่งในส่วนที่พอจะดูดีเหลืออยู่ (ไม่ได้เข้าข้างเค้านะ ..แต่อย่างน้อย เค้าก็ทำอาหารไปให้คุณทานที่ร.พ. แหละน่า..ความรู้สึกของผู้ให้และผู้รับนั้น ไม่เหมือนกัน ..ถึงแม้ไม่มีเวลาทำเอง ก็เรียกได้ว่า ไม่มีปัญญาทำได้นะ-เฉพาะในช่วงนั้น- ก็เท่านั้น จะอะไรกันนักกันหนากับคำพูดย้วย ๆแบบนั้นของคน.. แม้แต่แม่ของตัวเอง หรือ แม่สามี เราก็มีสิทธิ์ หงุดหงิด ทำ-พูดไม่เข้าหูเราได้ นับประสาอะไรกับคนอื่น ..ก็เค้าเสียเวลา และเสียตังค์ทำของมาฝากเรานิ) บางที กว่าจะมาถึงวันนี้ ชีวิตน้าเค้า อาจจะอาภัพต้องผ่าน เรื่องโหด ๆ หรือ การแก่งแย่ง มาเยอะ พอมีจังหวะชีวิต ที่เริ่มดีอยู่ตัว ก็ อยากได้รับการยอมรับ(ซึ่งอาจจะมากไปหน่อย จนกลาย เป็น ชอบยกหางตัวเอง..) ชอบฟังการยกยอ เรื่อง วีรกรรมความสามารถของตน จากคนใกล้ตัว แล้วอาจจะเผลอ ถือโอกาส พูดเหยียบคน นั้น ไปในตัวด้วยเหมือนกัน .. มันก็น่าเจ็บใจอยู่หรอก...แต่ ห้ามถือสา อยากจะแนะนำว่า ไม่มีใครชอบอยู่ใกล้คนแบบนี้ แต่ก็ต้องรักษามรรยาท เออ ออ หยวน ๆ ตามไปด้วย ถ้า เรื่องที่พูดนั้นไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไร ก็ อย่าไปแย้ง อย่าสร้างศัตรู.. โดยเฉพาะสามี ทำงานในที่ ๆ สามีน้าคนนั้นแกเป็นใหญ่อยู่ และ เห็นว่า สามีคุณ ได้รับความเอ็นดูจากทางฝ่ายนั้นพอสมควร ก็ นับว่าโชคดีที ไม่ต้องเห็นสามี โดนกดดันจากเรื่องที่ทำงานแล้ว พาลพลอยมาหงุดหงิดใส่ครอบครัว ยิ่งลูกเล็ก ถึงจะน่ารัก แต่ก็มาพร้อมกับ ภาระใหญ่ ..เสียงร้องเด็กทำให้ ผู้ใหญ่ รู้สึก พักผ่อนไม่พอ และ หงุดหงิดได้ง่ายเช่นกัน (ดิฉันเลี้ยงลูกเองในต่างแดน รู้ว่า ลำพังสามีคนเดียวเป็นที่พึ่งให้เราไม่ได้ทุกเรื่อง ดี ๆ ชั่ว ๆ เพื่อนผู้หญิงไทยด้วยกัน ก็หลุดๆ อะไรมาให้ได้คิดเหมือนกัน..) น้าคนนี้ อายุคงจะคราวแม่ คงเห็นคนมาเยอะ แกอาจจะมองสีหน้าแววตาคุณออกนะ.. ระวังเก็บความรู้สึกให้มิด...แม้ใจเราไม่ยอมรับเอาเค้าเป็นต้นแบบ มันจะยิ่งทำให้เค้ารู้สึกอยากเอาชนะมากขึ้น จากคุณ : กุ้งใหญ่ - [ 5 เม.ย. 47 22:59:51 A:219.1.112.41 X: ]

ความคิดเห็นที่ 5 ขอต่ออีกหน่อยค่ะ กำลังติดลม อยู่ต่างประเทศ ลด ๆทิฐิลงบ้าง ถึงคิดถูก-ทำถูก แต่ถ้าไม่เข้าตาคนที่มีอิทธิพลมากกว่า ก็มีสิทธิ์ โดนรังแกได้ อย่าได้ถือสา ที่เค้าไม่ยอมบอกคุณเรื่องงานของสามีเลย ณ.ตอนนั้น คุณและสามี ไม่ได้มีประโยชน์อะไรให้เค้าถึงขนาดนั้น (เป็นธรรมดา ที่คนส่วนใหญ๋ไม่อยากให้เพื่อนได้เข้าไปทำงานที่เดียวกับตน -สามีตน-..อาจจะกลายเป็นคู่เปรียบเทียบ..หรือ เดี๋ยวจะรู้จริงมากเกินไป..โม้ไม่ถนัด ฯลฯ) อย่ามัวเสียอารมณ์กับมารผจญความรู้สึกเลยค่ะ เก็บความรู้สึกดี ๆ ที่ได้มี ลูกตัวน้อยน่ารัก ,มีสามีที่สามัคคีกัน ,มีสุขภาพ และ ความเป็นอยู่ที่ดี ในช่วงนี้ของชีวิตไว้ดีกว่าค่ะ(แม้มันจะทำใจยากส์ ..) รอเอาไว้ ให้สามีคุณ เก่งงาน เชี่ยวชาญ ปีกกล้าขาแข็ง แล้ว ค่อย ขยับขยายไปทำในที่ดียิ่งๆ ขึ้น..ไม่มีใครย่ำอยู่กับที่ตลอดไป.. ช่วงนี้ ให้เค้าทำงานให้เต็มที่ ด้วยความปลอดโปร่งใจ เจ้านายรัก ก็มีโอกาสก้าวหน้า... หวังว่า ความเห็นของดิฉันคงไม่ขัดความรู้สึกคุณนะคะ ........ขอเอาใจช่วยอย่างจริงใจ....... ปล. ดิฉันก็ไม่เคยเป็นกาหลี่ค่ะ แล้วรู้สึกเซ็งกับคำนี้มาก ๆเวลาอยู่ในต่างแดน...แต่ไม่ได้รังเกียจคนพวกนี้ เพราะเท่าที่เคยเห็น ..พวกเค้าส่วนใหญ่ กตัญญู บิดามารดา และ รับผิดชอยครอบครัวสูง อยากให้ครอบครัว มีความเป็นอยู่อย่างสบาย ยอมเสี่ยงไปตายเอาดาบหน้าคนเดียว...แล้วรู้สึกเห็นใจที่บางคนไม่ประสบความสำเร็จ ดังที่ตั้งใจไว้... จากคุณ : กุ้งใหญ่ - [ 5 เม.ย. 47 23:04:36 A:219.1.112.41 X: ]

ความคิดเห็นที่ 6 อีกทีนะคะ จากประสบการณ์ ของคนประเภท ชอบทำสลึง แต่คุย บาท (ทำน้อย แต่ เว่อ เกินความจริง หรือ ทวงบุญคุณเยอะ) เนี่ยะ ชอบคำยกยอ มากค่ะ ....ลองทวนดู ว่า เราแสดงความรู้สึกทราบซึ้ง ในบารมี เค้าน้อยไป รึเปล่า... จากคุณ : กุ้งใหญ่ - [ 5 เม.ย. 47 23:13:37 A:219.1.112.41 X: ]

ความคิดเห็นที่ 7 รู้จักสาวไทยคนหนึ่ง ที่คนเยอรมันรับเขาเป็นแฟน สาวไทยนั้นทำงานอาชีพกะ... ก็จริง แต่เขาไม่เรื่องมาก ขยัน ทำงาน ไม่เหมือนสาวไทยที่ไม่ใช่กะ..... นะคะ หลังจากได้คุยกับเขาแล้ว สาวไทยอาชีพแบบนั้นจะไม่มานั่งคิดเรื่อง จุกจิก เปรียบเทียบตนเวอร์ เพราะเขาต้องนึกถึงการทำงานหาเงินเลี้ยงปากท้องเขา (((นอกจากบางคนที่มีพื้นฐานนิสัยความเป็นอยู่ที่ต่ำจริงๆ ก็คงมีสัยไม่ดีเลยถูกตราหน้าว่าเป็นกะ....))) จนบางครั้ง ไม่อยากจะลบหลู่อาชีพ กะ... เพราะคนที่ไม่ใช่ ก็ใช่ว่าจะทำตัวดีไปกว่าผู้หญิงเหล่านั้น เท่าที่เห็นๆมา ความีน้ำใจยังมีแฝงอยู่ในตัวคุณป้าท่านนั้น เพียงแต่คุณป้าไม่ใช่สเป๊คเพื่อนสไตล์ที่คุณอยากให้เหมือนๆคุณ... อย่าคิดว่าคุณป้านั้น อ่านคุณไม่ออกนะคะ เขาวางตัวดีกว่าคูณ ตรงที่เขามีเหนือกว่าคุณในบางเรื่องค่ะ ชีวิตของคุณเพียงแค่เริ่มต้น ไว้รอให้ถึงวัยคุณป้า คุณก็คงไม่คิดแตกต่างไปจากคุณป้าท่านนั้นเท่าไรหรอกค่ะ โทษนะที่ไม่เขียนเออ ออไป ด้วยทุกอย่าง มองต่างมุม จากประสบการณ์ที่ผ่านพบ จากคุณ : JidNince - [ วันจักรี 00:09:19 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ขอมานั่งฟังประสบการณ์ด้วยคนค่ะ ขอแสดงความเห็นใจกับทุกท่านที่พบเจอคนประเภทต่าง ๆ อย่าเก็บไปใส่ใจเลยค่ะคนแบบนั้นไร้สาระค่ะ ไร้สาระค่ะ กรณีคุณแม่ลูกหนึ่งก็ขอให้ทำใจให้สบาย เฉย ๆ เข้าไว้ ใครจะว่าอะไรไม่เห็นต้องไปแคร์เลยค่ะ ถ้าเราแคร์คนอื่น แคร์ว่าเขาจะว่าอะไร คิดอะไร นินทาอะไร จะทำให้เราไม่สบายใจ กลุ้มใจเปล่า ๆ ถ้าเราไม่เป็นอย่างที่เขาว่า ยังไงเราก็ไม่เป็น ความจริงก็คือความจริงนะคะ ตัวเองโชคดีนึดนึงไม่ค่อยได้เจอคนไทย ไม่วุ่นวายดี เพื่อนคนไทยมีน้อยและอยู่คนละรัฐนานนานคุยกันที ตัวเองเป็นคนชอบสันโดษไม่ชอบสมาคมเท่าไร ก็มีแว๊บ ๆ มาห้องแม่บ้านเนี่ยล่ะคะ มาแอบดูอาหารไปทำกินบ้าง แอบมานั่งฟังเขาคุยกันบ้าง ไปตามเรื่อง ว่าไปแล้วต้องก่อนนะคะ จากคุณ : bs (blabla) - [ วันจักรี 03:42:14 ]

ความคิดเห็นที่ 9 .คุณบัวชมพู๊ชมพู ขอบคุณมากค่ะที่แวะมาช่วยถอนหายใจ ถึงจะไม่ออกความเห็นใดๆแต่เราดีใจค่ะที่คุณแวะเข้ามา... คุณชมพู่สีชมพู เราอยู่แถบเอเชียค่ะ จริงอย่างคุณว่าค่ะ คนมันจะนินทาต่อให้เรานั่งเฉยๆก็โดนว่าได้ค่ะ...ไอ้เรื่องถนอมคำพูดเนี่ยจะพยายยามค่ะ...ขอบคุณมากเลยค่ะที่สละเวลามาอ่าน ...เมนูเป็ดน่าทานมากกเลยค่ะ... คุณกุ้งใหญ่ เรื่องทำอาหารมาให้ทานตอนที่เราคลอดลูกอันนี้ทำมาให้ที่บ้านค่ะ ..ทานเสร็จแล้วยังนินทาเรื่องคนโน้นคนนี้ให้ฟังอีกค่ะแถมยังบอกอีกว่าเล่าให้ฟังแล้วก็เหยียบไว้ตรงนี้เลยนะ..เราไม่อยากฟังเรื่องนินทาชาวบ้านที่บ้านน้าส้ม แต่น้าส้มยังหวังดีหอบมานินทาบ้านเราอีก..... เรื่องที่เหนือกว่าเรานั้นเห็นท่าจะจริงค่ะ คุณกุ้ง เพราะว่า น้าส้มเล่าให้ฟังว่าน้าปลูกบ้านสองชั้นที่เมืองไทย(พร้อมกับเอารูปบ้านมาให้ดูด้วย)กะจะเอาไว้อยู่ตอนแก่สองคนผัวเมีย ช่ายซิเรากับสามีพึ่งจะเริ่มต้นจะมีเงินที่ไหนไปปลูกบ้านเหมือนน้าส้ม ตรงนี้แหละค่ะทีน้าส้มเลยอวดได้.....เราเองไม่ค่อยจะมีอะไรไปเซ่นไหว้น้าส้มค่ะ(ประจบ)ตรงนี้ล่ะมั้งเค้าเลยไม่บอกเรื่องงานที่สามีเค้าต้องการคน ....... ....ญไทย คนใหม่เข้ามาอยู่ที่ เมืองเดียวที่เราอยู่ เธอยังโดนนินทาเลยค่ะแต่เราไม่บอกเธอหรอกเราไม่ใช่หอกระจายข่าวค่ะเก็บไว้ในใจตลอด..เรื่องมีอยู่ว่า ...ญไทยคนนี้ต้องการจดทะเบียนสมรสที่เมืองนอก แต่ต้องการคนช่วยนั่นก็คือไม่พ้นน้าส้มอีกจนได้....น้าส้มเอามาเล่าให้เราฟังอีกตามเคยว่า..มันบอกว่าเรียนจบมา ป.ตรีมาจากเชียงใหม่ เรียนมาขนาดนั้นทำไมโง่เหมือนควาย หรือว่ามันจบมาจากหลังควาย และผัวมันก็เป็นครูสอนอยู่โรงเรียนแถวนี้ ทำไมมันช่างโง่จริงๆแค่เรื่องจดทะเบียนมันยังไม่รู้เลยว่าต้องไปทำที่ไหน น้าเลยต้องจัดการให้มันพามันไปที่เขตทำเรื่องจดทะเบียน.....เฮ้อ น้าส้มนี่เก่งจริงๆ..คุณกุ้งว่าจริงไหมล่ะคะ คุณJidNince ไม่เป็นไรค่ะคนเราความคิดไม่เหมือนกันค่ะ คุณแสดงความคิดเห็นแบบนี้แหละดีแล้วค่ะตอบตรงดี คุณ bs จริงอย่างคุณว่าค่ะ อย่าไปใส่ใจเลยค่ะกับคนแบบนั้น.อิจฉาคุณจังเลยค่ะที่เมืองที่คุณอยู่มีเพื่อนคนไทยน้อย..เมืองที่เราอยู่คนไทยมีมากค่ะเจออย่างน้าส้มเข้าไปเราเองไม่เปิดใจคบเพื่อนใหม่อีกเลยค่ะ บอกตรงๆค่ะว่ากลัว.... จากคุณ : แม่ลูกหนึ่ง - [ วันจักรี 08:13:02 A:220.73.165.142 X: ]

ความคิดเห็นที่ 10 ดิฉันมีเพื่อนที่เป็นสาวบาร์มาก่อนค่ะ ดิฉันรู้จักแกผ่านเพื่อนฝรั่งแฟนแกเพราะเค้าอยากให้ดิฉันแปลเอกสารเป็นไทยให้ ก่อนหน้านี้เคยต่อโทรศัพท์เป็นล่ามให้แกคุยกับแฟนอยู่บ่อยครั้ง จนเอกสารเสร็จสมบูรณ์ จนได้เจอกันกับแกค่ะ ดิฉันไม่เคยรังเกียจพี่คนนี้เลย เพราะแกเป็นคนดี ถึงแกจะมีอาชีพนี้ก็เพราะแกไม่มีทางเลือก บางคนอาจคิดว่า ต่อให้อดตายยังไงก็จะไม่มีวันไปขายตัว ขอโทษเถอะค่ะ พ่อแม่ไม่สบาย ผัวทิ้ง ลูกอีก 2 ความรู้ไม่จบป.6 ดีด้วยซ้ำ จะทำอะไรกิน งานโรงงานแกก็เคยทำมาแล้วแต่แกมีพี่สาวที่เคารพกันแต่งงานกับฝรั่ง (คนนี้ไม่ได้ทำงานบาร์) แล้วแกมีเงินร่ำรวย มีบ้านช่อง ที่ดินเยอะแยะ ใครมันจะไม่อยากแต่งงานกับฝรั่งล่ะคะ ถ้าเลือกได้ แกก็อยากมีชีวิตอย่างนี้บ้าง ป.ล ที่ร่ายซะยาวก็อยากจะบอกว่ากรุณาอย่ามองสาวบาร์เป็นพวกไม่ดีหรือต่ำต้อยเลยค่ะ มันก็เป็นอาชีพหนึ่งที่สุจริตแค่นั้นเองแต่ว่าต้องเอาตัวเองเข้าแลก หญิงไทยที่ดิฉันเจอที่นี่ ขอบอกว่า 50 เปอร์เซ็นขึ้นไป เคยทำงานบาร์มาก่อน แต่ก็ไม่มีใครบอกหรอกค่ะ ว่าเคยทำ ส่วนมากจะบอกว่าทำงานเสริฟ แค่นั้นเอง เพราะอะไรคะ เพราะว่าเค้าอายไงที่จะบอกว่าเค้าเคยทำ และดิฉันก็ไม่ชอบที่จะรู้เรื่องของชาวบ้านว่าอดีตเค้าทำอะไรมาก่อน คนไทยมักจะดูถูกคนที่ต่ำต้อยกว่า เลิกซะเถอะค่ะ จากคุณ : ออน - [ วันจักรี 08:17:52 A:66.75.144.39 X: ]

ความคิดเห็นที่ 11 ป.ล พูดมาอาจไม่ตรงประเด็นคุณแม่ลูกหนึ่งนะคะ แต่ว่าน้อยใจแทนคนทำงานประเภทนี้น่ะค่ะ ส่วนเรื่องน้าส้มนั้น ก็ปล่อยให้แกพล่ามไปเถอะค่ะ คุณก็นั่งฟังเฉย นึกเสียว่านั่งฟังละครน้ำเน่าเน๊อะ จากคุณ : ออน - [ วันจักรี 08:21:34 A:66.75.144.39 X: ]

ความคิดเห็นที่ 12 I think what Khun "Kung Yai" said is quite real and it is what really happened in life. If I were you I know I would be so upset too, but like people say that you can't win them all (Dai Yang Sia Yang). I wish you can get through this with minimal stress ka' จากคุณ : A Thai (A Thai) - [ วันจักรี 08:38:08 ]

ความคิดเห็นที่ 13 คุณแม่ลูกหนึ่งคะ คุณนี่ดื้อ จริง ๆ ..เป็นน้องสาวล่ะก็หยิกไปแล้วน่ะ... ดิฉันไม่มองจุดที่เค้าเหนือกว่าคุณในเรื่องสมบัติส่วนตัวที่พวกเค้ามีหรอกค่ะ มันธรรมดาเกินไป...(นิสัยแบบนี้ ที่ไหน ๆ ก็มีจนเกลื่อน เราไม่น่าจะไปบ้าจี้ ตามนะ) ที่ดิฉันหมายถึง คือ ตำแหน่งงานหน้าที่ของสามีน้าส้ม ที่แกเป็นหัวหน้า สามีคุณต่างหาก.... อย่าลืมว่า คุณน่าจะดีใจที่สามีได้ทำงานที่เค้าถูกใจ (ไม่มีงานที่ไหน ดีเต็มร้อยไปหมด แค่ไม่ฝืนความรู้สึกไปทำก็นับว่าดีแล้ว..ยิ่งช่วงนี้ เศรษฐกิจโลกตกต่ำไปทุกหัวระแหงอยู่ด้วย) แล้วเรื่องแค่นี้ คุณจะปั้นหน้าช่วย สนับสนุน ทั้งในบ้านและนอกบ้าน(ที่ทำงาน)ไม่ได้เชียวเหรอคะ ...ไม่ได้อาศัยอยู่บ้านเดียวกันกับพวกเค้าซักหน่อย แล้วอย่าพาลนำเรื่องอื่นที่ไม่พอใจมาปะปนกับเรื่องนี้ นะ เรื่องไม่ถึงตาย แต่ถ้าขืนยัง มีอคติ ต่อภรรยาเจ้านายสามี มีสิทธ์ อดตาย และ บ้านแตก ถ้าเศรษฐกิจยังไม่อยู่ตัวดี... ((แม้เงินเดือนที่สามีรับมา มันไม่ได้มาจากกระเป๋าพวกเค้าก็จริงอยู่ แต่ทางบริษัทก็ไว้ใจ ให้สามีน้าส้มดูแลแทนนะ...เค้าย่อมมี อำนาจพอสมควร.. อย่าลืมว่า แม้สามีจะทำงานเก่ง เข้ากับเพื่อนร่วมงานได้ดี แต่การพิจารณาเลื่อนขั้น หรือ ขึ้นเงินเดือน ของสามี จะต้องมาจาก การยินยอมหรือ สนับสนุนจาก หัวหน้าฝ่าย จนถึงผู้ที่รับผิดชอบ เกี่ยวข้องในสายงานด้วย .. ไม่เชื่อ ไปถามเพื่อนที่เป็นระดับผู้บริหารดู ว่า เค้าใช้หลักอะไรประกอบในการพิจารณาโปรโมท พนักงานบริษัท...บริษัทไม่มีตามาตรวจดูแลได้ทั่วถึงเองหรอก อาศัยฟังจากระดับหัวหน้าเสนอ รายงานขึ้นมาอีกทีแทบจะทั้งนั้น )) เรื่องอุปนิสัย น้าส้ม เค้าจะเป็นยังไง สามีของเค้าก็รับได้ แปลว่า เค้าต้องซึมซับหลักความคิด กันและกันได้ เค้าอาจจะไม่ถือสานิสัยไม่น่ารักของภรรยา (อยู่กันมาตั้งนาน คงผ่านช่วงปรับตัวคู่สามีภรรยากันได้นานแล้ว..) เค้า คงต้องรักภรรยาเค้าทีเดียว และ คาดว่า เค้าย่อมอยากให้คนอื่นให้เกียร์ติภรรยาเค้าไปด้วย... คิดว่าคุณ คงรู้นะ ว่าคุณควรจะต้องทำอะไรมั่ง....มันเป็นโอกาสของคุณที่จะช่วยสามีก้าวหน้าอีกทางนึงนะ ถ้าคิดในมุมกลับ.. อย่าคิดว่า มีลูกด้วยกันแล้ว ผู้ชายไม่กล้าเลิกนะ ถ้าภรรยาไม่ช่วยให้เค้าได้ก้าวหน้าในงานการที่เค้าชอบ.. (วันไหนที่เค้ามีสติ เค้าอาจจะมานั่งคิดว่า อุปสรรคมันเกิดจากตรงไหน...)พยายามอย่าคิดเรื่องนี้บ่อย จะเผลอ ชักสีหน้า หน้างอ (ดูว่า คุณร้อนเรื่องนี้มาก.. คนใกล้ตัว น่าจะรับรู้ได้เร็วกว่า แต่จะถึงเวลา พูดหรือไม่ เท่านั้น ..แนะนำ ว่าอย่าปล่อยให้ สามีเกิดความรู้สึกด้านลบใน อากัปกริยาของภรรยาได้จนต้องออกปากตำหนินะ เพราะฟังแล้วอาจจะรับไม่ได้....แล้วจะโทษใคร) ไม่ต้องไปให้ของกำนัลแพงๆ แก่คนที่ฐานะการเงินดีกว่าเราหรอก... แต่การมีน้ำใจ เล็ก ๆ น้อย ๆ ติดต่อไปมั่ง อย่าให้ขาดการติดต่อไปซะทีเดียว ลองโทร. ถามเรื่อง สารทุกข์ สุขดิบนิดหน่อย ดู , นาน ๆครั้ง ถ้า ทำอาหารอะไรมา แล้ว คาดว่า พอทานได้ ฝากสามี เอาไปให้ น้าส้ม ผ่านทางหัวหน้า ให้เค้าชิม และ ติ- ชม มามั่ง(เตรียมใจเไว้เลยว่า คำ พูด ๆ ๆ ๆ ของแก น่าจะเป็นข้อติ ซะมากกว่า) ให้เค้าได้ มีโอกาส สอนเทคนิค การทำอาหารทางโทรศํพท์ มั่ง มันอาจจะไม่ราบรื่น ในตอนแรก แต่เค้า ก็ไม่เกลียดเรานี่ คงอีกไม่นาน สามีแกคงปลดเกษียณ เห็นบอกว่า ..อายุคราวพ่อ คราวแม่ แล้วไม่ใช่เหรอ..ทนอีกหน่อยก็แล้วกัน หากคุณไม่ยอมเลิกนิสัยถือโทษโกรธคน ภายในระยะเวลา สั้น ๆ (น่าจะไม่เกิน 10วัน) มันอันตราย ต่อ อนาคตลูกนะ...ไม่ได้ขู่ แต่เป็นห่วง... ก็ขอให้คิดว่า เราต้องเป็นผู้ใหญ่ในวันข้างหน้า(อย่างน้อย ก็ได้เป็น แม่ผัว- แม่ยาย คนที่จะมาเป็น คู่ครองของลูกเรา) อยากเป็นผู้นำที่ดี ก็ต้องเป็นผู้ตามที่ดี.. แน่นอน มันฝืนความรู้สึก แต่ ตรงนี้ แหละ ถ้าสอบผ่าน ก็ คือ อนาคตเราฉลุย ดูคนจีนที่มาค้าขายในไทยช่วงแรก ๆ สิ อะไร ๆ ก็ พูด ฮ่อ ๆ คับ ๆ ยอมบ้า ๆบอ ๆ ให้ถากถางแล้วเป็นไง ตอนนี้ กลายเป็น เถ้าแก่ต้วจริง ลูกหลานสบาย.. คิดใหม่ซะ ดิฉันชอบความคิด ของคุณ JidNince นะ ไง ๆ ฟัง ๆ ไว้มั่ง เมื่อไร อยู่คนเดียว สงบ ๆ เวลาผ่านไปซักระยะ จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจ เวลานึกถึง ตอนนี้ ก็ยังไม่น่าจะสาย เกินไป ที่จะปรับความรู้สึกใหม่.. เออ เหนื่อยแล้ว จะไปออกกำลังกายแล้วค่ะ .... จากคุณ : กุ้งใหญ่ - [ วันจักรี 11:46:30 A:219.1.112.41 X: ]

ความคิดเห็นที่ 14 ก็อ่านกระทู้ของคุณแม่ลูกหนึ่งหลายรอบค่ะ เพื่อจะหาวัตถุประสงค์ของการเขียน ก็เหมือนกับที่คุณแม่ฯ พูดนั่นแหละนะคะ คือขอระบายหน่อย และไม่มีอะไรแอบแฝงเลยนอกจากความอัดอั้นตันใจนะคะ..และจากภาษาที่วาดลวดลายเขียนก็รู้สึกว่า คุณแม่ฯน่าจะมีปัญญาและไหวพริบมากกว่าคนที่เป็นช่างเสริมสวย (เท่าที่เจอะเจอมา) หรืออาจจะเป็นช่างเพราะใจรัก หากแต่สมองปราดเปรื่องมากกว่า... สำหรับดิฉันแล้วนะคะ เรื่องคบกะคน(ผู้หญิง) ไทยในต่างแดน เป็นเรื่องที่ต้องระแวดระวังมากที่สู้ดดด เลยค่ะ ขอบอก ณ ตอนนี้หากผู้หญิงคนไทยคนนั้น ไม่เคยเล่าเรียนมา อย่างน้อยคนที่ดิฉันคบต้องจบ...อะไรก็ว่าไป เพราะจะคุยกันรู้เรื่องนะคะ คือการใช้ชีวิตในมหาลัย การที่ต้องสอบและการที่ต้องเรียนมันจะพัฒนาบุคคลคนนั้นให้เป็นอีกแบบหนึ่ง..ที่พูดนี่ไม่ได้หมายความว่าเราดีกว่าคนอื่นนะคะ..ขอเน้น ดิฉันเคารพในเกียรติและศักดิ์ศรีของคนทุกคน ทุกวัย ทุกอาชีพ แต่ดิฉันขอมีช่องว่างสำหรับตัวเองนะคะ เพื่อความปลอดภัยของการอยู่รอดในบ้านเมืองที่ไม่ใช่บ้านเกิดเมืองนอนตัวเอง และเพื่อเป็นศรีแก่ตัว... อยู่เมืองนอกต้องสงบปากสงบความ อย่าต่อความยาวสาวความยืด เค้าพูดอะไรผิดก็ยิ้ม ๆ ทำเป็นว่านอนสอนง่าย หัวเราะไปแม้ในใจจะเดือดพล่าน อย่าเอาพิมเสนไปแลกกะเกลือ..ตอนที่เรียนอยู่ออสฯ ดิฉันไม่คบคนไทยเลย ไม่ใช่ว่าเค้าไม่ดีนะคะ จะเป็นจะตายก็เพื่อนคนไทย (ที่มีจิตใจดีงามนี่แหละค่ะ ) เพราะการคบเพื่อนคนไทย คือการต้องพูดภาษาไทย คิดแบบไทย ๆ และเวลาเป็นอะไรมาเพื่อนที่แสนดีของเราก็คอยช่วยเหลือตลอด แล้วเราจะรู้จักช่วยเหลือตัวเองได้เช่นไร..หัดไปคบคนใหม่ ๆ วัฒนธรรมใหม่ แล้วเราจะรู้ว่าการแตกต่างด้านสังคม วัฒนธรรมและภาษาและการปรับตัวเหมือนจิ้งจกภูเขาเป็นเช่นไร ต้องอยู่ได้แม้ขาดน้ำและอยู่ได้แม้น้ำหลาก..พอเรียนจบเพื่อนสนิทกลับเป็นทอมฯ เกาหลี..ติ้งต้องพอ ๆ กัน โดยมีเพื่อนคนไทยหลาย ๆ คน ไปแอบกระซิบเพื่อนรักของเราว่า "คบนังนั่นไปได้ยังไง" ขอโทษนะคะปัจจุบันพวกหล่อน(หญิงไทย)นั้นกลับไปทำงานได้ดีในประเทศบ้านเกิดเมืองนอน โดยไม่มีโอกาสได้เดินทางไปใหนได้อีกแล้วเ พราะหมดสภาพการเป็นนักเรียนนอกแล้ว แล้วก็กินเงินเดือนประจำ (ไม่รู้ได้กี่พัน) อันนี้เราขอยกย่องในอุดมการณ์ของเพื่อนหญิงไทย และเทิดทูลที่เพื่อนชอบกินเงินเดือนประจำ..แต่เรากลับต้องมีชีวิตที่ต้องเดินทางไปทางโน้น ทางนี้ มีเงินเดือนตามแต่ผลงาน และบ่อยครั้งต้องบินไปเยี่ยมเพื่อน ๆ ที่เคยเรียนด้วยกันที่ออสฯ เกาหลีบ้างสิงคโปร์บ้าง และยังคงมีความรู้สึกดี ๆ ต่อกัน แม้จะเป็นการคบกันแบบไม่ลึกซึ้งถึงกับกูรักมางและตายแทนมางได้ แต่การเอาสิ่งดี ๆ มาแสดงให้กันได้เห็น และมีช่องว่างระว่างการคบกันเป้นสิ่งที่ดี...ตอนไปเที่ยวสวิสฯ ไปเจอคนไทยกลุ่มหนึ่งเปิดร้านอาหารไทยอยู่ในเมืองเล็ก ๆ ไปกินข้าวที่นั่น แล้วก็ไปนั่งคุยกับพวกเค้า..เราบอกว่าเราเรียนที่ออสฯ แล้วก็มาพักบ้านเพื่อน เราดูพวกเค้าจากภายนอกก็พอจะเดาว่าชีวิตพวกเค้าที่เมืองไทยก็คงไม่ได้สะบายอะไรมากนัก และออกจะลำบากลำบน และอาจจะเคยทำงานอะไรมาก่อน(อันนี้แค่สมมุติฐาน) และส่วนมากจะมาจากทางภาคอีสาน (ก็บ้านเกิดเราเองแหละ) พวกเค้าน่ารักมาก ยิ่งรู้ว่าดิฉันไปเรียนถึงเมืองนอกเมืองนาก็พูดจากับดิฉันแบบสุภาพและให้เกียรติมาก ดิฉันไม่ถามเรื่องส่วนตัวเค้านอกจากชีวิตความเป็ฯอยู่ที่สวิสฯ และเค้าก็ไม่ถามเรื่องส่วนตัวของดิฉันมากมาย เพราะเค้าจะถามคำและดิฉันตอบคำ ดิฉันอยากชมเชยพวกเค้ามากค่ะ เพราะพวกเค้าอดทนทำงาน ลำบากลำบนจนเป็นถึงเจ้าของร้านอาหาร ทำอาหารให้ฝาหรั่งกินเป็นที่ประทับอกประทับใจ ผิดกะตัวดิฉันเอง นี่ถ้าต้องไปเดินเสริฟหรืออยู่หน้าเตาไฟไม่เอาหรอก..ถือว่ามีปริญญาค้ำคอ..แหมคนเราก็ต้องต่างจิตต่างใจนะสิ ไม่งั้นโลกจะมีกลางวันกลางคืนหรือไง..(อย่าเพิ่งหมั่นไส้ดิฉันนะคะ) พอแต่งงานได้มาอยู่ฮ่องกง...แปลกมาก เพราะคนที่นี่ก็เหมือนกะน้าส้มของคุณแม่ฯ นั้นแหละค่ะ ตอนแรกคบเพื่อนคนหนึ่งเพราะเธอเป็นเพื่อน (กินเหล้า) ของกลุ่มสามี เธอบอกว่าจบศิลปะที่ ม...อะไรก็ว่าไป น้าเธอเอามาอยู่ฮ่องกง สมัยเป็นวัยรุ่น ชีวิตเธอเหมือนคุณหนู เพราะมีคุณพ่อหวานใจคอยให้เงินทองใช้ ไม่ขาดมือ ซื้อเสื้อผ้าแบร์นแนม น้ำหอมเอย หรือแว่นกันแดดเอย จิปาถะ แต่ขอโทษค่ะ หน้าตาเธอ แม้จะเสริมเติมแต่งยังไงก็หาโหวเฮ้งไม่เจอ...แต่พอคบไปคบมาก็รู้ว่าเธอไม่ได้จบเลย แต่จบปวช, เออเราถือว่าดีและถือว่าเป็ฯคนมีความรู้และการศึกษาหน่อย เธอชอบมาปรึกษาปัญหาชีวิตกับดิฉัน ตอนแรกดิฉันก็ฟัง ฟัง หล่อนระบายความอัดอั้นตันใจ..แต่พอหลังชักรำคาญ คนอะไรพูดเรื่องเดิม ๆ ได้ทุกวี่ทุกวัน.. แต่ที่ทนไม่ได้ก็เธอบอกว่า สามีดิฉันน่ะ เคยจีบเธอ และคอยของ้องอนเธอให้เป็นแฝนด้วย..พอดิฉันถามสามีเค้าก็หัวเราะลั่น แล้วก็บอกว่า "ผู้หญิงคนนั้นเป็นแค่เพื่อนเค้า และเค้าไม่เคยคิดอะไรด้วยเลย เพราะเห็นเธอมาตั้งห้าหกปี และถ้าเค้าจะแต่งงานกับใครก่อนหน้าเราจิรง ก็คงต้องแต่งไปหลายรอบแล้ว ไม่จำเป็นต้องเป็นกับผู้หญิงไทย" หลังจากนั้นเธอก็แนะนำให้เรารู้จักกับเพื่อนของเธอ ชื่อน้อง่เจนนิเฟอร์ ซึ่งมาอยู่ฮ่องกงกับคุณแม่สมัยเด็ก ๆ จนกระทั่งโตเป็นสาว เรียนอยู่โรงเรียนอินเตอร์ ที่นี่ มีคุณพ่อหวานใจ วัยใกล้ฝั่งเฝ้าส่งเสียเลี้ยงดู ปรนเปรอคุรน้องทุกอย่าง ดูสิคุณน้องไปเที่ยวได้รอบโลก กลับเมืองไทยเป็ฯคุณนู้ คุณหนู..คนที่สองเธอเรียกว่ามาดามกระถิน (ริมรั้วหรือเปล่าไม่แน่ใจ) คนนี้มีร้านอาหารค่ะ อาชีพบริหารร้านอาหาร แล้วก็ขอเงินสนับสนุนโปรเจคจากคุณพ่อหวานใจเหมือนกัน แล้วก็เอาเงินมาเปิดร้านอาหาร หรือไม่ก็เสริมสวย แล้วก็ซื้อของมียี่ห้อและราคาแพง.ตอนที่เราไปปาร์ตี้กับสามีกับเพื่อนสามี เห็นดิฉันพูดภาษาอังกฤษดีกว่าพวกหล่อน..ก็หาว่าดิฉันกระแดะไม่พูดภาษาไทย..ดิฉันแต่งงานกับสามีซึ่งอายุไล่เลี่ยกัน และยังหนุ่มแน่นหน้าตาดี ก็หาว่าดิฉันหลงคนหนุ่ม ไม่มีเงินเก็บ จน...ก็เราไม่ได้แต่งงานกับคุณพ่อหวานใจนี่คะ ก็รอให้สามีดิฉันแก่หงำเหงือกเหมือนคุณพ่อหวานใจคุณก่อนสิ แล้วจะรู้ว่าใครรวยกว่าใคร..ขอให้พวกหล่อนรวย ๆ เถอะคะ ดิฉันขอเป็นธรรมดา แต่มีการศึกษาทำแต่สิ่งที่มีเกียรติดีกว่า ไม่ได้ขาดแคลนหรืออดอยากมากมาย จนกระทั่งทำทุกอย่างเพื่อแลกกับเงิน...แต่ขอโทษหน้าตาดิฉันอินเตอร์กว่าพวกหล่อน ไม่ต้องพึ่งสิริโคน หรือยกดั้งแต่งหน้าให้มาก...เวลาดิฉันไปพูดคุยด้วย พวกหล่อนจะเริ่มต้นด้วยคำพูดนี้ค่ะ ..."ทำไมน้องไม่ทำยังงั้น..ยังงี้..อ้อ สามีน้องน่ะเคย...ยังงั้นยังงี้...ค่ะ ค่ะ เค้าเคยจีบใครนั้นมันอดีต แต่ปัจจุบันเราคือภรรยานะคะ..เอ้า ทำไมน้องไม่เปิดร้าน นั้น ร้านนี้ จบโท..ที่ออสฯ ไม่ใช่หรือ ต๊าย จบตั้งโทไม่มีปัญญา...บ้า บ้า บ้า...ดิฉันยิ้มค่ะ ยิ้ม แล้วก็เหรอคะ เหรอคะ ขอโทษนะ คุณตัว..ถือว่าวันนั้นวันซวย ทำไมต้องให้ผู้หญิงพวกนี้มาสอนเราว่าต้องทำอะไรกับชีวิตเราด้วย... "อ้อ คุณน้องจัดงานแต่งงานที่เมืองไทย หรือคะ ทำไมไม่ออเรียนเตล ทำไมแค่แสนด์มาร์ก.รู้ใหมคนสมัยนี้เค้าไม่จัดงานกันหรอกค่ะ สิ้นเปลือง" (ไม่รู้ว่าเพราะไม่หมามองเอาพวกหล่อนหรือเปล่าก็ไม่รู้) คนพวกนี้จะทนเห็นคนอื่นได้ดีกว่าหรือมีความสุขกว่าไม่ได้ค่ะ.."ต๊าย มาฮ่องกงครั้งเดียวก็เจอสามีเสียแล้ว แล้วก็ได้ไอดี ซะด้วย เราสิต้องจ้างแต่ง เสียเงิน เสียทอง ถามจริงเถอะน้อง ที่แต่งนี่เพราะรักสามีจริงหรือว่าอยากได้ไอดี" (อันนี้เค้าไม่ได้ถามดิฉันหรอกนะคะ แต่ได้ยินมา).. ตอนนี้หรือค่ะ ไม่คบใครเลยค่ะ อยู่กับสามีเรานี่แหละสบายแฮร์ เวลาเจอหน้าผู้หญิงพวกนี้นะคะตอนนี้ ก็สวัสดี ไหว้งาม ๆ แบบคนไทย แล้วก็พยายามเข้าห้องน้ำ หรือเดินหนีค่ะ..หลายครั้งที่เค้าบอกว่า...ต๊ายไม่เห็นหน้าน้องตั้งนาน ไม่คบพวกพี่แล้วหรือค่ะ ได้ดีแล้วนี่ ไอดีก็ได้แล้วปริญญาก็มีคงได้งานดีแล้วสิค่ะ..เราก็ยิ้ม ๆ หัวเราะ ฮึ ฮึ...อุ้ย ถึงทำงานดีแค่ใหนก็สู้คุณมาดามยังพี่ไม่ได้หรอกค่ะ..ทั้งสวยทั้งเก่ง...แล้วก็ขอตัวไปห้องน้ำ แม้จะไม่ปวดอะไรเลยค่ะ....ทิ้งให้พวกหล่อนพออกพอใจกับคำพูดของดิฉันนะคะ.พอนาน ๆ เข้าเค้าก็จะไม่มีอะไรจะพูดในตัวเรา พวกนี้แปลกลืมง่ายค่ะ ต่อให้เราทำดีแทบตายกับเค้าแค่ใหน หรือร้ายแค่ใหน พวกเค้าจะไม่จดจำอะไรมากมาย เพราะเส้นหยักในสมองไม่ค่อยลึก ความจำไม่ค่อยดี..มีบางครั้งได้ยินผู้หญิงพวกนี้ยกพวกตีกัน ดึงหัวดึงหาง ไม่อยากจะเชื่อว่า มีลูกมีเต้ากันมาแล้วทั้งนั้น..ช่างเหมือน..อะไรสักอย่างที่เลี้ยงไว้เฝ้าบ้าน...........(ไม่ได้ไปเสียเวลาดูค่ะ แต่ได้ยินเค้าเล่ามา) หลังจากนั้นการพบกันก็จะเป็นแค่ยิ้ม หรือก็แกล้งทำเป็นไม่เห็นนะคะ เห็ฯใครพูดไทย เราจะแกล้งพูดอังกฤษทันที ..ปัจจุบันเราขึ้นชื่อว่าเป็นผู้หญิงที่ไม่คบใคร และไม่มีใครกล้าคบ...ตอนนี้อยู่สูงแล้วมองต่ำลงไปก็รู้ว่ามันน่าขยะแขยงเพียงใด..เป็นไปได้หรือไงที่เราเอาตัวเราไปคลุกกับคนพวกนั้น...สำหรับเพื่อนหรือค่ะคบไว้ไม่กี่คนที่เป้นเพื่อนรัก และรักกันจริง คบกันมาตั้งแต่สมัย ป. หนึ่ง ป.สอง ไม่กี่คนจิรง ๆ ค่ะ และจะคบไม่กี่คนนี้ไปตลอด...จนชีวิตจะหาไม่... ปล. กรุณาเปรียบระหว่างผู้หญิงไทยที่สวิทฯ กะผู้หญิงไทยที่ฮ่องกงค่ะ จากคุณ : คุณนาย แฮร์ริงตัน - [ วันจักรี 12:23:42 A:219.78.45.226 X: ]

ความคิดเห็นที่ 15 อ้อ ดิฉันขอให้ คคห.ของดิฉันเป็นการสื่อสารทางเดียว นั่นคือถ้าใครอ่านเจอแล้วไม่เห็นด้วย ก็รบกวนขอให้อ่านแล้วผ่านไปนะคะ เพราะนี่คือเรื่องที่อยากแบ่งปันกับเจ้าของกระทู้เท่านั้น เพราะเข้าใจคนที่เจอเหตุการณ์นี้มาด้วยตัวเอง และจะไม่มีใครเข้าใจได้ดีเท่ากับคนที่เจอของจิรงด้วยตัวเอง ไม่ได้นั่งมองจากภายนอก..แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ดิฉันต้องการคำแนะนำ แล้ววันหลังจะไปเขียนให้หลาก ๆ และยาว ๆ แล้วไปเปิดกระทู้เองน่ะค่ะ จากคุณ : คุณนาย แฮร์ริงตัน - [ วันจักรี 12:42:23 A:219.78.45.226 X: ]

ความคิดเห็นที่ 16 เข้ามาอ่านค่ะ คุณนายแฮร์ริ่งตัน น่าจะไปแต่งหนังสือนะคะ ชอบสำนวนการเขียนค่ะ ฮาดี .... จากคุณ : timtam_yummy - [ วันจักรี 13:14:49 ]

ความคิดเห็นที่ 17 คุณ timtam_yummy ค่ะ ขอบคุณค่ะ ตอนนี้ฟ้ารอผลการสอบสัมภาษณ์ ป.โท ที่รามฯ เอกการแปลอังกฤษ ไทยอยู่ค่ะ ถ้าฟ้าผ่านได้เข้าเรียนจะแปลและเขียนให้มากกว่านี้ ขอบคุณมากค่ะสำหรับกำลังใจ อุ้ย ขอโทษคุณแม่ฯ เจ้าของกระทู้ด้วยที่ออกนอกหน้านอกตา จากคุณ : คุณนาย แฮร์ริงตัน - [ วันจักรี 13:29:28 A:219.78.45.226 X: ]

ความคิดเห็นที่ 18 คุณกุ้งใหญ่ ได้อ่าน Comment ของคุณแล้วทำให้เรานึกภาพออกเลยค่ะว่าอะไรเป็นอะไร..ขอบคุณอีกครั้งนะคะที่แวะมาช่วยเตือนสติเรา แหม....อย่างนี้ขอเป็นน้องสาวคุณกุ้งใหญ่ได้ไหมคะ เราเองไม่มีพี่สาวเลยไม่รู้จะไปปรึกษาใครค่ะ.... คุณนาย แฮร์ริงตัน คุณนายคะได้อ่านเรื่องที่คุณนายเล่าให้ฟัง เราอ่านไปยิ้มไปค่ะ แหมก็คุณนายเปรียบเทียบเรื่องของคนสองกลุ่มซึ่งไม่เหมือนกัน กลุ่มสวิสอยู่อย่างเงียบๆ ส่วนกลุ่ม ฮ่องกง เหมือนกับน้าส้มของเรา...555 มันต่างกันมากเลยค่ะ เราชอบแนวการเขียนของคุณนายแล้วล่ะซิคะขอบคุณนะคะที่แวะมาแจมกระทู้เรา.... คุณออน เราเองไม่เคยดูถูกสาวบาร์เลยนะคะ เพราะว่ามันไม่ใช่เรื่องของเราค่ะ...แต่ถ้าถามเราว่ามีสาวบาร์คนหนึ่งอยากคบกับเราเราอยากคบด้วยไหม...ตอบว่า อยากคบค่ะเพราะอะไรหน่ะเหรอคะเพราะว่าเราคบคนที่ปัจจุบันค่ะไม่ได้คบที่อดีตอดีตเค้าจะเป็นยังไรไม่สนค่ะ ขอแค่ปัจจุบันเป็นเพื่อนที่ดีก็พอค่ะ ...อ้อเห็นคุณออน บอกว่าจะไป โอกินาว่า ดีใจด้วยนะคะสามีเราเคยไปอยู่ Kadena มาก่อนค่ะ ฝากมาบอกว่าที่นั่นน่าอยู่มากค่ะ คนญี่ปุ่นที่นั่นสุภาพมากค่ะ.เราอิจฉาคุณออนแล้วซิ โชคดีนะคะ. จากคุณ : แม่ลูกหนึ่ง - [ วันจักรี 15:08:15 A:61.83.203.68 X: ]

ความคิดเห็นที่ 19 อุ้ย คุณนายแฮร์ริงตัน เขียนได้ตรงใจจริง ๆ ค่ะ เจอมาคล้าย ๆ กัน เลย แล้วตอนนี้ดิฉันก็ไม่คิดจะสุงสิง กับใครค่ะ เหมือนกันค่ะ จากคุณ : ไข่มุกจีน - [ วันจักรี 17:38:48 ]

ความคิดเห็นที่ 20 สวัสดีค่ะ คุณแม่ลูกหนึ่งและทุก ๆ คนนะคะ คิดว่าเข้าใจความรู้สึกของคุณแม่ฯ นะคะ เพราะเอ๋เองก็มีประสบการณ์คล้าย ๆ เหมือนกันแต่ที่เมืองไทยค่ะ ขอเล่านิดนึงนะคะ แต่ของเอ๋นี่เป็นเพื่อนกันค่ะ คบกันใหม่ ๆ ก็สนุกสนานเฮฮาปาร์ตี ไปไหน ไปกัน เรียกได้ว่าลุยได้ทุกสถานการณ์ แต่...พอคุณน้องเริ่มลดความอ้วนเปลี่ยนไปคนละคนเลยค่ะ (ไม่รู้ผลกระทบจากยาลดความอ้วนหรือเปล่า อิอิ) น้องแกเริ่มเป็นคุณหนูขึ้น ไฮโซขึ้น แถมท้ายด้วยการพูดจาในทำนองโอ้อวด และทับถมคนอื่น (ภาษาบ้าน ๆ เรียกว่าคุยทับน่ะค่ะ) ยกตัวอย่างเล็กๆ น้อย ๆ เวลาคุยกันเรื่องซื้อของ ช้อปปิ้ง เช่น...วันนี้เราไปประตูน้ำ หมดไปหลายบาท น้องแกก็พูดขึ้นมา เหรอ..จ นะ ไปช้อปปิ้งเซ็นทรัล เพราะตอนนี้....(ยี่ห้อแบรนเนม) ลดราคา รูดบัตรกระจายเลย จะเป็นอย่างนี้บ่อยมาก ไม่ใช่แค่ซื้อของนะคะ อะไรก็ตามที่เราพูดขึ้นมา น้องแกก็จะต้องเบ่งว่าของเขาดีกว่า แพงกว่าประมาณ นี้นะคะ ช่วงแรก ๆ ก็หมั่นไส้มากๆๆๆ ไม่อยากคุยด้วยเลยยัยคนนี้ ทั้ง ๆ ที่เมื่อก่อนไม่เห็นเป็นอย่างนี้เลย แต่นาน ๆ เข้าก็เลยทำใจนะคะ เขาอยากพูดก็ปล่อยให้เขาพูดไปเราก็เงียบ แล้วก็พยายามคุยกันเรื่องอื่น แต่ส่วนดีเขาก็มีค่ะ เขาจะค่อนข้างใจใหญ่ ยิ่งเวลามีใครชมหรือยกยอ น้องมีอะไรก็จนขนมาให้หมด ก็ทำให้เราคิดได้ ว่าเขาคงอยากจะเป็นที่ยอมรับของคนอื่น ๆ แล้วก็อยากให้เพื่อนๆ ให้ความสำคัญกับตน อีกอย่างอาจจะมีปมด้อยอย่างอื่นจึงแสดงออกมาแบบนี้ ก็อยากบอกคุณแม่ฯว่าอย่าคิดมากเลยค่ะ คนเรามีที่มาแตกต่างกัน เราก็รับแต่สิ่งดีๆ จากเขาแล้วกันค่ะ สิ่งไหนที่ทำให้ไม่สบายใจก็ผ่านๆ ไปดีกว่า เอ๋เองตอนนี้มาอยู่เมืองนอก ก็ไม่มีเพื่อนคนไทยเลยค่ะ จะมีก็รู้จักในพันทิปนี่แหละค่ะ ที่เมล์หากันแต่ไม่ได้เจอหน้าค่าตากันเลยค่ะ อยากบอกว่าการที่เราจะรู้จักใครสักคนให้ได้ดั่งใจเรานั้นมันยากค่ะ... ไปล่ะ เขียนมาซะยาวแล้วเดี๋ยวจะงงคำพูดตัีวเอง จากคุณ : เอ๋(Rommy) - [ วันจักรี 21:06:02 A:81.49.240.32 X: ]

ความคิดเห็นที่ 21 คุณนายคะเขียนใด้ ยาวมากกกกกกกกก เดี๋ยวตอ้งมาคอ่ยๆอ่านอีกทีคะ ตอนนี้สงสัยไมเกรน เล่นงาน คงจะอยู่หน้าคอมมากเกินไป เดี๋ยวจะกลับมาอ่านคะ สมแล้วคะที่ใด้เป็นนักแปล ยกนิ้วไห้คะ จากคุณ : ชมพู่สีชมพู (ชมพู่สีชมพู) - [ วันจักรี 23:00:52 ]

ความคิดเห็นที่ 22 คุณแม่ลูกหนึ่งคะ คิดเหมือนกันเลยคะ เราจะคบใครไม่ใด้คบที่อดีต เพราะเขาเลือกเกิดไม่ใด้(เราดว้ย) ขอแค่ เขากับเราคุยกันภาษาเดียวกัน ไปกันใด้ และเป็นคนดีไม่ตอ้งกับถึง100เปอร์เซนหรอกคะ เข้ากันใด้ก็โอเคคะ จากคุณ : ชมพู่สีชมพู - [ วันจักรี 23:05:59 ]

ความคิดเห็นที่ 23 กระทู้อ่านๆแล้ว เหมือนกับกระทู้ที่นินทาเหมือนกันนั่นแหล่ะ หากันมาระบายๆกันออกมาในแนวที่ไม่มีใครดีไปกว่าคุณๆกันเลย คนที่มองคนอื่นๆแตกต่างไปจากตน ก็เลยเหมือนกับว่าตนนี่ดีกว่าคนข้างตัว คุณนายแฮริงตัน เขียนติดกันเป็นพรื่ดๆๆๆ ไม่มีการย่อหน้าเลย ก็ต้องเริ่มด้วยสไตล์การเขียนเนื้อความให้อ่านง่าย สะอาดตา สไตล์การเขียนของคุณมันพื้นๆ เหมือนกับการ บอก เล่า สู่กันฟัง ถึงสิ่งที่ค่อนข้างไปในทางลบของคนอื่นๆที่คุณประสบมา และมีแต่คุณคนเดียวที่ดูดีกว่าคนที่คุณไปเจอมา ด้วยที่ทัศนะคติ มองโลกต่างกัน มันจึงเหมือนกับ เนื้อความนินทา ความไม่ดีของคนอื่นมากกว่านะ จากคุณ : ระบาย = นินทา - [ 7 เม.ย. 47 11:57:03 A:68.237.224.54 X: ]

ความคิดเห็นที่ 24 คุณแม่ลูกหนึ่งคะ ดีใจที่คุณเข้าใจ ในมุมมองของดิฉันค่ะ.. เพราะ ถ้าครอบครัวของคุณไม่ต้องมีเรื่องเกี่ยวข้องกับหน้าที่การงานกับฝ่ายสามีน้าส้มแล้วล่ะก้อ ดิฉัน คง เออๆออๆ ตามไปด้วย ก็เคยเจอมาเหมือนกันนี่คะ และคงแนะนำให้คุณอยู่เลี่ยง ๆห่าง ๆ ไว้เช่นกันค่ะ (หลีกเลี่ยงการสร้างศัตรู ) แต่ เกิดอาการเป็นห่วง เผลอเตือนไปซะเยอะ.. มีคติสอนลูกหลาน ของคนญี่ปุ่นประโยคหนึ่ง มาเล่าให้ฟังค่ะ "ถ้าอยากประสบความสำเร็จในชีวิต อยากมีอำนาจบารมีแล้วล่ะก็ ต้องยอมดื่มน้ำสกปรกให้ได้ด้วย" หมายถึง ตามธรรมดา ใคร ๆ ก็ชอบเลือกดื่มแต่น้ำใสสะอาด (การ ได้รับแต่สิ่งดี ๆ คำชมเชย กินดี อยู่ดี ไม่ต้องฝืนใจทำ ฯลฯ) แต่ถ้าเป็นน้ำสกปรก หมายถึง สิ่งที่คนอื่นหลีกเลี่ยงเกี่ยงไม่อยากทำ.. คือ ถึงเราไม่ชอบก็ต้องพยายามหัดทำให้สำเร็จ, รู้จักยอมอ่อนข้อให้คนที่มีอิทธิพล คนพาล ,และรู้จักยอมโน้มน้าวตัวเองไปง้องอนคนที่ด้อยกว่าเพื่อซึ้อใจคนพวกนั้น เมื่อได้ใจเค้า แล้วความเกรงใจ ความภักดีจะตามมาเอง..เรื่องของเรื่อง หมายถึง ต้องฝืนใจ ฝึกทำอะไรในบางครั้งที่ว่าทำแล้วจะได้ประโยชน์แต่ตนและครอบครัว ให้ชินไว้.. (อันนี้ ความเห็นส่วนตัว.. ถ้ามีมากไปมันเฉียดคำว่า ตีสองหน้า เหมือนกันนา..) ปล.ด้วยความยินดีค่ะ ที่ได้มีน้องสาวเพิ่ม พี่เองก็ไม่มีน้องสาวเหมือนกัน..อยากให้น้องสาวคนนี้มีความสุขค่ะ แวะ ไปดูกระทู้ แจแปนบ้างนะคะ เผื่อจะได้เจอกัน ด้วยความปราถนาดีอย่างจริงใจ จากคุณ : กุ้งใหญ่ - [ 7 เม.ย. 47 11:57:09 A:219.1.112.41 X: ]

ความคิดเห็นที่ 25 ++++คุณนายแฮริงตัน เขียนติดกันเป็นพรื่ดๆๆๆ ไม่มีการย่อหน้าเลย ก็ต้องเริ่มด้วยสไตล์การเขียนเนื้อความให้อ่านง่าย สะอาดตา +++ขอบคุณ คุณ ระบาย คุณนินทานะคะ ที่ให้คำแนะนำในการเขียน การไม่มียอ่หน้า หรือเว้นวรรค อาจจะทำให้คนอ่านสับสน อันนี้ดิฉันจะเอาไปปรับปรุงตัวเวลาเขียนเรื่องต่าง ๆ ลืมไปว่าการสื่อสารเพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจในสิ่งที่ตนเขียนนั้นสำคัญ (เป็นประโยชน์มากค่ะ) ++++สไตล์การเขียนของคุณมันพื้นๆ เหมือนกับการ บอก เล่า สู่กันฟัง ถึงสิ่งที่ค่อนข้างไปในทางลบของคนอื่นๆที่คุณประสบมา และมีแต่คุณคนเดียวที่ดูดีกว่าคนที่คุณไปเจอมา ด้วยที่ทัศนะคติ มองโลกต่างกัน มันจึงเหมือนกับ เนื้อความนินทา ความไม่ดีของคนอื่นมากกว่านะ +++ก็ดิฉันบอกแล้วไงค่ะว่า คคห.ของดิฉันเป็นการสื่อสารด้านเดียวนั้นคือ ให้เจ้าของกระทู้เป็นผู้อ่านและตัดสิน ถ้าดิฉันต้องการความคิดเห็นจากคนอื่น หรือคนอย่างคุณ ดิฉันก็จะไปตั้งกระทู้เอง ให้มันสิ้นเรื่อง (กรุณาอ่านภาษาไทยให้เป็นภาษาไทยด้วยค่ะ ) เพราะดิฉันรู้ว่าคนอย่างคุณจะมีมาหลอกหลอนเป็นชั่วคราวในห้องแม่บ้าน เพราะถ้าคุณอยู่ประจำจะรู้ว่าดิฉันไม่ได้เขียน คคห.ในแนวนี้มาก่อน แต่เพราะเจ้าของกระทู้เค้ามีเรื่องแบบนี้มาแชร์ ดิฉันก็ต้องการจะแชร์กับเค้า ไม่ใช่กับคุณ ดิฉันจึงหลีกเลี่ยงโดยการไม่ตั้งกระทู้เอง...การเขียนถึงคนอื่น เหมือนกันกับการนินทาด้วยหรือค่ะ การเขียนเป็นการแชร์เรื่องราวและประสบการณ์ ทำไมเวลานักเขียนเขียนเรื่องสืบสวนสยองขวัญ เค้าถึงไม่มีบทรักกุ๊กกิ๊ก หรือบทเกี้ยวพาราณาสีของตัวพระนาง คุณต้องแยกแยะว่าเรื่องเป็นแนวใดและพยายามจะสื่ออะไร..ตัวคุณเองลองถามตัวเองดูนะคะว่าคุณคิดว่าตัวเองดีกว่าคนอื่นใหม..ไม่ต้องมาถามดิฉันหรอกค่ะ ดิฉันไม่ขอตอบ เพราะถ้าใครคิดว่าตัวเองไม่เคยดูถูกคนอื่น หรือนินทาคนอื่น คนนั้นแหละแหลมาก ๆ ..ความพยายาม ความตั้งใจของคนเรามีไม่เท่ากัน เกิดมาก็มีไม่เท่าเทียมกัน ความมีอีโก้ หรือความเชื่อมั่นในตนเองก็แต่ต่างกัน การประสบความสัมเร็จในสิ่งใด สิ่งหนึ่งก็ไม่เหมือนกัน..ความเชื่อมั่นในตนเองและศรัทธาในตนเองไม่ได้หมายความว่าเราคิดว่าตัวเองดีกว่าคนอื่น โลกของคุณมันอาจจะแคบ และการรู้จักคนได้ไม่มาก ไม่หลากประเภท มันทำให้การคิดของคุณถูกตีกรอบ กรุณาใช้สมองคิดให้ดีก่อนอ้าปากว่าคนอื่นนะคะ จากคุณ : คุณนาย แฮร์ริงตัน - [ 7 เม.ย. 47 13:16:18 A:219.78.36.75 X: ]

ความคิดเห็นที่ 26 เห็นด้วยกับคุณนาย แฮร์ริงตัน ทุกประการ จากคุณ : นี่ซิคนจริง - [ 7 เม.ย. 47 15:07:36 A:80.2.164.155 X: ]

ความคิดเห็นที่ 27 คห.23 สงสัยคุณจะอ่านภาษาไทยไม่เข้าใจนะคะ ลองกลับไปอ่านใหม่ดีใหม่คะ(อันนี้ไม่ได้พูดประชดค่ะ)ท่อนนี้ค่ะ ของคุณนายแฮร์ฯ.... อ้อ ดิฉันขอให้ คคห.ของดิฉันเป็นการสื่อสารทางเดียว นั่นคือถ้าใครอ่านเจอแล้วไม่เห็นด้วย ก็รบกวนขอให้อ่านแล้วผ่านไปนะคะ เพราะนี่คือเรื่องที่อยากแบ่งปันกับเจ้าของกระทู้เท่านั้น ......คุณคห.23คะถ้าอ่านแล้วยังไม่เข้าใจโปรดอ่านหลายๆรอบค่ะ .......ถ้าใครมาเจอแบบเราบ้างจะรู้ว่ามันอึดอัดมาก. ....คุณกุ้งใหญ่ อันนี้ขอบอกหน่อยค่ะเรื่องที่จะทำของไปเซ่นไหว้น้าส้มลืมไปเหอะค่ะ เพราะว่าเคยมี ญไทย ป.ตรี ที่เล่าข้างบนหน่ะคะ เคยทำกับข้าวไปฝาก น้าแกบอกว่าไม่มีใครทำกับข้าวอร่อยเหมือน น้าทำหรอก. โห......เราเองได้ยินแบบนี้ หมดแรงที่จะทำไปให้เลยค่ะ... คุณเอ๋ ขอบคุณมากนะคะ ที่มาแชร์เรื่องกันอ่านค่ะ เพือนแบบนั้นอ่ะปล่อยเธอไปเถอะค่ะ คาดว่าเธอคงหลงวัตถุมากกว่าค่ะ....อยู่ต่างแดนแบบนี้หาเพื่อนจริงใจยากส์ค่ะ มีแต่กลัวกันจะได้ดี เราเองดีใจค่ะที่ได้มีเพื่อนๆทางเน็ตแบบเนี้ย..... ......ใครๆที่เข้ามาแล้วอยากออกความเห็นให้คนทะเลาะกันอย่าออกความเห็นเลยค่ะ กระทู้เรา ทู้ระบายค่ะ ไม่ใช่ทู้ทะเลาะนะคะ...เราขอร้องค่ะ.. ม... จากคุณ : แม่ลูกหนึ่ง - [ 7 เม.ย. 47 18:32:51 A:218.145.25.119 X: ]

ความคิดเห็นที่ 28 สงสัยน่ะค่ะ คำว่าสื่อสารทางเดียวในที่นี้ แปลว่า จะรับแต่คำชมอย่างเดียว ถ้าไม่เห็นด้วยให้เงียบไปใช่มั้ยคะ จากคุณ : ชะ ชะ ช่า ต่อหน้าฉัน - [ 7 เม.ย. 47 22:42:15 ]

ความคิดเห็นที่ 29 แอบมาอ่านงานเขียนของ คุณนาย แฮร์ริงตัน หน่อยค่ะ เขียนดีค่ะ แต่ตอนนี้มึนตีบเลยปวดตา ตอนหลังขอย่อหน้าเว้นวรรค พื้นหลังสีอ่อน ๆ หน่อยก็ดีนะคะ สงสารคนชอบอ่านหน่อยนะคะ สำหรับท่านใดที่ไม่เห็นด้วยหรือแปลเจตนาของคุณฟ้าไปในทางอื่น ก็อ่านแล้วก็ขอให้ผ่าน ๆ ไปก็ได้นี่คะ ว่าไปแล้วกระทู้แชร์ประสบประการณ์นี่ก็ดีนะคะ อ่านแล้วก็เป็นการศึกษาคนในแต่ละรูปแบบที่เพื่อน ๆ พี่ ๆ ห้องแม่บ้านเจอะเจอกันมา ส่วนตัวเราเองชอบอ่านมาก ๆ ค่ะ ขอบอก แต่ถ้าใครไม่ชอบก็ผ่านไปได้ค่ะ แก้ไขเมื่อ 09 เม.ย. 47 01:19:24 จากคุณ : bs (blabla) - [ 9 เม.ย. 47 01:03:59 ]

ความคิดเห็นที่ 30 อ้า ขอบคุณ คุณ bs (blabla) นะคะที่ทนอ่านเรื่องของฟ้าจนจบ..ฟ้าก็ชอบอ่าน คคห. ของ บีเอสเหมือนกัน รู้สึกอยู่ห้องแม่บ้านนานแล้วเนอะ...ฟ้าส่งนิยายไปเว็ปไซด์เพิ่มอีก สามตอนน่ะ บีเอสจะลองไปอ่านและวิจารณ์ให้ฟ้าหน่อยได้ใหม (ตอนนี้ฟ้ากำลังยิ้มหวานกะยอดคนเข้ามาอ่าน)...เอ แล้วฟ้าจะบอกบีเอสได้อย่างไรว่าเว็ปใหน ฟ้ากลัวคนอย่าง ชะช่า ต่อหน้าฉัน เค้าจะไปก่อกวนน่ะ ++คือ คุณ ชะช่าต่อหน้าฉัน นี่เค้าจะตามรังครวนฟ้ามาก ไม่รู้เป็นไร มีกระทู้หนึ่งที่ฟ้าถามว่า งานแต่งงานของฟ้า ควรจะเปิดเพลงอะไรดี เค้าบอกให้ฟ้าไปเปิดธรณีกันแสงนะจ๊ะ...(ทั้ง ๆ ที่มันเป็นงานมงคล) บีเอส ช่วยคลิกอมยิ้มของเขาหน่อยได้ใหม เพราะฟ้าไม่ได้เป็นสมาชิก เปิดอมยิ้มเค้าไม่ได้ เผื่อได้ข้อมูลอะไรมา ฟ้าจะได้เมลล์ไปหาเค้าโดยตรง ว่าโกรธแค้นอะไรกันโดยส่วนตัว หรือเปล่า ถ้าเราสองคนเคลียร์กันหลังไมค์ไม่ได้ ฟ้าจะขอไปที่เว็ปมาสเตอร์น่ะคะ....เผื่อจะมีข้อมูล..ในปัญหาที่เธอมี จากคุณ : คุณนาย แฮร์ริงตัน - [ 9 เม.ย. 47 10:19:28 A:219.76.64.4 X: ]

ความคิดเห็นที่ 31 คลิกไปแล้วคุณฟ้า แต่ไม่ระบุอีเมล์น่ะค่ะ ไม่ดีเลยเนอะ หรือว่าเราจะเปิดกระทู้ล่อเป้าดีกว่าไหมคะเคลียร์กันสดหน้าไมด์ไปเลยดีกว่า มันส์ดีออก แม่บ้านห้องนี้หลาย ๆ ท่านมีวิจารณาณ (สะกดอย่างงี้เปล่าคะ) ที่ดีและมีเหตุมีผลกันหลายคน ให้เขาเข้ามาแจมด้วยก็ดีเหมือนกันนะคะ จะได้รู้กันไปเลยใครเป็นยังไง ไม่รู้พันทิพจะลบทำไมนักค๊า ไม่เห็นมีอะไรไม่สุภาพเลย ใช้การสื่อสารกันแบบสุภาพทั้งนั้นนะคะ ไม่มีคำหยาบเลยขอบอก แต่คนอ่านเนี่ยต้องตั้งใจอ่านนะ อ่านทุก คห. อย่าแบบผ่าน ๆ นะ เดี๋ยวจะแปลความหมายผิดไปอีก อยากอ่านเรื่องที่คุณฟ้าเขียนค่ะ ส่งมาได้เลยที่bs19762002 at yahoo dot com จากคุณ : bs (blabla) - [ 9 เม.ย. 47 11:23:43 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ++กระทู้ล่อเป้าใช่ใหม ฟ้าเคยทำครั้งหนึ่งนะ เค้าชื่อ ผลไม้ชนิดหนึ่ง อยู่เยอรมันเสียด้วย...ฟ้าให้แม่บ้านช่วยตัดสิน ปรากฎว่าน้องผลไม้หายไปจากห้องแม่บ้านเลย นับจากนั้นเป็นตันมา (หล่อนมีอมยิ้มด้วยนะ) แต่ฟ้าก็ไปเจอชื่อเค้าในห้องอื่น ไกลบ้านนี่แหละ(นับว่าหล่อนกล้ามากที่ยังใช้ชื่อเดิม..แต่ตัดตัวข้างหน้าออก) และมีพฤติกรรมเช่นเดิม คือมารบกวนชาวบ้านเค้า และเธอไม่มี คคห.อะไรที่เป็นประโยชน์เลย นอกจากมาสร้างความวุ่นวายให้เจ้าของกระทู้ ++ส่งเมลล์ไปหา บีเอส แล้วนะค้า... จากคุณ : คุณนาย แฮร์ริงตัน - [ 9 เม.ย. 47 12:13:00 A:219.78.49.192 X: ]

ความคิดเห็นที่ 33 เสียดายจัง มาไม่ทันเลยตกข่าวทู้นั้นค่ะ แต่อยากอ่านจังเลยมีเซฟลิงค์เก็บไว้เปล่าคะ อยากอ่าน อยากอ่าน จากคุณ : bs (blabla) - [ 9 เม.ย. 47 23:45:53 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ขอระบายมั้งนะคะ รู้จักพี่คนไทยที่นี่คนหนึ่งตอนมาใหม่ๆ ตัวเองสะแล่นเองแหละค่ะบ่นกับสามีว่าทำไมไม่เจอคนไทยเลย ทำไมไม่มีคนไทยเลย สามีก็คงกลัวเราเหงาเลยโทรให้คุยกับพี่คนนี้ รุ่นแม่เรานะก็คบกันดีเขาช่วยเหลือเราดี เขาจะคอยเสนอตัวช่วยเราตลอดเราไม่เคยขอเลยสักครั้งถือว่าเป็นคนดีคนหนึ่ง พอเขามีปัญหาอะไรเราก็จะรีบไปช่วยเขาเช่นกันเพราะเขาก็ดีกับเราใช่ไหมค่ะ แต่เขาโกรธเรากับสามีตอนปีใหม่ คือเขาชวนสามีเราไปนั่งกินน้ำแล้วสามีจ่ายเฉพาะของเรากับของสามี แต่ไม่จ่ายของเขามันก็ไม่เท่าไร เขาก็เมล์มาว่าเราใหญ่เหมือนจะตัดขาดจากกันไปเลย เราก็บอกไปว่าฝรั่งเขาเป็นแบบนี้พี่น่าจะรู้ เพราะสามีเราเคยไม่จ่ายให้เขาก่อนหน้านี้เหมือนกัน เราก็ขอโทษเขาไป เขาก็บอกไม่เป็นไร เราเลยเอ่ยถึงครั้งนั้นตอนนั้นเขาก็ไม่ได้จ่ายให้พี่ เราต้องมาบอกให้เขาจ่ายครั้งต่อมา แต่ตอนปีใหม่น่ะเราไม่รู้เห็นตอนเขาไปจ่ายเราขอโทษนะ แต่เขาเมล์มารอบสองทวงบุญคุณทุกอย่างที่เขาทำให้เรา เขาหาว่าสามีเราไม่มีความคิดสู้สามีเขาก็ไม่ได้ ไม่เห็นต้องให้เขาบอกเลยสามีเขาทำเองเลย เขาว่าเยอะมากๆจนเราน่ะเสียความรู้สึกไปเลยกะเงินไม่เท่าไร สามีเราบอกเลยว่าห้ามให้ผู้หญิงคนนี้มาบ้าน แต่เราก็ไม่กล้าปฏิเสธคนถึงจะเสียความรู้สึกมากๆแต่ก็ยังนึกถึงส่วนดีของเขาอยู่ พอเขาจะมาบ้านเราสามีเราชิงหนีออกนอกบ้านตลอด พอส่งเมล์มาว่าเรากับสามีเสร็จเขาก็ไม่ติดต่อเราเป็นอาทิตย์เจอเราตรงถนนก็รีบขี่จักรยานผ่านไปแค่ยิ้มเจื่อนๆให้เรานิดหนึ่ง เราก็โอเคไม่เป็นไรเพราะใช่ว่าเราจะไม่เคยทำอะไรให้เขานิ แต่พอเขามีปัญหาก็โทรมาหาเราทันทีโทรมาขอโทษที่เมล์มาว่าเรากับสามี บอกเราว่าตอนนั้นเขามีเรื่องให้คิดเยอะ เขากดดัน เขาเลยพูดแบบไม่ได้คิด เฮอะ แต่เราอ่ะเสียความรู้สึกไปแล้วล่ะ แล้วก็ถามเราว่าสามีเราโกรธเขาป่าว เราน่ะอยากบอกให้คิดเองดิว่าโกรธหรือเปล่า เขาจะให้สามีเราทำจดหมายตอนแรกสามีเราก็จะไม่ยอมทำหรอก เราก็ขอร้องทำให้เขาไปเถอะเล็กน้อย พอสามีเราทำให้เสร็จมาชมสามีเราใหญ่ว่าดีอย่างนั้น ดีอย่างนี้ ดูสิถ้าเป็นคนอื่นไม่มีทางทำให้เขาแน่ๆ ก่อนหน้านี้ยังเมล์มาด่าสามีฉันว่าไม่มีหัวคิดอยู่เล้ย ตอนนี้เขาย้ายไปเมืองอื่นไกลจากเรามาก เฮ้อเราก็ดีใจอิๆๆ แต่เขาก็โทรมาหาบ้าง ตอนเราไปคลอดลูกบอกเราจะมาเยี่ยมเสาร์หรืออาทิตย์ก็ไม่มา ไม่เป็นไรไม่อยากให้มาอยู่แล้ว พอเรากลับมาบ้านก็เมล์มาบอกว่าตัวเขาน่ะยุ่งมากๆ ต้องไปศาลเพราะกำลังฟ้องหย่ากับสามี ต้องทำโน่น ทำนี้เยอะไปหมดไม่มีเวลาเลย พอเรากลับมาบ้านก็นัดเราว่าวันนี้จะเข้ามาเยี่ยมที่บ้านนะตอนบ่าย ใจเราน่ะไม่อยากให้มาหรอกเพราะสามีเราต้องหนีไปข้างนอกสงสารเขา แต่เขาก็มีน้ำใจจะมาเยี่ยมเราเลยโอเค ปฏิเสธไม่เป็นอีกแล้วเราก็รอๆๆๆๆๆๆ เพราะนัดกันดิบดี ก็เสื-อกไม่มา แถมไม่โทรมาบอก ผ่านไปสองสามวันถึงเมล์มาบอกยุ่งอีกแล้ว ยุ่งมากๆไม่มีเวลาเลย โทรมาบอกสิจะได้ไม่ต้องรอ จะไปทำอะไรก็ไม่ได้ทำเพราะต้องนั่งรอเขานี้ล่ะ ผ่านมาสักอาทิตย์คอมฯเขามีปัญหาโทรมาหาเรา โอ้โฮว่างทันทีเลยแหะไม่ยุ่ง ไม่ต้องไปศาล ไม่ต้องทำอะไรเลยแหะ จะมาหาเราเดี๋ยวนั้นเลย จะมาทันทีเลย เราบอกเราไม่ว่างหรอก งั้นขอเป็นพรุ่งนี้ พรุ่งนี้ก็ไม่ว่าง งั้นเป็นอีกวันก็ได้เราเลยก็ได้ เขาน่ะอยากอุ้มลูกเรามาก อยากเห็น อยากเจอ แต่พอคอมฯเขาใช้ได้โดยที่เขาทำเองก็ไม่ติดต่อมา สองสามวันโทรมาหาเรา เหตุเหรอ แถวบ้านเขาน่ะรถไฟหมดเร็ว ชั่วโมงหนึ่งมีมาคันเดียว เขาเลยไม่กล้ามากลัวไม่ทันรถไฟ เฮ้อรถไฟที่นี่ตรงต่อเวลาจะตายก็กลับก่อนรถไฟหมดสิ แต่ไม่มาน่ะดีแล้ว แต่มันทำให้คิดน่ะถ้าตัวเองไม่มีปัญหานี้จะไม่มาเลย ไม่ว่างเลย แต่พอตัวเองมีปัญหาปุ๊บจะมาเดี๋ยวนั้น ว่างทันที เราน่ะเจอกับคนนี้เยอะมากๆ เยอะจนพูดสิบหน้ากระดาษก็คงไม่หมด ทั้งที่เราไม่เคยทำอะไรไม่ดีกับเขาเลย แต่เราก็เจอคนดีๆที่นี่เหมือนกัน คนน่ารักก็มี คบแล้วสบายใจดี คนที่เป็นแบบนี้เราก็พยายามเลี่ยง เลือกคบดีกว่าสบายใจดี จากคุณ : ระบาย - [ 23 เม.ย. 47 14:47:16 A:217.162.121.71 X: ]