บางช่วงของความคิด กับ กรณี การลักพาตัวประกันของญี่ปุ่น

    อาทิตย์ ที่ผ่านมา คงไม่มีข่าวไหนใหญ่เกินกว่า ข่าวการลัก
    พาตัวชาวญี่ปุ่นในประเทศอิรัก  ข่าวนี้ ได้เตะข่าว การลักพา
    ตัวชาวเกาหลีเหนือ ที่เป็นข่าวที่ครองหน้าจอทีวี ญี่ปุ่นมาใน
    ระยะสองสามปี ที่ผ่านมา

    ผมเอง ก็เฝ้าติดตามข่าวนี้อย่างใจจดใจจ่อ  เพราะเส้นตาย
    สามวัน เป็นอะไร ที่ค่อนข้างสั้นมากเมื่อเทียบกับข้อเรียกร้อง
    ที่ฝ่ายผู้ลักพาตัวเสนอ

    ข้อเรียกร้องหลักๆ ก็คือ หากญี่ปุ่น ไม่ถอย กองกำลังป้องกัน
    ตัวเอง  ที่ส่งไปอิรัก กลับประเทศ ภายใน สามวัน จะ ฆ่าตัว
    ประกัน ทั้งสามคน

    เป็นการจับประชาชนของประเทศญี่ปุ่น เพื่อ บังคับให้รัฐบาล
    ญี่ปุ่น ถอนทหาร

    ซึ่งตั้งแต่ได้ฟังข่าวครั้งแรก ผม ก็ฟันธง ว่า เป็นไปไม่ได้ รัฐ
    บาลญี่ปุ่นไม่ยอมแน่นอน   เพราะเรื่องนี้มันใหญ่เกินกว่านั้น
    รัฐบาลญี่ปุ่นพร้อมที่จะสละชีวิต ของ คนญี่ปุ่น แทนที่จะยอม
    ตามข้อเรียกร้อง  และดูเหมือนโดยภาพรวมแล้วรัฐบาลญี่ปุ่น
    จะพูดอย่างเด็ดขาดว่า จะไม่มีวันถอนทหารออกมา

    ประชาชนญี่ปุ่น ดูเหมือน มีความเห็นแยกจากกันเป็นสอง
    ฝ่าย  ฝ่ายแรก เห็นว่า รัฐบาลควรทำตามข้อเรียกร้อง ของ
    ผุ้ลักพาตัว หรือ ไม่ก็ถอน กองกำลังป้องกันตนเอง ที่ส่งไป
    ออกมาชั่วคราว  พรรคฝ่ายค้าน ก็ถือโอกาสนี้ในการผลักดัน
    ให้ญี่ปุ่นถอนทหารกลับ

    กลุ่มประชาชน ที่ต่อต้านสงคราม และการส่งทหารอิรัก ก็ถือ
    โอกาสนี้ ในการเดินขบวน เรียกร้องให้ถอนทหารกลับ ดังนั้น
    หากมองในมุมหนึ่ง กรณีการลักพาตัวในครั้งนี้ ก็ได้เพิ่มน้ำ
    หนักให้กลับกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยให้ส่งทหารไปอิรัก และทำให้
    คนญี่ปุ่นได้รับรู้ถึงอันตรายที่อยุ่ไม่ไกลนัก  และอาจส่งผลต่อ
    นโยบาย ญี่ปุ่นต่ออิรักพอสมควร

    อย่างไรก็ตาม มีคนอีกกล่มหนึ่ง ซึ่งมีไม่น้อยเช่นกัน มองว่า
    กรณีนี้ "น่าจะเป็นความรับผิดชอบส่วนตัว " ในเมื่อคนเหล่า
    นี้รู้ว่า มีอันตราย แต่ยังดั้นด้นไป   หากพูดภาษาชาวบ้าน
    ของฝั่งนั้นก็คือ "ดั้นด้นไปหาที่ตายเอง"   ดังนั้นคนกลุ่มนี้
    จึงถือข้างฝ่ายรัฐบาล ที่ไม่ยอมอ่อนข้อ  และ บางคนถึงขั้น
    เข้าไปก่อกวน ญาติของผู้ลักพาตัว เพื่อสร้างความรำคาญให้
    เช่นแกล้งโทรเรียกแท๊กซี่ให้ไปรับ ทั้งๆ ที่ญาติๆ ไม่ได้โทร
    ไป

    ญาติของผู้ลักพาตัวเอง ตอนแรก ก็ค่อนข้าง มีท่าทีที่ก้าวร้าว
    และมีการขึ้นเสียง กับ กระทรวงต่างประเทศ  และมีท่าทีใน
    เชิงรุก

    แต่เมื่อสื่อญี่ปุ่น แสดงให้เห็นว่า กระแสประชาชน แบ่งออก
    เป็นสองกลุ่มใหญ่ๆ ก็ทำให้ท่าทีอ่อนลง อย่างน้อย ก็เพื่อ
    เป็นการลดกระแส ของกล่มที่ พยายาม ผลักดัน ให้ปัญหา
    นี้ เป็นเรื่อง ของ "ความรับผิดชอบส่วนตัว"

    ในวันอาทิตย์ก็มีแถลงการณ์จากฝ่ายลักพาตัว ว่า จะปล่อย
    ตัวประกันทั้งสามคน ด้วยเหตุผลว่า"คนญี่ปุ่นประท้วงรัฐบาล"
    แสดงให้เห็นว่า คนญี่ปุ่น ไม่สนับสนุน การส่งทหารไป  

    แถลงการฉบับนี้ นี่สนใจ ตรงที่ว่า  มีการแยกการวิจารณ์ออก
    จากกัน คือ "วิจารณ์รัฐบาลญี่ปุ่น" แต่ "ไม่วิจารณ์ประชาชน
    ญี่ปุ่น" หรือ อาจพูดง่ายๆ ว่า "รัฐบาลญี่ปุ่นเลว" แต่ประชาชน
    ญี่ปุ่นไม่เลว

    ผมสังหรณ์ใจว่า แถลงการณ์นี้ เป็นการเขียนร่วมกันระหว่าง
    ผู้ถูกลักพาตัว กับ ผู้ลักพาตัว เพราะเนื้อหา ของแถลงการณ์
    มีความเข้าใจสถานะการณ์ในญี่ปุ่นมากเกินกว่าปกติ แต่นั่น
    ก็เป็นเพียงความสังหรณ์ใจ ที่ไม่มีหลักฐานประกอบ เป็น
    เพียงสังหรณ์จากการอ่านแถลงการณ์

    ข่าวผู้ถูกลักพาตัวชาวอิตาลี่ ถูกฆ่า ไปหนึ่งคน ทำให้ผมเอง
    ก็ไม่แน่ใจว่า คนญี่ปุ่นจะปลอดภัยจริงหรือ ดังนั้น จึงยังคงติด
    ตามข่าวอย่างใจจดใจจ่อ

    และเมื่อคืนนี้ประมาณสามทุ่ม ก็มีข่าวออกมาว่า ถูกปล่อยตัว
    แล้ว  โดยมีกลุ่มสมามคม อิสลามกลุ่มหนึ่ง เป็นตัวกลาง โดย
    มีภาพของ"นิฮองเทเลบิ" ที่เป็นสถานีเดียว ที่ได้เก็บภาพ
    ตั้งแต่การนำออกมาจากห้องพร้อมมีผ้าปิดหน้า

    และจังหวะที่เปิดหน้า ดูเหมือนผู้ถูกลักพาตัวทั้งสามคน ยัง
    ไม่เชื่อว่า ตัวเองได้รับการปล่อยตัว คิดว่า เป็นการถ่ายวีดีโอ
    เทปม้วนใหม่

    น้ำตาจากผุ้หญิงที่ถูกลักพาตัว ...ทุกคนยังไม่เชื่อว่าสิ่งที่
    เห็นเป็นจริง


    ความดีใจของญาติ ที่รู้ว่า ได้รับการปล่อยตัว  
    เป็นละครชีวิตเรื่องยาว ที่ได้มาถึงจุดคลี่คลายในระดับหนึ่ง

    ผมประทับใจ กับคำให้สัมภาษณ์ของน้องสาว ของเอ็นจีโอ
    ที่ถูกลักพาตัวไปว่า

    "สิ่งแรกที่อยากบอกพี่สาวคือ  ให้ขอโทษชาวญี่ปุ่น ทั้งหมด
    ที่ได้สร้างปัญหาขึ้น และในขณะเดียวกัน ก็ขอให้พี่สาวมยืด
    อกอย่างภูมิใจกับภาระกิจที่ทำในอิรัก"

    เป็นการให้สัมภาษณ์ ที่ผมชอบที่สุด และ ผมรู้สึกว่า ดีที่สุด
    ในรอบหลายๆ ปีที่ผ่านมา   และ น้องสาวคนนี้ สมกับ ที่เป็น
    น้องสาวของ อาสาสมัคร ที่เสี่ยงตายไปอิรัก  คือ อ่อนน้อม
    แต่ แกร่งกล้า

    เหตุการณ์การลักพาตัวอาจทำให้คนญี่ป่นหลายคนรู้สึก
    รำคาญ ที่ คนกลุ่มนี้ แม้รู้ว่าอันตราย ก็ยังไป  ดังนั้น การขอ
    โทษคนญี่ปุ่น จึงหน้าเป็นทางเลือกที่ถูก  แต่ในอีกด้าน การ
    ไปอิรัก ก็ถือว่าไปทำหน้าที่ในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง ซึ่งเป็น
    สิ่งที่ควรภูมิใจ

    ......
    สามคนถูกปล่อย สองคนใหม่ถูกจับ
    คอมเมนเตเตอร์ คนหนึ่งพูด
    "ทั้งสองคน ก็รู้ว่าอันตราย แต่ไป ควรเป็นความรับผิดชอบ
    ส่วนตัวไม่ใช่หรือ"

    นักข่าวภาคสนามตอบ
    "ความรับผิดชอบส่วนตัว แปลว่าอะไร ในมุมหนึ่งอาจบอก
    ได้ว่าเป็นเช่นนั้น  แต่วิชาชิพนักข่าว ก็คือ การเข้าไปหา
    ความจริง มาบอกให้โลกรู้    

    คุณรู้ไหม การมีนักข่าว ทำข่าว ทำให้ การฆ่ากัน ทำได้ยาก
    ขึ้น หากไม่มีนักข่าวทำข่าวนี้  หากไม่มีคนจับตาแบบนี้ อาจ
    มีการทำลายล้างมากกว่านี้"
    ......
    ......
    ผมนึกถึงประสบการณ์ครั้งหนึ่งในอดีต

    ผมเห็นด้วยอย่าวยิ่งกับนักข่าวภาคสนาม
    แล้วคุณล่ะ

    ขอแสดงความนับถือ

    ยาโมเมะ

    จากคุณ : ยาโมเมะ - [ 16 เม.ย. 47 10:11:17 ]