ความคิดเห็นที่ 1
เมื่อมีผลต้องมีเหตุ
เงินบาทที่ร่วงลงในช่วงนี้ เพราะ
1. น้ำมันแพง และน้ำมันปกติ quote ราคาเป็นเงิน USD เราต้องเอาเงินบาทไปแลกเป็น USD รวมทั้งมาตรการประหยัดพลังงานของรัฐบาลล้มเหลว เพราะปากบอกให้เขาประหยัด แต่ตัวเองเอาเงินภาษีประชาชนไปอุดกลัวประชาชนใช้ของแพง ผลคือกองทุนน้ำมันมีหนี้แก่สถาบันการเงินต่างๆ 2 หมื่นกว่าล้านบาท จำเป็นต้องตั้งงบประมาณเพื่อดึงเงินภาษีประชาชนไปใช้หนี้
2. ไทยมีปัญหาขาดดุลการค้า สาเหตุมาจากน้ำมันแพง บวกด้วยการส่งออกสินค้าเกษตรหลักๆที่ตกต่ำ จากไข้หวัดนก ถึงแม้จะส่งออกเพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์ แต่ก็ทำให้ไทยนำเข้าสินค้าทุนเพิ่มขึ้นด้วย (เพราะเราผลิตเครื่องจักรไม่เป็น ขนาดปุ๋ยบำรุงพืชเพื่อปลูกส่งออก เรายังต้องนำเข้าจากจีนกับยุโรปเลย)
3. เงินทุนไหลออก --- ต่างชาติมองเห็นการชะลอตัวอย่างชัดเจนของเศรษฐกิจ 3.1) ตลาดหุ้นตกต่ำ ต่างชาตินำเงินออกเพราะกลัวมูลค่าสินทรัพย์ที่เป็นเงินบาทร่อยหรอลง (เงินเฟ้อ) แต่รัฐบาลมักปลอบใจว่าไม่น่ากลัว เพราะเป็นเงินทุนระยะสั้น 3.2) อัตราดอกเบี้ยในไทยต่ำกว่าเมืองนอก ฝากเงินหรือลงทุนในเมืองไทยไม่คุ้ม ต่างชาติเอาเงินไปฝากเมืองนอกหรือซื้อพันธบัตรเมืองนอกดีกว่า
4. ความเชื่อมั่นลดลง เพราะเกิด oversupply ในตลาดอสังหาแล้ว รวมทั้งหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น พร้อมๆกับมีรายงาน NPL ที่เพิ่มขึ้นในธ.กรุงไทย ซึ่งเป็นธ.ขนาดใหญ่ คนจึงสงสัยว่าแล้วตัวเลขในธ.รัฐแห่งอื่นเป็นยังไงบ้าง เพราะไม่ยอมเปิดออกมา
แต่ยังไงก็ตามจะทำนายอนาคตก็ยาก มีคนทำนายว่าเงินดอลล่าร์จะต้องอ่อนลง เพราะอเมริกาเองมีปัญหา record hight deficit คือ ที่ผ่านมาตลอด 10 ปี เงินดอลมีมูลค่าสูงเกินจริง คนอเมริกันเห็นอะไรถูกไปหมดก็ซื้อแต่ของนำเข้า ก็เลยขาดดุลการค้า ประจวบเหมาะกับฟองสบู่.comแตกปี 2000 ทำให้เกิดเศรษฐกิจตกต่ำอยู่ช่วงหนึ่ง ธ.กลางพยายามเบรคไม่ให้มันลงเหวด้วยการกดดอกเบี้ยต่ำเป็นประวัติการณ์ คนอเมริกันเห็นดอกเบี้ยต่ำก็ก่อหนี้สินล้นพ้นตัว เสริมด้วยการรุกรานและยึดครองอิรักที่ต้องใช้เงินมาก รัฐบาลก็ต้องไปก่อหนี้เพิ่มอีก แต่เศรษฐกิจอเมริกาก็กำลังฟื้นตัวเหมือนกัน พร้อมๆกับความเสี่ยงเงิน อเมริกาจึงต้องขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัดกั้นเงินเฟ้อ
แคนาดาเศรษฐกิจอาจจะชะลอลง แต่แคนาดามีพื้นฐานแข็งแกร่งมากที่สุดในกลุ่ม G-8 ในขณะนี้ เพราะช่วง 10 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลพรรค Liberal พยายามตัดลดหนี้สาธารณะทุกวิถีทาง รวมทั้งดอกเบี้ยก็อยู่ในช่วงขาขึ้น แต่ธ.กลางเขาไม่รีบร้อน มีนโยบายโตช้าๆ แต่ยั่งยืน เพราะอยากจะรอดอกเบี้ยอเมริกาให้ขึ้นมาทันก่อน ถ้าแคนาดาขึ้นดอกไปก่อน เงินไหลเข้าแคนาดาเร็วเกิน CAD จะแข็งค่ากว่านี้ จะกระทบส่งออกไปอเมริกา จะบอกให้ตอนนี้ฝากออมทรัพย์ในแคนาดาแบบพวก high interest savings เช่นที่ ING Direct, President's Choice, TD, Scotia, BMO ได้ตั้งแต่ 2.2-2.5% ในขณะที่ฝากประจำในไทยได้แค่ 1% หรือออมทรัพย์ธรรมดาได้แค่ 0.75% พันธบัตรในแคนาดาทั้งรัฐบาลและเอกชนก็ให้อัตราน่าดึงดูดใจ(แค่แคนาดาอย่างเดียว ประเทศอื่นก็ใช่ แล้วเงินไทยไม่ไหลออกได้ไงเพ่)
กลับมาดูเมืองไทย ตอนนี้เรากำลังเจอแรงกดดันจากอัตราดอกเบี้ยที่อื่นที่สูงกว่า เงินไหลออก เงินบาทอ่อน ไทยอาจต้องขึ้นดอกเบี้ยเร็วๆนี้ เพื่อรักษาค่าเงินบาทเอาไว้ไม่ให้แกว่งเกินไป แต่ฝ่ายรัฐบาลชอบอ้างว่า สภาพคล่อง(เงินฝากธนาคาร)ยังเหลือเพียบ ดอกเบี้ยต่ำยังไหว ซึ่งก็ใช่ แต่เขาไม่ได้พูดว่าบัญชีเงินฝากเหล่านั้นเป็นของบริษัทขนาดใหญ่และเศรษฐีเสียเป็นส่วนใหญ่ เขาคงไม่ถอนเงินสำรองส่วนตัวพวกนั้นออกมากินใช้กันหรอก ในขณะที่คนส่วนใหญ่ไม่มีจะกิน หรือเป็นหนี้เป็นสิน จะมีเงินออมได้ไง ดังนั้นดอกเบี้ยจะต้องขึ้นในไม่ช้า
ฉะนั้น เงินบาทที่อ่อนเวลานี้น่าจะชั่วคราว "อั้น"นานไม่ได้อีกแล้ว แต่ก็ควรติดตามภาวะเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด ดูตลาดหุ้นเป็นตัววัดก็พอ ช่วงนี้แกว่งตัวน่ากลัวมาก ขึ้นเกือบ 2% เวลาลงก็ลง 2% แสดงถึงความไม่มั่นใจ ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น ซึ่งขัดแย้งต่อคำประกาศความสำเร็จของโครงการเอื้ออาทรต่างๆ ปัญหาการเมืองที่ใกล้เลือกตั้งแล้ว แต่คาดการณ์ว่าหลังเลือกตั้งคงไม่ราบเรียบเหมือน 3 ปีที่แล้ว
แต่จขกท.อย่าเชื่อผมมาก เพราะไม่ได้เป็นนักเศรษฐศาสตร์ แต่เผอิญลงทุนไว้บ้าง และค้าขายด้วย ไม่อยากเชื่อรัฐบาล ฝ่ายค้าน หรือนักวิชาการอะไรทั้ง จึงพยายามติดตามข่าวใกล้ชิด มีอะไรจะได้เอาตัวรอดทัน
จากคุณ :
แคเนเดี้ยนแมงเม่าพลัดถิ่น
- [
29 ก.ค. 47 13:35:44
A:202.133.137.71 X:
]
|
|
|