ความคิดเห็นที่ 1 ตอบแบบไม่ได้อ้างอิงหลักฐานนะ (เอาประสบการณ์ที่เห้นในฐานะเคยทำงานราชการที่นี่มาก่อน) บางหน่วยแบ่ง แต่บางหน่วยไม่แบ่ง (แต่เขาก็ไม่แบ่งแบบเป็นล่ำเป็น โดยเฉพาะครู เขาไม่มีขีดอะไรบนบ่านะ) ถ้าเป็นฝ่ายกองทัพและตำรวจ เขาแบ่งตำแหน่งปรกติธรรมดา มีแง่งมีขั้นบ่งบอกตำแหน่ง ฝ่ายการศึกษา ทั่วๆ ไปไม่เห็นแบ่งแบบชัดเจน(หมายถึงในรูปแบบของซี และยูนิฟอร์มที่สวมใส่) ที่แบ่งชัดเจนคือเขาจะแบ่งเกรดระดับเงินเดือน ทั้งนี้ทั้งนั้นแล้วแต่governorโรงเรียนจะตั้งกฏเกณฑ์สตาร์ทที่เกรดไหน เป็นต้นว่า เกรด F ก็ที่เงินเดือนก็ปีละ 16k อะไรทำนองนี้ ฝ่ายสารณสุข ดอกเตอร์ ก็ตามปรกติธรรดา เริ่มที่จูเนียร์ดอกฯ ถ้าจำไม่ผิดต่อไปก็เป็น regestar (สะกดไม่ถูกชัวร์) แล้วก็นายแพทย์ใหญ่ หรือไม่ก็ จีพี พยาบาล ต่ำสุดเขาเริ่มที่ auxilliary nurse จากนั้นก็เริ่มเป็นพยาบาลเต็มที่ grad D, E, F, G, H ตามลำดับ ฝ่ายการปกครอง รู้สึกว่าเขาก็จะไม่แบ่งในรูปธรรมที่ชัดเจนนะครับ (คือไม่มีการสวมชุดมาเบ่งใส่กันหรือเบ่งใส่ประชาชน) ข้าราชการการเมือง ไม่ค่อยจะเข้าไปก้าวก่ายข้าราชประจำเหมือนบ้านเรานะ เท่าที่เคยอยู่ในวงราชการมากว่าสามปี ส่วนใหญ่(โดยเฉพาะครู) จะไม่ค่อยมีการเบ่งเรื่องตำแหน่ง เวลาเข้าประชุมก็อัดกัน ค้านกัน ไม่สำคัญว่าหมู่หรือจ่า (อันนี้ผมเล่าตามประสบการณ์ที่ผ่านมานะ อาจจะไม่จริงทุกกรณี) แฮะๆ เสียอย่างเดียว เรื่องไอเดียน่ะยกให้เขา แต่เรื่องปฏิบัติ ต้องใช้ชะแลงงัดกันออกมาจากเก้าอี้มาเริ่มลงมือปฏิบัติ หน่วยงานอื่นๆ จะไม่เคร่งครัดเรื่องอาวุโสมากนัก....เว้นแต่หน่วยงานของตำรวจ ทหาร และพยาบาล กล่าวเฉพาะพยาบาลนี่....เรื่องอาวุโสนี่สำคัญต่อชีวิตคนไข้อย่างยิ่งยวด ภารกิจบางภารกิจ เขากำหนดไปเลยว่าต้องพยาบาลที่เกรดนั้นเกรดนี้จึงจะสามารถทำได้ เพราะมันหมายถึงความเป็นความตายของคนไข้.... เอาแค่นี้ล่ะกัน จากคุณ : คนอุดรฯ - [ 17 ส.ค. 47 14:26:35 A:80.41.193.136 X: TicketID:031873 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เข้ามาเสริมในฐานะทำงานราชการท้องถิ่น การแบ่งชั้นมี ตามตำแหน่ง หรือเรียกว่า เกรด การเลื่อนเงินเดือนจะเป็นไปตามระยะเวลาทำงาน ซึ่งจะอยู่ในช่วงฐานเงินเดือนของเกรดนั้น ๆ (ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความดีความชอบที่เรามีคือ ปีนี้เลื่อน หนึ่งขั้น หรือสองขั้น ฯลฯ แต่จะได้เลื่อนอัตโนมัติ) แต่ถ้าติดเพดาน ก็จะติดอยู่อย่างนั้น ยกเว้นจะไปสมัครงานในเกรดใหม่ (ถ้าสมัครอยู่ในระบบราชการ ถึงแม้จะคนละเขตปกครอง เงินบำนาญก็ยังคงมีผลต่อเนื่อง แต่นั้นหมายถึงการทำงานมีระยะเวลาต่อเนื่อง) ผลเสียของระบบเงินเดือนแบบนี้คือ ทำดี ทำชั่ว ได้เท่ากัน บางครั้งทำให้มีคนไม่ค่อยขยันเยอะ (แต่ขึ้นอยู่กับหน่วยงานเพราะส่วนมากงานจะมาก เพราะรายงานเยอะ) ผลดีคือไม่ต้องเลียขานาย แต่นายจะปกครองลูกน้องแบบเอาเงินเดือนเลื่อนขั้นมาว่ากันยากหน่อย ปัจจุบันระบบนโยบายแต่ละท้องถิ่นเปลี่ยนเร็ว (พยายามรวมตัว แยกตัว ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่านโยบายใครขึ้นมา) ช่วงนี้เงินมาทางสาธารณสุข กับการศึกษาเยอะหน่อย แต่ส่วนการบริหารท้องถิ่น ถูกจำกัดด้วยงบภาษาท้องถิ่นที่จัดเก็บ แต่มีงานที่ทั้งรับหน้าที่โดยเฉพาะ กับงานนโยบายที่รับมาจากส่วนกลาง อ้าว...พูดไปไกล มาว่าที่เกรด ดีกว่านะ แต่ละท้องที่เกรดการจ่ายเงินเดือนจะไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับค่าครองชีพของท้องถิ่นนั้น ๆ เช่น เขต Cambridgeshire จะต่างกับ Suffolk และถ้าทำงานให้กับ City Council ฐานเงินเดือนก็จะต่างกับ County Council ซึ่งก็เหมือนกับ NHS เงินเดือนในการว่าจ้างพยาบาลในแต่ละท้องถิ่นต่างกัน ในระยะนี้ระบบสาธารณสุข จะปรับฐานเงินเดือนใหม่หมด เพราะฐานเก่าใช้มาตั้งแต่ปี 1988 ซึ่งจะต้องต่อรองกับกลุ่มสหภาพแรงงาน และเขตสาธารณสุขในแต่ละท้องถิ่น ก่อนจะปรับเป็นแผนของภูมิภาค คาดว่าจะเสร็จสิ้นในเร็ววันนี้ ถ้าเห็นเขารับคนเข้าทำงานโดยบอกว่าจ่ายเท่านี้ถึงเท่านั้น ก็คือ เขาบอกช่วงเงินเดือนของเกรดตำแหน่งงานนั้นว่าเขาจะจ่ายจากเริ่มต้นที่เท่าไหร่ไปถึงติดเพดานเท่าไหร่ เราเข้าไปก็จะไปอยู่ไหน จะไปเริ่มที่ต่ำสุด หรือไปถึงขั้นติดเพดานเลย (ซึ่งเป็นไปได้ แล้วแต่คุณวุฒิ การศึกษา และประสบการณ์การทำงาน) ระบบราชการ..ส่วนมากจะมองที่ประสบการณ์ทำงานมากกว่าอย่างอื่น ยกเว้นพวกที่เขารับไปเข้าโครงการ fast track พวกนี้จะรับเด็กจบใหม่จากมหาวิทยาลัยมีชื่อ เกรดต้อง เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง หรือทางนี้เรียกว่าได้ 2:1 สมัยก่อน ๆ โน้นพวกรับราชการท้องถิ่นมักมาจากคนรู้จักกัน ความรู้ไม่ได้เรียนเยอะ อาศัยว่าทำไปนาน ๆ แล้วราชการก็มีคอร์สอบรมโน้น อบรมนี้มาตลอด คนก็อยู่กันได้นาน ปัจจุบันลักษณะการบริหารเปลี่ยน มีการรับคนรุ่นใหม่เยอะขึ้น พิมพ์เหนื่อยแล้ว...เอาแค่นี้เหมือนกันนะค่ะ จากคุณ : บีพี - [ 18 ส.ค. 47 03:30:10 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ขอบคุณคุณบีพีครับ ผมเอาโพสต์เก่าผมมาเสริมนะครับ เป็นเกร็ดความรู้ในตัวไปก็ได้ ซึ่งเป็นความรู้เกี่ยวกับเขตการปกครองของอังกฤษที่หลายคน(รวมทั้งผมด้วย)ยังงงอยู่ การพยายามที่จะเข้าใจระบบเขตการปกครองของอังกฤษ .สิ่งแรกที่ผมอยากแนะนำก็คือ ต้องไม่พยายามตั้งคำถามตัวเองในใจว่าแล้วนี่เขาแปลว่า จังหวัด ?? อำเภอ ?? หรือว่าตำบล?? .ไม่เช่นนั้นเราจะงง ฉะนั้นขอออกตัวว่าผมจะยังไม่แปลตรงนี้ว่า County Council, District Council, Parish Council แปลว่าอะไร . แต่จะพยายามไล่เขตการปกครองในอังกฤษตั้งแต่ระดับล่างขึ้นไปหาระดับสูง .และหวังว่าท้ายสุดคนอ่านคงจะมองเห็นภาพ และสามารถ “เทียบเคียง” กับระบบการปกครองของไทยได้ อังกฤษแบ่งเขตการปกครอง 2 ส่วนคือ “ส่วนภูมิภาค” และ “ส่วนกลาง” ผมขอไม่กล่าวถึงส่วนกลางหรือที่เรียกว่าMetropoitan District Council แต่จะขอเน้นที่ส่วนภูมิภาค “Parish Council” บางทีเขาก็เรียก Town Council คือองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นที่เล็กที่สุดในส่วนภูมิภาคของอังกฤษกก็คือ ทุกๆ สี่ปีคนในท้องถิ่นจะไปหย่อนเลือกบัตรเลือก Councillor เพื่อทำมาทำหน้าที่บริหารท้องถิ่นนั้นๆ อนึ่ง อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการดูจะไม่ค่อยชัดเจนนัก เพราะเป็นองค์การที่เล็กประการหนึ่ง และอีกประการหนึ่งองค์การนี้ไม่จำเป็นต้องมีทุกเมือง(หัวเมืองใหญ่ๆ จะไม่มีองค์การนี้ในโครงร่างของการบริหาร) Parish Council แห่งนี้จะขึ้นตรงต่อองค์การบริหารที่สูงกว่า ซึ่งเป็นองค์การถัดไป “District Council”บางสถานที่เขาก็ใช้ Borough Councilให้ปวดขมับกันเล่นๆ แต่ความหมายไม่หนีกันนัก โดยทั่วไปแล้วหัวเมืองต่างๆ มักจะมี District Council อย่างน้อย 4-15 แห่งแล้วแต่อาณาเขตของเมืองนั้นๆ อำนาจหน้าที่ขององค์กรนี้ถูกแบ่งและกระจายจากองค์กรที่สูงกว่าออกมาอย่างชัดเจน กล่าวโดยทั่วไป องค์กรนี้จะสัมผัสและเข้าไปมีบทบาทกับวีถีชีวิตของคนท้องถิ่นมาก เป็นต้นว่า คอยควบดูแลแผนการก่อสร้างไม่ว่าเป็นบ้าน หรืออาคารองค์การนี้เป็นผู้อนุมัติ, ดูแลสิ่งแวดล้อม, ซ่อมบำรุงท้องถนนในเขตที่รับผิดชอบ องค์กรนี้มีสามารถออกกฏหมายท้องถิ่น(แต่ต้องไม่ขัดกับกฏหมายหลัก)เพื่อใช้ในความเหมาะสมของท้องถิ่นนั้นๆ เขาเรียกว่า Bye-Law ฯลฯ ทุกๆ สี่ปีคนในท้องถิ่นจะไปหย่อนเลือกบัตรเลือก Councillor เหมือนกับองค์กรแรก “County Council” องค์การนี้ถือว่าเป็นองค์การที่สูงสุดในส่วนภูมิภาค ภาษาอังกฤษที่ลงท้ายด้วย Shireๆ ทั้งหลายแหล่ล้วนหมายถึง County Council (และรวมถึงไอ้ที่ไม่ลงท้ายด้วย Shire ด้วยนะ) องค์การนี้จะขึ้นตรงต่อส่วนกลางคือภาครัฐ อำนาจหน้าบางส่วนขององค์กรนี้ถูกกระจายลงไปสู่ District Council อย่างชัดเจน ส่วนอำนาจที่เหลือก็จะเป็นส่วนกลางๆ เป็นต้นว่า รับผิดชอบเรื่อง การศึกษา, สังคมสงเคราะห์, การขนส่งมวลชน, ห้องสมุด ฯลฯ เนื่องจากว่าองกรนี้เป็นองค์กรที่ใหญ่ทั้งในด้านภูมิศาสตร์ และในด้านรัฐศาสตร์ บางแห่งมีการแบ่งเขตการปกครองขึ้นมาพิเศษอีกเขตหนึ่ง ซึ่งมีอำนาจเป็นเอกเทศจาก County Council และขึ้นตรงต่อภาครัฐโดยตรงเช่นกัน เขาเรียกว่า Unitary Authouriy .ยกตัวอย่างเช่น Dorset ซึ่งเป็น County Council ที่ผมอยู่ ตามภูมิศาสตร์แล้ว ประกอบด้วยBournemouth, Poole Weymouth Portland และ หัวเมืองเล็กๆ อีกประปราย ในทางรัฐศาสตร์ . เมืองBournemouth และ Poole เป็น Unitary Authority คือมีอำนาจเป็นเอกเทศไม่ขึ้นตรงต่อ Dorset County ถ้าจะว่าไปแล้วก็เหมือน county แบบกรายๆ ทุกๆ สี่ปีคนในท้องถิ่นจะไปหย่อนเลือกบัตรเลือก Councillor สรุป ระบอบการปกครองส่วนภูมิภาค แบ่งออกได้สองประเภท คือ County Council (คือcounty council กระจายอำนาจบางส่วนให้กับ district council ในทางทฤษฏีเขาจะอ้างระบบการปกครองนี้ว่า Two Tier Local Government) ส่วนอีกประเภทหนึ่งก็คือ Unitary (คือ มีเขตภูมิศาสตร์ขึ้นตรงต่อCounty แต่ในทางรัฐศาสตร์กลับเป็นเอกเทศในการปกครองและบริหาร) มาถึงจุดนี้ .ผมหวังว่าคงจะมองภาพออกลางๆ ว่า ควรจะเปรียบเทียบระบอบการปกครองเช่นนี้กับประเทศไทยในแนวใหน?.....โดยส่วนมากจะคล้ายคลึงกัน แต่ก็มีบางส่วนที่แตกต่าง . จากคุณ : คนอุดรฯ - [ 18 ส.ค. 47 04:44:15 A:80.41.224.133 X: TicketID:031873 ]

ความคิดเห็นที่ 4 โอ้โห... เก่งจังเลยอะค่ะ ขอบคุณที่นำความรู้มาแบ่งปันนะคะ จากคุณ : pizzy - [ 18 ส.ค. 47 07:08:24 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ขอบคุณความเห็นของทุกๆ ท่านนะค่ะ ตอบละเอียดและเป็นประโยชน์มากๆ เลยค่ะ จากคุณ : ส้ม (เจ้าของกระทู้) - [ 21 ส.ค. 47 23:16:59 A:157.228.147.93 X: TicketID:001189 ]