ความคิดเห็นที่ 1 The Fatal Equilibrium งานแปลมรณะ ผมเคยบ่นคุณภาพของงานแปล เรื่อง "ดุลยภาพมรณะ" ที่ดันขายดีติดอันดับซะด้วย ว่าแปลได้แปลกประหลาด แปร่งๆ มาก ขนาดผมไม่ได้อ่านต้นฉบับภาษาอังกฤษยังรู้สึกได้ว่าแปลตรงนั้นตรงนี้ไม่น่าจะถูก ด้วยความอนุเคราะห์ของคุณ B หาต้นฉบับภาษาอังกฤษมาให้ ผมได้อ่านเทียบกันแล้วก็แทบจะหงายหลังตกเก้าอี้ไปเลย เพราะมันยืนยันความเชื่อเดิมของผมว่าอาจารย์ผู้หญิงคนแปลนั้นเป็นได้แค่นักเศรษฐศาสตร์ เป็นนักแปลไม่ได้เป็นอันขาด แต่ขนาดผมเชื่ออย่างนั้นอยู่แล้วผมก็ยังพบด้วยความอัศจรรย์ใจว่าคนแปลเธออ่อนภาษาอังกฤษจนเหลือเชื่อ อ่อนมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เธอมาแปลหนังสือขายได้อย่างไร ผมไม่เข้าใจเลย เหมือนเด็กที่เรียนเพียงวิชาสุขศึกษา ป. 1 จบแล้ว นึกว่าตัวเองผ่าตัดหัวใจได้ ผมกำลังสงสัยเสียด้วยซ้ำ เนื่องจากคุณภาพงานแปลไม่สม่ำเสมอ ลุ่มๆ ดอนๆ ไม่เหมือนกันตลอดเล่ม ผมเลยสงสัยว่าอาจารย์สาวที่มีชื่อปรากฏเป็นผู้แปลบนปกนั้น อาจจะไม่ไ่ด้แปลเอง แต่แบ่งเป็นตอนๆ ให้คนอื่น เช่น ลูกศิษย์หลายๆ กลุ่ม ช่วยกันแปลรึเปล่า แล้วฮุบเอาเครดิตว่าตัวเองแปลเองหน้าตาเฉย หากเป็นกรณีนี้จริง ผมเสียใจที่จะเรียนอาจารย์ผู้นั้นว่าไม่ใช่แต่แค่เครดิตนะครับที่อาจารย์ได้ แต่อาจารย์ถูกดิสเครดิตด้วยว่าอ่านภาษาอังกฤษไม่แตก ต้องรับด้วยเหมือนกัน อ่านแล้วสนุกมากและกลุ้มใจมาก ในต่างประเทศต้นฉบับเขาใช้เป็นหนังสืออ่านประกอบวิชาเศรษฐศาสตร์ ในเมืองไทย ผมเสนอให้ใช้อ่านประกอบวิชาการแปล นักเรียนจะได้จำไว้เป็นเยี่ยงอย่างว่า อย่าแปลอย่างนั้น จะยกตัวอย่าง gems หรือจุดที่ "สุดๆ ไปเล้ย" บางจุดในสำนวนแปลฉบับไทยให้ฟังนะครับ จากคุณ : WIWANDA - [ 30 ส.ค. 47 04:32:33 ]

ความคิดเห็นที่ 2 like แปลได้หลายอย่าง อย่างน้อยสองอย่างคือ มีลักษณะเหมือนหรือคล้าย ความหมายหนึ่ง และ ชอบพอกัน อีกความหมายหนึ่ง จะมีความหมายหนึ่งหรือความหมายสองก็ต้องดูบริบท (บริบทสำคัญมากสำหรับนักแปล การเพียงเปิดดิกชนรีว่าคำัอังกฤษนี้แปลว่าอะไร แล้วคว้าความหมายแรกที่เห็นเอามาเรียงต่อๆ กันในภาษาไทย แล้วได้ผลงานที่อ่านไม่รู้เรื่องนั้น ไม่เรียกว่าการแปลหนังสือ) ประโยคอย่าง Foster Barrett was surprised to find himself on the P and T committee, for he knew he was not well liked among elements of the Harvard faculty. จึงควรแปลได้ง่ายๆ ว่า ฟอสเตอร์ บาร์เร็ตต์ ประหลาดใจที่พบว่าตัวเขาไปมีชื่อร่วมเป็นกรรมการในคณะกรรมการ P &T (คือ คกก. คัดเลือกเลื่อนอาจารย์ประจำ) ด้วย เพราะเขารู้ดีว่าเขาไม่เป็นที่ชอบนัก หรือไม่ค่อยมีใครชอบขี้หน้าเขานัก ในบรรดาอาจารย์กลุ่มต่างๆ ของฮาร์วาร์ด ฉบับไทยแปลว่า "บาเรทท์รู้สึกแปลกใจที่พบว่าเขามาอยู่ในกรรมการพิจารณาเลื่อนตำแหน่ง เพราะเขารู้ว่าเขาดูไม่เหมาะสมเหมือนสมาชิกคนอื่นที่มีความสามารถของฮาร์วาร์ด" "not well liked" ไม่ได้แปลว่า "ดูไม่เหมือน" ครับ โ๋ธ่... นอกจากนั้น ผมเคยตั้งข้อสังเกตไว้แล้วว่า คนแปลเธอมีปัญหากับคำว่า faculty ดูเหมือนเธอจะไม่เคยรู้เลยว่าคำนี้แปลว่า คณาจารย์ ได้ด้วย พอเจอคำว่า "แฟคัลที่" เข้าที่ไหนเธอก็เฉไฉแปลผิดไปได้ทุกที่ ดูเหมือนเท่าที่ผมจำได้ ตลอดเล่มเธอไม่เคยแปลได้ว่าอาจารย์ซักที่เดีัยว จากคุณ : WIWANDA - [ 30 ส.ค. 47 04:36:26 ]

ความคิดเห็นที่ 3 Another gem... oh so precious gem... พระเอก (ชื่อ ศ. สเพียร์แมน) กำลังคุยเรื่องเศรษฐศาสตร์อยู่ ซึ่งเป็นเรื่องที่แกรู้ดีที่สุด พอคุยจบ หนึ่งในผู้ฟังซึ่งเป็นเพื่อนอาจารย์ที่สนิทกับแกแต่สอนวิชาภาษาอังกฤษก็บอกว่า เรื่องที่แกยกตัวอย่างมานั้นฟังแล้วเหมือนวรรณกรรมชิ้นหนึ่งของโจเซฟ คอนราด เรื่องนายสถานีรถไฟ พระเอกรู้เรื่องเศรษฐศาสตร์ แต่ไม่ค่อยรู้เรื่องวรรณกรรม ก็ถามว่า "I am sorry?" Spearman said. อันนี้ตามต้นฉบับนะครับ ถ้าให้ผมแปลหรือเด็กๆ ที่ภาษาอังกฤษใช้ได้หน่อยแปล ก็คงแปลว่า "อะไรนะครับ?" มีนัยว่า ขอโทษพูดใหม่อีกทีซิครับ (ผมฟังไม่ค่อยรู้เรื่องหรือผมฟังไม่ถนัดว่าคุณพูดอะไร) หลังจากนั้น (ตามต้นฉบับ) เพื่อนคนนั้นของแกก็พูดใหม่ และอธิบายขยายความ เหมือนเวลาที่ผมเรียนบทสนทนาภาษาอังกฤษเบื้องต้น เขาสอนว่า เวลาฝรั่งเขาพูดมา เราฟังไม่รู้เรื่อง เราอาจจะบอกว่า Pardon? หรือ Excuse me? หรือ I am sorry? แปลเหมือนกันหมดว่า ขอโทษครับ ว่าไงนะครับ? ผมเรียนบทสนทนาที่ว่านี่เมื่อผมอยู่ชั้นประถมนะครับ ลองมาดูกันซิว่าอาจารย์นักแปลเธอแปลว่ายังไง (ผมเชื่อว่าเธอเรียนสูงกว่าระดับประถม) "ผมรู้สึกเศร้าใจเรอะ" สเพียร์แมนเอ่ยขึ้น ผม (คนอ่าน) ตกเก้าอี้ครับ จากคุณ : WIWANDA - [ 30 ส.ค. 47 04:41:42 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ผมรู้สึกเศร้าใจจริงๆ ครับอาจารย์สเพียร์แมน และไม่ได้หมายความว่า "ไอแอมซอรี่" ด้วย หมายความว่าผมเศร้าสังเวชใจน่ะครับ สังเวชจริงๆ และเสียดายเงินค่าหนังสือด้วยครับ ลืมขอบคุณคุณ B เป็นอย่างมากที่กรุณาหาต้นฉบับให้ที่อเมริกาแล้วอุตส่าห์หิ้วกลับมาให้ผมด้วย ขอบคุณมากครับ วงการหนังสือแปลบ้านเรามันตกต่ำถึงขนาดนี้แล้วหรือครับ ? Another precious little gem. ฟอสเตอร์ บาร์เร็ตต์ คือตัวละครคนที่รู้ตัวดีว่าไม่ค่อยมีใครชอบหน้าเขาเท่าไหร่นั้น มีนิสัยที่เป็นเหตุผลอธิบายความไม่ชอบหน้านั้นได้คือ แกเป็นคนหัวสูง ถือตัวจัดว่ามาจากตระกูลสูงและเก่าแก่ในบอสตัน และดูถูกเหยียดหยามคนอื่นๆ ที่ไม่ได้มีชาติตระกูลสูงเท่าแก ฉะนั้นเวลาแกมานั่งในกรรมการพิจารณาคัดเลือกอาจารย์ แกก็คิดว่าหลักเกณฑ์ข้อหนึ่งที่ฮาร์วาร์ดควรใช้ประกอบการพิจารณารับอาจารย์ใหม่ (หรือแม้แต่รับเด็กนิสิตใหม่ด้วยเหมือนกัน) ไม่ใช่แค่ดูความสามารถเชิงวิชาการหรือดูคะแนนเท่านั้น แต่ควรต้องดู "ชาติตระกูล" หรือ"สายพันธุ์" ด้วย ซึ่งแกเรียกปัจจัยนี้ของแกว่า breeding ทำยังกับคนเป็นม้าแข่งยังงั้นแหละ ก็น่าอยู่หรอกที่คนอื่นเขาจะหมั่นไส้เอาน่ะ คำว่า Breeding นั้น ฉบับแปลมรณะแปลเป็นไทยว่า "เลือดผสม" ... ที่จริง ผมเข้าใจว่าควรแปลว่า เทือกเถาเหล่ากอ หรือสายเลือด หรือเชื้อสาย หรือชาติตระกูลมากกว่า สิ่งที่บาร์เร็ตต์ต้องการมากที่สุดในตัวสมาชิกใหม่ของคณาจารย์ไม่ใช่ "เลือดผสม" ตรงกันข้ามเลย ถ้าเป็นไปได้เขาต้องการ "เลือดไม่ผสม" หรือสายเลือดผู้ดีบริสุทธิ์ต่างหาก แปลอีท่าไหนน่ะถึงกลับหัวกลับหางยังงั้นได้ (ปล. ตามเรื่อง ในที่สุดอีตาบ้านี่ก็ถูกฆ่าตายครับ สมน้ำหน้า อยากดูถูกคนจนดีนัก...) จากคุณ : WIWANDA - [ 30 ส.ค. 47 04:47:18 ]

ความคิดเห็นที่ 5 Yet another gem. แพทตี้ ลูกสาวของ ศ. สเพียร์แมน เคยได้ยินพ่อเล่าให้ฟังถึงเรื่องราวของนายห้างขายแสตมป์เก่าหายากคนหนึ่งมานานแล้ว แต่ไม่เคยเจอหน้าพบกันสักทีเดียว จนวันหนึ่งอาจารย์สเพียร์แมนพาเธอไปที่ร้านแสตมป์เก่าร้านนี้ เธอจึงเพิ่งจะได้เห็นหน้าท่านผู้นั้นเป็นหนแรก เลยรู้ว่าวาดภาพในใจของนายห้างไว้ผิดไปไกลทีเดียว ความในภาษาอังกฤษว่า Patricia Spearman stood nearby and watched with great interest ... She had grown up on stories about some of Burckhardt (เป็นชื่อนายห้างคนนั้นครับ) 's coup in the stamp-collecting world ... Burckhardt chose to live in Cambridge, not far in fact from the Spearman home. But up to now Patricia had never laid eyes on the gentleman. ในที่นี้ the gentleman คือนายเบิร์กฮาร์ดท์ เป็นคนอื่นไปไม่ได้ ถ้าจะแปลก็ต้องแปลว่า "แม้ว่านายเบิร์กฮาร์ดท์จะเลือกอาศัยอยู่ในเมืองเคมบริดจ์ ไม่ไกลเลยจากบ้านสเพียร์แมน แต่จนกระทั่งถึงบัดนี้ แพทริเชียยังไม่เคยได้พบเห็นสุภาพบุรุษท่านนี้ (ย้ำ ท่านนี้แหละ มีคำว่า the บ่งอยู่ครับไม่ใช่ท่านไหนอื่น) เลย" แต่แน่นอนว่าแพทริเชีย ซึ่งเป็นสาวอเมริกันธรรมดา (ตามเรื่องว่าเธอเป็นสัตวแพทย์) ไม่ใช่นางในฮาเร็มอาหรับ ย่อมจะเคยเห็นผู้ชายหรือสุภาพบุรุษอื่นๆ มาแล้วมากมาย เธอไม่เคยเห็นก็แต่นายเบิร์กฮาร์ดท์คนนี้เท่านั้น คนแปลมรณะเธอแปลว่า "เบอร์กฮาร์ทเลือกพักอาศัยในเคมบริดจ์ ซึ่งความจริงก็อยู่ไม่ไกลจากบ้านของสเพียร์แมนนัก ทว่าขณะนี้ถึงแพทริเชียเองก็ไม่เคยมองสุภาพบุรุษหน้าไหนสักราย" แพทริเชียเป็นแม่ชีเหรอครับ? หรือเป็นกระสือ จึงมองหน้าผู้ชายไม่ได้เลยสักคน? แล้วเวลาเธอคุยกับพ่อเธอ เธอหลับตาไว้รึไง? จากคุณ : WIWANDA - [ 30 ส.ค. 47 04:53:02 ]

ความคิดเห็นที่ 6 มีข้อที่ควรรายงานด้วยว่า ที่ผมเคยกลุ้มใจไว้ในกระทู้เดิม ว่าสงสัยคนแปลเธอจะแปลผิด แต่ได้แต่สงสัยโดยไม่มีต้นฉบับตรวจสอบนั้น บัดนี้ได้ตรวจสอบแล้ว จริงอย่างผมคิดทุกที่เลยครับ อันที่ผมจำได้ติดใจ (another gem...) คือคำว่า record ซึ่งเธอแปลว่าบันทึก การจดบันทึก นั้น ต้นฉบับเดิมใช้คำว่า record จริงๆ แหละ แต่ใช้ในความหมายว่า สถิติ ประวัติการณ์ เรือเดินสมุทรที่พระเอกนั่งอยู่กำลังผจญพายุ พระเอกก็ปลอบใจตัวว่า เรือบริษัทนี้มีประวัติ หรือสถิติความปลอดภัยสูงนี่นะ อย่าเพิ่งเสียสถิติคือเรือล่มเสียในเที่ยวนี้เลย เธอดันแปลว่ามีการจดบันทึกในเรื่องความปลอดภัยไว้อย่างดี... เอาเข้าไป ก็ยังดีที่เธอไม่แปล record ว่าแผ่นเสียง เพราะมันแปลยังงั้นได้เหมือนกัน ผมเสียใจมากที่จะกล่าวว่า คนเขียนคำนิยมคืออาจารย์วรากรณ์ สามโกเศศ (ซึ่งผมเคยนับถือ) และบรรณาธิการบริหารคือคุณชวลิต เผ่าผม ขอสำนักพิมพ์เนชั่นกรุ๊ป นั้น ไม่ได้ทำการบ้านให้สมกับความรับผิดชอบ อาจารย์วรากรณ์หลับหูหลับตาเขียนเชียร์อาจารย์หฤทัย ผู้แปล ว่าภาษาอังกฤษเธอดี (!!!!!) ไอแอมซอรี่ แปลว่าผมรู้สึกเศร้าใจเรอะ - เอ๊ยแปลว่า ขอโทษนะครับอาจารย์ ภาษาอังกฤษอาจารย์วรากรณ์แย่ถึงขนาดนั้น คือแย่กว่าของอาจารย์หฤทัยอีกหรือครับจึงดูไม่ออกว่าภาษาอังกฤษของเธอแย่ขนาดไหน ผมไม่เชื่อว่าคนที่เขียนเรื่อง "โลกนี้ไม่มีอะไรฟรี" ได้น่าอ่านอย่างนั้นจะภาษาอังกฤษอ่อนขนาดนั้น งั้นอะไรปิดตาอาจารย์วรากรณ์อยู่น่ะครับ? ส่วน บก. ชวลิต ผมไม่ทราบว่า บก.เขาทำงานกันอย่างไรบ้าง ผมไม่ใช่ บก. แต่เป็นเพียงคนอ่าน แต่ บก.โอ๊ตที่ผมรู้จักดูเหมือนจะทำงานละเอียดลออและไม่ชุ่ย ผิดกับคุณชวลิตมาก คุณชวลิตได้อ่านต้นฉบับแปลของอาจารย์หฤทัยบ้างไหมก่อนพิมพ์ อ่านแล้วเคยสะกิดใจหรือสะดุดหรืิอกระตุกๆ ไปทั้งเล่มเหมือนผมไหม ถ้าไม่ได้อ่าน แปลว่าคุณเป็น บก. ที่ไร้ความรับผิดชอบ ไม่ควรทำงานนี้ต่อไป ถ้าอ่านแล้วไม่รู้สึก แปลว่าคุณเป็น บก. ที่ไร้ความสามารถ ไม่ควรทำงานเป็น บก. ต่อไปเหมือนกัน จากคุณ : WIWANDA - [ 30 ส.ค. 47 04:59:38 ]

ความคิดเห็นที่ 7 พอนึกขึ้นมาได้ว่าอ่านต้นฉบับแล้วช็อค ไม่อยากเชื่อว่าจะห่วยขนาดนี้ เลยนึกได้ถึง another gem ผมช็อคเรื่องคำว่าช็อคนี่แหละครับ shock คำนี้น่าจะแปลได้ง่ายสุดๆ แล้ว เพราะภาษาปากคนไทยเราใช้ทับศัพท์ ว่าช็อค ภาษาทางการทางการแพทย์จะแปลว่าอะไรผมก็ไม่รู้ แต่เขียนเป็นไทยว่า ช็อค ผมก็เข้าใจ แต่สงสัยว่า อ. หฤทัยหรือคนที่อาจารย์ให้ไปแปลแทนในนามเธอจะสายตาสั้น อ่าน shock เป็น short ในร้านขายแสตมป์หายากนั้น นายห้างเขาก็คุยกับ ศ. สเพียร์แมนว่า แปลกดีนะคุณว่ามั้ย คุณเป็นนักเศรษฐศาสตร์นี่ แสตมป์เก่าหายากบางดวงมีมูลค่าเป็นล้า่นๆ ทั้งที่ที่จริงก็เป็นแค่กระดาษชิ้นกระจิ๋วแผ่นหนึ่ง มีรอยพิมพ์ทำง่ายๆ ไม่ต้องลงทุนลงแรงอะไรมากเลย แต่ทำไมถึงขายได้แพงเช่นนั้น วิชาเศรษฐศาสตร์จะอธิบายอย่างไร ศ. สเพียร์แมนก็อธิบาย (อย่าลืมว่าหนังสือนี้เป็นหนังสือประกอบการเรียนวิชาเศรษฐศาสตร์) นายห้างก็บอกว่า เออ เข้าใจละ งั้นผมจะจำคำอธิบายของอาจารย์ไปอธิบายลูกค้าของผมบางคนที่ช็อคเวลาได้ยินราคาแสตมป์หายากพวกนี้ จะได้หายช็อค ต้นฉบับว่าดังนี้ "Tell me why, Professor. It might alleviate the shock for some of my customers when I tell them what little patches of paper now cost" "I can well imagine their shock because people are so accustomed to thinking of prices as approximating the cost of production, as it usually does under conditions of free competition. But (ศ. สเพียร์แมนอธิบายต่อไปด้วยเหตุผลทางเศรษฐศาสตร์ ว่าทำไมในกรณีแสตมป์หายากจึงไม่เป็นเช่นนั้น ซึ่งผมขอไม่คัดลงละครับ)... " ฉบับแปลมรณะที่น่าสงสารว่าดังนี้ "อ้าว งั้นบอกผมหน่อยเถอะ ท่านศาสตราจารย์ ว่าทำไมเป็นงั้น มันอาจจะช่วยบรรเทาภาวะขาดแคลนให้กับลูกค้าของผมบางคนได้ เมื่อผมบอกพวกเขาว่าเป็นสิ่งที่พอกร้อมแกร้มได้เล็กน้อย ตอนต้นทุนกระดาษมันแพงน่ะ" (ผมสะกด กร้อมแกร้ม ตามฉบับภาษาไทยของอาจารย์หฤทัย ผมเข้าใจว่าคำนี้ ที่ถูกสะกด - กล้อมแกล้ม และผมเห็นเหมือนกัน ว่ามันไม่เข้ากับเรื่องหรือเข้ากับความในภาษาอังกฤษเลย) "ผมนึกออกเลยตอนเกิดภาวะขาดแคลนขึ้นกับพวกเขาน่ะ เพราะประชาชนรู้สึกชิน กับการคิดถึงราคาที่ประมาณการณ์จากต้นทุนการผลิตโดยปกติมันกำหนดภายใต้เงื่อนไขของการแข่งขันเสรี แต่ ... ฯลฯ" เห็นไหมครับว่าเขาใช้คำว่า "ภาวะขาดแคลน" แปลคำว่า shock ทั้งสองแห่ง ผมอ่านแล้วก็เกิดภาวะขาดแคลน - เอ๊ยช็อคตกเก้าอี้ไปเลยครับ จากคุณ : WIWANDA - [ 30 ส.ค. 47 05:06:52 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เธอไม่ได้อ่านเอาเรื่อง เธอไม่ได้ดูบริบท เธอควรอ่านเรื่องทั้งหมดให้รู้เรื่องก่อน แล้วพยายามถอดแปลเป็นไทยให้รู้เรื่องด้วย นี่เธอหลับหูหลับตาเปิดดิคไปทีละคำ แล้วก็เอามาเรียงต่อๆ กันเท่านั้น ไม่ได้คำนึงถึงองค์รวมว่ามันแปลออกมาได้ความรึเปล่า ในขณะที่อ่านงานแปลนี่แล้วปวดหัวแทบทุก 2 ย่อหน้า แล้วเธอไม่รู้จัก part of speech ด้วย เธอจึงแปลคำว่า cost ซึ่งในที่นี้เป็นกริยา เป็นคำนาม ว่า ต้นทุนอะไรของเธอนั่นน่ะ เธออาจจะเปิดดิกฯ เจอคำว่า patchy แปลว่า ปุๆ ปะๆ พอกล้อมแกล้ม ก็แปลส่งเดชลงไปเลย แต่คำนาม patch นั่นมันแปลว่า แผ่น อยู่ชัดๆ ก่อนหน้านั้นก็คุยกันอยู่ดีๆ ว่า ทำไมแสตมป์ที่เป็นกระดาษชิ้นเล็กนิดเดียว จึงแพงนักจนน่าช็อค คำถามของนายห้างขายแสตมป์แปลได้ง่ายที่สุดว่า "บอกผมหน่อยซี่อาจารย์ว่าทำไมมันเป็นงั้น จะได้ช่วยบรรเทาอาการปากอ้าตาค้างของลูกค้าของผมบางคน อีตอนที่ผมบอกพวกเขาว่าราคาแผ่นกระดาษชิ้นกระจิ๋วพวกนั้นมันราคาปาเข้าไปเท่าไหร่แล้วตอนนี้" แล้วอาจารย์ก็จะตอบว่า "ผมนึกภาพออกเชียวละว่าพวกเขาจะปากอ้าตาค้างกันขนาดไหน เพราะคนเราส่วนมากมักจะคุ้นเคยกับการคิดถึงราคาของสินค้าหนึ่ง ในฐานะที่เป็นการประมาณการค่้าใช้จ่ายหรือต้นทุนการผลิตสินค้านั้น ซึ่งที่จริงมันก็มักจะเป็นยังงั้นจริงๆ ภายใต้เงื่อนไขการแข่งขันเสรี แต่ .. ฯลฯ" จากคุณ : WIWANDA - [ 30 ส.ค. 47 05:11:46 ]

ความคิดเห็นที่ 9 คือถ้ามันผิดห้าที่สิบที่ ผมแจ้งสำนักพิมพ์ไปอย่างสุภาพเขาก็คงขอโทษผมได้ ว่าพลั้งเผลอ แต่ผิดตลอดเล่มอย่างนี้ ต่อให้ผมแจ้งไปอย่างสุภาพผมก็อดรู้สึกไม่ได้ และผมก็เชื่อว่าเขาต้องรู้สึกว่าผมรู้สึก ว่างานเอ็งมันชุ่ย บก. ห่วยแตก และถึงแม้จะเป็นข้อเท็จจริงเช่นนั้น แต่ผมว่าเขาก็จะรู้สึกไม่สู้ดีนัก ถ้าเขารู้สึกไม่สู้ดีแล้วยังยอมรับผิดได้ก็ยังดี ผมเกรงจะเป็นอย่างที่หนังจีนบอกว่า "อับอายกลายเป็นโทสะ" นะสิครับ ผมเห็นว่าเครือเนชั่น คือทั้งสำนักพิมพ์เนชั่นบุ๊กส์และเนชั่นทีวี ได้ทำอะไรที่หมิ่นเหม่ต่อการผิดจริยธรรมทางธุรกิจเอามาก (ตัวผมก็หลงซื้อหนังสือนี้เพราะเห็นออกทีวีช่องเนชั่นเหมือนกัน) คุณจำได้มั้ย? - ว่าเนชั่นทีวีตอนที่เชิญอาจารย์หฤทัยมาสัมภาษณ์นั้น บอกด้วยหรือเปล่าว่า หนังสือของอาจารย์หฤทัยที่เอามาออกเป็นสาระในรายการแนะนำหนังสือรายการนั้น ที่จริงเป็นของเครือเนชั่นด้วยกันพิมพ์เอง เชียร์กันเอง ผมคิดว่าเนชั่นทีวีไม่ได้บอกผู้ชมตรงนี้ และนั่นแหละผิด คือพูดง่ายๆ ใช้สื่อในมือตัวเองเชียร์สินค้าตัวเอง โดยแอบแฝงว่าเป็นรายการปกติไม่ใช่รายการโฆษณา ยังงั้นเนชั่นทีวียังจะอ้างได้หรือครับว่าเป็นสื่อที่เป็นกลาง? และเชื่อว่าเพราะอย่างนี้เหมือนกัน ที่ยอดขายกระฉูดพุ่งสูงจนน่าเศร้าใจ ถ้าคุณชวลิต เผ่าผม บก. บริหารสำนักพิมพ์เนชั่นบุ๊กส์ จะเอาเวลาที่ใช้ไปคิดกลอุบาย หรือกิมมิคหลอกคนทางการตลาดอย่างนี้ มานั่งทำการบ้านที่ควรทำ คืออ่านและเรียบเรียงแก้ไขให้อาจารย์หฤทัย เราก็คงได้หนังสือดีมีคุณภาพมา 1 เล่ม ที่จะเป็นประโยชน์อย่างแท้จริงต่อการศึกษาวิชาเศรษฐศาสตร์ในบ้านเรา แทนที่จะได้งานคุณภาพต่ำที่หลอกขายด้วยวิธีตีหัวเข้าบ้านอย่างนี้ จากคุณ : WIWANDA - [ 30 ส.ค. 47 05:17:56 ]

ความคิดเห็นที่ 10 รายงานครับ ผมได้ค่อยๆ เรียบเรียงจดหมาย (ยาวมาก) 1 ฉบับ ปรับทุกข์ไปยังอาจารย์วรากรณ์ และอาจารย์หฤทัยแล้วครับ เผอิญมีอีเมล์แอ็ดเดรสของทั้งสองท่านอยู่ ผมพยายามสุภาพ พยายามบอกว่าผมไม่หวังร้ายกับท่านเลย ที่จริงผมไม่รู้จักท่านเป็นการส่วนตัวสักนิดผมจะมาหวังร้ายทำไม แต่ผมเห็นปัญหา และผมอยากช่วยแก้ไขจริงๆ ด้วยความจริงใจ ผมขอพูดตรงๆ ว่างานแปลของอาจารย์คุณภาพต่ำกว่ามาตรฐาน แปลผิดอย่างน่าหัวเราะหรือน่าร้องไห้ก็ไม่รู้ ผมเชื่อว่าอาจารย์ทั้ง 2 เป็นนักอ่านเหมือนผม อย่างน้อยผมรู้ว่าอาจารย์วรากรณ์เป็นแน่ๆ และซ้ำยังเป็นนักเขียนด้วย เป็นนักเขียนที่ผมเองก็เป็นแฟนตามอ่าน ผมขอปรับทุกข์ให้เห็นใจเพื่อนนักอ่านคนนี้ที่ผิดหวังหนังสือเล่มนี้ และเชิญมาช่วยกันจรรโลงวงการหนังสือ วงการนักแปลบ้านเราด้วยกันเถิด ผมเปิดโอกาสให้ทั้ง 2 ท่านเลือกที่จะติดต่อกลับมาหาผมเอง ถ้าติดต่อกลับมาผมถึงจะส่งรายการคำแปลผิดเป็นบัญชีหางว่าวที่ผมทำไว้ไปให้ จะเอาไปทำอะไรก็สุดแล้วแต่ เช่นเอาไปแก้ไขปรับปรุงในการพิมพ์ครั้งต่อไป หรืออะไรก็ตามแต่ ผมยินดีช่วยเท่าที่ทำได้ แต่ถ้าเลือกที่จะเฉยไปเลย ไม่รู้สึกรู้สา ผมจะไปทำอะไรได้ แต่อาจารย์จะห้ามผมไม่ได้นะ ที่จะยกกรณีหนังสืออาจารย์นี้เป็นกรณีศึกษาไปอภิปรายถกกันที่อื่น ว่างานแปลที่ใช้ไม่ได้นั้นเขาแปลกันยังไง ในจดหมาย ผมฉายหนังตัวอย่างไปแค่ 2 จุดที่แปลผิดเจ๋งๆ คือ ไอแอมซอรี่ แปลว่า "ผมรู้สึกเศร้าใจเรอะ?" กับ record แปลว่าบันทึก - เอ๊ย สถิติ แต่ถ้าอยากดูหนังที่ไม่ใช่หนังตัวอย่างก็บอกมา ผมพร้อมส่งลิสต์จุดต่างๆ ที่อาจารย์พลาดพลั้งไปแล้วให้ได้ทันที ทีนี้ก็นั่งรอแล้วละครับ ว่าเขาจะว่าไงต่อไป ปล. ท้ายจดหมายผมบอกไปด้วยว่าผมจบที่ไหนมา และทำงานอะไร ทำไมผมจึงเชื่อว่าแม้ว่าความรู้ทางเศรษฐศาสตร์ของผมจะสู้อาจารย์ทั้ง 2 ท่านไม่ได้แน่ๆ แต่ผมเชื่อว่าความรู้ภาษาอังกฤษและภาษาไทยของผม รวมทั้งความรู้รอบตัวนอกสาขาวิชาเศรษฐศาสตร์ ผมไม่แพ้ท่านแน่ๆ เหมือนกัน ผมเสนออีกทางหนึ่งด้วยว่า ท่านไม่จำเป็นต้องเชื่อผม มีทางที่จะตรวจสอบสิ่งที่ผมพูดได้โดยอิสระไม่ขึ้นกับผม คือส่งงานแปลของอาจารย์หฤทัยกับต้นฉบับภาษาอังกฤษไปให้ภาควิชาภาษาอังกฤษของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย (ที่ทำงานอาจารย์หฤทัยเองน่ะแหละ) ตรวจ ก็จะเห็นเอง จากคุณ : WIWANDA - [ 30 ส.ค. 47 05:23:00 ]

ความคิดเห็นที่ 11 omg... some of the translations here are just _unbelievable_!!! *laughs* This does emphasize why I don't like reading translated works though... Hope the standard of thailand's publishing companies and profession is *usually* better than this... it'd definitely sadden me if this is the norm and not an aberration! But definitely gotta thank K. WIWANDA for bringing this up though. I now have another book to add to my to-read list. ;) จากคุณ : n51 - [ 30 ส.ค. 47 05:31:15 A:66.237.132.175 X: TicketID:071580 ]

ความคิดเห็นที่ 12 อีกสองตัวอย่างสำหรับคลาสนักเรียนแปลของอาจารย์ ในงานเลี้ยงค่ำคืนหนึ่งที่บ้านอาจารย์สเพียร์แมน ตอนต้นๆ เรื่อง แขกเหรื่อซึ่งเป็นอาจารย์ฮาร์วาร์ดกำลังคุยกัน หน้า 122 ฉบับแปลไทย "บาเรทท์มองดูอุสทินอฟด้วยความงงงวย เขาหยิบลูกเชอรี่ใส่ปากกลืน และวางแก้วลงบนโต๊ะข้างๆ ตัว" เฮ้อ... ผมว่าแล้วว่าอาจารย์หฤทัยขาดความเฉลียว ไม่ได้สะดุดใจหรือสงสัยเลยว่าแปลแล้วมันกลมกลืนเข้าเรื่องกันรึเปล่า หรืออาจเป็นไปได้ว่าอาจารย์เป็นแต่นักเศรษฐศาสตร์ ไม่ใช่ขี้เหล้าอย่างผม จึงไม่รู้อย่างที่ผมรู้ ผมสงสัยอะไรตะหงิดๆ แต่ยังไม่บอกตอนนี้ครับ เชิญไปดูต้นฉบับภาษาอังกฤษด้วยกันกับผมครับ Barett looked at Ustinov in a puzzled way. He took a swallow of sherry and place the glass on the table beside him. อ่านแล้วใครเห็นภาพอะไรบ้างครับ อาจจะเป็นเพราะผมกินเหล้าอยู่บ้างแต่คุณคนแปลเธอไม่กินก็ได้ เธอจึงไม่รู้ว่า sherry นั้น แปลว่าเหล้าเชอร์รี่ครับ ถ้าอาจารย์บาร์เร็ตต์กินเชอร์รี่ที่เป็นผลไม้ (กลืนด้วยซ้ำ ไม่ได้กิน) แล้วแก้วมาจากไหน หรือว่างานนี้เขาเสิร์ฟลูกเชอร์รี่มาในแก้วก็ไม่ทราบ? แค่นี้เธอก็ไม่เฉลียวเลย ถ้าจะแปลเทิ่งๆ แบบไม่เอาสาระเลย ผมก็แปลบ้าๆ ได้เหมือนกันว่า "เขาเอานกนางแอ่นแห่งเชอร์รี่และสถานที่กระจกบนตารางข้างๆ เขา" ไม่ต้องคำนึงถึงความกันละ (**Sherry  คือ เหล้าเรียกน้ำย่อย หรือ ใช้หลังอาหาร ส่วนCherry คือ ผลเชอร์รี่ สะกดคนละอย่าง..วิวันดา)           บทเดียวกัน งานเลี้ยงงานเดียวกัน หน้า 109 สองสามีภริยาสเพียร์แมนกำลังยืนรับแขก "พิดจ์  สเพียร์แมนส่งยิ้มให้แก่แขกเหรื่อพร้อมกับยืนถือถาดเครื่องดื่มสีสวยไว้ต้อนรับซึ่งหล่อนเตรียมไว้แต่เช้า เฮนรี่ได้แต่ยืนมองบรรดาแขกที่มางานดื่มเครื่องดื่ม"   พิดจ์เป็นภรรยาของศาสตราจารย์เฮนรี่ สเพียร์แมนครับ ตรงนี้อ่านผ่านๆ ไม่คิดมากก็ไม่สะดุดอะไร แต่พอผมได้ต้นฉบับอังกฤษมา เปิดเทียบจับผิดตลอด เลยเจอที่ผิดที่เป็น oh so precious little gem อีกที่(หรือหลายที่) ต้นฉบับเขาว่ายังงี้ครับ Pidge Spearman smilingly passed among her guests with a tray of colorful hors d'oeuvres she had prepared earlier that day. Henry saw to it the visitors were provided with liquid refreshment. ใน 3 บรรทัดเท่านั้น ใครเจอที่ผิดกี่ที่บ้าง     ที่แน่ๆ อาจารย์หฤทัยไม่รู้จักคำว่าออเดิฟ เห็นคำประหลาดๆ อย่าง hors ฯลฯ อะไรนั่นก็ไม่รู้จัก ออกเสียงก็ไม่ออก (ที่จริงมันออกเสียงง่ายนิดเดียว ก็ "ออเดิฟ" น่ะแหละ) เลยแปลไปเสียว่าเครื่องดื่มสีสวยซะเลย พิดจ์ไม่ได้ยืนเฉยๆ เธอเดินผ่านไปผ่านมาในหมู่แขกพร้อมทั้งถาด ก็คือเดินเสิร์ฟออเดิฟนั่นแหละ เธอไม่ได้เตรียมออเดิฟนั่นตั้งแต่เช้า เพียงแต่เตรียมไว้ "ก่อนหน้านี้" เท่านั้น อาจจะเป็นบ่ายต้นๆ ก็ได้ ที่แย่ที่สุดก็คืออาจารย์เฮนรี่ก็ำไม่ได้ยืนดูอยู่เฉยๆ เหมือนกัน กริยา see to it (that).... อะไรสักอย่างเกิดขึ้น นั้น แปลว่า คอยดูแลให้อะไรสักอย่างเป็นไปตามนั้นหรือเกิดขึ้นตามนั้น เช่นกรณีนี้ เฮนรี่ในฐานะเจ้าภาพฝ่ายชายคอยดูและให้แขกได้รับเครื่องดื่ม เพราะภริยาดูแลชวนแขกกินอาหารที่เป็นของว่างแล้ว เฮ้อ... แก้ไขเมื่อ 30 ส.ค. 47 05:37:13 จากคุณ : WIWANDA - [ 30 ส.ค. 47 05:32:57 ]

ความคิดเห็นที่ 13 The amazement seems to be endless. อีกตัวอย่างสำหรับคลาสการแปลของอาจารย์ครับ เรื่องนี้เป็นตัวอย่างที่สามารถใช้สอนเรื่อง passive voice ได้ (ศัพท์ไวยากรณ์ไทยเขาเรียกอะไรนะครับ กรรมวาจก กรรตุวาจกอะไรนี่แหละ? คือประโยคที่มีการถูกกระทำน่ะครับ) ภาษาฝรั่งชอบใช้ ภาษาไทยไม่ค่อยใช้เท่าไหร่ เว้นแต่จะติดฝรั่งมา งานเลี้ยงเดิม บทเดิม บทที่ 9 ที่มีที่ผิด 50 แห่งนั้นแหละครับ เปิดบทขึ้นมา "ทางเดินและบันไดบ้านสเพียร์แมนได้ถูกปัดกวาดเรียบร้อยหลังจากหิมะตก แสงไฟตรงประตูหน้าบ้านที่มุมส่วนบนของทางเข้า สาดส่องเป็นสีนวลตาบริเวณข้างหน้าบ้าน บรรดาแขกเหรื่อต่างพยักเพยิดทักทายผู้ที่ยืนอยู่ภายในห้องนั่งเล่นซึ่งมีพื้นที่กว้างขวาง..." ก็พออ่านผ่านๆ ไปได้ไม่สะดุด ในภาษาไทย ยกเว้นแต่เราจะซนไปค้นต้นฉบับอ่าน จึงจะได้อ่านเช่นนี้ The walks and steps of the Spearman home had been swept clean of the light afternoon snow. The porch lights at the top corners of the entrance cast soft oval hues against the front of the house, beckoning guests into the home's spacious parlor. ประโยคสุดท้ายในบทแปลภาษาไทยนั้นผิด แขกไม่ได้เป็นคนพยัก เพยิดเรียกใครในบ้าน แต่เป็นฝ่ายถูก "กวักมือเรียก" หรือเชื้อเชิญให้เข้าบ้านต่างหาก ประธานที่กระทำกริยา beckon นั้น คือแสงไฟอันอบอุ่น ที่ "ชวนเชิญ" หรือกวักมือเรียกแขกให้เข้าไปในบ้าน เข้าไปในห้องรับแขกของบ้าน แขกเป็นกรรม คือเป็นกรรมของกริยานั้น ไม่ใช่เป็นประธานของกริยานั้น ส่วนคนอ่านอย่างผมก็เป็นกรรมเหมือนกัน เสียเงินซื้อหนังสือไปตั้งแพง กรรมจริงๆ จากคุณ : WIWANDA - [ 30 ส.ค. 47 05:41:50 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างว่า รักจะเป็นนักแปลควรจะหูตากว้างขวางหน่อย ตัวละครเขาพูดอะไรขึ้นมาจะได้เข้าใจว่าในบริบทวัฒนธรรมฝรั่งหมายความว่าอย่างไร หลายๆ คำถ้าไม่เป็นศัพท์เฉพาะทางเฉพาะวงการเกินไปแล้ว มันจะอยู่ในพจนานุกรมดีๆ อยู่แล้วครับ หาไม่ยาก ตัวอย่างนี้ถ้าเทียบกลับเป็นฝรั่งที่ศึกษาภาษาไทย ก็คงคล้ายๆ กับคำว่า "อิเหนา" ใน อิเหนาเป็นเอง ซึ่งถ้าแกไม่รู้แล้วเถรตรงแปลว่า The Javanese Prince is being himself ก็จบเห่ หรือถ้าแกเห็นคำว่า "ขุนแผน" แล้วนึกว่าเป็นชื่อคน หรือชื่อตำแหน่งราชทินนามก็จบเห่เหมือนกัน ต้องบอกแกว่าคำว่าขุนแผน คนไทยใช้แปลว่าคาสซาโนว่า หรือแปลว่าดอนฮวน คือแปลว่าคนเจ้าชู้น่ะยู ไม่ใช่เป็นชื่อคนจริงๆ ไม่มีใครชื่อนี้จริงๆ มานานแล้ว ที่จริงผมออกเห็นใจนักเศรษฐศาสตร์ที่ไม่รู้จักคำนี้ ขณะที่นักเรียนรัฐศาสตร์เห็นปุ๊บร้องอ๋อ แต่ก็อีก คนที่มีการศึกษาสักหน่อยของฝรั่งเขาก็รู้จักคำนี้กันทั้งนั้น โดยไม่จำเป็นต้องเรียนรัฐศาสตร์ มันอยู่ในดิคฯ ด้วย (หน้า 113 ของฉบับไทย กลุ่มแขกในงานเลี้ยงกำลังวิจารณ์การเมืองในภาควิชาและในคณะ รวมทั้งพูดถึงสไตล์การบริหารภาควิชา) "ไม่หรอก ที่รักคะ คุณจำปัญหาสารพัดอย่างซึ่งเกิดที่คอร์เนลไม่ได้เหรอคะ" โจแอน เบลล์สอดขึ้นมา "ที่นั่นน่ะ คณบดีชื่อมาเชียเวลเลี่ยน เขานี่แหละที่เชื่อเรื่องความแตกแยกและชัยชนะ" ผม (คนอ่าน เรียนรัฐศาสตร์มา) ตกเก้าอี้โครมครับ ก่อนผมเฉลย ไปดูต้นฉบับกัน "No, dear, don't you remember the problems at Cornell?" Joan Bell interjected. "There the chairperson was a Machiavellian who believed in divide and conquer." ถ้าที่มหาลัยคอร์เนลมีคณบดีที่ชื่อนายมาเชียเวลเลี่ยนจริงๆ ผมให้เตะผมไปตลอดทางจากฮาร์วาร์์ดไปคอร์เนลได้เลย นิโกโล มาคิอาเวลลี เป็นนักปรัชญาการเมืองอิตาเลียนที่เด็กรัฐฯ อย่างผมรู้จักดี แกตายไปหลายร้อยปีแล้ว แต่ถึงไม่ต้องเรียนรัฐศาสตร์ ฝรั่งเขาก็รู้จักแกกัน ชื่อแกได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของภาษาอังกฤษไปแล้ว Machiavellian แปลว่า อย่างมาคิอาเวลี แบบมาคิอาเวลลี ซึ่งแปลว่าเล่นการเมืองแบบมีเล่ห์มีกล ทำเลวๆ ทุกอย่างเพื่อยึดครองอำนาจไว้ ที่จริงวิธีเล่นการเมืองแบบแก ก็คือที่เรารู้จักว่า "แบ่งแยกแล้วปกครอง (หรือเข้าครอง หรือเข้าชิงชัย)" นั่นเอง คือยุให้ลูกน้องทะเลาะกันหมดเพื่อนายจะได้นั่งบนภูดูเสือกัดกัน เรารู้จักการเมืองสไตล์นี้ในประโยค divide and rule มากกว่า แต่หนังสือนี้เขาใช้ divide and conquer ก็เหมือนกัน ที่แน่ๆ ไม่มีใครบ้าพอที่จะชื่อนายมาเชียเวลเลี่ยนจริงๆ หรอกครับ จากคุณ : WIWANDA - [ 30 ส.ค. 47 05:57:56 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ขออีกตัวอย่างหนึ่ง อันนี้เด็ดจริงๆ ครับ ทนไม่ไหวต้องขยาย หน้า 110 ในเล่มภาษาไทย หน้า 78 ในหนังสืออังกฤษเล่มที่คุณ B กรุณาให้ผม ต้นฉบับเขาว่า Semester after semester, ... คนแปลน่ารักมาก น่ารักสุดๆ เพียบพร้อมด้วยหลักเหตุผลตามหลักวิชาตรรกวิทยาร้อยเปอร์เซนต์ เพียงแต่มันไม่ถูกหลักภาษาเท่านั้นเอง เธอแปลว่า "การศึกษาในภาคปลายนั้น ..." โอ๊ย ตกเก้าอี้แล้วตกเก้าอี้อีกครับ ไอ้ผมมันโง่ นึกว่าเขาแปลกันว่า เทอมแล้วก็เทอมเล่า ภาคการศึกษาแล้วภาคการศึกษาเล่า เสียอีก เพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่า ซีเมสเตอร์ เอามาเรียงต่อกับ ซีเมสเตอร์ ก็ต้องแปลว่าซีเมสเตอร์ภาคปลายซิ โอ้โห - ฉลาด... โดยตรรกะเดียวกัน Year after year จึงควรแปลว่า ปีหน้า Day after day จะต้องแปลว่า พรุ่งนี้ ก๊าก.... โอย จุกครับ ตกเก้าอี้จนจุก ผมได้สังเกตอีกข้อหนึ่ง หลังจากที่เคยสังเกตมาแล้วว่าคนแปล (เขาหรือเธอหรือพวกเขาก็ชักไม่แน่ใจแล้ว ชื่อหฤทัยแน่หรือก็ชักสงสัย) มีปัญหากับคำว่า discipline ซึ่งแปลว่า วินัยก็ได้ สาขาวิชาก้ได้ เพราะเห็นจับแปลว่าวินัยทุกที่ คำว่า faculty ก็ดูเหมือนคนแปลจะรู้ในความหมายเดียวคือแปลว่าคณะ ทั้งๆ ที่มันแปลว่าคณาจารย์ด้วย ปรากฏว่ามีการเข้าใจผิดหรือรู้แคบทำนองนี้อีกหลายคำ เป็นคำที่มีหลายความหมายแต่คนแปลรู้อยู่ความหมายเดียว จึงใช้แปลความหมายนั้นดุ่ยๆ ส่งเดชไปทุกที่ทุกแห่ง คำว่า simply คนแปลจะแปลว่า แบบง่ายๆ เสมอ แต่ในวลีอย่าง simply marvellous หรือ simply delicious นั้นจะแปลว่า "อร่อยอย่างง่ายๆ" ได้ยังไง ต้องแปลว่า "พูดได้คำเดียวว่าอร่อย" หรือ "อร่อยแท้ อร่อยจริง" ทำนองนั้นมากกว่า คำว่า just มีความหมายหลากหลายมาก แปลว่ายุติธรรมก็ได้ เพียงแค่ก็ได้ พอดีเป๊ะก็ได้ แต่คนแปลดูจะรู้อยู่ความหมายเดียว คือ เพียงแต่ ทีนี้มันมีวลีอย่าง Just like that ที่แปล just เป็น "เพียงแต่" ไม่ได้ ไม่เข้าเรื่องเลย บท 16 เป็นบทสำคัญของเรื่อง ค่อนไปตอนท้ายเล่ม (นิยายเรื่องนี้มี 18 บท แต่ 2 บทสุดท้ายเป็นแค่ส่งท้ายเท่านั้น) ในบท 16 พระเอกไปเล็กเชอร์บนเรือเดินสมุทรกลางทะเล (จึงมีปัญหาเรื่องคำแปลคำว่า record) แล้วก็หยิบหนังสือเล่มหนึ่งที่อ่านค้างไว้นานแล้ว มาอ่านต่อ เพราะเพิ่งจะว่าง ปรากฏว่าในหนังสือเล่มนั้นเองที่ให้ร่องรอยไว้อย่างแจ่มชัดว่าใครเป็นฆาตกร (ชัดสำหรับนักเศรษฐศาสตร์นะครับ) บทนี้จึงเป็นบทเปิดหน้ากากฆาตกร แต่อาจารย์สเพียร์แมนยังไม่ทันจะเปิดหน้ากาก คือรู้แล้วล่ะว่าใครฆ่า แต่ยังนึกไม่ออกว่าควรจะทำยังไงดีต่อไป ฆาตกรก็ตระหนักแล้วว่าอาจารย์แกรู้แล้ว ทั้งๆ ที่ก่อนนั้นฆาตกรสร้างหลักฐานป้ายผิดให้คนอื่นติดคุกแทนไปเรียบร้อยแล้ว ดันมีคนรู้เรื่องเพิ่มขึ้นมาอีก ฆาตกรสิ้นหวังหมดอาลัยตายอยากเอามากๆ ก็เลยตัดสินใจโดดทะเลตาย ทิ้งไว้แต่จดหมายสารภาพผิดซึ่งเป็นจุดไขปมปริศนาของเรื่อง จดหมายนั้นยาวราวๆ ครึ่งบท ผมลองจับผิดดูแล้ว เจอที่แปลผิดประมาณ 20 แห่งเศษๆ ใน จม. นั่น ก็นับว่าได้มาตรฐานเทียบเท่ากับ บท 9 ซึ่งทั้งบทแปลผิด 50 ที่ ! จากคุณ : WIWANDA - [ 30 ส.ค. 47 06:07:37 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ใครแปลคำขยายว่า elder และ younger ว่าไงบ้างครับ ผมแปลเพียงแค่ว่า แก่กว่า และ อ่อนวัยกว่า เท่านั้นแหละ มีข้อสังเกตด้วยว่า elder มักใช้กรณีเทียบระหว่างคนในครอบครัวที่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกัน (แต่ก็ไม่จำเป็นนัก ถ้าใช้เป็นคำนาม the elders อาจแปลว่า ผู้อาวุโสในคณะนักบวช พระมหาเถระผู้อาวุโส ก็ได้ แต่อย่าลืมว่าคณะนักบวชเขาก็เรียกกันและกันเป็น "พี่น้อง" อยู่ดี เช่นพระในศาสนาคริสต์พวกหนึ่งที่เป็น Brother) ส่วน older คือแก่กว่าอย่างธรรมดา ในบทที่ 3 หนังสือพูดถึงอาจารย์สเพียร์แมน กับพ่อของเขา มิสเตอร์สเพียร์แมน แล้วก็เรียกคนหนึ่งเป็น the elder Spearman กับ the younger Spearman คนแปลก็ควรจะแปลได้ง่ายๆ ว่าสเพียร์แมนคนพ่อ กับสเพียร์แมนคนลูก ก็เท่านั้นเอง แต่คนแปลมีภาพติดในใจลบไม่ออกของคำว่า elder brother แปลว่าพี่ชาย younger brother แปลว่าน้องชาย จึงพอพูดถึงพ่อและพูดถึงอาจารย์สเพียร์แมนแล้วก็ดันแปลโดยพูดถึง "พี่ชาย" ของสเพียร์แมน แถมยังพูดถึง "พี่ชายคนรอง" ด้วย อ่านแล้วมึนเป็นอันมากกว่าคนแปลแกพูดถึงใคร มั่วไปหมด ต้องไปอ่านภาษาอังกฤษจึงรู้ว่ามีแค่สองคนเท่านั้นแหละ คือพ่อกับลูก จากคุณ : WIWANDA - [ 30 ส.ค. 47 06:10:54 ]

ความคิดเห็นที่ 17 งานแปลมรณะนี่ ผมรู้สึกตั้งแต่อ่านในภาษาไทยแล้ว อันนี้ไม่ใช่ว่าจะอวดว่าภาษาอังกฤษผมดี ผมเชื่อว่าคนที่ภาษาไทยดี ระบบความคิดดีเป็นระบบ อ่านฉบับแปลแล้วต่อให้ไม่ตามไปอ่านภาษาอังกฤษ ก็ต้องรู้สึกว่ามันทะแม่งๆ หลายจุด ไม่ว่าภาษาอังกฤษของนักอ่านคนนั้นจะเป็นอย่างไร นักอ่านปกติ อ่านว่าเขาคุยกันเรื่องการบริหารภาควิชาอยู่ดีๆ มีคนรำพึงขึ้นมาเทียบกับเรื่องนายสถานีรถไฟของคอนราด แล้วจู่ๆ ก็มีคำถามว่า ผมรู้สึกเศร้าใจเรอะ? ก็จะต้องรู้สึกแล้วว่ามันมีอะไรผิดปกติไม่เข้ากับเรื่อง ซึ่งแสดงว่า ไอ้เจ้านายชวลิต เผ่าผมอะไรนั้นแกสอบตกวิชาอ่านเอาเรื่องด้วย นอกจากสอบตกวิชาภาษาอังกฤษ ที่น่ากลุ้มที่สุดคืออาชีพอะไรแกก็ไม่เลือกเป็น ดันมาเป็น บก. !!!! แล้วนี่ผมจะเชื่อถือภาษาอังกฤษของ นสพ. เดอะเนชั่น ได้ต่อไปยังไงเนี่ย ในเมื่อคนระดับ บก. ของเครือเนชั่นคนหนึ่งยังเป็นยังงี้ ใครจะรู้ล่ะต่อไปนี้ว่าผมเปิด นสพ. เนชั่นขึ้นมา เห็นคำว่า black ที่จริงเขาอาจจะหมายความว่า white ก็ได้ แต่คนเขียนอาจเขียนผิด และกอปปี้ไรเตอร์ขึ้นมาจนถึง บก. ก็ไร้ความสามารถที่จะแก้ให้ถูกได้? ประโยคนี้ทำให้ผมนึกถึงที่แปลผิดอีกที่หนึ่ง ... Wonders never cease... บทที่ 1 ศ. สเพียร์แมนที่โต๊ะทำงานสุดรกของเขา (คล้ายๆ ผมแฮะ) เพิ่งอ่านบันทึกสั่งการของคณบดีว่าด้วยการที่เขาเป็นกรรมการคนหนึ่งในคณะกรรมการพิจารณาเลื่อนตำแหน่ง และกำหนดนัดหมายการประชุมกรรมการ ไอ้การที่เขาต้องเป็นกรรมการคัดเลือกผู้สมัครเข้าเป็นอาจารย์ประจำนี่ก็ต้องทำให้เขาอ่านเอกสารเยอะแยะเกี่ยวกับผู้สมัครแต่ละคน เช่น จดหมายรับรอง ผลงานทางวิชการของผู้สมัคร เป็นต้น สเพียร์แมน winced เมื่อนึกถึงเอกสารกองมหึมาที่เขาต้องอ่าน... ผมแปลตรงนี้ว่า นิ่วหน้าหรือทำหน้าเบี้ยว (อย่างไม่สบอารมณ์) แต่คนแปลเธอแปล wince ทุกที่ที่ปรากฏในหนังสือเล่มนี้ว่า สะดุ้งเฮือก และแปลประโยคนี้ว่า "สเพียร์แมนสะดุ้งขึ้นมาทันทีเมื่อคิดถึงผลงานซึ่งเป็นต้นฉบับลายมือที่เขาต้องอ่านอีก..." ทำไมในพากย์ไทยอาจารย์แกขวัญอ่อนกว่าในต้นฉบับจังล่ะครับ ย่อหน้านี้แกบ่นอยู่ในใจว่า Spearman winced when he thought of the manuscripts he had yet to read and the letters of recommendation about candidates he had yet to decipher. คำว่า decipher แปลว่าถอดระหัส คือพยายามอ่านความนัยที่ซ่อนอยู่ (ประโยคถัดไปจะขยายความตรงนี้) แต่คนแปล แปลว่า "จดหมายรับรอง... ที่เขาต้องนั่งแกะลายมือขยุกขยิก" จดหมายรับรองน่ะ ร้อยละ 99 ผมเห็นเขาพิมพ์ดีดกันทั้งนั้นแหละครับ ที่จริงผมไม่เคยเห็นจดหมายรับรองที่เป็นลายมือเลยในชีวิตผม แต่เอาละ อาจจะมีก็ได้ 1 % ทำไมต้องถอดระหัส? เพราะจดหมายรับรองสมัยนี้นั้นแม้จะพิมพ์มา อ่านง่าย แต่ใจความที่พิมพ์มานั้นไม่จำเป็นต้องเข้าใจง่ายไปด้วย อาจารย์แกรำพึงต่อไปว่า A straightforward letter was a thing of the past, the victim of a litigious age. The real letter was written between the lines - what was left unsaid was often more important than what was said. But what was said provided hints as to what was left out. จากคุณ : WIWANDA - [ 30 ส.ค. 47 06:17:32 ]

ความคิดเห็นที่ 18 อ. หฤทัยหรือลูกศิษย์เธอก็ไม่ทราบ แปลว่า ยังงี้ครับ "จดหมายที่เขียนแบบตรงไปตรงมาโดยไม่อ้อมค้อมฉบับหนึ่งเป็นเรื่องราวที่ผ่านมาแล้ว ไม่ต้องเปิดอ่านก็รู้ว่ามีข้อความใดบ้าง (เห็นได้ชัดว่าคนแปลไม่รู้จักคำว่า litigious เลยแปลมั่วส่งเดชไป) จดหมายที่เขียนไล่เรียงลงมาระหว่างบรรทัดนั้นเป็นการเขียนอย่างจริงจัง สาระที่ไม่ได้พูดไว้ในจดหมายมักจะมีความสำคัญมากกว่าสาระที่ได้พูดไว้ ทว่าสิ่งที่ได้พูดออกมานั้นจะให้ข้อชี้แนะเกี่ยวกับสิ่งที่ถูกละไว้เป็นที่เข้าใจ" สังเกตได้ว่า คนแปลไม่รู้จักคำว่า read between the lines A thing of the past ก็เป็นวลีที่คนแปลแปลผิดเหมือนกัน ถ้าเป็นผม ผมจะแกล้ง เอ๊ย ผมจะแปลทำนองว่า "สมัยนี้ไม่มีใครเขาเขียนจดหมายรับรองอย่างตรงไปตรงมาอีกต่อไปแล้ว เพราะเขากลัวถูกฟ้องกัน" ก็แค่นั้นแหละ แต่การแปลของผู้ใช้ชื่อว่าหฤทัยและอ้างว่าเป็นอาจารย์ แต่ตัวจริงเป็นใครไม่รู้ นั้น ทำให้อาจเข้าใจว่า ในบรรดากองเอกสารที่พระเอกต้องอ่านนั้น มีอยู่ฉบับหนึ่งจริงๆ ที่เป็นจดหมายที่พูดถึงสิ่งที่ผ่านมาแล้ว เวรกรรมเวรกรรม! จากคุณ : WIWANDA - [ 30 ส.ค. 47 06:22:46 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เออ อ่านแล้วเศร้าเจงๆ จากคุณ : Scooterella - [ 30 ส.ค. 47 06:23:20 ]

ความคิดเห็นที่ 20 บทที่มาก่อนบทที่ 1 คือที่ฝรั่งเรียก Prologue นั้น บรรยายการฆาตกรรมของอาจารย์เศรษฐศาสตร์ผู้เป็นผู้สมัครคนหนึ่งที่กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาให้ได้ขึ้นเป็นอาจารย์ประจำ แต่ไม่ได้บอกว่าฆาตกรเป็นใคร บอกแต่ว่าฆาตกรไปหาที่บ้าน เหยื่อรู้จักฆาตกรดี เปิดประตูรับ แล้วก็บอกว่า "เข้ามาสิ ผมมีเหล้าเชอรี่ให้เราดื่มกัน" ด้วย แต่แกยังไม่ทันได้ดื่มก็ถูกทำร้ายเสียก่อน ภาษาอังกฤษใช้คำว่า sherry ซึ่งเป็นคำ sherry คำเดียวกับในบทที่ 9 งานเลี้ยงบ้านพระเอก ซึ่งคนแปลแปลว่าลูกเชอร์รี่ ใช่ครับ ที่บาร์เร็ตต์แกกลืนเลย (ทั้งเม็ด?) โดยไม่เคี้ยวแล้วก็ดันวางแก้วไว้ด้วยนั่นแหละครับ แก้วใส่อะไรก็ไม่ทราบ ถ้าไม่แปลว่าเป็นเหล้าเชอรี่แล้วแก้วมาทำอะไรตรงนั้นก็ไม่รู้ ทำไมคนแปลคนเดียวกัน จึงรู้ไม่เท่ากันและแปลคำเดียวกันออกมาไม่เหมือนกัน? นอกจากว่าเป็นคนแปลคนละคน ! อีกจุดหนึ่งที่ผมไม่รู้จะเรียกว่าเป็นการแปลผิดรึเปล่า หรือเป็นสะเพร่า บทที่ 1 พิดจ์ (ภริยาอาจารย์เฮนรี่) โทรไปถามสามีที่ที่ทำงานว่าจะกลับบ้านมากินข้าวเย็นมั้ย สามีบอกว่าไม่ละ มีเอกสารผู้สมัครเยอะแยะรอให้อ่าน มาดามพิดจ์ก็เลยนึกว่า อยู่ว่างๆ "This might be the good time to see Jessica about that little matter." ระหว่างรอสามีกลับบ้าน เพราะไม่มีภาระต้องทำกับข้าวมื้อเย็นแล้วนี่ คนแปลแปลว่า "มันอาจเป็นเวลาเหมาะดีที่จะได้เห็นอะไรผิดปกติกับแพตตี้บ้างละ" ????? ผมก็เพิ่งรู้ว่า Jessica แปลว่า แพตตี้ ! ขยายความ ถ้าอ่านต่อไป เราจะรู้ว่า เจสสิกาเป็นภริยาของคณบดีเคล้กจ์ ซึ่งกำลังจะอายุครบหกสิบและสองสามีภริยาสเพียร์แมนกำลังวางแผนจะจัดงานวันเกิดแบบเซอร์ไพรซ์ให้ คืองานที่พิดจ์เสิร์ฟอะไรไม่รู้ เรียกว่า ฮอร์ส ดะเอออูอีฟรี่ส์ อ๋อ... ที่เขาแปลว่าเครื่องดื่มสีสวย น่ะครับ (เป็นงานเดียวกับที่บาร์เร็ตต์กินอะไรก็ไม่รู้ ไม่ลูกเชอรี่ก็เหล้าเชอรี่ อะไรซักอย่างเนี่ย ด้วย) และ อ. เฮนรี่ สเพียร์แมนก็กะจะให้ของขวัญเป็นแสตมป์หายากเพราะรู้ว่าคณบดีชอบเล่นสะสมแสตมป์ นการเตี๊ยมกันนี้ เชื่อแน่ว่าแม่บ้าน 2 บ้านก็ต้องคุยกันนัดกันก่อนโดยไม่ให้คณบดีรู้ตัว ส่วนแพ็ตตี้ เป็นลูกสาวของ อ. เฮนรี่ คือคนที่ไม่เคยมองสุภาพบุรุษหน้าไหนเลย ... เอ๊ย ไม่เคยพบนายห้างขายแสตมป์ นั่นเอง ถ้าตามฉบับแปลไทย ผมไม่เข้าใจว่าพิดจ์เป็นแม่ประสาอะไร จึงอยากเห็นอะไรผิดปกติเกิดกับลูกสาวตัวเอง? แล้วมันเรื่องอะไรแปลอยู่ดีๆ จึงแปลพระอภัยว่าเป็น "นางละเวง" ยังงี้เล่า? จากคุณ : WIWANDA - [ 30 ส.ค. 47 06:28:37 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ดังนั้นแค่คุณเป็นสมาชิกธรรมดาคนหนึ่งของสาธารณชนคนอ่านหนังสือไทย ไม่ต้องเป็นข้อยกเว้นพิเศษใดๆ (ผมรู้ตัวว่าผมเป็นข้อยกเว้น... ผมมีลูกบ้าแยะเป็นพิเศษ) คุณก็น่าจะรู้สึกร่วมกับผมได้ - หรือเปล่า ผมว่าได้น่ะ ว่า สนพ. เนชั่นบุ๊กส์กำลังทำอะไรอยู่ มีพฤติกรรมหลอกลวงผู้บริโภครึเปล่า มันเป็นสิทธิของผู้บริโภคหนังสืออย่างพวกเราทุกคน การทำงานทุกอย่างมีพลาดพลั้งกันได้ ผมไม่ได้เก่งภาษาอังกฤษที่สุดในประเทศนี้ แล้วผมก็เข้าใจถ้ามันจะพลั้งเผลอนิดๆ หน่อยๆ ก็ไม่ใช่ภาษาของเรานี่นา แต่นี่อะไรกัน บทเดียวแปลผิด 50 ที่ ทั้งเล่มจะกี่ร้อยที่ แล้วเห็นชัดๆ ว่า เพราะความที่แปลไม่ออกนั่นแหละ มันทำให้ความในภาษาไทยตะกุกตะกักไปหมดเลย ถ้าคุณรักจะเป็นนักแปล คุณผลิตงานห่วยยังงี้ออกมาได้ไง ถ้าคุณรักจะทำงานเป็น บก. คุณปล่อยงานยังงี้ออกมาได้ไงโดยไม่ตรวจแก้ ถ้าคุณรักจะเป็น สนพ. พิมพ์หนังสือขาย (แถมดันทะลึ่งมี นสพ. ภาษาอังกฤษอยู่ในเครือซะอีก) คุณปล่อยสินค้าที่โชว์ยี่ห้อคุณหราแต่คุณภาพเลวสุดจะทนนี้ออกมาได้ยังไง และสุดท้าย อาจารย์วีรกร/วรากรณ์ของผม หลวมตัวไปเขียนคำนิยมได้ยังไงครับ ตั้งสองเล่ม โธ่... ไม่ว่าหนังสือเล่มนี้ไปถึงไหน เหม็นไปที่ไหน ชื่ออาจารย์ก็พลอยแปดเปื้อนไปถึงนั่น ถ้าอาจารย์เกรงใจ "คณะบุคคลที่ใช้ชื่อว่า อ. หฤทัย" (เพราะผมไม่เชื่อว่าเป็นคนเดียว) ก็น่าจะใช้วิธีเดียวกับที่ อ. สเพียร์แมนบ่นเกี่ยวกับการเขียนจดหมายรับรอง คือเขียนคำนิยมอ้อมๆ เสียก็ได้นี่นา ไม่ผิดศีลข้อมุสาวาทา เช่นว่า - ต้นฉบับหนังสือนี้ได้รับความนิยมมากในอเมริกา ทำให้การเรียนการสอนเศรษฐศาสตร์ซึ่งเคยเป็นเรื่องไกลตัวเข้าใจได้ง่าย ดีจัง ฯลฯ อะไรก็ว่าไป ไม่ต้องเฉียดมาพูดถึงฉบับแปลหรือความสามารถในภาษาอังกฤษ (or the lack thereof) ของ อ. หฤทัยเลย ทำไมอาจารย์ต้องชมเชยภาษาอังกฤษของ อ. หฤทัยด้วย ????? จากคุณ : WIWANDA - [ 30 ส.ค. 47 06:32:41 ]

ความคิดเห็นที่ 22 พูดถึงบทที่ 11 การถกเถียงกันในคณะกรรมการว่าจะรับ อ.กอสเซ่นดีไม่ดี หัวหน้าภาควิชาเศรษฐศาสตร์ (โคสท์) เข้ามาล็อบบี้คนของตัว พูดจบก็มีคนบอกว่า ทำได้ดีมากสำหรับผู้สมัครของคุณ ไม่ต้องถามรอบโต๊ะแล้ว (การแปลทำให้เข้าใจไปได้ว่าคนๆ นั้นคือคณบดีเคล้กจ์ ประธานคณะกรรมการ) อ. โคสท์แทนที่จะดีใจ ดันไปถาม อ.วาเลอรี่ นักจิตวิทยา ขอประเด็นเสริม ซึ่งเปิดโอกาสให้เธอกระหน่ำกอสเซ่นซะเละ (มีบทหนึ่งก่อนนั้นที่เรารู้ว่าในฐานะนักจิตวิทยา วาเลรี่ไม่ศรัทธาการตั้งสมมติฐานทางเศรษฐศาสตร์ โดยเฉพาะทฤษฎีอรรถประโยชน์สูงสุด) ทำไมคณบดีถึงจะบอกคล้ายๆ ว่า รับคนนี้ได้เลยโดยไม่ต้องถามกรรมการรอบโต๊ะแล้ว (แต่ในที่สุดก็ต้องโหวต) คณบดีจะมาตัดสิทธิ์ของกรรมการได้ยังไง แล้วถ้าทำได้จริงหัวหน้าภาคโคสท์มีสิทธิ์อะไรที่จะทำหน้าที่แทนคณบดีซึ่งเป็นประธานที่ประชุม ไปขอประเด็นเสริมจากวาเลรี่ยังงั้น ก่อนอื่น อ. วาเลรี่เชื่อว่าการที่นักเศรษฐศาสตร์พยายามอธิบายพฤติกรรมมนุษย์ด้วยทฤษฎีอรรถประโยชน์สูงสุดนั้นเป็นการให้เหตุผลแบบวนเป็นวง circular reasoning และไม่อธิบายอะไรเลย (อันนี้อยู่ในบท 2) คือว่า คนเราทำอะไรลงไปก็เพื่อให้ได้อรรถประโยชน์สูงสุดแก่ตัวเอง อรรถประโยชน์คืออะไรล่ะ คือสิ่งที่คนนั้นอยากได้ ดังนั้นเท่ากับพูดว่าคนเราทำอะไรสักอย่างเพราะเขาอยากทำอะไรนั้น ซึ่งไม่อธิบายอะไรเลย (อ. สเพียร์แมนจะอธิบายต่อไปในวงถกเถียงของคณะกรรมการในบท 11 นี่แหละว่า ทำไม อ.วาเลรีจึงเข้าใจผิด - นี่เป็นการแฝงวิชาเศรษฐศาสตร์เข้ามาในนิยายไงล่ะครับ) วาเลรี่ตัดสินใจมาตั้งแต่ท้ายบทที่ 2 แล้วว่าเธอจะไม่ให้กอสเซ่นได้เลื่อนเป็นอาจารย์ประจำ ดังนั้น พอ อ. โคสท์กล่าวแนะนำผู้สมัครของภาควิชาเศรษฐศาสตร์จบ ไม่ใช่คณบดีแต่เป็น อ. วาเลรี่ต่างหากที่เปิดปากกระหน่ำผู้สมัครของภาคนี้ทันที ไปดูภาษาอังกฤษนะครับ "Professor Kost, you have made an excellent case for your candidate. And that surprises me. I should have thought that a tenured member of our faculty would be expected to be able to reason without running round in a circle" คณบดีไม่ได้พูดแน่ เขาเป็นประธานที่ประชุม ต้องเล่นบทเป็นกลางยกเว้นกรณี tie-breaking vote นี่คือบทของกรรมการที่จะ grill หัวหน้าภาคของผู้สมัคร (ตัวผู้สมัครเอง ตามระเบียบกำหนดว่าจะต้องไม่มาพบคณะกรรมการ) นี่คือการด่า ว่าถึงคุณจะพูดให้คนของตัวดียังไง แต่ตำแหน่งอาจารย์ประจำควรจะให้คนที่มีสติปัญญาซักหน่อย คือคนที่สามารถให้เหตุผลได้โดยไม่วนเป็นวง โคสท์โดนหมัดฮุกเข้าเช่นนั้นก็จุกไป เขาเลยมอง วาเลรี่ เพื่อขอรายละเอียดเพิ่มเติมไงครับ ว่าไอ้ที่คุณ (อ. วาเลรี่) กล่าวหานั้น ขอรายละเอียดหน่อยซิครับ? เราจึงรู้ว่า คนที่พูดขึ้นก่อนนั้น คือวาเลรี่ แต่ที่น่าเศร้า คือการแปลผิดลงทะเลออกอ่าวกู่ไม่กลับเลย นอกจากจะแปลให้เป็นผู้ชายพูด (คณบดี) ไม่ใช่ผู้หญิงพูด (อ.วาเลรี่) แล้ว ความยังผิดไปสุดกู่ การให้เหตุผลวนเป็นวงกลายเป็นการถามไปรอบๆ โต๊ะไปได้ เป็นไปแล้วครับ (***running round in a circle ผู้แปลแปลว่า..ถามไปรอบๆโต๊ะ เง็งไหมคะ..ชาวไกลบ้าน..?? วิวันดา) จากคุณ : WIWANDA - [ 30 ส.ค. 47 06:44:34 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ส่วนที่เป็นคำด่าของ อ. วาเลอรี่แห่งภาควิชาจิตวิทยา ที่ผมคัดมาข้างบนว่า "Professor Kost, you have made an excellent case for your candidate. And that surprises me. I should have thought that a tenured member of our faculty would be expected to be able to reason without running round in a circle" และคนแปลนึกว่าเป็นคำชม (!) ของคณบดีเคล้กจ์ นั้น คนแปลเขาแปลว่าฉะนี้ขอรับ "ศาสตราจารย์โคสต์ คุณทำได้ดีเยี่ยมเลยสำหรับคนของคุณน่ะครับ และทำให้ผมแปลกประหลาดใจด้วย ผมก็น่าจะคิดได้ว่าอาจารย์ประจำของคณะเราถูกคาดหมายอย่างมีเหตุผลเช่นนี้ ก็ไม่ต้องไปถามใครทีละคนรอบโต๊ะนี้แล้ว" ครับ ไม่ต้องแล้วครับ สิ่งที่คุณควรทำคือไปผูกคอตายซะเถอะนะครับ - เฮ้อ... จากคุณ : WIWANDA - [ 30 ส.ค. 47 06:48:48 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ลองอ่าน The Big Mango ฉบัยแปลดูสิครับ...ยิ่งกว่านี้อีก จากคุณ : หมู4X - [ 30 ส.ค. 47 06:48:53 ]

ความคิดเห็นที่ 25 วันที่ 3 และยังไม่มีคำตอบ ครบเจ็ดวันผมคงจะต้องเขียนจดหมายยาวอีกฉบับ ส่งไป สนพ. เนชั่น ถ้าเนชั่นยังเฉย ผมคิดไว้เล่นๆ ว่าจะส่งไป นสพ. ผู้จัดการ เชื่อว่าคุณสนธิคงสนใจ เพราะ นสพ. ผู้จัดการรักกันแทบจะตีกันตายอยู่แล้วนี่กับเครือเนชั่น เรื่องนี้เข้าข่ายที่คุณสนธิเคยเปรยดังๆ ด้วยว่า การที่เครือบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งเป็นเจ้าของทั้งทีวี ทั้ง นสพ. ไทยและอังกฤษ และแถมสำนักพิมพ์ด้วยนี่ ไม่น่าจะถูกต้อง ผมเองไม่เคยคิดว่ามันจะเป็นปัญหา จนเห็นเนชั่นทีวีเชียร์หนังสือของเนชั่นบุ๊กส์นี่แหละถึงได้คิดว่า ที่คุณสนธิพูดก็มีประเด็นแฮะ รายการตกเก้าอี้อีกครับ Day after day ผมเคยประชดว่า จะให้ผมแปลว่า "วันพรุ่งนี้" รึไง ถ้าแปล Semester after semester ว่า "ภาคปลาย" ได้น่ะ เมื่อคืนอ่านไปอ่านมาก็ไปเจอคำว่า day after day เข้าจริงๆ ทายสิครับว่าเขาแปลว่าอะไร - "วันรุ่งขึ้น" ครับ โครม! ตกเก้าอี้ครับ ครับๆ เชื่อแล้วว่าคนแปลมีตรรกะคงเส้นคงวาจริงๆ จากคุณ : WIWANDA - [ 30 ส.ค. 47 06:52:01 ]

ความคิดเห็นที่ 26 คำว่า Very เด็กๆ ก็รู้ว่าแปลว่า มาก เช่น very good ดีมาก คำว่า Many ก็แปลว่า มาก หลาย เหมือนกัน เช่น many days หลายวัน ยังงั้นคำทำนอง the very day (เดย์เป็นเอกพจน์) ล่ะ จะแปลว่าไง ? Very แปลว่ามาก จริงครับ แต่เฉพาะอะไรที่เป็นนามธรรมนับไม่ได้ เช่น ดีมาก ชุ่ยมาก สวยมาก แย่มาก ร้อนมาก หนาวมาก คือใช้ขยายคำขยายไม่ใช่คำนาม คำขยายเหล่านี้ถือว่านับเป็นอันๆ ไม่ได้ แต่ถ้า very มาขยายคำนาม (ส่วนมากจะมี The/that/this ประกอบด้วย) จะแปลว่า อันนั้นเลยเชียวอันนั้นนั่นแหละไม่ใช่อันอื่น อันนั้นเป๊ะๆ เลย เช่น That very day (ภายใน) วันเดียวกันนั้นนั่นเอง ยังไม่ทันข้ามวัน The very person she does not want to see... เผอิญจริงจริ๊ง คนที่หล่อนกำลังเกลียดหน้าไม่อยากพบอยู่นั่นแหละไม่ใช่คนอื่นเลย (โผล่มา) เป็นต้น แต่ในบทก่อนบทที่ 1 อาจารย์หฤทัยคงทราบแต่ว่า very แปลว่ามาก จึงแปล ...on the very day of their approval... เป็น "กว่าที่ผู้สมัครจะรู้ผลการพิจารณาของคณะกรรมการฯ นั้น ต้องใช้เวลาหลายวัน..." กลุ้ม จริงๆนะครับ จากคุณ : WIWANDA - [ 30 ส.ค. 47 06:54:38 ]

ความคิดเห็นที่ 27 เลขที่ออกสำหรับสลากงวดนี้ ครับ (เท่าที่พอจะทำไหวจนถึงวันนี้) บท Prologue ก่อนบทที่ 1 ผมเจอที่แปลผิด แปลตก แปลเกิน (โดยไม่มีเหตุสมควร ถ้ามีเหตุผลก็เพิ่มข้อความเสริมได้) ประมาณ 35 ที่ ที่ใช้คำว่าประมาณเพราะบางทียากที่จะนับว่ามันผิดที่หนึ่งหรือสองที่ ถ้ามันเกิดขึ้นติดกัน และบางทีมันก็ไม่ใช่แปลผิด เป็นแต่ภาษาฟังประหลาดๆ เท่านั้น แต่ถ้าความหมายให้ ผมมักจะอนุโลม หยวนๆ (ถึงแม้ว่าผมจะนึกคำไทยที่สละสลวยกว่าได้ก็ตาม แต่ผมไม่นับเป็นผิด) แต่ทีนี้หลายกรณีมันก้ำกึ่งอยู่ ผมเลยขอใช้คำว่า ประมาณ และัเป็นการนับส่วนตัวของผมเท่านั้น ปราชญ์ภาษาอังกฤษตัวจริงท่านอาจนับที่ผิดได้ผลลัพธ์ไม่เหมือนผมก็ได้ครับ อารัมภบทนานเชียว - บทนำก่อนบทที่ 1 ผมว่าผิด 35ที่นะ โดยประมาณ บทที่ 1 ผมนับของผมเอง ได้ที่ผิด ราวๆ 40 ที่ บทที่ 2 ผมว่าน่าจะผิดประมาณสัก 65 ที่ บทที่ 3 ที่ผิด เท่าที่ผมหาได้นะครับ ราวๆ 60 แห่ง บทที่ 4 ผมนับประสาผม ได้ประมาณ 50 ที่ที่แปลผิด บทที่ 5 (ที่เห็นว่าแปลได้ค่อนข้างดีที่สุด) ผมนับที่ผิดได้เพียง ราว 17 แห่ง ข้ามไปบทที่ 9 งานเลี้ยงบ้านสเพียร์แมน ผมเคยบอกไว้แล้วว่า นับได้ประมาณ 50 แห่งที่ผมคิดว่าผิด บทที่ 16 นับไปนับมาทั้งบท รวมจดหมายสารภาพของฆาตกรด้วย ผมได้ที่ผิด ราวๆ 65 ที่ ส่วนบทอื่นที่เหลือ ขอพักเหนื่อยก่อนครับ ไม่ไหวแล้ว... จากคุณ : WIWANDA - [ 30 ส.ค. 47 07:00:51 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ครบเจ็ดวันแล้วครับ วันนี้ผมได้เรียนบอกกล่าว อ.หฤทัยและ อ.วรากรณ์ทั้ง 2 ท่านไปแล้วด้วย ว่าผมเข้าใจแล้ว ที่คุณไม่ตอบผม ดังนั้นผมจะไม่รบกวนคุณด้วยอีเมล์อีกต่อไปแล้ว แต่จะตำหนิตรงไปยังสำนักพิมพ์เนชั่นบุ๊กส์ละ แล้วถ้าเกิดจะมีวงเสวนาฮาเฮเรื่องวิชาการแปลหนังสือตรงไหนที่ผมได้ไปร่วมด้วย จะห้ามผมไม่ได้นะที่ผมจะยกตัวอย่างหนังสือนี้ เพราะคุณแปลมันส์จริงๆ นี่หว่า แล้วมาโทษผมไม่ได้นะเออ ก็คุณแปลของคุณเอง มีอะไรเด็ดๆ อีก? ได้สังเกตด้วยความกลุ้มใจว่า คนแปลเธอแปล too มากกว่าหนึ่งที่ เป็น "อย่างยิ่ง อย่างมาก" ซึ่งก็ไม่ผิดเสียทีเดียว (แต่ผมจะแปลว่า "เกินไป" เช่น too many ไม่ใช่ "มากอย่างยิ่ง" แต่ควร เป็นมากเกินไป) ถ้ามันอยู่ในความหมายนั้นจริงก็ยังดี เพี้ยนนิดหนึ่งผมยังพอหยวนๆ แต่ว่าเธอเล่นยึดความหมายนี้เป็นสรณะ รวมไปถึงตรงประโยคที่ too มันแปลว่า also ด้วยน่ะสิครับ... ดึงดันจะให้แปลว่าอย่างยิ่งด้วยให้ได้ ผมขอไม่ยกตัวอย่างประโยค เพราะมีอยู่หลายที่ anyway เธอแปลตรงตัวอักษรว่า "โดยวิถีใดๆ ก็ตาม" ในขณะที่ผมจะแปลว่า "ถึงยังไง... อยู่ดี" ในความหมายทำนองเช่น ฉันไม่ไปเลือกตั้งดีกว่า ถึงยังไงลีน่าจังก็ต้องชนะอยู่ดี anyway เธอจะแปลว่า "ลีน่าจังจะชนะโดยใช้วิถีทางใดๆ ก็ตาม" (เมื่อผมสมมติประโยคตัวอย่างนี้ เวลาเลยบ่าย 3 โมงมาแล้วนะครับ ปิดหีบบัตรเลือกตั้งแล้ว และตัวผมก็ไปใช้สิทธิเองเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นไม่ถือว่าการยกประโยคตัวอย่างนี้เป็นการโฆษณาไม่ให้คนไปใช้สิทธินะครับ เป็นแค่เรื่องสมมติ) altogether ก็คลับคล้ายคลับคลาว่าเธอเถรตรงแปลตามตัวอักษรเช่นกัน เอ๊ย เกินไป เอ๊ย เช่นกัน.... จากคุณ : น้อย คงคำ [29 สิงหาคม 2547 เวลา 15:56:40] จากคุณ : WIWANDA - [ 30 ส.ค. 47 07:09:46 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ในฐานะของผู้ผ่านมาพบ ประสบเหตการณ์ ..ฉันจึงอยู่เฉยๆไม่ได้หรอกค่ะ ต้องเอามาแพร่ขยาย เพราะเคยพูดอยู่บ่อยว่า.. สมัยนี้แข่งเรียนกันเพื่อเอาปริญญามาประดับกายเท่านั้น.. แต่คุณภาพของความรู้ตกต่ำลงไปทุกที.. เชื่อว่า คนแปลก็ต้องผ่านเมืองนอกเมืองนามาบ้าง..แต่ ที่ยกมานั้น มันผิดพลาดจนไม่น่าเชื่อ..ทั้งๆที่ในดิคชั่นนารีก็มีบอกละเอียด.. แล้วยังมาแปลหนังสือขายเพื่อหวังค้ากำไรนี่..ยิ่งไม่น่าให้อภัยใหญ่เลยค่ะ สมควรที่จะต้องเรียกหนังสือกลับต้นสังกัด และ คืนเงินให้แก่คนซื้อเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างของคนที่หวังทำงานชุ่ยๆอีกต่อไป.. ป.ล.คุณน้อย คงคำ หรือเป็นที่รู้จักกันในนามของ "นิลกังขา" ผู้ทรงคุณวุฒิจากเวบวิชาการ ลองไปอ่านบทความอื่นอันเป็นความรู้ของท่านในนั้นก็ได้ค่ะ.. จากคุณ : WIWANDA - [ 30 ส.ค. 47 07:19:20 ]

ความคิดเห็นที่ 30 where is that เวบวิชาการ from which this post originated a' ka? would like to go browse some more. :) จากคุณ : n51 - [ 30 ส.ค. 47 07:27:12 A:66.237.132.175 X: TicketID:071580 ]

ความคิดเห็นที่ 31 โหวตให้ครับ ในฐานะนักเรียนเศรษฐศาสตร์สมัครเล่นระดับปลายแถว เคยเห็นหนังสือเล่มนี้ผ่านตามาบ้าง จะขอลองให้ความเห็นหน่อย ตอนแรกที่อ่านตอนต้น ๆ ผมค่อนข้างเห็นใจคนแปลนะ คิดว่าอาจจะเป็นแค่ความผิดพลาดบางอย่าง เพราะ อาจารย์ผู้สอนวิชาเศรษฐศาสตร์ที่ไม่เคยมีโอกาสเดินทางไปศึกษา ณ ต่างประเทศมาก่อน ก็อาจจะมีผิดพลาดบ้างในทางภาษาอังกฤษ เนื่องจากไม่ใช่เป็นความถนัดของตัวเอง ไม่น่าจะต้องเอามาประจานกันขนาดนี้ แต่พออ่านไปเรื่อย ๆ จนถึงความเห็นสุดท้ายที่คุณ WIWANDA เอามาแปะนี่ ผมเริ่มเปลี่ยนความคิดไปบ้าง ผมคิดว่าคนที่ต้องรับผิดชอบก็มีสองส่วน ผู้แปล ผมเห็นว่าเรื่องนี้ อาจารย์ผู้แปลคือคนแรกที่ต้องรับผิดชอบกับการกระทำของตัวเอง ปัญหาก็คือว่าถ้าอาจารย์รู้ว่าไม่สามารถจะทำได้ดี หรือเห็นว่าเป็นเรื่องเกินความสามารถของตนเอง ก็ไม่ควรจะรับปากทำ เพราะมันจะเสียชื่อเสียง โดยตรง ดูแล้วสมัยอาจารย์เป็นนิสิต ก็ดูว่าอาจจะไม่ใช่เป็นคนที่เก่งภาษาอังกฤษมาก เหตุไฉนถึงหาญกล้าลงมือจับงานแปลที่ต้องเผยแพร่ต่อสาธารณชนในวงกว้างและเป็นเป้าต่อการวิจารณ์ได้ และถ้าเป็นอย่างที่คุณ น้อย คงคำ สันนิษฐานเอาไว้คือมีการเอาไปให้คนอื่น ๆ ช่วยแปลด้วย ก็ถือว่าผิดจริยธรรมมาก และอย่างที่รู้ ในทางวิชาการสิ่งที่สำคัญที่สุดคือความเชื่อถือยอมรับที่สังคมหรือคนในวงการด้วยกันมีต่อท่าน ถ้าเรื่องนี้จะต้องเผยแพร่ออกไปในวงกว้าง ผมสงสารท่านเหลือเกินครับ เรื่องนี้อาจจะมองได้อีกในแง่มาตรฐานของอาจารย์มหาวิทยาลัย มาตรฐานของสถาบันการศึกษาในไทย มาตรฐานของหลักสูตรการผลิตมหาบัณฑิตซึ่งผมยังไม่อยากไป จับตรงประเด็นนั้น ณ ที่นี้ บรรณาธิการ ส่วนคนที่ต้องรับผิดชอบมากที่สุด ก็คงหนีไม่พ้น คณะบรรณาธิการและเครือเนชั่นบุ๊ก น่ะครับ ไม่น่าจะปล่อยให้พลาดขนาดนี้ได้ ผมว่าทางเนชั่น สมควรสั่งเก็บหนังสือที่กระจายอยู่ตามร้านทั้งหมดครับ แล้วเอาไปเผาทำลายเสีย สำหรับเรื่องกระบวนการสรรหาผู้แปล ไม่ทราบว่าทางเครือเนชั่นและ บก ทำงานกันอย่างไร ใช้กระบวนการไหน ในการคัดสรรคนที่จะทำหน้าที่แปล เพราะทำได้ต่ำกว่ามาตรฐานมาก ( จริง ๆ ผมก็ไม่ทราบมาตรฐานของหนังสือแปลเล่มอื่น ๆ ของเนชั่นหรอก แต่มองโลกในแง่ดีเอาไว้ก่อนว่าเล่มนี้อาจจะเป็นแค่หนึ่งในร้อยเล่มที่ คุณภาพไม่ถึงขั้น) อ่านดูแล้วเหมือนกับว่า บก ไม่เคยได้อ่านงานต้นฉบับล่วงหน้ามาเลย เขาส่งต้นฉบับมายังไง ก็ส่งพิมพ์ไปตามนั้น เสียชื่อ เครือเนชั่นผู้นำด้านภาษาอังกฤษนะครับ ถ้าเรื่องนี้รู้ไปถึงผู้บริหารระดับสูง จะเกิดอะไรขึ้นยังไม่อยากคิด น้อย คงคำ ขอบคุณ คุณ น้อย คงคำนะครับที่ตั้งใจเอาเรื่องราวมาเปิดเผย ตอนแรกผมก็สงสัยว่าใคร ลองค้น ๆ ดูหน่อย ก็รู้ล่ะ ว่าเป็นสมาชิกไกลบ้านที่ยังเข้ามาวนเวียนอยู่บ่อย ๆ นี่เอง ฮา ๆ ๆ ๆ รู้สึกพยายามจับผิดเก่งดีจัง ว่าแต่ตอนนี้อยู่ กทม เหรอครับ ? คิดว่าออกโพสต์อยู่ ขอสวัสดีมา ณ ที่นี้ด้วยครับ หวังว่าคงสบายดี ปล. หนังสือเล่มนี้ เขียนโดย Marshall Jevons ซึ่งเป็นนามแฝงของ อาจารย์เศรษฐศาสตร์สองคนคือ Kenneth G. Elzinga แห่ง ม.เวอร์จิเนีย กับ William Breit แห่ง Trinity University ซึ่งเป็นผู้เริ่มการสัมมนา Nobel Economists lecture series อันมีชื่อเสียงทุก ๆ ปี และก็มีหนังสือที่คนในวงการเศรษฐศาสตร์ทุกคนคงเคยอ่านชื่อเรื่อง Lives of the Laureates ครับ (แปลเป็นไทยมาหลายสิบปีแล้ว) ผมก็เพิ่งรู้เหมือนกันว่าคือคนเดียวกับคนเขียนนิยายเรื่องนี้นั่นเอง หนังสือน่าสนใจครับ คงจะแนว ๆ เดียวกับงานของ อ.วรากรณ์ คือเน้นเศรษฐศาสตร์ระดับเข้าถึงชาวบ้านอย่างง่าย ๆ เป็นหลัก จากคุณ : B.F.Pinkerton - [ 30 ส.ค. 47 08:13:04 ]

ความคิดเห็นที่ 32 โอ........................ อึ้ง ทึ่ง เสียวค่ะ นึกถึงอารมณ์ที่ซื้อหนังสือเล่มนี้มาอ่านแล้ว ขยักขย่อน อยากอ๊วกได้ทันที เพราะแค่อ่านการแปลแบบที่มีคำขยายกริยาซ้อนๆๆกันหลายชั้นก็เวียนหัวเเล้ว แต่ที่ไม่เข้าใจหนักคือ บก.ปล่อยงานออกมาได้ไง ไม่อ่าน ไม่แก้กันเรยหรือ???? เพราะเคยทำงานนิตยสารมาก่อน แค่พิมพ์เยิ่นเย้อแค่คำสองคำ ยังโดนบก.ไล่มาแก้เลยค่ะ โอย..เศร้าใจ จากคุณ : เกือกซ่าสีชมพู - [ 30 ส.ค. 47 08:42:18 ]

ความคิดเห็นที่ 33 โห พูดไม่ออก ผมตามลิงก์มาจากที่คุณ WIWANDA ไปแปะไว้ที่ห้องยำภาษา ผมไม่ได้อ่านทั้งฉบับแปลและต้นฉบับ แต่ฟังจากผู้วิจารณ์ว่ามาว่านับที่ผิดแล้วแปลแปดบทผิดสามร้อยแปดสิบสองที่เข้าไปแล้ว ถ้าอย่างนี้จริงก็ถือว่างานไม่ได้มาตรฐานแล้วละครับ โดยเฉพาะบางจุดที่ยกตัวอย่างนั้นเป็นการแสดงความไม่รู้หนังสือภาษาอังกฤษของคนแปลอย่างชัดเจนครับ ไม่ใช่ข้อผิดพลาดของการพิสูจน์อักษรหรืออะไร ส่วนใครตรวจแก้และใครรับรองคุณภาพก็คงต้องรับเอาคำติไปด้วยเป็นหางว่าว ว่าแต่มันเกิดเรื่องยังงี้ได้ยังไง ใครตอบได้บ้าง เฮีย tansy แกเคยพูดถึงใครสักคนที่มีกระดาษรับรองคุณวุฒิจากเมืองนอกเมืองนาแต่ฝีมือก็งั้นๆ ไม่รู้เกี่ยวข้องกันหรือเปล่ากับเรื่องนี้ ผมลากลับละครับ จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 30 ส.ค. 47 09:15:35 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ใช่เรื่องเศรษฐศาสตร์ฆาตกรรม หรือเปล่าครับ ถ้าใช่ผมเคยอ่าน แต่อ่านไปได้ไม่ กี่บทก็เลิก เพราะ อ่านไม่รู้เรื่อง จับใจความไม่ได้เลย อ่านแล้วมันงงๆ สับสนกับภาษานะ จากคุณ : TTT - [ 30 ส.ค. 47 09:27:52 A:202.57.185.158 X: TicketID:065385 ]

ความคิดเห็นที่ 35 อึ้งเหมือนกันนะ ขนาดผมจบวิทยาศาสตร์ ไม่เคยเรียนเมืองนอก เรียน อังกฤษจากตำราเท่านั้น ยังงงๆเลยว่าแปลแบบนั้นไปได้ไง อ้อ เห็นแปลแบบนี้แล้วนึกถึงคำบรรยายภาษาไทยของDVD ของ ดีวีดีก๊อปปี้ แปลคล้ายๆอย่างนี้แหละ เขาเรียกกันในวงการแผ่นดีวีดีผีว่า ซับนรก ครับ จากคุณ : น - [ 30 ส.ค. 47 09:33:53 A:203.113.33.11 X: TicketID:013108 ]

ความคิดเห็นที่ 36 เฮ้อ..อนาถใจจังค่ะ จากคุณ : คนไทยอีกคน - [ 30 ส.ค. 47 09:41:27 A:64.229.180.245 X: TicketID:058857 ]

ความคิดเห็นที่ 37 เรื่องนี้ไม่ใช่ เศรษฐศาสตร์ฆาตกรรมค่ะ แต่เป็นเรื่องที่สอง ชื่อ ดุลยภาพมรณะ คนแปลคนเดียวกันค่ะ ดิฉันอ่านแต่เล่มนี้ ไม่ได้อ่านเล่มแรก แต่คาดว่า...อ่านแล้วจะ...มรณะ เหมือนกัน จากคุณ : อักษรสีฟ้า - [ 30 ส.ค. 47 09:59:13 ]

ความคิดเห็นที่ 38 อ่านกระทู้นี้ครั้งแรก หัวเราะจนน้ำตาไหล เมื่อวานเครียด ร้องไห้ เรื่องปริญญาโทภาษาอังกฤษที่เรียนอยู่ เพราะรู้สึกว่าตัวเองโง่ภาษาอังกฤษมากๆ สู้เพื่อนไม่ได้ หลังจากได้อ่านอ่านกระทู้นี้ ทำให้รู้สึกว่ามีพลังใจ พลังกายที่จะฮึดสู้ขึ้นมาทันทีเลยค่ะ เหตุผลใครอยากรู้ คิดเอาเองล่ะกัน ;p ต้องขอบคุณเจ้าของกระทู้ด้วยนะคะ จากคุณ : * เทมมี่จัง * - [ 30 ส.ค. 47 10:38:39 ]

ความคิดเห็นที่ 39 โอย... หัวเราะจนตกเก้าอี้ไปเลย ตอนแรกคิดว่าจะไม่มีบทแปลอะไรจะเด็ดไปกว่า "จดหมายจากไม่มีใคร (Letter from no one)" ในแฮรี่ พอตเตอร์เล่มแรกได้แล้วนะคะเนี่ย ผู้แปลเรื่องนี้ชนะเลิศค่ะ จากคุณ : midori - [ 30 ส.ค. 47 11:50:00 ]

ความคิดเห็นที่ 40 จากตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ ที่คุณนิลกังขายกมาให้ดูนั้น ถือว่าเป็นประโยคภาษาอังกฤษที่ไม่ได้ซับซ้อนอะไรเลยครับ ทำไมถึงได้แปลออกมหาสมุทรไปได้ขนาดนั้น ถ้าเช่นนั้น เรื่องแปล เศรษฐศาสตร์ฆาตกรรม ก็คงจะอีหรอบเดียวกันแน่ๆ จากคุณ : อนาฆิส - [ 30 ส.ค. 47 12:29:47 ]

ความคิดเห็นที่ 41 สงสารคนแปลจัง ตอนนี้ จากคุณ : เฉิ่มเบอะ - [ 30 ส.ค. 47 12:44:40 ]

ความคิดเห็นที่ 42 คิดว่าทั้งหมดนี้ อาจารย์คนนี้คงไม่ได้ทำการแปลเองทั้งหมด คงต้อง มอบหมายงานนี้ให้ใครสักคนช่วยส่วนหนึ่งก็เป็นได้ แต่อย่างไรก็ตาม...........ควรจะพิจารณาตัวเองได้บ้างแล้วในฐานะที่ไม่ตรวจสอบผลงานตัวเองก่อนที่จะนำมาตีพิมพ์ จากคุณ : A|E - [ 30 ส.ค. 47 12:57:15 ]

ความคิดเห็นที่ 43 กระทู้คุณ wiwanda ให้ความรู้ดีนะครับ คือนอกจากชี้จุดที่ผิดแล้ว ยังแสดงการแปลที่ถูกต้องให้เทียบเคียงกันด้วย ผมเลยอ่านตั้งแต่ต้นจนจบเลย อ่านแล้วกลับไม่รู้สึกขำเลยครับ แต่ต้องใช้คำว่าแสลงใจจนถึงสลดใจเลยครับ ถ้าวงการหนังสือบ้านเรา มีพวกงานขยะๆ ที่แปลผิด ไม่มีการตรวจทานโดยผู้ชำนาญ แบบตัวอย่างนี้เยอะๆ คนอ่านก็คงได้ความรู้ผิดๆแย่เลยครับ กระทู้นี้ดีครับ ช่วยบอกต่อๆกันว่าต่อไปนี้หนังสือแปลโดยชื่อนี้ คิดให้ดีแล้วอย่าซื้อ (ไม่ใช่คิดก่อนซื้อนะครับ แต่อย่าซื้อดีกว่า) เพราะว่ามันกระท่อนกระแท่นเหลือเกิน อ่านแล้วจะเสียอารมณ์ ส่วนต่อไปนี้ ขอฝากถึง คุณ หฤทัย ผู้แปลนะครับว่า "ถ้าคุณแปลได้แค่นี้แล้วแปลหนังสือขายได้ อย่างนี้ไม่ว่าใครก็มีอาชีพนักแปลได้สิครับเนี่ย ผมอยากให้ผู้แปลได้อ่านกระทู้นี้จริงๆเลยครับ จะได้ใส่ใจคุณภาพงานบ้าง ถ้าคุณเป็นผู้รู้ภาษาอังกฤษจริงๆ คุณไม่ควรเอางานไปกระจายให้คนไม่รู้ทำ ถ้าจะมีลูกมือช่วยแปล ก็ควรคัดเลือกคนที่มีฝีมือเชื่อถือได้ แล้วคุณต้องตรวจทานอีกที เพราะงานแบบนี้มันเสียชื่อเสียงปล่าวๆ หรือถ้าคุณแปลเองแต่ว่าภาษาอังกฤษของคุณไม่ค่อยแตกฉาน ก็น่าจะพิจารณาตัวเอง เลิกทำงานแปลเถอะครับ เพื่อคำนึงถึงคุณค่าของงาน และสาระความถูกต้องของงานที่ผู้อ่านจะได้รับ" ปล. ไม่ทราบว่า คุณ หฤทัย เป็นบุคคลหรือคณะบุคคลเดียวกันกับที่แปลซับไตเติ้ลในดีวีดีก๊อปปี้หรือปล่าวครับ เพราะแนวทางในการแปลใกล้เคียงกันเลยครับ แก้ไขเมื่อ 30 ส.ค. 47 13:13:39 จากคุณ : Octo - [ 30 ส.ค. 47 13:02:18 ]

ความคิดเห็นที่ 44 นี่เป็นกระทู้ที่เศร้าที่สุดในโลก.... เป็นห่วงคนที่หลงไปอ่านหนังสือเล่มนี้อะ...พวกเขาจะรู้ตัวหรือเปล่าว่าเป็นหยื่อ และรับเอาข้อมูลผิด ๆ ไป...ทำไงดี ๆ ๆ จากคุณ : เด็กดี - [ 30 ส.ค. 47 15:58:29 A:24.16.11.146 X: TicketID:064228 ]

ความคิดเห็นที่ 45 หวัดดีครับ ผมนายนิลกังขามารายงานตัวครับ ขอบพระคุณคุณน้าวิวันดา ที่เห็นผมบ่นบ้าอยู่งึมงัมแล้วก็เห็นว่าอาจเป็นประโยชน์ เลยขออนุญาตผมเอามาเผยแพร่ ในที่นี้ ซึ่งผมยินดี และรู้สึกเป็นเกียรติ เสียแต่ว่าคุณน้าเล่นเรียกผมว่า "ผู้ทรงคุณวุฒิ" เท่านั้นแหละ เล่นเอาผมเขิน โธ่ ผมก็นายนิลกังขา นกข. อดีตภารโรงห้้องมองอดีต เท่านั้นเอง นกข. กับ นคค. ก็คนเดียวกันแหละครับ ผมขอบคุณคุณ B F Pinkerton ที่ถามถึง และขอยืนยันจริงๆ ว่า ผมไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะประจานผู้แปล ผมไม่รู้จักเธอสักนิดผมจะให้ร้ายเธอทำไม และที่ผมซื้อหนังสือเล่ม 2 คือดุลยภาพมรณะ มาตั้งแต่ต้นก็เพราะศรัทธา อ. วรากรณ์ สามโกเศศ และทึ่งว่าเรื่องนักสืบจะอธิบา่ยเศรษฐศาสตร์ได้ยังไง เท่านั้น กะไว้เดิมว่าจะตามไปซื้อเล่ม 1 เศรษฐศาสตร์ฆาตกรรม ด้วยซ้ำ แต่พออ่านเล่ม 2 จบผมก็เลิกคิดจะไปตามเสียสตางค์ซื้อเล่ม 1 ความขลึกขลุก ขลุกขลัก ประดักประเดิดในฉบับแปลภาษาไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลายๆ ที่ที่ผมไม่เข้าใจเลยว่าข้อความตรงนี้ทะลุกลางปล้องโผล่ขึ้นมาได้ยังไง กับบางที่ที่ผมเดาได้เลยว่าคนแปลแปลผิด (เช่นแปล tie- breaking vote ซึ่งผมเองจะแปลว่า "การออกเสียงชี้ขาดโดยประธาน" (ในกรณีที่กรรมการอื่นในคณะกรรมการเห็นแย้งกัน 2 ฝ่ายเท่ากันพอดี) เป็น "การออกเสียงทำลายข้อผูกมัด" บ้าง "การสลายแต้มที่เท่ากัน" บ้าง แค่นี้ผมก็เดาได้แล้วว่าคนแปลไม่รู้จักคำว่า tie ในความหมายว่า เสมอกัน อย่างในกีฬา หรือแต้มเท่า จึงแปลเป็นข้อผูกมัด) ภาษาไทยที่ประดักประเดิดอย่างนี้ทำให้ผมต้องขวนขวายตามไปหาต้นฉบับภาษาอังกฤษอ่าน แล้วก็ถึงได้พบด้วยความช็อค (อาจารย์หฤทัยแปล shock ว่า ภาวะขาดแคลน - เอาเข้าไป!) ว่ามันผิดอย่างมากมายหลายร้อยที่ บางที่ผิดอย่างน่าหัวเราะ หรือน่าร้องไห้ เป็นความผิดพลาดที่เด็กมัธยมปลายที่ภาษาดีหน่อยยังไม่ทำเลย คนแปลที่ความรู้ภาษาอังกฤษเพียงนี้ ลุกขึ้นแปลหนังสือได้อย่างไร แล้วคิดดูสิครับว่า นี่เป็นงานแปลเล่มที่ 2 ของเธอ แล้วด้วย แล้วคิดต่อสิครับว่า จัดพิมพ์โดย สนพ. ที่เป็นเครือเดียวกับ นสพ. The Nation แล้วคิดต่อไปด้วยว่า เธอได้รับคำสรรเสริญใน "คำนิยม" โดย อ. วรากรณ์ฯ ว่าภาษาอังกฤษของเธอดี !!! แล้วก็คิดดูด้วยว่าหนังสือ 2 เล่มนี้ติดอันดับขายดีมาก โดยเฉพาะหลังจากเมื่อเนชั่นทีวี รายการแนะนำหนังสือดี สัมภาษณ์ อ. หฤทัยเมื่อสักเดือนที่แล้ว ที่จริงที่ผมซื้อมาก็เพราะผมดูทีวีรายการนั้นแหละ แล้วช่วยคิดต่อด้วยว่า เนชั่นทีวีกับเนชั่นบุ๊กส์เป็นธุรกิจในเครือเดียวกัน เข้าข่ายหลอกลวงผู้บริโภคไหม ถ้าท่านคิดตามที่ผมไล่เรียงความคิดของผมมาเช่นนี้ ท่านอาจจะเข้าใจความรู้สึกของผมได้ ว่าทำไมผมถึงหงุดหงิดมากนัก แต่ก่อนที่จะยอมให้คุณน้าวิวันดาโพสต์ลงในนี้ (ก่อนหน้านี้ผมไปบ่นในเว็บปิด เฉพาะสมาชิกวงเล็ก เว็บหนึ่ง ที่ทั้งผมและคุณน้าเป็นสมาชิก) ผมสู้อุตส่าห์ เขียนอีเมล์ไป "ปรับทุกข์" กับ อ. วรากรณ์กับ อ. หฤทัยแล้วนะครับ ผมรอการติดต่อจากทั้ง 2 ท่านอยู่ 7 วัน ไม่มีใครยอมตอบผม ก็เลยยอมให้คุณน้าเผยแพร่ได้ ยังมีที่แปลผิดชนิดโง่น่าสงสารออกทะเลเลยอีกหลายที่ครับ บวกกับบางที่ที่แปลไม่ถึงขนาดออกทะเล แต่ก็ต้องนับว่าแปลผิด รวมกันแล้วได้หลายร้อยที่ ย้ำ หลายร้อยที่ ประมาณคร่าวๆ เพราะยังนับไม่หมด ผมว่าราว 500 ที่เป็นอย่างน้อย ในหนังสือที่มีเพียง 279 หน้า ใครยอมรับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ระดับนี้ได้ก็สุดแท้แต่ แต่ผมไม่ยอมรับครับ หลังจาก 7 วันผ่านไปแล้วโดยผู้แปลและผู้เขียนคำนิยมไม่ตอบ ผมจึงได้อีเมล์ ตำหนิไปถึง สนพ.เนชั่นบุ๊กส์แล้ว ไม่ทราบว่าเขาจะว่ายังไง จากคุณ : นิลกังขา - [ 30 ส.ค. 47 16:34:58 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ผลงานชั้นเลวครับ เคยผ่านตามาบ้าง ผมแทบไม่อ่านผลงานฉบับแปลเลยครับ อ่านต้นฉบับตลอด จากคุณ : ชาติ 4300 - [ 30 ส.ค. 47 17:48:58 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ขอโหวต ให้กระทู้นี้ ครับ ผมเห็นด้วยนะ กับหลายคนข้างบนที่บอกว่า ผู้แปล และผู้พิมพ์ น่าจะร่วมและ รับผิดชอบ แต่สื่อและสิ่งพิมพ์ที่ไม่ใช่ ว่าสักแต่ จะทำขายเพื่อได้เงิน นับถือคนที่ เห็นข้อบกพร่องของหนังสือเลยครับ ท่าทางจะเคียดแค้น เป็นผมก็คงจะแค้น เพราะ จ่ายเงินไปแล้ว โดนหลอกนี่ มัน่าชำใจ อยากให้กรณีอย่างงี้ไปออกรายการของ สรยุท จัง ท่าทางจะมัน ใช่น้อย จากคุณ : yoyobsb (Dirty_Face) - [ 30 ส.ค. 47 17:52:11 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ผมไม่เชิงว่าจะ "เคียดแค้น" หรอกครับ แต่ผมรู้สึกว่าเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องที่ผมรับไม่ได้ สมมติว่าเนชั่นบุ๊กส์เขาเอาเงินมาให้ผม 185 บาท ผมก็จะไม่ขาดทุนแล้ว แต่สาธารณชนคนอ่านทั่วไปยังถูกหลอกอยู่ ผมว่าผม "อกหัก" มากกว่า ผมช็อก (หรือที่คนแปลเธอแปลว่า "ภาวะขาดแคลน") ที่ คนที่อาจารย์วรากรณ์ (ซึ่งผมเคยนับถือ) ชมภาษาอังกฤษเสียเลิศเลอ และหนังสือของเธอได้รับการจัดพิมพ์โดย สนพ. เนชั่นบุ๊กส์ ที่เจ้าของเครือเดียวกับ นสพ. ภาษาอังกฤษ the Nation และเป็นหนังสือที่เนั่นทีวีชมเสียหรู เอาคนแปลไปออกทีวีด้วย ปรากฏว่าแปล I am sorry? เป็น "ผมรู้สึกเศร้าใจเรอะ?"... รายงานครับ ผมได้อ่านตรวจไปแล้ว 14 บท กับบทนำอีก 1 บท ยังเหลืออีก 4 บท เท่าที่อ่านมา ผมเจอที่แปลผิดแล้ว ประมาณ 830 แห่ง (อย่าลืมว่าหนังสือฉบับไทยมีแค่ 279 หน้า) มันยอมรับไม่ได้ ใช่ไหมครับ จากคุณ : นิลกังขา (นิลกังขา) - [ 30 ส.ค. 47 18:37:19 ]

ความคิดเห็นที่ 49 แปลผิด แปลเกิน แปลขาด เป็นข้อห้ามถือสาของการแปล อย่างน้อยก็ในแวดวงคนรู้จักคุ้นเคยกับผม ส่วนแปลไม่เพราะนั้นก็เหมือนรำไม่สวย วิจารณ์ได้ว่าสวยไม่สวยอย่างไร ก็ยังพอยอมรับได้ แต่สามข้อแรกนั้นรับไม่ได้นะครับ เป็นอนันตริยกรรมของการแปล หนังสือเล่มนี้ถูกตั้งข้อหาฉกรรจ์ทั้งสามข้อแรก ผู้รับผิดชอบไม่ว่าฝ่ายใดก็รับรู้แล้ว ทำไมไม่มีใครมาชี้แจงเลย หรือเขาชี้แจงไม่ได้? งั้นก็ออกมารับผิดเหอะ คนผิดรู้ตัวว่าผิดแล้วยอมรับและแก้ไขย่อมดีกว่าปล่อยทิ้งไว้ให้คนเขาไยไพและประนาม จะแก้อย่างไรก็แล้วแต่จะพิจารณา ผมไม่ได้มีส่วนได้และเสียในเรื่องนี้แต่ประการใดแต่ถ้าหนังสือเล่มนี้มีข้อบกพร่องฉกรรจ์อย่างที่คุณนิลกังขาว่ามา ผมสงสารคนไทยที่หลงผิดซื้อหนังสือไปอ่านด้วยความเข้าใจว่าได้ของดีไปครับ จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 30 ส.ค. 47 19:30:25 ]

ความคิดเห็นที่ 50 830 แห่ง.... ไอ้หยา จากคุณ : นักแปลเสียสติ (บูมเมอร์) - [ 30 ส.ค. 47 20:02:43 ]

ความคิดเห็นที่ 51 แก้ส่งไปให้เขาอ่านดูน่าจะดีนะ เห็นด้วยอย่างมากว่าระยะหลังนี่งานแปลใช้ภาษาไทยกันได้ "อุตลุต" และ "สุกเอาเผากิน" มาก บางเล่มแย่จนนึกเสียดายกระดาษกับหมึกพิมพ์ น่าจะมีการกำหนดมาตรฐานหรือตรวจสอบคุณภาพก่อนพิมพ์ไม่ใช่คิดแต่จะเอาเงินอย่างเดียว จากคุณ : น่ากลุ้มจริงๆ - [ 30 ส.ค. 47 21:12:05 A:192.168.9.131 X:203.151.38.3, 203.151.38.5 TicketID:001064 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ไม่เคยอ่านงานแปลเลยค่ะ อ่านต้นฉบับตลอด แต่จำได้ว่ามีอยู่ครั้งนึง ก่อนที่จะมาเมืองนอกก็เตรียมตัวหาความรู้ภาษาอังกฤษไปเรื่อย ก็ไปเจอหนังสือสอนภาษาอังกฤษเล่มนึง แบบที่ว่าด้านนึงเป็นข้อความภาษาอังกฤษ อีกด้านเป็นคำแปลภาษาไทย ในหนังสือนั้นมีบทความภาษาอังกฤษบทนึงพูดถึงเรื่องงานปาร์ตี้ แล้วตอนสุดท้ายก็มีการ "toast" ซึ่งคำแปลภาษาไทยแปลออกมาว่า "เมื่อจบงานเลี้ยงก็มีการรับประทานขนมปังปิ้งกัน" ดิฉันหงายหลังตึงเลย นี่หนังสือทำออกมาเพื่อสอนภาษาอังกฤษนะนี่ ออกมาได้ยังไง ขนาดคนไม่ต้องไปเรียนเมืองนอกเมืองนา(อย่างดิฉันตอนนั้น)ยังจับผิดได้น่ะ คิดดูก็แล้วกัน เฮ้อออออออ... จากคุณ : Northernlife - [ 30 ส.ค. 47 21:43:59 ]

ความคิดเห็นที่ 53 เป็นกระทู้ที่อ่านแล้วยอมรับว่า อึ้ง ... ขอบคุณท่านที่เขียนมาให้อ่านกัน โหวตให้ค่ะ จากคุณ : Autumn Leaves - [ 30 ส.ค. 47 21:45:28 ]

ความคิดเห็นที่ 54 เค้าติดอันดับขายดีจริงเหรอ ทำไมแปลเห่ยจัง จากคุณ : KTR - [ 30 ส.ค. 47 22:30:15 ]

ความคิดเห็นที่ 55 อึ้งจริงๆ ...โหวตด้วย ขอบคุณคุณนิลกังขา และคุณวิวันดาค่ะ อยากทราบเหมือนกันว่าสำนักพิมพ์เค้าจะว่าไงบ้าง หรือจะหายเงียบไปเฉยๆ จากคุณ : Monti Ta - [ 30 ส.ค. 47 22:36:04 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ดุลยภาพมรณะ ISBN : 974-9589-99-8 รหัสหนังสือ : NP-129 จำนวน : 304 หน้า ผู้แต่ง : มาร์แชล เจวอนส์ ผู้แปล : หฤทัย มีนะพันธ์ “เมื่ออาจารย์ท่านหนึ่งในภาควิชาเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ถูกฆาตกรรมอย่างกระทันหันในขณะที่กำลังมีการประเมินผลงาน เพื่อปรับตำแหน่ง วิชาการ ศาสตราจารย์สเพียร์แมน ต้องใช้ความพยายามอย่างเต็มที่และประยุกต์วิชาการเศรษฐศาสตร์ที่ใหม่และเข้มข้น ในการสืบหาฆาตกรในมหาวิทยาลัย ที่เลื่องลือนามนี้ อย่างน่าทึ่งและน่าติดตาม” ดุลยภาพมรณะ เล่มที่สองจากเล่มแรก เศรษฐศาสตร์ฆาตกรรมหนังสือที่ขายดิบขายดีจนต้องพิมพ์ซ้ำ ฉบับภาษาอังกฤษของหนังสือเล่มนี้ถูกใช้เป็นหนังสืออ่านประกอบการเรียนเศรษฐศาสตร์ขั้นต้นในสหรัฐอเมริกา และมีการแปลมาแล้วหลายภาษา สำหรับภาษาไทยนั้นแปลโดยอาจารย์หฤทัย มีนะพันธ์ เช่นเคย ซึ่งยังคงแปลได้สละสลวย รักษาความเดิมไว้อย่างดี ทั้งยังเป็นอาจารย์สอน เศรษฐศาสตร์ในมหาวิทยาลัยและเป็นผู้รักและมีความสันทัดในภาษาอังกฤษ อีกด้วย จึงช่วยลดความน่ากลัวของเศรษฐศาสตร์ลงทำให้หนังสือทั้งสองเล่มนี้เป็นหนังสือที่น่าอ่านยิ่งขึ้น เฮ้อออ..ซื้อมาอ่านแล้วเหมือนกัน เสียความรู้สึกมากกว่าเสียดายเงิน จากคุณ : เฮ้อ. - [ 30 ส.ค. 47 22:52:09 A:218.90.49.171 X: TicketID:066418 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ไม่เคยอ่านอ่านงานแปลของอาจารย์คนนี้ค่ะ ถ้าแปลได้อย่างนี้(อาจจะไม่ใช่เล่มแรกด้วย) ก็น่าเศร้าใจกับคนที่ซื้อหนังสืออ่านจริง ๆ เหมือนถูกหลอกให้ซื้อ และถ้าผู้แปลและสำนักพิมพ์รู้ว่าผิดแล้ว แต่ยังเงียบเฉยไม่ออกมารับผิด ยิ่งน่าสังเวชใจ มาโหวตให้ และขอบคุณที่มาบอกกล่าวในห้องสาธารณค่ะ จะได้ไม่ไปหลงกลอ่าน จากคุณ : Rosa Rossa - [ 30 ส.ค. 47 22:52:58 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ขอบคุณครับ จากคุณ : appendix - [ 30 ส.ค. 47 23:02:58 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ขอไว้อาลัยแด่วงการหนังสือแปลของประเทศไทยที่ถูกวินาศกรรมโดยสำนักพิมพ์เนชั่นครับ จากคุณ : Octo (Octo) - [ 30 ส.ค. 47 23:16:10 ]

ความคิดเห็นที่ 60 เค้าเป็นอาจารย์เหรอ เป็นไปได้มั้ยว่าเค้าไม่มีเวลา แล้วให้ลูกศิษย์ / หลาน / หรือเด็กที่รู้จักกันแปลให้ แล้วส่งไปในนามของอาจารย์คนนี้ เพื่อให้หนังสือแปลดูน่าเชื่อถือน่ะ........ เอ่อ แค่สงสัยน่ะ เพราะเราก็ไม่รู้จักใครสักคนที่เอ่ยชื่อมาเลย แต่เรื่องข้อผิดพลาดเรื่องศัพท์ง่ายๆ และความรู้รอบตัวบางประการ ไม่น่าจะเกิดได้ถี่ขนาดนั้น กับคนที่มีความรู้ภาษาอังกฤษในระดับนึงนะ จากคุณ : สงสัยและให้ข้อสังเกต - [ 31 ส.ค. 47 00:01:30 A:203.145.23.184 X: TicketID:050086 ]

ความคิดเห็นที่ 61 คงจ้างเด็กแปลมากกว่า ระดับอาจารย์คงไม่ผิดขนาดนี้ จากคุณ : หมาร่าหมาหรอด - [ 31 ส.ค. 47 00:07:11 ]

ความคิดเห็นที่ 62 ทุกวันนี้ไม่อ่านหนังสือแปลเลยครับ จากคุณ : มันเยี่ยมจริงๆเลยครับจอร์จ - [ 31 ส.ค. 47 00:15:46 ]

ความคิดเห็นที่ 63 (มีอีกค่ะ..คุณน้อยเขียนเพิ่มเติมไว้..) หาที่แปลไว้เก๋ๆ มาบำเรออารมณ์เื่พื่อนร่วมเว็บให้บันเทิงครับ บท 13 เมื่อผู้สมัครขอเป็นอาจารย์ประจำสาขาเศรษฐศาสตร์ (นายก๊อสเซ๋น) ตายไปแล้ว นัยว่าฆ่าตัวตาย (แต่เรื่องจะเผยทีหลังว่าที่จริงถูกฆ่าตาย) ต่อจากนั้นอาจารย์ประจำอีก 2 คนที่อยู่ในคณะกรรมการคัดเลือกอาจารย์และได้โหวตไม่ให้รับก๊อสเซ่น ก็ถูกฆ่าตายตามไป แต่เป็นการฆ่าอย่า่งสุดโหดชนิดที่ฆาตกรไม่ได้ปกปิดร่องรอยหรือทำเป็นว่าเป็นการฆ่าตัวตายเลย การฆาตกรรมกรรมการ 2 ท่านนั้นเกิดขึ้นห่างกันวันเดียว คือ 2 วันอาจารย์ฮาร์วาร์ดตายไป 2 ศพ ลองคิดถึงใจคนในเมืองนั้นสิครับ ว่าความหวาดกลัวจะปกแผ่คลี่คลุมไปทั้งเมืองยังไง ต้นฉบับตอนนี้ว่า Notwithstanding the possible motives that many might have in hoping for the demise of Morrison Bell, the police dismissed all of them almost immediately upon learning of the brutal killing of Foster Barrett. ตรงนี้ยังไม่มีอะไร คำแปลก็มีผิดนิดหน่อย แต่ไม่ผิดอย่างเก๋มากนัก ต่อไปว่า When the news was broken, following the discovery on Monday morning of his body by his cleaning woman, fear swept the Cambridge community. Two murders of members of the Harvard faculty within two days suggested the possibility that a madman was loose. คำแปลไทย เขาแปลว่า "เมื่อข่าวร้ายแพร่สะพัดไปทั่ว จากการที่แม่บ้านหญิงทำความสะอาดได้พบศพของเขาในเช้าวันจันทร์ หล่อนหวาดกลัวที่จะเข้าไปปัดกวาดทำความสะอาดบ้านเรือนในชุมชนเคมบริดจ์เสียแล้ว เหตุฆาตกรรมสมาชิกฮาร์วาร์ดถึงสองรายภายในเวลาสองวัน ..." เก๋ไหมล่ะครับ จากคุณ : น้อย คงคำ จากคุณ : WIWANDA - [ 31 ส.ค. 47 00:17:39 ]

ความคิดเห็นที่ 64 พูดเรื่องปัดฝุ่นทำความสะอาด เลยนึกได้อีกตอน นี่ก็เก๋ซะ... ตอนนี้อยู่ในบทที่ 13 นั่นแหละ ตอนที่ฟอสเตอร์ บาร์เร็ตต์ กำลังจะถูกฆ่าในบ้านตัวเองในคืนวันอาทิตย์ (เพื่อให้แม่บ้านมาเจอศพในวันจันทร์ และแม่บ้านเลยกลัวไม่กล้าไปกวาดบ้านอื่น... เอ๊ย "จนทำให้ความหวาดกลัวแพร่ (swept) ไปทั่วเมืองเคมบริดจ์" ต่อไปภายหลัง) ตอนที่กำลังจะตายนั้นอาจารย์ฟอสเตอร์กำลังทำครัวอยู่ สำหรับอาหารมื้อเย็น ซึ่งแกกินคนเดียว เพราะแกเป็นชายโสด (เหมือนผม) อยู่บ้านหลังใหญ่ตัวคนเดียว (แต่บ้านผมเล็ก รกด้วย มีสาวไหนสนใจเอ็นดูมาเป็นแม่บ้านให้บ้างครับ?) It was 6 pm when he began. It would be about an hour before the meal was ready, just after dusk. คำว่า dusk เป็นคำหนึ่งที่ผมชอบในภาษาอังกฤษ ให้ความรู้สึกเหงาๆ วังเวงใจดี อาจแปลเป็นไทยได้ว่า สายัณหสมัย หรือโพล้เพล้เพลา หรือเวลาจวนมืด คือช่วงต่อระหว่างกลางวัน ตอนเย็น กับช่วงที่เริ่มจะเป็นกลางคืน เริ่มจะมืด น่ะครับ คำอีำกคำที่คู่กับ dusk ความหมายตรงกันข้าม คือ dawn แปลว่า ใกล้รุ่ง ช่วงต่อระหว่างกลางคืนกับตอนเช้า เหมือนเพลงพระราชนิพนธ์ "ใกล้รุ่ง" โรแมนติกทั้งสองช่วงเวลาครับ คนแปลเธอแปลยังงี้ "เขาลงมือตอนหกโมงเย็น คาดว่าประมาณหนึ่งชั่วโมงกว่าอาหารจะพร้อม หลังจากนั้นก็แค่ปัดกวาดเช็ดถู..." ปัดกวาดเช็ดถู?????? dusk แปลว่าปัดกวาดเช็ดถู ?!? เดาได้ว่าคนแปลอ่านผิดเป็น dust ซึ่งนอกจากจะเป็นคำนามแปลว่าฝุ่นแล้ว ยังเป็นกริยาแปลว่าปัดฝุ่นได้ด้วย แต่ผมสงสารคำว่า โพล้เพล้เพลา ณ สายัณหสมัย ของผมจังเลยที่ถูกแปลออกมาผิดสุดกู่ยังงั้น จากคุณ : น้อย คงคำ [30 สิงหาคม 2547 เวลา 21:17:49] จากคุณ : WIWANDA - [ 31 ส.ค. 47 00:19:53 ]

ความคิดเห็นที่ 65 บท 14 การพิจารณาคดีฆาตกรรม 2 อาจารย์ในศาล คดีนี้โด่งดังครึกโครมมาก สะท้านทั้งเมือง ผู้พิพากษาจึงรำพึงในใจว่า ออกนั่งบัลลังก์คราวนี้คนที่มาฟังการพิจารณาคดีคงไม่ใช่กลุ่มชนที่มาฟังธรรมดาๆ เหมือนคดีอื่นๆ ซึ่งส่วนมากก็เป็นพวกโจทก์ จำเลย ผู้มีส่วนได้เสีย ทนายทั้งสองฝ่าย เสมียนศาล อะไรพวกนั้น วันดีคืนดีก็อาจมี a civic class มาดูการพิจารณาคดีในศาลบ้างบางครั้งบางหน แต่คดีในเรื่องนี้คงไม่มีแค่นั้นเสียแล้ว ต้องมีคนสนใจมาดูการพิจารณาคดีล้นหลาม คงมีสื่อมวลชน มีพวกอาจารย์ฮาร์วาร์ดด้วย A civic class หรือในต้นฉบับใช้ว่า an occasional civic class ที่ come to watch justice roll นั้นแปลว่าอะไร? คนแปลเธอแปลว่า "...เต็มไปด้วยชนชั้นสูงของเมืองที่มาเฝ้าดูกระบวนการของศาลสถิตยุติธรรม" นี่ก็มั่วอีก แม้ว่า civic จะแปลว่า เกี่ยวแก่เมือง ก็ได้ และ class จะแปลว่า ชนชั้น ก็ได้ ก็ตาม (แต่ไม่มีตรงไหนบอกว่าสูง) แต่ civic class นั้นไม่ได้แปลว่าอะไรทำนองชนชั้นสูงของเมืองเลย แปลว่าชั้นเรียนวิชาหนึ่ง ซึ่งสมัยพ่อผมเรียกวิชาหน้าที่พลเมือง สมัยผมเรียกสังคมศึกษา และสมัยนี้จะเรียกวิชาอะไรก็ไม่รู้ อยู่ในกลุ่ม สร้างเสริมประสบการณ์ชีวิต หรืออะไรเทือกๆ นั้นน่ะครับ ผู้พิพากษาแกเพียงคิดว่า "ถ้าเป็นคดีธรรมดาสามัญที่แกนั่งบัลลังก์ ก็จะมีผู้คนกลุ่มตามปกติธรรมดาทั่วไปที่เกี่ยวกับคดีมาฟังความ บางครั้งอาจแถมด้วยกลุ่มเด็กนักเรียนที่ครูพาทั้งชั้นมาทัศนศึกษาวิชาหน้าที่พลเมืองมาดูว่าศาลเขาพิจารณาคดียังไง ร่วมฟังบ้าง" ก็แค่นั้นเอง จากคุณ : น้อย คงคำ [30 สิงหาคม 2547 เวลา 21:50:54] จากคุณ : WIWANDA - [ 31 ส.ค. 47 00:22:23 ]

ความคิดเห็นที่ 66 เลขล็อตเตอรี่ที่ออก งวดนี้นะครับ บทนำก่อนบทที่ 1 ผมนับว่ามีที่ผิดประมาณ 35 ที่ บทที่ 1 ประมาณ 40 ที่ บทที่ 2 ประมาณ 65 ที่ บทที่ 3 ประมาณ 60 ที่ บทที่ 4 ประมาณ 50 ที่ บทที่ 5 แค่ประมาณ 17 ที่ บทที่ 6 ประมาณ 66 ที่ บทที่ 7 ประมาณ 50 ที่ บทที่ 8 ประมาณ 81 ที่ บทที่ 9 ประมาณ 50 ที่ บทที่ 10 ประมาณ 24 ที่ บทที่ 11 ประมาณ 90 ที่ บทที่ 12 ประมาณ 55 ที่ บทที่ 13 ประมาณ 75 ที่ ข้ามไปบทที่ 16 ประมาณ 65 ที่ ยังเหลืออีก 4 บท (หนังสือมี 18 บท) ตอนนี้ยอดที่แปลผิด เท่าที่ตรวจมาเรื่อยๆ ผมนับได้ 823 แห่งครับ จากคุณ : น้อย คงคำ จากคุณ : WIWANDA - [ 31 ส.ค. 47 00:24:46 ]

ความคิดเห็นที่ 67 -_-" สุกเอาเผากินคะ งานนี้ ลป.เรียนถามคุณนิลกังขา หน่อยคะ ถ้าจะเริ่มอ่านหนังสือภาษาอังกฤษ ควรเริ่มจากเล่มไหนดีคะ ที่ภาษาง่าย ๆ และสนุก ขอบคุณคะ จากคุณ : ผู้กอง - [ 31 ส.ค. 47 00:28:29 ]

ความคิดเห็นที่ 68 มาขอเพิ่มเติมเรื่อง Civic Class นะคะ.. ศาลในอเมริกาอนุญาตให้ครูพานักเรียนในชั้นเรียนเข้ามาฟังการพิจารณาคดีตามแต่เห็นเหมาะสม อันถือเป็นการเรียนรู้อย่างหนึ่งเกี่ยวกับสิทธิหน้าที่ของพลเมืองอย่างที่คุณน้อยว่านั่นละค่ะ.. คนที่จะแปลหนังสือ(ขาย)ได้ ก็น่าที่จะมีความรู้รอบตัวมากกว่านี่ หรืออย่างน้อยๆก็ต้องมีดิคชั่นนารีมากกว่าหนึ่ง หมายถึงดิคฯเฉพาะทาง..เช่น The Dictionary of Cultury Literacy ไว้ใกล้ๆมือ ที่ผิดๆมาที่เห็นข้างบนนั้น มันแย่กว่าระดับนักศึกษามาแปลอีกนะคะ จากคุณ : WIWANDA - [ 31 ส.ค. 47 00:39:24 ]

ความคิดเห็นที่ 69 คิดว่างานแปลนี้เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของงานแปลที่มีข้อผิดพลาดซึ่งมีอยู่ทั่วไปในปัจจุบันนะคะ ถ้าลองเอาหนังสือแปลในท้องตลาดมาอ่านเทียบกับต้นฉบับ จะพบว่าหลายเล่มก็แปลแบบสุกเอาเผากินมากๆ อาจจะเป็นเพราะผู้แปลต้องรีบแปล รีบส่งพิมพ์ จะได้ทันช่วงที่หนังสือต้นฉบับยังเป็นหนังสือใหม่อยู่ เราเคยเอาหนังสือแปลด้านธุรกิจที่ขายดีมากเล่มหนึ่งมาวิเคราะห์เรื่องข้อผิดพลาดในการแปลเพื่อทำรายงานส่งอาจารย์ ปรากฏว่าเจอข้อผิดพลาดเยอะมากๆ แล้วก็มีหลายตอนหลายย่อหน้าที่ผู้แปลข้ามไป ไม่ยอมแปลเอาดื้อๆ ทั้งที่เป็น "หนังสือแปล" ไม่ใช่หนังสือที่เอามาเรียบเรียงใหม่ บางที่ก็แปลผิดแบบไม่น่าให้อภัย ส่วนเรื่องนิตยสารสอนภาษาอังกฤษที่มีบทความภาษาอังกฤษพร้อมบทแปลภาษาไทย เราเองก็เคยเจอบทแปลที่แปลผิดความหมายไปมากๆ อย่างที่ความเห็นที่ 52 เล่าให้ฟังเหมือนกัน บางทีไปร้านหนังสือ หยิบหนังสือสอนเขียนจดหมายธุรกิจมาอ่านดู ก็เจอตัวอย่างจดหมายที่เขียนด้วยภาษาอังกฤษแบบแปลกๆ อย่างที่ไม่น่าจะเอามาเขียนเป็นตัวอย่างในหนังสือเลย เห็นงานเหล่านี้แล้วก็ยังเคยนึกเล่นๆ ว่าเมืองไทยน่าจะมีสมาคมหรือระบบที่ควบคุมคุณภาพหนังสือแปลหรือหนังสือเกี่ยวกับภาษาอังกฤษและภาษาต่างประเทศอื่นๆ ไม่ใช่ใครนึกอยากจะเขียนหนังสือขายก็เขียน จะเขียนผิดเขียนถูกก็เป็นหน้าที่ของผู้บริโภคหรือคนอ่านที่ต้องพิจารณาเอาเอง ตอนนี้เท่าที่เห็นก็มีชมรมนักแปลเป็นแหล่งที่นักแปลมารวมตัวกัน แต่ก็ยังไม่มีหน่วยงานไหนที่มีหน้าที่ควบคุมคุณภาพงานแปลในท้องตลาดโดยตรง ทั้งที่จริงแล้วงานแปลเป็นงานสำคัญที่ทำให้คนที่ยังไม่พร้อมที่จะอ่านต้นฉบับได้มีโอกาสอ่านงานอ่านความคิดของนักคิดนักเขียนจากทั่วโลก เป็นประตูสู่โลกกว้าง เด็กๆ ที่อ่านภาษาอังกฤษยังไม่คล่องก็มีโอกาสได้อ่านงานเขียนดีๆ ส่วนหนังสือสอนภาษาทั้งหลายก็เป็นแหล่งที่คนที่อยากเรียนภาษาอังกฤษจะได้ใช้เป็นแหล่งค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติม ถ้าแม้แต่หนังสือสอนภาษายังสอนผิดๆ ถูกๆ แล้วเด็กไทยจะเก่งภาษาอังกฤษได้อย่างไรนะ จากคุณ : Aoyama - [ 31 ส.ค. 47 00:54:06 ]

ความคิดเห็นที่ 70 งานแปลชุ่ยๆแบบนี้ นอกจากเสียดายเงินแล้ว ยังเสียความรู้สึกด้วยค่ะ จากคุณ : ใหม่ (BOONDOCK) - [ 31 ส.ค. 47 01:05:29 ]

ความคิดเห็นที่ 71 อ่านแล้วรู้สึกหดหู่เศร้าใจมากมาย เคยอ่านเจอหนังสือแปลอ่อนๆอย่างนี้เหมือนกันค่ะ --" จากคุณ : เส้นเล็กเอ็นหมูตุ๋นยาจีน - [ 31 ส.ค. 47 02:29:00 ]

ความคิดเห็นที่ 72 ขอบคุณค่ะที่นำมาให้อ่าน กระจ่างแจ้ง เจ๋งจริงๆ ค่ะ ไม่เห็นใจผู้บริโภคกันเลย จากคุณ : แดงเร็กเก้บาร์ - [ 31 ส.ค. 47 04:25:12 ]

ความคิดเห็นที่ 73 fear swept the Cambridge community . . . หล่อนหวาดกลัวที่จะเข้าไปปัดกวาดทำความสะอาดบ้านเรือนในชุมชนเคมบริดจ์เสียแล้ว 5555555555555555555 จากคุณ : ลื่อท่งปิน - [ 31 ส.ค. 47 04:26:22 ]

ความคิดเห็นที่ 74 อ่านแล้วรู้สึกเสียความรู้สึกแทนคนซื้อหนังสือ แต่ก็อดไม่ขำไม่ได้อีกล่ะค่ะ กลายเป็นของตลกไป หลาย ๆ ตัวอย่างที่ยกมา ภาษาอังกฤษไม่ได้สลับซับซ้อนอะไรเลย ยังแปลได้ผิดพลาดมากมายขนาดนี้ บางข้อเรียกได้ว่าแปลจากหน้ามือเป็นหลังมือ เนื้อหาบิดเบือนจากต้นฉบับโดยสิ้นเชิง ภาษา สำนวนไม่สละสลวย(แต่แปลถูกต้อง ครบถ้วนใจความ) ยังน่าให้อภัย ของอย่างนี้ฝึกฝนกันได้ แต่แปลผิ ด แปลถูก มั่วคำแปล แปลขาด ๆ เกิน ๆ อย่างนี้ ไม่ไหวค่ะ ไม่สมควรเรียกตัวเองว่า "นักแปล" นะคะ จากคุณ : ณัฐภัทร - [ 31 ส.ค. 47 04:49:53 ]

ความคิดเห็นที่ 75 คุณน้อย คงคำคะ ดิฉันมีความคิดว่าการเขียนจดหมายถึงสำนักพิมพ์เดอะเนชั่นคงไม่เกิดประโยชน์อะไรเท่าไหร่ ถ้าจะให้เกิดผลจริงๆคุณควรเขียนรายงานความผิดพลาดเหล่านี้ไปยังสำนักพิมพ์เจ้าของต้นฉบับภาษาอังกฤษเลยจะดีกว่า เขาจะได้ทราบว่าผลงานของเขาถูกปู้ยี่ปู้ยำขนาดไหน และอย่างนี้ทางสำนักพิมพ์ในเมืองไทยสมควรถูกถอดถอนลิขสิทธิ์การแปลหรือไม่ จากคุณ : สงสารผู้บริโภค - [ 31 ส.ค. 47 06:35:37 A:69.159.19.228 X: TicketID:006407 ]

ความคิดเห็นที่ 76 ดีที่ไม่ชอบอ่านเรื่องแบบนี้ ไม่งั้นโมโหมากกว่านี้ หนังสือแปลเล่มสุดท้ายที่ซื้อก็อีแบบนี้แหละ เป็นเรื่องสุดรักที่รอคอยซะด้วย Dune ของ Frank Herbert อีกหนึ่งสุดยอดหนังสือแปล เล่มต่อๆไปสาบานเลยว่าไม่ได้เงินในกระเป๋าเราแน่ จากคุณ : หกขาสองหางสี่ปีก - [ 31 ส.ค. 47 06:43:47 ]

ความคิดเห็นที่ 77 โห กะลังจะซื้อพอดีเลยเนี่ย เพราะคิดว่าน่าสนใจ แต่พอเห็นแปลแบบนี้แล้ว อึ้งไปเลย จากคุณ : คนดี มีคุณธรรม ค้ำจุนโลก - [ 31 ส.ค. 47 08:02:06 ]

ความคิดเห็นที่ 78 ทำให้นึกถึงหนังเรื่องหนึ่ง จำชื่อเรื่องไม่ได้ แม่ถามลูกสาวว่า "ห้องใหม่เป็นไงมั่ง" ลูกสาวตอบว่า " มันเย็นมากเลยค่ะแม่" " It's cool !!!!! " สงสัยห้องใหม่ของอีหนู ฮีตเตอร์คงจะเสียง่ะ ^_^ แก้ไขเมื่อ 31 ส.ค. 47 08:12:24 จากคุณ : Hermy (Hermy) - [ 31 ส.ค. 47 08:11:03 ]

ความคิดเห็นที่ 79 อ่านคำแปลเปรียบเทียบกับต้นฉบับไปแล้วขำไปด้วยค่ะ จากคุณ : ฝนโอ่ง - [ 31 ส.ค. 47 08:52:31 ]

ความคิดเห็นที่ 80 คุณเจ้าของกระทู้ น่าจะบอกที่มาของ งานแปลมรณะ ของคุณน้อย คงขำ แบบเต็มๆด้วยเนาะ .. จะได้ไปตามอ่านแบบเต็มๆ เพราะคิดว่าที่ copy มา paste อาจยังไม่หมด ... เป็นเว็บหรือเป็นหนังสือก็ได้... อ่านแล้วขำไป ได้ความรู้ดี จากคุณ : กรณีตัวอย่าง - [ 31 ส.ค. 47 09:52:03 A:61.90.17.216 X: TicketID:068533 ]

ความคิดเห็นที่ 81 ซื้อเศรษฐศาสตร์ฆาตกรรมมาแล้วแต่ยังไม่ได้อ่าน (ไม่ใช่เรื่องที่พูดถึงกันอยู่นะคะ) อ่านแล้วจะเสียความรู้สึกมั้ยอ่ะ T-T จากคุณ : หนอนน้อย - [ 31 ส.ค. 47 09:52:15 ]

ความคิดเห็นที่ 82 เสียความรู้สึคกกับหนังสือแปลมาหลายเล่มแล้วคะ ... ตอนนี้เลยไม่ได้เงินเราออกจากกระเป๋า รอดตัวไป จากคุณ : คืนนี้ไม่เหมือนคืนนั้น - [ 31 ส.ค. 47 10:21:14 ]

ความคิดเห็นที่ 83 เห็นด้วยกับความเห็นที่ 49 ของคุณแอ๊ด ปากเกร็ดค่ะ งานนี้ผู้แปลไม่ได้น่าสงสารแต่อย่างใดเลย ถ้าเธอภาษาอังกฤษดี ก็ต้องบอกว่าขาดความรับผิดชอบ ชุ่ย สะเพร่า รวมถึง บก. ด้วย การแบ่งกันแปลเป็นส่วนๆ ก็มิใช่ข้อแก้ตัว เพราะถ้าอย่างนั้น อย่างไรเธอก็ต้องตรวจอยู่ดี เธอเอาชื่อเอาตำแหน่งของเธอมาแสดงซึ่งย่อมจะมีคนส่วนหนึ่งเชื่อและวางใจในการแปลผลงานนี้มิใช่หรือ แต่ถ้าภาษาอังกฤษไม่ดี เธอก็ควรจะรู้ตัว และไม่น่ารับงาน คนเราเก่งทุกเรื่องไม่ได้ และนี่เป็นเรื่องการค้า หนังสือนั้นพิมพ์ขาย ไม่ใช่แปลเล่นให้อ่านกันในเนท ซึ่งหลายๆ คนในเนทคงทำได้ดีกว่านี้ด้วยซ้ำ และไม่ว่าอย่างไร บก. ก็ปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้เลย ไม่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้ (เป็นบุญ) แต่เท่าที่อ่านจาก คุณ นคค. เขียนมา ขออนุญาตบอกว่า...ห่วย...เจงๆ แก้ไขเมื่อ 31 ส.ค. 47 15:20:59 จากคุณ : =p o o k p u i= - [ 31 ส.ค. 47 10:35:39 ]

ความคิดเห็นที่ 84 เป็นการวิจารณ์งานแปล ที่ได้คุณภาพมาก อ่านแล้ว ก็ทำให้ ต้องอึ้งไปอีกนาน เคยมีอาจารย์จากเยอรมันรบกวนให้แปล บทความเขาเป็นไทยเหมือนกัน  แต่อ่าน ไปอ่านมา มันมีบริบท ที่ไม่เข้าใจเยอะ เลยปฏิเสธไป ในอนาคตก็เป็นคนหนึ่งที่อยากทำงานแปล อ่านคำวิจารณ์นี้ แล้ว ก็หด ไปเลย แต่อีกด้านหนึ่ง มันก็คอยเตือนคนชอบเขียน ว่าควรรับผิดชอบต่อสิ่งที่เขียน และ สิ่งที่แปล และต้องตรวจสอบให้ละเอียด ยังไงก็เป็นกำลังใจให้คนแปลนะครับ แม้ครั้งนี้ จะผิดพลาด เยอะ ก็ถือว่า เป็นบทเรียนที่สำคัญ งานแปลต่อไปจะระวังขึ้นอีก สุดท้ายก็ขอบคุณ  งานวิจารณ์ดีดี ที่ออกมาวิจารณ์อย่าง ตรงไปตรงมา  อย่างน้อยคนไทย ก็ต้องการคนที่ ออกมาวิจารณ์ ในเชิงวิชาการเช่นนี้อีกมาก   ขอแสดงความนับถือ คาโมเมะ แก้ไขเมื่อ 31 ส.ค. 47 11:20:33 จากคุณ : ยาโมเมะ - [ 31 ส.ค. 47 11:12:47 ]

ความคิดเห็นที่ 85 แหม อย่างนี้น่าส่งไปลง จุดประกายวรรณกรรม ในกรุงเทพธุรกิจสุดสัปดาห์นะครับ ดูว่า เขาจะเอาลงให้ไหม แต่ว่าเรื่องแบบนี้ ผมเคยส่งตัวหนังสือที่ผมคิดว่า การแปลผิดความหมายไป(มาก)พอควร ไปให้ ผู้จัดการบริษัท ปรากฎว่าหนังสือเล่มนั้นถูกเก็บออกจากตลาด และนำมาแปลใหม่ทั้งหมด แต่เห็นด้วยครับว่า เล่มนี้มีความคลาดเคลื่อนในการแปล ถึงขั้นน่ากลัว จากคุณ : นักแปลพเนจร (นักแปลพเนจร) - [ 31 ส.ค. 47 11:17:55 ]

ความคิดเห็นที่ 86 แย่ครับ ทำให้คนไทยไม่ค่อยอยากอ่านหนังสือ หนังสือดีๆมีอยู่เต็มโลก แต่ดันแปลส่งเดชแบบนี้ใครจะไปอยากอ่าน ยังกะต้องมาแปลลายมือขยุกขยิก (decipher) คนแปลกอีกที จากคุณ : ! o_o ! - [ 31 ส.ค. 47 11:26:11 ]

ความคิดเห็นที่ 87 อ่าน(กระทู้)แล้วอยากจะขำคะ แต่มันหัวเราะไม่ออก ดีนะที่เราไม่ซื้อมา จากคุณ : เอเวอรี่ - [ 31 ส.ค. 47 11:28:27 ]

ความคิดเห็นที่ 88 เบื่อหนังสือแปลที่อ่านแล้วสำนวนฝรั่ง ยิ่งอ่านยิ่งงง หนังสือยังแย่ ยิ่งดีวีดีก๊อบยิ่งอนาถหนักเลย วันก่อน เราดู Nemo อะ ปลามันบอกว่า it's so cool จะบอกว่าเจ๋ง มันแปล น้ำเย็นจัง นั่งขำกันทั้งบ้าน จากคุณ : ranmachan - [ 31 ส.ค. 47 11:29:14 ]

ความคิดเห็นที่ 89 อ่านแล้วขำมากๆ ค่ะ ตกเก้าอี้เจ็บตัวไปหลายรอบแล้ว คุณคนแปลอาจจะมีอารมณ์ขันร้ายกาจ ต้องการสร้างมิติใหม่ในวงการแปลหรือเปล่าคะ?..... ตอบคำถามของตัวเอง อืมๆ มองโลกในแง่ดีเกินไปมั้งเรา ปกติดิฉันก็รับงานแปลแบบสม้ครเล่นค่ะ ใครมีอะไรมาให้แปลก็รับๆ มาทำ ใครรับงานแปลเป็นอาชีพแต่ทำไม่ทันก็โอนมาให้ ไม่เคยแปลหนังสือเป็นร้อยๆ หน้า หรือเป็นนิยายเล่มใหญ่ๆ ค่ะ เพราะไม่ใช่คนมีชื่อเสียง ไม่ได้จบเมืองนอกเมืองนา แล้วก็ไม่ได้เป็นมืออาชีพด้วย แค่สมัยเรียนหน้งสือได้คะแนนเยอะๆ ในวิชาเรียงความภาษาไทยเป็นประจำ แล้วรับอีกจ๊อบเป็นครูสอนพิเศษภาษาอังกฤษตามบ้านเท่านั้นเอง แต่ก็พอรู้ได้ว่า คุณผู้แปลคงไม่ได้มีอารมณ์ขันขนาดเอาเปรียบผู้บริโภคสุดๆ ได้อย่างนี้หรอกเนอะ ดูสิคะ ท่านผู้แปลคนนี้ เท่าที่อ่านมา ทรงคุณวุฒิกว่าดิฉันหลายร้อยขุม เด็กรับแปลหนังสือกระจอกๆ อย่างดิฉันยังหัวเราะได้ซะขนาดนี้ จนพี่ๆ ที่ทำงานถามว่า แกบ้าไปแล้วเหรอ เลยต้องแบ่งๆ ให้เค้าได้หัวเราะกันบ้าง ช่วงท้ายปีงบประมาณยิ่งเครียดๆ อยู่ ดิฉันคิดว่า ประเด็นเรื่องงานแปลชิ้นนี้เป็นกระจกที่สะท้อนให้เห็นความไร้จรรยาบรรณหลายๆ ด้านของผู้แปล และความไร้จรรยาบรรณของหลายๆ ฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ได้เป็นอย่างดี จนน่าจะถูกหยิบยกมาเป็นประเด็นสาธารณะ เพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้แก่วงการหน้งสือแปล หรือแม้กระทั่งวงวิชาการไทยนะคะ ตัวผู้แปลเอง แม้จะมีความรู้ทางเศรษฐศาสตร์ แต่ก็ขาดความ "รอบรู้" แบบไม่อาจจะเป็นนักวิชาการที่ริอ่านมาแปลหนังสือขายได้ เพราะในวรรณกรรมหนึ่งเล่มมีอะไรที่มากกว่าตำราเรียนค่ะ ผู้อ่านไม่ได้อ่านเพื่อเก็บเกี่ยวเฉพาะแนวคิดเชิงวิชาการจากตัวหนังสือเท่านั้น แต่ข้อความทั้งหลายที่ร้อยเรียงนั้น มีสารที่ถูกถ่ายถอดระหว่างบรรทัด ซึ่งบ่งบอกถึงบริบททางสังคมวัฒนธรรม แนวความคิด ปรัชญา ฯลฯ แล้วก็ยังอาจบอกได้ถึงรสนิยม หรืออารมณ์ขันของผู้เขียนได้ด้วย และเป็นความเอื้ออาทรของผู้แปลค่ะ ที่จะถอดรหัสสิ่งเหล่านี้ออกมาให้หมด แต่ผู้แปลท่านนี้ขาดทักษะทางการสื่อสารอย่างรุนแรง อย่าว่าแต่การแปลหนังสือเลยค่ะ จะสอนหนังสือนักศึกษาให้รู้เรื่องได้อย่างไร ดิฉันก็ยังสงสัย เพราะขนาดภาษาไทยที่เป็นภาษาแผ่นดินเกิดของตัวเอง ยังใช้ได้เลอะเทอะซะขนาดนี้ ที่สำคัญ ขาดประสบการณ์ชีวิตค่ะ ขนาดศัพท์บางคำที่ผู้เขียนอุตส่าห์ยกมาใช้ให้เห็นภาพ เช่น tiebreaking ยังไม่รู้เลยว่าผู้เขียนเค้าไปเอามาจากไหน ควรจะแปลว่าอะไร คิดแล้วก็เจ็บใจค่ะ ขนาดเป็นนักแปลกระจอกๆ ยังเซ็งได้ขนาดนี้ (แบบว่า เอาหนังสือมาให้หนูแปลมั้ยพี่ คิดตังค์แค่ครึ่งเดียวของเจ๊คนนั้นด้วย) แล้วคุณๆ ที่แปลงานเป็นอาชีพกันจะรู้สึกยังไงเนี่ย ขอเรียกร้องให้บรรณาธิการสำนักพิมพ์เนชั่นบุ๊คส์ออกมารับผิดชอบผลงานที่ไร้จรรยาบรรณเล่มนี้ค่ะ รับผิดชอบต่อความรู้สึกของผู้อ่านที่ศรัทธาผลงานที่ผ่านๆ มาของสำนักพิมพ์ และรับผิดชอบต่อความรู้สึกของประชาชนที่ให้ความไว้เนื้อเชื่อใจต้นสังกัดของคุณ ซึ่งก็คือสถาบันสื่อสารมวลชนค่ะ และที่สำคัญ คุณผู้แปลคะ ช่วยสงสารตัวคุณเองด้วยเถอะค่ะ จากคุณ : เด็กบ้านนอก - [ 31 ส.ค. 47 12:04:34 A:20.0.0.155 X:203.146.158.34 TicketID:067782 ]

ความคิดเห็นที่ 90 ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาในกระทู้คุณน้าวิวันดาอันนี้ครับ รายงานความคืบหน้าเพิ่มเติม 1. ผมอ่านจับผิด "ดุลยภาพมรณะ" ไปแล้ว 14 บท บวกบทนำก่อนบทที่ 1 อีก 1 บท หาที่แปลผิด เท่าที่ผมจะมีความรู้จับผิดได้ ได้ประมาณ 960 ที่ครับ หนังสือมี 18 บท ผมกำลังลุ้นว่าทั้งเล่มจะถึงพันแห่งรึเปล่า จำนวนนี้เป็นประมาณการ และหลายที่ผมหยวนๆ ให้แล้วด้วย เป็นแบบไม่เชิงผิดทีเดียว แต่ "รำไม่สวย" อย่างที่คุณมิตรร่วมเว็บท่านหนึ่งบอกไว้ข้างบนน่ะครับ ถ้าเป็นอย่างนั้นผมพยายามไม่นับเป็นผิดแล้วนะครับ ยังได้ 960 แห่ง เฮ้อ.. 2. ขอบคุณนักอ่านที่ทำลิงก์ให้กระทู้นี้ไปโผล่ในเว็บบอร์ดของ สนพ. เนชั่นบุ๊กส์ครับ สนพ. เนชั่นบุ๊กส์ออกมาแสดงความรับผิดชอบแล้ว ในเว็บของ สนพ.เอง เขาขอโทษผู้อ่าน แล้วเขาว่า่เขาจะตรวจสอบเอง เขาเชิญชวนให้คนที่อยากส่งข้อมูลเข้าไปให้ส่งไปด้วย แต่ผมเห็นว่าให้เขาตรวจของเขาเองไปน่ะดีแล้ว ผมเพียงเข้าไปบอกเขาว่า จำนวนที่ผิดตอนนี้ผมนับได้ 960 แห่งเท่านั้น อ้อ เขาไม่ได้ตอบอีเมล์ผมโดยตรง แต่เขาออกมารับผิดผมก็พอใจระดับหนึ่ง เขาว่าเขาจะแก้ไขใหม่แล้วพิมพ์ใหม่ืให้ถูกต้อง แล้วจะให้คนอ่านเอามาเปลี่ยนได้ ผมก็อนุโมทนา แต่ผมสงสัยว่า มันเกือบเท่ากับแปลใหม่หมดเลยนะ ถ้าเป็นงั้น เขาจะขึ้นปกว่าใครแปล? และเขาจะคงคำนิยมไว้ได้หรือในฉบับแปลใหม่? ที่ผมสงสัยต่อคือ แล้ว สนพ.เขาจะตามไปตรวจสอบคุณภาพของ "เศรษฐศาสตร์ฆาตกรรม" ด้วยไหม แล้วถ้าเขาไปตรวจสอบแล้วเจอว่ามันชุ่ยพอๆ กัน ซึ่งเป็นไปได้ เพราะคนแปลก็คนเดียวกัน บก. ก็คนเดียวกัน ผู้เขียนคำนิยมก็คนเดียวกัน สมมติว่าตรวจสอบแล้วมันแย่พอกัน เขาจะทำยังไงกับเศรษฐศาสตร์ฆาตกรรมต่อไป? จากคุณ : นิลกังขา (นิลกังขา) - [ 31 ส.ค. 47 12:14:27 ]

ความคิดเห็นที่ 91 อ้อ คุณกรณีตัวอย่างครับ ขอบพระคุณมากที่สนใจจะอ่านสวนอื่นๆ ที่ผมเขียนไว้ ผมเรียนได้ว่าคุณน้าวิแกลอกมาปะอย่างหมดจดครบถ้วนครับ ยกเว้นส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องกับประเด็นที่เรากำลังคุยกัน (โดยผมและเจ้าของเว็บโน้นอนุญาตแล้ว) เว็บโน้นเป็นเว็บปิด วงเล็กครับ อย่าตามไปรบกวนท่านในโน้นเลย ผมเองก็เป็นสมาชิกพันติ๊บด้วย อยู่นี่แล้วตัวเป็นๆ เชิญเสวนากับผมได้โดยตรงครับ (แต่อย่าคาดหวังมาก ผมเป็นแค่ปุถุชน ยังไม่ใช่สัพพัญญู ไม่รู้ทุกอย่างหรอกครับ) คุณ ภูเขาสีคราม-ซัง ผมมีชื่อในภาษาจีนซึ่งถ้าอ่านเป็นสำเนียงญี่ปุ่น จะแปลได้ว่า "ลูกคลื่นสีคราม" ครับ (Aonami) จากคุณ : นกข./นคค. (นิลกังขา) - [ 31 ส.ค. 47 12:23:31 ]

ความคิดเห็นที่ 92 เอ - ผมอาจจะเข้าใจผิดก็ได้ คุณคนนั้นเธออาจจะชื่อเป็นภาษาไทยว่า "เอายามา" ก็ได้ ไม่ใช่ อะโอยามะ ถ้าเป็นยังงั้นก็ ซึมิมาเซ็งโกเมนนาไซ ขออภัยด้วย คะรับ อิอิอิ ขอโทษครับ อดแซวไม่ได้ครับ จากคุณ : อะโอนามิ (นิลกังขา) - [ 31 ส.ค. 47 12:31:45 ]

ความคิดเห็นที่ 93 เคยอ่านเจอการทำงานแปลในเว็บนึงต่ะ เห็นเขาบอกว่าถ้าหนังสือเล่มใหญ่ (บางสำนักพิมพ์) เขาจะทำการแบ่งงานกันไปแปลน่ะค่ะ (ไม่ได้เข้าข้างผู้แปลนะคะ) เมื่อแปลเสร็จ จะมีผู้แปลที่เก่งๆคอยตรวจงาน(ความถูกต้อง) อีกที และส่งไปให้ฝ่ายพิสูจน์ ฯ ดิฉันสรุปว่า หนังสือเล่มนี้เกิดจากความเลินเล่อของผู้มี ส่วนในการตรวจสอบความถูกต้อง (มังคะ เดา ค่ะ) (อาจจะเป็นอาจารย์ที่ได้เครดิตว่าเป็นผู้แปล) ไม่ตรวจสอบผลงานให้ดี จากคุณ : แก๊ซซ่า - [ 31 ส.ค. 47 12:38:15 ]

ความคิดเห็นที่ 94 อย่างนี้ไม่ได้เรียกเลิ่นเล่อหรอกค่ะ เขาเรียกว่าชุ่ยมากกว่าค่ะ ไม่เคารพผู้อ่านผู้บริโภคแบบนี้ ไม่อยากอุดหนุนเลย จากคุณ : ผู้สาวเมืองยศ - [ 31 ส.ค. 47 12:53:38 ]

ความคิดเห็นที่ 95 สวัสดีครับทุกๆท่าน...ผมข้ามมาจากเฉลิมไทยครับ เห็นด้วยกับ คคห.นี้อย่างยิ่งครับผม ความคิดเห็นที่ 75 คุณน้อย คงคำคะ ดิฉันมีความคิดว่าการเขียนจดหมายถึงสำนักพิมพ์เดอะเนชั่นคงไม่เกิดประโยชน์อะไรเท่าไหร่ ถ้าจะให้เกิดผลจริงๆคุณควรเขียนรายงานความผิดพลาดเหล่านี้ไปยังสำนักพิมพ์เจ้าของต้นฉบับภาษาอังกฤษเลยจะดีกว่า เขาจะได้ทราบว่าผลงานของเขาถูกปู้ยี่ปู้ยำขนาดไหน และอย่างนี้ทางสำนักพิมพ์ในเมืองไทยสมควรถูกถอดถอนลิขสิทธิ์การแปลหรือไม่ จากคุณ : สงสารผู้บริโภค - [ 31 ส.ค. 47 06:35:37 A:69.159.19.228 X: TicketID:006407 ] จากคุณ : พฤษภเสารี - [ 31 ส.ค. 47 13:53:19 ]

ความคิดเห็นที่ 96 มีคำตอบเกี่ยวกับหนังสือเล่มนี้จากทางสำนักพิมพ์เนชั่นบุ๊คส์ ตามลิงก์นี้ครับ http://www.nationbook.com/webboard/forum_posts.asp?TID=59&PN=1 จากคุณ : raden - [ 31 ส.ค. 47 13:55:18 ]

ความคิดเห็นที่ 97 อนิจจา............ ขอแชร์บ้างได้ไหมคะ เคยอ่านงานแปลของท่านนักแปลหลายท่าน บางท่านแปลเรื่องยิ่งใหญ่อมตะเสียด้วย สมัยยังอายุน้อย อ่านด้วยความซาบซึ้งในรสวรรณกรรม พอโตขึ้นหน่อย (ยังไม่แก่นะคะ) ก็มาหางานต้นฉบับอ่าน จำได้แม่น ๆ เลยคือเรื่อง Of Mice and Men ของ John Steinbeck ทำให้เกิดอาการเสียสูญเสียความเชื่อมั่นในงานแปลอื่น ๆ ไปหมดเลยค่ะ ต้องหาต้นฉบับเป็นพัลวัน อีกเล่มที่จำได้ เป็นนักแปลหญิง ที่เขียนชื่อเมืองของอังกฤษผิดบ่อย ๆ เช่น Yorkshire เขียนเป็นยอร์คไชร์ ไม่ได้ถือว่าผิดหลักการแปลมากมายนัก เพราะชื่อเมืองของอังกฤษมีการอ่านออกเสียงแบบแปลก ๆ หากไม่ใช่ผู้เคยอยู่อาศัยที่นี่เป็นแรมปี จะไม่ค่อยคุ้น แต่คนอ่าน อ่านแล้วเสียความรู้สึก เห็นเป็นกระทู้แนะนำเลยเข้ามา พอเห็นชื่อเจ้าของกระทู้ก็ไม่แปลกใจ คุณวิวันดายังขยันนำเอาสาระมาฝากเสมอ ๆ ขอบคุณมากค่ะ (อ่านแล้วหนาวเลย...อย่างนี้ดิฉันจะกล้าไปแปลงานให้ใครหรือคะ ฮือ กลัวถูกจับได้ค่ะ) จากคุณ : Pl@too - [ 31 ส.ค. 47 14:04:21 ]

ความคิดเห็นที่ 98 เพื่อนๆ ครับ ผมขออภัยที่บางท่านเห็นกระทู้นี้แล้วสยองไปเลย เลิกคิดจะเป็นนักแปล กลัวผมจะตามไปจับผิดแล้วปากจัดใส่ ผมขอให้กำลังใจคนที่อยากเป็นนักแปล งานแปลไม่ง่าย แต่ไม่เหลือวิสัยครับ ขอให้ตั้งใจ ขอให้ขวนขวายหาความรู้ ขอให้สนใจไต่ถามอะไรที่เรายังไม่รู้ไม่เข้าใจ และขอให้ภาคภูมิใจและพยายามดำรงศักดิ์และความรับผิดชอบของผู้แปลไว้โดยไม่พยายามเอาเปรียบนักอ่าน นักอ่านอย่างผมก็จะเป็นกำลังใจให้ครับ แต่งา่นชิ้นนี้มันไม่ไหวจริงๆ นี่ครับ เอางี้ดีกว่า คุณๆ ที่หมดกำลังใจ กลัวผม ไม่กล้าเป็นนักแปล ลองถามตัวเองซิว่าคุณแปลคำว่า "Pardon?" ยังไง ถ้าคุณแปลว่า "ว่าอะไรนะคะ/ครับ? ฟังไม่ถนัด" คุณก็เป็นนักแปลเมืองไทยได้แล้ว คุณเก่งกว่าคุณอาจารย์หฤทัยแล้วครับ เอาละคนแปลอาจจะอ่อน แต่ตั้งใจดีอยากถอดเรื่องดีๆ ในภาษาต่างด้าวมาให้คนไทยรู้ด้วย เราอาจไม่ควรจะว่าคนแปลมากนัก แต่คนที่ผมต้องตำหนิเต็มๆ เพราะหน้าที่ของคุณคือต้องตรวจ คนนั้นคือ บก. ไม่มีคำแก้ตัวใดที่รับฟังได้เลยสำหรับการปล่อยให้หลุดออกมาขนาดนี้ได้ครับ ถ้าคนแปลเป็นเหมือนเด็ก ป. 1 ที่เรียนวิชาสุขศึกษา แล้วโง่หรือหลงผิดหรือหลงตัวอะไรก็ตาม ลุกขึ้นมาจะผ่าตัดหัวใจคน อาจด้วยเจตนาดีก็ได้ แต่ บก. เป็นเหมือนสารวัตรสาธารณสุข คุณมีหน้าที่ปกป้องสวัสดิภาพของสาธารณชน ตรวจสอบสิครับ อ่านซี่ แก้ไขสิ คุณเลี่ยงความรับผิดชอบไม่ได้เลยครับ จากคุณ : นกข. ภาคใจร้าย (นิลกังขา) - [ 31 ส.ค. 47 14:49:27 ]

ความคิดเห็นที่ 99 ผมว่ากระทู้นี้ไม่ได้ทำให้ผมกลัวหรือไม่กล้าที่จะทำงานแปลนะ แต่กลับทำให้ผมยิ่งรู้สึกอยากเป็นนักแปลจริงๆจังๆซะซ้ำ เพราะว่าด้วยบทความนี้ของ คุณนิลกังขา ช่วยทำให้ผมเข้าใจมากขึ้นว่างานแปลต้องใช้ทั้งศาสตร์ (ความรู้ทางภาษา) และศิลป์ (ความสามารถในการใช้ถ้อยคำให้สละสลวย) รวมทั้งจรรยาบรรณในการทำงานขั้นสูงเลย กระทู้นี้ทำให้ผมรู้สึกว่า เราน่าจะช่วยกันสร้างสรรค์งานแปลชั้นดี และป้องกันไม่ให้คนที่แปลอย่างฉาบฉวยมาเอาเปรียบผู้บริโภค จากคุณ : อ๊อกโต๋พุงกลมฯ (Octo) - [ 31 ส.ค. 47 15:08:32 ]

ความคิดเห็นที่ 100 นับว่าเป็นนิมิตรหมายที่ดีของวงการหนังสือแปลเมืองไทยครับ ขอขอบคุณคุณนิลกังขาที่เป็นผู้เปิดประเด็นและชี้ให้เห็นว่างานแปลที่ไร้คุณภาพนั้นเป็นอย่างไร ผู้แปล บอกอและสำนักพิมพ์หนังสือแปลทั้งหลายคงจะได้ตระหนักถึงความรับผิดชอบและหน้าที่ของตนเองในการผลิตหนังสือ หวังว่าวงการการแปลจะพัฒนาขึ้นอีกมากในอนาคต และในฐานะผู้บริโภคยุคใหม่เราควรช่วยกันป้องกันสิทธิ์ในการเสพงานแปลไม่ให้ใครมาเอาเปรียบกันได้ง่ายๆ ดีใจครับที่สังคมพันทิปได้ช่วยพัฒนาสังคมกันอีกครั้ง จากคุณ : กะได - [ 31 ส.ค. 47 15:56:16 ]

ความคิดเห็นที่ 101 ขอขอบคุณคุณนิลกังขามากครับ คุณเสียสละเวลามากทีเดียวกับการทำหน้าที่อันเป็นประโยชน์ยิ่งนี้ครับ จากคุณ : นพดล - [ 31 ส.ค. 47 16:18:48 A:61.90.34.240 X: TicketID:052842 ]

ความคิดเห็นที่ 102 อ่านมาตั้งแต่บรรทัดแรกจนจบเลย เป็นกระทู้ที่ดีมากครับ จากคุณ : loverboy - [ 31 ส.ค. 47 16:21:34 ]

ความคิดเห็นที่ 103 คนที่อยากแปลก็มาแปลเถอะครับ จะไปกลัวทำไมกับการส่องกล้องของคุณนิลกังขา ท่านไม่ได้หาเรื่องจับผิดสักหน่อย เป็นแต่เรื่องนี้มันบาดหูบาดตาเหลือเกิน ไม่เล่นก็ไม่ได้แล้ว ถ้าผมไปเจอเองก็อาจจะเล่นเองเหมือนกัน ต้องตัดใจทำเพื่อส่วนรวมครับ ผิดนิดผิดหน่อยก็วิจารณ์กันอยู่บ่อยๆ แต่ผิดพลาดระดับนี้มันระดับอภิมหาอมตะนิรันดร์กาลเชียวนะครับ เก็บเอาไว้มีลูกสอนลูกมีหลานสอนหลานได้เลยทีเดียว เพชรดีไม่ต้องกลัวไฟ ไม่กลัวน้ำกรด ไม่กลัวน้ำด่าง ไม่กลัวสารพัด ที่เขาพูดกันอยู่นี่เป็นเรื่องของหน้าที่ เรื่องของความรับผิดชอบครับ คนที่รู้หน้าที่ รู้ประมาณตน รู้ความรับผิดชอบ มีจรรยาบรรณจะต้องไปกลัวอะไรครับ จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 31 ส.ค. 47 16:25:46 ]

ความคิดเห็นที่ 104 ตามกระทู้มาจากเฉลิมไทย อ่านแล้วอึ้งพอสมควร ความผิดแบบนี้ถึงขั้นให้อภัยไม่ได้ และเห็นด้วยว่าคนที่ต้องรับไปเต็มๆ คือบรรณาธิการแน่นอน ในฐานะผู้ดูแลควบคุมงานก่อนออกสู่ตลาด ที่จริงก็เคยอ่านหนังสือแปลหลายๆ เล่มแล้วตะหงิดๆ ในใจ แต่ไม่เคยขวนขวายจะหาต้นฉบับมาอ่านเทียบเคียง ก็ต้องชอบคุณคุณนิลกังขาที่อุตส่าห์เสียเวลานั่งแกะเป็นส่วนๆ ให้เห็นกันถนัดอย่างนี้ เป็นบทเรียนที่ดีสำหรับสำนักพิมพ์ นักแปล และผู้ที่อยากจะเป็นนักแปล เคยคิดมาตลอดว่างานแปลหนังสือมันยาก อ่านกระทู้นี้แล้วก็ยิ่งตอกย้ำเข้าไปอีกว่ามันยากจริงๆ จากคุณ : k i d d k i n n - [ 31 ส.ค. 47 16:31:28 ]

ความคิดเห็นที่ 105 ขอบคุณคุณนิลกังขาและคุณ wiwanda ที่ทำให้มีกระทู้นี้ อ่านแล้วได้ความรู้จริงๆ พร้อมกับขำไปด้วยว่าประโยคง่ายๆ ที่คนทั่วไปยังรู้ ทำไมอาจารย์คนนั้นถึงแปลออกมาได้ผิดความหมายอย่างสิ้นเชิง ได้ตามไปอ่านลิงค์ของเนชั่นแล้ว อยากบอกว่า ไม่อยากให้เรื่องนี้เงียบไปกับคำขอโทษของ สนพ. เนชั่น มันน่าจะเป็นกรณีตัวอย่างที่ให้คนอ่านได้รับรู้ว่า หนังสือแปลที่เราซื้ออ่านกัน มันไม่ได้มีคุณภาพดีไปเสียทุกเล่ม ยังมีอีกหลายเล่ม ที่นักแปลสักแต่ว่าแปลๆๆ ไม่ได้ให้ความสำคัญของความสละสลวยของภาษาเลย แถมยังไม่เข้าใจสแลงง่ายๆบางคำเสียอีก อย่าให้เอ่ยชื่อนักแปลคนนั้นเลย ดิฉันว่าจะไปร้านหนังสือทุกวัน ดูซิว่ามันเก็บหนังสือเล่มนี้ออกจากแผงไปรึยัง ถ้ายัง ดิฉันจะไปยืนบอกคนที่หยิบหนังสือเล่มนี้แล้วทำท่าจะซื้อ ว่าอย่าซื้อนะ มันห่วยแตก เชื่อฉันเหอะ จากคุณ : หาเช้ากินเที่ยง - [ 31 ส.ค. 47 16:36:38 A:203.121.135.53 X: TicketID:067717 ]

ความคิดเห็นที่ 106 พูดถึงเรื่องการแปลอย่างฉาบฉวย จากคำพูดหนึ่งของ คุณอ็อกโต ดิฉันก็หนาวเหมือนกันค่ะ(ถึงสะดุ้ง) (ไม่รู้ว่าตัวเองเข้าข่ายนั้นหรือเปล่า) แต่ไม่ได้แปลงานใหญ่โตอะไ รหรอกค่ะ แปลแบบไม่ได้ตังค์น่ะ จะโดนด่าไหมเนี่ย แค่แปลเพลงเป็นความรู้ให้น้องๆ (แต่ดิฉันรู้ตัว ดีว่าไม่แตกฉานเท่าไหร่ บางทียังมาโพสต์ถามในห้อง คลับรวมพลนักแปลบ่อยๆ เลย 55 ภาวนาอย่าให้ตาม ไปเจอผลงาน (น้อยๆ) ของดิฉันเล๊ยย) สาธุ คือฝึกฝนอยู่น่ะค่ะ กลัวโดนประจานน่ะค่ะ (แต่ก็กำกับบอกน้องเขา เหมือนกันว่า อาจจะมีผิดบ้าง) จากคุณ : แก๊ซซ่า - [ 31 ส.ค. 47 16:55:56 ]

ความคิดเห็นที่ 107 ข้ามมาจาก blueplanet แฮะ แฮะ อาจจะดูไม่ค่อยเกี่ยว อยากจะบอกว่า มีทั้ง 2 เล่มค่ะ เล่มแรก เศรษฐศาสตร์ฆาตกรรม เล่มสอง ดุลยภาพมรณะ ในฐานะคนจบเศรษฐศาสตร์ มาค่ะ ถึงจะไม่ได้ชอบมันนัก แต่ว่า เห็นมีหนังสืออย่างนี้ก็สนใจ ใฝ่รู้ อยากอ่านค่ะ ยอมรับค่ะ ว่าอ่านเล่มแรก ก็ ok ค่ะ แม้จะไม่สนุกมาก อย่างที่คิด คิดว่า เป็นเล่มแรก สละสลวยน้อยไปหน่อยก็พอให้อภัยกันได้ค่ะ เพราะว่าเรื่องนี้ค่อนข้างแปลยากพอสมควร ต้องมีความรู้ทางเศรษฐศาสตร์ อยู่พอสมควรจึงจะแปลได้รู้เรื่องค่ะ แต่เล่ม 2 นี่ มรณะจริงๆค่ะ ขนาดภาษาอังกฤษ งูๆ ปลาๆ อย่างเรา ยังอืมม อ่านแล้วก็ตะขิด ตะขวง ใจ อยากอ่านต้นฉบับภาษาอังกฤษ ขึ้นมาตะหงิดๆ เลยค่ะ อ่านไม่รู้เรื่อง และแปลกได้แย่มากๆ เข้ามาอ่านที่คุณ wiwanda แปลแล้วก็ อืมม -_-" เซ็งค่ะ เสียเงินค่าหนังสือ ให้คนที่แปลแบบไม่ตั้งใจอย่างนี้ ไม่ไหวค่ะ ผิดที่ 2 ที่ พอให้อภัยนะคะ แต่นี่มันมากเกินไปค่ะ ไม่หวาย โหวตให้ละกันค่ะ จากคุณ : ขอบฟ้าไร้ตัวตน - [ 31 ส.ค. 47 17:15:19 ]

ความคิดเห็นที่ 108 ดิฉันไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่ที่คนแปลแปลมาแบบนี้ เพราะเจอมาเยอะมากค่ะตั้งแต่ทำงานตรวจแก้ต้นฉบับมา เวลาเจอแบบนี้ดิฉันจะคิดว่า เฮ้ย ใช้โปรแกรมแปลหรือเปล่าเนี่ย คนไม่น่าจะแปลห่วยปานนี้ ไม่น่าเชื่อ วิวัฒนาการโลกควรจะไปข้างหน้า เจริญขึ้นเรื่อยๆ โอลิมปิกนักกีฬาเขายังพัฒนาได้เหรียญเพิ่มขึ้นทุกครั้งไป น่าอนาถ นักแปลส่วนหนึ่งและวงการหนังสือกลับถอยหลังเข้าคลอง เห็นแก่เงิน ปลาเน่าตัวเดียวพลอยจะทำให้ปลาเหม็นไปทั้งข้อง เออ พูดไปดิฉันชักโกรธนะเนี่ย เพราะตัวเองก็ทำงานหนังสือเหมือนกัน ผู้อ่านอย่าเพิ่งเบื่อและเซ็งหนังสือแปลนะคะ เวลาจะเลือกซื้อก็พิจารณาดูให้ดีนี้ดนึงนะคะ สนพ. เนชั่น คุณเจอไปเต็มๆ เลย คราวนี้จ่ายเงินจ้างบก. ซะดีๆ เถอะ ส่วนคนที่มีตำแหน่งเป็นบก.อยู่น่ะ ลงอีแบบนี้ไม่ถือว่าเป็นบก. แล้วมั้ง เดี๋ยวนี้เนชั่นทำหนังสือแปลญี่ปุ่นด้วย คนยิ่งรู้ภาษาต้นฉบับน้อยกว่าภาษาอังกฤษ หวังว่าคงไม่ใช้นโยบายมั่วเหมือนกันหรอกนะคะ จากคุณ : Angelina - [ 31 ส.ค. 47 22:07:15 A:202.5.88.143 X: TicketID:044880 ]

ความคิดเห็นที่ 109 ขอบคุณมากๆ เลยครับผมกำลังจะหาซื้อมาอ่านทั้ง 2 เล่มเลย ซึ่งคาดว่าคงจะหาต้นฉบับมาอ่านแทนแล้วครับ อ่านจุดผิดแต่ละจุดแล้วขนลุก บรื๋อออออออออออ จากคุณ : :-P (:-P) - [ 31 ส.ค. 47 22:13:23 ]

ความคิดเห็นที่ 110 อ่านมาตั้งแต่ต้น รู้สึกอนาถใจมากๆเลยครับ แล้วอย่างนี้ประเทศชาติจะเจริญได้ยังไงครับ อยากให้คุณนกข.หรือคุณ wiwanda ก็ได้แจ้งไปทางสำนักพิมพ์เจ้าของต้นฉบับทางเมืองนอกครับ เพราะมันผิดพลาดขนาดที่ไม่สามารถยอมรับได้เลยครับ ผมว่าทางโน้นคงเอาเรื่องแน่ๆ จะได้เป็นคดีตัวอย่าง ต่อไปคนแปลรวมทั้งผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดจะได้มีความรับผิดชอบมากกว่านี้ครับ จากคุณ : dmesg - [ 31 ส.ค. 47 22:46:49 ]

ความคิดเห็นที่ 111 ถึงแม้ว่าดิฉันอ่านอังกฤษไม่เก่งเหมือนคนอื่นเค้า แปลได้งูๆปลาๆ ก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น ดิฉันสงสารคนอ่านหนังสือเล่มนั้นจัง มันไม่คุ้มทั้งเวลา เงินและความรู้สึกที่อ่านมัน ที่จริงดิฉันอยากให้คุณฟ้องสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภคมากกว่า สำนักพิมพ์จะได้ระวังเรื่องคุณภาพมากกว่านี้มากๆๆ จากคุณ : อยากให้ฟ้องจริงนะคะ (กร..กอร) - [ 31 ส.ค. 47 23:49:18 ]

ความคิดเห็นที่ 112 ใครๆไม่อยากได้หนังสือ ผมกลับอยากได้ ผมจะเก็บไว้ดูเป็น specimen ครับเพราะยังไม่เคยเห็นของจริง อย่างนี้ต้องเก็บเป็น collection ครับ คลาสสิคสุดๆ หนังสือแปลดีผมก็ซื้อเอาไว้อ่านและเอาไว้บูชา อย่างเรื่อง Pioneer, go home ที่ครูเทศภักดิ์แปล หนังสือแปลไม่ดีผมก็ซื้อเก็บเอาไว้เป็นตัวอย่างสอนเด็กครับ จำเป็นนะครับ คนเราสามารถเรียนรู้ได้ทั้งจากความสำเร็จและความล้มเหลวครับ พอดีไม่มีเวลาเดินแผงแล้ว ต้องขึ้นเครื่องที่ดอนเมืองไปต่างประเทศตอนตีห้า ผมเกรงว่ากลับมาเมืองไทยจันทร์หน้าเขาจะเก็บจากแผงไปก่อนน่ะสิ จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 1 ก.ย. 47 00:13:23 ]

ความคิดเห็นที่ 113 ขอบคุณคุณนิลกังขาที่ช่วยตั้งชื่อไทยให้ใหม่ว่า ภูเขาสีครามนะคะ เพราะดีจริงๆ ค่ะ อ่านคำแซวแล้วอมยิ้มเลย เดี๋ยวจะเอาชื่อใหม่ไปอวดเพื่อนๆ ในห้อง around UK ค่ะ ที่จริงก็เคยได้ชื่อใหม่มาแล้วหลายชื่อแล้วเพราะเพื่อนๆ ในห้องชอบตั้งชื่อภาษาไทยให้ จะได้เรียกง่ายๆ หน่อย แต่สงสัยว่า Aonami คงเป็นญาติกับ Aoyama แน่ๆ เลยใช่ไหมคะ จากคุณ : ขอแซวบ้างค่ะ (Aoyama) - [ 1 ก.ย. 47 00:42:17 ]

ความคิดเห็นที่ 114 ในฐานะแฟนประจำหนังสือแปล โชคดีนะนี่ที่ได้อ่านกระทู้นี้ก่อน เล็งๆ จะซื้อ 2 เล่มนี้เหมือนกัน....หรือโชคร้ายหว่า ยังงี้ผมก็ต้องไปอ่านฉบับจริงนะสิ จะรู้เรื่องมั้ยนี่ เพิ่งซื้อ เทวากับซาตาน มา คงไม่เจอแจ็กพ็อตแปลห่วยเหมือนกระทู้นี้นะ จากคุณ : แฟนสวย - [ 1 ก.ย. 47 03:07:01 ]

ความคิดเห็นที่ 115 ขอบคุณกระทู้นี้มากๆค่ะ ทำเอาสะดุ้งเลยแหละ เพราะบางทีส่งงานไม่ทันก็ขาดความพิถีพิถันไปมั่งเหมือนกันแหะๆ แต่ของดิฉันหนังสือเล็กๆแปลผิดคงไม่มีใครรู้ อิอิ ปล.เข้าใจความรู้สึกคุณนิลกังขาเพราะตัวเองเวลาดูหนังหรือสารคดีทีไรต้องคอยจับผิดบทพากย์ทุกที แก้ไขเมื่อ 01 ก.ย. 47 03:42:34 แก้ไขเมื่อ 01 ก.ย. 47 03:41:02 จากคุณ : นักเขียนไส้แห้งแต่มีพุง - [ 1 ก.ย. 47 03:38:45 ]

ความคิดเห็นที่ 116 โดยส่วนตัวทำงานแปลเป็นอาชีพอยู่แล้วครับ (แปลข่าวโทรทัศน์ช่องนึง) เห็นกรณีแบบนี้แล้วอึ้งเหมือนกัน กลัวว่าเราจะปล่อยไก่ทั้งเล้าแบบนี้มั่งป่าวหว่า คงเป็นบทเรียนสำคัญนะครับ การแปลไม่ใช่แค่เปิดดิกเฉยๆ ต้องมีความรับผิดชอบในสิ่งที่แปลทุกตัวครับ จากคุณ : ต้นอุ๋ย - [ 1 ก.ย. 47 05:00:41 ]

ความคิดเห็นที่ 117 ผมเป็นเจ้าของสำนักพิมพ์และคนขายหนังสือคนหนึ่ง ยอมรับว่ากระทู้นี้มีส่วนช่วยขายหนังสือเล่มที่กล่าวถึง เพื่อเก็บไว้เป็นตัวอย่างของการแปลแบบห่วย ๆ ของวงการ หนังสือไทย การผิดพลาดในการแปลนั้นเป็นของธรรมดา แต่ครั้งนี้มันมากเกินไป ปัจจุบันสำนักพิมพ์ต่าง ๆ ให้ความเชื่อถือผลงานของผู้เขียน ซึ่งมีฉายานำว่าอาจารย์ จนเกือบไม่มีการใช้กองบรรณาธิการเข้ามาตรวจงาน กลับเอาผลงานไปให้ทนายความตรวจดูว่าจะมีปัญหาทางกฎมายบ้างหรือไม่เท่านั้น ขอบคุณเจ้าของกระทู้เป็นอย่างมาก ที่มีส่วนรักษาวงการหนังสือแปลของไทย ไม่ให้หลงกลับไปสู่ยุคเล่มเดียว ช่วยกันแปล 10 คน เพื่อเอาแต่ปริมาณ ไม่มีการรักษาคุณภาพ จากคุณ : กมล - [ 1 ก.ย. 47 05:08:14 A:203.118.117.146 X: TicketID:050320 ]

ความคิดเห็นที่ 118 ที่เขาเอามาแปะไว้นี่ ผิดของง่ายๆแบบไม่น่าเชื่อเลย...ว่าเป็นไปได้อย่างไรกัน....???......ก็เลยไม่ขอออกความเห็นในเรื่องนี้.....เพราะไม่อยากไปซ้ำเติมนักแปล......... แต่ข้อความที่จะแปะเอาไว้นี้ เป็นข้อเสนอแนะในเรื่องวิธีการปรับปรุงมาตรฐานหนังสือแปลในประเทศไทย คือจะพูดถึงวิธีลดจำนวนการแปลผิดเมื่อเจอหนังสือยากๆเข้า.....นั่นก็คือว่า แท้จริงๆแล้ว ภาษาอังกฤษมีความมหัสจรรย์เป็นยิ่งนัก.....มีคำ, วลี และประโยคที่ดูง่ายๆแต่แท้จริงแล้วแปลเป็นอะไรได้หลายอย่างเกินความคาดหมาย (สำหรับคนไทยทั่วๆไป)....... ดังนั้น คุณสมบัติที่สำคัญที่สุดของนักแปลก็คือ จะต้องเป็น "คนขี้ระแวง"..... คือระแวงว่า ผู้ประพันธ์อาจนำรูปแบบประโยคที่ใช้ subtle nuances of meaning of each word มาไว้ในหนังสือแต่ละเล่ม.........เมื่อแปลแล้วใจความทะแม่งๆก็ต้องตรวจสอบดูว่าตนเองตีความได้ถูกต้องหรือไม่......แต่จะทำได้แค่ไหนนั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับความรู้และประสบการณ์ของแต่ละคน ดังนั้น วิธีควบคุมคุณภาพทำได้ง่ายมากๆ นั่นก็คือต้อง screen นักแปลก่อนว่าจ้าง .......ลองทำแบบนี้ดูนะ ........ ให้ฝรั่งเจ้าของภาษา อ่านหนังสือภาษาอังกฤษต้นฉบับแบบอ่านๆผ่านๆไปเร็วๆ และในขณะ ที่อ่านก็ให้เอาปากกาวงเอาไว้ตรงประโยค "ที่ฝรั่งรู้ว่าคนไทยทั่วๆไปน่าจะตีความผิด"....ถ้าเอาฝรั่งที่อ่านภาษาไทยรู้เรื่องและเคยสอนภาษาอังกฤษในเมืองไทยนานๆมาทำงานนี้ ก็จะทำการตรวจสอบนักแปลได้ดีเยี่ยม เพราะฝรั่งพวกนี้รู้ดีว่าประโยคแบบไหน "หลอกให้คนไทยตีความผิด" ยิ่งถ้าเป็นฝรั่งที่เคยสอนภาษาอังกฤษมาหลายประเทศอย่างช่ำชอง โดยสอนให้คนที่ไม่ใช่เจ้าของภาษาอังกฤษแล้วละก็....ฝรั่งคนนั้นจะชำนาญมากในเรื่องนี้..... .....แล้วก่อนตกลงว่าจ้างนักแปล สำนักพิมพ์ก็แจกหนังสือต้นฉบับเล่มเดียวกัน (แต่หลาย copies) ให้แก่ candidates (นักแปลที่อยู่ในข่ายว่าจะได้แปลหรือไม่ได้แปล) ให้เอาไปอ่านเฉยๆแต่ไม่ต้องแปล แล้วนัด candidates ทุกคนให้มาสัมภาษณ์ (แยกกัน)......เวลาสัมภาษณ์ก็ให้ฝรั่งพลิกไปหน้าที่วงหรือกาไว้ว่าตีความยาก (สำหรับคนไทย) ..... (เปิดหนังสือเล่มเดียวกันแต่ 2 copies ดูพร้อมๆกัน) แล้วฝรั่งก็ถาม candidate แต่ละคนว่า ตรงช่วงที่ฝรั่งกาไว้หรือวงไว้นั้น candidate จะตีความว่าอย่างไร.......??? แล้วฝรั่งก็ให้คะแนนตามจำนวนที่ candidate ตีความได้ถูกต้อง (ถึงฝรั่งพูดหรืออ่านภาษาไทยไม่ได้ก็ตรวจสอบได้โดยการให้ candidate ตีความแล้วอธิบายสิ่งที่ตีความออกมาเป็นภาษาอังกฤษ) ..... ถัดจากนั้น สำนักพิมพ์ก็ "จ่ายงานให้คนที่ตีความถูกมากที่สุด ไม่ใช่จ่ายให้คนที่วุฒิการศึกษาสูงที่สุดหรือสถานภาพสังคมสูงที่สุด" ............ทั้งนี้เนื่องจากว่า "ค่าของคนอยู่ที่ผลงาน.......!!!!!!!!!!" เมื่อคัดเลือกนักแปลด้วยวิธีนี้แล้ว เปอร์เซ็นต์ที่จะมีการแปลผิดก็จะลดลง.......ถัดจากนั้นสำนักพิมพ์ก็จะต้องตามไปสะสางบัญชีเก่าๆโดยดำเนินขั้นตอนเดียวกันกับหนังสือที่แปลเสร็จไปแล้วและตีพิมพ์ไปแล้ว..... นั่นก็คือ ให้ฝรั่งเอาต้นฉบับหนังสือภาษาอังกฤษ (ที่แปลแล้วและพิมพ์ไปแล้ว) ไปอ่าน แล้ววงหรือกาไว้แล้วเรียกนักแปลที่แปลเรื่องนั้น (แล้วได้ตีพิมพ์ไปแล้ว) มาสัมภาษณ์เพื่อตรวจสอบว่า นักแปลแต่ละคนเข้าใจภาษาอังกฤษได้ดีขนาดไหน หากสำนักพิมพ์ทุกแห่งทำ quality inspection โดยดำเนินการตามขั้นตอนในลักษณะดังกล่าวแล้ว ก็จะตรวจพบทันทีว่านักแปลในสังกัดของตนเอง มีกี่คนที่ "แท้จริงแล้วยังไม่เข้าใจภาษาอังกฤษแตกฉานพอที่จะแปลได้" หากสำนักพิมพ์ทุกแห่งในประเทศไทยทำ quality inspection กันจริงๆจังๆตามที่ข้าพเจ้าเสนอแนะ บรรดานักแปลที่มีอยู่เกลื่อนกลาดในท้องตลาดในปัจจุบัน จะหายหน้าไปจากวงการแปลภายในเวลาเพียงชั่วพริบตาเดียวเอง.....!!!!......คาดว่า 75% หรือมากกว่านั้นจะกลายเป็นอยู่ในสภาพที่ตกงานทันที.....!!! เมื่อนักแปลที่ไม่เข้าใจภาษาอังกฤษดีพอที่จะแปล (แต่ครองตลาดการแปลอยู่) ตกงานไปเกินกว่าครึ่งหนึ่งเรียบร้อยแล้ว คลื่นลูกใหม่ (ที่มีศักยภาพสูงกว่า) ก็จะเคลื่อนเข้ามาแทนที่.....และมาตรฐานงานแปลของไทยก็จะดีขึ้นกว่าเดิมหลายๆเท่า ซึ่งก็เป็นประโยชน์แก่ผู้บริโภค และจะสร้างความเจริญให้แก่ประเทศชาติยิ่งๆขึ้นต่อไป.......... จากคุณ : tansy - [ 1 ก.ย. 47 05:59:33 A:203.145.12.139 X: TicketID:014174 ]

ความคิดเห็นที่ 119 หมายเหตุ: ข้าพเจ้าเคยทำแต่งานแปลให้บริษัท ส่วนใหญ่เป็นงานด่วนประเภทเอกสารกฎหมาย (แปลอังกฤษเป็นไทยและแปลไทยเป็นอังกฤษ) หรือเอกสารประมูล (จัดซื้อจัดจ้าง...แปลไทยเป็นอังกฤษ) เคยคิดที่จะแปลหนังสือให้สำนักพิมพ์ ....คือหนังสือที่อยากแปลจะเป็น non-fiction ในแนว Zen Macrobiotics, Daoism (Taoism) หรือหนังสือพวก how to ทั้งหลาย ทั้งนี้ เนื่องจากตัวเอง ไม่เคยอ่านหนังสือ fiction แต่ติดต่อสำนักพิมพ์ไปหลายแห่งแล้วไม่ประสบความสำเร็จ .......ก็เลยยังไม่ได้แปล........ แต่เมื่อ 2-3 สัปดาห์มานี้มีสำนักพิมพ์แห่งหนึ่งติดต่อมาให้แปลนิยายภาษาอังกฤษ (เรื่องสั้น) เป็นภาษาไทย ทีแรกตัวเองก็กลัวๆ ไม่ค่อยกล้ารับงาน เพราะแค่มั่นใจว่าตีความต้นฉบับแม่นยำในระดับหนึ่ง และรู้วิธีจัดลำดับคำในภาษาปลายทาง (ภาษาไทย) ให้ไม่มีกลิ่นนมเนยเหลือ แต่ก็ยังไม่ค่อยมั่นใจในเรื่องการสรรหาคำภาษาไทยเด็ดๆเฉียบๆมาเขียนประโยค (เนื่องจากเคยแปลแต่งานด่วนที่ get the facts rights คือ "แปลให้ถูกต้องตามความเป็นจริง"เท่านั้น แต่ไม่ประดิบประดอยคำแปลมากนัก) ....... พอทำแบบทดสอบของสำนักพิมพ์และปรึกษาบรรณาธิการดูแล้ว เขาเห็นว่าแปลได้ ตัวเองก็ค่อยกล้าๆ (แต่ก้อยอมรับว่ากลัวๆ) ที่จะแปล ....ครั้นพอแปลเรื่องแรก (จากหลายๆเรื่องที่จะพิมพ์ในเล่มเดียวกัน) เสร็จ คำแปลออกมาเป็นภาษาไทยได้ 14 หน้า ....ตนเองค่อนข้างตกใจที่พบหลุมพรางถึง 25 แห่ง ซึ่งถ้าไม่ระวัง และไม่ตรวจสอบความหมายอื่นให้ดีๆจาก dictionaries อังกฤษ-อังกฤษขนาดใหญ่ๆหลายๆเล่มแล้วละก้อ นักแปลอาจแปลผิดเพราะตีความต้นฉบับผิดพลาดได้มากถึง 25 แห่งในการแปลให้ได้ภาษาไทยออกมาเพียงแค่ 14 หน้าแรก.............!!!!! ...............ทีนี้ จากที่ไม่เคยชอบอ่านนวนิยาย ชักจะชอบอ่านแล้วสินะ ....เพราะสนุกดีเหมือนกัน ฮ่าๆๆ..............ยิ่งเจอหลุมพรางเยอะขนาดนี้มันท้าทายดีน่ะ....???!!!....ไม่รู้ว่าตัวเองจะโดนผู้อ่านยำใหญ่หรือเปล่า.....แต่ก่อนอื่นขอยำใหญ่ตัวเองก่อน โดยการชำแหละประโยคที่ตนเองแปลให้ผู้อ่านดูกันบนเว็บเลย ....(เอาไว้รอให้บรรณาธิการอนุญาตก่อน จึงจะทำได้) ข้าพเจ้าจึงได้เขียน annotations อธิบายไว้ว่าทำไมจึงแปลแบบที่แปลมา 25 ข้อ (25 แห่งแปลกๆซึ่งเป็นหลุมพรางที่พบในต้นฉบับ) เพื่อช่วยให้คนที่ตรวจงานได้ดูประกอบ .....ว่าทำไมข้าพเจ้าจึงแปลออกมาอย่างที่แปล......... หลังจากนั้น ก็เลยคิดขึ้นมาได้ว่า นักแปลที่แปลหนังสือเพื่อตีพิมพ์ทุกคน ควรสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้อ่าน....... โดยการชำแหละประโยคให้ดู ว่าพวกเขาคิดอย่างไรจึงแปลออกมาอย่างที่แปล ....โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเจอประโยคที่มีความซับซ้อนหรือมีความหมายแปลกๆแบบแทบจะคาดไม่ถึง ซึ่งอาจเป็นเรื่องดีสำหรับสำนักพิมพ์และนักแปล ทั้งนี้ เนื่องจากว่าในช่วงหลังๆนี้ มีนักแปลโดนยำใหญ่บนเว็บมากมาย ซึ่งอาจทำให้ผู้อ่านขยาดที่จะอ่านหนังสือแปล ...... ดังนั้น การที่นักแปลจะเขียน annotations ชำแหละประโยคที่ตัวเขาเองแปล โดยอธิบายว่าทำไมจึงแปลออกมาอย่างที่แปล (เพื่อให้ผู้บริโภคตรวจสอบได้) ก็อาจเป็นการ "กู้หน้า" วงการแปล โดยการสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภคได้............. หากใครต้องการดูตัวอย่างการชำแหละประโยค ที่ข้าพเจ้าทำไว้ ก็โปรดลองไปดูที่เว็บของข้าพเจ้าได้..... แต่ประโยคที่ชำแหละไว้ ไม่ใช่เป็นงานแปลหนังสือเล่มที่กำลังแปลอยู่ (เนื่องจากบรรณาธิการยังไม่อนุญาตให้ชำแหละประโยคงานที่กำลังทำอยู่) เลยหน้าเว็บที่จะชวนท่านไปดู เป็นการชำแหละประโยค งานแปลหนังสือประเภทการตลาดที่ลูกค้าเอามาให้แปล .......หนังสือตัวจริงมีอยู่ประมาณ 500 หน้า แต่ลูกค้าเอามาให้แปลแค่ 100 หน้า ตนเองพบว่า ในทุกหนึ่งหน้าที่แปล จะมีประมาณ 1 ประโยคที่พอแปลออกมาแล้วได้ข้อความที่ทะแม่งๆ...... ตอนแรกข้าพเจ้าหลงเข้าใจผิดคิดว่า "ผู้ประพันธ์เขียนหนังสือเล่มนี้ในขณะเมายาหรือเมาสุรา".....แต่เมื่อตรวจสอบใน dictionaries อังกฤษ-อังกฤษ ขนาดใหญ่หลายๆเล่มแล้วพบว่า ประโยคเหล่านั้น มีความหมายอื่นมากมายแอบแฝงอยู่.....ซึ่งถ้านักแปลท่านใดแปลหนังสือเล่มนี้ครบ 500 กว่าหน้าโดยไม่ตรวจสอบความหมายของคำต่างๆให้ดี ถ้าคนรู้ศัพท์เยอะๆก็อาจแปลผิดอย่างน้อยที่สุด 500 แห่ง แต่ถ้ายิ่งรู้ศัพท์น้อยๆหรือไม่รู้รูปแบบประโยคภาษาอังกฤษหลายๆรูปแบบที่พลิกแพลง (แล้วไปหาศัพท์ในดิกอังกฤษ-ไทย แทนที่จะหาศัพท์จากดิกอังกฤษ-อังกฤษ) ก็มีโอกาสที่จะแปลผิดนับเป็นพันๆแห่ง.....!!!!................. น่าเสียดายที่ตนเองถึงจะทำการ backup ข้อมูลไว้เป็นอย่างดีในขณะที่กำลังทำงานแปลชิ้นนั้นอยู่ แต่เมื่อแปลเสร็จแล้วและชำแหละประโยคไปแล้ว 100 ประโยค (เจอหน้าละประโยค) กะจะเขียนให้คนอ่านเล่นว่าจริงๆแล้วภาษาอังกฤษที่ดูง่ายๆแท้จริงแล้วมันแปลเป็นอย่างอื่น.....แบบสุดความคาดหมาย .....(สำหรับนักแปลบางท่าน) แต่โชคไม่ดีที่ตัวเองทำข้อมูลหายไปเกือบหมด เหลือมาแค่ 3 ประโยคแสบๆ......ถ้าใครอยากอ่านก็ตาม ไปอ่านดูได้ที่เว็บของข้าพเจ้าที่ www.thai.net/tansy แล้วเลือก link ที่มีชื่อว่า Translation แล้วเลือก link ที่มีชื่อว่า เหลือซากมา 3 ประโยค ท่านจะได้เห็นประโยคแปลกๆที่นักแปลต้องขี้สงสัยและต้องตามไล่ล่าหาความจริงว่า มันแปลว่าอะไรกันแน่.....???!!! จากคุณ : tansy - [ 1 ก.ย. 47 07:16:09 A:203.145.12.240 X: TicketID:014174 ]

ความคิดเห็นที่ 120 เป็นกระทู้ที่ดีค่ะ ...... ขอบคุณ คุณนิลกังขาที่สละเวลา แก้ไข หรือ พูดถึงข้อบกพร่องในหนังสือที่ได้ยกตัวอย่าง ถึงแม้ไม่ได้ซื้อมาอ่าน แต่คิดว่ากรณีนี้ เป็นประโยชน์แก่ผู้อ่าน และผู้แปล จากกระทู้นี้ ทำให้ความเชื่อถือหนังสือแปลน้อยลงเลยค่ะ เพราะชื่อคนแปล เป็นอาจารย์  ก่อนซื้อหนังสือชื่อคนแปลก็เป็นอีกปัจจัยในการตัดสินใจซื้อ  แต่ เมื่อ ขึ้นชื่อว่าอาจารย์ยังแปลได้ประมาณนี้แล้ว จะเลือกซื้อหนังสือโดยผลงานนักแปล อย่างไรดี เพราะไม่มีต้นฉบับ เราจะรู้ได้ไงว่าเขาแปลถูก นี่คือปัญหา อีกอย่างมีต้นฉบับแล้วตัวเองจะแปลถูกเปล่านี่ คงต้องเปลี่ยนใจซื้อต้นฉบับ มากกว่างานแปล แปลเองผิดถูก เรารับผิดชอบเอง น่าจะดีกว่าอ่านคนอื่นแปลผิดๆ โดยเราต้องเสียเงินค่าหนังสือบวกค่าแปลให้ด้วยนี่สิ เหมือนโง่คุณสอง ........... แก้ไขเมื่อ 01 ก.ย. 47 12:54:26 จากคุณ : อดีตนักกินจุก - [ 1 ก.ย. 47 07:19:41 ]

ความคิดเห็นที่ 121 งานเเปลชิ้นนี้ so far so good ยิ่งไกลยิ่งดี สงสารคนซื้อค่ะ เอาไปคืนได้ไหมเนี่ย จากคุณ : คุณหนูไฮโซ - [ 1 ก.ย. 47 07:43:17 ]

ความคิดเห็นที่ 122 เข้าใจว่าความเห็น ที่ 121 เป็นมุขใช่มั้ยฮะ จากคุณ : หาเช้ากินเที่ยง - [ 1 ก.ย. 47 08:25:19 A:203.121.135.53 X: TicketID:067717 ]

ความคิดเห็นที่ 123 ขอขอบคุณ คุณวิวันดา และ คุณ นกข/นคค ด้วยนะคะ กดโหวต ให้ตั้งแต่วันแรกที่เห็นเลยค่ะ แต่วันนี้มาโพสต์เลย ทนไม่ได้จริงๆ กับคนทำงาน ที่ชุ่ยได้ถึงปานนี้ จากคุณ : สามใบเถา - [ 1 ก.ย. 47 09:05:56 ]

ความคิดเห็นที่ 124 ส่งข่าวครับ เมื่อคืนอ่านอีกบท บทที่ 15 บนเรือเดินสมุทร จบด้วยความง่วง คงจะมีที่หลุดรอดหูรอดตาไปได้บ้างเพราะความง่วง แต่กระนั้นผมก็ยังนับที่ผิดเท่าที่ผมจะมีความรู้ถึง ได้ประมาณ 81 ที่ รวมกับของเก่าที่รวบรวมไว้ได้ประมาณ 960 ที่แล้ว ก็สิริรวมอายุ เอ๊ยที่ผิดได้ 1041 ที่ ทะลุหลักพันไปแล้วครับ เหลืออีก 2 บทจะจบเล่ม จากคุณ : นกข. (นิลกังขา) - [ 1 ก.ย. 47 11:26:01 ]

ความคิดเห็นที่ 125 ดิฉันชื่อ หฤทัย เหมือนกัน (แต่ไม่ใช่ มีนะพันธ์ แน่ ๆ) และทำงานการแปล เหมือนกัน พอดีไม่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้ และไม่ทราบด้วยว่าอาจารย์ท่านนี้แปลออกมา อ่านกระทู้แล้วสะดุ้งโหยง กลัวจริงจริ๊ง กลัวว่าใครเขาจะคิดว่าเป็นเราหรือเปล่าน้า................... จากคุณ : Eeyore - [ 1 ก.ย. 47 12:37:52 ]

ความคิดเห็นที่ 126 โอ้โห ใช้เวลาทำงานนั่นอ่านกระทู้จนจบค่ะ คุ้มมาก เป็นกระทู้เปิดจุด เห็นทางธรรมค่ะ ขอบคุณ คุณ Wiwanda มากค่ะที่นำมาเผยแพร่ และขอกราบที่ตักงามๆ สำหรับลูกบ้าและความรู้ของคุณ นกข. ประทับใจมากค่ะ ปกติจะอ่านหนังสือแปลเฉพาะ ภาษาจีนกับญี่ปุ่น เพราะถ้าเป็นภาษอังกฤษที่พออ่านได้ อ่านจากต้นฉบับจะได้อรรถรสและสื่อสารได้ตรงกว่า คือจากผู้เขียนถึงผู้อ่าน ได้มาอ่านกระทู้นี้แล้ว ดีใจที่ยังมีนักอ่านตัวจริงที่เข้าใจภาษา และสามารถวิจารณ์ได้อย่างละเอียด ชัดเจนค่ะ ชอบมาก จะไม่พูดถึงทาง เนชั่นและผู้แปลเพราะผลงานของเค้าก็ได้แสดงถึงภูมิปัญญาของเขาเหล่านั้นแล้ว ช่วงบ่ายนี้เลยได้อาหารสมองกลับไปจากpantip อีกแล้ว ขอบคุณทุกท่านมากค่ะ แอบติดตามคุณ wiwanda อยู่เงียบๆเสมอๆ หนังสือก็ซื้อมาอ่านนะคะ ชอบมาก ว่างๆก็ยังหยิบมาอ่านเลยค่ะ ขอให้ป้าหวานมีความสุข สุขภาพแข็งแรง และอยู่คู่ pantip ไปอีกนานๆนะคะ อ้อ คุณนิลกังขาด้วยค่ะ จากคุณ : เหม่เม๋ - [ 1 ก.ย. 47 14:48:21 A:202.183.130.212 X: TicketID:058239 ]

ความคิดเห็นที่ 127 มี บก คนหนึ่งแกละเอียดมาก ไม่เห็นมาก่อนในชีวิต แกเล่นตรวจทุกๆบรรทัด นอกนั้นแกก็เข้าเน็ตตรวจเช็คเรื่องราว ผู้แปลคนไหนมั่ว แกรู้หมด ยิ่งใครขึ้คุยแกยิ่งเพ่ง คนอ่านเลยได้กำไรไป เลยทำให้รู้ว่าคนแปลหลายคนชอบอยู่ใต้ท้องน้ำเยอะเลย จากคุณ : มด - [ 1 ก.ย. 47 17:11:44 A:203.145.28.208 X: TicketID:059131 ]

ความคิดเห็นที่ 128 หน้าปกหนังสือเล่มนี้ใช่ไหมครับ?? จากคุณ : ? (kamas) - [ 1 ก.ย. 47 17:14:19 ]

ความคิดเห็นที่ 129 ? ทำไมแนบรูปไม่ได้?? แก้ไขเมื่อ 01 ก.ย. 47 17:15:52 จากคุณ : kamas - [ 1 ก.ย. 47 17:15:00 ]

ความคิดเห็นที่ 130 ตาเถร ทะลุหลัก 1000 แล้ว คุณ นกข. จะทำพอกเก็ตบุครวมยำที่ผิดหรือเปล่าคะ (แซวเล่นๆๆๆ) จากคุณ : แดงเร็กเก้บาร์ - [ 1 ก.ย. 47 17:21:46 ]

ความคิดเห็นที่ 131 ขอติ "คู่มืออ่านคน" ของ สำนักพิมพ์ผู้จัดการ ด้วยครับ แปลได้ xxx มาก จากคุณ : กลมกลิ้ง - [ 1 ก.ย. 47 17:59:59 ]

ความคิดเห็นที่ 132 มาชวนไปดู ภาษาอังกฤษบ้าๆบอๆในห้องรวมพลนักแปลด้วยครับ http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K2978877/K2978877.html จากคุณ : นพดล - [ 1 ก.ย. 47 18:01:22 A:61.90.34.125 X: TicketID:052842 ]

ความคิดเห็นที่ 133 รายงานการตรวจสอบ จบแล้วครับ ผทกัดฟันอ่านต่อจนจบเล่มแล้ว บวกกับคำโปรยหัวเปิดเล่มกับปิดท้ายเล่ม รวมได้ 34 ที่ที่ผมเข้าใจตามความรู้ของผมว่ามันน่าจะผิด ของเดิมรวบรวมไว้ได้แล้วประมาณ 1041 แห่ง บวกยอดใหม่ ประมาณ 34 แห่ง เป็น ประมาณ 1072 แห่งครับ คิดเฉลี่ยผิดกี่แห่งต่อ 1 หน้า ใครอยากรู้ เอาจำนวน 279 หน้า หารดูเอง เหนื่อย... แต่อย่างไรก็ตาม ผมขอย้ำอีกครั้งว่า สนพ. เนชั่นบุ๊กส์เขาออกมาขอโทษต่อคนอ่านแล้วนะครับ เขายอมรับผิดแล้วในเว็บบอร์ดของเขา ตามที่คุณราเด็นหรือระเด่นกรุณาทำลิ้งก์ไว้ให้ข้างบน แล้วเขาสัญญาว่าจะแก้ไข เขาได้บอกไว้ว่าเขาจะแสดงความรับผิดชอบแล้ว ซึ่งผมพอใจระดับหนึ่ง ผมถือว่าผมได้ทำหน้าที่นักอ่านของผมแล้ว เท่าที่ผมจะทำได้ คือพลพรรคมิตรรักนักเพลงมาช่วยคุณน้าวิวันดาและผมถล่ม สนพ. เนชั่นบุ๊กส์ หนักเสียจนกระทั่งผมเองชักใจอ่อนสงสารเขาขึ้นมา ขอบคุณครับที่มาช่วยกัน เพื่อวงการนักอ่านบ้านเรา แต่เพื่อความยุติธรรมผมก็เลยต้องขอย้ำข้อเท็จจริงว่า ทาง สนพ. เขารู้ตัวแล้วครับ เขาขอโทษแล้ว ดังนั้น ขอหารือว่า เราจะหยุดซักเดี๋ยว รอดูการดำเนินการของเขา ให้โอกาส ให้เวลาเขาสักหน่อย จะดีไหมครับในขณะนี้ แล้วถ้าดูท่าทางว่าเขาจะเบี้ยว ค่อยกลับมาถล่มเขาใหม่ต่อไปด้วยกันอีกทีก็ยังได้ หรือยังไงดีครับ ขออนุญาตหารือครับผม จากคุณ : นกข. (นิลกังขา) - [ 1 ก.ย. 47 18:07:28 ]

ความคิดเห็นที่ 134 มันน่ากลัวจริงๆค่ะ จำได้ว่าเคยเกลียดแฮรี พ็อตเตอร์มากกกกกกกก ครั้งแรกที่อ่านเล่มภาษาไทย แต่พอมาอ่านเล่มภาษาอังกฤษรู้สึกว่าสนุก จากนั้นเลยไม่อ่านหนังสือแปลอีกเลย จากคุณ : จอมยุทธเจ้าน้ำตา - [ 1 ก.ย. 47 20:02:14 ]

ความคิดเห็นที่ 135 อยากอ่านคำนำ คำนิยม ที่มีคนเขียนให้หนังสือเล่มนี้ในเรื่องภาษาอังกฤษอันยอดเยี่ยมของคนแปลน่ะครับ จากคุณ : โก๋แก่ - [ 1 ก.ย. 47 21:41:23 A:68.22.193.162 X: TicketID:066281 ]

ความคิดเห็นที่ 136 เรื่องประเภทนี้มีมาตั้งแต่ยุคนิยายแปลฟูเฟื่องช่วง ๑๐-๒๐ ปีก่อนแล้วครับ ที่น่าตกใจคือส่วนใหญ่มักจะออกมาจาก สำนักพิมพ์ใหญ่ๆเสียด้วยสิ ประเภท You're supposed to.. = คุณสมมุติว่า.., shotgun = ปืนสั้น, hang on = แขวนไว้, ฯลฯ อีกพวกนึงคือพวกที่แปลคำสบถให้ออกมาเป็นคำหยาบๆ คงคิดว่าจะทำให้คนอ่านเข้าใจว่าตัวเอง "แตก" ภาษาที่กำลังแปลอยู่ ผมว่าคนพวกนี้ละเป็นคนที่ทำให้วงการหนังสือแปลซบเซาลงอย่างที่เป็นทุกวันนี้ อ่านกระทู้นี้แล้วคิดต่อไปว่าคนแปลหนังสือเล่มนี้ จริงๆแล้วเป็นนักเศรษฐศาสตร์หรือเป็นคนที่พยายามทำให้คนอื่นคิดว่า ตัวเองเป็น อย่างที่หลอกว่าเป็นนักแปลอยู่ตอนนี้ ขอบคุณคุณนิลกังขากับคุณวิวันดาที่เอาเรื่องนี้มาเล่าให้ฟัง ขอชมเชยคุณนิลกังขาที่ใช้ภาษาไทยได้เยี่ยมมาก แล้วก็แทบจะไม่มี ที่ผิดเลย ลูกต่างด้าวอย่างผมได้อ่านแล้วชื่นใจครับ แก้ไขเมื่อ 03 ก.ย. 47 11:48:21 แก้ไขเมื่อ 03 ก.ย. 47 11:41:39 จากคุณ : ha ha yee - [ 1 ก.ย. 47 22:27:45 ]

ความคิดเห็นที่ 137 Let's try this one on for size, folks. Rs 500 notes get the high five from users "When it comes to spending cash, Indian consumers prefer to give the high 5. Five hundred notes, or Gandhis as the local bhais refer to them, became the most frequently used currency notes in India last year toppling the 100-rupee note from its pedestal." เห็นกระทู้นี้แล้ว พอดีตัวเองอยู่ต่างประเทศ อ่านหนังสือพิมพ์เขาเจอบทความนี้นั่งใบ้เพราะอ่านไม่รู้เรื่องชัดเจน เดาน่ะเดาได้แต่ให้แปลก็คงแปลตกๆขาดๆเกินๆ เป็นเครื่องเตือนใจว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้าครับ ได้จากหนังสือพิมพ์ The Times of India ครับ จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 1 ก.ย. 47 22:53:27 ]

ความคิดเห็นที่ 138 เศร้า.... ไม่ไหวเลยจริงๆมาตรฐานการแปลไทย สำนักพิมพ์ไทย media ไทย... เห็นแล้วทำให้อดคิดไปไม่ได้ว่าพวกคนเหล่านี้เป็นพวกที่มีอำนาจสื่ออยู่ในมือ คอยเผยแพร่ความรู้ ข่าวสาร ให้สาธารณชนประชาชนคนไทย (รวมถึงเยาวชนที่จะเป็นอนาคตของชาติต่อไปด้วย) แล้วถ้าบุคคลเหล่านี้ไม่มีความรับผิดชอบไม่มีจรรยาบรรณในการประกอบอาชีพของตน อนาคต ของบ้านเราคงเป็น อนางอแน่ๆ จริงๆแล้วหนังสือแปลบ้านเราชุ่ยๆก็คงไม่ได้มีแค่เล่มนี้เล่มเดียว แต่รู้สึกว่าเล่มนี้ทั้งแปลได้แย่ แต่ยังมีหน้าออกมานั่งหลับหูหลับตาโปรโมทว่าดีเยี่ยมอย่างนั้นอย่างด้วยนี่ แบบนี้สมควรให้ผู้บริโภคอย่างเราๆโมโห มักง่ายเล่นเอาเปรียบกันง่ายๆแบบนี้เลยเนี่ยนะ สมควรยกย่องให้เป็นหนังสือตัวอย่างการแปลอันโหลยโท่ยในคลาสวิชาแปลอย่างบาง คคห ว่า เป็นอย่างยิ่ง อ่านกระทู้นี้แล้วรู้สึกดีใจและขอบคุณ ที่ยังมีคนอย่างคุณนิลกังขา คุณวิวันดา ที่หยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาให้พวกเราอีกหลายๆคนได้อ่านกัน แก้ไขเมื่อ 01 ก.ย. 47 23:02:45 จากคุณ : ดาวเหนือ (Nordstjernen) - [ 1 ก.ย. 47 23:01:50 ]

ความคิดเห็นที่ 139 เวรกรรม!!!! จากคุณ : ...เกียร์... (...เกียร์... [Kear]) - [ 1 ก.ย. 47 23:18:46 ]

ความคิดเห็นที่ 140 จบเมืองนอกเมืองนาใช่ว่าจะแปลได้ดี การแปลไม่ใช่ว่าใครรู้ภาษาไหนภาษาหนึ่งแล้วจะสามารถแปลออกมาได้ถูกต้องสละสลวย อย่างแฮรี่ พอตเตอร์เล่ม 3 เงี้ยะ "อย่ายื่นจมูก..." (ขออภัยอ่านผ่านๆ เพราะไม่ได้อ่านฉบับแปล) แปลมาได้ไง ไม่ถอดความมาเป็นสำนวนไทย แปลว่าอย่ามายุ่งเรื่องของฉัน ซะก็หมดเรื่อง ตอนเรียนมหาวิทยาลัย เรียนแปลมา 3 คอร์ส อาจารย์สั่งนักสั่งหนา "ถ้าเธอไม่มีความรู้ในเรื่องนั้นๆ อย่าได้เผลอไปแปล" เพราะผลงานมันจะออกมาแบบว่ารับไม่ได้ แล้วตอนเราเรียนแปล เปิดดิคฯกันครั้งละ 5 เล่ม (ไทย-ไทย, อังกฤษ - อังกฤษ, อังกฤษ-ไทย, ไทย-อังกฤษ และ thesaurus) ต่อการแปลไม่กี่ประโยค เฮ่อไม่ได้ว่าจะมาอวดตัวเอง เพราะเราก็ไม่ได้แปลได้ดีเด่นอะไร แค่พอแปลได้ หนังสือแปลหลายๆเล่มเราไปลองพลิกๆดู เห็นสำนวนแปร่งๆเสียส่วนมาก..อ่านแล้วงง เราก็เลยไม่เคยซื้อฉบับแปลมาอ่าน คงจะซื้อมาบางเล่ม ที่ไม่ได้มีต้นฉบับเป็นภาษาอังกฤษ แต่ก็ยังพอจับได้อยู่ดีว่าเค้าไม่ได้แปลภาษาไทยให้เป็นภาษาไทย แล้วแบบนี้มาเรียกตัวเองว่านักแปลได้เยี่ยงไร คำยกย่องเทิดทูนบนหนังสือน่ะ เพื่อการค้าหรือเปล่า จากคุณ : padme' amidala - [ 1 ก.ย. 47 23:42:08 ]

ความคิดเห็นที่ 141 Rs 500 notes get the high five from users "When it comes to spending cash, Indian consumers prefer to give the high 5. Five hundred notes, or Gandhis as the local bhais refer to them, became the most frequently used currency notes in India last year toppling the 100-rupee note from its pedestal." ธนบัตร 500 รูปี เป็นที่นิยมมากที่สุด เมื่อพูดถึงการใช้เงินสดจับจ่ายซื้อของ คนอินเดียนิยมที่จะใช้ธนบัตร 500 รูปีหรือ ที่คนท้องถิ่นเรียกว่า ธนบัตร ‘คานธี’ มากที่สุดในอินเดียปีที่แล้ว ล้มแชมป์ ธนบัตร 100 รูปีจากบัลลังก์ แก้ไขเมื่อ 02 ก.ย. 47 00:13:29 จากคุณ : K.Senior - [ 2 ก.ย. 47 00:11:41 ]

ความคิดเห็นที่ 142 ไม่ใช่ว่าเหล่าบรรดาชาวพันทิบส์เข้ามาถล่มหรอกค่ะ.. คิดว่าทุกคนเกิด"ภาวะขาดแคลน" หรือ อาการช๊อค (ตามแบบในหนังสือแปลมรณะเล่มนี้) เพราะในภาวะของเมืองไทยที่กำลังตื่นตัว ใช้ภาษาอังกฤษกันอย่างแพร่หลายเช่นในทุกวันนี้ ที่มีโรงเรียนอินเตอร์เปิดขึ้นในทุกหัวระแหง.. ป้ายภาษาไทยยังต้องมีภาษาอังกฤษกำกับ แม้แต่ป้ายชื่อถนน ซอยเล็กซอยน้อย การพูดจาสื่อสารก็มักหนีไม่พ้นที่จะต้องฟังไปแปลไป ไม่เชื่อไปฟังท่านนายกพูดซิคะ.. แล้วหนังสือเล่มนี้ เป็นแนววิชาการทางด้านเศรษฐศาสตร์ สืบสวนฆาตรกรรม ที่ออกจะพิเศษกว่าหนังสือแปลธรรมดา คนแปลก็ออกมีดีกรีเป็นถึงอาจารย์ ที่มีผู้สนับสนุนว่าเก่งเลอเลิศ ทุกอย่างออกดูดี เรียกว่า สินค้านี้เกรดเอ.. แต่..ที่มันแย่ถึงขนาดคุณนิลกังขาต้องลุกขึ้นมาเรียกหา ต้นฉบับมาอ่านเปรียบเทียบนั้น เพราะว่า.. ภาษาไทย..เนื้อความในหนังสือนั้นมันแย่เสียจนที่คุณนกข ต้องพยายามย้อนคิดไปว่าในภาษาอังกฤษควรจะเป็นเช่นไร แต่คิดยังไงก็คิดไม่ออก เนื้อเรื่องสะดุดตะกุกตะกัก เช่น..ประโยค ผมเสียใจเร๊อะ?(I'm sorry?) ทะลุกลางปล้องขึ้นมา ไม่มีปี่มีขลุ่ย หรือไม่มีมนุษย์ที่ไหนกลืนกินลูกเชอร์รี่ แล้วเอาแก้ววางกลับไปลงบนถาด (แก้วมาจากไหน ฉะนั้นคนอ่านก็ต้องจินตนาการเอาเองว่า เขาเอาลูกเชอร์รี่ใส่ในแก้ว..โอยย) นี่คือ..สาเหตุที่คุณนกข ทราบได้ทันทีว่าการแปลนี้ ผิดพลาดอย่างไม่น่าเชื่อ เข้าข่ายขาดสามัญสำนึกเลยทีเดียว.. แสดงถึงว่า..ภาษาไทยก็อ่อน ภาษาอังกฤษก็แย่ หนังสืออ่านภาษาอังกฤษนั้น จริงอย่างที่คุณ tansy ว่าไว้ คือผู้เขียนมักมีการเล่นสำนวนมากมาย รวมทั้วลีแปลกๆซึ่งในบางครั้งต้องไปค้นที่มาที่ไปของคำคำเดียว กว่าจะเข้าใจ แต่มันก็ท้าทายดีว่า จะตรงกันกับที่เราคิดไหม? ถ้ามันยากเช่นนั้น เราก็คงพอจะเข้าใจและให้อภัยได้ แต่นี่ยกมานี่ มันเป็นการผิดพลาดของภาษาอังกฤษพื้นๆ ที่คนเราใช้อยู่ในชีวิตประจำวันด้วยซ้ำ และ ยิ่งมากขึ้น มากขึ้น ในทุกๆบท.. ทีนี้.. fear swept the Pantip community น่ะค่ะ จนทุกคนกลัวจนไม่กล้าไปเก็บกวาด..เอ๊ยไม่ใช่..กลัวจะเจองาน สุกเอาเผากินอย่างนี้อีก.. เพราะการอ่านหนังสือแปลกำลังเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวางนั้น คือ ได้รู้อะไรแปลกๆใหม่ๆของชาวตะวันตก ในราคาที่พอจะซื้อหาได้ และสะดวกต่อสมอง แล้วดันออกมาแบบ โอละพ่อ เช่นนี้.. มันก็ต้องเกิดอาการ"ภาวะขาดแคลน" เป็นของธรรมดาละ จริงไหมคะ? จากคุณ : WIWANDA - [ 2 ก.ย. 47 00:27:05 ]

ความคิดเห็นที่ 143 จริงค่ะ คน "civic class" อย่างเราๆ อ่านแล้วรู้สึกเกิดอาการ "ภาวะขาดแคลน" (shock) ขึ้นมาอย่างเฉียบพลัน เดี๋ยวต้องไปหาลูก "เชอร์รี่" มากินสักแก้วนึง ต่อด้วยเครื่องดื่มสีสันสดใสอย่าง "ออร์เดิร์ฟ" ซัก 2-3 แก้ว กินเสร็จก็คงถึงเวลา "ปัดฝุ่น" (dusk) พอดี 555 ภาษาอังกฤษเวอร์ชั่นใหม่ค่ะ หนูช๊อบชอบ จากคุณ : Cinx - [ 2 ก.ย. 47 00:58:33 ]

ความคิดเห็นที่ 144 ขำคุณ Cinx จัง.. มีต่อจากคุณนกข.ค่ะ.. ก่อนปิดตำนานมหากาพย์งานแปลมรณะ ผมขอเอาแต่คำโปรยหัวเปิดเล่ม กับโปรยท้ายปิดเล่ม มาให้อ่านเป็นการปิดฉากนะครับ แค่ตรงนั้นคนแปลเธอยังแปลผิดได้เลย ขึ้นต้นมา ยังไม่ได้เข้่าเรื่องนิยายเลยก็มีคำโปรยหัวตามธรรมเนียมหนังสือฝรั่ง กันการถูกฟ้องร้องว่า The Fatal Equilibrium is fiction and all the characters and adventure imginary. Any resemblance to actual persons, living or dead, is purely coincidental. ตรงนี้ ผมก็ไม่ค่อยเคยเห็นใครเขาแปลกัน แต่เล่มนี้เขาแปล เอ้า แปลก็แปล เขาว่า "นวนิยายเรื่อง ดุลยภาพมรณะ เป็นเรื่องแต่ง บุคลิกลักษณะของตัวละครทั้งหมดตลอดจนรูปแบบการผจญภัยต่างๆ ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องจินตนาการทั้งสิ้น ความเหมือนหรือคล้ายคลึงใดที่ไปตรงกับบุคคล ชีวิตความเป็นอยู่ หรือแม้กระทั่งการตายที่เป็นเรื่องจริง ถือว่าเป็นเหตุบังเอิญโดยแท้" ผมมีข้อสังเกตว่า แปลคำว่า characters สองหน (คือแปลว่าทั้งบุคลิก และแปลว่าตัวละครด้วย ทั้งๆ ในต้นฉบับมันมีคำเดียว) แต่อันนั้นก็ช่างเถิด ที่แย่กว่าคือ living or dead ซึ่งเป็นส่วนขยายของ actual persons นั้นดูเหมือนคนแปลจะไม่เข้าใจ part of speech จึงแปลเป็นนามวลี แทนที่จะแปลเป็นส่วนขยาย ถ้าผมแปล ผมจะแปลว่าความเหมือนหรือคล้ายคลึงใดที่ไปตรงกับบุคคลจริง ทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่และที่ตายไปแล้ว .... คำปิดเล่ม เขียนว่า NOTICE : The QE2 really is a passenger ship - and long may she sail. But the events in this book depicted as occurring on board that last of the great liners never happened. Moreover, no one should think that any of the faculty or administration of Harvard University have ever been involved in events such as the ones herein described. All are creations of the imgination. ฉบับไทยแปลไว้ว่า "แท้จริงแล้ว QE2 เป็นเรือโดยสารลำหนึ่ง และใช้งานมานาน ทว่าเหตุการณ์ต่างๆ ที่ในหนังสือเล่มนี้ได้พรรณนาไว้นั้น ไม่เคยเกิดขึ้นจริงแต่ประการใด ยิ่งกว่านั้น ไม่ควรจะมีใครคิดว่าคณะต่างๆ หรือการบริหารจัดการของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เคยเกิดเหตุการณ์เช่นที่เขียนพรรณนาไว้ในที่นี้ เรื่องราวทั้งหมดได้สร้างสรรค์ขึ้นตามจินตนาการของผู้ประพันธ์เท่านั้น" ผมตั้งข้อสังเกตว่า Long may she sail. นั้น คล้ายๆ คำแสดงความหวังดี หรือคำอวยพร (ต่อเรือ QE2 ขอให้อยู่ยงและท่องสมุทรต่อไปอีกนานๆ อย่าเพิ่งปลดระวางหรืออับปางเสีย) ทำนอง Long live the King. Long may He reign. อันแปลว่า ทรงพระเจริญ ขอให้ทรงเสด็จสถิตเป็นองค์ประมุขปกครองแผ่นดินไปอีกนานๆ Faculty คนแปลรักษาความไม่รู้ได้คงเส้นคงวามาก จนหน้าสุดท้ายก็ยังไม่ยอมรู้อยู่ดีว่าในที่นี้แปลว่าคณาจารย์ คณะอาจารย์ ไม่ใช่คณะหรือแผนกวิชา เมื่อคำแรกแปลว่าคณาจารย์ คำที่สองคือ Administration ก็ต้องแปลว่า ฝ่ายบริหารของมหาลัย หรือบุคคลในคณะอาจารย์กับบุคคลในคณะผู้บริหาร ไม่ใช่ "คณะ" กับ "การบริหารจัดการ" คณะเป็นตึกเรียนครับไม่ใช่คน การบริหารจัดการก็เป็นนามธรรมไม่ใช่คน ตึกเรียนและโครงสร้างการบริหารที่รวมกันขึ้นเป็นคณะวิชา กับการบริหารจัดการมหาวิทยาลัย ฆ่าใครไม่ได้ครับ เห็นทีจะจบ ปิดตำนานได้เสียทีละมั้ง?? จากคุณ : WIWANDA - [ 2 ก.ย. 47 01:22:08 ]

ความคิดเห็นที่ 145 เห็นหัวข้อกระทู้แล้วก็สะดุ้ง เดาเอาว่าคงเป็นเรื่องไม่ค่อยดีแน่ ก็เลยข้ามไปไม่คิดอ่านแต่แรก วันนี้หากระทู้น่าสนไม่ค่อยมีก็เลยลองแวะเข้ามาอ่านดู ก็เป็นจริงอย่างที่คาด อ่านแล้วมีความรู้สึกว่า 1.คุณนิลกังขาแตกฉานทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ 2.คุณนิลกังขามีความอดทนมาก ที่อุตส่าห์นั่งอ่านแล้วจับผิดจนจะหมดเล่ม 3. ผมคิดว่าอาจารย์ที่แปลคงไม่มีเจตนาจะสุกเอาเผากินหรอกครับ ภาษาอังกฤษของท่านถ้าเทียบกับคนไทยทั่วไปก็คง above average เพียงแต่ยังไม่แตกฉานพอเหมือนคุณนิลกังขา ท่านก็คงจะรู้ตัวคราวนี้แน่ๆ 4. ผมว่าความพลาดพลั้งของท่านก็ถูกว่า หัวเราะ ทับถม อย่างแสนสาหัสแล้ว คนเราน่าจะให้อภัยกันบ้าง คนล้มแล้วอย่าข้ามเลยครับ ผมอ่านคำวิจารณ์แล้วก็รู้สึกสงสารท่านแทน ความรู้เท่าไม่ถึงการของท่านก็ไม่ถึงกับทำให้เป็นเรื่องคอขาดบาดตายกับผู้อ่าน 5. บริษัทพิมพ์ผลิตเขาก็ยอมรับผิดแล้ว และจะแก้ไขต่อไป ถ้าจะให้ดีก็น่าจะยอมรับคืนด้วย การแปลหนังสือเป็นเรื่องยากมากๆ เพราะคนแปลที่ดีจะต้องเก่งทั้งภาษาอย่างแตกฉานและเป็นนักเขียนที่ดีด้วย ซึ่งก็คงหายากเหมือนกัน 6. บางคนค่อนข้างจะรุนแรงไปหน่อย ถึงขนาดจะแจ้งไปทางบริษัทต้นฉบับ ผมว่าถึงไม่แจ้งเขาก็คงรู้เข้าสักวันหรอกครับ จากคุณ : Benz (BenzSiam) - [ 2 ก.ย. 47 09:11:23 ]

ความคิดเห็นที่ 146 คุณความคิดเห็นที่ 145 **ผมคิดว่าอาจารย์ที่แปลคงไม่มีเจตนาจะสุกเอาเผากินหรอกครับ ภาษาอังกฤษของท่านถ้าเทียบกับคนไทยทั่วไปก็คง above average เพียงแต่ยังไม่แตกฉานพอเหมือนคุณนิลกังขา... ขอค้านว่า มันเป็นการสุกเอาเผากิน และชุ่ยอย่างสุดๆแล้ว เพราะที่คุณนิลกังขายกมานั้นเป็นเพียงแค่ประโยคง่ายๆ ... แล้วก็คนแปลไม่ได้above average กว่าคนไทยทั่วไปแน่ๆ เพราะเราเองลองแปลประโยคต่างๆที่ คุณนิลกังขายกมา เราก็แปลผิดเหมือนคนแปลหลายที่ แต่เราขอบอกว่าตัวเรานั้นถือว่าต่ำกว่าเกณฑ์ เพราะสอบตกวิชาภาษาอังกฤษตั้งแต่อยู่ม.ต้นจนถึงมหาลัย ถ้าอย่างนั้นคนแปลก็คงอยู่เกณฑ์เดียวกับเรา??? ควรจะมีการเชือดไก่ให้ลิงดู เพื่อวงการแปลจะได้ตื่นตัว ไม่เอาเปรียบผู้ปริโภค การแจ้งไปทางบริษัทต้นฉบับ จึงเป็นสิ่งที่ควรทำ และผู้ที่ควรถูกตำนิที่สุดก็คือ คนในกองบกทั้งหลาย แค่คำวิจารณ์ในบอร์ดคงไม่ทำให้ วงการเลี่ยนแปลง ปล. ฆาตกรคงเป็นคนรักความสะอาดนะ ฆ่าแล้วมีการปัดกวาดเช็ดถูให้ด้วย ซึ่งถ้าเช่นนั้นแม่บ้านก็ไม่น่าหวาดกลัวที่จะไปทำความสะอาดบ้านเรือน เพราะฆาตกรเขาทำให้หมดแล้ว จากคุณ : ผายลมใต้เงาจันทร์ - [ 2 ก.ย. 47 09:59:41 A:210.50.171.6 X: TicketID:030862 ]

ความคิดเห็นที่ 147 ผมขอแย้งคุณ BenzSiam นิดนึงครับ ข้อ 3 แค่มีความรู้ภาษาอังกฤษ above average ไม่สามารถมาทำงานแปลหนังสือขายได้หรอกนะครับ เมื่อเทียบฐานเฉลี่ยที่ไม่สูงนัก คนจะมาแปลหนังสือขายคงจำเป็นต้องมีความรู้ภาษาอังกฤษและไทยในขั้นที่เขียนอ่านได้ไม่อายใครครับ ความผิดพลาดในหนังสือเล่มนี้ เด็กมัธยมยังแปลได้ดีกว่าเลยครับ 4. เมื่อกล้าผลิตงานคุณภาพต่ำออกมา ก็ควรที่จะกล้ายอมรับคำวิจารณ์ครับ เพราได้รับการสรรเสริญผ่านโฆษณาทีวีไปแล้วทั้งๆที่ด้อยคุณภาพมาก ถ้าไม่โดนวิจารณ์ตรงๆบ้าง แกก็คงไม่ยอมรู้ตัว เพราะถ้ารู้ตัวแล้ว ก็คงเลิกทำงานแปลเป็นแน่ 6. อยากให้สำนักพิมพ์ในต่างประเทศได้รับรู้เหมือนกันครับ จะได้ช่วยควบคุมคุณภาพให้มากกว่านี้ จากคุณ : Octo - [ 2 ก.ย. 47 10:02:22 ]

ความคิดเห็นที่ 149 #ความเห็น 145 ความรู้ภาษาอังกฤษ "Above Average" ที่คุณพูดถึงนั้น น่าตกใจมากเพราะจากหลักฐานการแปลผิดพลาดที่เกิดขึ้น ศัพท์บางศัพท์ประโยคบางประโยค ลองให้เด็กนักเรียนเตรียมอุดม เอกศิลป์ ภาษามาแปล น่าจะยังแปลได้ถูกต้องกว่าซะอีก ดิฉันคิดว่าคนที่นี่ไม่ได้ทำเกินไปเลยจริง เพราะหนังสือเล่มนี้ เป็นหนังสือที่ใช้อ่านนอกเวลาสำหรับนักเรียนเศรษฐศาสตร์ ถ้าเราที่เป็นผู้บริโภคยังนิ่งเฉยๆ ปล่อยให้งานสั่วๆ อย่างนี้ออกสู่ท้องตลาด ผลกระทบย่อมเกิดขึ้นโดยตรงต่อเรา รวมถึงลูกหลานเราด้วย การวิจารณ์ของแต่ละท่าน ก็เป็นไปโดยสุภาพ แม้บางครั้ง (หลายครั้ง) จะปนสมเพชไปบ้างก็เพราะมันเหลือจะรับจริงๆ จากคุณ : ทนอ่านเงียบๆไม่ไหว - [ 2 ก.ย. 47 10:32:52 A:202.183.135.177 X: TicketID:058239 ]

ความคิดเห็นที่ 150 อ่านแล้วเศร้าใจและรู้สึกเสียดายเงิน ยังไม่ได้อ่านเล่มสองค่ะ แต่ซื้อเล่มแรกมาอ่าน ไม่สนุกเอาเสียเลย ขนาดเอาไปบอกกับใครๆ ว่าไม่ควรซื้อเป็นอย่างยิ่ง ยังนึกประหลาดใจว่าทำไมต่างประเทศถึงชื่นชม อยากได้ต้นฉบับภาษาอังกฤษมาเทียบบ้างจัง สังหรณ์ใจว่าต้องเลวร้ายไม่แพ้กันแน่ๆ จากคุณ : scottie - [ 2 ก.ย. 47 10:56:41 ]

ความคิดเห็นที่ 151 ถึงคุณคนเก่าคนแก่ค่ะ ทำไมฉันจะจำคุณไม่ได้..แต่ขอแก้ให้เข้าใจนิดนึงนะคะ คุณนิลกังขาได้ติดต่อไปยังอาจารย์ผู้แปล และสำนักพิมพ์ก่อนหน้านี้แล้วค่ะ (ข้อความข้างบนก็ได้เล่าไว้แล้ว) แต่ไม่มีใครติดต่อกลับมาแม้แต่คนเดียว.. นี่คือสาเหตุ..และ ฉันก็ไม่ได้ซ้ำเติมหรือแสดงอาการมากกว่าเท่าที่เห็น ทั้งๆที่ ยังเกรงใจไม่ได้นำคำแปลผิดๆที่ยังมีอีกหลายแห่ง ดังที่คุณนกข.ได้เขียนไว้ในเว๊บส่วนตัว เพราะยังสงสารอาจารย์คนแปลอยู่.. สิ่งที่เราต้องการเห็น นั่นคือ ให้อาจารย์คนแปลออกมาสารภาพตามตรงว่า ไม่ได้แปลเอง..ส่งงานให้ลูกศิษย์ทำ และไม่มีเวลาตรวจ แค่นั้นละค่ะ.. ถึงจะถือว่าเป็นการยอมรับผิดอย่างสมศักดิ์ศรี เพื่อว่า คนอื่นๆในวงการแปลที่กำลังใช้วิธีนี้อยู่ก็จะได้เลิกซะ.. หันมาทำงานที่มีคุณภาพ ดีกว่าหลอกชาวบ้านกินไปวันนึง วันนึง ใช่ไหมคะ? หรือ..คุณสนับสนุนผู้ที่ชอบหากินแบบนี้..?? ........................................................... ข้างล่างนี้..เอาข้อความมาจากความเห็นหนึ่งในเวบบอร์ดเนชั่นบุ๊ค ความคิดเห็นที่ 25 "เนชั่นบุ๊คส์ จะทำการตรวจสอบจุดบกพร่องของการแปลโดยด่วนและจะทำการแก้ไขเนื้อหาที่ผิดพลาดและจัดหาวิธีการเปลี่ยนฉบับที่แก้ไขแล้วไปยังผู้ที่ซื้อไปแล้ว." (2 ก.ย. 47) จนกระทั่งวันนี้ ผมเข้าไปใน section ขายหนังสือของ Nation http://www.nationbook.com/product_detail.asp?product_id=NP-129 ก็ยังมีหนังสือให้หยิบใส่ตะกร้าอยู่เลย คำยกย่องชื่นชมก็ยังอยู่พร้อม หรือเป็นเล่มที่แก้ไขข้อบกพร่องหนึ่งพันกว่าแห่งที่มีผู้ท้วงติงมาเรียบร้อยแล้ว จากคุณ : มะพร้าว [ เมื่อ: 02 ก.ย. 2004 เวลา 08:32] IP Logged จากคุณ : WIWANDA - [ 2 ก.ย. 47 11:36:38 ]

ความคิดเห็นที่ 152 ไม่เกินกว่าเหตุหรอกค่ะคุณ Benz ดิชั้นว่าไม่แปลกอะไรที่คนเข้าโพสท์ตามหัวข้อกระทู้แล้วอารมณ์จะยิ่งแรงตามลำดับ nations ไม่ได้เอาหนังสือมาแจกให้อ่านฟรีๆ น่ะค่ะ ถึงจะยอมหยวนๆ กันไป ราคาของหนังสือเล่มนึงสำหรับน้องนักเรียน นักศึกษาไม่ใช่เงินจำนวนน้อยๆ การ promote มันไม่ผิดเลย เพราะก็ยอมรับได้ว่า วงการหนังสือ หรือการศึกษา ตอนนี้มันก็เป็นเรื่อง marketing หรือ ธุรกิจไปหมด แต่การทำงานคุณภาพต่ำกว่าเกณท์ออกมา แต่โฆษณาตามสื่อต่างๆ โดยมิได้ตรวจสอบคุณภาพก่อน ถามว่าแบบนี้เอาเปรียบผู้บริโภคหรือเปล่า มันอาจจะไม่เห็นภาพชัดเท่ากับการที่ผู้ผลิตเอาของหมดอายุออกมาขาย แต่การเอาเปรียบผู้บริโภคทั้งทางปัญญาและราคาแบบนี้ ดิฉันว่าไม่ต่างกันเลย ดิฉันสนับสนุนให้มีการเรียกร้องค่ะ ถึงจะรุนแรงไปบ้าง แต่ดิฉันเชื่อว่า กระทุ้งเบาๆ ไม่มีใครสนใจหรอกค่ะ บางครั้งเราก็ต้องตีศอก ลงเข่าไปบ้าง พวกนายทุน หรือผู้ผลิตรายใหญ่ๆ จะได้ให้มาสนใจผู้ซื้อตาดำๆ อย่างเราบ้าง จากคุณ : นู๋ปิ๋มมี่ - [ 2 ก.ย. 47 13:57:08 ]

ความคิดเห็นที่ 153 อุ๊ยโหย โชคดีจังที่บอกอเราเคี่ยวมาก บอกอข้าพเจ้าจะให้แปลให้ดูก่อน 3-5 หน้า แล้วถึงจะบอกว่าให้แปลหรือไม่ให้แปล เขาบอกว่าเคยเจอกรณีหลุดแบบนี้มาแล้ว (ไม่ใช่เขาที่หลุด) เลยเข็ด ทีแรกข้าพเจ้าก็สงสัยเหมือนกันว่าทำไมต้องแปลให้ดูทุกเล่มเพราะได้ยินมาว่าถ้านักแปลคนไหนแปลงานผ่านหนึ่งชิ้นแล้ว งานต่อไปจะไม่ต้องทดสอบ บอกอให้เหตุผลว่านักแปลแปลหนังสือวรรณกรรมได้ ไม่ได้หมายความว่าจะแปลหนังสือแนวบริหารได้ หรือแปลบริหารได้ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะแปลเรื่องแนวสืบสวนฆาตกรรมได้ ขนาดวรรณกรรมเองยังมีตั้งหลายแนว แปลวรรณกรรมเยาวชนได้ก็อาจจะไม่ได้หมายความว่าแปลวรรณกรรมที่เป็นเรื่องของคนสูงอายุได้ รู้สึกว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกของเนชั่นนะ จากคุณ : แน้ท (ณัฎฐินี) - [ 2 ก.ย. 47 15:01:34 ]

ความคิดเห็นที่ 154 มาจากคลับนักสืบค่ะ มีคนกรุณาไปทำ link ไว้ บังเอิญได้ หลงซื้อเล่มแรกมาแล้ว ไม่ได้ลองเทียบกับภาษาอังกฤษค่ะ แต่เท่าที่อ่านดูก็รู้สึก ธรรมดานะคะ ... แต่พออีกเล่มออกมาก็ไม่อยากซื้ออีก หึ หึ ทั้งๆที่เป็นหนังสือในแนวที่ชอบมากๆ ชอบกระทู้นี้มาก และหวังแต่ว่าทางผู้แปล หรือทางสำนักพิมพ์ จะรับผิดชอบมากกว่านี้บ้าง อย่างน้อยก็น่าจะคำนึงถึงเยาวชนที่ มีโอกาส แค่อ่านฉบับแปล และไม่เล่นเน็ท ... คนเหล่านี้จะทราบใหมคะว่า หนังสือเล่มนี้มีความผิดพลาดอย่างไรบ้าง และคิดว่า มันอาจจะไม่ใช่เล่มนี้เล่มเดียวซะด้วย จากคุณ : Jekyll - [ 2 ก.ย. 47 15:27:44 ]

ความคิดเห็นที่ 155 ใจเย็นๆ ครับใจเย็นๆ ท่านทั้งหลาย มีคนขึ้นมาแสดงความสงสัยผม ที่เห็นขณะนี้ 2 ท่าน คุณBenz กับคุณ "คนเก่าคนแก่" ซึ่งผมไม่ว่า ผมเคารพสิทธิในการแสดงความคิดเห็นของท่าน และถือว่า เมื่อผมโดดเข้ามาร่วมวงเล่นสงกรานต์แล้วก็ไม่ต้องกลัวเปียก อยู่ใต้ฟ้า กลัวอะไรกับฝน แต่ขอชี้แจงอีกทีดังนี้ (ที่จริงถ้าอ่าน คห. ของผมมาจริงๆ ก็น่าจะเห็นอยู่แล้วนะ) 1. ข้อเท็จจริงคือ งานชิ้นนี้คุณภาพต่ำมาก เห็นอยู่ชัดๆ (พูดไปก็เหมือนพูดซ้ำซาก แต่ขนาดพูดมาเยอะแล้วอย่างนี้ก็ดูราวกับว่าคุณทั้ง 2 ยังไม่เข้าใจ) ผมไม่ได้เป็นคนที่เก่งภาษาอังกฤษที่สุดในเมืองไทย แต่ภูมิรู้เพียงเท่าผมก็ยังจับผิดได้ พันกว่าที่ในหนังสือ 279 หน้า่ และในบางที่ในพันแห่งนั้น ผิดชนิดน่าสงสารทีเดียว เพราะเป็นภาษาอังกฤษอย่างธรรมดาที่คนระดับอาจารย์ไม่น่าเข้าใจผิด ไม่ใช่ผิดในภาษาอังกฤษที่ยากหรือเป็นเรื่องเฉพาะทางเลย นี่เป็นข้อเท็จจริงข้อที่ 1 2. ข้อเท็จจริงที่ 2 หนังสือที่ว่านี้ขาย ไม่ได้แจก เอาสตางค์ผมไป 185 บาท และมีคำนิยมจากอาจารย์ที่ผมเคยศรัทธา พูดชมเชยเรื่องนี้แถมยังชมภาษาอังกฤษของคนแปลเสียด้วยแน่ะ นอกจากนั้นคนแปลก็ไปออกทีวี ช่องเนชั่นทีวี รายการนั้นก็ชมเชยหนังสือนี้ (ที่พิมพ์ในเครือเนชั่น) อีก (ต่อมา ผมได้ทราบภายหลังว่ารายการแนะนำหนังสือรายการนั้น เนชั่นทีวีให้่เวลาไปแก่ซีเอ็ดฯ แล้ว ดังนั้นซีเอ็ดฯ เป็นคนชมหนังสือในเนชั่นทีวี ไม่ใช่เนชั่นชมของเนชั่นเอง เขาชี้แจงมายังงี้ผมก็รับทราบครับ) นี่เป็นข้อเท็จจริงที่ 2 ต่อไปเป็นข้อคิดเห็นที่อาจปนความรู้สึกบ้าง 1. ข้อเท็จจริงในข้อ 2 ว่ามีการชมเชยกันเหลือเกิน รวมทั้งมาตรฐานที่ผมให้กับเครือเนชั่นซึ่งมี นสพ. ภาษาอังกฤษอยู่ด้วย ทำให้ผมคาดหวังสูงพอสมควร แต่พอชนกับข้อเท็จจริงที่ 1 ว่าแท้จริงมันแย่สุดทน ผมรับไม่ได้ครับ แล้วก็ดูจำนวนกับดูความออกทะเลของคำแปลก้ได้ ว่ามันเป็นความผิดพลาดตามธรรมดาที่เราควรหยวนๆ ให้หรือเปล่า ใช่ละ การทำงานมันก็มีผิดพลาดบ้าง แต่เล่มนี้มันไม่ใช่ผิดห้าที่สิบที่ และที่ผิดบางที่ก็ไม่ใช่ผิดที่ยากๆ มีอย่างน้อย 1 ที่ที่ผิดในภูมิรู้ภาษาอังกฤษขั้นประถม คุณคนอ่านทั้งสองอาจรับได้ ผมรับไม่ได้ครับ 2. ผมเห็นว่า - ฟังให้ดีนะครับคุณคนเก่าคนแก่ - สิ่งที่ประจานอาจารย์หฤทัยและ สนพ. นั้น คืองานของเธอเองที่ปรากฏเปิดเผยต่อหน้าสาธารณชนเอง คุณภาพของงานนั้นเองเป็นสิ่งที่น่าละอาย ผมไม่ได้เป็นคนไปเขียนคำแปลที่ผิดมากมายมโหฬาร ซึ่งบางที่ก็น่าหัวเราะ ใส่ให้หนังสือของเธอ เธอเขียนของเธอเอง บก. รับรองการแปลเอง สนพ. รับลูกมาโฆษณาเอง อ. วรากรณ์เขียนคำนิยมเอง ต่อให้ผมไม่คุ้ยขึ้น มันก็ยังผิดพันกว่าแห่งเหมือนเดิม ผิดโง่ๆ น่าหัวเราะเหมือนเดิม สิ่งที่ทำร้ายทั้งคนแปล บก. สนพ. คนเขียนคำนิยม เลยตลอดไปจนถึงรายการทีวีด้วยก็ได้ นั้นไม่ใช่ผม แต่เป็นคุณภาพของงานในเนื้อแท้ต่างหาก สมมติว่าผมมีน้ำเสียงเยาะหรือ (ที่จริงผมตั้งใจจะให้เป็น) กุ๋ยๆ ใส่ที่ผิดในหนังสือเล่มนั้น ตามที่ผมยกมาจริง ก็ขอถามหน่อยเถอะครับว่าแล้วมันน่าหัวเราะรึเปล่า แล้วมันปรากฏเป็นตัวอักษรพิมพ์อยู่ตามนั้นจริงรึเปล่า ถ้าไม่มีมูล ผมจะเอาอะไรที่ไหนมาหัวเราะ (หรือหัวเราะเยาะอย่างที่คุณกล่าวหาผม) เล่า ดุสิตสมิตบอกว่า "ใครออกจะพลาดท่า ก็จะเย้ยจะเยาะให้ ใครดีวิเศษไซร้ ก็นิยมชมว่าดี" งานนี้คุณทั้งหลายพลาดกันเองนี่ครับ มาโทษผมได้ยังไงเล่า ผมน่ะ "บ่มิคิดคดีทราม ตั้งจิตจะนำความ สุขะให้ฤทัยสบาย" แท้ๆ แล้วก็มีมิตรร่วมเว็บตั้งหลายคนข้างบนอ่านไปขำกลิ้งไป สมตามที่ผมตั้งใจไว้แล้วด้วย จากคุณ : นกข. (นิลกังขา) - [ 2 ก.ย. 47 15:45:16 ]

ความคิดเห็นที่ 156 แล้วผมลุกขึ้นมาเยาะเย้ยถากถางทันทีเลยหรือเปล่า ก็เปล่า อ่านสิครับคุณขา คุณคนเก่าคนแก่ขอรับ ผมก็เล่าไว้เองว่าผมได้เคยปรับทุกข์กับท่านผู้แปลแล้ว กับท่านผู้เขียนคำนิยมแล้ว ว่างานนี้อาจารย์พลาดนะครับ มาช่วยกันแก้ไขจะดีไหม แล้ว 2 ท่านนั้นเขาสนใจผมเมื่อไหร่กัน ผมอีเมล์ไปเจ็ดวันก็ไม่ตอบผม จนผมต้องโวยกับสำนักพิมพ์ แล้วที่มาโผล่ในนี้ก็ไม่ใช่ผมเอา่มาลงเอง คุณน้าวิวันดาขอผมต่างหาก แล้วผมก็ให้ (หลังจากที่ได้ขอให้คุณน้าให้เวลา ให้โอกาสคนแปลคนเขียนคำนิยมมาแล้ว 7 วันด้วย) เมื่อสำนักพิมพ์เขาออกมาขอโทษ ผมก็มารายงานในที่นี้ใช่ไหมว่าผมรับทราบมาว่าเขาขอโทษแล้ว มากกว่า 1 ครั้ง ครั้งหนึ่งผมบอกว่าให้โอกาส สนพ. เขาแก้ตัวหน่อย ใช่ไหม ผมเขียนเป็นภาษาไทยไว้นะคุณ ! จากคุณ : นกข. (นิลกังขา) - [ 2 ก.ย. 47 15:54:11 ]

ความคิดเห็นที่ 157 เขาเรียก "หัวเราะทั้งน้ำตา" (ด้วยความสมเพช) ค่ะคุณ นกข. จากคุณ : ผู้สาวเมืองยศ - [ 2 ก.ย. 47 15:54:53 ]

ความคิดเห็นที่ 158 ผมมีความคิดเห็นต่างจากคุณBenz กับ คุณคนเก่าคนแก่ อะไรนั่น ชนิดกลับหลังหันเลย ในกรณีนี้ต้องเอาให้หนักครับขุดคุ้ยออกมาให้หมด ว่าเรื่องมันเป็นมาอย่างไร ตั้งแต่ ตัวผู้แปล สนพ บก แล้วก็อยากให้คนที่เขียนคำนิยมออกมาเล่าให้ฟังด้วยว่า เขียนไปได้ยังไง คุ้นๆเหมือนคนเขียนคำนิยมก็มีเนื้อที่ของตัวเองในมติชนสุดสัปดาห์ น่าจะออกมาเล่าให้คนทั่วๆไปเขารับรู้กันด้วย แต่ก็นั่นแหละรับรองว่าไม่มีทางได้เห็น จากคุณ : Ronachai (amscmu) - [ 2 ก.ย. 47 16:18:33 ]

ความคิดเห็นที่ 159 ได้มีโอกาสมาอ่านกระทู้นี้ก็พบว่าตัวเองเคยมีความรู้สึกคล้ายๆ กับเจ้าของกระทู้ตอนอ่านหนังสือแปลเรื่อง "ล้มไปข้างหน้า" แปลจาก Falling Forward ของสนพ. AR ดีใจที่ไม่ได้เสียเงินซื้อเพราะไปนั่งอ่านที่บ้านเพื่อน อ่านแล้วเศร้าค่ะ ดิฉันไม่ได้อ่านฉบับภาษาอังกฤษแต่ฉบับแปลที่อ่านก็มีแปร่งๆ และมีจุดที่น่าจะผิดอยู่เยอะมาก บังเอิญเป็นคนที่ไม่ละเอียดเท่าไหร่ก็เลยไม่ได้ไปหาต้นฉบับมาเทียบหรือเก็บรวบรวมข้อมูลไว้ อ่านหนังสือของเออาร์มาหลายเล่มพบว่าคุณภาพการแปลไม่สม่ำเสมอ บางเล่มก็แปลดี บางเล่มก็ไม่ค่อยดี ไม่ทราบว่าท่านอื่นๆ มีความคิดเห็นอย่างไรกับคุณภาพงานของสนพ. นี้บ้าง จากคุณ : ดอกหน้าวัว - [ 2 ก.ย. 47 16:26:45 A:192.168.9.2 X:203.121.160.194 TicketID:030791 ]

ความคิดเห็นที่ 160 สินค้าคุณภาพต่ำ หลอกลวงคนซื้ออย่างนี้ ถ้าเป็นสินค้าประเภทอื่นคงไปร้องเรียนที่ สคบ.ได้ แต่หนังสือที่แปลผิดพลาดอย่างมโหฬารนี่ สคบ. รับร้องเรียนหรือเปล่าคะ จะได้ยกพวกไปช่วยร้องเรียน จากคุณ : อักษรสีฟ้า - [ 2 ก.ย. 47 17:11:49 ]

ความคิดเห็นที่ 161 ถึงคุณ Benz ความเห็นที่ 145 และผู้ที่กำลังรู้สึกคัดค้านต่อการกระทำนี้นะครับ คุณให้คำจำกัดความคำว่า Above Average ไว้เท่าใด ถ้าเกิดระดับที่ว่าหมายถึงเด็กจบ ป. 3 ล่ะก็ รับได้ครับ งานแปลนี้มีจุดที่ผิดพลาดมากมายตลอดเล่ม มีมันทุกบททุกย่อหน้า แถมการแปลในหลายช่วงชี้ให้เห็นว่าไม่ได้มาจากคน ๆ เดียวแปล แต่ร่วมกันแปลหลายคน ขณะที่ผู้แปลออกมายืดรับอย่างภาคภูมิในตอนที่หนังสือยังไม่ถูกจับผิด บรรณาธิการกล่าวยกย่องคนแปลเรื่องนี้เสียดิบดีในคำนิยม พอเกิดความผิดพลาดขึ้นหายไปไหนล่ะ ไม่มาชี้แจงใด ๆ ส่งเมล์ไปก็ไม่มีการชี้แจงเป็นส่วนตัวออกมาจนต้องถูกนำมาประจานต่อหน้าสาธารณะชนแบบนี้ จนสำนักพิมพ์ต้องออกมาขอโทษพร้อมกับ "รับปาก" ว่าจะปรับปรุง แต่ก็ยังขายอยู่เหมือนเดิม ไม่มีการเก็บกลับ ไม่มีการคืนเงิน คุณอย่าลืมนะครับว่าหนังสือเล้มนี้ไม่ได้ถูก ๆ เอางานแปลระดับนี้มาหากินแล้วจะไม่รับผิดชอบอะไรเลยหรือ? ทั้งคนแปล ทั้งบรรณาธิการ ทั้งสำนักพิมพ์มีจุดยืนความรับผิดชอบที่ไหน? ผมเห็นว่าการลากไส้ออกมาประจานแบบนี้ไม่เลวร้ายเกินไปหรอกครับ ส่วนคุณ Benz จะทำไปเพราะมีสาเหตุอื่นแอบแฝงหรือไม่นี่ ผมไม่ออกความเห็นนะครับ แต่ความเห็นของคุณมันเป็นเช่นนั้นจริง ๆ จากคุณ : ปลาโลมาทราย - [ 2 ก.ย. 47 17:19:26 ]

ความคิดเห็นที่ 162 ไม่เห็นด้วยกับคุณ Benz อย่างแรงค่ะ ผู้ที่คิดจะประกอบอาชีพแปลหนังสือได้ควรจะต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ทางภาษาแตกฉานดีทั้งสองภาษา ถ้ารู้ตัวว่ามีความรู้แค่ above average ก็ไม่ควรทำอะไรที่มันเกินตัว แต่ดูจากผลงานแล้วคุณหฤทัย หรือกลุ่มคุณหฤทัย คงจะ below average มากๆๆๆนะคะ ดิฉันคิดว่าการกระทำแบบนี้เข้าข่ายหลอกลวงผู้บริโภคได้ เพราะบอกว่า คุณหฤทัยเป็นคนแปล แต่ดูรูปการณ์แล้ว คงจะแจกจ่ายกันไปแปลมากกว่า กอง บก. ก็ไม่ได้ทำหน้าที่ของตัวเอง แล้วแบบนี้จะไม่เรียกสุกเอาเผากินได้อย่างไรคะ สุดท้าย ทางเนชั่นก็ยังไม่ได้เก็บหนังสือ ยังสามารถสั่งซื้อได้ทางเว็บไซต์ แบบนี้เรียกว่าความรับผิดชอบแต่ลมปากหรือเปล่า น่าจะมีการทำอะไรที่เป็นมาตรการขั้นเด็ดขาดกับพวกเอาแต่หากินแต่ไม่มีความรับผิดชอบพวกนี้ จากคุณ : Monti Ta - [ 2 ก.ย. 47 21:33:07 ]

ความคิดเห็นที่ 163 แย่จัง ... แล้วอย่างงี้ คนไทย ที่ไม่สันทัดภาษาอังกฤษ มิต้องหมดโอกาสอ่านงานเขียนของนอกที่แปลดีๆเหรอคะ ปรกติ ตัวเองก็ไม่ได้เก่งภาษานักหรอกค่ะ เวลาเลือกซื้องานแปล ก็มักเลือกจากสนพ.ที่น่าเชื่อถือ เพราะคิดว่าระดับนี้แล้ว คงมีการกลั่นกรองมาแล้วแน่ๆ หลายเล่มที่อ่านแล้วรู้สึกแหม่งๆ -_-' แต่ก็โทษตัวเองว่าคิดไปเอง คนที่เค้าจะมาเป็นนักแปลได้เนี่ย ต้องระดับนึงเลยนะ ไม่มีมั่วซั่วหรอก ขอบคุณกระทู้นี้(จขกท. และทุกท่านที่โพสต์ค่ะ) เปิดหู เปิดตา และเปิดใจให้ต้วนได้มากทีเดียว +++++++++++++++++++++++++++++++++ ปล.อยากบอกว่าต้วนกะเพื่อนปลื้ม คุณน้อย คงคำมาตั้งแต่ นิยายนิรภัย แล้วค่ะ ^^ แก้ไขเมื่อ 02 ก.ย. 47 23:40:56 จากคุณ : ต้วนมันอ้า - [ 2 ก.ย. 47 23:40:10 ]

ความคิดเห็นที่ 164 มาอ่านอีกรอบ.. และอีกรอบ.. จากคุณ : ว่านน้ำ - [ 3 ก.ย. 47 00:18:58 ]

ความคิดเห็นที่ 165 Dear Khun Benz # 145, I have to respectfully disagree with you. Okay, let’s PRETEND that the translator’s English is above average as you claimed. Still, her work indicated a lack of attention to details. For an example, she translated the word “dusk” using the meaning of the word “dust”. That was not a problem with her English ability, but simply her carelessness and lack of commonsense and comprehension. จากคุณ : earth after rain - [ 3 ก.ย. 47 00:29:39 ]

ความคิดเห็นที่ 166 ตั้งแต่เห็นจั่วหัวเรื่องผมก็คิดไปถึงหนังสือเล่มนึงที่ผมเพิ่งจะซื้อและได้เริ่มอ่านได้ 2 บท และพอได้เห็นชื่อหนังสือแล้วก็ใช่เลย นึกว่าเป็นที่ผมคนเดียวซะอีกที่อ่านยังไงก็ไม่รู้เรื่อง ผมสงสาร Prof. Breit กับ Prof. Elzinga ที่หนังสือที่ท่านแต่งและได้รับคำชมและความสนใจได้ถูกแปลออกมาอย่างนี้ ขอติสำนักพิมพ์นี่ก็ไม่ทราบว่าปล่อยออกมาได้อย่างไร ไม่ได้ช่วยซ้ำเติม แต่อยากออกความเห็นบ้างครับ จากคุณ : Lon3r - [ 3 ก.ย. 47 01:17:39 ]

ความคิดเห็นที่ 167 จริงๆ แล้วก็ชอบกระทู้นี้นะคะ อ่านแล้วก็ฮาดี เห็นด้วยว่ามีประโยชน์ เห็นด้วยว่าเป็นความรับผิดชอบของทุกฝ่ายทั้งผู้แปล บก.และสำนักพิมพ์ ถ้าตัวเองหลงไปซื้อหนังสือเล่มนี้มาก็คงจะรู้สึกเสียดายเงินสุด สุด แต่...... เมื่ออ่านคคห.มาถึง 160 กว่าๆ ก็อดไม่ได้ที่ต้องเข้ามาบอกว่าออกจะเห็นใจคนแปลนะคะ ไม่ใช่ในเรื่องความสามารถในการแปล แต่ในเรื่องที่ว่าไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้วตอนนี้ ป่านนี้ไม่รู้ว่าจะมองหน้าลูกศิษย์ได้ยังไง (เพราะดันไปแปลภาษาอังกฤษอย่างโง่ๆ เอาไว้นี่นะ) บางทีถ้าผู้แปลรู้ว่าจะมีกระทู้วิจารณ์อย่างนี้ในพันทิปก็คงจะรีบ response email ของคุณนิลกังขาแต่แรกแล้วค่ะ (คาดว่านะ) ต้องยอมรับนะคะว่าคำวิพากษ์บางอันในกระทู้นี้ค่อนข้างแรง งานนี้ผู้แปลตายสนิท คงไม่หาญกล้าไปแปลอะไรอีกแล้วล่ะ คุณนกข อย่าเพิ่ง moody นะคะ ไม่ได้ตำหนิเรื่องการวิจารณ์ของคุณเลย เห็นด้วยทุกอย่าง และออกจะชื่นชมสำนวนการเขียนการวิจารณ์มากๆ สนุกสนานและมีสาระดี (ที่ต้องพูดดักไว้ก่อนเพราะรู้สึกว่าคคห.ท้ายๆ ของคุณนกข จะฉุนเฉียวไปนิด ใจเย็นๆ นะคะ ประโยคที่ว่า ------ "งานนี้คุณทั้งหลายพลาดกันเองนี่ครับ มาโทษผมได้ยังไงเล่า"----ฟัง เอ๊ย อ่านแล้วออกจะน่ากลัวนะคะ) ขอมองต่างมุมที่ว่าทำไมถึงรู้สึกเห็นใจผู้แปลนะคะ ถ้า... 1. ผู้แปลอาจจะแปลเองไม่ได้ให้ผู้ด้อยคุณวุฒิใดๆ มาแปลแทน ก็เลยไม่รู้จะออกมาสารภาพผิดเรื่องอะไร 2. ผู้แปลได้แปลหนังสือมาเล่มหนึ่งแล้ว ไม่เห็นมีใครมาวิจารณ์ว่างานห่วย คำนิยมจากผู้มีคุณวุฒิก็ว่าเยี่ยม editor ก็ชม หนังสือก็ขายได้ แถมสำนักพิมพ์ก็ยังมาให้แปลเล่มที่สองอีก ผู้แปลก็คงมั่นใจผิดๆ ว่ามีความสามารถในด้านนี้ (ตอนนี้คงเข้าใจถูกต้องแล้วล่ะค่ะ) 3. เชื่อว่ามาถึงตอนนี้อาจารย์ผู้แปลเธอคงเสียใจอย่างสุดซึ้งที่ไม่ได้ตอบ email คุณนกข แน่เลย (ตอนนั้นคงจะไม่ได้คิดว่าจะมีการผิดพลาดใหญ่โตขนาดนี้---เดาใจเธอน่ะค่ะ) และขณะนี้คงจะทำใจยากมากที่จะออกมารับถึงความล้มเหลวโดยสิ้นเชิงในผลงานของตัวเอง (ก็ความผิดพลาดที่ถูกจับได้ตอนนี้มันพุ่งกระฉูดไปถึง 1000 กว่าๆ แล้ว ...โอ้ พระเจ้า) 4. นอกจากจะอับอายแล้ว ยังเป็นไปได้ว่า ความอับอายจะกลายเป็นโทสะ อย่างที่ว่า สงสารเธอออกนะคะ จากคุณ : Pink crystal - [ 3 ก.ย. 47 01:52:22 A:172.17.8.139 X:61.19.199.143 TicketID:071888 ]

ความคิดเห็นที่ 168 นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า .. "นามแฝง" is a good thing. จากคุณ : ปรารถนา - [ 3 ก.ย. 47 02:15:41 ]

ความคิดเห็นที่ 169 ก็เพราะเราสงสารคนแปลแย่ๆ แบบนี้อ่ะสิครับ เราถึงต้องมานั่งทนกับหนังสือคุณภาพต่ำ (แต่ราคาสูงโคตรๆ แบบนี้) เห็นใจครับ แต่อยากให้ออกมาแสดงความรับผิดชอบบางอย่าง หายหน้าไปเฉยๆ นี่ไม่ดีแน่ จากคุณ : ต้นอุ๋ย - [ 3 ก.ย. 47 03:01:03 ]

ความคิดเห็นที่ 170 คัดมาจาก ข้อความโพสต์ในเวบของเนชั่นบุ๊ค.. ความคิดเห็นที่ 31 โทร.พี่ที่ไปออกงาน รวมพลคนข่าว ที่อิมแพค ให้ช่วยไปดูที่บูธเนชั่นทีว่ามีหนังสือ 2 เล่มนี้หรือเปล่า ปรากฎว่า โชว์หราเป็นตั้งไท้ง 2 เล่มเลย...ความรับผิดชอบ และความละอายต่อบาป หาไม่ได้แล้วหรือคุณผู้บริหารเนชั่นบุ๊คทั้งหลาย โดยเฉพาะคุณที่มาตอบกระทู้นี้ในนามเนชั่นบุ๊ค ศักดิ์ศรีของคุณไม่มีเหลือแล้วหรือถึงจำเป็นต้องเอาใจนายทุนขนาดนี้ จากคุณ : ธิดา [ เมื่อ: 02 ก.ย. 2004 เวลา 23:46] IP Logged ถ้าเป็นจริงเช่นนั้น..ก็เท่ากับว่าทางสนพ.ไม่ได้รู้ร้อนรู้หนาวอะไรเลย ตั้งหน้าตั้งตาที่หลอกเอาเงินชาวบ้านอย่างหน้าไม่อาย... ทั้งๆที่รับทราบแล้วว่า สินค้าไม่ได้มาตรฐาน.. "หน้าทน" กันจริงๆ.. สาเหตุที่คุณนกข.ได้อุตส่าห์ส่งเมล์ไปให้ทราบก่อนล่วงหน้า เพื่อที่จะให้ท่านผู้แปลรู้ตัว รีบดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใด เช่น เรียกหนังสือกลับคืนหมด และ รีบแก้ใข จัดพิมพ์ใหม่ ใครที่ซื้อไปแล้วก็สามารถนำมาเปลี่ยนเล่มใหม่ จะด้วยเหตุผลว่า มีผิดพลาดบางแห่ง.. ซึ่งทุกอย่างก็จะเรียบร้อย ไม่มีใครติดใจนับว่าผิดตรงไหนบ้าง.. แต่อย่างน้อยก็จะเป็น"บทเรียน"ของคุณอาจารย์ผู้ที่เขายกย่องร่ำลือ ว่า มีความสามารถในเชิงภาษาอย่างยอดเยี่ยม..ที่จะต้องระมัดระวังต่อไป.. แต่นี่..ทุกคนต่างพากันเงียบกริบ ไม่มีการตอบกลับมา..ทั้งๆที่คุณนกข. ได้ให้ทั้งชื่อจริง ตำแหน่งการงาน และ ที่ติดต่อ.. นับว่าเป็นการเสียมารยาทยิ่ง.. คุณอาจารย์คงลืมคิดไปว่า..เหตุการณ์เช่นนี้ ไม่ใช่ว่าจะเสื่อมเสียแก่ ตัวเองเท่านั้น มันเสื่อมเสียไปถึงระบบที่ทำงาน สถาบันที่ประสิทธิประสาท รวมทั้ง ทำให้มองเห็นความล้มเหลวของระบบการศึกษาไทยอย่างสิ้นเชิง เอาแค่ใกล้ๆตัวก็แล้วกันว่า..นักศึกษาจากสถาบันนั้น จะพลอยเสียชื่อประชาชนก็จะไม่ศรัทธาในตำแหน่ง ผศ. อีกต่อไป นักแปลที่ดีอื่นๆ พลอยต้องมาหมองไปด้วย..ว่าระดับ อาจารย์ยังแปล ออกมาได้เน่าขนาดนี้..แล้ว คนอื่นๆก็ไม่ต้องทำมาหารับประทานกันแล้ว..จริงไหมคะ? ถ้าหากว่าทางสนพ. ยังไม่ดำเนินการใดๆในการแก้ใขและทดแทนให้แก่ผู้บริโภค.. ฉันจะส่ง ต้นฉบับ Murder at the Margin ไปให้คุณนกข. เพื่อทำการชำแระ และเปรียบเทียบกับ ภาคภาษาไทยที่ออกมาวางขายในชื่อว่า เศรษฐศาสตร์ฆาตกรรม เพื่อว่ากระทู้นี้อาจต่อยอดออกไปอีกนานนับเดือน.. และ..ชาวพันทิบส์ อาจมีเฮ..!! จากคุณ : WIWANDA - [ 3 ก.ย. 47 04:27:08 ]

ความคิดเห็นที่ 171 ยอดคนอ่านกระทู้ที่เนชั่นบุ๊ค มีกว่าสองพันคนนะคะ เรียกว่าสถิติถล่มทะลาย..ที่พันทิบส์ยังอีกไม่รู้เท่าไหร่.. ทราบว่ามีคนส่งไปโพสต์ที่อื่นด้วย.. จากคุณ : WIWANDA - [ 3 ก.ย. 47 04:33:21 ]

ความคิดเห็นที่ 172 มาจากฮาร์ดแวร์ครับ อย่าดำหนิอาจารย์เลยครับ เขาใช้โปรแกรมแปลภาษา ผลิตเร็วด่วนทันใจ ใส่ภาษาอังกฤษเข้าไป ภาษาไทยก็ไหลออกมาเป็น(ตัว)เงิน(ตัว)ทอง จากคุณ : เสือโคร่ง - [ 3 ก.ย. 47 06:02:01 ]

ความคิดเห็นที่ 173 จริง ๆ ผมคิดว่าไม่อยากจะออกมาให้ความเห็นเรื่องนี้อีกแล้วนะ แต่พอยิ่งอ่านไป ข้อสงสัยบางอย่างที่อยู่ในใจมันก็ค่อย ๆ ชัดเจนขึ้น ผมว่างานนี้ราวกับว่ามีบางท่านที่มี hidden agenda อยู่ในมือ อยู่แล้ว เมื่อสบช่อง ก็พร้อมที่จะฟาดฟันให้คนเขาย่อยยับลงไป เพียงเพื่อสนองอะไรบางอย่างของตัวเอง 1. เรื่องนี้ถูกต้องครับ พูดได้ว่าคนแปลไร้ความสามารถ อย่างที่คุณ นกข ได้ชำแหละ เอาไว้ ผมไม่ปฏิเสธ และก็คิดว่าไม่มีใครกล้าปฏิเสธด้วย ผู้แปลต้องยอมรับความผิดตรงนี้ไป ผิดมหันต์เสียด้วย 2. คนที่ควรจะต้องรับผิดชอบกับผลงานครั้งนี้มากที่สุด คือ บก ของสำนักพิมพ์ ที่เป็นคนคอยตรวจทานผลงานแปล นั้น ๆ เพราะเป็นหน้าที่ของตัวเองโดยตรง ถ้าคนแปล ทำงานได้เละเทะ ก็ต้องปรับปรุงแก้ไข ไม่ปล่อยให้งานออกมาไม่ดี งานนี้คนที่ผิดที่สุดก็คือ บก หรือถ้าพูดในแง่รวม ๆ ก็หมายถึงสำนักพิมพ์ที่ตีพิมพ์หนังสือแปลด้อยคุณภาพออกมาขายแก่ผู้บริโภค ผมมองว่าหลายท่านพยายามกล่าวโทษนักแปล มากเกินไป ทั้งที่ความผิดในการปล่อยงานด้อยคุณภาพออกมาตีพิมพ์วางขายนั้น มันเป็นเรื่องของสำนักพิมพ์ที่ต้องรับผิดชอบเป็นปฐม 3. ประเด็นที่ผมสงสัย คือ ทำไมถึงต้องพยายามฟาดฟัน อาจารย์คนแปลด้วย ถูกต้องเขาอาจจะไม่เก่งเหมือนท่าน ไม่ได้มีโอกาสร่ำเรียนจากสถาบันอันทรงเกียรติจากต่างประเทศ หรือ ไม่ได้มีโอกาสไปใช้ชีวิตในเมืองนอกกว่าครึ่งค่อนชีวิต ดังนั้นภาษาอังกฤษของผู้แปลจึงอาจจะต่ำกว่ามาตรฐานอยู่บ้าง แต่ถือว่าเขาเป็นคนเลว คนชั่วที่จะต้องถูกสังคมตราหน้าหรือ ? โดย เฉพาะ ท่านมีธง ที่ปักไว้ในใจอยู่แล้วว่า อาจารย์คนนี้ไม่ได้เป็นคนแปลเอง แต่เอาไปแจกจ่ายให้คนอื่น ๆ แปล ตรงนี้ท่านมีหลักฐานอย่างไร ถึงไปกล่าวหาเขา ? 4. ผมเชื่อว่า อาจารย์ท่านนี้ ท่านไม่ได้เป็นคนเสนอหน้าไปหาสำนักพิมพ์ขอแปลเรื่องนี้เอง แต่คงเป็นว่า สำนักพิมพ์เห็นว่าเนื้อเรื่องมันเกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์ ก็น่าจะหา อาจารย์สอนเศรษฐศาสตร์สักคนมาแปล เลยติดต่อ อาจารย์ไป เป็นความผิดพลาดที่อาจารย์ อยากได้ชื่อเสียง ดันไปรับงาน โดยไม่พิจารณาถึงความสามารถของตนเองก่อน แต่ก็นั่นแหละ ใครบ้างล่ะที่เมื่อโอกาสมาถึงแล้วจะไม่อยากรับไว้ คนเรามันก็ล้วนอยากได้ชื่อกันทั้งนั้น ก็ไม่ต่างอะไรกับผม หรือกับคุณ จริงไหมล่ะ ? ลองถามตัวเองดูว่าถ้าหากคุณได้โอกาสแบบนี้เหมือนเขา คุณจะทำไหม ? อย่างน้อยการสร้างชื่อเสียงในสังคมวงกว้าง มันก็คงจะน่าสนใจกว่าขีด ๆ เขียน ๆ หา readership จากเวปพันทิปจริงหรือไม่ ? 5. เรื่องจดหมายที่ส่งไป ถ้าไม่ตอบภายในเจ็ดวันแล้วจะเป็นเรื่องเนี้ย ผมไม่รู้นะว่ากระบวนการเขาเป็นอย่างไร แต่ถ้าหนังสือมันออกไปแล้ว คุณจะให้คนแปลทำอย่างไรล่ะครับ ? ผมไม่แน่ใจว่าผู้แปลเขาจะมีอำนาจหน้าที่อะไรพ้นจากการแปลอีกหรือเปล่า เรื่องนี้ต้องเป็นการตัดสินใจของระดับสำนักพิมพ์แล้ว ทั้งในเรื่องเก็บหนังสือเข้าไปแก้ หรือยกเลิกการขาย แล้วเรื่องที่จะให้เขาออกมาขอโทษกับประชาชนนี่ ตลกมาก ๆ จากข้อความข้างล่าง กล่าวหากันเกินไปหรือเปล่าครับเนี้ย ? แล้วคุณเป็นใครกันหรือ ถึงจะสามารถไปกำหนดกฎเกณฑ์ให้เขาออกมาทำโน้นทำนี่ได้ กับแค่อีเมล์ไปฉบับเดียว ทำไมถึงคาดหวังว่าเขาจะต้องตอบกลับมาล่ะครับ ทำราวกับว่าเป็น จม ศักดิ์สิทธ์ ที่จักต้องตอบภายในเจ็ดวัน ไม่งั้นจะต้องมีอันเป็นไป สิ่งที่เราต้องการเห็น นั่นคือ ให้อาจารย์คนแปลออกมาสารภาพตามตรงว่า ไม่ได้แปลเอง..ส่งงานให้ลูกศิษย์ทำ และไม่มีเวลาตรวจ แค่นั้นละค่ะ.. ถึงจะถือว่าเป็นการยอมรับผิดอย่างสมศักดิ์ศรี เพื่อว่า คนอื่นๆในวงการแปลที่กำลังใช้วิธีนี้อยู่ก็จะได้เลิกซะ.. 7. ส่วนเรื่องของการเขียนคำนำ เยินยอ สรรเสริญ ถามจริง ๆ เถอะครับ คนที่เขียนแบบนี้มีสักกี่เปอร์เซ็นต์ที่ได้อ่านต้นฉบับทั้งหมด มันเป็นขนบธรรมเนียมในการเยินยอหรือให้กำลังใจเสียมากกว่า ถูกต้องล่ะ พลาดไปแล้ว แต่ก็ไม่น่าจะใช่ประเด็นที่เอามาฟาดฟันกันให้ตาย อ.วรากรณ์ท่านก็คงจะเคยอ่านต้นฉบับจริง ๆ นั่นแหละ แต่ไม่ได้อ่านตรวจทานฉบับแปลทั้งหมด ท่านก็คงจะว่าไปตามเนื้อหาของหนังสือ 6. ผมดูแล้วเรื่องนี้เป็นความปรารถนาดีและตั้งใจหาข้อผิดพลาดจากงานแปล ของคุณ นกข ในฐานะผู้บริโภคคุณภาพคนหนึ่ง ที่น่าชื่นชมครับ เพียงแต่จะงดงามกว่านี้ ถ้าคุณ นกข เอามาโพสต์ในพันทิปด้วยตนเอง ด้วยสำนวนของตนเอง เพราะคุณก็เป็นสมาชิกเก่าแก่ ที่มีคุณวุฒิ และมีผลงานน่าเชื่อถือคนหนึ่งไม่จำเป็นต้องให้คนอื่นเอามาโพสต์หรือขยายความไปตามเวปต่าง ๆ ครับ เพราะเรื่องบางเรื่อง ถ้าเราทำโดยบริสุทธิ์ใจ สำนวนภาษามันก็จะออกมาเอง แต่ถ้าไปให้คนอื่นขยายความมันก็อาจจะต้องปนเปื้อนด้วย hidden agenda ของคนอื่นไปนะครับ จะกลายเป็นเครื่องมือของเขาโดยไม่รู้ตัว ด้วยความเคารพคุณ นกข นะครับ 7. สุดท้ายผมคิดว่า คนที่ต้องรับผิดชอบมากที่สุดคือ สำนักพิมพ์เนชั่น ในฐานะผู้พิมพ์จำหน่าย หาสตางค์จากประชาชนครับ เพราะเป็นผู้รับผลประโยชน์โดยตรง ผมสนับสนุนในความคิดที่จะให้เก็บหนังสือเอาไปทำลายเสีย แล้วแก้ไขใหม่ ก่อนจะเอามาขายให้ประชาชน ส่วน บก ก็ถือว่าบกพร่องในการทำหน้าที่ตามสมควร สำหรับอาจารย์นักแปล ก็บกพร่องที่แปลได้คุณภาพต่ำและก็ต้องเอาชื่อเสียงในอนาคตของตัวเองมาแลก ผมคิดว่าคนไม่เก่งภาษาอังกฤษ ไม่ใช่คนเลวหรอกครับ คนเราผิดพลาดไปแล้ว แก้ตัวได้ครับ ผมนิสัยไทย ๆ ถือคติ ไม้ล้มข้ามได้ คนล้มอย่าข้าม ครับ นี่เตือนไว้ก่อนนะครับ เห็นหลาย ๆ คนกำลังจะพยายามตามกระแส คนล้มรีบซ้ำ ที่มีคนเริ่มจุดเอาไว้ เลยอยากให้ความเห็นในเชิงแย้ง เฉย ๆ จริง ๆ แล้วก็ไม่ได้รู้จักอะไรกับคนแปลเลยครับ จากคุณ : B.F.Pinkerton - [ 3 ก.ย. 47 07:11:04 ]

ความคิดเห็นที่ 174 สังคมไทยชอบปกป้องคนผิด ด้วยความขี้สงสารมานานแล้วครับ ผมคิดว่าควรจะสร้างค่านิยมของ "การมีความรับผิดชอบบ้าง" ในเมื่องทำผิดแล้วก็ต้องยอมรับ และออกมาแก้ไข นั้นคือตัวอย่างที่พึงจะกระทำ ไม่ใช่โอ๋คนผิด ถ้าผิดแล้วเลยตามเลยอย่างนั้น บรรทัดฐานของสังคมก็จะต่ำลงไปเลื่อยๆ นานเข้ากฎอื่นก็จะไร้ค่า (ทุกวันนี้กฎหมายเมืองไทย มีก็เหมือนไม่มีอยู่แล้ว เพราะอะไรก็เพราะความไม่ยึดมั่นต่อความรับผิดชอบและความมีวินัยนี่แหละ) ผมเห็นด้วยกับการกระทำครั้งนี้ครับ และสมควรทำให้เป็นตัวอย่างเพื่อสร้างบรรทัดฐานทางสังคมที่ถูกต้อง จากคุณ : ผ่านมาจากอีกเว็บหนึ่ง - [ 3 ก.ย. 47 07:49:40 A:161.200.117.106 X:161.200.255.162 TicketID:070492 ]

ความคิดเห็นที่ 175 ถ้ามีหนังสือที่ว่านี่ วางขายที่บู๊ทเนชั่น ในงานรวมพลคนข่าวจริง วันเสาร์นี้ว่าจะไปเยี่มชมเสียหน่อย แล้วถ้ามีโอกาส จะถามคนขายว่า จริงหรือเปล่าที่เค้าว่าหนังสือเล่มนี้แปลได้ห่วยมาก คนในเวอบบอร์ดต่างๆเค้ารู้กันทั่วแล้ว คุณยังกล้าเอามาวางขายอีกเหรอ จะโดนต่อยมั้ยนะ จากคุณ : รับผิดชอบหน่อยเหอะ เนชั่น - [ 3 ก.ย. 47 08:43:26 A:203.121.135.53 X: TicketID:067717 ]

ความคิดเห็นที่ 176 ทีแรกก็คิดว่าจะมาขอออกความคิดเห็นเพิ่มเติม แต่พอมาอ่านเจอข้อความของคุณ B.F. Pinkertonแล้ว ก็เห็นว่าไม่จำเป็น เพราะเขาเขียนได้ดีมาก ก็เลยคิดว่าเอาเวลาไปอ่านกระทู้อื่นดีกว่าจะได้ไม่ต้องสลดใจ จากคุณ : Benz (BenzSiam) - [ 3 ก.ย. 47 08:50:28 ]

ความคิดเห็นที่ 177 มันส์มากค่ะพี่หวาน นกอ่านจนตาลายไปหมด อ่านแล้วเหนื่อยมากค่ะ เพราะมีหลากอารมณ์จริงๆ ค่ะ ทั้งขำการแปลผิดจนหัวเราะเกือบตกเก้าอี้ สงสารคนอ่านหนังสือ โกรธคนแปลและสำนักพิมพ์ หงุดหงิดในความหน้าด้านไร้ความรับผิดชอบที่หนังสือมันยังลอยนวลอยู่ เซ็งชีวิต.... ... แล้วก็ต้องพยายามทำใจให้สงบ ...ปลง... ในที่สุด ตนก็ต้องเป็นที่พึ่งแห่งตน ไม่ยอมอ่านหนังสือแปลมานานแล้วค่ะ อ่านภาษาอังกฤษช้ากว่าก็ยอมทน ไม่ไว้ใจคนแปล ว่าจะแปลได้อรรถรสเดิม แปลผิดขนาดนี้นี่ ...ตลกค่ะ ตลกร้าย เรื่องนี้สอนให้รู้(อีกเรื่องหนึ่งด้วย)ว่า ท่านๆ ที่มีลูกที่ยังเล็ก ควรจะสอนลูกๆ ให้สามารถยืดอกยอมรับผิดในสิ่งที่ตัวเองทำ รู้จักที่จะรีบกล่าวขอโทษ รู้จักกระตือรือร้นแก้ไขในสิ่งผิดให้ถูกต้อง ไม่คิดว่า ช่างมันเถอะ คงไม่มีใครรู้ ใครรู้แล้วช่างมัน ไปแก้เดี๋ยวเขารู้กันหมดว่าฉันผิด ไม่ดูถูกว่าคนอื่นโง่และจะไม่รู้ว่าเราทำผิด เรื่องนี้ เป็นเรื่องสำคัญของความเป็น "คน" คนเราจะมีเกียรติไม่ได้เลยถ้าทำผิดแล้วหลบหน้า กลบเกลื่อนปิดบังทำไม่รู้ไม่ชี้ในความผิดของตัว เจอคนแบบนี้ในทุกที่เลย และใครๆ ก็พากันดูถูกคนแบบนั้น แปลกใจ ว่าทำไมมันยากนัก ที่จะยอมรับผิดและแก้ไข หาเหตุผลไม่ได้ คิดเอาเองว่า พ่อแม่คงไม่ได้อบรมเขามา ฉะนั้นสิ่งใกล้ตัวที่เราทำได้กันตอนนี้คือ ช่วยกันสอนลูกของเราเอง อย่าทำให้ลูกกลัวเราลนลานจนเขาต้องซ่อนความผิด ลงโทษตามสมควรอย่างมีเหตุผล อย่าใช้อารมณ์ เด็กๆ ย่อมทำผิดอยู่เรื่อยๆ เพราะเขาต้องลองถูกลองผิดตลอดเวลา เป็นเรื่องที่เราต้องคอยสั่งสอนตะล่อมกันไป ขอบคุณพี่หวาน และคุณนิลกังขามากค่ะ นี่คือความเสียสละ ความมุ่งมั่น เพื่อสังคมที่ดีขึ้น เราทุกคนคือผู้ได้ประโยชน์ ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม ขอคารวะด้วยความนับถือ จากคุณ : SS (SP700) - [ 3 ก.ย. 47 09:14:44 ]

ความคิดเห็นที่ 178 เห็นด้วยกับคุณ B.F.Pinkerton ในเรื่องที่ว่า ตอนนี้ เป็นขั้นตอนที่ บก.และสำนักพิมพ์ต้องดำเนินการ แต่ไม่เห็นด้วยที่ว่า  ผู้แปลจะไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย อย่างน้อยถ้ารู้ว่า มีอะไรผิดพลาดหลุดออกไป ต้องเดือดร้อนและพยายามวิ่งเต้นแก้ไข  (เขาอาจจะทำแล้วก็ได้ ข้อนี้เราไม่อาจจะทราบได้ว่าผู้แปลมีการติดต่อสำนักพิมพ์หรือไม่อย่างไร) อีกประเด็นหนึ่ง การตอบอีเมล์หรือจดหมายเมื่อมีผู้กล่าวโทษหรือเตือน เป็นมารยาทที่พึงกระทำอย่างยิ่งประการหนึ่ง ยิ่งถ้าชัดว่าผิดจริงด้วยแล้ว ยิ่งต้องรีบตอบ การไม่ตอบ  อาจถูกตีความไปได้หลายประการ เช่น 1. ฉันไม่ผิด 2. ฉันไม่สนใจ แก้ไขเมื่อ 03 ก.ย. 47 09:38:31 จากคุณ : SS (SP700) - [ 3 ก.ย. 47 09:32:23 ]