ความคิดเห็นที่ 1 ๑. ในญี่ปุ่น ระหว่างบ้าน กับแมนชั่น เพื่อน ๆ จะเลือกอยู่ที่ ไหน และทำไม *ขยายความ* แมนชั่น ข้อดี - เดิน ๒ นาทีถึงสถานีรถไฟ มีเครื่องอำนวยความ สะดวกพร้อม มีระบบรักษาความปลอดภัยดี อยู่ใกล้แหล่ง ช้อปปิ้ง โรงพยาบาล เดินในระยะ ๑ นาที ทิ้งขยะได้ทุก วัน ไม่ต้องรอวันขยะเปียก-ขยะแห้ง ข้อเสีย - ไม่มีที่ดินเป็นของตัวเอง ต้องเสียค่า management fee ให้กับส่วนกลางทุกเดือน เป็นเงินสูง ต้องเสียค่าที่จอดรถ อาจเสียความเป็นส่วนตัว เนื่องจาก ผนังห้อง-เพดาน-พื้นติดกับเพื่อนบ้าน และไม่สามารถ เปลี่ยนแปลงโครงสร้างในส่วน common spaceได้ บ้าน ข้อดี - มีบริเวณ มีสวนหย่อม(หากขยันกำจัดวัชพืช) มีที่ จอดรถภายใน จัดรูปแบบภายใน-ภายนอกได้ตามใจ ข้อเสีย - ห่างจากสถานีเดิน ๑๕ นาที หรือมากกว่านั้น (หากแย่กว่านี้ อาจต้องขึ้นรถเมล์) ดูแลรักษาความสะอาด เอง ต้องรอวันขยะเปียก-ขยะแห้ง (ต้องเก็บขยะไว้ใน บ้าน) ต้องเก็บเงินซ่อมแซมบ้านเอง เมื่อถึงวาระ จากคุณ : fudge-a-mania - [ 6 ก.ย. 47 19:36:55 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ถ้าพูดถึงความสะดวกสบาย แมนชั่นดูเหมือนจะมีข้อดีมากกว่า ในเรื่องเครื่องอำนวยความสะดวก และความปลอดภัย และเดี๋ยวนี้ยังมีบริการเสริมอย่างอื่นให้ด้วย เช่น ฟิตเนส (เรื่องผนังบ้าน กับเพดานที่ติดกับเพื่อนบ้าน ไม่เป็นปัญหาค่ะ ไม่เคยได้ยินเสียงรบกวนเลยค่ะ จะมีแต่บางครั้ง ที่เหมือนมีใครทำของหนักๆ หล่น จากห้องที่อยู่ข้างบน) ถ้าบ้านที่อยู่ในเมืองหน่อย ส่วนมากจะปลูกเต็มพื้นที่ค่ะ และทำที่จอดรถในบ้าน จากที่เห็นจากแถวๆ บ้านนะคะ จากคุณ : jan_tanoshii - [ 6 ก.ย. 47 20:31:13 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ๒. เพื่อนจะเลือกวิธีการชำระเงินแบบไหน ๒.๑ เก็บเงินก้อนโตอาจจะใช้เวลา ๑๐-๑๕ ปี แล้วจ่าย ดาวน์ตูมเดียวครึ่งนึงของราคาบ้าน ๒.๒ จ่ายดาวน์เท่าที่มาเงินอยู่ในมือตอนนี้ แล้วผ่อนไปชั่ว ลูกชั่วหลาน ๓๕ ปี ยิดคติที่ว่าผ่อนน้อย ๆ แต่ผ่อนนาน ๆ ๒.๓ จ่ายดาวน์เท่าที่มีเงินอยู่ตอนนี้ แล้วผ่อนแต่ละเดือน ให้มากที่สุดเท่าที่จะมีแรง หากมีโบนัส ก็จะโปะลงไปอีก เพื่อนลดดอกเบี้ย จากคุณ : fudge-a-mania - [ 6 ก.ย. 47 20:32:36 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ๓. รบกวนถามความคิดเห็นเพิ่มเต็มสำหรับประสบการณ์ที่ เพื่อน ๆ เคยเจอมา เกี่ยวกับที่อยู่อาศัยของตัวเอง...ข้อดี ข้อเสียอย่างไร ขอบคุณค่ะ จากคุณ : fudge-a-mania - [ 6 ก.ย. 47 20:44:27 ]

ความคิดเห็นที่ 5 แมนชั่นดีกว่าบ้านตอนหิมะตกอ่ะ -มีบ้านล่ะกล้ามโต ช่วงหิมะลงหนักเนี่ยแหละ -จ่ายค่าจอดรถ แต่ถ้าคิดว่าบ้านดีหรือแมนชั่นดีมองหาเนื้อที่ ก็หาแบบอยู่ล่างสุด มีสนามหญ้าด้วย ก็ดีนะ จัดปาร์ตี้บาบิคิวดีจัง ( กินอีกแหละ หนีไม่พ้น ฮี่ๆ ) จากคคหที่ 3 ข้อ 2.2 ค่ะ ข้อนี้จริงหรือเปล่า ขอผู้รู้เหมือนกันค่ะ เพราะได้ยินมา ยังไม่เจอะด้วยตาตัวเอง ผ่อนไปเรื่อยๆ เพราะหากฝ่ายสามีสิ้นชีพ ในขณะที่ยังผ่อนบ้านไม่หมด อสังหาริมทรัพย์ตกเป็นของภรรยา แล้วไม่ต้องผ่อนต่อไป ก็งงค่ะ แล้วถ้าภรรยาเสียชีวิตก่อนล่ะ สามีต้องจ่ายต่อไปเหรอค่ะ อยากรู้ข้อนี้มาก จากคุณ : ป้าซิ่ง (Naomichan) - [ 6 ก.ย. 47 21:51:44 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ขอบคุณค่ะ สาว ๆสวย ๆ ที่เข้ามาตอบ จะเห้นได้ว่าสวย ๆ จะรีบเข้ามาตอบก่อนเลย ยิ่งสวยยิ่งเร็ว อิอิอิ น้องแจนคะ....หากเป็นอย่างที่ว่าก็หมดห่วงเลย เพราะตา อ้วนกังวลเรื่องการขาดความเป็นส่วนตัวมาก เพราะคุณชาย ชอบดีดกีต้าร์...ก็กลัวว่าเสียงเอี๊ยดอ๊าดจะไปหลอกหลอน เพื่อนบ้าน จนเค้าต้องมีเคาะประตูโป๊ก ๆ ให้เงียบ พี่เคยไปเยี่ยมญาติที่เยอรมัน เค้าอยู่เป็นอพาร์ตเมนท์ หลัง สี่ทุ่มก็ห้ามอาบน้ำแล้ว ฉี่ทีจะกดชักโครกก็ต้องกลัวว่าจะ รบกวนเพื่อนบ้าน เพราะป้าบอกว่าเพื่อนบ้านคือคนสูงอายุ เยอะ แล้วจะคอมเพลนท์บ่อยมาก หากทำเสียงดังนิดเดียว ก็ตาม...เล่นเอาพี่เกือบประสาทกิน..... ซุสีขา....เป็นจริงอย่างที่ซูสีว่าหรือเปล่าคะ จะได้รีบทำ ฆาตกรรมอำพรางซะเลย เหอๆๆๆ ลองถามคนใกล้ตัวแล้ว เค้าว่าสงสัยเป็นเงื่อนไขที่เราทำกับบริษัทประกัน มากกว่า..คือประกันอาจจะจ่ายแทน ทางธนาคารคงไม่รับรู้ เรื่องนี้ด้วย....ไม่งั้นธนาคารเจ๊งสนิท เคยได้ยิน แต่ต้องผ่อนถึงรุ่นลูกนะคะ คอนโดที่จะซื้อมันไม่มีสนามหญ้าน่ะป้า....แต่มีห้องเอนก ประสงค์ที่ทำครัวได้ แต่ห้ามบาร์บิคิว เอิ๊กกส์ จากคุณ : fudge-a-mania - [ 6 ก.ย. 47 22:12:10 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เเนะนำให้ดูรายการทีวีNHKทั่วไปวันพฤหัสหลังจบข่าว3ทุ่มจะมีรายงานเกี่ยวกับบ้านใกล้เรือนเคียง ดูบรรยากาศการอยู่ร่วมกัน การช่วยกันเเก้ปัญหาของชุมชน ทำให้เห็นปัญหาเเละวิธีเเก้ปัญหาของเเต่ละชุมชน เอาไว้เป็นประสบการณ์ถ้าเราจะเจอปัญหาอย่างเขามั่ง เเล้วก็รายการบ้านในฝันของABCทุกวันเสาร์ประมาณ9โมงครึ่งมัง ในฝันจริงๆเเต่ละหลังที่นำมาเสนอหรูจริงๆ เเบบเเปลกๆสุดสวย คนออกเเบบนี่เลิศมาก ชอบดูเเต่ชาตินี้ไม่มีปัญญาไขว้คว้าเเน่ๆ 1.ถ้าให้เลือกซื้อที่พักอาศัย คงเลือกบ้านมากกว่า จะในเมืองหรือชนบทก็ชอบบ้าน จะติบ้านในเมืองก็ตรงเเคบ เเละชายคาติดๆกัน (หลังเล็กหลังใหญ่ชายคาติดไม่ติดตรงนี้ก็ขึ้นอยู่กับทุนเน๊อะ) 2.การผ่อน คงจะเลือกผ่อนเเบบ 2.2หรือไม่ก็2.3 3.ข้อดีของที่บ้าน ก็อยู่ใกล้ซุปเปอร์ มีหลายร้านให้เลือกซื้อ มีคลีนิกเยอะ ทั้งรักษาคน รักษาสัตว์ เเต่ไกลจากสถานีรถไฟไปหน่อยเดินประมาณ10นาที ข้อเสียอีกข้อก็เนื่องจากชายคามันติดๆกันเวลามีใบไม้จากบ้านเราไปหล่นในเขตบ้านของเพื่อนบ้านเนี่ยหล่ะ เกรงใจเขาจัง สรุปเเล้วโดยรวมก็อยู่สบายตามอัฒภาพค่ะ เดือนก่อนโน้นเคยดูทีวีรายการเกี่ยวกับนากาโน่ที่ชวนให้ผู้คนไปปักหลักอยู่ในเมืองเขา(จำไม่ได้ว่าเมืองอะไร) มีเนื้อที่ให้ตั้ง300ตร.ม ไม่เเพง เเต่ว่าไม่มีอะไรเลย ต้องสร้างบ้านเอง อยากจะกลับไปเป็นชาวไร่ชาวสวน เคยชวนพ่อบ้านกับลูกสาว เเต่2คนนี้ไม่ไปด้วยค่ะ จากคุณ : Hana* - [ 6 ก.ย. 47 22:12:43 ]

ความคิดเห็นที่ 8 พี่ฟัดจ์....ความสวยน่ะ มันวิ่งออกหน้าต่างไปนานแล้วค่ะ สำหรับนู๋น่ะ .....บอกพี่แตงไม่ต้องกังวลค่ะ เค้าคงสร้างให้แน่นหนา เสียงไม่ลอดออกนอกแน่ค่ะ ถ้าไม่เปิดประตู หรือหน้าต่าง.... แมนชั่นที่อยู่นี่ก็ห้าชั้นเองค่ะ ส่วนที่นี่ ทิ้งขยะเป็นวันค่ะ แล้วเดือนหน้านะคะ ต้องแยกขยะ แบบแยกเป็นชิ้นๆ เลย เพราะมีกฎใหม่เรื่องการแยกขยะทิ้งออกมาแล้ว แยกประเภททุกอย่างเลยค่ะ ส่วนเรื่องปัญหา ไว้เป็นการบ้านก่อนนะคะ พรุ่งนี้จะมาตอบใหม่ หุหุหุ จากคุณ : jan_tanoshii - [ 6 ก.ย. 47 22:23:03 ]

ความคิดเห็นที่ 9 - ขอบคุณมากค่ะพี่ฮานะ บ้านพี่ฮานะใกล้สถานีจังเลยค่ะ เดินแค่ ๑๐ นาทีเอง.... ตอนที่ฟัดจ์ตัดสินใจเช่าบ้านหลังนี้ ดูในใบโฆษณาแล้ว มัน ว่าห่างจากสถานี ๑๒ นาทีเอง แต่ว่าเดินที่ไร ไม่เคยใช้ เวลาเร็วกว่า ๑๕ นาทีเลย...หากเร็วกว่านี้ คือต้องวิ่งมั่ง เดินมั่ง ไปถึงสถานีทีก็เหงื่อโชกทุกครั้งค่ะ เรื่องการผ่อนบ้าน....ตอนแรกฟัดจ์ก็อยากจะผ่อนแบบ ๒.๒ คือสบาย ๆ ผ่อนมั่ง เก็บตังค์มั่ง ไม่เร่งรัดมาก..แต่พ่อ มาให้ความคิดเห้นว่า...ควรจะรีบผ่อน เพราะดอกเบี้ยเงิน ฝากของญป มันน้อยมาก ซึ่งเราไม่ควรจะคิดออมตรงนี้ ยิ่ง ผ่อนเร็วมากเท่าไหร่ เราก็จ่ายดอกเบี้ยเงินกู้น้อยลงเท่านั้น หากกู้เงินซื้อบ้าน ผ่อน ๓๕ ปี ดอกเบี้ยเงินกู้เป็นจำนวนเงิน ๓๐ เปอร์เซนต์ของราคาบ้านเลยค่ะ (แค่คิดว่าเราต้องจ่ายเพิ่ม อีก ๓๐ เปอร์เซนต์ จากราคาบ้านที่เราซื้อ ก็สยองแล้ว) ตอนนี้ก็เลยยังคิดไม่ตกค่ะ..... พี่ฮานะมีวิธีดูแลบ้านยังไงคะ...รวมทั้งสวนด้วยหรือเปล่า ยอมรับว่าตัวเองขี้เกียจมาก ปล่อยหญ้าท่วมสนามแล้ว แก้ไขเมื่อ 06 ก.ย. 47 22:23:51 จากคุณ : fudge-a-mania - [ 6 ก.ย. 47 22:23:25 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เลือกบ้านค่ะ ชอบความเป็นพื้นที่ถ้ามีกำลังนะคะ อีกอย่าง ในอนาคตเราก็จะทำอะไร ๆ ตรงนี้ได้ แมนชั่นอยู่ ๆ ไปก็จะเบื่อค่ะ บ้านะคะ ถ้าหากตกแต่งดี ๆ แล้วหล่ะก็ข้างนอกกับข้างในต่างกันลิบลับค่ะ เลือกที่จะดาวน์น้อย ผ่อนนานค่ะ สมมุตินะคะว่า ตอนนี้ผ่อน 5หมื่นเยน อีก 10 ปี ผ่อน 5 หมื่นเยน ตอนนี้ 5 หมื่นเยน อาจจะซื้อกล้องดิจิตอลได้ 1 ตัว แต่อีกหน่อย 10-20 ปี 5 หมื่นเยน อาจจะซื้อได้แค่ไม้ขีดไฟก็ได้ค่ะ อยูก่อนมีสิทธิ์ก่อนค่ะ สิ่งที่อนาคตมีน้อยลงก็คือที่ดินค่ะ จากคุณ : tweetiez - [ 6 ก.ย. 47 22:46:55 ]

ความคิดเห็นที่ 11 กำลังเก็บเงินอพยพเหมือนกันเลยพี่ฟัดจ์ คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ก็อยากจะมีมายโฮมกันทุกคน (อิ อิ เจี๊ยบด้วย) 1.อยากปลูกต้นไม้เยอะๆๆ ปลูกผักไว้กิน 2.เลี้ยงหมา ตัวใหญ่ๆๆ เลี้ยงแมวเยอะๆๆ มันจะได้วิ่งรอบบ้าน 3.มีที่จอดรก จอดจักรยานโดยไม่เสียตังค์ทุกเดือน 4.ล้างรถเองได้ จะสาดน้ำโครมๆๆก็ไม่มีใครมาด่า .... 5.มีบันไดให้ขึ้นๆๆลงๆๆทั้งวัน ออกกำลังกายในตัว แบบไม่ต้องกลัวใครมาว่า ว่ายัยเนี่ยเดินเสียงดัง **ส่วนแมนชั่น ข้อดี สำหรับความคิดเห็นของพี่ใหญ่ที่บ้านนะ *กลับกรุงเทพฯนานๆๆได้เลย ไม่ต้องกลัวตีนแมวทั้งหลาย *อยู่แมนชั่นที่น้อย ต้นไม้ก็ไม่ได้ปลูกมาก ไม่ต้องรดน้ำก็ได้ ตายก็ปลูกใหม่ อิ อิ ขี้เกียจจัง *ใกล้สถานีรถไฟ ไม่ต้องเดินมาราธอนกลับบ้านให้ตับแลบออกมา เหนื่อยเปล่า เพราะแถวที่เจี๊ยบอยู่ทามะ แมนชั่น ห้องเช่าอยู่ใกล้ซุปเปอร์กันหมด ส่วนบ้านไกลมาก ปั่นจักรยาน น่องอาจโตได้ *สุดท้าย คือ อนาคต เมื่อแก่ตัวลง พี่ฟัดจ์อยากอยู่ที่ไหน ญี่ปุ่น หรือกรุงเทพฯ หรือประเทศอื่น ถ้าอยู่ญปก็โอเคสำหรับบ้าน แต่ถ้าไม่ได้อยู่ญป แมนชั่นน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า ถ้าจะขายต่อ +++ทั้งตัวเจี๊ยบ กะพี่ใหญ่(ไม่ได้ทำงานแล้ว) ลงมติแล้วว่าอนาคต25ปีข้างหน้าจะหอบเงินไปอยู่กรุงเทพฯ  จึงไม่จำเป็นต้องซื้อบ้าน อิ อิ (แต่ก็อยากได้อยู่ดี) แก้ไขเมื่อ 06 ก.ย. 47 22:52:57 จากคุณ : เจี๊ยบจัง - [ 6 ก.ย. 47 22:51:03 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ขอบคุณค่ะ คุณtweetiez ความคิดเห็นเป็นอีกมุมมองนึงที่กำลังอยากจะทราบอยู่พอ ดีเลยค่ะ....ฟังแล้วน่าคิดมาก คุณทวิตตี้...สิ่งที่คุณพูดแล้ว ต้องหยุดชะงักคือ "ที่ดินมี น้อยลง" แต่ประชากรญป ก็ลดน้อยลงตามสัดส่วนด้วยนะ คะ (ล้อเล่นค่ะ) คุณทวิตตี้พูดเหมือนกับเพื่อน บ้านคนนึงว่า แมนชั่นซื้อแล้วมีแต่ราคาจะตก หากบ้านนั้น ต่อให้ราคาจะตก ยังไงเราก็ยังมีที่ดินเก็บไว้.... โดนส่วนตัวก็ไม่ได้เป็นคนทราบข้อมูลมากเกี่ยวกับ อสังหาริมทรัพย์....แต่เท่าที่ดูตอนนี้ รู้สึกคนญปนิยมหันมา ซื้อแมนชั่นโครงการใหญ่ ๆ กันมากขึ้น แล้วที่สร้างใหม่ ๆ ตอนนี้ มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่เรียกว่าน้ำลายยืดกันไป นาน เพราะในคอนโดมีทั้ง..... - สปา - ห้องไดรฟ์กอล์ฟ - ฟิตเนส เครื่องเล่นออกกำลังกาย - ห้องสมุด - Mini Theatre Room - kid's playground - culture room - View Lounge ฯลฯ เรียกได้ว่าหนึ่งวันไม่ต้องออกไปไหน ก็สามารถหาอะไรทำ ในคอนโดได้....หรือว่านี่คือจุดขาย ของบริษัทสร้างบ้าน ยุคใหม่ เวลาดูโฆษณาทีไร เห็นบ้านที่มีหลังคาโซล่า เซลล์ก็เกิด กิเลสว่า แหม..อะไรมันจะไฮเทคขนาดนี้ อยากได้บ้าง... แต่พอดูเงินในกระเป๋าตัวเอง ก็ต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ ข้อสำคัญหากไม่มีมรดกที่ดินมาแต่สมัยเจ้าคุณปู่...ที่ดินที่ พอจะหาซื้อได้นั้น ก็ต้องเดินกันน่องโป่ง หรือไม่ลงจาก รถไฟแล้ว ต้องรีบวิ่งแจ้นไปต่อรถเมล์ เพราะถ้าพลาดรถ เมล์เที่ยวสุดท้าย นั่นหมายถึง ต้องเรียกแท๊กซี่กลับลูก เดียว เรื่องการผ่อนบ้าน...ที่ญป นิยมผ่อนกันนาน....นานสุด ๓๕ ปี ใจนึงก็อยากจะปล่อยเวลาตรงนี้กับมัน แต่อายุ และ การงานต่างหากที่ไม่เอื้ออำนวยให้ทำ...หากเริ่มต้นซื้อบ้าน เมื่ออายุ ๔๐ ต้องผ่อนไปจนอายุ ๗๕ กว่าจะผ่อนหมด เคยตั้งคำถามกับตัวเองนะคะว่า และช่วงอายุระหว่าง ๖๐- ๗๕ ล่ะ จะเอาเงินจากไหนมาผ่อน??? หรือว่าเงินบำนาญ หรือเงินเก็บ....ไหนจะภาษีบ้านอีก กลัวว่าอีก ๒๐ ปีข้างหน้า ไม้ขีดไฟฟ้าไม่กลัดละ ๕ หมื่น เยน แต่เราต้องรีดเงินบำนาญมาผ่อนบ้านแทนน่ะค่ะ จากคุณ : fudge-a-mania - [ 6 ก.ย. 47 23:17:46 ]

ความคิดเห็นที่ 13 น้องเจี๊ยบขา...ขอบคุณค่ะ ได้อีกหนึ่งไอเดียแล้ว ที่น้องเจี๊ยบถามพี่ว่าบั้นท้าย เอ๊ย...บั้นปลายชีวิตจะอยู่ที่ ไหน...แฮ่ะ ๆ พี่ไม่เคยคิดเรื่องนี้เลยค่ะ (โหมดอาย) พี่เคยอยากจะได้มายโฮมมาก ๆ เลยเหมือนกัน...แต่ว่าพอ อยู่มาจะสองปีตรงนี้ พี่เริ่มรู้สึกว่า....พี่ดูแลมันไม่ไหวแน่ ๆ แต่ว่าที่น้องเจี๊ยบแจกแจงมา...พี่ก็เห็นด้วยนะคะ พี่ไม่เคยนึกถึงเรื่องการล้างรถเลย...แต่ใช่ที่ว่าหากอยู่แมน ชั่น คงล้างรถเองไม่ได้ ต้องไปเสียเงินล้างลูกเดียว (แต่ถึง ตอนนี้พี่จะอยู่บ้าน เจ้านายที่บ้านก็ล้างรถปีละ ๒ หนเท่า นั้น ) เรื่องค่าเช่าที่จอดรถนี่พี่ก็คิดหนัก..เพราะ มันเปลืองเงินอยู่หลาย (แต่บ้านเช่าตอนนี้ พี่ก็ต้องจ่ายค่าที่ จอดรถแยกจากค่าเช่าบ้านเหมือนกันค่ะ) แต่เรื่องวิ่งขึ้นลงบันไดนี่พี่ขอบายค่ะ คริ คริ....เพราะบันได ญปมันไม่เหมือนบ้านเรา ทั้งพื้นที่น้อย ทั้งชัน...วิ่งขึ้นลง แล้วกลัวจะกลิ้งเป็นลูกขนุนลงมาจัง ฮ่าๆๆ จริง ๆ บ้านที่เมืองไทยพี่ซื้อเอาไว้แล้ว (ตอนนี้ให้พ่อแม่ ช่วยดูแลอยู่) พี่จึงไม่ห่วงตรงนี้ค่ะ ห่วงแต่ที่ซุกหัวนอนที่ ญปเนี่ยแหล่ะ....ตอนแรกตาอ้วนก็ยืนกรานว่าจะไม่ซื้อ เพราะมีบ้านที่เมืองไทยอยู่แล้ว (ต้องย้ำสิบรอบว่านั่นมัน บ้านชั้นนะเธอจ๋า) แต่พี่แค่คิดว่า หากมีลูก...ก็อยากจะให้สิทธิ์ลูกเลือกที่จะ อยู่ในที่ ๆ เค้าต้องการ (นี่ขนาดยังไม่มีลูกนะ ยังคิดไป นู่น) เค้าจะอยู่ญป ก็ได้ หรือเมืองไทยก็ได้.... แต่ก็ใช่อย่างที่น้องเจี๊ยบว่าเลยจ้า...คือ หากเราไม่ได้อยู่ ญป แมนชั่นจะหาคนซื้อต่อ หรือเช่าง่ายกว่าบ้านหลัง จากคุณ : fudge-a-mania - [ 6 ก.ย. 47 23:30:10 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เลือกบ้าน ก็คงตามใจผู้อยู่ ว่าชอบแบบไหน แต่ละคน ก็คงชอบไม่เหมือนกัน เพราะว่า ปัจจัยพื้นฐานต่างกัน ปัจจัยที่ว่า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงิน เรื่องงาน เรื่อง โรงเรียนของลูก การคมนาคมต่างๆ ใกล้แหล่งที่จับจ่ายใช้สอยและ อื่นๆ  ปัจจัยต่างๆในการเลือกซื้อนั้น แต่ละคน คงคำนึงถึงอยู่เสมอ เพื่อประโยชน์สุงสุดแก่ตัวเอง หรือแม้แต่บางคนชอบสันโดด เลือกบ้านบนกลางเขาลำเนาไพร ก็ไม่ผิด เพราะว่าชอบ ถึงแม้เวลาซื้อข้าวของต้องขับรถหลายชั่วโมง หรือเวลาเจ็บไข้ได้ป่วย ต้องบี่งไปหาหมอไกลแสนไกล แต่เขาเลือกเช่นนั้นเพราะว่ารับในจุดนั้นได้ เพราะว่าชอบการใช้ชีวิตลักษณะนั้น สำหรับพี่ออย ที่เลือก ที่จะซื้อคอนโดเพราะด้วยเหตุผลความสะดวก และปัจจัยหลายๆอย่างที่ค่อนข้างตรงใจแล้ว ยินดีด้วย กับบ้านหลังใหม่นะคะ สำหรับกรณีการตัดสินใจเลือกซื้อไม่ว่าจะเป็นบ้านหรือคอนโด ไม่ว่าอนาคต อาจจะ รู้สึกว่าโชคดี ที่เลือกซื้อคอนโด หรือเฮ้อ ไม่น่าเลย น่าจะเลือกบ้าน  อันนี้ แหละจุดสำคัญ ถ้าเกิด ถึงวันนั้น โปรดขอให้มั่นคงกับการตัดสินใจตัวเอง ที่ ตัดสินใจเลือก ณวันแรกที่เราตัดสินใจ เอาทรัพย์ออกจากมือ(เงิน) แล้วก็ต้อง ยอมรับกับทุกอย่างที่จะเกิดขึ้น หากแก้ไขได้แก้(ถ้าถูกลอตโต้ไม่ต้องรอช้านะ) หากไม่ได้ ช่างมันทำใจให้สบาย(ผ่อนไปเรื่อยๆ สู้กับเจ้าตัวอักษรสีแดงอิๆๆ หน้ากากแอ็คชั่น)  อยู่กับสิ่งที่เราเลือก ที่เราตัดสินใจน่าจะดี  นึกถึงข้อดีที่เราใช้ในการเลือกตอนแรกเข้าไว้ สำหรับตัวเอง คงเลือก บ้าน เพราะว่า ชอบตามปัจจัยส่วนตัว ขาดแต่ปัจจัย(เงิน) ที่ยังต้องเก็บเรื่อยๆ  ถ้าเกิดยึดมั่นว่าจะปลูกบ้าน ก็คงต้องดิ้นรนเพื่อทำฝันให้เป็นจริง และมีความรู้สึกว่ามันเป็นทรัพย์สินของตัวเองที่ชิ้นใหญ่สุดรองลงมาจากคนในครอบครัว ในชีวิตครอบครัว คือใหญ่สุดก็คือคนในครอบครัว รองมาก็คงบ้าน ที่ที่เก็บทุกๆ ความทรงจำของทุกคนไว้ด้วยกัน(คอนโดก็บ้านเหมือนกันแต่บ้านหลังคาเดียวกับหลายๆคน ไม่ต้องน้อยใจว่าจะไม่ได้เก็บความทรงจำอิๆๆ ) อนาคตไม่แน่ แต่บ้านที่ญี่ปุ่นต้องมี ที่เมืองไทย หากอยู่มากกว่าห้าปีต้องมี หากไปๆมา อาจจะซื้อคอนโด คอนโดบ้านเรานับวันยิ่งทันสมัยและถูกใจเราขึ้นเรื่อยๆ (ฝันลมๆ เพราะว่าตอนนี้มันแพงฉิบเลย คอนโดสไตล์รีสอท) บ้าน และคอนโด มีข้อดีและข้อเสีย ที่ต่างกัน เชื่อว่าทุกๆคนรู้กันแล้วในจุดนี้ ถ้ากำลังเงินสูง คอนโด ดีๆ เพียบพร้อมก็ถือว่าใช้ได้เลยทีเดียว ถ้ากำลังเงินสูง บ้าน หรูๆ บ้านสมัยใหม่ ตกแต่งโมเดิร์น ผสมผสานความเป็นญีปุ่น พร้อมสวนสวย และพื้นที่ที่เป็นส่วนตัว และสะดวกสบายด้วยการคมนาคม และอื่นๆ ระบบป้องกันโจร อุ๊ลำแข้งและไม้หน้าสาม หรือขโมยติดตั้งได้ที่บ้าน หลักๆ มีเงิน ก็คงเนรมิตฝันได้ง่ายขึ้น ถ้าไม่มี จะทำอย่างไรให้มี ถ้าไม่ทางแล้ว อือ เก็บให้ตายก็ตามเก็บฝันไม่ถึง ก็ คงต้องต้อง ตัดสินใจ ตามทุนอยู่ดี เพราะว่า อยากได้ที่เพียบพร้อมตรงใจ หากไม่ มีเงินคงไม่มีความหมาย หากไม่พยายามให้มีด้วยยิ่งแล้ว จะทำฝันให้เป็นจริงก็ต้องสู้เขาไอ้มดแดง เก็บเงินๆ ๆ เชื่อว่า ทุกคนคงทำได้ (ข้าน้อยจะทำได้เปล่านี่) การตัดสินใจ คงขึ้นอยู่กับตัวเอง เลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ชีวิตคุณ ยอมรับกับการตัดสินใจ .................................. แก้ไขเมื่อ 07 ก.ย. 47 07:30:20 จากคุณ : อดีตนักกินจุก - [ 7 ก.ย. 47 07:26:38 ]

ความคิดเห็นที่ 15 -ไม่มีสวนค่ะคุณฟัดจ์ ปลูกไม้กระถางเอา ไม่ค่อยได้ดูเเลบ้าน ยิ่งได้ทำpart timeด้วย เหนื่อย เรื่องดูเเลบ้านลืมไปเลย บ้านก็โทรมเอาๆ(ต้องบอกว่ารกยังกะรังหนู) มีตังค์เมื่อไหร่ค่อยคิดเรื่องรีฟอร์มอีกทีค่ะ -ส่วนเรื่องใกล้-ไกลสถานีรถไฟนี่เป็นกลยุทธ์ของการขายบ้านเลยค่ะ เขาจะเขียนบอกว่าใกล้ใช้เวลาเดินน้อยไว้ก่อน อย่างเเถวบ้านพี่ เขาจะบอกว่า5นาทีเท่านั้น -พี่ว่าผ่อนน้อย ผ่อนนาน จะทำให้เราไม่เครียด ปีไหนเราโชคดีถูกหวย มีเยอะจ่ายเยอะ ก็ช่วยย่นเวลาผ่อนสั้นลง เสียดอกเบี้ยน้อยลงไปด้วยค่ะ จากคุณ : Hana* - [ 7 ก.ย. 47 07:27:23 ]

ความคิดเห็นที่ 16 จ๊ะเอ๋นู๋ฟัดจ์ ดีใจด้วยนะจ้ะที่จะได้ครอบครองทรัพย์สมบัติเพิ่มมาอีกชิ้นนึง สำหรับพี่คงจะไม่มีไอเดียร์ดีๆมาฝาก เพราะตอนพี่เข้ามาอยู่ที่นี่ตอนแรก คนที่บ้านเขาซื้อของเขาไว้เรียบร้อยแล้ว ก้อ...เลยตามเลย อ่านความคิดของเพื่อนๆแล้วรู้สึกว่า ตัวเองได้ความรู้ดีๆขึ้นมาเป็นกอง โชคดีจังที่ได้เข้ามาอ่านพอดี แรกทีพี่คิดว่าจะซื้อบ้านที่มีพื้นที่+สวน+โรงรถ แต่ปรากฎว่าไปดูตามโฆษณาแล้ว ฝันกะเจิง...คงจะไม่มีวาสนาแน่เลย รอ...รับมรดกตกทอดยังจะพอมีทางมากกว่าแม้จะรำไร..อิอิ(ฝันไว้ก่อน) นู๋ฟัดจ์เอ๋ย...รอไปรอมา ตอนนี้เลยต้องหันมาซ่อมบ้านเก่าแก่เกือบ20ปีของซะมี(ของได้ชัวร์ๆ) ตอนนี้กำลังจะเสร็จเกือบ95เปอร์เซ็นต์แล้วเหยียบๆอิเซ็งมัง ตอนนี้พี่เลยต้องกินข้าวคลุกน้ำปลาแทบทุกวัน(น่าสงสารใช่ม่ะ) จากคุณ : naruน้องใหม่ - [ 7 ก.ย. 47 08:08:23 ]

ความคิดเห็นที่ 17 โทษทีนะคะรูปไม่ค่อยชัดถ่ายจากมือถือ ป.ล.ภาพเล็กแบบนี้คงจะดูลำบากหน่อย รอจัดบ้านเรียบร้อยแล้ว ค่อยว่ากันอีกทีนะจ้ะ แก้ไขเมื่อ 07 ก.ย. 47 09:20:45 จากคุณ : naruน้องใหม่ - [ 7 ก.ย. 47 08:11:03 ]

ความคิดเห็นที่ 18 เหมือน คห ที่ 14 ค่ะ แต่ส่วตัวชอบบ้านมมากกว่า ไกลสถานีก็ขี่จักรยานไปจอด เราว่ามันสบายกว่าแมนชั่นนะ นี่โดยส่วนตัว อนาคต คงกลับไปอยู่เมืองไทย ที่นี่อาจจะขายที่ดินทิ้ง หรือไม่ก็อาจจะให้เค้าเช่า (ถ้ามีนะ หุหุหุ) จากคุณ : กระบุงกระหนุงกระหนิง - [ 7 ก.ย. 47 08:51:16 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ครอบครัวเราเลือกบ้านหลังแรกเป็นแมนชั่นค่ะ เหตุผลคือ ชอบความสะดวกสบายเป็นหลัก สามีเป็นคนขี้เกียจค่ะ ชอบใช้เงินซื้อความสบาย เพราะฉะนั้นการจะมีบ้านของตัวเอง แล้วต้องมาทำโน่นทำนี่ดูแลให้ยุ่งยากนี่ พ่อคนนี้ท่าจะหวังพึ่งยาก ตัวพี่เองก็ไม่ขยันขนาดนั้นซะด้วย ฮอกไกโดหิมะเยอะ ถ้ามีบ้านต้องจัดการโกยหิมะเอง คิดแค่นี้พ่อก็ไม่เอาคนนึงแล้วล่ะค่ะ สู้มีแมนชั่นนอนอึดถึดทั้งวันได้สบายๆดีฝ่า จะไปเที่ยวไหนต่างจังหวัดก็ไม่ต้องคิดมากถ้าจะทิ้งบ้านไว้ หิมะก็ไม่ท่วมบ้านด้วย การอยู่แมนชั่น อาจจะต้องเกรงใจเพื่อนบ้านที่อาศัยอยู่ในตึกเดียวกัน แต่ก็ไม่ถึงกับขาดความเป็นส่วนตัวเสียเลยทีเดียว ถ้าเราไม่ใช่เป็นคนชอบทำอะไรโครมครามเสียงดังอึกทึกผิดกว่าชาวบ้านเค้า อีกอย่างเป็นคนไม่ชอบขึ้นบันไดที่สุด นึกถึงเวลาแก่ตัว ถ้าอยู่บ้านห้องข้างบนจะไม่ได้ใช้แหงๆ ลูกๆก็โตไป เค้าก็อาจจะต้องออกจากบ้านไปอยู่คนเดียวถ้าได้งานที่เมืองอื่น หรือมีครอบครัว บ้านมันจะหลังใหญ่เกินไปสำหรับสองตายายอย่างครอบครัวพี่ ถ้าเราอยากจะไปใช้ชีวิตที่เมืองไทยในบั้นปลาย มีแมนชั่นเก็บไว้ที่นี่ไว้มาพักผ่อน ไม่ต้องดูแลมาก เหลือแค่หาตังค์ซื้อบ้านที่เมืองไทยอีกสักหลังก็พอ (ฝันจริงจริ๊ง) เรื่องผ่อนบ้าน สามีจะลงเงินก้อนหนึ่งที่มีไปก่อน แล้วผ่อนระยะยาว แต่ในระหว่างนี้ก็จะคอยเปลี่ยนแบงค์ดูเรทดอกเบี้ย เพื่อให้ช่วยผ่อนได้น้อยลง โบนัสออกก็จ่ายหนักเป็นค่าบ้านด้วยค่ะ ผ่อนบ้านนานๆ สามีพี่ก็จะทำประกันไว้สำหรับเผื่อตายชักไปก่อนเวลาผ่อนบ้านหมด บ้านนี้ก็ไม่ต้องผ่อนต่อ เป็นของเราเลย พอดีเห็นป้าซิ่งถามอยู่ข้างบนนิ เราตายไม่เกี่ยวค่ะ เพราะเราไม่ได้เป็นคนผ่อนบ้าน ประกันคนละชนิดกันค่ะ แต่ตอนนี้กำลังลุ้นหวยรางวัลใหญ่ของญี่ปุ่นอยู่ ถ้าได้สักสองสามโอ๊ค อยากมีบ้านอีกสักหลังนึงนิ...อิอิ...(ฝันบ้าบออีกแล้วสิ)...อะมิริมันอยากเลี้ยงหมาเหลือเกิน ถ้าไม่ถูกก็อยู่แมนชั่นแคบๆของเรานี่แหละ ไม่ลำบากอะไรเลยจ้า...ฮ่า... จากคุณ : ปาน-Sapporo - [ 7 ก.ย. 47 11:15:59 ]

ความคิดเห็นที่ 20 พี่ฟัดจ์คะ สําหรับนู๋โนริ เหมือนที่เคยคุยไปแล้วครั้งนึง คือเป็นผู้อาศัยอย่างเดียวจริงๆ ไม่ค่อยได้ออกความเห็นเท่าไร(เป็นภรรยาที่นิสัยไม่ดีเลย เป็นโรคขี้เกียจคิดเยอะน่ะค่ะ แฮ่ๆ) ตอนแรกๆเลยที่เราตัดสินใจหาๆกัน ก็ไปดูคอนโดนะคะ มีที่นึงถูกใจมากๆด้วยความสะดวกหลายๆอย่าง ถึงขนาดเขียนสัญญากันแล้วนะคะ เหลือเอาเงินมัดจําไปวางแค่นั้นเอง แต่เราก็กลับมานั่งคิดนอนคิดกันมากๆ ปรึกษาแม่สามีด้วย สรุปด้วยเหตุผลหลายๆอย่างเราก็เปลี่ยนใจหันมาซื้อบ้านเป็นหลังดีกว่า สาเหตุหลักๆเลยก็คือ นู๋โนริกับสามีไม่คิดว่าเราจะอยู่ญี่ปุ่นกันไปตลอดชีวิตน่ะค่ะ อนาคตเราจะกลับไปอยู่เมืองไทยกัน(บ้านที่ไทยก็มีแล้ว) แล้วถ้าเราซื้อบ้านเป็นหลังตอนนี้เรายังมีที่ดินไว้ให้อุ่นใจ ที่ที่เราอยู่กันตอนนี้ ถ้าทําเป็นที่จอดรถมันก็ไม่เลวนัก (เมื่อก่อนก็เป็นที่จอดรถเก่า) หรือจะดัดปแลงเป็นแมนชั่นเล้กๆก็คงมีคนเช่าแน่นอนอยู่แล้ว หรือจะดัดเเปลงทําเป็นร้านค้า อะไรก้ได้หลายอย่าง(ถ้าลูกๆเขาไม่มีใครอยากได้นะคะ แต่ถ้าใครอยากได้ ก็ต้องจ่ายค่าเช่าให้พ่อแม่ อิอิ แอบคิดงกกับลูก ฮ่าๆ) เราแก่เฒ่ากันเราก็รอรับเงินที่คนเช่าเข้ากระเป๋าทุกปีพอ ก็คิดเผื่อตรงนี้ค่ะ เพราะถ้าเป็นคอนโด เราไม่สามารถดัดแปลงทําอะไรได้มาก นอกจากให้เขาเช่าเป็นห้องพักเท่านั้น ส่วนเรื่องผ่อน เลือกผ่อนนานเพราะเหตุผลเดียวคือ ไม่มีเงินก้อนใหญ่ค่ะ ฮ่าๆ(ตัดสินใจซื้อเร็วเพราะตอนนั้นคนที่บ้านบอกว่า มันคงไม่มีถูกลงไปกว่าตอนนี้แล้วไม่แน่อนาคตญี่ปุ่นอาจรุ่งขึ้นและอะไรๆก็จะแพงขึ้น และก็จริงๆ ที่ดินของที่บ้าน ราคาขึ้นมานิดหน่อย จากปีที่แล้ว เพราะภาษีที่ดินปีนี้โดนเยอะกว่าปีที่แล้วอีกน่ะค่ะ ฮือๆ เศร้าเหมือนกัน แต่ก็แอบดีใจนิดๆ อุ้ย ลืมทัก เจ้นารุบ้านสวยนะคะ ภาพใหญ่มองเห็นชัดมากแต่ไม่เป็นไร สักวันจะไปสํารวจด้วยตัวเองเลยค่ะ แก้ไขเมื่อ 07 ก.ย. 47 13:30:19 แก้ไขเมื่อ 07 ก.ย. 47 13:28:54 จากคุณ : นู๋โนริ - [ 7 ก.ย. 47 13:28:29 ]

ความคิดเห็นที่ 21 เข้ามาทักทายน้องฟัดจ์ ค่ะ ปีหน้าถึงจะมาบอกว่า เป็นอย่างไรนะคะ อิ อิ เพราะปีนี้ยังอยู่เมืองไทยค่ะ สำหรับที่เมืองไทย ที่ไหนก็ได้ค่ะ ขอให้เป็นบ้านเรา จริง ๆ นะคะ ที่สำคัญ ... ต้องมีคนที่เรารักอยู่ใกล้ ๆ นี่สิ นะคะ ..... จากคุณ : อ้อแอ้เอง - [ 7 ก.ย. 47 16:24:06 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ทั้งบ้านและแมนชั่นก็มีข้อดีอะไรต่าง ๆ แตกต่างกันไปนะคะ แหม..จะมาช่วยตอบ แต่อ่านจากข้างบนแล้วมีคนตอบไปหมดแล้วอ่ะค่ะ โซบะเองจริง ๆ ก็ชอบทั้งบ้านและแมนชั่นนะคะ บ้านมีเนื้อที่ให้เราทำอะไรได้เยอะ แต่คงต้องดูแลอะไรมากตามไปด้วย ส่วนแมนชั่นก็รู้อยู่แล้วว่ายังงัยคงไม่ใหญ่เท่าบ้าน ถ้าเป็นคนขี้เกียจทำความสะอาดเนี่ยะ โซบะว่าอยู่แมนชั่นดูจะเวิร์คสุด ( นี่ก็พูดตามประสาอารมณ์แม่บ้านจอมขี้เกียจน่ะค่ะ ) ตอนนี้มีข่าวเรื่องแผ่นดินไหวด้วย คนที่ปลูกบ้านเองก็ชักจะหวั่น ๆ นะคะ อย่างโซบะเนี่ยะเรียกว่ากลัวขี้แตกขี้แตนเลยก็ว่าได้ค่ะพี่ ถ้ามันเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงจนบ้านพังคงชีช้ำมาก ๆ เลย ถ้าเช่าแมนชั่นอยู่คงไม่ต้องมีอะไรเสียหายเท่าบ้าน แต่คนเราก็จะมาคิดแต่เรื่องแผ่นดินไหวบางทีมันก็ดูตาขาวไปรึเปล่า บางทีก็แอบคิดเรื่องธรรมชาติใครจะไปห้ามได้ อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิดเนอะพี่เนอะ คิดปลอบ ๆ ตัวเองไป วันนี้ว่าง ๆ ค่ะ ขออนุญาตเอาบ้านมาโพสให้พี่ ๆ ที่นี่ดูละกันค่ะ จากคุณ : โซบะ - [ 7 ก.ย. 47 16:37:55 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ด้านข้างค่ะ บ้านโซบะจะยาว ๆ น่ะค่ะ แปลงที่ดินมันเป็นอย่างนั้น แต่ก่อนมีบ้านอยู่สองหลังนะคะ เพราะตรงที่จอดรถก็มีบ้านลอยอยู่หลังนึง ตอนนี้ทุบทำใหม่หมดค่ะ เหลือบ้านหลังเดียว สวนก็เล็กลงเพราะทำบ้านใหญ่ขึ้น เสียดายต้นไม้ที่แต่ด่อนมีเยอะมากค่ะ ต้องเอาไปทิ้ง เสียค่าทิ้งอีกตั้งเยอะ เสียดายจังค่ะ จากคุณ : โซบะ - [ 7 ก.ย. 47 16:40:53 ]

ความคิดเห็นที่ 24 นี่อ่ะค่ะ มองจากข้าง ๆ จากคุณ : โซบะ - [ 7 ก.ย. 47 16:41:29 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ตอนนี้สวนเหลือแค่จิ๊ดเดียวเองค่ะ ตอนนี้กำลังพยายามบูรณะอยู่ กำลังจะหาต้นไม้มาปลูกให้เต็มเหมือนเดิม คิดถึงต้นไม้จังค่ะ จากคุณ : โซบะ - [ 7 ก.ย. 47 16:43:12 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ทางเข้าบ้านด้านข้างค่ะ จากคุณ : โซบะ - [ 7 ก.ย. 47 16:44:17 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ห้องกินข้าว จากคุณ : โซบะ - [ 7 ก.ย. 47 16:45:36 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ไม่รู้จะเรียกว่าห้องไรดีค่ะ แต่โซบะเรียกกับแฟนว่า ห้องนอนกลิ้งค่ะ จากคุณ : โซบะ - [ 7 ก.ย. 47 16:47:23 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ห้องครัวค่ะ จากคุณ : โซบะ - [ 7 ก.ย. 47 16:48:12 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ห้องนอน จากคุณ : โซบะ - [ 7 ก.ย. 47 16:49:03 ]

ความคิดเห็นที่ 31 จริง ๆ มีรูปเยอะค่ะ แต่ขอตัวแค่นี้ละกันนะคะ เริ่มจะอายแล้วค่ะ ไม่รู้คิดผิดคิดถูกที่เอารูปบ้านมาโพสน่ะค่ะ ( โพสไปแล้วเพิ่งจะมาคิดได้ค่ะ ) T_T จากคุณ : โซบะ - [ 7 ก.ย. 47 16:50:55 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ขอโทษนะคะพี่ฟัดจ์ ไปไปมามาหนูไม่ได้ช่วยพี่ตอบไรเลย มัวแต่มาโพสรูป บ้าจริง ๆ เลย จากคุณ : โซบะ - [ 7 ก.ย. 47 17:02:52 ]

ความคิดเห็นที่ 33 - ขอบคุณค่ะน้องจูน เพราะว่ามันมีหลายปัจจัยมาเป็นตัวแปรในขณะที่งบประมาณจำกัดเนี่ยแหล่ะค่ะ ทำให้พี่ปวด หมองอยู่ทุกวันนี้ อย่างที่พี่เคยกล่าวไว้กับนู๋โนริในกระทู้ก่อน ๆ ว่า หากเป็นการซื้อบ้านที่เมืองไทย จะไม่ปวดหัว ขนาดนี้ เพราะผิดนักก็ซื้อใหม่ บ้านดี ๆ ที่พออยู่ได้บ้านเรา ๓-๕ ล้าน เท่านั้น (แต่หลัง ๆ พี่เข้าไปสืบราคา อสังหาริมทรัพย์เมืองไทย...แพงไม่ใช่เล่นเลย เดี๋ยวนี้) แต่บ้านที่ญป ซื้อทีนึงผ่อนไปจนตาย (รู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ ) เนื่องจากราคาไม่มีต่ำกว่า ๒๐ ล้านบาท ...ดูสิคะว่า แพงกว่าบ้านเรา ๔-๖ เท่า แล้วยังรายจ่ายที่ตามมาพะเรอเกวียน โดยเฉพาะภาษีแต่ละปี....เห็นแล้วหนาวจริง ๆ ใจจริงตาอ้วนไม่อยากมีภาระหนี้เลย....หากเลือกได้ แต่พี่เองต่างหากที่เป็นคนรบเร้าให้ซื้อ....กระนั้นก็ตาม ตาอ้วนก็ หยอดท้ายไว้หน่อยนึงว่า หากซื้อแล้ว...ไม่ชอบอยู่ล่ะ จะทำยังไง พี่อึ้งจริง ๆ เพราะความต้องการของคนเราเปลี่ยน ตลอดเวลาเมื่อเวลา ความจำเป็น และเงื่อนไขในชีวิตเปลี่ยนไป พี่เคยถามคนญปที่รู้จักมาบ้าง เรื่องการซื้อบ้าน และได้คำตอบต่างกันไป ซึ่งหาจุดสรุปไม่ได้ เหตุผลของทุกคนก็ฟัง ดูน่าคิดทั้งนั้น เพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ หลายคนที่มาแสดงตความคิดเห็นในกระทู้นี้ มีส่วนทำให้มุมมองทางความคิดของพี่กว้างขึ้น มาก เพราะบางทีพี่คิดอยู่คนเดียว....อะไร ๆ ก็แคบ โดยเฉพาะคอนโดที่พี่ไปวางมัดจำนั้นเป็นเพียงโครงการเดียวที่ พี่ไปดู....ทั้ง ๆ ที่จะซื้อบ้านหลังเดียวในชีวิตทั้งที แต่กลับใช้เวลาในการไปเลือกดูบ้าน....แค่วันเดียว และที่เดียว ด้วย....................พี่คิดผิดหรือเปล่านี่!!!!!!!! - พี่ฮานะคะ....ใช่เลย เพราะทำงานนอกบ้านนี่แหล่ะค่ะ เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้อยากได้ที่อยู่ใกล้สถานีเสียจริง ๆ เพราะต้องออกจากบ้านทุกวัน ยิ่งวันไหนแดดร้อนเปรี้ยง หรือพายุเข้าฝนตกหนัก ยิ่งดูตัวเองแล้วอนาถา กลับบ้าน ดึก ๆ ดื่น ๆ สี่ทุ่มกว่า ก็ยิ่งไม่กล้าเดินเข้าซอยคนเดียว ต้องขอพึ่งพ่อแม่ประจำ....รอตาอ้วนมารับกลับ ยิ่งงานบ้านด้วยแล้ว...แทบไม่ได้แตะเลย บ้านเป็นเหมือนโรงเตี๊ยม ใช้เป็นที่ซุกหัวนอนอย่างเดียว อยากถูกหวยเหมือนพี่ฮานะบ้างค่ะ มีเลขเด็ด ๆ จากเกจิอาจารย์ท่านไหนมั่งมั๊ยคะ จากคุณ : fudge-a-mania - [ 7 ก.ย. 47 18:41:40 ]

ความคิดเห็นที่ 34 - พี่นารุขา...คิ๊ดถึงจริง ๆ ไม่มาเยี่ยมเยียนห้องบ้างเลย ที่ไหนได้ไปซุ่มรีฟอร์มบ้านอยู่นี่เอง ให้เวลาหนึ่งอาทิตย์จัด ของเข้าที่ แล้วอย่าลืมคว้ากล้องตัวโปรดถ่ายรูปมาฝากด้วยนะคะ อยากดูง่ะ ซี๊ดๆๆๆๆๆ ทำไมพี่นารุโชคดีอย่างนี้คะ....ที่ไม่ต้องวิตกกังวลเรื่องการซื้อบ้าน เพราะแฟนพี่หาไว้แล้ว เฮ่อ....ตาอ้วนไม่เคยมี ความคิดนี้ในสมองเลย วัน ๆ ชวนแต่จะเสียเงิน....คงจะเป็นเรื่องนี้ด้วยน่ะค่ะ ที่ทำให้ฟัดจ์ยื่นคำขาด (มาดนาง ร้าย) ว่าต้องซื้อบ้าน....ไม่ใช่อะไรนะคะพี่ขา...อิจฉาสะใภ้คนใหญ่ค่ะ เพราะพี่ชายตัวดีของตาอ้วนนั้น ซื้อแมนชั่นไว้ ตั้งแต่อายุ ๒๘ โปะแล้วโปะอีก จนตอนนี้เหลือเวลาผ่อนอีก ๑๐ ปีเท่านั้น (ทั้ง ๆ ที่สมัยซื้อ ราคาอสังหาริมทรัพย์ แพงลิบลิ่วด้วย เธอยังสู้ซะ) พอแต่งสะใภ้คนนี้เข้ามา...เธอก็มีบ้านอยู่เลย ในขณะที่ฟัดจ์ต้องทำงานตัวเป็นเกลียวหัว เป็นน็อตเก็บเงินสร้างบ้าน.....ตัวอิจฉามาเองเลยค่ะงานนี้ พี่นารุคะ หากแก่ตัวลงอยากจะอยู่บ้านเหรอคะ...เท่าที่ฟัดจ์ถาม ๆ คนญปมา เห็นส่วนใหญ่มักจะอยากอยู่แมนชั่นใน ชีวิตบั้นปลาย เพราะมีระบบความปลอดภัยสูงกว่า อยู่ใกล้ความสะดวกสบายมากกว่า ทำความสะอาดก็ง่ายกว่า ไม่ ต้องปีนบันไดขึ้น-ลง แต่หากมีลูกเล็ก ๆ เพื่อน ส่วนใหญ่มักจะเทใจไปทางบ้าน เพราะจะได้มีที่ให้ลูกวิ่งเล่น มีสวน ไว้ปลูกผัก-ดอกไม้ - คุณกระบุง...สงสัยจะขี่จักรยานเก่งนะคะ สถานีแถวบ้านคงจะเป็น flat land ใช่มั๊ยคะ หากมาเป็นแถวบ้านฟัดจ์...ขี่ ขึ้นเนินซะหอบแฮ่ก ๆ เลย จอดรถที่สถานีเสียเดือนละ ๓ พันเยนใช่เปล่าคะ จากคุณ : fudge-a-mania - [ 7 ก.ย. 47 18:54:56 ]

ความคิดเห็นที่ 35 - เจ๊ปานจ๋า...ขอบคุณค่ะ เจ๊ปานจะซื้อบ้านอีกหลังเหรอ โห ๆ ๆ เก่งจริง ๆ แต่เชื่อว่าพี่ปานทำได้นะ (เพราะพี่ปาน เป็นคนสู้ชีวิต) ฟัดจ์ไม่อยากเลี้ยงสัตว์น่ะค่ะ เพราะเป็นภาระ แต่คอนโดที่เล็ง ๆ ไว้สามารถมีสัตว์เลี้ยงได้ โดยที่เค้าจะระบุขนาด กว้าง ยาว สูงของสัตว์ (หากเลี้ยงช้าง เพื่อจะกินขี้ช้างนั้น...เค้าไม่ยอม เดี๋ยวคอนโดพัง ) มีลิฟต์ สำหรับสัตว์ขึ้นต่างหาก ไม่มาปะปนกันลิฟต์คน....แน่ะแยกวรรณะอีก ฮี่ฮี่ พี่ปานขา ถามนิ๊ดนึงนะคะ...หากเราเปลี่ยนธนาคารเรื่อย ๆ เราไม่โดนค่าคอมมิชชั่นกินตายเหรอพี่ เพราะเคยได้ยินมา ว่าเปลี่ยนสัญญาทีนึง ก็เจอชาร์จซะหัวปั่นไปเลย ข้อเท็จจริงเป็นยังไงคะพี่ - นู๋โนริจ๋า....อย่ามาให้พี่อิจฉาเหมือนพี่นารุอีกคนล่ะ ที่พ่อบ้านเตรียมทุกอย่างไว้พร้อมสรรพแบบนี้...ดีแล้วค่ะ ที่ไม่ ต้องคิด และออกความเห็นมาก ไม่งั้นมีทะเลาะทุกสเต๊ป ขนาดแค่เรื่องจะเอาห้อง type ไหน พี่กับแตงโมยังทะเลาะบ้านแตก กว่าจะหาจุดสรุปได้ พี่ก็งอนไปหลายวัน เพราะ แตงโมบอกว่า "ถ้าความเห็นไม่ตรงกัน ก็ไม่ต้องซื้อบ้านมันละกัน" ป้าดโธ่...อยากเอาครกหินอ่างศิลาทุ่มหัวเจรง ๆ แล้วยังมีการทะเลาะกันอีกเป็นระยะ ๆ ว่า จะเอาห้อง design แบบไหน (มันมีสามแบบ พี่จะเอาแบบสอง แต่ แตงโมบังคับให้เอาแบบสาม) เห็นมั๊ย...ทะเลาะกันได้ตลอด หากแฟนพี่เป็นคนคิดการณ์ไกลแบบพ่อบ้านหนูโนริ...พี่จะปล่อยให้เค้าจัดการไปเลย เราไม่ต้องเหนื่อยด้วย นู๋โนริไอเดียจ๊าบนะคะ เรื่องเอาบ้านทำแมนชั่น (เรื่องนี้น้องแจนรู้ดี) แต่ว่าถ้าไม่อยู่ญป แล้วไม่กลัวเค้าโกงค่าเช่าบ้าน เหรอคะ หรือว่าอยู่จนทำแมนชั่นเราเปิง เรื่องเอาแมนชั่นให้เช่านี่ พ่อแม่บอกมาเลยว่าให้ระวัง เพราะว่าหากคนอยู่ไม่ ถนอมบ้านเรา เงินที่เราได้มา...กลับเงินที่เราต้องจ่ายค่ารีฟอร์ม ราคาพอ ๆ กันเลยค่ะ เรื่องภาษี....เอ...พี่ก็ไม่สันทัดนะคะ แต่เท่าที่พี่ไปฟังเจ้าของโครงการคอนโดมา เค้าบอกว่าช่วง ๒ ปีแรก(พี่จำตัว เลขไม่แม่นค่ะ) เราจะจ่ายแค่ ๕๐ เปอร์เซนต์ของราคาจริง จากนั้นราคาจะขยับจ่ายสูงขึ้นเรื่อย เพราะกฎหมาย ระบุไว้อย่างนั้น แต่อยู่ไป ๆ เป็นสิบ ๆ ปี เราจะจ่ายภาษีน้อยลง.....นี่พี่หมายถึงภาษีอสังหาริมทรัพย์ค่ะ อาจจะคน ละอันกับภาษีที่ดิน แฮ่ๆๆๆ จากคุณ : fudge-a-mania - [ 7 ก.ย. 47 19:12:19 ]

ความคิดเห็นที่ 36 - พี่อ้อคะ ได้เลยค่ะ จะรอปีกว่า ว่าแต่ว่าพี่อ้อจะอยู่โอซาก้าใช่มั๊ยคะ - น้องโซบะ....บ้านสวยมากค่ะ แปะเยอะ ๆ ก็ไม่เป็นไรค่ะ เพราะพี่จะได้ไอเดียไว้แต่งบ้านด้วย พี่ก็ไม่แน่ใจนะคะว่า ถ้ามีแผ่นดินไหว บ้าน หรือแมนชั่นจะปลอดภัยกว่ากัน แต่ที่แน่ ๆ บ้านสมัยนี้มักจะสร้างด้วยไม้ เนื่องจากราคาถูก และสร้างเร็วกว่าคอนกรีต...ซึ่งแฟนพี่บอกว่าน่ากลัวมาก หากมีแผ่นดินไหว และเวลามีไฟไหม้ ตามมา ก็จะราบเป็นหน้ากลอง เหมือนอย่างที่โกเบ แต่ก็นะคะ ถ้าแผ่นดินไหวแบบระดับที่โกเบเกิดขึ้นจริง พี่ว่าทั้งบ้าน และแมนชั่นก็คงจะไม่ได้โชคดีไปกว่ากัน....เดี้ยง ทั้งคู่ แต่ว่าบ้าน เรายังเหลือที่ดิน ในขณะที่แมนชั่น...เราไม่เหลืออะไรเลย นี่คือสิ่งที่พี่หนักใจที่สุดตอนนี้ ลักษณะบ้านของน้องโซบะ เหมือนบ้านเช่าที่พี่อยู่ตอนนี้ค่ะ คือที่จอดรถจะอยู่ข้างหน้าบ้าน และต้องเดินขึ้นบันได ไป ต่างกันที่บ้านเช่าพี่ดูเก่ากว่า พื้นที่ไม่กว้างเท่านี้ (พื้นที่ใช้สอยแค่ ๘๐ กว่าตร.ม.เท่านั้น) และผนังบ้านติดกับ เพื่อนบ้านสองบ้าน เพราะเป็นบ้านแบบ เทอราส เฮาส์ ว่าแต่ว่า บ้านไม่ไกลจากสถานีรถไฟเหรอคะ เพราะดูเป็นย่านผู้อยู่อาศัยมาก ๆ เลย จากคุณ : fudge-a-mania - [ 7 ก.ย. 47 19:22:37 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ไม่ไกลจากสถานีรถไฟเลยค่ะพี่ฟัดจ์ แค่ 5 นาทีก็ถึงแล้วค่ะ แต่ก็ไม่ค่อยได้ใช้บริการรถสาธารณะเท่าไหร่หรอกค่ะ ส่วนใหญ่ที่บ้านเราจะขับรถเองมากกว่า ซึ่งคนส่วนใหญ่แถวบ้านโซบะก็เป็นแบบนี้ค่ะ จากคุณ : โซบะ - [ 7 ก.ย. 47 21:49:07 ]

ความคิดเห็นที่ 38 มาต่ออีกนิดค่ะ บ้านี้โซบะค่อนข้างโชคดีค่ะที่พ่อแม่สามีมีที่ดินค่ะ เค้าเลยสร้างบ้านให้ค่ะ พ่อกับแม่ออกเงินให้คนละครึ่งเลยค่ะเพื่อสร้างบ้านใหม่นี้ เราเลยไม่ต้องมานั่งผ่อนค่ะ โชคดีไปค่ะ ไม่งั้นผ่อนบ้านตั้งกี่ปี เป็นหนี้จนแก่ นึกภาพไม่ออกเลยค่ะ แต่ก็มีปัญหาตรงที่โซบะกับแฟนวางแผนไว้ว่าจะอยู่เมืองไทยนี่สิคะ กำลังจะซื้อบ้านที่เมืองไทยด้วย เฮ้อ..ก็มีเรื่องกลุ้มไปอีกอย่าง จากคุณ : โซบะ - [ 7 ก.ย. 47 21:53:59 ]

ความคิดเห็นที่ 39 พี่อ้อไปอยู่ไซตามะค่ะ น้องฟัดจ์ แล้วจะไปเที่ยวโยโกฮามานะคะ จากคุณ : อ้อแอ้เอง - [ 7 ก.ย. 47 21:57:45 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ยกตัวอย่างเฉยๆคุณฟัดจ์ พี่ไม่ได้ซื้อหวยมา10กว่าปีเเล้ว ^_^ จากคุณ : Hana* - [ 8 ก.ย. 47 06:36:33 ]

ความคิดเห็นที่ 41 สวัสดีค่ะคุณฟัดจ์ แวะเข้ามาหลายรอบแล้ว พอเริ่มพิมพ์ๆ ก็เกิดเหตุขัดขวาง ทำให้ พิมพ์ไม่จบสักที ตอบเลยนะคะ 1. ตอนนี้ยังเช่าเค้าอยู่ค่ะ คงอีกสี่ ห้า ปีถึงจะคิดซื้อ หากเลือกได้ คิดว่าเลือกซื้อบ้านค่ะ เหตุผลก็คล้ายๆ กับที่หลายๆ ท่านว่าไว้ ลอกเลยละกันนะคะ ตอนนี้อยู่อพาร์ทเมนต์ต้องระวังมากเลย เสียงโทรทัศน์ เสียงลูกร้อง ลูกกระโดด บางทีก็เครียดได้เหมือนกัน เพราะห้องข้างๆ เค้าอยู่แบบเงียบมาก ก็เลยนึกอยากอยู่บ้านน่ะค่ะ แม้จะห่างกับเพื่อนบ้านเพียงแค่เมตรหนึ่งก็ยังดี อีกอย่าง อยากเห็นบ้านของเราเป็นหลังๆ น่ะค่ะ แบบว่ามองจากถนน ก็เห็นว่านี่นะ บ้านของเรา แต่คอนโด มันให้ความรู้สึกว่าเป็นห้อง ไม่ค่อยได้อารมณ์ของบ้านเป็นหลังๆ แต่สารภาพว่า เมื่ออ่านที่คุณฟัดจ์เล่าเรื่องสิ่งอำนวยความสะดวกของคอนโดแล้ว ในมันเอียงไปทางอยู่คอนโดเหมือนกันค่ะ 2. เลือกผ่อนแบบไหน สามีเลือกดาวน์ก้อนโต แล้วผ่อนให้จบลงเร็วที่สุดค่ะ (แล้วจะมีปัญญาได้มีบ้านมั้ยเนี่ย) หากเป็นความคิดของตัวเองล้วนๆ ก็ดาวน์น้อย ผ่อนนานค่ะ แต่ไม่อยากขัดแย้ง พี่เค้าว่า เชื่อพี่ แล้วดีเอง เราก็เลยว่าไงว่าตามกันค่ะ ต้องไปแล้วค่ะคุณฟัดจ์ แวะมาอ่านเก็บข้อมูล พออ่านกระทู้เกี่ยวกับซื้อบ้านแล้ว ก็เกิดความรู้สึกอยากมีบ้านบ้างทุกทีเลย ยินดีด้วยสำหรับบ้านใหม่นะคะคุณฟัดจ์ ต้องไปแล้วค่ะ ตัวเล็กส่งเสียงแอะๆ แล้ว จากคุณ : วดี - [ 8 ก.ย. 47 14:46:51 ]

ความคิดเห็นที่ 42 สวัสดีค่ะ ตอบเลยนะคะ 1. ซื้อแมนชั่นค่ะ เพราะบ้านแพง แถมต้องดูแลรักษาเองทุกอย่าง ส่วนตัวเพื่งซื้อเป็นแมนชั่นมือสอง แล้วรีฟอร์มหมด ก็ดูใหม่แล้วก็ถูกกว่าของใหม่มาก (ไม่ค่อยมีตังค์คะ) แล้วก็ไม่คิดจะอยู่ที่ญี่ปุ่นไปจนตาย ถ้าแฟนเกษียญแล้วก็จะไปซื้อบ้านหรือคอนโดที่กรุงเทพฯ ส่วนลูก ถ้าเขาอยากอยู่ต่อที่ญี่ปุ่นทำงานที่ญี่ปุ่นก็ไม่บังคับ ก็มีแมนชั่นที่ผ่อนเสร็จแล้ว ไม่ต้องให้ลูกเดือดร้อน หรือถ้าจะไปอยู่เมืองไทยก็ขายแมนชั่นทิ้งค่ะ 2. เลือกชำระเงินเท่าที่มี แล้วผ่อนอีก 25ปีค่ะ ตกเดือนละ 80000เยน เอง ถูกกว่าเช่าอีกคะ ส่วนเรื่องที่คุณป้าซิ่งบอกนั้น ถามแฟนมาแล้วค่ะว่าเป็นความจริง เพราะตอนทำเรื่องกู้ ทางธนาคารจะทำประกันให้คนที่กู้โดยที่เราไม่ต้องจ่ายอะไรเลย โดยผู้รับประกันจะเป็นธนาคาร ถ้าคนที่กู้เสียชีวิตก่อนชำระหมด ทางธนาคารจะได้รับเงินประกันเป็นจำนวนเงินที่ยังค้าง ทำให้ภรรยาไม่ต้องจ่ายต่อค่ะ ปลอดภัยค่ะ จากคุณ : Neee - [ 8 ก.ย. 47 16:23:38 ]

ความคิดเห็นที่ 43 - น้องโซบะอยู่แถวไหนคะ พี่จำไม่ได้แล้ว แฮ่ ๆ ๆ โตเกียวหรือเปล่าคะ แต่...โชคดีจริง ๆ ที่คุณพ่อคุณแม่ท่านมีที่อยู่ แล้ว คุณพ่อคุณแม่บ้านนี้ ท่านไม่ชอบอยู่บ้าน เลยตัดสินใจซื้อคอนโดด้วยเงินสด ตอนที่ท่านอายุ ๗๐ กัน ท่านไม่ ชอบให้ลูก ๆ อยู่บ้านเดียวกัน แต่อยากให้ลูก ๆ อยู่ใกล้ ๆ ประมาณเดินไปมาหาสู่กันได้ ก็เลยกลายเป็นว่าทั้งลูกชาย คนโต กับคนเล็ก ต่างอยู่ใกล้กันในระยะเดิน ๕ นาที อิอิ - พี่อ้อคะ ดีค่ะ ๆ อยู่ไซตะมะไม่ไกลกันมาก กว่าพี่อ้อจะย้ายมา และอะไรเข้ารูปเข้ารอย ฟัดจ์คงจะได้เกือบ ๆ ย้าย เข้าไปอยู่ที่ใหม่ ถึงเวลานั้นคงจะมีโอกาสเชิญพี่อ้อมาเที่ยวที่บ้านน่ะค่ะ (แต่คับแคบหน่อยนะคะ) - คุณหนุ่ยคะ ขอแสดงความยินดีกับลูกชายคนใหม่ น่ารักน่าชังด้วยนะคะ น้องลูกโซ่คงจะดีใจที่มีเพื่อนเล่นมาอีก คน ไม่เหงาด้วย.... ตอนนี้กิจการข้าวกล่องเป็นยังไงบ้างคะ พักไว้ชั่วคราวหรือเปล่า เพราะว่ามีเด็กเล็ก ๆ ที่ต้องดูแลถึงสองคน ฟัดจ์กว่า หากลูก ๆ โต ๆ กันหมดแล้ว คุณหนุ่ยคงจะเปิดร้านอาหารได้เลยนะคะ เพราะลูกค้าเก่า ๆ ก็มีอยู่แล้ว พูดถึงเรื่องบ้าน ฟัดจ์ก็จำได้ว่าคุณหนุ่ยเช่าบ้านอยู่เหมือนฟัดจ์ (เพราะเคยพูดกันถึงสนามหลังบ้าน ฮ่า ๆ ๆ) ก็ไม่ มั่นใจเหมือนกันค่ะ ว่าตัดสินใจผิดหรือถูกที่จะซื้อบ้านตอนนี้ เพราะบ้านเช่าบริษัทช่วยออกเกือบ ๒ ใน ๓ ส่วน (ตัว เองออกเองแค่ ๖ หมื่นกว่าเยนต่อเดือน) แล้วยังมีสิทธิ์ได้รับค่าเช่าไปอีก ๘ ปี หากตัดสินใจซื้อบ้าน บริษัทจะตัด ความช่วยเหลือตรงนี้ทิ้ง หากจะว่าตัดสินใจผิด ก็ผิดมาตั้งแต่ต้นที่มาเลือกเช่าบ้านที่เดินไกลจากสถานี (๑๕ นาที) เพราะฟัดจ์ไม่ได้เป็นแม่ บ้านอยู่บ้านเลี้ยงลูก (ซึ่งเป็นสิ่งที่อยากเป็นมาก) แต่ทำงาน และทำโน่นทำนี่....เลยมีเหตุต้องให้ใช้สถานี ๕ วัน ใน หนึ่งอาทิตย์.........................เลยรู้สึกว่าทำไมบ้านเรามันไกลเหลือเกิน พออยู่ ๆ บ้านไป ก็เริ่มรู้สึกว่า ชีวิตเรา อาจจะไม่เหมาะกับ "บ้านหลัง" กระมัง เพราะตอนอยู่ฮ่องกงอยู่คอนโด แล้วรู้สึกว่ามีความสุขมากกว่า ทุกอย่าง compact มาก เวลาอยู่ในบ้านอยากจะใส่เสื้อยืด นุ่งกางเกงลิงเดินไปมา ก็ทำได้ เพราะว่าคอนโดสูง ชั้น ๓๐ ผิดกับบ้านที่เตี้ย ๆ เดินเฉิดฉายในบ้าน เพื่อนบ้านก็มองทะลุม่านลูกไม้เข้ามาได้ (บางครั้งอึดอัดใจตรงนี้ค่ะ) แล้วอีกอย่างที่ไม่ชอบสำหรับบ้าน คือ ความไม่เป็นส่วนตัว เพราะขนาบด้วยเพื่อนบ้านที่เห็นหน้าค่าตากันอยู่ทุกวัน ในขณะคอนโดผนังติดกันก็จริง...แต่เหมือนต่างคนต่างอยู่ วันดีคือดี ที่บ้านก็มีคนมาเคาะประตู ชักชวนซื้อโน่นซื้อนี่ บริจาคช่วยเหลือเด็ก และครอบครัวที่มีปัญหามั่ง ในขณะที่คอนโด...คนพวกนี้จะเข้ามาได้ยาก เพราะจะติดguard ชั้น ล่าง (นี่เป็นความรู้สึก และปัญหาที่เผชิญอยู่ตอนนี้...แต่คนอื่น ๆที่อยู่บ้านอาจจะไม่เป็นแบบนี้ก็ได้ค่ะ) - โอ้...คุณนี โชคดีจังค่ะ ที่ผ่อนแค่ ๒๕ ปี ฟัดจ์และคุณแตงโมต้องกู้เงินจำนวนมาก ซึ่งไม่สามารถจ่ายได้หมด ภายใน ๒๕ ปีได้ เนื่องจากเงินดาวน์มีน้อย ลองให้ทางบริษัทแมนชั่นคำนวณดูเงินที่จะต้องผ่อนแต่ละเดือน กับธนาคารแล้ว (หากจ่ายโบนัสปีละ ๘๐ มังด้วย) แต่ละ เดือนยังต้องผ่อน ถึง ๗-๘ หมื่น....จริง ๆ ราคานี้สู้ไหวนะ คะ แต่ว่าพอเอารวมค่าmanagement fee กับที่จอดรถ มัน บวกเข้าไปอีก ๔ มังกว่า ๆ จาก ๘ หมื่น ก็เลยหลายเป็นเดือนละ ๑๒ หมื่น (ซึ่งเราเลี่ยงไม่ได้เลย ) เรื่องประกัน...ไม่ทราบเลยค่ะ เพราะว่ายังไม่ได้ทำสัญญาอะไรเป็นมั่นเป็นเหมาะ แต่ภายในสิ้นเดือนนี้ จะต้องหาเงิน ไปวางประกันว่าเราจะซื้อคอนโดนี้แน่ ๆ ๑๐ เปอร์เซนต์ของราคาเต็ม แล้วถ้าคอนโดสร้างเสร็จ (ปี ๒๐๐๖)...... ตอนจะย้ายเข้าอยู่ ก็คงจะตัดสินใจว่าจะวางดาวน์เท่าไหร่ ใจจริงอยากจะดาวน์ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ (ตอนนี้ คิดไว้ที่ ๑๕๐๐ ใบ) เพื่อจะได้ไม่ต้องผ่อนหนัก ตอนนี้วิ่งหาเงินขาขวิด พ่อแม่ก็ขายแมนชั่นที่มีที่โอซาก้า (แต่ได้เงินไม่มาก เพราะแมนชั่นสร้างมา ๒๐ กว่าปีแล้ว) เอาเงินมาให้ส่วนนึง แตงโมก็ขายหุ้นของบริษัทที่พ่อซื้อไว้ให้ตอนเข้าทำงานใหม่ ๆ ด้วย แล้วยังคิด ๆ กันว่าอาจจะปิด บัญชีธนาคารที่ฮ่องกงที่ฝากไว้..............เอามาลงดาวน์ ไม่เคยรู้มาก่อนว่าซื้อบ้านทีจะเหนื่อยขนาดนี้ เฮ่อ จากคุณ : fudge-a-mania - [ 9 ก.ย. 47 08:58:37 ]

ความคิดเห็นที่ 44 สวัสดีค่ะคุณฟัดจ์ พอดีมีประสบกราณ์โดยตรงเรื่องนี้อยู่ ฟันนี่ก็ตระเวณหาบ้านอยู่เป็นปีเหมือนกัน ไปดูหลายที่ ทั้งเก่าและใหม่ กว่าจะตัดสินใจ...........ได้ เด๋วมาใหม่ค่ะ ขอไปรับลูกก่อน ได้เวลากลับจาก ร.ร.พอดี ไปรับไม่ทันเด๋วเค้าโกรธเอา (เฮ้อ..แม่หรือเมดเนี่ยะ) จากคุณ : Funny Lady - [ 9 ก.ย. 47 11:56:32 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ขอบคูณค่ะคุณฟัดจ์ ขอขำก่อนเลยนะ แหม..เห็นภาพเลยแหละ เรื่องนุ่งกางเกงลิงเฉิดฉายในบ้าน คุณฟัดจ์เหมาะกับการเป็นเซลล์มากเลย ดึงจุดดีของคอนโดออกมา จนอ่านแล้วใจเทไปทางคอนโดเยอะเลยค่ะ ตอนนี้อยู่อพาร์ทเมนต์ค่ะ คุณฟัดจ์คงจำผิด เพราะเราไม่ได้คุยกันนาน ส่วนเบนโตะก็ไม่ได้ทำแล้ว ไม่มีเหยื่อแล้วค่ะ เดี๋ยวคลิกกระทู้เข้าคลัง ไว้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในอนาคตมั่งค่ะ จากคุณ : วดี - [ 9 ก.ย. 47 12:20:03 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ไม่ได้คุยกับพี่ฟัดจ์นาน ยินดีด้วยนะคะ กับโครงการใหญ่หนนี้ นุ้ยตัดสินใจซื้อแมนชั่นนี้ แค่เพราะติดใจวิวทะเลสาบแล้วก็รู้ๆว่าราคาบ้านเดี่ยวมันแพงกว่ากันเยอะ นอกจากไปอยู่ไกลๆหน่อย แฟนก็คงเดินทางไม่ไหวอีก ใจจริงแล้วชอบบ้านเดี่ยวมากกว่า มีสวนสวยๆ จอดรถสะดวก ไม่ต้องขึ้นลงลิฟท์ ไม่ต้องเสียค่าดูแลรายเดือน+ที่จอดรถ แต่อยู่ๆไปแล้วก็โอเคค่ะ สะดวกสบาย เป็นส่วนตัว แต่ไม่ชอบอย่างเดียวตรงที่จอดรถเป็นแบบลิฟท์จอดรถ กว่าจะถอยจอดได้ เสียเวลามากเลยค่ะ ยิ่งมีข้าวของต้องขนเยอะๆ ไม่สะดวกเลยค่ะ บางทีถ้ามีคนอื่นรอคิวอยู่ รีบกันลนลาน แมนชั่นที่พี่ฟัดจ์ซื้อ ที่จอดรถเป็นแบบไหนคะ ถ้าเลือกได้ตัดสินใจดีๆนะคะ จากคุณ : Nui-Takatsuki - [ 9 ก.ย. 47 13:12:46 ]

ความคิดเห็นที่ 47 เรื่องราคาและทำเล คุณฟัดจ์พอจะทราบแล้วขอข้ามไป เรื่องบำรุงรักษา ดิฉันก็เหมือนกับคนทั่วไปที่อยากมีบ้าน มีที่แปลงเล็กๆ ไว้ปลูกผัก ดอกไม้ แต่พอแม่แฟนทราบก็เบรคตัวโก่งจน ดิฉันฝันสลาย โดยเหตุผลก็คือ มีบ้านจะจุกจิก และสิ้น เปลืองเรื่องนี้มาก บ้านใหม่ไม่เป็นไร แต่ 5 ปี 10 ปี เลี่ยง ไม่ได้แล้ว เช่น การกำจัดแมลง ดูแลท่อน้ำ ทาสีบ้าน เปลี่ยน หรือทาสีหลังคาใหม่ เล็มหญ้า ตัดแต่งต้นไม้ เป็นต้น ท่านบอกว่าค่อยๆเก็บเงินทีละน้อยทุกเดือนแล้วก็หมดวูบ ไปกับเรื่องพวกนี้ ระบบรักษาความปลอดภัย แมนชั่นดีกว่า บ้านที่เมื่อลูกๆโตๆแยกย้ายกันไป ก็จะเงียบเหงา การดูแล รักษาจะเกินกำลังของเราแล้วตอนนั้น (คุณฟัดจ์ยังไม่มี แต่อนาคคยังไม่แน่ใช่ไหมคะ) ไหนจะบันได้ ที่ชันอีก ดิฉันเห็นแม่แฟนขึ้นบันไดทีไรเป็น คลาน4 ขาทุกที เรื่องอื่นๆ ก็เหมือนกับที่หลายคนพูดถึง เปรียบเทียบไป-มา บ้านกับแมนชั่น พอๆกัน อยู่ที่ผู้อาศัยจะชอบแบบไหนกว่ากัน สำหรับดิฉันและแฟนเราชอบที่สูงอย่างน้อย 3 ชั้นขึ้นไป เพราะไม่ชอบได้ยินเสียงรถเวลานอน ที่สำคัญ ลมเย็น วิวสวย เป็นบ้าน อย่างมากก็มองได้แค่ฝาบ้านหรือหลังคา ของเพื่อนบ้านเท่านั้น จะดูดาว ก็ต้องแหงน เมื่อยคออีก สุดท้ายที่ชอบแมนชั้นคือ เวลาเปิดหน้าต่างออกไปเห็นประ ตูเพื่อนบ้านเรียงเป็นตับ ไม่เหงาค่ะ นี่คือเหตุผลที่เราเลือก ซื้อแมนชั้นกัน จากคุณ : ฟันนี่ (Funny Lady) - [ 9 ก.ย. 47 17:16:30 ]

ความคิดเห็นที่ 48 อุตส่าห์รีบปั่นข้อสอบ เพื่อที่จะไปฟิตเนส...โห เหลือบตา มองดูปฏิทิน โธ่...วันนีฟิตเนสหยุด แป่ว ๆๆ ๆ เลยมา ตอบกระทู้แทน กร๊ากกส์ - คุณหนุ่ยคะ...ฟัดจ์จำไม่ผิดแน่ ๆ เพราะคุณหนุ่ยเคยแนะ นำว่าให้ฟัดจ์เปิดคอร์สสอนอาหารไทยที่สวนหลังบ้าน ใช่ ป่าว....อิอิอิ จนป่านนี้สวนกลายเป็นป่าซาฟารีไปแล้ว ยัง ไม่ได้เปิดสอนเลย คำว่า "บ้าน" นั้นหมายถึงคุณหนุ่ยอยู่ อพาร์ตเมนท์ค่ะ เพราะจำได้คุณหนุ่ยว่า หากคุณหนุ่ยมีสวน หลังบ้านแบบนี้ คุณหนุ่ย คงเปิดคอร์สสอนทำอาหารไป เลี้ยว....แม่นบ่ อิอิ - น้องนุ้ยคะ หายไปนานเลย...หนูฮีโร่มีน้องยังคะ คิก คิก คิก จะว่าตามตรงนะคะ ราคาบ้าน กับคอนโดราคาไม่ต่าง กันเท่าไหร่เลยที่พี่เล็ง ๆ ดู (คอนโดที่พี่จะซื้อราคา 6000 ใบน่ะ ห้องขนาดปานกลาง ไม่เล็กไม่ใหญ่ เป็นโครงการ เป็นของบริษัท Mitsui ร่วมกับKumagai แล้วก็อีกบริษัทนึง จำชื่อไม่ได้ช่วยกันสร้าง และMitsui ขายเอง) http://www.31sumai.com/yahoo/A3005 ก่อนหน้านี้พี่เล็ง ๆ ดูราคาที่ดินบ้านแล้ว ตก 3-40 ล้านเยน กว่า ๆ ได้พื้นที่เพียบเลย (อีก 20 ล้านเยน ไว้ปลูกบ้าน) ราคาเท่ากับซื้อคอนโดเป๊ะเลยใช่ป่ะ....แต่เดินไกลแบบ 12-15 นาที ที่ใกล้ ๆ สถานีไม่มีที่ว่างแล้ว เค้าเอามาสร้าง แมนชั่นหมดเลย อยากได้ ก็ไม่มีขาย เฮ่อ... ที่จอดรถนะคะ สงสัยพี่จะโดนเหมือนของน้องนุ้ย...มันมี หลายที่มั่ก ๆ มี 6 ชั้น คือชั้นใต้ดินB4-ชั้น 2 (ราคาก็ต่างกัน ออกไปตามจุดที่จอด พี่ก็ไม่รู้ว่าจะได้ที่ตรงไหน แต่ก็ เตรียมใจไว้แล้วค่ะ (ดี ๆ เอารถออกยาก แตงโมจะได้ไม่ ขับรถไปทำงานทุกวัน ชอบๆๆๆ เข้าทางพี่เลย คริ คริ) กว่าจะตกลงซื้อกันได้ ถกเถียงกันตั้งนาน (น้องนุ้ยเป็น เหมือนพี่เปล่า) เพราะว่าเค้าจะต้องดูชั้น..ดูทิศ (ยังกะฮวง จุ้ย) แล้วมันแย่ตรงที่กว่าแตงโมจะตกลงซื้อ...มันเหลือแค่ 20 กว่าห้อง (จาก 348 ห้อง) ก็เลยไม่มีทางเลือกมาก คือ ต้องเลือกตัวเลือกที่ดีที่สุด จากตัวเลือกที่ไม่ค่อยดี และสิ่งที่พี่แปลกใจมาก...คือว่าเค้าจะเร่งให้เราตัดสินใจ และกำหนดวันวางเงินมัดจำ และเลือกdesign ก็นึกว่าสงสัย จวนจะสร้างเสร็จแล้ว...(ตอนนี้สร้างไปได้ถึงชั้นที่ 11 จาก 32 ชั้น) พี่ก็คิดเอาเองว่าต้นปีหน้าเสร็จแน่ ๆ (หูเฝื่อนอีก ต่างหาก) ที่ไหนได้กว่าจะเสร็จกุมภา ปี 2006 แล้วทำไม ต้องรีบเร่งให้เราตัดสินใจล่ะ.....พี่เป็นงงเลย (กรณีน้องนุ้ย เจอเหมือนพี่เปล่าคะ) แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 47 11:17:08 จากคุณ : fudge-a-mania - [ 10 ก.ย. 47 11:16:12 ]

ความคิดเห็นที่ 49 - คุณฟันนี่เจ้าขา...คุณพ่อคุณแม่แฟนของคุณฟันนี่ต้องร่วม สมัย และอารยธรรมกับพ่อแม่บ้านแน่แน่ ๆ เพราะความคิด เห็นเหมือนกันเป๊ะ ๆ แต่ทำไมฟัดจ์ไม่มีความรู้สึกอยากปลูกดอกไม้ และผัก แปลงเล็ก ๆ เลยง่ะ (คารวะคุณฟันนี่หนึ่งจอก แรงอึดไม่พอ ค่ะ) เคยมีคนบอกฟัดจ์อย่างนี้เหมือนกันว่า ค่าmanagement fee และค่าซ่อมบำรุงที่ทางแมนชั่นเก็บเราไปทุกเดือน พอ ถึงเวลา 10 ปี เค้าจะมีการสังคยนาแมนชั่นยกใหญ่ทีนึง... โดยที่เอาเงินจำนวนนั้นจ่าย (เหมือนกับเราอดออมทุก เดือน ๆ) ในขณะที่ถ้าเป็น "บ้านหลัง" เราต้องอดออมของ เราเอง อยู่คอนโด ภายใน 2 ปีแรก หากอะไรมีปัญหา ซ่อมฟรี ค่ะ.....ดีเจรง ๆ หากเป็นบ้าน....คงต้องควักกระเป๋าจ่ายเอง เรื่องลมเย็นนี่เห็นด้วย 10 เปอร์เซนต์ค่ะ เพราะเดินไปบ้าน พ่อแม่ทีไร (ท่านอยู่คอนโดสูง 32 ชั้นเหมือนกัลล์) ลมพัด ตึง ๆ เลย...แต่แปลกที่ว่า ท่านไม่ค่อยเปิดหน้าต่าง หรือว่า คนญปเป็นแบบนี้คะ จะเปิดแอร์แทน (หรือว่ากลัวฝุ่นเข้า คะ) เวลานอนก็ปิดหน้าต่าง...สมัยก่อนฟัดจ์ชอบนอนเปิด หน้าต่างมาก เพราะอยู่ชั้น 30 (ที่ฮ่องกง) ไม่ต้องกลัวยุง เข้าเลย ไม่มีมุ้งลวดอีกต่างหาก แต่พอมาญป ต้องทะเลาะ กับคุณแตงโม เพราะขานี้หาว่าเราประหลาดที่จะเปิด หน้าต่างนอน (แล้วทำไมสมัยก่อนเปิดได้ล่ะ) เถียงไปเถียง มา เค้ายอมให้เราเปิดหน้าต่างนอน แต่ ต้องรูดม่านปิดสอง ชั้น (แล้วจะไปเปิดหน้าต่างทำไมเนี่ย...) บ้านที่ฟัดจ์เช่าตอนนี้ เวลาหน้าร้อน-หน้าฝนที แมลง ยั้วเยี้ย...ในชีวิตไม่เคยเจอแมลงอะไรมาก่อน ก็ได้เจอที่ บ้านหลังนี้หมด วันก่อนก็เจอแมงมุม ตัวเขื่องเดินทอดน่อง ไปมา เจอแมลงสาปวัยหัดเดิน และวัยรุ่นอย่างละตัว หนอน ในดินเพียบ แถมผึ้งมาทำรังใต้บ้านอีกต่างหาก....สยองไป เลย...แล้วจักจั่นก็ร้องระงม ปวดหูมาก...เป็นร้อย ๆ ตัว เกาะอยู่บนต้นไม้หลังบ้าน วันดีคืนดี ก็ดิ่งพสุธาตกลงมา ตายเป็นเบือ.............หรือว่าบ้านฟัดจ์มันแย่กว่ามาตรฐาน บ้านหลังทั่ว ๆ ไปคะ จากคุณ : fudge-a-mania - [ 10 ก.ย. 47 11:32:17 ]

ความคิดเห็นที่ 50 นู๋ฟัดจ์จํา  ต่อไปนี้ไม่ต้องมาอิจฉาพี่ได้แล้วนะ  พี่ต้องบอกว่าพี่อิจฉานู๋ม้ากๆๆมาก โอ้โฮ...พี่เห็นบ้านที่นู๋จะเข้าไปใช้ชีวิตในเร็วๆนี้แล้ว  บอกตรงๆน้ำลายหก  พี่อยากได้ที่สุดดดดด ช่างหรูหรา เลิศล้ำ ก้าวหน้าทั้งทางเทคโนโลยี  การบริการสำหรับผู้อาศัยสะดวกสบาย ทำเลดี  แต่เห็นราคาแล้วพี่ต้องรีบไปหายาทัมใจมากินอย่างฉับพลัน...มันต่างกับบ้านที่พี่อยู่ลิบลับน้องเอ้ย.... เออ..นู๋เลือกtypeไหนเอ่ย เสร็จแล้วขอดูบ้างนะจ้ะ ตื่นเต้นแทนจริงๆเล้ย...เห็นคนที่บ้านพี่บอกบริษัทนี้เรื่องก่อสร้างใช้ได้เลย  หวังว่านู๋คงจะได้อยู่บ้านที่ถูกใจนะจ้ะ เรื่องซื้อบ้านพี่ไม่รู้ว่าวุ่นขนาดไหน  แต่มารู้ตอนจะรีฟอร์มเรื่องเลือกแบบภายในบ้าน  กว่าจะครบทั้งบ้านก็เล่นเอาพี่เหนื่อยพอทน ไปตามโชว์รูมต่างๆ เช่นห้องน้ำ ห้องครัว ห้องนอน ผ้าม่าน ฯลฯ เพราะของเก่าพี่ล้างทิ้งหมด(จ่ายค่าขยะไปมิใช่น้อย..เวรกรรมจิ๊งจิง)  ออกแบบใหม่ทั้งสีทั้งแบบ พี่เลือกระบบแบบปัจจุบัน  เพิ่มอุปกรณ์ความสะดวกสบายขึ้น  เพราะเริ่มจะมีแรงน้อยลงๆ  แต่ยังงัยๆเทียบกับของนู๋แล้ว ตกกระปํองแป๋งเลย....อิจฉานู๋จิ๊งจริง รอชมอยู่นะจ้ะ ป.ล ลืมถาม3LDK+nando(ของพี่จะจบแค่นี้)แต่นี่ของนู๋+WIC+SICเพิ่มอีกมันคืออะไรเอ่ยช่วยสอนพี่หน่อยค่า(ไว้ประดับความรู้) แก้ไขเมื่อ 11 ก.ย. 47 05:13:21 จากคุณ : naruน้องใหม่ - [ 10 ก.ย. 47 18:56:21 ]

ความคิดเห็นที่ 51 อุ๊ย....พี่นารุแวะมาอีกรอบนึง ดีใจจังค่ะ พี่นารุชมหนักไปแล้ว เพราะฟัดจ์อยู่บ้านนอกกว่าพี่น่ะค่ะ หากอยู่ในโตเกียว เหมือนพี่ รับรองว่าชาตินี้ก็คงจะหาซื้อที่อยู่เป็นของตัวเองไม่ได้..........ที่นั่นอะไรก็แพง ๆ โครงการนี้คุณพ่อคุณแม่แนะนำให้ซื้อค่ะ เพราะท่านก็ซื้อเหมือนกัน แล้วท่านว่าดี (ท่านซื้อนาทีสุดท้ายเหมือนกัน ดี ที่พ่อรู้จักกับชะโจ้วของมิตซุย ก็เลยได้ห้องในโควต้าของท่าน...โชคดีง่ะ แต่ไม่มีลดราคานะคะ ) โครงการนี้มีทั้งสิ้น ๔ แท่ง แล้วแท่งที่แตงโมตัดสินใจยอมซื้อ เพราะทนการรบเร้าของครอบครัวไม่ไหวเป็นแท่งที่ ๔ คือแท่งสุดท้าย....หากพลาดไป ก็เป็นอันว่าไม่มีแล้ว (พ่อแม่ซื้อแท่งที่ ๒ ระยะเดินห่างกันไม่เกิน ๑ นาที นี่คงคือ เหตุผลที่พ่อแม่อยากให้เราซื้อที่นี่ด้วยน่ะค่ะ) จาก plan floor ทั้งหมด ยี่สิบกว่าแปลน กว่าเราจะตัดสินใจได้ ก็เหลืออยู่แค่ ๓ แปลนอยางที่พี่นารุเห็นน่ะค่ะ แปลนที่ฟัดจ์เลือกไม่มี SIC ค่ะ เพราะว่าแตงโมอยากจะได้ห้องที่ติดกับหน้าต่างทุกบาน และฟัดจ์ก็อยากจะได้ balcony ยาวด้วย แต่มีข้อเสียที่ห้องนอน จะพื้นที่เล็กมาก จากคุณ : fudge-a-mania - [ 11 ก.ย. 47 09:11:45 ]

ความคิดเห็นที่ 52 พี่ฟัดจิ จ๋า โครงการบ้านพี่หรูเริ่ดมากเยย เอื๊อก เค้าว่าโครงการใหญ่ๆอย่างนี้ ค่าmaintainance fee รายเดือนจะถูกกว่าโครงการเล็กๆนะคะ เพราะคนช่วยหารเยอะ นุ้ยเข้าใจว่าที่เค้าเร่งให้ตัดสินใจ ก็คงต้องการปิดบัญชีเร็วๆมั๊งคะ ได้ลูกค้าแล้ว ทั้งพนักงานขาย ทั้งโมเดลรูม จะได้ขยับขยายไปโครงการอื่นต่อ อีกอย่าง ถึงขายได้แล้ว ก็อาจจะมีลูกค้าแคลเซิลอีกน่ะค่ะ เพราะตอนตัดสินใจซื้อ เค้ายังเช็คไม่ได้ว่าลูกค้าคนนี้ จะสามารถกู้เงินได้รึเปล่าอะไรทำนองนี้ อย่างแมนชั่นที่นุ้ยอยู่ ตอนซื้อ ต้องจับฉลากแย่งกันวุ่นวาย แต่กลายเป็นว่า สร้างเสร็จ เข้าอยู่แล้วเป็นปี เพิ่งจะขายหมด ห้องที่ค้างอยู่ก็เป็นห้องราคาแพงทั้งนั้น บริษัทต้องส่งคนมานั่งเฝ้าออฟฟิสขาย (ใช้ห้อง community room เป็นออฟฟิส คนซื้อไม่ได้ใช้ซักที >:( บริษัทคงกลัวพวกลูกค้าแคลเซิลนี่แหละค่ะ ต้องรีบขาย รีบเช็ค ไม่งั้นสร้างเสร็จแล้ว ราคาจะตก ต้องเลหลังขาย ราคาลดพิเศษอีก ห้องที่พี่ตัดสินใจซื้อ มีที่เก็บของเยอะดีจังนะคะ พี่ฟัดจ์ จะได้มีที่เก็บกะทะยักษ์ ไม่ต้องห้อยไว้ข้างฝาแล้ว แต่ที่เสียดายแทนคือ ห้องอาบน้ำไม่มีหน้าต่าง ( บ้านนุ้ยก็ไม่มีเหมือนกัน) ถึงมีระบบพัดลมดูดอากาศ แต่พออยู่ๆไป มันขี้เกียจเปิดพัดลมน่ะค่ะ เสียงดัง เปลืองไฟ ต้องคอยดูแลดี ไม่งั้นราดำๆขึ้นเต็มไปหมดค่ะ ว่าแต่อยู่ชั้นไหนคะ ต้องวิวสวยแน่ๆเลย แสงไฟตอนกลางคืนของเมืองกรุง จะได้สวีทกับพี่แตงโม แบบไม่ต้องมีใครแอบดูไงคะ ฮี่ๆๆๆ จากคุณ : Nui-Takatsuki - [ 11 ก.ย. 47 09:36:47 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ต้องออกไปฟิตเนสก่อนแล้วค่ะ แตงโมรอ...พ่อคนนี้ทำ อะไรอุ้ยอ้าย เดี๋ยวกลับมาคุยต่อนะคะ น้องนุ้ยขา....แปลนข้างบนไม่ใช่แปลนที่พี่เลือกค่ะ พี่แค่ แปะเป็นตัวอย่างอธิบาย SIC และ WIC ให้พี่นารุฟังเฉย ๆ แปลนที่พี่เลือกไม่มี SIC ค่ะ (ทั้ง ๆ ที่อยากได้ใจจะขาด เพราะคิดว่ามีประโยชน์มากเลย) บ่าย ๆ มา ต่อค่ะ จากคุณ : fudge-a-mania - [ 11 ก.ย. 47 09:41:16 ]

ความคิดเห็นที่ 54 shoes in closet คือ closet ที่เอาไว้เก็บรองเท้า ซึ่งเรา สามารถเดินเข้าไปได้ พื้นที่กว้าง...บางคนวางถุงไม้กอล์ฟ ด้วย (เห็นที่model roomมาค่ะ) walk in closet คือ closet ที่เอาไว้แขวนเสื้อผ้า ส่วนใหญ่ จะอยู่ใน master bedroom คล้าย ๆ กับ wardrobe แต่ว่า เราเดินเข้าไปข้างในได้ค่ะ มีราวอลูมิเนียมตรึงไว้เสร็จ สรรพ จากคุณ : fudge-a-mania - [ 11 ก.ย. 47 12:04:19 ]

ความคิดเห็นที่ 55 น้องนุ้ยคะ....ใช่ แย่ที่ห้องน้ำไม่มีหน้าต่าง แต่เท่าที่สังเกตจากคอนโดพ่อแม่แล้ว เค้ามีระบบลมเป่าให้แห้ง เพราะ ออกแบบมาสำหรับให้ตากผ้าในห้องน้ำได้...ตั้งเวลาไว้ ๓ ชั่วโมงผ้าก็แห้งสนิท ตามกฎข้อบังคับของคอนโดโครงการนี้ (กฎเยอะมั่ก ๆ ฟังแล้วเวียนเฮด) คือ ห้ามเราทำลายทัศนียภาพในส่วน common area รวมถึงห้ามเปลี่ยนแปลงรูปแบบ และโครงสร้างใด ๆ ด้วย หมายถึง.....หากเราต้องการใช้ประโยชน์ ระเบียงบ้าน เราก็ห้ามวางข้าวของสูงพ้นขอบระเบียง ที่คนอื่นสามารถมองเห็นได้ (นัยว่าจะทำให้รูปลักษณ์คอนโด เสีย) นี่คือเหตุผลที่ต้องตั้งระบบตากผ้าในห้องน้ำได้ เพราะหากคิดจะเอา คะเคฟูต้งไปแขวนไว้ที่ราวระเบียง...เลิกคิด เลย เพราะกฎเข้าไม่ให้ และในบริเวณประตูห้องด้านที่ติดกับทางเดินภายในคอนโด ก็ห้ามเปลี่ยนแปลงของเค้า หากจะมีการซ่อมแซม ประตู หรือทาสีอะไร ก็ต้องคงไว้ซึ่งลักษณะเดิมของเค้าทุกประการค่ะ สำหรับค่า management fee นี่พี่ไม่ทราบจริง ๆ ว่า แบบไหนถูกกว่า (นี่เป้นประสบการณ์ครั้งแรกของพี่เลยค่ะ สด ๆ ซิง ๆ ) ห้องที่พี่เลือกขนาด ๘๕ ตร.ม. ทราบว่าต้องเสียค่าดูแล และซ่อมแซมที่เค้าคิดรวมกัน เดือนละ ๒ หมื่นเย นกว่า ๆ (ตอนนี้เอกสารอยู่ในรถ เพราะกำลังจะไปเลือกoption) ห้องที่พี่ได้ คือ ชั้น ๑๖ (จาก ๓๒ ชั้น) หากพี่ต้องการชั้นสูงกว่านี้ พี่ต้องรอจับฉลากอย่างเดียว ซึ่งพี่ไม่ชอบวิธีนี้ เพราะเหมือนกับเราไปง้อเค้า (นี่ขนาดจะเอาเงินไปให้ ยังต้องไปง้ออีก) แต่ละชั้น ยิ่งสูงขึ้นไป ราคาจะต้องจ่ายเพิ่ม ชั้นละ ๒ แสนเยน ยิ่งสูงยิ่งหนาวเจรง ๆ คริ คริ ถึงแม้จะมีปัญญาซื้อ แต่ห้องก็ถูกคนอื่นจับจองไปหมดแล้วค่ะ แถวนี้ตรงข้ามกับของน้องนุ้ย คือ ยิ่งห้องแพง...คนยิ่งคว้าไปหมด ขนาดห้องที่ใหญ่สุด คือ ๑๐๙ ตร.ม. (พี่ว่าราคา ๘๐๐๐ มังคงได้....) จากคุณ : fudge-a-mania - [ 11 ก.ย. 47 12:25:25 ]

ความคิดเห็นที่ 56 พี่นารุคะ นี่คือ แปลนที่ฟัดจ์เลือกค่ะ ไม่ถูกใจโครงสร้างข้างใน แต่ก็ไม่มีตัวเลือกที่ดีกว่านี้แล้ว.....จริง ๆ มีอีกห้อง ที่อยากได้ แต่ว่าทิศไม่ดี (ทุกคนว่ามันมืด) ก็เลยไม่ได้ แปลนนี้ห้องนอนเล็กมาก (ยังหวั่น ๆ ว่าจะวางเตียงได้ยังไง) เสียพื้นที่ไปให้ corridor ซะเยอะ แต่ยังพอมีจุดดีที่ ได้ระเบียงยาว ซึ่งจะทำให้ห้องทุกห้องได้แสงสว่างในตอนเช้า (เพราะเป็นทิศตะวันออกเฉียงใต้) ทิศที่แตงโมไม่ยอมเลยคือ เหนือ และ ตะวันตก เค้าว่าเหนือนั้น จะไม่ได้รับแสงแดด ในขณะที่ทิศตะวันตก แดด จะร้อนเกินไปตลอดปี โดยเฉพาะในช่วงบ่าย ข้อจำกัดเยอะแบบนี้น่ะค่ะ ก็เลยเลือกลำบาก (ยังมีอีกหลายจุดที่ไม่ถูกใจนัก หากมีเวลาจะมาคุยต่อนะคะ) จากคุณ : fudge-a-mania - [ 11 ก.ย. 47 12:45:33 ]

ความคิดเห็นที่ 57 นู๋ฟัดจ์จํา ต้องขอบใจมากๆที่ช่วยอธิบายพร้อมภาพให้เข้าใจแจ่มแจ้ง ได้ความรู้ดีๆเพิ่มขึ้นเป็นกอง เย้ๆที่บ้านเราก้อมี WiCแล้ว(เพิ่งจะรู้ตัว) ขอบใจเรื่องแปลนบ้านด้วยจ้า อิจฉาทางออกมาจากลิฟต์จัง บอกได้คำเดียวว่าหรูหรามากๆๆ ขอเป็นแขกประจำของบ้านนู๋ด้วยคนละกัน นะ นะ เห็นแปลนบ้านนู๋แล้ว ถูกใจพี่ที่สุด พอดีแล้วล่ะ พี่ว่าสำหรับครอบครัว ของพี่แบ่งห้องไปให้ลูกสาวกับลูกชายคนละห้อง ไม่มีห้องว่างเลยตอนนี้(อิๆกันแขกไว้ก่อน) ระเบียงบ้านนู๋ย้าวยาวเนอะ ไม่เอาห้องเสื่อเลยใช่ใหมเนี่ย นี่ของพี่ก้อ...ยกเลิกห้องเสื่อแล้วเหมือนกัน สั่งเตียงเสื่อของคิวบิ(จำชื่อถูกป่าวเอ่ย)เปิดปิดได้สำหรับเก็บที่นอน ผ้าห่ม(มีหลายฤดูเนอะ) อันนี้พี่ถูกใจมากไม่เสียเนื้อที่ดี(ว่างๆจะแปะให้ดู)เลยได้เจ้าWiCติดข้างๆห้องนอน เรื่องห้องน้ำเอาแบบตากผ้าได้ จะดีมากๆเลยสำหรับ หน้าฝนหรือหน้าหนาวและวันที่มีลมแรง การติดตัวช่วยเป่าผ้าให้แห้ง ในห้องน้ำ ยังมีผลข้างเคียงในเรื่องการช่วยไม่ให้เกิดราและคราบต่างๆ รักษาความสะอาดก็ง่ายขึ้น อิอิ...อันนี้ก็ถูกใจจ้อต... (เลือกสบายไว้ก่อน) กระซิบ...อย่าลืมติด***เครื่องล้างจาน***ด้วยเป็นอันขาด เพราะเวลามีแขกแล้วมันช่วยได้เจงๆ(หรือว่าเขาติดกันมาตั้งนานแล้วหว่า)เพิ่งจะมีอ่ะเลยได้ใจ รอดูภาพวันที่นู๋ฟัดจ์กับครอบครัวเข้าไปอยู่จัง จะแต่งแบบไหนน้า ตื่นเต้นแทนอีกรอบนึง จากคุณ : naruน้องใหม่ - [ 11 ก.ย. 47 18:16:21 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ฮ่าๆ ๆ ๆ ขำพี่นารุที่ซู๊ดดดดดด......บรรยายภาพแล้วเห็นแจ่มแจ้งเลยค่ะ เครื่องล้างจานเป็น option ค่ะ วันนี้ไปดูแล้ว ติดตั้ง ๒ เครื่อง บน และ ล่าง (บังคับให้เราเอาทั้งเซ็ต ราคาไม่กล้า บรรยายค่ะ...หนาวเลยพี่ขา) คิดว่าจะเอาแน่นอน จริง ๆ อบากได้เตาอบด้วยนะคะ แต่ที่บ้านมีเตาอบ+ไมโครเวฟ อยู่แล้ว ตาอ้วนเลยเบรคหน้าทิ่มหน้าตำ ตอนนี้กำลังอยากจะทราบความแตกต่างระหว่างเตาแบบไฟฟ้า (ติดมากับคอนโด) กับ เตาแบบ IH (Induction Heating) ซึ่งเป็น option ต้องจ่ายเงินเพิ่ม......พี่นารุพอจะมีประสบการณ์มั๊ยคะ ว่าแบบไหนดีกว่า ที่บ้านเช่าตอนนี้ใช้ แบบแก้ส (กระทะใบบัวผัดทีมันส์ระเบิด) แต่คอนโดใหม่ จะไม่มีการใช้แก้สเลยค่ะ.....เป็นระบบไฟฟ้าทั้งหมด วันที่ ๒๗ เดือนนี้ ต้องไปวางเงินมัดจำ ๑๐ เปอร์เซนต์ของราคาคอนโดแล้ว แล้วยังต้องส่งแบบรายการ option ที่เรา เลือกด้วย (วันนี้ไปดู แล้วน้ำลายหยดเลยพี่....อยากได้หมด แต่ถ้าจะเอาหมด คงต้องเตรียมเงินอีกต่างหาก ๓๐๐ มังง่ะ ) ตอนนี้กำลังอยากได้ข้อมูลของเตาไฟฟ้าแบบ IH มากเลยค่ะ ว่าดี/ไม่ดู ดูแลง่ายยากกว่าเตาไฟฟ้า ธรรมดายังไง เท่าที่ฟังทางโครงการ เค้าว่าเราเอามือแตะบนเตาได้เลย ไม่ร้อน ไม่เป็นอันตราย....(โม้หรือเปล่าก็ ไม่รู้น่ะค่ะ) แก้ไขเมื่อ 11 ก.ย. 47 20:35:58 จากคุณ : fudge-a-mania - [ 11 ก.ย. 47 20:34:44 ]

ความคิดเห็นที่ 59 นู๋ฟัดจ์เอ้ย...ถามมาพี่ตอบไปแล้วกัน(ผิดถูกไงว่ากันทีหลัง)อย่างไงพี่ว่า เตาแบบ IH น่าจะดีกว่า ที่บ้านพี่ไม่ได้ใช้ เห็นที่บ้านคุณย่าเพิ่งเปลี่ยนมาใช้ระบบIH(เมื่อปีที่แล้ว) แกคุยนักคุยหนาว่าทำความสะอาดง่าย สะดวกกว่า แล้วดูดีด้วยและที่สำคัญอาหารอร่อยขึ้น555(ตลก) พี่เองไม่เคยใช้ได้แต่ฟัง แล้วแอบมองๆยังน้ำลายหยดเล้ย พี่ก็อยากได้ แต่คนที่บ้านพี่บอกมันแพงนะตัวเอง แงๆๆพี่เลยต้องใช้เตาอบไฟฟ้าที่เพิ่งถอยมาเมื่อต้นปี(แถมมาอวดแถวๆนี้ด้วยมั้ง) ถ้ามีโอกาสได้เลือกพี่คิดว่า เลือกไว้ก่อนเถอะเพราะถ้าจะเอามาใส่ทีหลัง คนข้างๆจะเบรคเราหัวทิ่มแน่นอน(ดูตัวอย่างบ้านนี้ดิ) พี่สังเกตุดู สมัยนี้บ้านเพื่อนๆคนญี่ปุ่นที่สร้างใหม่มักจะใช้ระบบนี้กันมาก เห็นบอกไม่ต้องเสียเวลามาก อีกอย่างเวลาจับไม่ร้อน ปลอดภัยกับเด็กๆด้วย อยู่อาคารหรูแบบนั้นด้วยเนอะ อย่างไงนู๋ลองคิดดูละกัน ก้อบ้านพี่ยังไม่ได้ใช้เลยนี้นาแงๆๆ(อยากได้มั่งอ่ะ) เร็วเนอะ จะต้องจ่ายเงินก้อนใหญ่แล้ว นู๋ฟัดจ์สู้ๆๆ จะได้ที่อยู่หรูๆมาครอบครอง สู้เขานู๋จํา (กระซิบรอบที่100..มีคุณปู่คุณย่าอยู่ข้างตัว จะต้องกลัวอาร้าย ปรึกษาไว้ไม่เสียหลายอิอิ เอาใจไว้ แล้วจะหาว่าพี่ไม่เตือน) เดินตามหลังผู้ใหญ่แล้วหมาไม่กัด อันนี้พี่เชื่อ จริงแท้แน่นอนน้องเอ้ย... จากคุณ : naruน้องใหม่ - [ 11 ก.ย. 47 21:17:28 ]

ความคิดเห็นที่ 60 รวดเร็วทันใจ...ขอบคุณค่ะพี่นารุ งั้นสรุปว่าเอาแบบ IH เลย ละกันเนอะ คอนโดของพ่อแม่ซื้อเมื่อสองปีที่แล้ว ตอนนั้น ทางโครงการยังไม่มี option แบบเตา IH ค่ะ ก็เลยเป็น แบบเตาไฟฟ้าธรรมด๊า ธรรมดา...จะถามพ่อแม่ ท่านก็คง ไม่ทราบแน่ ๆ แต่ว่าลองดูจากเตาไฟฟ้าของบ้านแม่แล้ว มันทำความ สะอาดง่ายก็จริง แต่ฟัดจ์ว่ามันไม่ปลอดภัยเลยพี่จ๋า... เพราะว่าเวลาน้ำหยดลงบนเตาที...มันฟู่ เดือดน่ากลัวมั่ก ๆ แล้วเตาร้อนด้วย เผลอเอามือไปใกล้ ๆ พองเลย....เวลา เป็นคราบก็เช็ดไม่ค่อยออก...แม่ทำความสะอาดแค่เช็ด ๆ บนผิวเตา แต่ว่าที่เป็นคราบจะรอให้บริษัททำความสะอาด บ้านที่จ้างเดือนละครั้งให้มาเช็ดให้.....แต่พอคราบมัน สะสมนาน ๆ เข้า มันก็เลยเช็ดไม่ออกค่ะ คุณปู่คุณย่าของพี่นารุว่าเตาแบบIH ทำความสะอาดง่าย กว่ามั๊ยคะ (นี่อุตส่าห์ไปตั้งกระทู้ถามห้องแม่บ้านด้วยค่ะ ว่าจะเอาแบบ ไหนดี แฮ่ะๆ ๆ ) จากคุณ : fudge-a-mania - [ 11 ก.ย. 47 21:38:49 ]

ความคิดเห็นที่ 61 มาแอบเช็ดน้ำลายกับบ้านใหม่พี่ฟัดจิ อีกรอบ ห้องมุมนี่ดีค่ะพี่ บ้านนุ้ยก็หันระเบียงไปทางตะวันออกเหมือนกัน ตอนเช้าไม่ต้องกลัวนอนตื่นสายเลยค่ะ ยิ่งหน้าร้อนเนี่ย ตะวันแยงตู๊ดตั้งกะตีห้าแน่ะ แต่พอเลยเที่ยง บ้านจะเย็นสบาย เทียบกับทิศตะวันตกแล้ว ดีกว่ากันนะคะนุ้ยว่า แต่หน้าหนาว ก็ต้องยอมหนาวหน่อยค่ะ เพราะแทบไม่ได้แดดทั้งเช้าทั้งบ่าย บ้านพี่มีระเบียงทิศใต้ด้วย ไม่ต้องกลัวว่าตากผ้าจะไม่แห้งด้วย ดีจังน้อ เอื๊อกๆๆ อีกอย่างทางเดินภายในตึกแบบโรงแรมนี่ก็ดีนะคะ เขาว่ามันประหยัดค่าดูแลมากกว่าระเบียงแบบด้านนอก ออกบ้านไม่ต้องกลัวเปียกฝน แล้วก็ไม่มีคนเดินผ่านด้านหน้าต่างห้องติดทางเดินด้วยค่ะ ส่วนขนาดห้องนอน ถ้าวางเตียงขนาด คิงส์ไซส์ (กว้าง ประมาณ 140-150) ก็จะพอมีที่เดินผ่านบ้างนะค่ะ (นุ้ยวัดแล้วววัดอีก ห้องขนาดเท่าๆกันเนี่ย) แต่คงวางตู้เสื้อผ้าเพิ่มไม่ได้ เอาไว้นอนอย่างเดียวเลย ส่วนเรื่องเตา นุ้ยไม่มีประสบการณ์ แต่เท่าที่ฟังมา เลือกแบบที่ใช้กับหม้อ กะทะได้หลายๆแบบนะคะ ไม่งั้นไม่ร้อนซักกะที กะทะผัดก้นหลุมใหญ่ยักษ์ของพี่ก็ใช้ไม่ได้แล้วน่ะสิคะ อุตส่าห์หอบหิ้วกันมา น่าสงสารจังหนออ เข้าอยู่เมื่อไหร่อย่าลืมถ่ายรูปของจริงมาอวดด้วยนะคะ จากคุณ : Nui-Takatsuki - [ 13 ก.ย. 47 20:22:12 ]