ความคิดเห็นที่ 1 ..พระพุทธรูปองค์นี้สร้างโดยพระจ้าจันทะสุริยะ พระเจ้าแผ่นดินแห่งยะไข่เมื่อครั้งยังเป็นอิสระ หล่อขึ้นที่เมืองธรรมวดีเมื่อปี  พ.ศ.689 มีความสูง 12ฟุต 7 นิ้ว หุ้มด้วยทองคำเปลวหนาถึง 2 นิ้ว หน้าตักกว้าง 9 ฟุต และทรงเครื่องประดับทอง แก้ไขเมื่อ 19 ก.ย. 47 23:00:54 จากคุณ : kinaree - [ 19 ก.ย. 47 23:00:12 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ตามประวัติกล่าวว่า การสร้างได้หล่อรูปเป็น สามท่อน แต่สามารถนำมาประสานกับเนื้อทองต่อติดสนิทดี ไม่มีร่องรอยการต่อให้เห็นจนเป็นที่อัศจรรย์ เป็นพระพุทธรูปเหมือนจริง เชื่อกันว่าพระพุทธรูปเหมือนจริงที่สร้างขึ้นสมัยพุทธกาลนั้น มีทั้งหมด 5 องค์ นอกจากพระมหามุนีแล้ว อีก2 องค์ประทับอยู่ที่อินเดีย อีก2 องค์อยู่บนสวรรค์ จากประวัติกล่าวว่า เป็นพระศักดิ์สิทธิ์มาตั้งแต่แรกสร้าง พระพุทธเจ้าเสด็จมาเข้าพระสุบินประทานพรแก่พระเจ้าจันทสุริยะ ว่าให้สร้างพระพุทธรูปองค์นี้เพื่อเชิดชูพระศาสนาให้รุ่งเรือง พระเจ้าแผ่นดินที่มีอานุภาพมากถึงสามารถไปตีเมืองยะไข่ได้ เช่นพระเจ้าอนุรุทธหาราช ได้ทรงพยายามเชิญพระมหามุนีเอามาเป็นศรีแก่พระนคร แต่ก็ไม่จะเอาพระมหามุนี ไปจากเมืองยะไข่ได้เลย .. จากคุณ : kinaree - [ 19 ก.ย. 47 23:13:26 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ..จนถึงพ.ศ.2325 พระเจ้าปดุงแห่งราชวงศ์ อลองพระ ได้ส่งกำลังเข้าตีเมืองยะไข่ได้  ตรัสสั่งให้มหาอุปราชผู้เป็นแม่ทัพอัญเชิญพพระมหามุนีมาเมืองพม่าให้ได้ เพื่อให้ปรากฏเกียรติยศว่ามีอานุภาพ  โดยเลาะรอยต่อออกเป็นสามท่อน นำลงเรือมาขึ้นท่า แล้วเดินบกบรรทุกตะเฆ่ลากต่อมา จนถึงแม่น้ำอิระวดี ล่องมาตามลำน้ำจนถึงเมืองอมราปุระ .. แล้วจัดขบวนแห่แหนมายังเมืองมัณฑะเลย์ ค่ะ แก้ไขเมื่อ 20 ก.ย. 47 06:54:59 จากคุณ : kinaree - [ 19 ก.ย. 47 23:17:06 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ..ทุกๆวันในเวลา 04.00 น. พุทธศาสนิกชนชาวพม่าจะเดินทางไปยังวัดพระมหามุนี พร้อมด้วยดอกไม้หอม เครื่องสักการะบูชา เพื่อเข้าร่วม พิธีล้างพระพักตร์พระมหามุนี ซึ่งทำกันในเวลาเช้าตรู่ของทุกวันมิเคยขาด.. แก้ไขเมื่อ 20 ก.ย. 47 06:54:37 จากคุณ : kinaree - [ 19 ก.ย. 47 23:25:56 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ...เมื่อเดินทางไปถึงวัด ในเวลา 03.30 น ภาพที่เห็นเมื่อเราลงจากรถ ภาพแรกที่เห็น คือพระ เณร ยืนเข้าแถวรอรับบาตร จากฆราวาส และนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปสักการะ และถ่ายทำพิธีการล้างพระพักตร์ จำนวนมาก จากคุณ : kinaree - [ 19 ก.ย. 47 23:33:27 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ..สงสารเณรน้อย ๆ ที่ต้องตื่นแต่เช้าตรู่ มารอญาติโยมใส่บาตรกันทุกวัน.. จากคุณ : kinaree - [ 19 ก.ย. 47 23:35:54 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ..อาหารที่ชาวบ้านนำมาจำหน่ายให้แก่พุทธศาสนิกชน จัดวางสีสันฉูดฉาดตา อยู่บริเวณด้านทางเดินเข้าไปสู่ห้องโถงพิธีกรรม.. จากคุณ : kinaree - [ 19 ก.ย. 47 23:40:02 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ..ระหว่างทางเดินจะมีผู้นำเครื่องสักการะและดอกไม้หอมมาจำหน่าย รวมไปถึงเครื่องเขิน ไม้แกะสล้ก เสื้อผ้า ของที่ระลึกนานา ทั้งท่อนไม้ทานากะ มีทั้งที่เป็นร้านคูหาใหญ่  ที่เป็นแผงลอย ยาวไปเกือบสุดห้องโถงพิธีกรรม แก้ไขเมื่อ 20 ก.ย. 47 07:03:05 จากคุณ : kinaree - [ 19 ก.ย. 47 23:44:26 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ..เราต้องเดินไปสุดทางข้างหน้าที่เห็นแสงไฟลิบๆส่วนนั้น ซึ่งเป็นบริเวณโถงให้ชาวพุทธมารวมตัวในพิธี.. ที่เห็นจาำกภาพเป็นเวลาประมาณตี 3 เศษๆนะคะ ง่วงทั้งคนขายและคนไปทำงานนี้ค่ะ แบบตื่นมาก็วิ่งขึ้นรถเลย จากคุณ : kinaree - [ 19 ก.ย. 47 23:50:39 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ..ถึงจะต้องตื่นมาแต่ยังไม่ย่ำรุ่ง แต่สาวเจ้า ก็ยังไม่ลืมปะแป้งTanaka ค่ะ.. จากคุณ : kinaree - [ 19 ก.ย. 47 23:54:26 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ..ที่เห็นกองสีขาว คือดอกมะลิค่ะ ภาพอยู่ ข้างล่างนะคะ... แก้ไขเมื่อ 20 ก.ย. 47 00:00:33 จากคุณ : kinaree - [ 19 ก.ย. 47 23:58:09 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ..ที่เห็นกองสีขาว คือดอกมะลิค่ะจากกระจาด ของสาวมะขิ่น ข้างบน จากคุณ : kinaree - [ 20 ก.ย. 47 00:02:44 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ..เมื่อฝ่าสาวมะละแหม่ง ขายเครื่องหอมออกมา เดินตรงผ่านซุ้มนี้ไป จะเห็นว่าคนที่นี่ ตื่นเช้า มาวัดทำบุญกันมากมาย.. แก้ไขเมื่อ 20 ก.ย. 47 00:08:05 จากคุณ : kinaree - [ 20 ก.ย. 47 00:06:40 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ..เิดินยังไม่ถึง ก็ต้องพบกับภาพนี้ค่ะ.. โอโอ้..เดินไปไม่ได้แล้วค่ะ พุทธศาสนิกชนพม่า ขยันตื่นมาทำบุญกันแน่นขนัดไปหมด.. จากคุณ : kinaree - [ 20 ก.ย. 47 00:11:43 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ..ภาพข้างบนเข้าไม่ถึงองค์พระ เพราะไม่มีที่จะยืนเลยค่ะ การทำงานต้องยกกล้องขึ้นสูงสุดแขนอย่างเดียว.. จากคุณ : kinaree - [ 20 ก.ย. 47 00:16:10 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ..ขยับตัวไปทางไหน ก็เห็นแต่ผู้เคร่งครัดศรัทธาเลื่อมใส ต่างพากันเดินทางมาจับจองพื้นที่ เพื่อร่วมพิธีเต็มไปหมด เห็นแล้วขนลุกเลยค่ะ รู้สึกเกรงใจเจ้าของประเทศที่เราทั้งเดิน ทั้งวิ่ง หาช่องแทรกตัว เข้าไปให้ถึงองค์พระ จากคุณ : kinaree - [ 20 ก.ย. 47 00:21:17 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ..ภายในวิหารจะกั้นเขตให้ผู้ชายได้เข้าไปเขตด้านหน้าอย่างใกล้ชิด ส่วนผู้หญิงต้องอยู่เพียงด้านนอกห่างๆห้ามเข้าไป มีผู้คนนั่งสวดมนต์ นับลูกประคำ นั่งสมาธิรอบนอก เต็มไปหมด.. จากคุณ : kinaree - [ 20 ก.ย. 47 00:25:56 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ..เห็นแล้วน่าเลื่อมใสประทับใจยิ่งนัก จากคุณ : kinaree - [ 20 ก.ย. 47 00:30:08 ]

ความคิดเห็นที่ 19 การทำพิธีล้างพระพักตร์ ในเวลาเช้่าตรู่ 4 นาฬิกา ของทุกๆวัน จะมีพระผู้ใหญ่สูงสุดที่ได้รับการคัดเลือกจากคณะสงฆ์ เป็นพระผู้ปฏิบ้ติดีปฏิบัติชอบในวินัยและกิจของสงฆ์สมบูรณ์มายาวนาน พระที่ได้รับให้เป็นผู้ปฏิบัติการล้างพระพักตร์ ก่อนถึงเวลาทำพิธีจะมีีคณะสงฆ์มาขอศีล และมีเจ้าหน้าที่มาชำระร่างกายและ เช็ดเท้าให้ก่อนขึ้นไปสู่พระแท่นพระมหามุนี.. จากคุณ : kinaree - [ 20 ก.ย. 47 00:42:27 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ... จากคุณ : kinaree - [ 20 ก.ย. 47 00:45:12 ]

ความคิดเห็นที่ 21 .. คณะสงฆ์ มาเฝ้ารอและขอศีล จากคุณ : kinaree - [ 20 ก.ย. 47 00:55:17 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ในขณะทำพิธี เสียงบทสวดจะกึกก้องกระหึ่มชาวพม่าต่างยกมือ และหลับตาสวดมนต์ขอพรไปยังพระมหามุนี   การล้างพระพักตร์ จะใช้ผ้าผืนเล็กสีเหลืองชุบเครื่องหอมเช็ดไปยังบริเวณพระพักตร์และ แปรงฟัน แก้ไขเมื่อ 20 ก.ย. 47 01:03:33 จากคุณ : kinaree - [ 20 ก.ย. 47 01:03:00 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ผ้าที่ใช้ในการล้างพระพักตร์ จะอบอวลด้วยเครื่องปรุงหอมกรุ่นซึ่งคล้ายน้ำอบไทยเราค่ะใช้ผืนเล็กๆลูบไล้ไปตามพระพักตร์เหมือนล้างหน้าจนเปียกจากนั้น ใช้ผ้าแห้งที่เหมือนกันลูบเช็ดพระพักตร์อีกครั้งจนแห้ง  ต่อมาจึงใช้ผ้าผืนใหญ่เช็ดไปตามส่วนต่างๆของร่างกาย ทำซ้ำไปมาเมื่อครบพิธีทางศาสนา เสียงบทสวดมนต์ที่กระหึ่มกึกก้อง ก็สิ้นลง.. ส่วนผ้าทุกผืนที่ใช้การทำพิธี พร้อมน้ำพระพุทธมนต์ของทุก ๆ วัน จะนำมาแจกจ่ายให้แก่พุทธศาสนิกชนนำไปใช้้ล้างหน้า และนำผ้าผืนน้อยไปบูชาเพื่อเป็นสิริมงคล.. ใครได้ผ้าเปียกมาก ถือว่ามีบุญมากตามไปด้วยค่ะ.. มาเพิ่มเติมเรื่องให้ค่ะ เมื่อคืนดึกมากแล้วเลยตกๆหล่นๆหลายที่ จึงขออภัยมาด้วยนะคะ...นะคะ.. แก้ไขเมื่อ 20 ก.ย. 47 07:21:49 แก้ไขเมื่อ 20 ก.ย. 47 07:17:41 จากคุณ : kinaree - [ 20 ก.ย. 47 01:05:49 ]

ความคิดเห็นที่ 24 หลังจากเสร็จพิธี ผู้ชายจะได้รับอนุญาติให้ขึ้นไปปิดทองได้.. จากคุณ : kinaree - [ 20 ก.ย. 47 01:07:54 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ทองคำเปลวพม่าจะตีเนื้อทองหนา และมีสีสุกสกาวเปล่งปลั่ง มองเห็นความเป็นทองวาววับได้แต่ไกล จากคุณ : kinaree - [ 20 ก.ย. 47 01:11:38 ]

ความคิดเห็นที่ 26 มาแอบตามเที่ยวเมืองพม่าค่ะ ลงชื่อไว้ก่อนแต่ง่วงนอนจังเลย ไว้พรุ่งนี้มาชมต่อนะคะพี่กินรี จากคุณ : เหยี่ยวสาว - [ 20 ก.ย. 47 01:56:54 ]

ความคิดเห็นที่ 27 สวยมากเลยค่ะ มีไอเดียว่าอยากไปเที่ยวพม่าบ้างเหมือนกัน ต้องขอวีซ่าด้วยไหมคะ แล้วไม่ทราบว่าสถานฑูตพม่าอยู่ที่ไหนคะ ถ้าไม่ลำบากเกินไปรบกวนขอข้อมูลบ้างได้ไหมคะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ จากคุณ : sasinee - [ 20 ก.ย. 47 02:07:50 ]

ความคิดเห็นที่ 28 สวยมากค่ะพี่ จากคุณ : SFO-CNX - [ 20 ก.ย. 47 02:34:39 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ไม่ค่อยว่างเท่าไหร่ แต่มาทำหน้าที่ปั่นกระทู้ค่ะ จากคุณ : Pl@too - [ 20 ก.ย. 47 03:23:10 ]

ความคิดเห็นที่ 30 สาวพม่าปะแป้งกันถ้วนหน้าเลยเน้อ เค้าปะกันทำไมอ่ะค่ะ เป็นธรรมเนียม หรือว่า เพื่อความสวยงาม คะ จากคุณ : May Cordery - [ 20 ก.ย. 47 04:54:07 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ช่วยคุณกินรีตอบคุณเมย์เรื่องแป้งทานาคา (Tanaka) ค่ะ ทานาคาเป็นชื่อต้นไม้อัศจรรย์อันลือชื่อของพม่าค่ะ สาวพม่าจะเอาไว้ทาผิวทุกส่วน แต่จะเน้นที่ใบหน้าเป็นพิเศษ เวลาใช้นะคะ เขาจะเอาท่อนไม้ทานาคาฝนกับแท่งหินผสมน้ำนิดหน่อยแล้วทาผิวค่ะ แต่สมัยนี้มีแบบที่ป่นไว้แล้วขายทั่วไป ทานาคาเป็นสมุนไพรประทินผิวช่วยให้หน้าขาวนุ่ม และป้องกันสิวฝ้าด้วยค่ะ เวลาไปทางเหนือพี่ก็ชอบซื้อมาทานะ มันเย็นดี คุณกินรีคะ คนพม่านี่ช่างศรัทธาในพระพุทธศาสนาจริงๆนะคะ ตื่นมาทำบุญกันตั้งแต่หัวดึก พระมหามุนีก็ช่างงามจริง สวยมากๆเลยค่ะ ในโบสถ์ก็อลังการงานสร้างมาก ทุกอย่างประดับด้วยทองระยับไปหมดเลย สวยค่ะ จากคุณ : หมูแดงจ้ะ - [ 20 ก.ย. 47 06:20:05 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ลืมเอารูปทานาคามาให้น้องเมย์ดู หน้าตาเป็นแบบนี้แหละค่ะ จากคุณ : หมูแดงจ้ะ - [ 20 ก.ย. 47 06:21:48 ]

ความคิดเห็นที่ 33 รูปสวย แถมบันทึกรายละเอียดงานพิธี ชอบจังค่ะ จากคุณ : ปุกปุย (นีร์นาริน) - [ 20 ก.ย. 47 10:22:30 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ทึ่งทีมงานค่ะ คนเยอะขนาดนั้นยังสามารถ่ายรูปออกมาได้เนี้ยบแบบนี้ นับถือค่ะ แล้วก็ทึ่งคนพม่าที่ศรัทธามากขนาดตื่นมาตื่นสามเพื่อมาร่วมพิธีตีสี่ได้มากมายขนาดนี้นะคะ วัดกับองค์พระสวยงามมากเลยค่ะ จากคุณ : pixp - [ 20 ก.ย. 47 11:22:51 ]

ความคิดเห็นที่ 35 รูปถ่ายสวยมาก ๆ ค่ะ คิดว่าถ้ามีโอกาสอยากไปเที่ยวแล้วซิคะ แต่อยากรู้อีกอย่างแล้วค่ะว่า ทำไมหญิงพม่าต้องปะแป้งหน้าขาววอกเลยคะ (อยากรู้จริง ๆค่ะ)เพราะเห็นเยอะมากค่ะในรูปถ่าย อิอิ จากคุณ : PoomPim..TMB - [ 20 ก.ย. 47 12:59:46 ]

ความคิดเห็นที่ 36 "คุณกินรีคะ คนพม่านี่ช่างศรัทธาในพระพุทธศาสนาจริงๆนะคะ ตื่นมาทำบุญกันตั้งแต่หัวดึก พระมหามุนีก็ช่างงามจริง สวยมากๆเลยค่ะ ในโบสถ์ก็อลังการงานสร้างมาก ทุกอย่างประดับด้วยทองระยับไปหมดเลย สวยค่ะ " --ขอลอกคุณหมูแดง ด้วย-- ขอกราบพระงาม ๆ ด้วยค่ะ รูปและคำบรรยายเหนือคำบรรยายเลยจริง ๆ จากคุณ : น้านก (Aunti-นก) - [ 20 ก.ย. 47 13:16:42 ]

ความคิดเห็นที่ 37 คุณ sasinee ค่ะ ที่พม่าต้องขอวีซ่าค่ะ เคบไปมาเกือบปีครึ่งแล้ว ไม่รู้ตอนนี้เปลี่ยนรึยังนะคะ ส่วนสถานฑูตพม่าอยู่ถนนสาทรค่ะ แต่ซอยอะไรคงต้องรอผู้รู้จริงๆแหละคะ ลืมไปแล้ว แหะ แหะ จากคุณ : foreverfriends - [ 20 ก.ย. 47 13:33:11 ]

ความคิดเห็นที่ 38 น้องปุ๋มถามเหมือนเมย์เลย ไปอ่าน คคห 31 ของพี่หมูแดงสิคะ จากคุณ : pixp - [ 20 ก.ย. 47 13:50:01 ]

ความคิดเห็นที่ 39 สาธุ และขอบคุณค่ะ จากคุณ : pop (sivalee) - [ 20 ก.ย. 47 14:31:03 ]

ความคิดเห็นที่ 40 โอ๊ หน้าแตก ขอบคุณพี่ทรายค่ะ ในที่สุดเราก็ได้คำตอบจากพี่หมูแดงแล้ว อิอิ ว่าแต่มันได้ผลจริงๆ เหรอค่ะ อยากสวยบ้างาค่ะ อิอิ ทำยังงัยหน้าถึงขาว สงสัยต้องกลับไปซื้อแป้งซะแล้ว จากคุณ : PoomPim..TMB - [ 20 ก.ย. 47 14:35:33 ]

ความคิดเห็นที่ 41 คุณกินรีบรรยายจนดิฉันรู้สึกเหมือนได้นั่งร่วมอยู่ในพิธีเหมือนเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา คนแน่นจริงๆ พอนั่งไปขยับโยกย้ายไม่ได้เลย เสียงสวดกระหึ่มไปทั่วบริเวณ เราผู้หญิงได้แต่ชะเง้อมองอยู่ไกลๆว่าเขาทำพิธีอย่างไรกัน ดีหน่อยที่เพื่อนผู้ชายที่เป้นพม่าเข้าไปใกล้ๆได้ เลยได้ผ้าผืนเล็กๆและภาพของพระมหามุณีเคลือบพลาสติคมาฝากไว้บูชา ไม่ทราบว่าคุณกินรีได้เดินไปดูสิงห์ที่พม่าขนเอาไปจากอยุธยาตอนสงครามเสียกรุงครั้งที่สองไหมคะ ดูเหมือนเขาจะเก็บไว้บริเวณพิพิธภัณฑ์ของวัด เป็นสิงห์สำริดศิลปะเขมร (คล้ายกับสิงห์ที่เราเห็นในวัดพระแก้ว) เห็นแล้วก็ปลงอยู่ในใจ เพราะมีเกร็ดว่าสิงห์เหล่านั้นไทยก็ขนมาจากเขมรตอนไปตีเมืองเขาแตก แล้วเราก็โดนพม่าทำอย่างเดียวกันกับเราตอนเสียกรุงฯครั้งที่สอง มันเหมือนขโมยแล้วก็โดนขมายต่อ นี่แหละกงกรรมกงเกวียนจริงๆ ขอบคุณสำหรับภาพอันงดงามและความรู้สำหรับทริปนี้ อยากรอไปกราบพระเจดีย์ไจ้ทีโยกับคุณกินรีอีก ถ้ามีเวลาช่วยกรุณาเอารูปมาลงอีกนะคะ จะรอค่ะ จากคุณ : ชบาบาน - [ 21 ก.ย. 47 16:11:02 ]

ความคิดเห็นที่ 42 พอดีมีรูปเคลือบพลาสติคที่ได้มาจากพิธี เป็นรูปเล็กๆสามารถพกติดกระเป๋าสตางค์ได้ เลยได้ติดตัวมาที่นี่ด้วย เป้นภาพสแกนไม่งามเท่าที่คุณกินรึถ่ายมา แต่อยากเอามแจมให้เห็นว่าของที่ระลึกจากวัดหน้าตาเป็นยังไง จากคุณ : ชบาบาน - [ 21 ก.ย. 47 16:31:46 ]

ความคิดเห็นที่ 43 อีกภาพเป็นด้านหลัง คิดว่าคงเป็นบทสวดบูชาพระมหามุณีเป็นภาษาพม่า เสียดายที่อ่านไม่ออกเลยไม่ได้สวดสักที จากคุณ : ชบาบาน - [ 21 ก.ย. 47 16:33:47 ]

ความคิดเห็นที่ 44 : ถึงคุณชบาบาน.. ดิฉันได้น้ำพระพุทธมนต์ และได้ผ้าขนหนูสีเหลืองผืนเล็กๆ มา 5 ผืนค่ะในวันนั้นและมีถุงพลาสติกใสเล็ก ซีนปิดสนิทภายในบรรจุองค์พระมหามุนีย่อจิ๋ว และมีบทสวดภาษาพม่าคล้ายของคุณข้างบน ซึ่งก็อ่านไม่ออกเหมือนกันค่ะ.. คนที่นำมาให้ เป็นเจ้าหน้าที่ของวัดคงเห็นดิฉันก้มๆเงยๆกับงาน และวิ่งเข้าวิ่งออกหลบผู้คนเพื่อมุดไปเ็ก็บภาพ ทั้งชะเง้อชะแง้ เขย่งจนสุดแขน เนื่องจากกล้องที่ตั้งทำงานของทีมงานถูกชนล้มค่ะ จากคนที่เบียดกันเข้ามา และเรารอไม่ได้จึงต้องใช้วิธีกระจายกันไปเก็บภาพ ส่วนน้ำพุทธมนต์เราไม่ได้เอากลับมาเพราะเขาใส่ถุงพลาสติกมาให้เราต้องไปต่อที่อื่นอีกหลายวัน เสร็จงานจากมัณฑะเลย์ วันรุ่งเราบินต่อไปเมืองเฮโฮ แล้วจับเรือมุ่งเข้าสู่อินเลเลค ไปถ่ายทำการทอผ้าจากใยบัว /วัดปองดอร์อูที่เก็บเจดีย์เก่าแก่สวยแบบสุดๆ /ไปดูพระบัวเข็ม สวนลอยน้ำ และวันต่อไปบินกลับไปย่า่งกุ้ง และจับรถขึ้นไปพระธาตุไจ้ทีโย อยู่บนพระธาตุ 3 วันค่ะรอเก็บงานที่ตรงกับเทศกาลบนพระธาตุ แล้วจึงย้อนกลับมา เพื่อเก็บรายละเอียดเล็กๆอื่นๆ เช่น สะพานอูเบง วัดกุโสดอ วัดใจ้ปุ้น และพระนอนต่าง ๆ พระราชวังมัณฑเลย์ งานเครื่องเขิน แกะสลัก ฯลฯ  สุดท้ายไปจบที่วังบุเรงนอง ที่สวยแบบตะลึงด้วยสีทองอร่ามเรืองรองทั้งพระราชวัง ...คุณชบาบานคงนึกภาพตามไปออกนะคะ 1 มุมของพระธาตุไจ้ทีโย้ ยามค่ำคืนค่ะ.. แก้ไขเมื่อ 21 ก.ย. 47 23:15:33 จากคุณ : kinaree - [ 21 ก.ย. 47 23:10:24 ]

ความคิดเห็นที่ 45 .. " ไม่ทราบว่าคุณกินรีได้เดินไปดูสิงห์ที่พม่าขนเอาไปจากอยุธยาตอนสงครามเสียกรุงครั้งที่สองไหมคะ " ได้ดูค่ะ..รูปหล่อสำริดแบบขอมจากนครวัด มี 6 รูป เป็นรูปพระอิศวรหรือทวารบาล 2 รูป ช้างเอราวัณมี 3 เศียร 1 รูป และรูปสิงห์อีก 3 รูป หัวสิงห์นั้นช่างพม่าได้หล่อขึ้นมาใหม่ของเดิมนั้นเสียหายหมด ..รูปสำริดทั้งหมดมีที่มา.... จากคุณ : kinaree - [ 21 ก.ย. 47 23:24:33 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ..รูปสำริดทั้งหมดมีที่มาซับซ้อน จากประวัติกล่าวว่า สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 (เจ้าสามพระยา)ไปตีเมืองนครธมได้ ในปี  พ.ศ.1966 แล้วขนรูปหล่อสำริดเหล่านี้มาไว้ที่กรุงศรีอยุธยา  ต่อมาพระเจ้าหงสาวดีบุเรงนอง ตีกรุงศรีได้สำเร็จ ขนรูปสำริดหล่อเหล่านี้กลับไปยังหงสาวดีในปี พ.ศ.2112  ครั้นถึงพ.ศ. 2142 สมเด็จพระนเรศวรมหาราช เสด็จไป ตีเมืองหงสาวดีได้ พระะจ้ายะไข่จึงเผาเมืองหงสาวดีเสีย ก่อนที่สมเด็จพระนเรศวรจะเสด็จไปถึง พวกยะไข่ได้เก็บเอารูปสำริดไปยังเมืองยะไข่  เพื่อเอาไป เป็นเครื่องพุทธบูชาไว้ในวัดพระมหามุนี   พ.ศ.2327 พระเจ้าปดุงตีเมืองยะไข่ได้ ให้อัญเชิญพระมหามุนี มายังเมืองอมราปุระ และได้ขนรูปหล่อสำริดเหล่านี้มาด้วย เพื่อตั้งเป็นเครื่องพุทธบูชา แต่เดิมนั้นรูปสำริดมีทั้งหมด 30 รูป เืมื่อครั้งบุเรงนองเอาไปจากไทย แต่แตกหักสูญหายไประหว่างการขนย้ายหลายหน   ชาวพม่าเชื่อกันว่ารูปปั้นพระอิศวร 2 รูปนั้นศักดิ์สิทธิ์ มีฤทธิ์อำนาจบำบัดโรคเกี่ยวกับท้องได้ จึงนิยมมาขัดถูบริเวณหน้าท้องของรูปหล่อแล้วอธิษฐานขอให้หายจากเจ็บไข้ จนรูปหล่อสึกกร่อน เป้นมันเงาวาว เห็นได้ถนัดตา...ภาพข้างบน นะคะ แก้ไขเมื่อ 21 ก.ย. 47 23:47:07 แก้ไขเมื่อ 21 ก.ย. 47 23:41:46 จากคุณ : kinaree - [ 21 ก.ย. 47 23:39:13 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ข้อนี้ตอบ คุณ sasinee ค่ะ สถานทูต Myanmarอยู่ีที่ 132 North Sathorn Rd. Tel : 0-2234-4789,0-2233-2237 Apply From : 8.30-12.00 Hrs. ใช้หนังสือรับรองเงินเดือน Application Form, รูป 2" 4 ใบ ค่าวีซ่าประมาณ 810 บาท ใช้เวลา 2 วันทำการค่ะ.. จากคุณ : kinaree - [ 21 ก.ย. 47 23:56:29 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ขอบคุณ คุณหมูแดงที่ช่วยตอบคุณเมย์เรื่องแป้งทานาคา (Tanaka) ค่ะ ปัจจุบันเขาทำบรรจุเป็นแบบกระปุกค่ะ ไม่ต้องมานั่งฝน มี 3 กลิ่น แพคเกจสวยงาม 1 กล่องมี 4 กระปุกราคาเพียง 1000 จ๊าดเท่านั้น เลยช่วยซื้อมาหลายแพ็ค ทาแล้วหน้านิ่มนวลสวยใสจริงๆ ที่ชอบคือมีกลิ่นที่หอมมากๆ มีรูปให้ดูแต่ไม่มีเวลาย่อภาพค่ะ.. แม่บ้านทุกท่านข้างบน ที่แวะมาคุยมาแจม ขอบคุณมากนะคะ../กินรี จากคุณ : kinaree - [ 22 ก.ย. 47 00:13:35 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ขอบคุณคุณกินนรีมากๆที่นำ ภาพและเรื่องราวมาให้เราได้เห็นค่ะ อ่า อย่าไปคิดว่าเขามาเอาของเราไปเลยนะคะ เห็นคนชอบพูดกันเรื่องเอาทองอยุธยาไปสร้าง ชะเวดากอง เพราะสมัยก่อน เวลาใครทำสงครามชนะ ก็จะยึดทรัพย์ ผู้คนไปเป้นธรรมเนียมปฏิบัติ เหมือนที่เราไปเอาพระแก้วมรกต มาจากเวียงจันทน์ หรือ รูปสำริดที่เราเองไปยึดจากเขมรมาก่อนค่ะ แต่ศรัทธาที่ชาวบะม่าร์ และวิถีชีวิต ในวัฒนธรรมของตนเองนั้น งดงาม จริงใจ และ เรียบง่ายค่ะ คนพม่านั้นจิตใจดีมากๆเลยค่ะ จากคุณ : ตาลสด - [ 11 ต.ค. 47 09:53:06 ]