ความคิดเห็นที่ 1 ถ้าดูจากเว็บไซต์ทั้งสองนี้ จะเน้นว่าไม่ให้นมและผลิตภัณฑ์จากนมค่ะ เพราะแคลเซียมจะไปลดการดูดซึมฟลูออไรด์ถึง 70 % http://health.discovery.com/encyclopedias/reference/drug.jsp?drug=8171 http://www.med.umich.edu/1libr/pa/pa_toothdec_hhg.htm ลองอ่านดูรายละเอียดนะคะ แล้วก็แนะนำว่าให้ให้ตอนท้องว่าง เพื่อประสิทธิภาพในการดูดซึมฟลูออไรด์นั่นเอง ส่วนน้ำผลไม้หรืออาหารอื่นนั้น ถ้าในหนังสือเขียนว่าไม่ควรให้นั้น ก็คงจะด้วยเหตุผลเดียวกันคือการลดการดูดซึม ถ้าไม่อย่างนั้นเท่าที่ทราบ ก็จะให้ระวังเรื่องแคลเซียมที่จะลดการดูดซึมค่ะ ลองดูที่ข้างกล่องยาดีไหมคะ ว่าเขาเขียนว่าอะไรบ้าง เพราะไม่ทราบว่า preparation ของฟลูออไรด์นั้น อาจจะมีสารบางตัวที่ทำปฎิกิริยาต่อฟลูออไรด์ได้หรือไม่ แก้ไขเมื่อ 24 ก.ย. 47 00:50:38 จากคุณ : พธูไทย - [ 24 ก.ย. 47 00:49:39 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เมื่อครั้งที่ลูกเล็กๆ ไม่เคยคิดให้ฟลูออไรล์เเกเลยค่ะ เพราะคิดว่ายาสีฟันของเด็กก็มีฟลูออไรล์อยู่เเล้ว บ้านไหนใช้น้ำประปา มันก็มีฟลูออไรล์ปนอยู่เหมือนกัน เเต่ครั้งนึงเคยคุยกับหมอฟันถึงเรื่องทั่วๆไป เเล้วหมอเเกพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา เเกบอกว่าเเกไม่เเนะนำค่ะ เพราะเมื่อถึงเวลาที่ฟันน้ำนมของเด็กจะมีฟันเเท้ขึ้นมาเเทน จะเป็นปัญหาได้ เพราะฟันน้ำนมมันจะเเข็งเเรงจนไม่ยอมหลุดง่ายๆ อะไรทำนองนั้นน่ะค่ะ ตอนนั้นก็ไม่ค่อยได้สนใจจะฟัง เเล้วเวลาที่ฟันเเท้มันจะขึ้น เเต่ฟันน้ำนมยังไม่ยอมถอนรากออกจากเหงือกของเด็กนี่เป็นเรื่องที่น่าสังเวจมากๆเลยค่ะ เด็กบางคนขนาดถึงกับต้องไปให้หมอถอนฟันน้ำนมออกก็มี ที่ไม่เคยคิดจะให้ฟลูออไรล์ลูก ก็ยิ่งไม่คิดจะให้เข้าไปใหญ่เมื่อรู้อย่างนั้น จากคุณ : กุลธิดา (kdunagin) - [ 24 ก.ย. 47 00:52:34 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เหมือนพี่ไก่ จากคุณ : T_UK_KY&LIJO - [ 24 ก.ย. 47 01:37:31 A:139.55.16.31 X: TicketID:049537 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ลอกพี่ไก่อีกคน จากคุณ : บอสตัน - [ 24 ก.ย. 47 02:49:40 ]

ความคิดเห็นที่ 5 คิดว่าคุณวนิดาไม่ได้ไปซื้อฟลูออไรด์มาเองใช่ไหมคะ จากที่อ่านคิดว่า หมอเป็นผู้สั่งให้ ปกติแล้วกรณีที่หมอจะจ่ายฟลูออไรด์แบบทาง systemic นั้น ต้องพิจารณาปริมาณฟลูออไรด์ในน้ำดื่มของเขตที่พักอยู่แล้ว ถ้าเป็นในประเทศไทย ก็จะมีตารางบอกว่าน้ำในแต่ละเขตมีฟลูออไรด์เท่าไรๆ เช่นภาคเหนือของไทยนั้น มีฟลูออไรด์เยอะขนาดที่ว่าทำให้เกิดฟลูออโรซิส หรือฟันตกกระไปเลย อย่างนี้ก็ไม่ดี คือฟลูออไรด์เยอะเกินก็ทำให้ฟันอ่อนแอ อันนี้ก็ต้องระวังสำหรับกรณีที่เด็กได้รับฟลูออไรด์ในน้ำดื่มอยู่แล้ว แล้วได้รับจาก supplement อีก http://www.elib-online.com/doctors46/dent_fluoride001.html http://www.elib-online.com/doctors/dental_fluoride.html เมื่อปีที่แล้วตอนกลับเมืองไทยมีโอกาสคุยกับหมอฟันแผนกทันตกรรมชุมชนเรื่องฟลูออไรด์กับทันตกรรมป้องกัน เขาก็เล่าอย่างน่าสนใจว่า จริงอยู่ที่ว่ามีฟลูออไรด์อยู่แล้วในน้ำประปา แต่สมัยนี้คนไทยซื้อน้ำขวดดื่มกัน อันนี้ก็ต้องมาดูว่าในน้ำขวดที่ใช้ดื่มนั้นมีฟลูออไรด์ปริมาณเท่าใด ก็ต้องให้ในปริมาณที่เหมาะสม อย่างที่ฝรั่งเศสที่อยู่นี้ ปกติก็จะดื่มน้ำก๊อกได้ ในน้ำดื่มก็จะมีอยู่ฟลูออไรด์อยู่แล้ว และถ้าให้ทาง systemic นั้นก็เพื่อหวังผลสำหรับฟันแท้ต่อไปค่ะ สำหรับฟันน้ำนมทั้งหมดนั้นถูกสร้างไว้หมด เตรียมตัวขึ้นสู่ช่องปากกันแล้วค่ะ คือยังไม่ได้คลอดออกมา หน่อฟันก็พร้อมอยู่ใต้เหงือกแล้วค่ะ ส่วนเรื่องการให้ฟลูออไรด์แล้วมีส่วนทำให้ฟันน้ำนมไม่หลุดนั้น ยังไม่เคยอ่านพบนะคะ แต่ทราบว่าฟันน้ำนมจะหลุดนั้นมันเป็น physiologic resorption ซึ่งตามปกติฟันแท้จะดันให้รากฟันน้ำนมค่อยละลายไป (ถ้าดูจากภาพเอ็กซเรย์จะเห็น) แต่ก็มีในรายที่ผิดปกติที่รากฟันน้ำนมไม่ละลาย นอกจากนี้บางรายเด็กมีอุบัติเหตุล้ม แล้วไปกระทบกระเทือนต่อสภาวะการละลายได้เช่นกัน บางรายเกิดการเชื่อมกันของผิวรากฟันและกระดูกเบ้าฟัน อย่างนี้ฟันแท้ข้างล่างก็ดันขึ้นมาไม่ได้ อย่างนี้จะเคยเจอบ่อยค่ะ ย้อนกลับมาที่เรื่องฟลูออไรด์ ขอแนะนำว่าถึงจะมีการได้รับอย่างพอเพียงแล้วก็ตาม ก็ต้องทำความสะอาดฟันอย่างดีด้วยเช่นกันค่ะ เอาเว็บไซต์ 2 ไซต์นี้มาฝากค่ะ มีหลายหัวข้อเกี่ยวกับสุขภาพช่องปาก อยู่ที่ท้ายๆ ของหน้าเว็บเลยค่ะ http://www.weeklybaby.com/index.htm#teeth แล้วก็อันนี้เกี่ยวกับเรื่องทั่วๆ ไปของสุขภาพช่องปากเช่นกัน http://www.elib-online.com/doctors/dental.html ลองอ่านๆ ดู เห็นมีหัวข้อหนึ่งเกี่ยวกับการใส่ฟลูออไรด์ในนมด้วย ก็ยังงงว่ามันค่อนข้างขัดกับที่เคยทราบว่าแคลเซียมกับฟลูออไรด์มันเกาะกันได้ แปลกดีเหมือนกัน จากคุณ : พธูไทย - [ 24 ก.ย. 47 03:39:11 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ขอบคุณทุกๆท่านที่กรุณาเข้ามาแสดงความคิดเห็น รวมทั้งให้เวปไซต์ด้วยค่ะ คือตอนนี้อยู่เมกาค่ะ และหมู่บ้านที่อยู่ไม่ได้ใช้น้ำประปาค่ะ แต่ใช้น้ำบาดาลจากบ่อหลังบ้าน ปริมาณฟูออไรล์ที่ได้รับไม่เพียงพอ คุณหมอจึงให้ใบสั่งมาไปซื้อที่ร้านค่ะ ได้ยินคุณหมอบอกว่า ตอนนี้เขาจะให้ฟูลออไรล์กับเด็กจนถึงอายุ 13 ขวบค่ะ และมีเสริมวิตามินดีด้วย พอดีลูกไม่ชอบฟูลออไรล์ที่ผสมวิตามินดี เลยไปซื้อเฉพาะฟูลออไรล์ต่างหาก ก็เลยจำสับสนกัน ยังงัยก็ขอบคุณคุณแม่บ้านทุกๆท่านอีกทีนะค่ะ จากคุณ : วนิดา - [ 24 ก.ย. 47 04:22:41 A:69.140.204.236 X: TicketID:069073 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เข้ามาเล่าประสบการณ์ตัวเองค่ะ ดิฉันไม่เคยมีปัญหาเรื่องฟันผุ ปวดฟันหรือต้องจัดฟันเลย ฟันเรียงเป็นระเบียบเรียบร้อย ก็คงจะต้องยกประโยชน์ให้กับครูที่โรงเรียน เพราะตอนเด็กๆ พูดมากในห้องเรียน ครูจับอมฟลูออไรด์ทุกวันเลยค่ะ แต่จะมีปัญหาบ้างตอนถอนฟันกรามซี่ในสุด เพราะหมอดึงฟันไม่ออกค่ะ หมอบ่นว่าแน่นเหมือนฟันช้าง ดึงกันเป็นชั่วโมง ต้องตัดฟันเลยแหละ เสียวไส้ จากคุณ : mrs.night owl - [ 24 ก.ย. 47 07:57:06 ]

ความคิดเห็นที่ 8 สวัสดีค่ะ พอดีเรียนมาด้านนี้เลยอยากแบ่งปัน เรื่องฟลูออไรด์ในเด็ก จะให้สองแบบคือให้รับประทานกับให้เฉพาะที่ จุดประสงค์ในการให้จะต่างกัน การรับประทาน จะให้เพื่อการสร้างหน่อฟันแท้ ทำให้ฟันแท้แข็งแรง ขนาดของฟลูออไรด์ที่ให้จะขึ้นกับอายุ แล้วต้องดูอาหารและน้ำที่ดื่มด้วย ดังนั้นไม่ควรที่จะซื้อรับประทานเองเป็นอันขาด เพราะถ้าให้เยอะไปจะเป็นอันตรายกว่าไม่ให้ด้วยซ้ำไปค่ะ ถ้าได้รับเยอะไป ฟันแท้จะมีลักษณะขาวขุ่นแล้วเปราะเรียกว่า ฟลูโอโรซิส พวกผักบางชนิดเช่นกุ้ยช่าย หรือชา ก็จะมีฟลูออไรด์สูงเหมือนกัน ส่วนเรื่องให้กับนมหรือไม่นั้นขึ้นกับชนิดของฟลูออไรด์ค่ะ แล้วแต่บริษัท ไม่ควรให้เด็กหยิบกินเองนะคะ การให้ฟลูออไรด์เฉพาะที่ จะมีพวกยาบ้วนปากผสมฟลูออไรด์ ในกรณีนี้ควรให้ในเด็กที่พูดรู้เรื่องแล้ว ไม่กลืนลงไป ให้อมหลังแปรงฟันให้สะอาด ดีที่สุดคือก่อนนอน อมแล้วห้ามดื่มหรือกินอะไรอีกอย่างน้อยครึ่งชม. ซึ่งเหมือนกับการไปเคลือบฟลูออไรด์กับทันตแพทย์ ในกรณีนั้นเจลที่เคลือบจะเข้มข้นมากกว่า จุดประสงค์ในการให้ฟลูออไรด์เฉพาะที่ก็ให้เพื่อฟันที่ขึ้นมาแล้วแข็งแรง จุดบางจุดที่มี Decalcified ฟลูออไรด์จะช่วยได้ แต่ไม่ใช่ฟันผุ แล้วอมไม่ให้ผุนะคะ อย่างที่หลายคนข้างบนกล่าวถึงค่ะ จะรับประทาน จะอม หรืออะไร ถ้าแปรงฟันไม่สะอาด มันไม่ได้ช่วยอะไรเลยค่ะ จากคุณ : Janosch - [ 26 ก.ย. 47 21:19:12 ]